คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : X-Secret : X - ตาสัปปะรด
X-Secret
: X – ตาสัปปะรด
รถสีแดงเงาวับเลี้ยวเข้าสู่ลานจอดด้านหน้าของคลับแอนด์เรสเตอร์รองด้วยความเร็วพอสมควร
เจ้าของรถส่องกระจกเพื่อสำรวจความเรียบร้อยอีกครั้งเพื่อความมั่นใจเพราะสัญญากับแฟร์รี่ว่าจะไถ่โทษเรื่องที่มาเล่นดนตรีแทนเพื่อนแล้วไม่บอกเมื่อรอบก่อนจึงหาข้ออ้างมาทำงานให้ฟรีๆ
ในคืนนี้
ร่างสูงของชินยะก้าวตรงสู่ประตูร้านอย่างอารมณ์ดีวันนี้เขาสวมกางเกงเข้ารูปสีดำสนิทพร้อมด้วยสูทสีเดียวกันทับเสื้อกล้ามสีขาวจุดหมายของเขาอยู่ที่บาร์เครื่องดื่ม
“วันนี้ผมรับกลับบ้านตามสัญญานะ”
เสียงทุ้มคุ้นหูทำให้คนที่กำลังก้มหน้าก้มตาเช็ดแก้วเงยหน้าขึ้นมองทันที
“ชินยะ...”
“กลัวแฟร์จะโกรธที่มารอรับเลยมาเล่นดนตรีแทนเพื่อนอีกรอบ
แฟร์จะได้ไม่ว่า” ร่างสูงบอกยิ้มๆ
พลางขยับแว่นกรอบสีดำบนใบหน้าอย่างเริ่มรู้สึกเขินที่ถูกบาร์เทนเดอร์รุ่นพี่อีกคนจ้องราวกับล้อเลียน
“ไม่น่าลำบาก”
“แต่ผมอยากมา” ชายหนุ่มเอ่ยขัด รู้สึกไม่ชอบใจนักที่แฟร์รี่ดูไม่ค่อยใส่ใจเขาเช่นแต่ก่อนที่มักจะมีรอยยิ้มให้เสมอ
“ตามใจ”
แฟร์รี่วางแก้วใบเดิมและหยิบใบใหม่มาเช็ด
ตอนนี้เธอไม่ได้โกรธ...ไม่ได้น้อยใจอะไรทั้งนั้นเพราะเรื่องมันก็ผ่านมาสักพักแล้ว
แต่เพราะกำลังครุ่นคิดเรื่องของตัวเองอยู่ต่างหาก
หนึ่งคืนชินยะต้องเล่นดนตรีถึงสองรอบๆ
ละหนึ่งชั่วโมงสลับกับดีเจซึ่งโดยปกติเวลามาที่นี่เขามักไม่ค่อยเข้าใกล้บริเวณบาร์เครื่องดื่มบ่อยนักเพราะเกรงจะรบกวนการทำงานของแฟร์รี่ที่แวะเวียนมาเอาใจใส่แต่พอเธอเงียบๆ
ไปก็เป็นเขาเองที่พาตัวเองมายึดพื้นที่นั่งตรงกลางบาร์แทน
สิ่งที่ชินยะไม่ชอบคือ...
ถูกลดความสำคัญ
ทว่า... พอจบรอบสุดท้ายรอยยิ้มสดใสที่เคยได้รับก็กลับมาแถมยังไม่วายเลื่อนแล้วน้ำหวานส่งให้ตรงหน้าพร้อมด้วยการค้อมตัวลงวางศอกบนเคาน์เตอร์เพื่อเท้าคางมองเขาตาแป๋วทั้งที่ยังมีลูกค้านั่งจิบเครื่องดื่มอยู่ใกล้ๆ
แม้ว่าจะบางตาลงแล้วก็ตาม
ฝ่ามือหนาของบาร์เทนเดอร์หลักสะบัดลงบนศีรษะของแฟร์รี่ด้วยแรงไม่มากนักแต่ก็ทำให้ผมหน้าม้ากระจาย
“อู้งาน!”
ตามด้วยการค่อนขอดด้วยน้ำเสียงเจือความหมั่นไส้
“ขี้แกล้งตลอดอ้ะ...” เธอบ่นหน้ายู่ โดยมีชินยะเอื้อมมือข้ามมาจัดผมให้ทั้งที่ยังถือแก้วเครื่องดื่มและหัวเราะเบาๆ
“ทะเล้นอยู่ได้นะเรา...”
“....”
คำพูดของชินยะทำคนได้ยินร้อนไปทั้งหน้า
เพราะมันเหมือนกับว่าคนแสนอบอุ่นเช่นเขากำลังเอ็นดูคนรักอย่างไรอย่างนั้น
ซึ่งวินาทีนี้แฟร์รี่ขอเวลาฟินก่อนเถอะ...
ทั้งยังอยากหยุดเวลาแบบนี้ไว้นานๆ เสียจริง!
ความเครียดที่ก่อให้เกิดความเฉยชาก่อนหน้าหายวับไปกับตาอย่างไม่มีหลงเหลือเมื่อเจ้าตัวเปลี่ยนโหมดอารมณ์ดีขนาดนี้แล้ว
ชินยะออกไปด้านนอกก่อนจะกลับเข้ามานั่งเล่นรอเวลาแฟร์รี่เลิกงานซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมง
โทรศัพท์ที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงสั่นเบาๆ
ส่งสัญญาณให้รู้ว่ามีข้อความเข้า ร่างเพรียวนิ่วหน้าอย่างแปลกใจเพราะไม่ใช่เวลาปกติที่จะมีใครอยากติดต่อเธอ
สัญลักษณ์อีโมติคอน ... หาว... หัวเราะ และ หลับ แสดงขึ้นที่หน้าจอแต่เมื่อเห็นว่าถูกส่งจากใครก็มองตาเขียวตามด้วยรัวอีโมติคอนค้อนทุบหัวกลับไป...
ชินยะยกหลังมือขึ้นปิดปากเพราะกลั้นขำทั้งที่ยังก้มหน้ามองหน้าจอเช่นเดิมไม่ยอมเงยขึ้นสบตาราวกับไม่รับรู้สิ่งที่เธอสื่อ
“กวนประสาท!”
หญิงสาวบ่นงึมงำ
เธอรู้ว่าเขาแกล้งป่วนแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ช่วงเวลานอนในเช้าอันแสนสดใสถูกพังครืนด้วยแรงสั่นสะเทือนราวห้าจุดเจ็ดริกเตอร์จากเครื่องมือสื่อสารประจำตัวที่วางไว้ข้างหมอน
ดวงตาเรียวสวยพยายามปรือขึ้นอย่างจำใจพลางปัดป่ายมือสะเปะสะปะหาต้นตอสิ่งรบกวนเพราะมิอาจทนต่อไปได้
แต่เจ้าโทรศัพท์เครื่องนั้นกลับต้องย้ายที่อยู่ไปมุดใต้หมอนของแฟร์รี่แถมยังพลิกใบหน้าหนีเมื่อเห็นชื่อสายเรียกเข้า
Crazy Boss....
ไม่ต้องเดาให้ยากก็รู้ได้ทันที...
จะมีใครเหมาะกับฉายานามนี้ไปกว่า... หวังแจ็คสัน
แฟร์รี่เพิ่งเปลี่ยนชื่อของเขาใหม่หลังจากเจ้าตัวสร้างความโกลาหลให้กับเธอมาเกือบทั้งอาทิตย์
... คนอย่างเขา
ถ้าไม่บ้า...
... ก็บ้ามาก!
พลิกไปพลิกมาอยู่สองสามทีก็สุดจะทนจึงต้องควานหาเจ้าสิ่งที่เธอเพิ่งยัดมันเข้าไปและกดรับสาย
แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเสียงซึ่งดังเกินกว่าแปดสิบห้าเดซิเบลอันเป็นระดับเสียงที่องค์การอนามัยโลกระบุว่าสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจมนุษย์
เธองึมงำขอให้เขาทวนประโยคอีกครั้งอย่างจับใจความไม่ได้แม้จะสะเทือนเลื่อนลั่นขนาดนั้น...
คนหนึ่งก็เสียงดังและพูดไม่ชัดนัก ส่วนอีกคนก็ยังสะลึมสะลือจนฟังไม่ถนัด
แต่เมื่อมีการย้ำ...
คราวนี้ได้ยินชัดถ้อยชัดคำราวมานั่งพูดตรงหน้า ทว่าสิ่งที่เขาเอ่ยนั้นทำเอาแฟร์รี่ตาสว่าง
จนเปลือกตาบางลืมขึ้นในฉับพลัน
“เธอนอกใจฉัน!”
“บะ... บ้า...!”
แต่เดี๋ยวนะ...
นอกใจ? … ตอนไหนกันเล่า!
ร่างเพรียวในชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินเข้มและเสื้อกล้ามสีขาวหอบแฮ่กอยู่หน้าคาเฟ่ของโรงแรมเครือ W Group วันนี้เธอเกล้ามวยสูงแต่เพราะความรีบร้อนจึงทำให้มันดูยุ่งเล็กน้อยซึ่งต้องเสียเวลาจัดให้เข้าที่อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพาสังขารอันโรยแรงแถมยังตื่นไม่เต็มตาดีไปหาเจ้านายแสนบ้าระห่ำของตน
"กว่าจะมาได้นะยัยนักต้มตุ๋น..." แค่ประโยคทักทายก็เริ่มได้ไม่น่าฟังเสียแล้ว
"อยู่ไกลนะคุณ แล้วเช้าขนาดนี้รถติดจะตาย" แฟร์รี่เอ่ยขัด แม้ชะตากรรมตัวเองจะไม่ค่อยดีนักแต่อดไม่ได้ที่จะตอบโต้
แววตาคมของแจ็คสันมองกวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าอย่างรู้สึกแปลกตา หากเขาไม่เคยพบเธอมาก่อนคงคิดว่าเป็นเด็กมัธยมปลายที่ไหนสักแห่งแน่ๆ
"กระชากวัยเหรอ... ชุดนี้เนี่ย" ปลายนิ้วชี้วาดขึ้นลงพร้อมสีหน้าปุเลี่ยนจนคนถูกค่อนขอดอยากจะกระโจนไปตะกุยหน้าให้สักทีสองที
"คุณมีอะไรกับชุดฉันล่ะ... คนอื่นชมว่าน่ารัก มีแต่คุณเท่านั้นแหละที่มีปัญหา หรือสายตาของคุณจะขาดประสิทธิภาพกันนะ" แฟร์รี่เอ่ยราวกับปลงพลางขยับตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาและทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"เธอช่างถนัดในการทำให้ฉันปวดประสาทเสียจริง ผู้หญิงคนอื่นไม่เห็นเหมือนเธอเลย" แจ็คสันบ่น
"ก็ฉันไม่ใช่..."
"พอ! ฉันไม่ว่างมาเถียงกับยัยป้าย้อนวัยอย่างเธอ เข้าเรื่องเลยละกัน ... เธอน่ะทำฉันเสียหน้ามากรู้ตัวไว้เลย เพื่อนฉันเห็นเธอกับไอ้แว่นหน้าจืดสวีทกันทั้งที่ตอนนี้ เธอ... เป็นแฟนฉันอยู่!"
"หมายถึง ชินยะน่ะเหรอ?"
"ฉันไม่อยากรู้ชื่อหมอนั่นหรอก แต่มันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยถ้าการคบกันของเธอกับฉันมันปกติไม่ใช่เป็นการคบด้วยข้อตกลงในสัญญา ฉะนั้น... การกระทำแบบนี้มันสร้างความเสียหายมาก"
แจ็คสันโยนโทรศัพท์ให้เธอดูรูปที่ถูกถ่ายได้อย่างไม่ปรานีปราศัย มือบางค่อยๆ หยิบมาดูอย่างระวังเพราะตอนนี้คล้ายมีรังสีพิฆาตลอยอยู่รอบตัวเจ้าของเครื่องราวกับว่าหากเอ่ยผิดแม้แต่คำเดียวสภาพศพอาจไม่สวยนัก
กว่าสิบรูปถูกเลื่อนกลับไปกลับมาพร้อมกับใบหน้าอันจืดเจื่อนของแฟร์รี่ ทั้งรูปที่เธอเกยคางบนบ่าของชินยะตอนเลือกซื้อของ รูปที่จับมือกันและโอบไหล่ ซึ่งดูใกล้ชิดจนยากจะปฏิเสธว่าเป็นเพียงแค่เพื่อนธรรมดา
"ก็แค่ไปเที่ยวแล้วคนก็เยอะ" เธอแก้ต่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
"ถ้ารูปพวกนี้ออกสื่อไป เธอจะอยู่เป็นสุขได้เหรอ? อาจจะโดนคุ้ยจนยับ หรือถูกโจมตีจากคนที่สนใจเรื่องนี้ แล้วสิ่งที่ฉันตั้งใจทำมันก็จะล้มเหลวไม่เป็นท่า"
แจ็คสันยอมรับว่าเพิ่มคำขู่ในประโยคไปอีกเจ็ดสิบเปอร์เซนต์ ความจริงอาจไม่ร้ายแรงขนาดนั้นแต่คนฉลาดอย่างเจบีจะระแวงได้ในทันทีว่าถูกหลอกเพราะเป็นเพื่อนกันมานานทำไมจะไม่รู้ว่าหากแจ็คสันคบกับใครสักคน... เขาจะหวงคนคนนั้นมากขนาดไหน
อีกทั้งมีแต่แฟร์รี่เท่านั้นที่ไม่ได้จ้องจะจับเขาซึ่งนั่นคือเหตุผลหลักที่เลือกเธอมาอยู่ในแผนการสร้างความเชื่อใจระหว่างเพื่อนครั้งนี้
"แล้วให้ทำไงเล่า..."
"อย่าให้มีเรื่องแบบนี้อีก! ถ้ามีล่ะก็... ฉันจะตัดเงินเดือนเธอให้เกลี้ยงเลย!
และนั่นก็เป็นประโยคสุดท้ายในการสนทนาจากนั้นเขาก็ลุกไปทันทีทิ้งให้คนฟังอ้าปากค้างกับคำว่า... 'ตัดเงินเดือน'อยู่ตรงนั้น
ทุกวันหลังเลิกงานแจ็คสันจะโทรเช็คตลอดจนแฟร์รี่แทบขยับตัวไปไหนไม่ได้ราวกับเด็กที่ถูกควบคุมความประพฤติอย่างไรอย่างนั้น แม้จะอึดอัดไปบ้างแต่มันก็เป็นดังภาวะจำยอม สุดท้าย... ผ่านไปไม่เท่าไหร่ระเบิดนามว่าแจ็คสันก็ลั่นตูมอีกรอบ
"7 วัน 3 เรื่อง! ที่เตือนไปไม่เคยเข้าหูเลยใช่ไหม? ตัดเงินเดือนเดือนนี้ห้าพันบาท!" แจ็คสันรัวเป็นชุดอย่างหงุดหงิด ช่วงนี้เขาเถียงกับเธอเรื่องเดิมแทบทุกสามวันเพราะยัยตัวแสบเป็นนักแหกกฎตัวยงแถมครั้งนี้มีรูปส่งมาให้ในไลน์เป็นครั้งที่สองอีกด้วย
"คุณอย่าตัดเลยนะ พลีส~ ... ฉันขอโทษ ฉันแค่ทำงาน โอเคนะ นะ นะ นะ น้า~ " แฟร์รี่พนมมือขึ้นใต้คางพร้อมทำตาละห้อยน่าสงสารแต่สำหรับแจ็คสันภาพที่เห็นมันน่าหมั่นไส้มากทีเดียว
"เธอรับงานฉันแล้วแต่ผิดสัญญาเองนี่"
"ฉันต้องใช้เงินเยอะ ค่าเทอมงี้ ค่ากินงี้ ไหนจะค่าห้องอีกล่ะ"
"ห้องรูหนูนั่น.. สามหมื่นไม่พอ?"
"เหลือก็ดีกว่าขาดไม่ใช่เหรอ? น่า... อนุโลมยกโทษให้จำเลยนะคะ... คุณแจ็คสันสุดหล่อ" กว่าจะหลุดประโยคท้ายออกมาได้แฟร์รี่กลั้นใจจนแทบจะกัดลิ้นตัวเองขาด
"เอางี้... เพิ่มให้เดือนละห้าพัน แต่ถ้ายังรับงานบ้านั่น! นอกเหนือจากงานที่คาเฟ่กับที่คลับ แล้วมีเรื่องมาเข้าหูอยู่ละก็ ฉันจะตัดเงินเดือนเธอหนึ่งหมื่นบาทแทน!"
แฟร์รี่พยักหน้าหงึกหงักเมื่อได้ยินข้อเสนอที่ดีก้อนจะย้ายตัวเองกลับมานั่งที่โซฟาข้างแจ็คสันทันทีโดยที่เขาได้แต่เพียงส่ายศีรษะเบาๆ อย่างระอาใจกับทักษะการเปลี่ยนผิดเป็นถูกของเธอ
ทว่า... ไม่ทันไร โทรศัพท์ของแฟร์รี่ที่วางบนโต๊ะกระจกก็สั่นครืน
'เราเห็นคุณแล้ว'
ข้อความที่ปรากฎทำเอาเจ้าของคิ้วขมวดพลางหันมองรอบๆ
'11 นาฬิกา'
ข้อความเข้าเป็นหนที่สองซึ่งเธอก็รีบมองไปตามทิศที่บอก
"นายคิมหันต์!... ทำไมอยู่ที่นี่ล่ะ บ้าไปแล้ว"
คนถูกเอ่ยชื่อคล้ายจะอ่านปากออกจึงยักคิ้วยิ้มกวนมาให้ แต่แฟร์รี่นี่สิถึงกับทำอะไรไม่ถูก
"พูดไม่ทันขาดคำเลยนะ หึ!" แจ็คสันก็ตาไวพอที่จะสังเกตเห็นความผิดปกตินั้น
"คุณห่วงตัวเองเถอะ"
แฟร์รี่เอ่ยขึ้นเมื่ออีกด้านเจบีและกอหญ้ากำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทางสวีทหวานจนคนที่เพิ่งมองออกอาการสะท้อนใจ
"ไหวนะคุณ จะไปทักพวกเขาไหม?"
"แน่นอน ฉันทำมาขนาดนี้ถ้าปล่อยโอกาสไปก็เสียเวลาเปล่าน่ะสิ"
"แล้วฉัน.."
"นั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนี้... อย่าไปซนตรงผู้ชายคนนั้น ห้ามเด็ดขาด! นี่คือคำสั่ง"
แฟร์รี่ยู่ปากอย่างขัดใจ อันที่จริงเธอตั้งใจจะไปหาคิมหันต์เพื่อถามสิ่งที่สงสัยให้รู้แล้วรู้รอด พอเจอคำสั่งของแจ็คสันจึงเป็นอันต้องหยุดความคิดไว้อย่างฉับพลันเพราะหากยังดื้อไม่เชื่อมีหวังเงินของเธอคงหายวับไปจริงๆ
หวังแจ็คสันยังเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อแม้ว่าท่อนขาแข็งแรงก้าวอย่างมั่นคงพร้อมด้วยใบหน้าอันสดใสแต่ทว่าหัวใจกลับเจ็บหนึบ และนั่นเป็นสิ่งที่ตอกย้ำว่าเขายังไม่อาจล้างความรู้สึกของตัวเองได้สำเร็จ
"ไง...! บังเอิญจริงๆ ที่เจอ" คนถูกทักหันตามแรงสัมผัสก่อนส่งสีหน้าแปลกใจมาให้
"อ้าว... มึงมาได้ไง?"
"กูจะกลับอยู่แล้ว มึงน่ะเพิ่งมา ... ใจตรงกันดี" ประโยคท้ายแจ็คสันเบนสายตาไปที่หญิงสาวอีกคนในโต๊ะ ซึ่งเธอเองก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน
เห็นเช่นนี้แจ็คสันก็พอจะเดาออกว่าคนที่อยากมาคงเป็นกอหญ้า เธอไม่ชอบที่มีคนพลุกพล่าน ทั้งสถานที่นั้นต้องดนตรีดี อาหารอร่อย และมักจะหายากจนน่าหงุดหงิด ... เขาจำได้ว่าเธอเคยบอกว่ามันสนุกดีเวลาไม่มีใครหาเจอแถมตัวเองก็อาจจะหลงด้วยซ้ำ คาดว่าเธอคงรบเร้าอยู่นานกว่าเจบีจะยอมมา
"เฮ้ย! แจ็ค... แจ็ค... แจ็คสัน!"
"หะ... ห๊ะ?" เจ้าของชื่อหน้าเหรอหรา
"เหม่ออะไรวะ?"
"ปะ ... เปล่า กูแค่คิดอะไรเพลินไปหน่อย" แจ็คสันปฏิเสธ... ก็จะให้บอกหรือว่ากำลังรำลึกความหลังอยู่
บอกก็โง่เกินไปละ
"ถ้าให้แนะนำ... มึงควรกลับโต๊ะด่วน"
"ทำไม?"
"คือ... แฟนมึงกำลังจะถูกจีบจากผู้ชายหน้าตาดี"
คำอธิบายของเจบีทำให้แจ็คสันต้องเหลียวกลับไปมองด้วยความสงสัย และก็ได้เห็นเจ้าของใบหน้ากวนโอ๊ยยืนอยู่ที่โต๊ะของเขา
อะไรทำให้ใจกล้าขนาดนั้น... รู้ทั้งรู้ว่าผู้หญิงมากับผู้ชาย ยังคิดไม่ได้งั้นหรือ?
ปึ้ก..!
แก้วเหล้าในมือถูกวางแรงๆ ลงบนโต๊ะก่อนจะขยับตัวกลับไปที่โต๊ะ จับจ้องอากัปกิริยาทั้งคู่ไม่วางตา
"เฮ้..! ทำอะไรน่ะ?" น้ำเสียงกวนๆ เอ่ยขึ้นทันทีที่มาถึง
"อ้อ... สวัสดีครับ ผมเป็นเพื่อนที่โรงเรียนของแฟร์รี่" คนถูกทักตอบยิ้มๆ
"โรงเรียน?" บางทีแจ็คสันก็คิดว่าตัวเองฟังผิด
"หมายถึงเรียนด้วยกันน่ะค่ะ เราบังเอิญเจอกัน" เสียงหวานแทรกบทสนทนาเพราะเกรงว่าความลับจะแตกเสียก่อนหากยังปล่อยให้คิมหันต์พูดอยู่ฝ่ายเดียว
คิ้วเรียวเลิกสูงราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยินเพราะเมื่อครู่เพื่อนร่วมชั้นยังมึนตึงกับเขาอยู่แท้ๆ
"แล้วคุณ?"
"แจ็คสัน หวังแจ็คสัน!"
"ผม... คิมหันต์ครับ คุณคงไม่ว่าที่ผมมาทัก... เพื่อน"
"แน่นอน" เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย ทั้งที่เริ่มหงุดหงิดกับแววตาแฝงความเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้านั่นตงิดๆ
สุดท้ายแฟร์รี่ก็ลากแจ็คสันกลับจนได้เมื่อรังสีอึมครึมเริ่มแผ่ซ่านระหว่างผู้ชายสองคนมากขึ้นทุกที ซึ่งหากช้ากว่านี้เธอมีลางสังหรณ์ว่า... หายนะจะบังเกิด
ดูก็รู้ว่าไม่ถูกชะตากันแต่วางฟอร์มนิ่งข่มอยู่
แฟร์รี่อยากจะบ้าตายรอบที่แปดแสน!
แฟร์รี่ทิ้งตัวแผ่ลงฟูกที่นอนหนาอันไร้ความนิ่มอย่างรู้สึกล้ากับการรับมือสถานการณ์ล่อแหลมเพราะผู้ชายเอาแต่ใจเช่นแจ็คสันและคิมหันต์ผู้เป็นเพื่อนร่วมชั้นที่ชอบทำตัวมีลับลมคมนัยอยู่เสมอ
มือเรียวพรมนิ้วกดตัวเลขสิบหลักหาคนที่มักเป็นที่พึงให้อุ่นใจแต่คราวนี้ต้องผิดหวังเมื่อไม่มีสัญญาณตอบรับจากปลายสาย
ปิดเครื่อง?... แล้วทำไมชินยะถึงปิดเครื่องล่ะ
'ก็อาจ... แบตหมดก็ได้นี่นา' เธอยังคิดในแง่ดี เวลาดึกขนาดนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้
ท่อนแขนบางขยับมาเกยหน้าผากเพราะนอนไม่หลับ ใจหนึ่งก็อยากโทรหาใครอีกคน... คนที่เป็นผู้ปกครองและเป็นคนที่เตะโด่งเธอออกมาให้พ้นความเสี่ยง แต่อีกใจก็ไม่กล้า...
"อาคะ... เมื่อไหร่มันจะจบ? แฟร์เหนื่อยแล้วนะ"
อีกด้านของค่ำคืนเดียวกันแจ็คสันก็กำลังนอนนิ่งมองเพดานห้องและยกแขนก่ายหน้าผากเช่นกัน ลมหายใจหนักๆ ระบายออกมาอย่างต้องการระงับจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่านกว่าเดิม
เขารู้สึกเศร้าลึกๆ กับรักเก่าทว่ากลับมีภาพแทรกของผู้ชายหน้าตากวนประสาทที่เพิ่งพบมาให้หงุดหงิดเป็นระยะจนเขาเองชักสงสัยว่าหมอนั่นเป็นใครถึงโผล่มารบกวนความสงบของสมองเขาได้ขนาดนี้
แม้ในความคิดหนึ่งในส่วนเล็กน้อยจะบอกว่าเกี่ยวข้องกับแฟร์รี่มากกว่าที่เห็น แต่ก็ไม่เข้าใจตัวเอง... เขาจะเอาเรื่องของเธอมาเป็นกังวลทำไม
วันอาทิตย์เป็นวันหยุดของคนทั่วไปทว่ายกเว้นแจ็คสัน เพราะนอกจากนาฬิกาที่แผดเสียงท้าทายคนหลับลั่นห้องยังมีเสียงกริ่งหน้าประตูรัวในจังหวะสามช่าเพิ่มเติมเป็นออพชั่นเสริม
มือหนาตวัดผ้าห่มออกด้วยความหงุดหงิดอย่างยอมแพ้แต่ไม่วายปัดนาฬิกาหัวเตียงแรงๆ เพื่อระบายอารมณ์จนเสียงที่เคยรบกวนเงียบลงแถมนอนแอ้งแม้งตายสนิทแบบมิอาจเดินได้อีกอยู่มุมห้อง
แจ็คสันสวมกางเกงนอนขายาวตัวเดียวโดยท่อนบนเปลือยเปล่าขยับตัวพาหัวยุ่งราวกับรังนกมาเปิดประตูทั้งที่ยังไม่ลืมตา ทว่าเมื่อเห็นตัวการก็ถอนหายใจเฮือก
"ไง! ไอ้ลูกชาย ไอ้รองประธาน ไอ้ผู้จัดการ ไอ้นอนกินบ้านกินเมือง" ประธานหวังทักลูกชายตัวดีโดยมีแจ็คสันเดินหนีอย่างไม่อยากฟังคำเทศนา
"ป๊ามีอะไรกับผมรึเปล่า? ถ้าไม่มีนอนก่อนได้ไหม?" แจ็คสันหันมาถามหลังจากเปิดตู้เย็นและดื่มน้ำไปอึกใหญ่
"แกลืม?"
"เรื่อง?"
"คิดว่าอะไรทำให้ฉันต้องมาปลุกแกถึงที่นี่ล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะแม่แกมาไทยวันนี้ และอีกสองชั่วโมงเครื่องจะแลนดิ้ง"
พรวด!
หายนะแล้วไง...
แจ็คสันที่กำลังยกน้ำดื่มสำลักขึ้นมาทันที ร่างหนาหันขวับไปหาบิดาอย่างเพิ่งนึกออก ... นี่มันวาระแห่งชาติเลยชัดๆ!
มาดามน่ะโหดจะตาย... แล้วหากรู้ว่าแจ็คสันเอาแต่นอนจนไปรับไม่ทันมีหวังโดนดึงหูขาดแน่ๆ
"โดนมาดามเหลียนเล่นงานแน่แก! หึหึ!"
ประธานหวังเยาะลูกชาย แต่คนลูกหาได้สนใจไม่แถมวิ่งโกยแน่บเข้าห้องน้ำแบบไม่เหลียวหลังเรียบร้อยสกุลหวังไปนานแล้ว
ผมสีน้ำตาลเข้มที่ถูกปล่อยตามธรรมชาติทำให้ใบหน้าหล่อดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ อันที่จริงแจ็คสันไม่มีเวลาเหลือพอที่จะเซตมันให้เป็นทรงต่างหาก แว่นตากันแดดสีชาแบรนด์หรูบนใบหน้าส่งให้เขายิ่งเป็นจุดเด่น เขาเพิ่งมาถึงสนามบินเมื่อไม่กี่นาทีก่อนซึ่งทันเวลาหวุดหวิดเนื่องจากแวะเอารถไปล้างแบบลวกๆ ที่คาร์แคร์กันมาดามด่าข้อหาเปลี่ยนรถเป็นถังขยะ
ก็มีเพียงแม่เขาเท่านั้นแหละที่บ่น.... คนอื่นไม่เห็นจะสนใจเรื่องแบบนี้เลย
ชายหนุ่มชะเง้อชะแง้ที่ประตูผู้โดยสารขาเข้าประเทศเมื่อเห็นว่ามีกลุ่มคนเริ่มทยอยออกมาประปรายก่อนจะเห็นผู้หญิงมีอายุพอประมาณแต่สวยเด่นกลางผู้คน เส้นผมสีดำประกายม่วงยิ่งทำให้น่ามองรวมถึงการแต่งตัวที่เนี้ยบทุกกระเบียดในชุดสูทสีขาวและกางเกงเข้ารูปสีเดียวกันตรงมาทางที่เขายืนอยู่พร้อมกับผู้ชายหน้าตาไร้อารมณ์อีกสองคนที่เป็นทั้งเลขาและบอดี้การ์ด
"สวัสดีครับม๊า... คิดถึงจัง" แจ็คสันเอ่ยหลังผละจากอ้อมกอดของมาดามเหลียนผู้เป็นมารดา
"ปากหวานนักนะ" มาดามตีแก้มลูกชายเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
ทั้งหมดตรงไปที่ลานจอดรถโดยแบ่งเป็นสองคันคือเลขาไปพร้อมรถของโรงแรม แต่มาดามเหลียนจะเดินทางเป็นการส่วนตัวกับแจ็คสัน
โชคดีที่เป็นช่วงเวลารถไม่มากนักจึงทำให้คนเป็นมารดาบ่นน้อยหน่อยแถมไม่ว่างพอที่จะพิจารณาเรื่องจุกจิกอย่างที่กังวล
"เดี๋ยวเราแวะภัตตาคารที่ม๊าอยากทานก่อนแล้วค่อยไปหาป๊านะฮะ วันนี้รายนั้นประชุมยาวเลย" แจ็คสันบอกโปรแกรมแก่มารดา
"เอาสิ" มาดามรับคำ ก่อนจะเรียกชื่อลูกชายราวกับเพิ่งนึกอะไรได้ "นี่เจียเอ๋อ..."
"ฮะ...?" แจ็คสันขานรับอย่างอัตโนมัติโดยที่ตายังคงมองถนนเบื้องหน้า
"เด็กผู้หญิงที่ชื่อแฟร์รี่นี่... ลูกรู้จักไหม หืม?"
100%
หายไปนานยังไม่พอ...ติดงานจนกระดิกตัวไม่ได้อีกต่างหาก
ขอโทษจริงๆ นะคะ เดี๋ยวกลับไทยเมื่อไหร่จะรีบอัพให้จบ... จบตอนนี้
ฮ่าฮ่าฮ่า...
คิดถึงคนอ่านทุกท่านและขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ
15-10-2015 อีก 2 วัน จะวันเกิดไรท์เตอร์ เดี๋ยวปั่นให้จบตอน รอแปร๊บบบบบบ
18-10-2015 100% ถัดจากวันเกิด ตามสัญญา ^_^
ความคิดเห็น