คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : X-Secret : IX – เริ่มแผนการ
X-Secret : IX – เริ่มแผนการ
“เฮ้อ...”
ร่างบนเตียงระบายลมหายใจเป็นรอบที่เจ็ดหมื่นสามพันสี่ร้อยหกสิบเก้าแล้วตั้งแต่กลับมาจากโรงแรมของแจ็คสัน ท่อนแขนบางถูกยกก่ายหน้าผากบ้างยืดตรึงค้างไว้กลางอากาศบ้างซึ่งยังคงถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ในมือ
กระดาษที่มีตัวหนังสือไม่มากนักแต่แน่นด้วยรายละเอียดปรากฏอยู่ในสายตาอย่างชัดเจนอีกทั้งในนั้นยังมีการลงลายมือชื่อและสำเนาบัตรประชาชนไว้ในแผ่นเดียวกันถึงตอนนี้คิดอยากจะเปลี่ยนใจเธอเองก็คิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร
“เฮ้อ...” สุดท้ายก็ต้องถอดถอนในออกมาอีกครั้ง อารมณ์ตอนนี้ก้ำกึ่งระหว่างคำว่าคิดผิดและคิดถูกเพียงเท่านั้น
คิดถูก... ที่รับงานที่ไม่ได้ยากเย็นอะไรแค่การแสดงละครฉากหนึ่ง
คิดผิด... ที่ละครนั้นดันถูกกำกับโดยหวังแจ็คสัน
เพราะเงินแท้ๆ จึงทำให้จิตใจอันแข็งแกร่งแน่วแน่หวั่นไหวง่ายดายนัก ทั้งยิ่งหันไปเห็นซองจดหมายสีขาวยาวที่บรรจุธนบัตรใบละพันเป็นจำนวนเงินสามหมื่นบาทเพื่อเป็นค่าจ้างล่วงหน้าเดือนแรกวางอยู่ข้างตัวยิ่งทำให้เธอเริ่มมีอาการคล้ายประสาทเสียเฉียบพลันขึ้นมา
“ฮึ้ย! แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้แฟร์!” ร่างเพรียวดีดดิ้นไปมาพร้อมกับทึ้งผมบนศีรษะตัวเองจนยุ่งไปหมด
2 ชั่วโมงก่อนหน้านี้...
“... แถมการแสดงแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องถนัดของเธออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ยัยนักต้มตุ๋น!”
ประโยคนี้เรียกสติที่เบลอไปชั่วครู่ให้กลับเข้าที่เข้าทาง มือบางปัดมือของแจ็คสันจากไหล่แล้วเบี่ยงตัวออกห่าง
“ฉันมีพ่อมีแม่นะคุณ! จะพูดจะจาอะไรช่วยระวังปากหน่อย!” หญิงสาวชักโมโห… หวังแจ็คสันใช้ยาแรงเกินไปในการโน้มน้าวจิตใจคน
“หรือไม่จริง? งานง่ายๆ งานที่ถนัด เงินดี จ่ายล่วงหน้าให้ก่อนด้วยนะ ไม่สนหรือไง?” แจ็คสันยังทำท่าทางราวกับไม่ยี่หระแต่ก็จับจุดอ่อนมาย้ำเตือนจนทำให้อีกคนเบนสายตาไปบนโต๊ะที่มีกระดาษร่างสัญญาวางอยู่
ใช่สิ!... เวลาสามเดือนกับเงินเก้าหมื่นมันไม่ใช่น้อยๆ และที่สำคัญมันสามารถช่วยให้เธอเรียนจบได้อย่างไม่ลำบากด้วยซ้ำ
ร่างเพรียวเลิกสนใจคนชอบยั่วโมโหและหันกลับไปที่โต๊ะตัวเดิมก่อนจะเลื่อนกระดาษเข้ามาใกล้แต่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เต็มพรืดไปทั้งหน้าสร้างความมึนงงจนตาพร่าไปหมด เธอสะบัดศีรษะเบาๆ สองสามทีและก้มลงอ่านทั้งหมดนั่นอีกครั้งพลางกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิดโดยมีแจ็คสันที่ลอบยิ้มมุมปากยืนมองอยู่เบื้องหลังครู่หนึ่งจากนั้นจึงเดินไปหาของกินที่โซนเตรียมอาหารและทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวใหญ่เพื่อรอดูท่าที
ข้อ 1… Contract 3 months
ข้อ 2… Earn 30,000 baht Per/month
ข้อ 3… When I call must to be come.
ช้อ 4… All the secret!
แม้รายละเอียดที่มีจะไม่มากนักทว่าด้วยภาษาต่างชาติก็ทำเอาดูดพลังงานไปได้เยอะทีเดียว หญิงสาวจับใจความแล้วก็ไม่มีอะไรที่ตุกติกเกินกว่าสิ่งที่เขาบอกเพราะมันถูกจำแนกแยกเป็นข้ออย่างชัดเจน
“แล้วคุณจะเอายังไง?”
เสียงหวานดังทำลายความเงียบขึ้นจนแจ็คสันที่นั่งจิบน้ำอัดลมหูผึ่งพร้อมกับเด้งตัวขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น
“ขอบัตรประชาชน” ร่างหนาแบมือ
“อะไร?”
“หลักฐานการทำสัญญาไง ID Card อ่ะเอามา...”
“บัตรฉัน... เอ่อ...”
หญิงสาวเอี้ยวตัวกลับไปค้นกระเป๋าสะพายอย่างเชื่องช้า แม้มั่นใจว่ามันจะเป็นความลับอย่างที่ระบุเอาไว้ทว่าภายในใจก็นึกลังเลขึ้นมาไม่ใช่อยากเปลี่ยนใจแต่เป็นเพราะบัตรประชาชนที่เธอถืออยู่ไม่ใช่ตัวจริงที่สามารถทำธุรกรรมอะไรได้เสียหน่อย หวังว่าเขาคงไม่บ้าจี้ตรวจสอบมันหรอกนะ
... ไม่เช่นนั้นได้นอนตารางข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการแน่ๆ!
บัตรที่อายุ 21 ไม่ใช่ 17 อย่างที่เป็น...
ร่างหนาหายเข้าห้องไปไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกระดาษแผ่นเดิมที่เพิ่มเติมคือสำเนาบัตรประชาชน(ปลอม)และสำเนาพาสปอร์ตของเจ้าตัวที่ถูกถ่ายแนบไว้คู่กัน หญิงสาวตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเขาเอาจริงกว่าที่เธอคิดไว้มากมายมันดูเหมือนสัญญาว่าจ้างนี้จะมีผลใช้ได้จริงทางกฎหมายและเพิ่งจะรู้อีกเรื่องคือเขาไม่ใช่เพียงลูกครึ่งที่สำเนียงแปลกแปร่งและไม่ถนัดภาษาไทยแต่เป็นชาวต่างชาติเลยต่างหาก ริมฝีปากบางถูกเม้มกัดด้วยซี่ฟันที่เรียงตัวสวยด้วยความรู้สึกเครียดเกาะหนึบในใจขนาดที่สะโพกหนาเบี่ยงขึ้นนั่งบนโต๊ะตรงหน้าก็ยังไม่แม้แต่จะสนใจ
“ชอบกัดปากแบบนี้ ไม่เจ็บหรือไง หืม...”
เสียงทุ้มที่ติดแหบนิดหน่อยเอ่ยทักพลางส่งนิ้วโป้งมาเกลี่ยคลายริมฝีปากล่างของเธอเบาๆ มือบางตวัดปัดออกอย่างรำคาญก่อนจะเปลี่ยนเป็นกัดเล็บด้วยมือข้างเดิมเรียกเสียงหัวเราะหึในลำคอจากร่างหนาด้วยนึกขัน
ก็แล้วแต่... เขายอมให้เวลาคิดอีกนิดหน่อยก็แล้วกัน...
ทันทีที่คู่สัญญาจรดปากกาลงลายมือชื่อตัวสุดท้ายเสร็จเจ้าของเรื่องก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจจากนั้นก็ล้วงเอาซองเงินที่เตรียมไว้แล้วออกมาจากกระเป๋ากางเกง
พอเซ็นต์เสร็จก็เริ่มกลับมากังวลกับสัญญาอีกครั้ง
“เงินเดือนล่วงหน้างวดแรกเป็นของเธอแล้ว”
“ฉันกลับเลยนะ”
แม้จะยินดีที่ได้เงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตแต่ความรู้สึกนั้นกลับไม่ดีอย่างที่ควรเป็นเพราะตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากราววิ่งมาราธอนมาหลายสิบกิโลมากกว่า
“ดึกแล้วนะ... ไม่หิวเหรอ?” น้ำเสียงของแจ็คสันดูเอื้ออาทรผิดกับก่อนหน้าที่เป็นคนกดดันเธอมาตลอดอยู่โข
“ไม่ค่ะ”
-----------------------------
แจ็คสันไม่อยากจะพูดเลยว่าเกลียดรอยยิ้มการค้าของแฟร์รี่มากที่สุดแล้วตอนนี้ ยิ่งเห็นเธอแจกยิ้มไปถ้วนทั่วทั้งกลุ่มเพื่อนของตัวเองด้วยแล้วยิ่งหงุดหงิดจนอดค่อนขอดไม่ได้
“ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันอยู่จะยิ้มให้คนอื่นอะไรนักหนา?”
“ก็เพราะเพื่อนคุณไงฉันถึงต้องอัธยาศัยดีไว้ก่อน” ร่างเพรียวกระซิบ
“ไม่ต้องเยอะเกินได้ไหม ฉันรู้สึกว่ามันเกินไปแล้ว” แจ็คสันยังคงบ่น
“ถ้าคุณไม่พอใจฉันไม่ยิ้มก็ได้!” พูดจบนอกจากจะชักสีหน้าใส่ยังหุบยิ้มทันทีแถมเมินหน้าหนีอีกต่างหาก
สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ต้องยอมพูดกับเธอก่อนเพราะมันก็เกินไปไหมที่เลิกสนใจกันไปเลยอีกทั้งยังนั่งนิ่งจนไม่คุยกับใครสักคนแม้ว่าโต๊ะของเขาแสนจะครึกครื้น
“เธองอนเหรอ?”
“เปล่า... ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้นด้วยหรือไง?”
“แต่นิ่งแบบนี่ก็เกินไป” แจ็คสันแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะเมื่อเธอประชดใส่
“ฉันทำตามคำสั่งคุณ... ยิ้มก็บ่นไม่ยิ้มก็บ่นฉันเอาใจไม่ถูกหรอกนะ”
ร่างเพรียวสะบัดหน้าหนีก่อนจะลุกออกไปจากโต๊ะเพื่อเข้าห้องน้ำ บางทีเธอก็ไม่ไหวจะทนกับความเรื่องมากของคนที่ชื่อว่าเป็นเจ้านายชั่วคราวแต่ทำให้ร่างหนามองตามหลังอย่างงงงวยเมื่ออยู่ดีๆ ก็หนีกันดื้อๆ
“เฮ้ แจ็คสัน ทำอะไรอีกล่ะ ดูเธอไม่พอใจเลยนะ” เจบีที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเอ่ยถามอย่างสงสัย
“งอนมั้ง ช่างเหอะ” เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ
“แฟนทั้งคน ไม่ง้อเหรอ?”
พอเพื่อนทักมาเขาก็คิดได้ว่าทำตัวไม่ใส่ใจจนผิดสังเกต ร่างหนาคว้าแก้วของตัวเองยกดื่มก่อนจะลุกเดินตามแฟร์รี่ไปอย่างคิดได้
... เขาไม่ควรละเลยความรู้สึกของแฟร์รี่
กว่าตีสามรถสปอร์ตสีดำก็มาจอดหน้าปากซอยอพาร์ทเม้นต์ของแฟร์รี่ทั้งที่ตอนแรกเธอปฏิเสธจนหัวชนฝาแต่เพราะมาร์คและเจบีคะยั้นคะยอจึงทำให้เธอต้องยอมขึ้นรถของแจ็คสันทว่าพอขอลงระหว่างทางเขากลับดื้อแพ่งจนระอา
“ขอบคุณค่ะ Goodnight” พอรถจอดปุ๊บก็บอกลาปั๊บ
“เฮ้! ง่ายงี้เลย?”
“คุณจะให้ทำอะไรล่ะ พรุ่งนี้ฉันมีเรียนตอนเช้านะ”
“What’s time?”
“หกโมงเช้า” แฟร์รี่ตอบส่งๆ
“โอเค... ฉันมารับไปส่งที่ยู”
ยูนี่คือ?... มหาวิทยาลัย?
โอ่ยตาย!
“Why!!!??” ร่างเพรียวร้องเสียงหลง นี่เธอต้องเสียเสื้อผ้ากี่ชุดหากเขามารับไปส่งที่มหาวิทยาลัยแถมต้องเสียเวลาและค่ารถเพิ่มอีกใช่ไหม? ... เปลืองเงินเพื่อใครตอบที!?
“เธอมีความลับอะไรล่ะ เพื่อนฉันจ้องจับผิดอยู่เธอก็รู้”
“แล้วทำไม?”
“พรุ่งนี้ถ่ายรูปตอนทานอาหารเช้าด้วยกัน เอาไว้โชว์เพื่อนไง”
ร่างเพรียวส่ายศีรษะเบาๆ อย่างยอมจำนน ถ้าต้องการอย่างนั้นเธอจะค้านอะไรได้ก็แค่วิ่งตาเหลือกเพื่อกลับโรงเรียนเท่านั้นเอง
... ก็รับเงินเขามาแล้วนี่นา #ร้องไห้แปบ
วันรุ่งขึ้นแฟร์รี่ถ่างตามาตั้งแต่เช้าทั้งที่เพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเพราะแจ็คสันดันมารับจริงๆ อย่างปากว่าแถมพาไปทานข้าวเช้าอีกต่างหาก เธอยกนาฬิกาดูไม่ต่ำกว่าสิบรอบโดยที่ร่างหนายังส่งอาหารเข้าปากอย่างสบายใจราวโลกทั้งโลกหมุนรอบตัวของเขา
“นี่! คุณถ่ายรูปแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่ให้ฉันไปเสียที?”
“ก็เดี๋ยวไปส่งที่ยูไง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมาก ไปหละ!”
เธอไม่รอให้เขาต่อความยาวอีก มือบางคว้ากระเป๋าของตัวเองเตรียมชิ่งทันทีซึ่งแจ็คสันก็รีบล้วงเงินออกมาจ่ายและรั้งแขนเธอไว้ได้ก่อนที่เอื้อมมือโบกแท็กซี่ที่กำลังใกล้เข้ามา
“ทำไมต้องรีบ? ความลับเยอะรึไง?” บางทีเขาเองก็ชักหงุดหงิดที่เธอเอาแต่ดื้อ
“คุณก็ความลับเยอะเหมือนกันน่ะแหละ” แฟร์รี่ย้อน พลางเชิดหน้าอย่างท้าทาย
“อ่อ... ไปหาไอ้แว่นนั่นสินะ” ร่างหนาแค่นเสียง แต่คนฟังนี่สิคิ้วขมวดแทบเป็นปม
“นี่คุณ... รู้จักชินยะเหรอ?”
“จำเป็นต้องบอก? ก็ไม่นี่”
“แล้วแต่คุณเถอะ!”
ถ้าเขาจะกวนประสาทขนาดนี้เธอเองก็ไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว ร่างเพรียวยกสองมือขึ้นผลักแจ็คสันก่อนจะเตรียมโบกแท็กซี่อีกครั้งแต่กลับถูกฉุดกระชากลากถูด้วยแรงที่มากกว่าจนลอยหวืดตามไปอย่างไม่อาจขัดขืน
ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกจากนั้นร่างของแฟร์รี่ก็ไถลเข้าไปด้วยน้ำมือของแจ็คสันที่เหวี่ยงเธออย่างไม่ปรานีปราศัย
... บางทีแฟร์รี่ก็คิดว่า เขาไปโมโหอะไรมาเนี่ย?
“นั่งดีๆ I’m your boss!”
“ห๊ะ?” อยู่ดีๆ แจ็คสันก็กลายเป็นคนบ้าอำนาจอย่างไร้เหตุผล
“หุบปาก!”
“แล้วแต่!”
เมื่อไม่อาจขัดคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายจึงทำได้แค่เหวี่ยงใส่ด้วยคำเบาๆ แม้ว่ามือจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพราะรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจคนอารมณ์แปรปรวนก็ตาม
คืนนี้เป็นคืนที่สี่แล้วที่แฟร์รี่ไม่ได้หลับได้นอนเพราะแจ็คสันด้วยเหตุผลว่าต้องทำตามแผนการแรกที่ต้องดูรักกันมากจนบรรดาเพื่อนของเขาเชื่อสนิทใจโดยเฉพาะเจบี... ร่างหนาลากเธอออกมาจากที่พักตลอดถึงขั้นไปรับหน้าอพาร์ทเม้นต์จนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกป่วยขึ้นมานิดหน่อยเพราะพักผ่อนไม่พอ
แฟร์รี่แทบหลับคาไหล่ของแจ็คสันแต่ก็พยายามฝืน สุดท้ายก็แอบงีบไปวูบหนึ่งจนได้ซึ่งดูเหมือนเขาเองก็รู้
“ง่วงนอนเหรอ?” แจ็คสันยังมีแก่ใจถาม
“ไม่ค่ะ” ร่างเพรียวปฏิเสธ
“ตัวร้อนนะ ไม่สบายรึเปล่า?”
“ปกติดีค่ะ”
แม้เป็นการสารทุกข์สุกดิบกันธรรมดาแต่กลับดูงุ้งงิ้งกันอยู่สองคนจนจูเนียร์ที่นั่งใกล้ๆ เอ่ยแซว
“วู้ๆๆๆ... มาสองคนหรือไง เกินหน้าเกินตาไปแล้ว”
“ใช่ๆ หวานจนน่าอิจฉา” เจบีเสริมทัพ วันนี้เขาไม่ได้กับกอหญ้าผู้เป็นคนรักเพราะนางแบบสาวมีงานในวันรุ่งขึ้น
“ขี้เสือก!” แจ็คสันหันมาว่าพวกตัวกวนทันทีที่แนวร่วมทั้งหลายดูสนใจเรื่องของเขาเป็นพิเศษ
แต่แล้วแฟร์รี่ก็ฝืนไม่ไหวเพราะพรุ่งนี้เป็นคืนที่เธอต้องทำงานที่คลับ ฉะนั้นหากเธอพักผ่อนไม่พอก็ไม่อาจตื่นไปโรงเรียนได้และไม่แน่ว่าจะทำงานไหว
ร่างเพรียวเอ่ยลาเพื่อนของแจ็คสันก่อนจะหันมาโบกมือให้แจ็คสันซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้ตั้งสติ
แฟร์รี่ลุกหนีเพราะต้องการกลับบ้านแต่ยังไม่ได้ขึ้นรถแท็กซี่ก็ถูกมือหนารั้งไว้เสียก่อน เธอตกใจเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นว่าคนนั้นคือนายจ้างของเธอเอง
“ขอโทษครับ ไปเลย” แจ็คสันกล่าวพร้อมส่งธนบัตรสีแดงให้กับคนขับและปิดประตู
“อะไรของคุณ? ฉันจะกลับบ้าน” บางทีแฟร์รี่ก็เริ่มหงุดหงิด
“ฉันไปส่ง”
ร่างเพรียวถูกลากให้เดินตามแล้วจับยัดใส่รถของเขาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ... ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจตลอดจนเริ่มคิดว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่...
ด้วยระยะทางจากคลับถึงอพาร์ทเม้นต์ก็ใช่ว่าจะใกล้จึงทำให้แฟร์รี่เผลอหลับไปเพราะความง่วงสะสม รถคันหรูสีดำของแจ็คสันจอดสนิทอยู่หน้าอพาร์ทเม้นต์ได้สักพักเธอก็ยังไม่ตื่นแม้ว่าเขาจะเขย่าปลุกอยู่สองสามครั้งก็ตาม
“แฟร์รี่!”
เมื่อส่งเสียงเรียกอีกครั้งเธอก็ยังไม่ตื่นร่างหนาจึงเอื้อมไปสัมผัสที่หน้าผากเพราะผิดสังเกตจึงได้รู้ว่าเธอตัวร้อนพอประมาณจึงตัดสินใจถือวิสาสะเปิดกระเป๋าถือเธอเพื่อหาคีย์การ์ดและโชคดีที่มีหมายเลขห้องระบุอยู่ด้วย
เขาอุ้มร่างเพรียวเต็มอ้อมแขนก่อนจะจัดการสแกนคีย์การ์ดเข้าตัวตึกและกดลิฟท์สู่ชั้นที่เธอพัก แม้ต่อมาต้องเสียบกุญแจอย่างลำบากเพราะอุ้มเธออยู่
ดวงตาคมมองรอบห้องพักอย่างสังเกตหลังจากวางร่างบางลงบนเตียงขนาดห้าฟุตมาตรฐาน
“ห้องเท่ารูหนู แถมไม่มีอะไรเลยอยู่เข้าไปได้ยังไง?” แจ็คสันบ่น
ด้วยในห้องมีเพียงแค่โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เตียง และชั้นวางทีวีที่ไม่มีทีวีแต่มีกล่องใสสำหรับวางจานชามไว้แทน ดีหน่อยยังมีเครื่องปรับอากาศ เขาคว้ารีโมทขึ้นมาเปิดอุณหภูมิพอเหมาะก่อนจะนั่งลงบนเตียงอีกด้าน แฟร์รี่ยามหลับไม่เหมือนนักต้มตุ๋นอย่างที่เขาเคยคิด บางทียังแอบคิดว่าเธอยังเด็กอยู่ด้วยซ้ำ
มือหนาทาบลงที่หน้าผากบางอีกครั้งจากนั้นจึงเดินหาผ้าผืนเล็กเพื่อชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าและเห็นชุดนักเรียนเสื้อสีขาวแขนยาวแขวนอยู่พร้อมกระโปรงสีน้ำเงินเข้ม
“เจวายพี?” แจ็คสันพึมพำในคอก่อนจะหันมามองร่างเพรียวบนเตียงอีกครั้ง
เขาเองไม่แน่ใจว่าชุดของใครบางทีอาจเป็นน้องสาวของแฟร์รี่เพราะในตู้ก็มีชุดนักศึกษาด้วยเช่นกัน
“อย่างน้อยก็ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชาย กับไอ้แว่นนั่นคงยังไม่มีอะไรลึกซึ้งสินะ”
กว่าชั่วโมงที่แจ็คสันคอยเช็ดหน้าให้แฟร์รี่เพราะอุณหภูมิร่างกายของเธอร้อนขึ้นจนคิดว่าหากไม่ทำเช่นนี้พรุ่งนี้คงไม่ไหวแน่ๆ สุดท้ายตัวเขาเองกลับเผลอหลับไปข้างๆ กันทั้งที่มือหนายังคงถือผ้าสีขาวผืนเล็กที่เปียกหมาดๆ ไว้
ช่วงสิบโมงเช้าร่างเพรียวตื่นขึ้นมาด้วยความง่วงงุน นาฬิกาข้อมือที่ถูกยกขึ้นดูทำให้ต้องเบิกตากว้างเพราะเธอตื่นไม่ทันเวลาไปโรงเรียน
“เฮ้ย!”
และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นแจ็คสันนอนอยู่ข้างๆ บนเตียงเดียวกัน
ร่างเพรียวรีบสำรวจตัวเองพร้อมทวนความจำเพราะเธอจำไม่ได้เลยว่าเข้าห้องได้ยังไงนอกเสียจากเขาพามาส่งซึ่งมันไม่ควรเลยจริงๆ แม้เธอจะยังอยู่ดีไม่มีอะไรเสียหายแต่ทั้งหมดของเธอนั้นคือความลับทั้งนั้น อยากจะตีตัวเองแรงๆ ที่เผอเรอขนาดนี้ หากผู้เป็นอารู้ขึ้นมาอาจโดนดุที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดีทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในความปลอดภัยแต่แรกอยู่แล้ว
ทว่าพอจะเอื้อมไปปลุกร่างหนาโทรศัพท์ของเธอก็มีสัญญาณเรียกเข้าเสียก่อน
“สวัสดีค่ะ” เธอรับโดยที่ไม่ทันได้ดูชื่อ
‘แฟร์อยู่ไหน?’
ชินยะ!?...
ตายแน่! หวังว่าเขาจะไม่มาหน้าปากซอยที่นี่หรอกนะ
“อยู่ที่ห้องค่ะ”
‘ผมอยู่หน้าปากซอย มารับแฟร์ไปเรียน’
หายนะของแท้มาเยือนแล้วไง!
“วันนี้แฟร์หยุด รู้สึกไม่ค่อยสบายตื่นสายมากด้วย คงไม่ไป ขอโทษนะ”
‘เป็นอะไรมากไหม? ทานข้าวรึยัง? ผมซื้อไปให้ไหม?’
แทนที่จะหมดปัญหากลับเรียกความร้อนใจของปลายสายมากกว่าเดิมแต่เธอนี่สิว้าวุ่นไปหมด
ไหนจะคนปลายสาย ไหนจะคนที่กำลังหลับอย่างสบายอยู่ในห้อง
ชีวิตเธอยุ่งยากเพราะแจ็คสันแท้ๆ
“แฟร์คุยด้วยไม่ได้นานนะ”
‘ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมซื้อข้าวต้มให้แฟร์เสร็จจะโทรไปถามอีกทีว่าอพาร์ทเม้นต์แฟร์อยู่ตรงไหน โอเคไหม?’
“เอางั้นก็ได้” หมดหนทางปฏิเสธ กลายเป็นว่าตอนนี้มีคนรู้ที่อยู่ของเธอสองคนจนได้
แต่สำคัญกว่านั้นคือต้องจัดการกับร่างหนาบนเตียงสินะ
แจ็คสันลืมตาตื่นมาเองและเห็นแฟร์รี่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นปลายเตียงโดยเอาหลังอิงกับตัวโครงเหล็ก เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีขาวธรรมดากับกางเกงขาสั้นสีดำที่เสื้อคลุมแทบมิด ร่างหนาพลิกนอนคว่ำชะโงกหน้าหันมาทางเธอจนใบหน้าคมแทบเกยไหล่
“กินด้วย”
“ตาเถร!” แฟร์รี่ตกใจเกือบยกชามข้าวต้มร้อนๆ สาดเข้าให้ดีที่ยั้งไว้ทัน
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” แจ็คสันยิ้มเผล่อย่างไม่ใส่ใจต่อคำอุทานแปลกหู ก่อนฝ่ามือหนาทาบลงที่หน้าผากพลางพยักหน้าหงึกหงัก
“......”
“เด็กไม่ดีไม่ไปโรงเรียน”
“ตื่นสาย... ก็เพราะใครล่ะ? แล้วไม่ใช่โรงเรียนนะ มหาวิทยาลัยต่างหาก ภาษาไทยคุณแย่มากๆ” เธอออกตัวเนียนๆ อย่างคนมีชนักปักหลัง
“แล้วไง... ว่าแต่ห้องเธอนี่แคบมากนะก้าวเดียวถึงเตียงสองก้าวถึงห้องน้ำ” แจ็คสันเริ่มวิจารณ์
“เล็กนักก็กลับบ้านคุณไปได้แล้วไป! ชิ้วๆ!” พูดมากดีนักก็ถือโอกาสไล่เสียเลย
“ไล่เจ้านายระวังถูกตัดเงินเดือนไม่รู้ตัว”
“ตลก... ในสัญญาไม่มีระบุเสียหน่อย” เธอโต้พลางลอยหน้าตักข้าวต้มเข้าปากอย่างกวนประสาท
“อืม... เดี๋ยวไปเพิ่มก็ได้ ขอบคุณที่เตือน ฉันจะได้จ่ายค่าจ้างน้อยลง”
“คุณนี่มัน!”
“หึหึ...” ไม่รู้ทำไมแจ็คสันถึงรู้สึกดีที่ยั่วโมโหเธอได้ บางทีเขาอาจเกลียดรอยยิ้มการค้าของเธอมากเกินไปจนต้องคอยทำให้มันหายไปบ่อยๆ
ยิ่งเห็นเธอฟึดฟัดอย่างไร้ทางตอบโต้ยิ่งรู้สึกสนุก
แจ็คสันเดินผิวปากออกมาจากห้องเรียนพร้อมเจบีในช่วงบ่ายแก่ๆ หลังเรียนเสร็จจนคนเดินขนาบข้างชักสงสัยขึ้นมาตงิดๆ ว่าเพราะอะไรถึงทำให้คนอย่างเพื่อนเขาอารมณ์ดีขนาดนี้ทั้งที่ไม่มีอะไรพิเศษในคลาสเรียนด้วยซ้ำ
แม้แต่ตอนที่อยู่ในห้องพักสโมสรนักศึกษายังเอาแต่มองโทรศัพท์และหัวเราะอยู่คนเดียว
“มึงบ้าป้ะไอ้แจ็ค?” มาร์คอดรนทนไม่ได้จนต้องถาม หลังจากเห็นอาการแปลกๆ แบบนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วพลางรูดไม้ลูกชิ้นที่ยองแจซื้อมาออกจากปาก
“อะไรมึง...? กู...? ตลกเหอะ” แจ็คสันเลิกคิ้วสูง
“ผมว่าพี่สติไม่ไหวนะ” แบมแบมเด็กหนุ่มน่ารักของกลุ่มเอ่ยขึ้นบาง
“เดี๋ยวโบกสีผมเปลี่ยนเลยนี่! จับผิดดีนัก!”
จูเนียร์ถึงกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ... ทำไมจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าทางแบบนั้น เพราะสายตาคมกริบของเขาลอบมองอยู่และเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของแจ็คสันเป็นรูปของแฟร์รี่ผู้เป็นแฟนหมาดๆ ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานซึ่งน่าจะกำลังอยู่ในช่วงโปรโมชั่นแถมเห่อมากทีเดียว
“ปล่อยคนเพ้อไปเหอะแบมแบม เดี๋ยวมันก็หาย” จูเนียร์บอกพลางลูบผมสีบรอนด์อ่อนของคนตัวเล็กกว่าให้เข้าทรงเพราะถูกแจ็คสันยีจนยุ่งไปเมื่อครู่
“เรื่องนี้ยูคจะไม่ยุ่ง... เรื่องตัวเองก็ลำบากแล้ว” ยูคยอมงึมงำเบาๆ แต่ยังอุตส่าห์ได้สายตาทำลายล้างจากมาร์คที่หูดีได้ยินจนต้องทำเป็นเมินไม่ใส่ใจก้มหน้าก้มตากดเลือกเพลงจากไอพอดในมือ หรือหากมีคำใดไม่ถูกหูกว่านี้ความปลอดภัยในชีวิตคงน้อยลงไปอีก
ยูคยอมเลือกที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงดีกว่า....
ร่างตะเวนส่งจูเนียร์และยองแจที่ติดรถมาก่อนจะเบนเส้นทางไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย เขาอยากไปพบใครบางคนด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นภายในใจ
อาคารสูงตรงหน้าซึ่งเป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์เครือ W Group คือปลายทางของเขา รถสีดำคันหรูเลี้ยวเข้าจอดที่ประจำอย่างชำนาญก่อนเจ้าตัวจะเดินควงกุญแจเข้าด้านในด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า
เสียงรัวเคาะประตูบวกกับกริ่งประตูทำให้คนด้านในห้องต้องรีบวิ่งมาเปิดรับด้วยเกรงใจคนด้านนอก แต่ก็ต้องเหวอไปเมื่อพบกับแจ็คสัน
“พี่แจ็ค” หญิงสาวครางเบา เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหาแถมไม่บอกก่อนอีกต่างหาก
“... กอหญ้าให้พี่เข้าไปได้ไหม?”
คำถามนั้นไร้คำปฏิเสธ ร่างบางดึงประตูออกกว้างเปิดต้อนรับตามด้วยร่างหนาที่ยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะรู้สึกยินดี
“มากะทันหันมีอะไรหรือเปล่า?” กอหญ้าดันบานประตูปิดและถาม
“ไม่มีค่ะ... พี่แค่คิดถึง” เขาเลือกจะไม่ปิดบังความรู้สึกในเมื่อตอนนี้มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น
“ปากหวานเหลือเกิน... ไม่รู้อนาคตคุณแฟร์รี่จะรับไว้ไหม คริคริ...” หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ
หญิงสาวชินชากับประโยคพวกนี้ไปนานแล้วเพราะมันเป็นนิสัยของเขา ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเหมือนเดิม
เจ้าชู้...
ปากหวาน...
มนุษยสัมพันธ์ดี... (เกินเหตุ)
สุดท้ายคือ... แสนเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกับเจบีและกลุ่มเพื่อนของเขา
ความคิดเห็น