ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ GOT7 x YOU ] THE X - SECRET :: ลับ...เฉพาะหัวใจ(เธอ)

    ลำดับตอนที่ #10 : X-Secret : IX – เริ่มแผนการ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 58


     

     

    X-Secret : IX  – เริ่มแผนการ

     

               

               

     

    “เฮ้อ...”

     

    ร่างบนเตียงระบายลมหายใจเป็นรอบที่เจ็ดหมื่นสามพันสี่ร้อยหกสิบเก้าแล้วตั้งแต่กลับมาจากโรงแรมของแจ็คสัน ท่อนแขนบางถูกยกก่ายหน้าผากบ้างยืดตรึงค้างไว้กลางอากาศบ้างซึ่งยังคงถือกระดาษแผ่นหนึ่งเอาไว้ในมือ

    กระดาษที่มีตัวหนังสือไม่มากนักแต่แน่นด้วยรายละเอียดปรากฏอยู่ในสายตาอย่างชัดเจนอีกทั้งในนั้นยังมีการลงลายมือชื่อและสำเนาบัตรประชาชนไว้ในแผ่นเดียวกันถึงตอนนี้คิดอยากจะเปลี่ยนใจเธอเองก็คิดไม่ออกว่าต้องทำอย่างไร

     

    “เฮ้อ...”    สุดท้ายก็ต้องถอดถอนในออกมาอีกครั้ง อารมณ์ตอนนี้ก้ำกึ่งระหว่างคำว่าคิดผิดและคิดถูกเพียงเท่านั้น

     

     

     

    คิดถูก... ที่รับงานที่ไม่ได้ยากเย็นอะไรแค่การแสดงละครฉากหนึ่ง

     

     

     

    คิดผิด... ที่ละครนั้นดันถูกกำกับโดยหวังแจ็คสัน

     

     

     

    เพราะเงินแท้ๆ จึงทำให้จิตใจอันแข็งแกร่งแน่วแน่หวั่นไหวง่ายดายนัก ทั้งยิ่งหันไปเห็นซองจดหมายสีขาวยาวที่บรรจุธนบัตรใบละพันเป็นจำนวนเงินสามหมื่นบาทเพื่อเป็นค่าจ้างล่วงหน้าเดือนแรกวางอยู่ข้างตัวยิ่งทำให้เธอเริ่มมีอาการคล้ายประสาทเสียเฉียบพลันขึ้นมา

     

    “ฮึ้ย! แกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้แฟร์!”   ร่างเพรียวดีดดิ้นไปมาพร้อมกับทึ้งผมบนศีรษะตัวเองจนยุ่งไปหมด

               

     

     

     

    2 ชั่วโมงก่อนหน้านี้...

     

     

               

    “... แถมการแสดงแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องถนัดของเธออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ยัยนักต้มตุ๋น!

     

    ประโยคนี้เรียกสติที่เบลอไปชั่วครู่ให้กลับเข้าที่เข้าทาง มือบางปัดมือของแจ็คสันจากไหล่แล้วเบี่ยงตัวออกห่าง

     

    “ฉันมีพ่อมีแม่นะคุณ! จะพูดจะจาอะไรช่วยระวังปากหน่อย!”  หญิงสาวชักโมโหหวังแจ็คสันใช้ยาแรงเกินไปในการโน้มน้าวจิตใจคน

    “หรือไม่จริง? งานง่ายๆ งานที่ถนัด เงินดี จ่ายล่วงหน้าให้ก่อนด้วยนะ ไม่สนหรือไง?”  แจ็คสันยังทำท่าทางราวกับไม่ยี่หระแต่ก็จับจุดอ่อนมาย้ำเตือนจนทำให้อีกคนเบนสายตาไปบนโต๊ะที่มีกระดาษร่างสัญญาวางอยู่

     

     

    ใช่สิ!... เวลาสามเดือนกับเงินเก้าหมื่นมันไม่ใช่น้อยๆ และที่สำคัญมันสามารถช่วยให้เธอเรียนจบได้อย่างไม่ลำบากด้วยซ้ำ

     

     

    ร่างเพรียวเลิกสนใจคนชอบยั่วโมโหและหันกลับไปที่โต๊ะตัวเดิมก่อนจะเลื่อนกระดาษเข้ามาใกล้แต่ตัวหนังสือภาษาอังกฤษที่เต็มพรืดไปทั้งหน้าสร้างความมึนงงจนตาพร่าไปหมด เธอสะบัดศีรษะเบาๆ สองสามทีและก้มลงอ่านทั้งหมดนั่นอีกครั้งพลางกัดริมฝีปากอย่างใช้ความคิดโดยมีแจ็คสันที่ลอบยิ้มมุมปากยืนมองอยู่เบื้องหลังครู่หนึ่งจากนั้นจึงเดินไปหาของกินที่โซนเตรียมอาหารและทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาตัวใหญ่เพื่อรอดูท่าที

     

    ข้อ 1… Contract 3 months

    ข้อ 2… Earn 30,000 baht Per/month

    ข้อ 3… When I call must to be come.

    ช้อ 4… All the secret!

     

    แม้รายละเอียดที่มีจะไม่มากนักทว่าด้วยภาษาต่างชาติก็ทำเอาดูดพลังงานไปได้เยอะทีเดียว หญิงสาวจับใจความแล้วก็ไม่มีอะไรที่ตุกติกเกินกว่าสิ่งที่เขาบอกเพราะมันถูกจำแนกแยกเป็นข้ออย่างชัดเจน

    “แล้วคุณจะเอายังไง?”

    เสียงหวานดังทำลายความเงียบขึ้นจนแจ็คสันที่นั่งจิบน้ำอัดลมหูผึ่งพร้อมกับเด้งตัวขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น

    “ขอบัตรประชาชน”  ร่างหนาแบมือ

    “อะไร?”

    “หลักฐานการทำสัญญาไง ID Card  อ่ะเอามา...”

    “บัตรฉัน... เอ่อ...”

    หญิงสาวเอี้ยวตัวกลับไปค้นกระเป๋าสะพายอย่างเชื่องช้า แม้มั่นใจว่ามันจะเป็นความลับอย่างที่ระบุเอาไว้ทว่าภายในใจก็นึกลังเลขึ้นมาไม่ใช่อยากเปลี่ยนใจแต่เป็นเพราะบัตรประชาชนที่เธอถืออยู่ไม่ใช่ตัวจริงที่สามารถทำธุรกรรมอะไรได้เสียหน่อย หวังว่าเขาคงไม่บ้าจี้ตรวจสอบมันหรอกนะ

     

    ... ไม่เช่นนั้นได้นอนตารางข้อหาปลอมแปลงเอกสารราชการแน่ๆ!

     

    บัตรที่อายุ 21 ไม่ใช่ 17 อย่างที่เป็น...

     

    ร่างหนาหายเข้าห้องไปไม่นานก็กลับออกมาพร้อมกระดาษแผ่นเดิมที่เพิ่มเติมคือสำเนาบัตรประชาชน(ปลอม)และสำเนาพาสปอร์ตของเจ้าตัวที่ถูกถ่ายแนบไว้คู่กัน หญิงสาวตาโตขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าเขาเอาจริงกว่าที่เธอคิดไว้มากมายมันดูเหมือนสัญญาว่าจ้างนี้จะมีผลใช้ได้จริงทางกฎหมายและเพิ่งจะรู้อีกเรื่องคือเขาไม่ใช่เพียงลูกครึ่งที่สำเนียงแปลกแปร่งและไม่ถนัดภาษาไทยแต่เป็นชาวต่างชาติเลยต่างหาก ริมฝีปากบางถูกเม้มกัดด้วยซี่ฟันที่เรียงตัวสวยด้วยความรู้สึกเครียดเกาะหนึบในใจขนาดที่สะโพกหนาเบี่ยงขึ้นนั่งบนโต๊ะตรงหน้าก็ยังไม่แม้แต่จะสนใจ

     

    “ชอบกัดปากแบบนี้ ไม่เจ็บหรือไง หืม...”  

    เสียงทุ้มที่ติดแหบนิดหน่อยเอ่ยทักพลางส่งนิ้วโป้งมาเกลี่ยคลายริมฝีปากล่างของเธอเบาๆ มือบางตวัดปัดออกอย่างรำคาญก่อนจะเปลี่ยนเป็นกัดเล็บด้วยมือข้างเดิมเรียกเสียงหัวเราะหึในลำคอจากร่างหนาด้วยนึกขัน

     

     

    ก็แล้วแต่... เขายอมให้เวลาคิดอีกนิดหน่อยก็แล้วกัน...

     

     

     

     

     

    ทันทีที่คู่สัญญาจรดปากกาลงลายมือชื่อตัวสุดท้ายเสร็จเจ้าของเรื่องก็ยิ้มออกมาอย่างสมใจจากนั้นก็ล้วงเอาซองเงินที่เตรียมไว้แล้วออกมาจากกระเป๋ากางเกง

     

    พอเซ็นต์เสร็จก็เริ่มกลับมากังวลกับสัญญาอีกครั้ง

     

    “เงินเดือนล่วงหน้างวดแรกเป็นของเธอแล้ว”

    “ฉันกลับเลยนะ”

    แม้จะยินดีที่ได้เงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตแต่ความรู้สึกนั้นกลับไม่ดีอย่างที่ควรเป็นเพราะตอนนี้เธอรู้สึกเหนื่อยมากราววิ่งมาราธอนมาหลายสิบกิโลมากกว่า

    “ดึกแล้วนะ... ไม่หิวเหรอ?” น้ำเสียงของแจ็คสันดูเอื้ออาทรผิดกับก่อนหน้าที่เป็นคนกดดันเธอมาตลอดอยู่โข

    “ไม่ค่ะ”

     

    -----------------------------

     

     

    แจ็คสันไม่อยากจะพูดเลยว่าเกลียดรอยยิ้มการค้าของแฟร์รี่มากที่สุดแล้วตอนนี้ ยิ่งเห็นเธอแจกยิ้มไปถ้วนทั่วทั้งกลุ่มเพื่อนของตัวเองด้วยแล้วยิ่งหงุดหงิดจนอดค่อนขอดไม่ได้

    “ตอนนี้เธอเป็นแฟนฉันอยู่จะยิ้มให้คนอื่นอะไรนักหนา?”

    “ก็เพราะเพื่อนคุณไงฉันถึงต้องอัธยาศัยดีไว้ก่อน”  ร่างเพรียวกระซิบ

    “ไม่ต้องเยอะเกินได้ไหม ฉันรู้สึกว่ามันเกินไปแล้ว”  แจ็คสันยังคงบ่น

    “ถ้าคุณไม่พอใจฉันไม่ยิ้มก็ได้!”  พูดจบนอกจากจะชักสีหน้าใส่ยังหุบยิ้มทันทีแถมเมินหน้าหนีอีกต่างหาก

    สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ต้องยอมพูดกับเธอก่อนเพราะมันก็เกินไปไหมที่เลิกสนใจกันไปเลยอีกทั้งยังนั่งนิ่งจนไม่คุยกับใครสักคนแม้ว่าโต๊ะของเขาแสนจะครึกครื้น

    “เธองอนเหรอ?”

    “เปล่า... ฉันมีสิทธิ์ทำแบบนั้นด้วยหรือไง?”

    “แต่นิ่งแบบนี่ก็เกินไป”  แจ็คสันแทบจะเอาหัวโขกโต๊ะเมื่อเธอประชดใส่

    “ฉันทำตามคำสั่งคุณ... ยิ้มก็บ่นไม่ยิ้มก็บ่นฉันเอาใจไม่ถูกหรอกนะ”

     

    ร่างเพรียวสะบัดหน้าหนีก่อนจะลุกออกไปจากโต๊ะเพื่อเข้าห้องน้ำ บางทีเธอก็ไม่ไหวจะทนกับความเรื่องมากของคนที่ชื่อว่าเป็นเจ้านายชั่วคราวแต่ทำให้ร่างหนามองตามหลังอย่างงงงวยเมื่ออยู่ดีๆ ก็หนีกันดื้อๆ

    “เฮ้ แจ็คสัน ทำอะไรอีกล่ะ ดูเธอไม่พอใจเลยนะ” เจบีที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเอ่ยถามอย่างสงสัย

    “งอนมั้ง ช่างเหอะ”   เขาตอบอย่างไม่ยี่หระ

    “แฟนทั้งคน ไม่ง้อเหรอ?”          

    พอเพื่อนทักมาเขาก็คิดได้ว่าทำตัวไม่ใส่ใจจนผิดสังเกต ร่างหนาคว้าแก้วของตัวเองยกดื่มก่อนจะลุกเดินตามแฟร์รี่ไปอย่างคิดได้

     

    ... เขาไม่ควรละเลยความรู้สึกของแฟร์รี่

     

     

     

    กว่าตีสามรถสปอร์ตสีดำก็มาจอดหน้าปากซอยอพาร์ทเม้นต์ของแฟร์รี่ทั้งที่ตอนแรกเธอปฏิเสธจนหัวชนฝาแต่เพราะมาร์คและเจบีคะยั้นคะยอจึงทำให้เธอต้องยอมขึ้นรถของแจ็คสันทว่าพอขอลงระหว่างทางเขากลับดื้อแพ่งจนระอา

    “ขอบคุณค่ะ Goodnight”  พอรถจอดปุ๊บก็บอกลาปั๊บ

    “เฮ้! ง่ายงี้เลย?”

    “คุณจะให้ทำอะไรล่ะ พรุ่งนี้ฉันมีเรียนตอนเช้านะ”

    What’s time?

    “หกโมงเช้า”  แฟร์รี่ตอบส่งๆ

    “โอเค... ฉันมารับไปส่งที่ยู”

     

     

    ยูนี่คือ?... มหาวิทยาลัย?

     

     

    โอ่ยตาย!

     

     

     

     

    Why!!!??”  ร่างเพรียวร้องเสียงหลง นี่เธอต้องเสียเสื้อผ้ากี่ชุดหากเขามารับไปส่งที่มหาวิทยาลัยแถมต้องเสียเวลาและค่ารถเพิ่มอีกใช่ไหม? ... เปลืองเงินเพื่อใครตอบที!?

    “เธอมีความลับอะไรล่ะ เพื่อนฉันจ้องจับผิดอยู่เธอก็รู้”

    “แล้วทำไม?”

    “พรุ่งนี้ถ่ายรูปตอนทานอาหารเช้าด้วยกัน เอาไว้โชว์เพื่อนไง”

    ร่างเพรียวส่ายศีรษะเบาๆ อย่างยอมจำนน ถ้าต้องการอย่างนั้นเธอจะค้านอะไรได้ก็แค่วิ่งตาเหลือกเพื่อกลับโรงเรียนเท่านั้นเอง

     

    ... ก็รับเงินเขามาแล้วนี่นา #ร้องไห้แปบ

     

     

     

     

    วันรุ่งขึ้นแฟร์รี่ถ่างตามาตั้งแต่เช้าทั้งที่เพิ่งนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงเพราะแจ็คสันดันมารับจริงๆ อย่างปากว่าแถมพาไปทานข้าวเช้าอีกต่างหาก เธอยกนาฬิกาดูไม่ต่ำกว่าสิบรอบโดยที่ร่างหนายังส่งอาหารเข้าปากอย่างสบายใจราวโลกทั้งโลกหมุนรอบตัวของเขา

    “นี่! คุณถ่ายรูปแล้วไม่ใช่หรือไง ทำไมไม่ให้ฉันไปเสียที?”

    “ก็เดี๋ยวไปส่งที่ยูไง”

     “ไม่ต้องหรอกค่ะ ขอบคุณมาก ไปหละ!

    เธอไม่รอให้เขาต่อความยาวอีก มือบางคว้ากระเป๋าของตัวเองเตรียมชิ่งทันทีซึ่งแจ็คสันก็รีบล้วงเงินออกมาจ่ายและรั้งแขนเธอไว้ได้ก่อนที่เอื้อมมือโบกแท็กซี่ที่กำลังใกล้เข้ามา

    “ทำไมต้องรีบ? ความลับเยอะรึไง?”  บางทีเขาเองก็ชักหงุดหงิดที่เธอเอาแต่ดื้อ

    “คุณก็ความลับเยอะเหมือนกันน่ะแหละ”  แฟร์รี่ย้อน พลางเชิดหน้าอย่างท้าทาย

    “อ่อ... ไปหาไอ้แว่นนั่นสินะ”   ร่างหนาแค่นเสียง แต่คนฟังนี่สิคิ้วขมวดแทบเป็นปม

    “นี่คุณ... รู้จักชินยะเหรอ?”

    “จำเป็นต้องบอก? ก็ไม่นี่” 

    “แล้วแต่คุณเถอะ!

    ถ้าเขาจะกวนประสาทขนาดนี้เธอเองก็ไม่อยากรู้อะไรอีกแล้ว ร่างเพรียวยกสองมือขึ้นผลักแจ็คสันก่อนจะเตรียมโบกแท็กซี่อีกครั้งแต่กลับถูกฉุดกระชากลากถูด้วยแรงที่มากกว่าจนลอยหวืดตามไปอย่างไม่อาจขัดขืน

    ประตูรถฝั่งคนขับถูกเปิดออกจากนั้นร่างของแฟร์รี่ก็ไถลเข้าไปด้วยน้ำมือของแจ็คสันที่เหวี่ยงเธออย่างไม่ปรานีปราศัย

     

    ... บางทีแฟร์รี่ก็คิดว่า เขาไปโมโหอะไรมาเนี่ย?

     

     

    “นั่งดีๆ I’m your boss!

    “ห๊ะ?”  อยู่ดีๆ แจ็คสันก็กลายเป็นคนบ้าอำนาจอย่างไร้เหตุผล

    “หุบปาก!

    “แล้วแต่!

    เมื่อไม่อาจขัดคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายจึงทำได้แค่เหวี่ยงใส่ด้วยคำเบาๆ แม้ว่ามือจะดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดเพราะรู้สึกไม่ค่อยไว้ใจคนอารมณ์แปรปรวนก็ตาม

     

     

     

     

     

    คืนนี้เป็นคืนที่สี่แล้วที่แฟร์รี่ไม่ได้หลับได้นอนเพราะแจ็คสันด้วยเหตุผลว่าต้องทำตามแผนการแรกที่ต้องดูรักกันมากจนบรรดาเพื่อนของเขาเชื่อสนิทใจโดยเฉพาะเจบี... ร่างหนาลากเธอออกมาจากที่พักตลอดถึงขั้นไปรับหน้าอพาร์ทเม้นต์จนตอนนี้เธอเริ่มรู้สึกป่วยขึ้นมานิดหน่อยเพราะพักผ่อนไม่พอ

    แฟร์รี่แทบหลับคาไหล่ของแจ็คสันแต่ก็พยายามฝืน สุดท้ายก็แอบงีบไปวูบหนึ่งจนได้ซึ่งดูเหมือนเขาเองก็รู้

    “ง่วงนอนเหรอ?”   แจ็คสันยังมีแก่ใจถาม

    “ไม่ค่ะ”  ร่างเพรียวปฏิเสธ

    “ตัวร้อนนะ ไม่สบายรึเปล่า?”

    “ปกติดีค่ะ”

    แม้เป็นการสารทุกข์สุกดิบกันธรรมดาแต่กลับดูงุ้งงิ้งกันอยู่สองคนจนจูเนียร์ที่นั่งใกล้ๆ เอ่ยแซว

    “วู้ๆๆๆ... มาสองคนหรือไง เกินหน้าเกินตาไปแล้ว”

    “ใช่ๆ หวานจนน่าอิจฉา”   เจบีเสริมทัพ วันนี้เขาไม่ได้กับกอหญ้าผู้เป็นคนรักเพราะนางแบบสาวมีงานในวันรุ่งขึ้น

    “ขี้เสือก!”  แจ็คสันหันมาว่าพวกตัวกวนทันทีที่แนวร่วมทั้งหลายดูสนใจเรื่องของเขาเป็นพิเศษ

     

    แต่แล้วแฟร์รี่ก็ฝืนไม่ไหวเพราะพรุ่งนี้เป็นคืนที่เธอต้องทำงานที่คลับ ฉะนั้นหากเธอพักผ่อนไม่พอก็ไม่อาจตื่นไปโรงเรียนได้และไม่แน่ว่าจะทำงานไหว

    ร่างเพรียวเอ่ยลาเพื่อนของแจ็คสันก่อนจะหันมาโบกมือให้แจ็คสันซึ่งเจ้าตัวเองก็ไม่ทันได้ตั้งสติ

    แฟร์รี่ลุกหนีเพราะต้องการกลับบ้านแต่ยังไม่ได้ขึ้นรถแท็กซี่ก็ถูกมือหนารั้งไว้เสียก่อน เธอตกใจเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นว่าคนนั้นคือนายจ้างของเธอเอง

     

    “ขอโทษครับ ไปเลย”   แจ็คสันกล่าวพร้อมส่งธนบัตรสีแดงให้กับคนขับและปิดประตู

    “อะไรของคุณ? ฉันจะกลับบ้าน”  บางทีแฟร์รี่ก็เริ่มหงุดหงิด

    “ฉันไปส่ง”

    ร่างเพรียวถูกลากให้เดินตามแล้วจับยัดใส่รถของเขาเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่ได้นับ... ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจตลอดจนเริ่มคิดว่าคิดถูกหรือผิดกันแน่...

    ด้วยระยะทางจากคลับถึงอพาร์ทเม้นต์ก็ใช่ว่าจะใกล้จึงทำให้แฟร์รี่เผลอหลับไปเพราะความง่วงสะสม รถคันหรูสีดำของแจ็คสันจอดสนิทอยู่หน้าอพาร์ทเม้นต์ได้สักพักเธอก็ยังไม่ตื่นแม้ว่าเขาจะเขย่าปลุกอยู่สองสามครั้งก็ตาม

    “แฟร์รี่!” 

    เมื่อส่งเสียงเรียกอีกครั้งเธอก็ยังไม่ตื่นร่างหนาจึงเอื้อมไปสัมผัสที่หน้าผากเพราะผิดสังเกตจึงได้รู้ว่าเธอตัวร้อนพอประมาณจึงตัดสินใจถือวิสาสะเปิดกระเป๋าถือเธอเพื่อหาคีย์การ์ดและโชคดีที่มีหมายเลขห้องระบุอยู่ด้วย

    เขาอุ้มร่างเพรียวเต็มอ้อมแขนก่อนจะจัดการสแกนคีย์การ์ดเข้าตัวตึกและกดลิฟท์สู่ชั้นที่เธอพัก แม้ต่อมาต้องเสียบกุญแจอย่างลำบากเพราะอุ้มเธออยู่

    ดวงตาคมมองรอบห้องพักอย่างสังเกตหลังจากวางร่างบางลงบนเตียงขนาดห้าฟุตมาตรฐาน

    “ห้องเท่ารูหนู แถมไม่มีอะไรเลยอยู่เข้าไปได้ยังไง?”   แจ็คสันบ่น

    ด้วยในห้องมีเพียงแค่โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เตียง และชั้นวางทีวีที่ไม่มีทีวีแต่มีกล่องใสสำหรับวางจานชามไว้แทน ดีหน่อยยังมีเครื่องปรับอากาศ เขาคว้ารีโมทขึ้นมาเปิดอุณหภูมิพอเหมาะก่อนจะนั่งลงบนเตียงอีกด้าน แฟร์รี่ยามหลับไม่เหมือนนักต้มตุ๋นอย่างที่เขาเคยคิด บางทียังแอบคิดว่าเธอยังเด็กอยู่ด้วยซ้ำ

    มือหนาทาบลงที่หน้าผากบางอีกครั้งจากนั้นจึงเดินหาผ้าผืนเล็กเพื่อชุบน้ำมาเช็ดหน้าให้แต่กลับต้องแปลกใจเมื่อเปิดตู้เสื้อผ้าและเห็นชุดนักเรียนเสื้อสีขาวแขนยาวแขวนอยู่พร้อมกระโปรงสีน้ำเงินเข้ม

    “เจวายพี?”   แจ็คสันพึมพำในคอก่อนจะหันมามองร่างเพรียวบนเตียงอีกครั้ง

    เขาเองไม่แน่ใจว่าชุดของใครบางทีอาจเป็นน้องสาวของแฟร์รี่เพราะในตู้ก็มีชุดนักศึกษาด้วยเช่นกัน

    “อย่างน้อยก็ไม่มีเสื้อผ้าผู้ชาย กับไอ้แว่นนั่นคงยังไม่มีอะไรลึกซึ้งสินะ”

    กว่าชั่วโมงที่แจ็คสันคอยเช็ดหน้าให้แฟร์รี่เพราะอุณหภูมิร่างกายของเธอร้อนขึ้นจนคิดว่าหากไม่ทำเช่นนี้พรุ่งนี้คงไม่ไหวแน่ๆ สุดท้ายตัวเขาเองกลับเผลอหลับไปข้างๆ กันทั้งที่มือหนายังคงถือผ้าสีขาวผืนเล็กที่เปียกหมาดๆ ไว้

     

     

     

     

    ช่วงสิบโมงเช้าร่างเพรียวตื่นขึ้นมาด้วยความง่วงงุน นาฬิกาข้อมือที่ถูกยกขึ้นดูทำให้ต้องเบิกตากว้างเพราะเธอตื่นไม่ทันเวลาไปโรงเรียน

     

    “เฮ้ย!

     

    และต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นแจ็คสันนอนอยู่ข้างๆ บนเตียงเดียวกัน

     

    ร่างเพรียวรีบสำรวจตัวเองพร้อมทวนความจำเพราะเธอจำไม่ได้เลยว่าเข้าห้องได้ยังไงนอกเสียจากเขาพามาส่งซึ่งมันไม่ควรเลยจริงๆ แม้เธอจะยังอยู่ดีไม่มีอะไรเสียหายแต่ทั้งหมดของเธอนั้นคือความลับทั้งนั้น อยากจะตีตัวเองแรงๆ ที่เผอเรอขนาดนี้ หากผู้เป็นอารู้ขึ้นมาอาจโดนดุที่ไม่ดูแลตัวเองให้ดีทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้อยู่ในความปลอดภัยแต่แรกอยู่แล้ว

     

    ทว่าพอจะเอื้อมไปปลุกร่างหนาโทรศัพท์ของเธอก็มีสัญญาณเรียกเข้าเสียก่อน

     

    “สวัสดีค่ะ”   เธอรับโดยที่ไม่ทันได้ดูชื่อ

    แฟร์อยู่ไหน?

     

     

    ชินยะ!?...

     

     

    ตายแน่! หวังว่าเขาจะไม่มาหน้าปากซอยที่นี่หรอกนะ 

     

     

    “อยู่ที่ห้องค่ะ”

    ผมอยู่หน้าปากซอย มารับแฟร์ไปเรียน

     

     

    หายนะของแท้มาเยือนแล้วไง!

     

     

    “วันนี้แฟร์หยุด รู้สึกไม่ค่อยสบายตื่นสายมากด้วย คงไม่ไป ขอโทษนะ”

    เป็นอะไรมากไหม? ทานข้าวรึยัง? ผมซื้อไปให้ไหม?

     

    แทนที่จะหมดปัญหากลับเรียกความร้อนใจของปลายสายมากกว่าเดิมแต่เธอนี่สิว้าวุ่นไปหมด

     

    ไหนจะคนปลายสาย ไหนจะคนที่กำลังหลับอย่างสบายอยู่ในห้อง

     

     

    ชีวิตเธอยุ่งยากเพราะแจ็คสันแท้ๆ

     

     

    “แฟร์คุยด้วยไม่ได้นานนะ”

     

    ไม่เป็นไรเดี๋ยวผมซื้อข้าวต้มให้แฟร์เสร็จจะโทรไปถามอีกทีว่าอพาร์ทเม้นต์แฟร์อยู่ตรงไหน โอเคไหม?

     

    “เอางั้นก็ได้”   หมดหนทางปฏิเสธ กลายเป็นว่าตอนนี้มีคนรู้ที่อยู่ของเธอสองคนจนได้

     

     

    แต่สำคัญกว่านั้นคือต้องจัดการกับร่างหนาบนเตียงสินะ

     

     

     

     

     

    แจ็คสันลืมตาตื่นมาเองและเห็นแฟร์รี่กำลังนั่งอยู่ที่พื้นปลายเตียงโดยเอาหลังอิงกับตัวโครงเหล็ก เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อยืดสีขาวธรรมดากับกางเกงขาสั้นสีดำที่เสื้อคลุมแทบมิด ร่างหนาพลิกนอนคว่ำชะโงกหน้าหันมาทางเธอจนใบหน้าคมแทบเกยไหล่

    “กินด้วย”

    “ตาเถร!”    แฟร์รี่ตกใจเกือบยกชามข้าวต้มร้อนๆ สาดเข้าให้ดีที่ยั้งไว้ทัน

    “ดีขึ้นแล้วใช่ไหม?” แจ็คสันยิ้มเผล่อย่างไม่ใส่ใจต่อคำอุทานแปลกหู ก่อนฝ่ามือหนาทาบลงที่หน้าผากพลางพยักหน้าหงึกหงัก

    “......”

    “เด็กไม่ดีไม่ไปโรงเรียน”

    “ตื่นสาย... ก็เพราะใครล่ะ? แล้วไม่ใช่โรงเรียนนะ มหาวิทยาลัยต่างหาก ภาษาไทยคุณแย่มากๆ”   เธอออกตัวเนียนๆ อย่างคนมีชนักปักหลัง

    “แล้วไง... ว่าแต่ห้องเธอนี่แคบมากนะก้าวเดียวถึงเตียงสองก้าวถึงห้องน้ำ” แจ็คสันเริ่มวิจารณ์

    “เล็กนักก็กลับบ้านคุณไปได้แล้วไป! ชิ้วๆ!” พูดมากดีนักก็ถือโอกาสไล่เสียเลย

    “ไล่เจ้านายระวังถูกตัดเงินเดือนไม่รู้ตัว”

    “ตลก... ในสัญญาไม่มีระบุเสียหน่อย”   เธอโต้พลางลอยหน้าตักข้าวต้มเข้าปากอย่างกวนประสาท

    “อืม... เดี๋ยวไปเพิ่มก็ได้ ขอบคุณที่เตือน ฉันจะได้จ่ายค่าจ้างน้อยลง”

    “คุณนี่มัน!”  

    “หึหึ...”   ไม่รู้ทำไมแจ็คสันถึงรู้สึกดีที่ยั่วโมโหเธอได้ บางทีเขาอาจเกลียดรอยยิ้มการค้าของเธอมากเกินไปจนต้องคอยทำให้มันหายไปบ่อยๆ

     

     

    ยิ่งเห็นเธอฟึดฟัดอย่างไร้ทางตอบโต้ยิ่งรู้สึกสนุก

     

     

     

     

     

    แจ็คสันเดินผิวปากออกมาจากห้องเรียนพร้อมเจบีในช่วงบ่ายแก่ๆ หลังเรียนเสร็จจนคนเดินขนาบข้างชักสงสัยขึ้นมาตงิดๆ ว่าเพราะอะไรถึงทำให้คนอย่างเพื่อนเขาอารมณ์ดีขนาดนี้ทั้งที่ไม่มีอะไรพิเศษในคลาสเรียนด้วยซ้ำ

    แม้แต่ตอนที่อยู่ในห้องพักสโมสรนักศึกษายังเอาแต่มองโทรศัพท์และหัวเราะอยู่คนเดียว

     

    “มึงบ้าป้ะไอ้แจ็ค?”   มาร์คอดรนทนไม่ได้จนต้องถาม หลังจากเห็นอาการแปลกๆ แบบนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วพลางรูดไม้ลูกชิ้นที่ยองแจซื้อมาออกจากปาก

    “อะไรมึง...? กู...? ตลกเหอะ”   แจ็คสันเลิกคิ้วสูง

    “ผมว่าพี่สติไม่ไหวนะ”   แบมแบมเด็กหนุ่มน่ารักของกลุ่มเอ่ยขึ้นบาง

    “เดี๋ยวโบกสีผมเปลี่ยนเลยนี่! จับผิดดีนัก!”  

    จูเนียร์ถึงกับหัวเราะในลำคอเบาๆ ... ทำไมจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าทางแบบนั้น เพราะสายตาคมกริบของเขาลอบมองอยู่และเห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของแจ็คสันเป็นรูปของแฟร์รี่ผู้เป็นแฟนหมาดๆ ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานซึ่งน่าจะกำลังอยู่ในช่วงโปรโมชั่นแถมเห่อมากทีเดียว

    “ปล่อยคนเพ้อไปเหอะแบมแบม เดี๋ยวมันก็หาย”   จูเนียร์บอกพลางลูบผมสีบรอนด์อ่อนของคนตัวเล็กกว่าให้เข้าทรงเพราะถูกแจ็คสันยีจนยุ่งไปเมื่อครู่

    “เรื่องนี้ยูคจะไม่ยุ่ง... เรื่องตัวเองก็ลำบากแล้ว”   ยูคยอมงึมงำเบาๆ แต่ยังอุตส่าห์ได้สายตาทำลายล้างจากมาร์คที่หูดีได้ยินจนต้องทำเป็นเมินไม่ใส่ใจก้มหน้าก้มตากดเลือกเพลงจากไอพอดในมือ หรือหากมีคำใดไม่ถูกหูกว่านี้ความปลอดภัยในชีวิตคงน้อยลงไปอีก

     

     

     

    ยูคยอมเลือกที่จะไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงดีกว่า....

     

     

     

     

    ร่างตะเวนส่งจูเนียร์และยองแจที่ติดรถมาก่อนจะเบนเส้นทางไปยังสถานที่ที่คุ้นเคย เขาอยากไปพบใครบางคนด้วยความคิดถึงที่อัดแน่นภายในใจ

    อาคารสูงตรงหน้าซึ่งเป็นหนึ่งในอสังหาริมทรัพย์เครือ W Group คือปลายทางของเขา รถสีดำคันหรูเลี้ยวเข้าจอดที่ประจำอย่างชำนาญก่อนเจ้าตัวจะเดินควงกุญแจเข้าด้านในด้วยรอยยิ้มที่เต็มใบหน้า

     

     

    เสียงรัวเคาะประตูบวกกับกริ่งประตูทำให้คนด้านในห้องต้องรีบวิ่งมาเปิดรับด้วยเกรงใจคนด้านนอก แต่ก็ต้องเหวอไปเมื่อพบกับแจ็คสัน

    “พี่แจ็ค”    หญิงสาวครางเบา  เธอคิดไม่ถึงว่าเขาจะมาหาแถมไม่บอกก่อนอีกต่างหาก

    “... กอหญ้าให้พี่เข้าไปได้ไหม?”  

    คำถามนั้นไร้คำปฏิเสธ ร่างบางดึงประตูออกกว้างเปิดต้อนรับตามด้วยร่างหนาที่ยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะรู้สึกยินดี

    “มากะทันหันมีอะไรหรือเปล่า?”   กอหญ้าดันบานประตูปิดและถาม

    “ไม่มีค่ะ... พี่แค่คิดถึง”   เขาเลือกจะไม่ปิดบังความรู้สึกในเมื่อตอนนี้มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น

    “ปากหวานเหลือเกิน... ไม่รู้อนาคตคุณแฟร์รี่จะรับไว้ไหม คริคริ...”   หญิงสาวเอ่ยกลั้วหัวเราะ

    หญิงสาวชินชากับประโยคพวกนี้ไปนานแล้วเพราะมันเป็นนิสัยของเขา ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ยังเหมือนเดิม

     

     

    เจ้าชู้...

     

     

    ปากหวาน...

     

     

    มนุษยสัมพันธ์ดี... (เกินเหตุ)

     

     

     

    สุดท้ายคือ... แสนเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกับเจบีและกลุ่มเพื่อนของเขา

     

     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×