ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ GOT7 x YOU ] THE X - SECRET :: ลับ...เฉพาะหัวใจ(เธอ)

    ลำดับตอนที่ #9 : X-Secret : VIII - สัญญาจ้าง

    • อัปเดตล่าสุด 9 ส.ค. 58


     
     
     

      

    X-Secret : VIII – สัญญาจ้าง

     

               

     

     

    เห็นว่าเป็นนักต้มตุ๋นเลยสั่ง ข้าวต้มกับไข่ตุ๋นมาให้

    และกรุณาอย่าแผลงฤทธิ์โดยไม่จำเป็น

    …JS…

     

     

    ข้อความที่แนบมาพร้อมอาหารจากรูมเซอร์วิสส่งผลให้คนได้รับนั่งเข่นเขี้ยวมองกระดาษแผ่นนั้นอยู่นาน แม้แต่การดูแลของเขายังไม่วายกระแนะกระแหนหากทำดีให้ตลอดรอดฝั่งมันจะทำให้ตายหรืออย่างไร... แต่มือก็ยังไม่ละจากการส่งอาหารเข้าปากเคี้ยวหงับอย่างต่อเนื่องด้วยอารมณ์หงุดหงิดเพราะถูกเหน็บแนมทุกครั้งที่สบโอกาสแถมยังไม่สามารถโต้ตอบได้อย่างใจนึก

     

     

                หากเปลี่ยนเป็นแจ็คสันอยู่ตรงนี้... ก็ไม่พ้นถูกฉีกเป็นชิ้นไปแล้ว

     

     

     

     

    เวลาเฉียดตีหนึ่งร่างหนาก็ได้กลับมาที่ห้องตัวเองอีกครั้งทั้งที่ห้องจัดเลี้ยงของวันนี้ก็ไม่ได้ใหญ่อะไรมากมายนักแต่ใช้เวลานานพอสมควรสำหรับการปลีกตัวออกมาจากวงสังสรรค์และทักทายซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง  เพราะอย่างที่รู้กันว่าแจ็คสันเป็นหนุ่มฮอตของสาวๆ ไม่น้อย


    ไฟในห้องสุดหรูยังเปิดสว่างจ้าครบทุกดวงเช่นก่อนที่เขาจะก้าวออกไป ดวงตาคมมองหาทั่วห้องเมื่อไม่เห็นร่างเพรียวจอมพยศที่โซฟารับแขกตัวใหญ่ เขาเดาไว้ก่อนจะเปิดประตูเข้ามาว่าเธอจะต้องไม่ยอมนอนในห้องนอนและเอาร่างเล็กๆ นั่นมากองอยู่ด้านนอกแต่กลับไม่มีแม้แต่เงาจนอดคิดไม่ได้ว่าอาจหนีกลับไปก่อนแล้ว

     

     

    ทว่า... กลับต้องสะดุดกับรองเท้าส้นสูงสีเงินวาวระยิบที่แวบเข้ามาในสายตา ร่างหนาหันขวับก่อนจะสาวเท้าไปทางหน้าประตูและย่อตัวลงพินิจให้แน่ใจ

     

    “ยังอยู่งั้นสิ... อย่าบอกนะว่าใจกล้าพอที่จะเข้าไปนอนในห้องน่ะ?”  แจ็คสันรำพึงกับตัวเองอย่างคาดไม่ถึง รอยยิ้มแบบนึกสนุกผุดขึ้นบนใบหน้าจากนั้นก็เบนเส้นทางไปยังที่ที่คิดไว้

     

     

     

    ว่างเปล่า....

     

     

     

    บนเตียงกว้าง ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า หรือแม้แต่โต๊ะชุดเล็กไม่มีร่องรอยของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าผู้หญิงเลยแถมยังเรียบร้อยเสียจนรับรู้ได้ว่าไม่ได้ผ่านการใช้งานอื่นอีกหลังจากเขาที่เข้ามาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าในช่วงค่ำ

     

    แจ็คสันเองก็ไม่กล้าคิดหรอกนะว่าเธอไปโดยไม่สวมรองเท้า... คนฉลาดอย่างแฟร์รี่น่ะหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร

     

    ร่างหนานิ่วหน้าอย่างคิดไม่ตกจนรอยยิ้มที่เคยมีเลือนหายไปแล้ว แม้เธอจะเป็นผู้หญิงที่น่าจะดูแลตัวเองได้แต่หากถึงขั้นลืมสวมรองเท้าก่อนกลับมันก็ใช่เรื่อง... บานเลื่อนของประตูห้องนอนถูกเปิดออกอีกครั้ง คราวนี้ตรงไปยังโต๊ะอาหารที่มองผ่านมาตั้งแต่แรก รอยยับยู่ยี่ของกระดาษโน้ตที่เขาตั้งใจส่งให้เกิดจากการขยำเป็นก้อนกลมวางอยู่ข้างชามข้าวต้มที่หมดแล้วส่วนบนเก้าอี้มีผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนใหญ่วางพาดอยู่ตรงที่พักแขน

     

    “ยัยตัวแสบเอ๊ย! จากเรื่องไม่น่าจะยุ่งก็ทำให้ยุ่งจนได้สิน่า...”

     

    แจ็คสันบ่นเบาๆ พลางกดโทรศัพท์หาบุคคลที่หายไปยอมรับว่าเป็นห่วงอยู่บ้างเพราะตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ยิ่งหันไปเห็นรองเท้าส้นสูงคู่สวยยิ่งรู้สึกไม่สบายใจนัก แสงไฟกระพริบพึ่บสร้างความระแวงให้เจ้าของห้องไม่น้อยเขารู้สึกแปลกขึ้นมาทันทีทั้งที่รู้ว่าโรงแรมของตัวเองนั้นก็ไม่เคยมีประวัติว่ามีใครเสียชีวิตแม้จะเปิดทำการมาหลายปี

     

     

    เขาไม่ได้เป็นคนกลัวผีสักหน่อยนี่นา... ก็คงเพียงแค่ระบบไฟขัดข้องเท่านั้นแหละ

     

     

     

     

    กึก...กึก...

     

     

     

    หัวใจของแจ็คสันเต้นรัวเมื่อเหตุการณ์เดิมๆ เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งแถมมีเสียงที่แว่วมาให้ได้ยินเบาๆ เป็นออฟชั่นเสริม ซึ่งคราวนี้ทำให้เขาต้องกวาดสายตามองไปโดยรอบไม่เว้นแม้แต่เพดานที่ประดับด้วยแชงเดอเลียสุดหรู อะไรบางอย่างบอกให้ร่างหนาก้าวตรงไปที่ระเบียงจากนั้นก็เอื้อมมือไปปลดล็อกเพื่อเลื่อนบานกระจกนั่นออก

     

     

     


    เฮือกกกก!!!

     

     

     


    ผู้หญิงผมยาวในชุดสีขาวที่เขาไม่คาดว่าจะได้พบทำเอาร่างหนาสะดุ้งสุดตัว... เข้าใจทันทีว่าอาการใจหายจนตกไปอยู่ตาตุ่มแบบที่คนไทยชอบพูดบ่อยๆ เป็นแบบไหน มือหนายกขึ้นตบอกของตัวเองเบาๆ เพื่อเรียกสติพลางเป่าปากฟู่สร้างความผ่อนคลาย นึกชมเชยตัวเองที่ไม่ได้กรีดร้องจนสาวแตกออกมาให้ได้อาย

     

     

     

    แจ็คสันไม่ได้กลัวผีเลยสักนิด... นิดเดียวก็ไม่มี

     

     

     

    ใช่!... ไม่กลัว หากไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทยมาหลายปี และซึมซับวัฒนธรรมผีไทยจากเจ้าบ้านไปเต็มเหนี่ยว

     

     

     

    สารภาพตรงนี้เลย... หากแสงภายในห้องสลัวลงอีกนิดผู้ชายแมนๆ เช่นแจ็คสันออกวิ่งไปแล้ว... อันนี้เรื่องจริง!

     

     

     

    “ขนาดตอนไม่รู้ตัวยังทำให้คนแทบหัวใจวายตายได้... ฝีมือเธอมันไม่ธรรมดา”   พอสติเริ่มเข้าที่ปากก็พร่ำบ่นค่อนขอดทันทีแม้ว่าคนถูกพูดถึงไม่ได้รู้เรื่องด้วยสักนิด

     

    สิ่งที่ทำเขาตกใจเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ผีหรือสิ่งเร้นลับอย่างที่คาดในคราแรกหากแต่เป็นร่างเพรียวคุ้นตาในชุดแม็กซี่เดรสสีขาวที่เธอสวมอยู่กับปอยผมที่ปรกหน้าเล็กน้อยนั่นต่างหาก ส่วนเสียงและแสงวาบก็มาจากโทรศัพท์มือถือของเจ้าตัวที่ตกอยู่ข้างตัวซึ่งแจ็คสันเห็นแล้วอยากหยิบมาเขวี้ยงลงจากชั้นสิบเจ็ดหากไม่ติดว่าหลังจากเจ้าของเครื่องตื่นจะลุกมาฆ่าปาดคอเขาน่ะนะ

     

    ร่างหนาระบายลมหายใจหนักๆ พลางเท้าสะเอวยืนมองคนหลับพิงกรอบประตูกระจกอย่างรู้สึกระอาใจ ความจริงแฟร์รี่ไม่ได้หนีกลับไปแต่เธอมาหลบมุมที่แสนจะมุมจริงๆ เพราะมันมิดเสียจนเดินหาทั่วห้องก็ยังมองไม่เห็น อีกทั้งยังมีหมอนอิงใบเขื่องวางอยู่บนตักซึ่งสังเกตจากท่าทางแล้วคงนั่งเล่นโทรศัพท์จนเผลอหลับไปนั่นแหละ

     

     

    “เดี๋ยวปั๊ดหักค่าจ้างโทษฐานทำให้หลอนซะนี่!

     

     

    โปรดอย่าคิดว่าจะมีการอุ้มท่าเจ้าหญิงแล้วค่อยๆ วางลงบนเตียงนุ่มอย่างสุภาพบุรุษเช่นพระเอกนิยายเพราะแจ็คสันทำแค่เพียงเอื้อมมือสะกิดเพื่อปลุกคนหลับให้ตื่นขึ้นมาจากการเฝ้าพระอินทร์เท่านั้นเอง

     

    “แฟร์รี่... ตื่น!” 

     

    ลงแรงเรียกอยู่ไม่กี่หนร่างเพรียวก็เริ่มขยับ เปลือกตาเคลือบอายแชโดว์สีน้ำตาลอ่อนค่อยปรือขึ้นทีละน้อยแพขนตายาวกระพริบถี่ก่อนจะช้อนขึ้นมองช้าๆ

     

    “อ้าวคุณ... มาแล้วเหรอ? ฉันกลับได้หรือยัง?...”

    “.....”

    “....คุณ..!

    “ห๊ะ..?  อะไรนะ?”   แจ็คสันที่เผลอมองท่าทางน่ารักเหมือนลูกแมวอย่างลืมตัวเพิ่งได้สติกลับคืนมาอีกทีก็ตอนถูกเธอเขย่าแขนแรงๆ

    “นี่กี่โมงแล้ว ฉันกลับได้หรือยัง?”  หญิงสาวทวนคำพลางยกหลังมือขึ้นปิดปากไปหาวไปอีกหน

    “ก็บอกว่าเช้า... หลังแปดโมงชัดไหม?”  อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เคร่งเครียดอะไรขนาดนั้นแต่พอเห็นท่าทางที่ไปคนละทิศกับคำถามแล้วก็นึกอยากแกล้งขึ้นมา

    “ฉันถ่างตารอไม่ไหวนะ ง่วงจะแย่”  

    เสียงโอดครวญทำเอาคนฟังลอบยิ้ม สิ่งที่เธอพูดนั้นเป็นเรื่องจริงเพราะวันนี้เธอตื่นตั้งแต่ตีสามเพื่อทำงานพิเศษเป็นตัวประกอบภาพยนตร์โฆษณาจนถึงสองทุ่มและก็ต่อด้วยการมาที่งานเลี้ยงคืนนี้และเพิ่งเผลอหลับไปเมื่อตอนเที่ยงคืนกว่านี่เองซึ่งตอนนี้เธอไม่มีแรงจะทะเลาะกับใครทั้งนั้น

    “ง่วงขนาดนี้ก็ไปนอนสิ”  เมื่อเห็นว่าเธอแทบจะหลับในใส่คนชอบแกล้งก็ออกปากไล่

    “นอนไหนล่ะ? เตียงคุณเหรอ... ไม่ไหวมั้ง”  ร่างเพรียวปฏิเสธตาโต... แต่มันก็โตได้แค่ครึ่งเดียวของปกติเท่านั้น

    “เธอนอนฝั่งซ้าย ฉันนอนฝั่งขวา แบ่งกันคนละครึ่ง”   แจ็คสันตัดสินง่ายๆ ส่วนคนฟังก็ใช่ว่าจะเออออตาม เธอกลับยื่นข้อเสนอใหม่ที่คิดว่าไฉไลกว่าให้เขาแทน

    “โทรบอกรูมเซอร์วิสของผ้าห่มเพิ่มค่ะ ฉัน...จะนอนตรงนี้”  หญิงสาวชี้ที่โซฟาตัวใหญ่ในห้องโถงรับแขก “ส่วนคุณ... ก็เชิญที่ห้องคุณตามปกติ ไม่ต้องห่วงฉันเลยนะ โซฟาราคาแพงขนาดนี้มันนอนสบายอยู่แล้ว”

    “เอาที่เธอสบายใจก็แล้วกัน”   เจ้าของห้องส่ายศีรษะอย่างคร้านจะโต้เถียง ก้าวตรงไปที่โทรศัพท์พื้นฐานในห้องเพื่อโทรหารูมเซอร์วิสเมื่อเห็นร่างเพรียวที่เพิ่งจะแจกแจงจบหันไปเตรียมที่นอนของตัวเองอย่างไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

     

     

     

    เอาเลย... วันนี้เขาเองก็ทั้งเหนื่อยและล้ามากแล้ว

     

     

    ... ยอมยกให้วันนึงก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าค่อยว่ากันอีกทีก็ไม่สาย

     

      

     

     

     

     

    ประตูห้องการเงินของโรงเรียนถูกเปิดออกช่วงสายของวันแรกในสัปดาห์ตามด้วยร่างเพรียวในชุดนักเรียนมัธยมปลายแบบถูกระเบียบเป๊ะ รอยยิ้มที่ฉายชัดบนใบหน้าบ่งบอกว่าอารมณ์ดีไม่น้อยโดยที่เจ้าตัวยังไม่เลิกมองกระดาษสีขาวแผ่นบางในมือเพราะเธอเพิ่งจ่ายค่าเล่าเรียนของเทอมนี้ไปสดๆ ร้อนๆ

     

     

     

    ฟึ่บ...

     

     

     

     

    “อ๊ะ!?”  

     

     

    แฟร์รี่อุทานอย่างตกใจเมื่ออยู่ดีๆ กระดาษใบเสร็จรับเงินก็ถูกฉกไปซึ่งหน้าแต่เมื่อหันกลับไปมองก็เจอเพื่อนร่วมห้องที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าค่าตากำลังเงยหน้าจากสิ่งที่ถืออยู่และยกขึ้นโบกไปมาพร้อมยิ้มกวน

     

     

    วันนี้... เขาสวมชุดวอร์มสีขาว

     

     

    “เอาคืนมา...”   แบมือออกไปตรงหน้าด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

    “เก่งนี่เด็กใหม่... หามาจ่ายได้ไวดี นึกว่าจะวิ่งตาตั้งมาเคลียร์วันสอบ ไม่เสียแรงที่ลาป่วยไปตั้งอาทิตย์นึง” 

    “คิมหันต์!”   การที่เขาเอ่ยอะไรแปลกๆ ออกมาทำเขาคนฟังถึงกับร้องเรียกชื่อเขาเสียงหลง

    “ฉันจำชื่อตัวเองได้น่า...”  ร่างสูงกว่าทำน้ำเสียงรำคาญ

    “นายต้องการอะไร?”  เธอหรี่ตามองอย่างไม่ค่อยไว้ใจ

    “ครึ่งเช้าอาจารย์สายชั้นเราประชุม ฉะนั้น งดสอน ทีนี้เราก็ไปหาอะไรกินกันดีกว่า แล้วไม่ต้องห่วง... ฉันเลี้ยง คิดว่า... หลังจากออกจากห้องนั้นมา กระเป๋าตังค์เธอคงเบาหวิว”  เขาเอ่ยปากชวนพลางก้มหน้าลงดูใบเสร็จในมืออีกครั้งพร้อมทำหน้าขยาดเล็กๆ

    “ฉันถามว่า... นายต้องการอะไร?”  เธอย้ำ

    “เพื่อนกินข้าว กินคนเดียวมันไม่อร่อย พอใจยัง?”  คำตอบง่ายๆ ไม่น่าตกใจเท่ากับการกระทำที่เขายัดกระดาษใบเสร็จใส่มือเธอก่อนจะคว้าแขนอีกข้างให้เดินตามตัวเองในทิศทางที่มุ่งสู่โรงอาหารจริงอย่างพูด

    แผ่นหลังกว้างของคนในชุดวอร์มสีขาวยังคงเดินนำแต่ดูเหมือนเขาจะสัมผัสได้ว่าคนเดินตามกำลังจะเอ่ยปากขัดเพราะจู่ๆ เขาก็ชะงักเท้าและเหลียวกลับมาส่งสายตาดุเข้าให้จนเธอต้องเก็บปากเงียบ แม้ว่าเพื่อร่วมชั้นในชุดวอร์มสีขาวคนนี้จะเป็นคนเดียวกับคนชุดดำเมื่ออาทิตย์ก่อนทว่าความรู้สึกนั่นช่างแตกต่างเพราะความอบอุ่นครั้งก่อนถูกกลบมิดด้วยความน่าหมั่นไส้ในปัจจุบัน

     

    อาหารหลากหลายอย่างถูกวางลงตรงหน้าแถมกลิ่นของมันช่างยั่วน้ำลายของร่างเพรียวในชุดนักเรียนเหลือเกิน คิมหันต์นั่งเท้าคางมองเพื่อนร่วมชั้นอย่างนึกขันที่เห็นเธอท่าทางประหลาดๆ จากคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิง

    “เก็บน้ำลายด้วยเด็กใหม่”   น้ำเสียงยานคางของเขาสามารถเรียกค้อนจากสายตาของคนถูกแซวได้ในฉับพลัน

    “ถามอะไรอย่างสิ”   แฟร์รี่ปรับเปลี่ยนกิริยาเสียใหม่และเริ่มถามในสิ่งที่ตนอยากรู้

    “ถามว่า?”

    “นายรู้จักฉันเหรอ? เราไม่เคยคุยกันเลยจนวันนั้น... แล้วทำไมถึงเลี้ยงข้าวฉัน?”  เพราะเกรงว่าจะไม่ได้เรื่องจึงถามออกไปเสียรวดเดียว... ก็คงได้คำตอบดีๆ มาบ้างแหละน่า

    “เธอชื่ออิงฟ้าไง นั่นน่ะก็รู้นานแล้ว... แล้วที่ฉันไม่ได้คุยด้วยก็ใช่ว่าจะไม่รู้จัก ส่วนเรื่องข้าว... ก็บอกแล้วไงว่าสงสารเงินที่เหลืออยู่ในกระเป๋าของเธอ หรือจะให้ตอบแบบสร้างศัตรูก็คือ...ฉันรวย”

    “อ่า...” 

    แฟร์รี่พยักหน้าเบาๆ กับคำตอบพวกนั้น... เขากำลังบอกเธอว่าเขาเป็นพวกอยากทำอะไรก็ทำว่างั้นเถอะ ... ไหนๆ เขาก็ไม่อยากจะอธิบายอะไร หากเธอไม่คิดหาเหตุผลก็คงไม่เป็นไรเหมือนกันสินะ

     

    ส้อมสีเงินวาวในมือจิ้มลงไปในเนื้อของชีสบอลสีเหลืองสวยที่คิมหันต์เพิ่งใช้ตะเกียบคีบมาวางในจานให้อย่างตั้งใจ ก็ในเมื่อเขาทำตัวสบายมากเสียจนเธอรู้สึกได้ว่าตนเองนั้นจะเครียดไปเพื่ออะไรจึงเริ่มจัดการอาหารหลายประเภทที่วางอยู่บนโต๊ะด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้นกว่าเก่า

     

     

    จริงดังที่คิมหันต์ว่า... ครึ่งเช้าแฟร์รี่ไม่ได้เรียนเลยแต่ก็คาดไม่ถึงว่าคาบบ่ายก็ถูกงดด้วยเช่นกันซึ่งทำให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ทั้งระดับชั้นได้อภิสิทธิ์ในการกลับบ้านก่อนอย่างน่าอิจฉาสังเกตได้จากสายตาทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องที่มองตามกันตาละห้อยเมื่อเห็นนักเรียนในโรงเรียนเดียวกันเดินตรงสู่ประตูทางออก

    ก่อนไปเข้างานที่คาเฟ่ก็ยังมีเวลาเหลือแถมอารมณ์ดีสุดๆ แฟร์รี่จึงกดโทรวิดิโอคอลหาคนที่เธอคิดถึงอยู่ทันทีที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ

     “Hi...”  น้ำเสียงนุ่มๆ พร้อมรอยยิ้มที่เธอหลงใหลถูกส่งออกมาทักทายจากหนุ่มปลายสาย

    Hi... คิดถึงแฟร์ไหม?”  เธอเอ่ยถามอย่างสดใสแม้จะดูเคอะเขินไปบ้าง

    “ถ้าตอบว่าไม่ล่ะ จะโกรธผมไหม?” 

    “ไม่โกรธหรอก จะโกรธได้ไง...”   หญิงสาวบังคับตัวเองให้ร่าเริงแม้จิตใจจะห่อเหี่ยวทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

    “เฮ้... ผมล้อเล่น เอาไว้วันศุกร์ผมไปรับนะ”  คำแก้ต่างและเสียงหัวเราะจากชินยะไม่ทำให้เธอใจเต้นเท่ากับประโยคหลังของเขา

    “แฟร์เลิกงานตีหนึ่ง...”   คืนวันศุกร์เธอทำงานที่คลับซึ่งการไปรับแบบนั้นบางทีชินยะอาจจะลืมมันดึกแค่ไหน

    “ผมว่าจะขอไปเล่นเปียโนแทนนะวันนั้น อันที่จริงอยากไปเฝ้าคนบางคนมากกว่า สายรายงานว่ามีคนมาขายขนมจีบเยอะเลยนี่”  

    ใบหน้าหล่อเชิดขึ้นพร้อมกับจมูกได้รูปที่ย่นเข้าหากันราวกับกำลังงอนและรอให้ง้อนั้นทำให้ใบหน้าหวานเจือสีระเรื่อขึ้นมาแทนจากตอนแรกจะขำกลับเกิดอาการเขินเสียได้ แม้ความสัมพันธ์พิเศษนี้ไม่ชัดเจนเพราะยังไม่ได้เอื้อนเอ่ยเป็นถ้อยคำแก่กันแต่สัมผัสถึงสิ่งที่ต้องการสื่อได้เป็นอย่างดี

     

    ชินยะก็แค่... หวง ส่วนแฟร์รี่ก็เป็นปลื้มแทบแย่เมื่อคนที่เธอชอบแสดงออกแบบนั้น

     

     

     

    ทางด้านกอหญ้าการกลับมาจากญี่ปุ่นของเธอไม่เพียงแค่พักผ่อนแต่ยังต้องจัดการเรื่องย้ายที่เรียนและทำงานที่เข้ามาหลายต่อหลายชิ้นอีกด้วยซึ่งดูเหมือนจะยุ่งยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีกทั้งที่ผู้จัดการส่วนตัวกิตติมศักดิ์เช่นเจบีคัดกรองงานถ่ายแบบชุดว่ายน้ำและคอนเซปต์วาบหวิวหายไปกว่าครึ่ง

     

     

    ด้วยเหตุผลที่ว่า... นางแบบที่เครืออิมแมคกาซีนดูแลนั้นหน้าจะช้ำไม่ได้

     

     

    โธ่เอ๊ย... หึงก็บอกว่าหึงสิ!

     

     

    วันนี้เป็นอีกวันที่เจบีไม่ว่างเพราะต้องเข้ามหาวิทยาลัยเนื่องจากเป็นตัวแทนกลุ่มเข้าประชุมจับสลากลำดับการสอบย่อยของภาควิชาทำให้กอหญ้าฉายเดี่ยวมาถ่ายงานให้กับนิตยสารผู้หญิงรายสัปดาห์โดยไม่มีผู้ปกครองหน้าหล่อจอมดุมาคุมเหมือนหลายงานที่ผ่านมาแต่งานวันนี้ก็ไม่น่าห่วงนักเมื่อมีเพียงการสัมภาษณ์เล็กน้อยและบรรดาชุดที่นำมาถ่ายก็เซ็กซี่นิดหน่อยให้พอลุ้นเท่านั้น

     

    แค่ช่วยบ่ายแก่ๆ งานที่เริ่มมาตั้งแต่เช้าก็เสร็จเรียบร้อยร่างบางนั่งเกยคางบนพวงมาลัยรถอย่างเบื่อหน่าย โชคดีที่เจบียังยอมให้ขับรถมางานเองได้หลังจากถกเถียงกันอยู่นานเรื่องให้รถของที่บ้านมาคอยรับส่งแทนที่จะปล่อยเธอออกมาตามลำพัง สุดท้ายเธอก็เป็นฝ่ายชนะเพราะมีคนหนุนหลังคือประธานอิม เครื่องมือสื่อสารประจำตัวถูกหมุนเล่นไปมาเมื่อติดต่อหาเพื่อนสนิทคนไหนก็ไม่มีใครว่างไปเสียหมดส่วนเจบีก็ปิดเครื่อง ชั่งใจอยู่สักพักจึงตัดสินใจกดหาใครบางคนแต่เธอไม่รู้เลยว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าจะมีเรื่องยุ่งๆ ตามมา

     

     

     

    จุดนัดพบไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นร้านกาแฟที่ยองแจทำงานพิเศษอยู่ทว่าตั้งแต่ก้าวเข้ามาก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงา นั่งรอไม่นานนักร่างหนาแสนคุ้นเคยก็หย่อนตัวลงนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามโดยไร้คำทักทาย

    “เสียมารยาทนะคะ ยังไม่ได้เชิญนั่งสักนิด”   กอหญ้าค่อนขอดอย่างไม่จริงจังนัก

    “พี่หน้าด้านค่ะ” เขาเอ่ยพร้อมรอยยิ้มพลางถือวิสาสะตัดขนมที่วางอยู่บนโต๊ะมาชิมคำเล็กๆ

    “พี่แจ็คสัน!”  เสียงหวานเรียกชื่อเขาเสียงเข้ม

    “ครับๆ”   คนถูกขู่ยกสองมือเป็นเชิงยอมแพ้ ตอนนี้เขาไม่พร้อมรับมือกับกอหญ้าโหมดโหดสักเท่าไหร่

    “เอ๋... แล้วทำไมพี่แจ็คสันว่างล่ะคะ?”  คล้ายกับหญิงสาวเพิ่งนึกออกว่าเขาเรียนกับเจบีไม่ใช่หรือ...?

    “ก็คุณชายอิมแจบอมเป็นตัวแทนไปแล้ว พี่ก็ว่างสิคะ งั้นเอาเป็นว่า... ถ้าอยากไปไหน ทำอะไร พี่บริการเต็มที่โอเคไหม?”

    พอแจ็คสันยื่นข้อเสนอนางแบบสาวคนสวยก็รีบพยักหน้าหงึกเพราะหากไม่ฉวยโอกาสที่หาแสนยากเอาไว้ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะคุณชายอิมจะอนุญาตอีกอันที่จริงเธอก็ไม่ได้อึดอัดใจอะไรเพียงแค่ยังไม่ชินกับอาการหวงโอเว่อร์ของเขาต่างหาก

     

    ทั้งคู่ออกเดินทางด้วยรถของแจ็คสันส่วนรถอีกคันก็ให้คนของโรงแรมมารับช่วงต่อไป การเดินมาราธอนเพื่อตามผู้หญิงช้อปปิ้งไม่ใช่เรื่องลำบากสำหรับคนที่ขึ้นชื่อในเรื่องการดูแลสาวๆ แถมยังเป็นที่ปรึกษาที่ดีได้อีกด้วยซึ่งคราวนี้เขาเองก็พร้อมจะเป็นกระเป๋าเงินเคลื่อนที่ให้อีกฝ่ายด้วยความเต็มใจติดตรงโดนเธอปฏิเสธอยู่เนืองๆ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าตัวจะละความพยายามจนกลายเป็นสงครามเล็กๆ ยามถึงเวลาจ่ายเงินมีคราวต้องแย่งกันทุกทีทำให้ไม่ว่าใครเห็นก็รู้สึกถึงความน่ารักของพวกเขา

    หลังจากตะลุยเข้าออกร้านนู้นร้านนี้มาหลายชั่วโมงหลายสถานที่ข้าวของที่ได้มาก็ไม่มากมายอะไรนักแต่กระเพาะนั้นเรียกร้องถึงอาหารอย่างหนักหน่วงขึ้นมาแทนจึงตัดสินใจแวะคาเฟ่เพื่อหาอะไรรองท้องก่อนพาเธอกลับไปส่งที่บ้าน

    เสียงกรุ๋งกริ๋งของกระดิ่งที่ประตูร้านเรียกคำต้อนรับจากพนักงานเกือบทั้งร้านให้ดังขึ้นจนลูกค้าใหม่ทั้งสองคนลอบยิ้มขำให้แก่กันก่อนจะมีพนักงานอีกคนพาไปนั่งและรับรายการอาหารและเครื่องดื่ม

    กอหญ้านั่งหมุนโทรศัพท์เล่นหลังจากเพิ่งตอบข้อความแชทกับเจบีไปเมื่อครู่พลันนึกอะไรบางอย่างได้ก็หยิบกระเป๋าสะพายของตัวเองค้นหาอยู่สักพักก็ดึงถุงกระดาษใบเล็กออกมาก่อนจะเลื่อนมันไปตรงหน้าของแจ็คสัน

    “ซื้อมาฝากค่ะ แต่ลืมให้”

    “อะไรอ่ะ?”  แม้จะถามออกไปแต่ก็กระตือรือร้นที่จะหยิบมาดู

    “ชอบไหม?”  หญิงสาวทำหน้าลุ้นเมื่อเห็นเขาพิจารณาของสิ่งนั้น

    “น่ารักดี ผูกให้หน่อยได้ไหม...”  แจ็คสันถามทั้งที่รู้ว่าหากเขาขอเธอก็ไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว

    ชายหนุ่มยิ้มนิดๆ เมื่อมือบางรับทั้งโทรศัพท์และตุ๊กตาไล่ฝนไปผูกไว้ให้อย่างตั้งใจ เขาชอบทุกอย่างที่เป็นกอหญ้ารวมทั้งของที่เธอซื้อให้แม้ราคาค่างวดของมันจะถูกจะแพงก็ไม่เกี่ยง

    “ขออนุญาตเสิร์ฟเครื่องดื่มค่ะ”   เสียงสดใสของพนักงานทำให้แจ็คสันสะดุ้งแล้วรีบเก็บอาการ

    แก้วเครื่องดื่มถูกวางลงทั้งสองที่ซึ่งมันเกือบจะเป็นเรื่องปกติแล้วหากนางแบบคนสวยไม่เงยหน้าขึ้นมาเสียก่อน

     

    “คุณแฟร์รี่?  

    ไม่เพียงแค่เจ้าของชื่อเท่านั้นคนที่ร่วมโต๊ะเองก็ตกใจเช่นกัน

    “แฟร์รี่...”   แจ็คสันงึมงำอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ได้อย่างไรทั้งที่เขาเองก็มาร้านนี้หลายครั้งก็ไม่เคยพบเธอสักที

    “เอ่อ... คุณแจ็คสัน กับ คุณกอหญ้า งั้นฉัน... ขอตัวก่อนนะคะ” 

    เมื่อไม่รู้จะพูดอะไรเธอก็เลือกที่จะปลีกตัวออกมาดีกว่าเพราะเธอสังหรณ์ใจว่าสถานการณ์แบบนี้มันมีความเสี่ยงจริงๆ... เสี่ยงต่อความสงบในอนาคตไงล่ะ

    “เดี๋ยวสิคะ... ว้า.. ไม่ทันซะละ”   กอหญ้ายู่ปากอย่างเสียดายก่อนจะหันมาคาดคั้นเอากับแจ็คสันแทน “... พี่ไม่รู้เหรอว่าแฟนตัวเองทำงานที่นี่น่ะ? หรือเพิ่งมาทำ... เธอมีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?”

    “...เอ่อ...”

    แจ็คสันถึงกับติดอ่างเพราะไม่รู้ว่าจะตอบคำถามนั้นอย่างไร เขาเองก็ไม่ได้มีข้อมูลของแฟร์รี่มากนักแถมการเจอเธอในสถานะพนักงานของคาเฟ่ยิ่งเป็นเรื่องที่เขาเองก็ไม่คาดคิด

    “ว่าไงคะ? หรือว่าพี่แจ็คสันปิดบังอะไรอยู่...”   หญิงสาวเริ่มจับผิด

    “เปล่านี่คะ... พี่เองก็รู้แค่ยัยนั่น เอ่อ... แฟร์รี่น่ะค่ะ จะหางานพิเศษทำ แต่ก็ไม่ได้บอกว่าที่ไหน พี่เองยังแปลกใจเลย”  แจ็คสันหาเรื่องแถไปได้อย่างหวุดหวิด

    “งั้นเหรอ... นี่คุณแฟร์เธอจะโกรธไหม อยู่ดีๆ พี่แจ็คสันก็มากับหญ้าแบบนี้ ไปคุยกับเธอดีกว่า!”   

     

     

     

    หมับ!...

     

     

     

    แจ็คสันคว้าข้อมือของนางแบบคนสวยไว้ได้ทันท่วงทีก่อนจะได้เห็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามจากเธอที่ถูกส่งมา

    “เดี๋ยวพี่ไปเอง”  

    เพียงเท่านั้นหญิงสาวก็ยิ้มออกก่อนจะยอมถอยกลับไปนั่งที่เดิมและปล่อยให้แจ็คสันไปคุยกับเธอเอง

     

     

     

    กว่าจะฝ่าด่านอรหันต์ของบรรดาพนักงานและผู้จัดการร้านจนสามารถเรียกตัวยัยตัวแสบออกมาได้ก็กินเวลาไปเป็นสิบนาทีเพราะพวกนั้นไม่ยอมเชื่อว่าเขารู้จักกับเธอแถมยังอ้างชื่อของผู้ชายอีกคนที่คล้ายจะเป็นแฟนตัวจริงของเธออีกต่างหาก จนสุดท้ายต้องใช้วิธีให้ไปถามกับเจ้าตัวเอาเอง

    “เธอมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง?” 

    “ฉันต้องถามคุณมากกว่าว่าทำไมถึงมาที่นี่?” 

    “เฮอะ! มาคาเฟ่จะให้มาก่อสร้างรึไง? ก็มาหาของกินสิ!”  คำพูดยอกย้อนของแฟร์รี่ทำเอาแจ็คสันหงุดหงิด...

    “งั้นคุณก็เชิญรับประทานให้อร่อยเลยค่ะ ฉัน... จะไม่ย่างกรายเข้าไปใกล้โต๊ะคุณแน่นอน!”  แฟร์รี่บอกอย่างมั่นใจเพราะหากความแตกแล้วแจ็คสันจะเอาเงินคืนเธอก็ไม่มีให้หรอกนะ...ก็จ่ายค่าเทอมไปหมดแล้ว

    “ก็ดีๆ...”  ร่างหนาพนักงานอย่างเห็นด้วย  

    เมื่อทำการตกลงกันเรียบร้อยเขาก็ตั้งใจจะกลับไปที่โต๊ะอย่างสบายใจแต่ก็ต้องชะงักเท้าเอาไว้เพราะใครบางคนที่คุ้นตาถือเมนูเล่มบางนั่งข้างกอหญ้าอยู่ก่อนแล้วแถมดูเหมือนทั้งคู่ตั้งอกตั้งใจเลือกรายการอาหารอย่างใกล้ชิดอีกด้วย

    แฟร์รี่ที่กำลังจะเดินแยกไปชั้นบนของคาเฟ่สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ จึงขยับไปทักแต่เขากลับหาได้สนใจเธอสักนิด มือหนากำแน่นอย่างข่มใจจนเส้นเลือดขึ้นเป็นริ้วซึ่งนั่นเองที่ทำให้เธอรู้สึกได้

    “นั่น... คุณเจบีนี่... ถอยมาก่อนเลยคุณ... ถอยๆๆ”

    ต่อมความเห็นใจในสำนึกของแฟร์รี่เกิดทำงานขึ้นมากะทันหันอย่างน้อยถือว่าเธอก็ช่วยให้ร้านไม่พังหากร่างหนาที่ถูกทั้งลากทั้งจูงเกิดอยากระบายอารมณ์ขึ้นมาก็แล้วกัน

    มือบางยกขึ้นแล้วออกแรงกดไหล่คนสูงกว่าในนั่งลงพร้อมกับยกน้ำเย็นมาให้ ถึงแม้จะผ่านไปหลายวันแต่เธอก็ยังจำข้อมูลที่เขาเคยกรอกใส่หูเธอได้อยู่... ไอ้เรื่องอกหักรัดคุดมันเข้าใครออกใครเสียที่ไหนยิ่งตามติดมาตอกย้ำเยี่ยงชัตเตอร์ขนาดนี้ไม่เจ็บจี๊ดก็ให้รู้ไป

     

     

    นิสัยใจอ่อนนี่มันแก้ไม่หายสิน่า...

     

     

     

     

    “อ้าว... คุณเจบีสวัสดีค่ะ”   เสียงสดใสเอ่ยทักพร้อมรอยยิ้มหวานเหมือนเคยโดยที่ด้านหลังมีร่างหนาของแจ็คสันเดินตามทั้งที่ถูกจับข้อมือไว้แน่น

    “เห็นหญ้าบอกว่าแจ็คสันเข้าไปคุยด้วยสักพักแล้ว... เป็นยังไงบ้างครับ มันโกรธไหม?”  ประโยคหลังเจบียกหลังมือขึ้นป้องปากพร้อมกับพูดเสียงเบาราวกับกลัวอีกคนจะได้ยิน



    ดูท่าทั้งสองจะเข้าใจว่าแจ็คสันไม่ค่อยพอใจนักที่เห็นเธอมาทำงานพิเศษ



    “ไม่... มั้งคะ?”   เหลือบตามองแจ็คสันนิดหน่อยแล้วตอบก่อนจะดันเขาให้นั่งที่เดิมของตัวเองอีกครั้ง

    “แฟร์ต้องกลับไปทำงานแล้ว เชิญพวกคุณตามสบายนะคะ”

     

    คล้อยหลังร่างเพรียวของแฟร์รี่ก็กลายเป็นกอหญ้าเสียเองที่ดูตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่ได้พบ หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะแขนคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอย่างลืมตัวโดยมีสายตาของเจบีมองตามโดยที่แจ็คสันก็ยังสังเกตได้

    “พี่แจ็คสันเครียดเหรอคะ... ใจเย็นๆ นะ”

    “...อืม...”  ร่างหนารับคำแกนๆ เพราะสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเฟลไม่ใช่เรื่องของแฟร์รี่สักนิดแต่เป็นการมาของเจบีรวมทั้งท่าทางหวงที่เขารู้สึกได้ต่างหาก

    ความรื่นรมย์บนโต๊ะอาหารของแจ็คสันแทบเป็นศูนย์เมื่ออยู่ท่ามกลางการหยอกล้อของคู่รักตรงหน้าทั้งที่เคยเชื่อมั่นว่าทำใจได้แล้ว ถึงตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่จริงเลยแต่ก็ต้องทำเหมือนตนเองปกติดี

     

     

     

    “กลับกันก่อนเลยนะเดี๋ยวไม่ทันมื้อค่ำ พี่คงต้องรอรับแฟร์รี่กลับพร้อมกัน”  แจ็คสันบอกกับหญิงสาวคนเดียวในโต๊ะและหันมายักคิ้วให้เจบีอย่างรู้กันซึ่งชายหนุ่มก็เข้าใจความนัยที่สื่อเป็นอย่างดี

    “งั้นกูกลับเลยแล้วกัน มึงก็คุยกันดีๆ ล่ะ”

    “ไปนะคะ”

    “บ๊ายบายค่ะ”   เขายกมือโบกให้พร้อมรอยยิ้มอบอุ่น สายตายังคงมองคนทั้งคู่ผ่านกระจกร้านก่อนจะถอนหายใจเบาๆ เมื่อรถของเจบีแล่นออกไปจากลานจอด

    แฟร์รี่มองผู้จัดการร้านเพื่อขออนุญาตซึ่งเขาก็สะบัดปลายนิ้วเบาๆ อย่างเข้าใจเธอจึงได้ก้าวมายืนอยู่ข้างโต๊ะของคนที่กำลังนั่งซึมอยู่ริมกระจกใส

    “ไหวไหมคุณ?”   ท่าทางเงื่องหงอยแบบนี้แฟร์รี่ไม่ชินเอาเสียเลย

    “ยังไม่ตาย”  

    “แหม... ฉันไม่น่าห่วงเลยจริงๆ”  หญิงสาวบ่น เพราะหากปากยังร้ายได้ขนาดนี้ก็คงไม่มีอะไรต้องกังวล

    “นี่....”    อยู่ดีๆ แจ็คสันก็เอ่ยขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยจนแฟร์รี่ทำหน้าเหรอหรา

    “ห๊ะ...? เรียกฉันเหรอ?”

    “เลิกสองทุ่มใช่ไหม? ฉันรอรับกลับแล้วกันนะ”

    “ไม่เป็นไรหรอก ฉันกะ...”

    “ฉันมีเรื่องงานจะคุยกับเธอ”

    จากคราวแรกที่จะปฏิเสธก็ต้องหุบปากฉับแม้ไม่รู้ถึงเหตุผลแต่แววตาอันจริงจังที่เขาใช้มองเธอมันกลับทำให้ยอมรับคำอย่างเลี่ยงได้ยากแม้ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหนก็เถอะ

     

     

     

     

    “สัญญา 3 เดือน... ฉันให้เธอเดือนละสามหมื่น เงินพิเศษต่างหาก”

    “คุณว่ามันคุ้นๆ ไหม? นี่มันเหมือน...”   หญิงสาวทำหน้ายุ่งราวกับครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่างก่อนจะส่ายหน้าพรืดพร้อมกับยันสองมือลงบนโต๊ะอาหารตัวสวยแรงๆ และลุกขึ้นยืนตามด้วยเสียงแหลมสูงดังลั่นแบบไม่เกรงว่าแก้วหูใครจะแตก

     

    “คุณจะเลี้ยงดูฉันเหรอ!?  ให้ฉันเป็นเด็กเสี่ย?... ไม่เอา! ไม่เป็น! คุณนี่มันโคตรจะหื่น!

     

    หลังจากเลิกงาน... แจ็คสันพาแฟร์รี่มาที่ห้องพักของเขาในโรงแรมอีกครั้ง แต่เจ้าของห้องดันทิ้งให้เธอนั่งรอแถมยังหายเข้าไปในห้องนอนประมาณยี่สิบนาทีจากนั้นก็กลับออกมาพร้อมกระดาษสองแผ่นในมือที่ระบุรายละเอียดสัญญาว่าจ้างเป็นข้อๆ ซึ่งมีใจความถึงความสัมพันธ์ที่ทำท่าจะเลยเถิดมากขึ้น

    เธอจ้องเขาเขม็งแม้ภายในนั้นจะมีความว้าวุ่นแฝงอยู่เมื่อรู้สึกว่ามันไปไกลเกินกว่าจะควบคุม... เธอไม่ได้อับจนหนทางถึงขั้นหาคนเลี้ยงดู อาของเธอก็ยังอยู่ทั้งคนแม้จะต้องขาดการติดต่อกันเพื่อความปลอดภัยของชีวิตมันก็แค่นั้นเอง

     

     

    ที่สำคัญ... ไม่เคยคิดว่าเขาจะชอบเธอถึงขั้นอยากมีความสัมพันธ์ด้วยขนาดนั้น เอาจริงๆ คือติดจะไม่ชอบหน้ากันเสียด้วยซ้ำ

     

     

    ขณะที่หญิงสาวเริ่มกัดเล็บเช่นคนวิตกจริต แจ็คสันเองก็ยกมือตัวเองขึ้นยีผมตรงท้ายทอยอย่างปวดประสาทเช่นกัน

    “ฉันจำเป็...”

    No Way!! ไม่มีทาง เลิกคิดได้เลย!”    หญิงสาวโพล่งขัดขึ้นพร้อมกับยกมือห้ามทั้งที่เขายังพูดไม่จบประโยคดี

     

     


    ปัง!

     

     


    “มันก็แค่หลอกๆ!”  แจ็คสันหยัดตัวขึ้นพร้อมตบโต๊ะลั่นจนร่างเพรียวสะดุ้งและขึ้นเสียงบ้าง “เธอมีแต่ได้นะแฟร์รี่... เงินฉันก็ให้ทุกเดือน อยากได้อะไรเพิ่มก็บอก แถมฉันเองไม่ได้ขอตัวเธอมาเป็นข้อแลกเปลี่ยนเสียหน่อย....”

     

    “.....”

     

    พอเห็นสีหน้าครุ่นคิดจนคิ้วเรียวแทบขมวดเป็นปมร่างหนาก็เดินอ้อมโต๊ะมายืนซ้อนด้านหลังของเธอ วางสองมือบนลาดไหล่บางเบาๆ และก้มลงกระซิบข้างหูด้วยโทนเสียงที่เปลี่ยนเป็นทุ้มนุ่มเพื่อใช้ในการกล่อมร่างเพรียวตรงหน้า

     

    “... สิ่งที่ฉันต้องการมีแค่แสดงออกเหมือนเป็นแฟนฉัน... แค่ทำเหมือนงานที่เธอเคยทำ... ส่วนฉันเองก็ไม่ได้เรียกร้องว่าจะต้องมีความสัมพันธ์ทางกายต่อกัน ลองคิดดูเอานะว่าเธอจะมีตรงไหนเสียเปรียบบ้างล่ะ... แน่นอนว่าไม่มีเลย  แถมการแสดงแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องถนัดของเธออยู่แล้วไม่ใช่เหรอ ยัยนักต้มตุ๋น!

     





     



     

    เรื่องแผลงๆ ไว้ใจแจ็คฉันใด เรื่องปากเสียก็ไว้ใจแจ็คฉันนั้น

    แจ็คยังลืมรักครั้งเก่าไม่ได้ ยอมน้ำตาตกในตลอด

    #น่าสงสาร #เหรอออออ

    แต่คนที่น่าห่วงกว่ากลับเป็นแฟร์รี่เสียนี่

    อยู่ใกล้พ่อหนุ่มเพลย์บอยจะตามทันพี่เค้าไหมหนอ???



     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×