คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : X-Secret : VII – การแสดงอันแยบยล (Love Party)
X-Secret : VII – การแสดงอันแยบยล (Love Party)
ชายหนุ่มหน้าตาดีภายใต้แว่นสายตากรอบดำเอียงหน้าซบลงที่พวงมาลัยอยู่ภายในรถมากว่าครึ่งชั่วโมงแล้วทั้งที่คำนวณแล้วแท้ๆ ว่าคนที่ตนเองต้องการจะเจอนั้นกลับในช่วงเวลานี้แต่นี่มันก็เลยเวลามามากจนรู้สึกว่าดึกเกินไปจนน่าเป็นห่วง
“เฮ้อ...”
เสียงถอนหายใจที่ไม่ต่ำกว่ารอบที่สิบถูกระบายออกมาอีกครั้ง เขาทำอะไรไม่ได้เลยสักนิด ไลน์ไปก็ไม่ได้ตอบแถมโทรไปก็ยังแทบจะไม่รับสาย ไม่รู้ว่าทำผิดตรงไหนถึงเป็นเช่นนั้น
ร่างเพรียวในชุดเสื้อฮู้ดแขนยาวสีกรมท่าที่เดินอยู่อีกฝั่งเรียกความกระตือรือร้นของเขาได้ในทันที ชินยะรีบขยับตัวออกจากรถของตนด้วยความเร่งรีบอย่างเกรงว่าจะไม่ทันและคลาดกัน
หมับ!...
แรงสัมผัสที่ท่อนแขนทำเอาร่างทั้งร่างถลาตามแรงเพราะไม่ได้ตั้งตัวจนปะทะอกของอีกคน
“ชินยะ...” หญิงสาวรำพึงพลางใช้อีกมือดึงสายอินเอียร์ออกจากหู เธอเองไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเจอเหตุการณ์เช่นนี้ซึ่งทำให้เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขา
“แฟร์โกรธอะไรผม?”
“เปล่า...” เธอปฏิเสธ ยิ่งได้ยินคำถามก็ยิ่งมึน เพราะไม่เห็นจะจำได้เลยว่าเคยรู้สึกแบบนั้น
“แล้วทำไมถึงดูเหนื่อยๆ ... ไม่ได้พักผ่อน หรือว่าเรียนหนัก?” แม้ไม่ได้คำตอบที่ทำให้ความสงสัยกระจ่างแต่ยังรัวคำถามเป็นชุด
“ชินยะมาได้ยังไง?”
“โกรธที่วันนั้นไปเล่นดนตรีที่คลับแล้วไม่บอกใช่ไหม? ผมไม่ได้ตั้งใจ วันนั้นรีบมากแล้ว...แค่กลัวว่าจะเป็นห่วง”
คำตอบที่ได้กลับมาไม่ได้ตรงคำถามเลยสักนิดจนหญิงสาวได้แต่พรูลมหายใจบาง เธอไม่ได้โกรธหรือเคืองแต่ไม่มีความร่าเริงมากพอที่จะคุยกับมนุษย์คนใดในโลกยามที่เธอเครียดจนสมองแทบจะระเบิดขนาดนี้ส่วนเรื่องเงินหากจะหยิบยืมจากชินยะนั้นลืมไปได้เลยทั้งที่แม้เอ่ยปากเขาก็เต็มใจจะช่วยก็เถอะ
ตอนนี้เธอหาเหตุผลดีๆ มาอธิบายความจริงยังไม่ได้เลย
แต่ก็ไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกดีที่เขามีท่าทีเป็นห่วงขนาดนี้
“ชินยะ... แฟร์ไม่เป็นอะไรแค่เครียดนิดหน่อย” สุดท้ายก็พูดออกไปเพียงแค่เหตุผลนั้น
“มีอะไรให้ช่วยไหม... ถ้าช่วยดะ...”
“ไม่เลย! แค่เรื่องทั่วไปน่ะ” หญิงสาวขัดทั้งที่ยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มตัวสูงกว่านิ่วหน้า ดวงตาภายใต้กรอบแว่นฉายแววไม่ชอบใจเล็กน้อยเพราะแฟร์รี่ไม่ยอมบอกทั้งที่ขาดการติดต่อกันเกือบสัปดาห์เต็มๆ ใช่ว่าคนอย่างเขาจะตามผู้หญิงคนไหนแบบนี้ทุกคนเสียหน่อยตัวเธอเองก็รู้ดีแต่กลับไม่ยอมไว้ใจ
“ตามใจ” และแล้วเขาก็พูดได้เท่านี้ น้ำเสียงนั้นเฟลอย่างเห็นได้ชัด
“นี่... กินอะไรรึยัง? ไปกินข้าวไหม?”
แม้จะเป็นความคิดที่โง่มากที่ชวนอีกคนหาอะไรลงท้องในเวลาเกือบสี่ทุ่มแต่ก็อยากจะพูดไป... เอาง่ายๆ ก็ง้อคนตรงหน้านั่นแหละ ไม่รู้ด้วยว่าเขาจะยอมใจอ่อนหรือเปล่า
“เอาสิ...”
เพียงเท่านั้นรอยยิ้มก็จุดขึ้นบนใบหน้าน่ารักอย่างสดใสอีกครั้ง ก่อนจะขาสองคู่จะก้าวเดินเคียงกันไปตามทางริมถนน
หากด้านหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยความชื่นมื่น ก็ไม่แปลกที่อีกด้านจะเต็มไปด้วยความโกลาหล ก็ใครใช้ให้มาร์คลากจูเนียร์มาเจอกับแจ็คสันในเวลาเช่นนี้กันเล่า
แค่เจบีจ้องจับผิดก็อึดอัดจะแย่ ยังมาถูกเจ้าเพื่อนจอมวางแผนตามติดเพราะอยากเห็นหน้าแฟนของหวังแจ็คสันอย่างหมายมาดอีกต่างหาก
“มึงนะมึง... จะพ่วงไอ้เนียร์มาทำไมวะแล้วชีวิตกูจะสงบสุขไหม... ถาม?”
“ให้กูทำไงล่ะ? ก็มันไม่ให้มันมา มันก็ไม่ยอมปล่อยแบมแบมมาคนเดียว มึงทำใจละกัน” มาร์คได้แต่ตบบ่าแจ็คสันแรงๆ เป็นการปลอบใจ
“แล้วใครใช้ให้มึงฝากคิสมาร์กไว้ที่คอลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของออมม่าเนียร์กับอัปป้าเจบีล่ะวะ! พวกมันไม่กระทืบมึงก็บุญแล้วเหอะ โชคของมึงยังดีที่ไอ้บีไม่รู้นะ ไม่งั้นละก็... เละ!” แจ็คสันยกนิ้วโป้งขึ้นทำท่าปาดคอจนต้นตอของเรื่องถึงกับมองบนอย่างหมดคำแก้ตัว
“แต่กูก็ชอบมันนี่นา”
“นอกจากไอดอลของมัน แบมแบมอยากได้มึงเป็นแฟนไหมล่ะ ก็ไม่” คนรับฟังไม่แคล้วตอกย้ำให้มาร์คเจ็บจี๊ดในหัวใจ
“พูดมากแดกไป!” เจ้าของเรือนผมสีแดงจับปีกไก่ทอดยัดปากเพื่อนแก้ความหงุดหงิด เขารู้ดีว่าแบมแบมปลื้มเจบีแค่ไหนแต่ตอนนี้มันก็เป็นไปไม่ได้นี่นาในเมื่อเจบีมีแฟนแล้ว
อันที่จริงแบมแบมต้องมายืมหนังสือที่มาร์คมีแต่เพราะมันหลายเล่มมากคนตัวเล็กจึงต้องใช้เวลาไม่น้อยทว่าติดตรงข้อแม้ที่ว่าหากไม่ยอมให้จูเนียร์มาด้วยก็ไม่สามารถมาได้ ส่วนแจ็คสันนั้นต้องการขอความช่วยเหลือบางอย่างจากเจ้าของห้องจึงทำให้ตอนนี้ในคอนโดของมาร์คมีด้วยกันถึงสี่ชีวิต
“แล้วไอ้ยูคล่ะ” พักหลังไอ้เด็กมี่หมีขาวดูจะตัวติดกับมาร์คเป็นพิเศษพอไม่เห็นวนเวียนรอบตัวก็เลยถามถึงเสียหน่อย
“ถามเหมือนไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกันนะ... มันไปดินเนอร์กับที่บ้านไง ลืมเหรอ”
“จำได้จะถามไหมล่ะ?” แจ็คสันตอบน้ำเสียงกวนประสาท
ศีรษะของคนสองคนกำลังสุมเหนือหนังสือเล่มหนากำลังช่วยกันอ่านจนดูเหมือนจะเข้าสิงร่างสร้างความหงุดหงิดแก่เจ้าของห้องไม่น้อย เจ้าเด็กผมสีบรอนด์นั่นเขาเองก็เต๊าะเล็กเต๊าะน้อยตอดนิดตอดหน่อยมาตั้งนานแต่กลับไม่มีทีท่าจะก้าวตกหลุมที่ขุดไว้สักนิด
“งี่เง่า!” มาร์คบ่นพลางใส่อารมณ์กับปุ่นบนจอยสติ๊กในมือ
“เออ จริง”
“คิดว่าอยากง้อรึไง อิโธ่!”
“ใช่ ถูกต้อง” คนข้างๆ ยังคงเอออออย่างเห็นด้วย
มาร์คหันมองอย่างแปลกใจเพราะรู้สึกว่ามันอาจจะเป็นคนละเรื่องเดียวกัน ก็มาร์คหมายถึงแบมแบม แล้วแจ็คสันคงไม่ได้พูดถึงด้วยหรอกมั้ง?
“มึงไหวนะ?”
“กูโอเค...” แจ็คสันตอบโดยไม่มองหน้า
“แจ็คสัน... มีอะไรให้ช่วยก็บอกมาเลยดีกว่า” มาร์คถึงกับกดหยุดเกมส์ชั่วคราวเพื่อหันมาคุยกับเพื่อนเพราะคิดว่ามันไม่ค่อยปกติแถมตอนแรกที่บอกว่าจะเข้ามาหาก็เกริ่นนำไว้บ้างแล้วแต่เป็นเขาเองที่หลงลืมไป
คนถูกถามถอนหายใจหนักก่อนจะวางจอยสติ๊กลงแล้วยันตัวลุกขึ้นเดินนำออกไปที่ระเบียง ไม่วายได้ยินเสียงดังปึ้งเบาๆ เมื่อหันไปมองก็เจอมาร์คเบ้หน้าใส่จูเนียร์ที่กำลังขมุบขมิบด่าแบบไร้เสียงตอบโต้คาดว่าเจ้าของห้องคงหาเรื่องด้วยความหมั่นไส้นั่นแหละ
“ทะเลาะกับแฟนสิมึง?”
“....” แจ็คสันหันขวับ ... มาร์ค ต้วน จะฉลาดเกินไปแล้ว
“คนที่ไม่มาวันนั้นใช่ไหม อันที่จริงเพลย์บอยตัวเป้งอย่างมึงไม่น่าคิดมากนะ แต่อยากรู้อย่างเดียว คนนั้นน่ะ... แฟนมึง จริงๆ น่ะเหรอ?”
“ก็...”
“ถ้าไม่ใช่จะซีเรียสไปทำไม ปล่อยผ่านไปก็ได้” มาร์คแนะนำอย่างเป็นห่วง เขารู้ดีว่าแผลในใจแจ็คสันยังไม่หายดี
“กูว่า... มีใครสักคนมันอาจจะดีกว่านี้” แจ็คสันเลือกที่จะโกหก อันที่จริงมันหมายความว่า... หากมีใครสักคนเพิ่มเข้ามาทุกอย่างอาจดีกว่านี้ต่างหาก ไม่เพียงแค่ตัวเองแต่เป็นเจบีและกอหญ้าด้วย
“มึงจริงจังกับผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าล่ะ? ถ้าไม่... ก็สงสารเค้าเถอะ”
“ถ้าแฟร์รี่ทำได้ละก็นะ...”
“แจ็คสัน แจ็คสัน แจ็คสัน... ไอ้แจ็ค มึงนี่น้า...” คล้ายกับมาร์คจะไม่เห็นด้วยนักเพราะถึงเขาผ่านใครมาก็เยอะทว่าไม่เคยเล่นกับความรู้สึกของใครเช่นนี้เลยซึ่งแจ็คสันเองก็ไม่ต่างกันทุกคนล้วนเข้าใจตรงกันว่าตนอยู่สถานะไหนยกเว้นคนที่คิดจะก้าวผ่านเส้นความสัมพันธ์แต่ก็ใช่ว่าจะสำเร็จง่ายๆ
“ก็แค่ลองดู...” แจ็คสันพลิกตัวหันหน้าเข้าด้านในห้องพลางพิงสะโพกที่ขอบระเบียงพร้อมกับยันตัวด้วยสันมือแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“เอาที่มึงสบายใจเลย กูเตือนแล้วนะ” มาร์คยกนิ้วขึ้นชี้หน้าเพื่อนก่อนจะค้อมตัววางศอกลงที่ขอบระเบียงเดียวกัน
สองหนุ่มต่างสัญชาติปล่อยความคิดของตนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกคล้ายกับต้องการเวลาในการทบทวนสิ่งที่ตัวเองสะสมไว้ในใจและค้นหาหนทางของตัวเอง
ความวุ่นวายก่อนงานเริ่มเป็นเรื่องปกติของฝ่ายจัดเลี้ยงทุกครั้ง หัวหน้างานส่วนต่างๆ เร่งมือตรวจความเรียบร้อยอย่างถี่ถ้วนเพื่อป้องกันความผิดพลาดหรือหากมันจะต้องเกิดขึ้นก็ต้องน้อยที่สุดหรือมั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
แจ็คสันสวมเสื้อยืดแล้วคลุมทับด้วยสูทสีเทาเข้มอยู่ภายในห้องจัดเลี้ยง Love Party ของคืนนี้อย่างเคร่งขรึมกว่าทุกที แฟ้มงานต่างๆ ในมือถูกเปิดเพื่อดูรายงานของแต่ละส่วนเพราะเขาเป็นคนรับผิดชอบงานนี้หากมีสิ่งใดผิดแผนขึ้นมาคงถูกประธานหวังเฉ่งหูชาด้วยแขกของวันนี้เป็นทั้งนักธุรกิจ บุคคลที่มีชื่อเสียง รวมถึงนักข่าวด้วย
งานปาร์ตี้เริ่มมีผู้คนหนาตาตั้งแต่หัวค่ำโดยที่เจ้าของงานทั้งสองคนต้องคอยรับหน้าจนแทบไม่เว้นว่างแม้กระทั่งการถูกขอเก็บภาพและให้สัมภาษณ์สื่อต่างๆ สุดท้ายเลยต้องให้ทีมงานของอิมแม็คกาซีนช่วยดูแลให้แทน รับรองได้เลยว่า... ไม่เกินพรุ่งนี้และมะรืนนี้ข่าวคงลงครบทั้งหน้าบันเทิงและข่าวสังคมเป็นแน่
บรรยากาศของ Love Party แม้จะเป็นงานที่อบอวลไปด้วยความรักแต่ใช่ว่าจะเป็นธีมงานสีชมพู ทั่วทั้งห้องโถงจัดเลี้ยงถูกประดับด้วยสีม่วงเฉดต่างๆ และสีเงินวาวซึ่งแน่นอนมันผ่านกระบวนการความคิดของครีเอทีฟของเครืออิมแม็คกาซีนเองด้วยแนวคิดของการรับหน้าฝนด้วยความหวานนั้นแฝงอยู่ภายใต้ท้องฟ้าอันอึมครึมในสายฝนพรำที่คู่รักจะซ่อนตัวและใกล้ชิดในร่มคันเดียวกัน
จะคิดว่าลึกซึ้งก็ทำได้... หากจะว่าน้ำเน่าหน่อยๆ ก็ไม่ผิดนัก
ส่วนตัวหลักยังไงก็หนไม่พ้นคู่รักเจ้าของงานทายาทบริษัทอิมแมคกาซีนเช่นเจบีนั่นแหละ
กว่าแจ็คสันจะลงมาที่งานอีกครั้งด้วยเสื้อยืดคอวีสีม่วงเข้มกับแจ็คเก็ตสูทสีขาวตอนนี้จากดนตรีสบายๆ ก็เปลี่ยนเป็นจังหวะหนักเสียแล้วรวมทั้งจบงานแถลงข่าวส่วนบริษัทและเข้าช่วงของเลิฟปาร์ตี้จริงๆ แสงสีที่ถูกเซตไว้สำหรับช่วงหลังทำหน้าที่สร้างความครึกครื้นได้ดีเยี่ยม เลเซอร์ถูกยิงไปทางเวทีที่กำลังมีการแสดงอันน่าตื่นเต้นเรียกเสียงเกรียวกราวให้กับผู้ร่วมงานได้เป็นอย่างดี
ดวงตาคมมองไปรอบงานก็เห็นว่าเพื่อนในกลุ่มคนอื่นๆ ก็มากันครบหมดแล้วและกระจายตัวกันอยู่จุดต่างๆ ที่เขาเห็นได้อย่างรวดเร็วเพราะสังเกตไม่ยากเลย... ตรงไหนมีผู้หญิงรวมตัวกันตรงนั้นมีแนวโน้มที่จะพบกับพวกตัวแสบเหล่านั้นโดยง่าย
เครื่องมือสื่อสารที่เสียบอยู่กระเป๋าหลังของแจ็คสันสั่นรัว มือหนาเอื้อมหยิบออกมาปลดล็อกหน้าจอและกดดูจึงเห็นว่าเป็นเพียงข้อความที่ถูกส่งมาถี่ๆ อย่างน่าหมั่นไส้
ชายหนุ่มเดินเข้าไปทักทายเพื่อนๆ ตามประสาแล้วตั้งหลักอยู่ในกลุ่มใกล้บูธดีเจเพื่อคุยเรื่องคิวกับคนอื่นๆ พร้อมกับสร้างความสนุกสนานให้สาวๆ ไปในตัวแต่พอจะย้ายรกรากไปมุมอื่นกลับบังเอิญสบสายตากับเจบีพอดิบพอดี
ร่างสูงของเพื่อนสนิทยักคิ้วทักทายก่อนจะเดินแหวกผู้คนมาหาโดยที่มือหนายังคงจับมือบางของคนรักให้เดินตามซึ่งแจ็คสันเห็นการกระทำทั้งหมดนั่นอย่างชัดเจน รอยยิ้มทะเล้นที่ส่งให้ในคราวแรกก็ยังคงแต้มอยู่บนใบหน้าแสนมีเสน่ห์เช่นเดิมแม้ปลายหางตาจะเบนไปหาอีกคนด้านหลังร่างสูงนั่น วันนี้สลัดคราบนางแบบเซ็กซี่เป็นสาวหวานด้วยเปียหลวมๆ รอบศีรษะประดับด้วยดอกยิบโซเล็กแซมช่อผม
“ไงดีเจ เตรียมตัวพร้อมรึยัง?” เจบีทักอย่างอารมณ์ดี
“นี่ใคร? หวังแจ็คสันนะครับผม” เขาเองก็ตอบด้วยความร่าเริงตามสไตล์เช่นกันก่อนจะหันไปทักนางเอกของงานคืนนี้ “ไม่ได้เจอกันนาน สบายดีมั้ยคะ?”
กอหญ้าหันมองปฏิกิริยาของเจบีแล้วลอบยิ้ม ไม่ว่าเมื่อไหร่แจ็คสันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย... เขาเคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น เคยพูดกับเธอแบบไหนก็ยังเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะคิ้วกระตุกเล็กๆ
เธอรู้ดีว่าต่อให้เป็นเพื่อนรักแค่ไหน... ยังไงเจบีก็หึงโหดอยู่ดี
“สบายดีค่ะ ขอบคุณนะคะที่ช่วยดูแลเรื่องสถานที่กับความเรียบร้อยทั้งหมด” หญิงสาวตอบพลางยกมือขึ้นเกี่ยวท่อนแขนเจบีไว้แทนการจับมือและดูเหมือนจะทำให้เจบีอารมณ์คงที่กว่าเดิมนิดหน่อย
“วันนี้ควงใครมาล่ะ?”
การเปิดประเด็นของเจบีก่อให้เกิดเดธแอร์อย่างช่วยไม่ได้ สายตาสองคู่เผลอสบกันโดยบังเอิญ คนหนึ่งมองด้วยความสงสัยแต่อีกคนกลับมีแววตากังวลราวกับเกรงว่าเธอจะเข้าใจผิด
“จะมีได้ไง... แจ็คสันโสดเสมอสำหรับสาวๆ นะครับคุณเจบี” คำโอ่อันคุ้นเคยเรียกเสียงหัวเราะให้กับคนฟังทั้งคู่ได้อย่างง่ายดาย
แต่ใครจะรู้... เขาตั้งใจบอกความนัยกับอีกคนต่างหาก และคนนั้นก็ดันเข้าใจเสียด้วย
ผ่านไปแค่ครึ่งคืนภูมิคุ้มกันหัวใจของแจ็คสันที่สั่งสมมาก็ลดฮวบฮาบจนน่าใจหายเพราะสายตาไม่รักดีคอยแต่จะมองหากอหญ้าอยู่เรื่อยและเกือบทุกครั้งก็มักจะเห็นเจบีดูแลเธอไม่ห่าง ถ้าแจ็คสันไม่ทำผิดพลาดที่ยืนตรงนั้นก็ยังคงเป็นเขา
... ยิ่งเห็นยิ่งเจ็บ ยิ่งมองยิ่งตอกย้ำหัวใจช้ำๆ ของตัวเอง
อีกไม่ถึงสิบห้านาทีคิวของแจ็คสันจะต้องขึ้นโชว์ตามกำหนดงานเครื่องมือสื่อสารที่ถูกเสียบไว้ที่กระเป๋าหลังก็สั่นระรัวขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่รับสายเจ้าตัวก็รีบวิ่งออกจากห้องโถงจัดเลี้ยงทันที
บริเวณประตูด้านข้างร่างเพรียวในชุดแม็กซี่เดรสสีขาวปาดไหล่ตัวกระโปรงด้านนอกเป็นซีทรูทับซับในตัวสั้นและมีเชือกคาดเอวสีม่วงอ่อนกำลังยืนหันหลังและคุยโทรศัพท์อยู่กับใครสักคน
แจ็คสันขยับก้าวเข้าไปหาอย่างไม่เร่งรีบนักเขาเองก็เกรงว่าคนตรงหน้าจะตกใจเช่นกัน มือหนาแตะไหล่ร่างเพรียวตรงหน้าอย่างแผ่วเบาพอให้เธอได้รู้สึกเล็กน้อยจากนั้นจึงหันมาแล้วเบิกตากว้าง
“คุณ! ทำไมอยู่ที่นี่!?”
แฟร์รี่หลุดคำถามออกไปเร็วกว่าความคิด เธอลืมไปสนิทว่าเคยมาส่งแจ็คสันที่โรงแรมนี้ก็ว่าตงิดๆ อยู่แต่ไม่ได้นึกเอะใจ
“ก็ผมอยู่ที่นี่” คำตอบทื่อๆ ของเขาทำเอาหญิงสาวอยากเอาหัวโขกกำแพงเพราะคำถามของเธอไม่ได้หมายความแบบนั้นเสียหน่อย
สัญญาณเตือนข้อความเข้าทำให้เธอต้องสงบศึกชั่วคราวและก้มมองก่อนจะกดโทรออกในเวลาต่อมา ทว่าสิ่งที่เธอแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ... คนตรงหน้าหันจอโทรศัพท์ของเขายื่นมาให้ดู
... นั่นมันเบอร์ของเธอไม่ใช่หรือ?
แฟร์รี่กัดปากอย่างเจ็บใจเธอเพิ่งนึกได้อีกเรื่องว่าซงมินโฮและหวังแจ็คสันเป็นเพื่อนกัน ว่าแล้วเชียว... ทำไมคนติดต่อถึงกระตือรือร้นในการตามเธอมาที่นี่เหลือเกิน เหตุผลคือแบบนี้นี่เอง เท้าเรียวบนรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วขยับเล็กน้อยอย่างชั่งใจ แปดสิบเปอร์เซ็นต์ที่คิดไว้ตั้งใจจะถอยแล้วกลับบ้านไปเลย
“เดี๋ยวก่อน...!”
“....”
“ผมเป็นคนให้มิโนนัดมาที่นี่เอง” แจ็คสันพยายามพูดด้วยอย่างต้องการญาติดี
“เพื่อ?”
“เพราะรู้... ว่าเธอจะไม่มีทางรับงานนี้”
“....” แม้แฟร์รี่จะเอาแต่เงียบ แจ็คสันก็เข้าใจว่าตนเดาไม่ผิดสักนิดเดียว ซึ่งหากเธอรู้... จะไม่มีทางมาเด็ดขาด
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะลางสังหรณ์ของเธอบอกว่า... การเข้าใกล้แจ็คสันอาจเสี่ยงต่อความไม่ปลอดภัยยิ่งกว่าที่เป็นอยู่
“แต่ เราไม่มีเวลาแล้ว...”
“เวลาอะไรของคุณ?”
คำถามนี้ไม่ได้รับคำตอบท่อนแขนแข็งแรงก็โอบเอวบางของแฟร์รี่จนตัวแทบลอยซึ่งอีกนิดเดียวเธอจะกรี๊ดออกมาแล้วนะถ้าไม่หันมาตกตะลึงกับบรรยากาศรอบตัวที่เปลี่ยนจากทางเดินพื้นพรมด้านนอกเป็นห้องจัดเลี้ยงขนาดใหญ่อันเต็มไปด้วยแสงสีเสียงจัดเต็มและผู้คนมากมายตรงหน้า สิ่งที่ปรากฎนั้นรวดเร็วเสียจนร่างเพรียวในอ้อมแขนแจ็คสันตั้งตัวไม่ทัน
“ถึงเวลาทำงานแล้ว... ไปกัน” เสียงทุ้มของแจ็คสันที่ข้างหูเรียกสติที่หลุดไปชั่วขณะกลับเข้าร่าง
“ฉันมะ...”
“ห้ามถอย!” เขาโพล่งเสียงเข้มจนคนตั้งท่าจะค้านสะดุ้ง ข้อมือบางถูกกำรอบจนเกือบแน่นจากนั้นก็ถูกลากให้เดินตามในทิศทางที่มุ่งสู่สแตนด์สูงของบูธดีเจ แฟร์รี่จะกระชากออกหรือขัดขืนก็ไม่สำเร็จคิดจะแหกปากขอความช่วยเหลือจนเป็นจุดเด่นเพื่อเอาตัวรอดก็พลันเหลือบไปเห็นสายตาคมกริบของคนที่เธอเคยพบหน้าเข้าเสียก่อน...
“คุณเจบี...” ร่างเพรียวรำพึงทั้งยังสำนึกทันทีว่ามันคือหายนะชัดๆ การมาเจอเพื่อนของร่างหนาจอมเผด็จการแถมคนนั้นเคยพบเธอไม่ใช่เรื่องดีเลย
หวัง แจ็คสัน ทำชีวิตของแฟร์รี่วุ่นวายเกินไปแล้ว
"แสดงให้ดีล่ะ... ยัยนักต้มตุ๋น!"
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำเอาเธออยากจะตั๊นหน้าหล่อๆ นั่นสักหมัดสองหมัด รู้สึกได้ทันทีว่าคนตรงหน้าเสแสร้งทำดีด้วยเพื่อหลอกให้ตายใจ เพราะถ้าก้าวมาถึงภายในงานหากจะชิ่งก็ไม่ทันแล้ว
"วันนี้ผมนึกว่าจะไม่เจอคุณเสียอีก" เจบีเอ่ยทักขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงที่บอกถึงความยินดี
"... ก็ไม่ได้คิดไว้เหมือนกัน" หญิงสาวพึมพำแต่น้ำหนักที่ได้รับตรงข้อมือบางทำเอาเธอแอบหางตากระตุก
บรรยากาศอึมครึมแปลกๆ ทำให้ร่างเพรียวต้องเล่นตามเกมส์อย่างเสียไม่ได้ ริมฝีปากบางกระซิบตรงข้างหูของแจ็คสันก่อนจะหัวเราะคิกคักจนผู้ชายหล่อแบบแบดบอยตรงหน้ายิ้มบาง
"คุณแจ็คสันต้องไปทำหน้าที่ดีเจแล้ว... ขอตัวก่อนนะคะ"
หญิงสาวเอ่ยขอตัวกับสองหนุ่มสาวพลางดึงคนข้างๆ มุ่งตรงยังเป้าหมายคือบู๊ธดีเจ ส่วนแจ็คสันแอบฉงนใจกับท่าทางที่เปลี่ยนไปเพราะก่อนหน้านี้เธอกระซิบกับเขาว่า... ถ้าเจ็บปวดนักจะช่วยก็ได้
... บางทีเขาก็สงสัยว่าเธอรู้อะไร
ระหว่างงานปาร์ตี้แฟร์รี่ก็ทำหน้าที่อย่างดีเยี่ยมทั้งคลอเคลียทั้งส่งแก้วเหล้าจรดถึงริมฝีปากของผู้ชายคอแข็งมิได้ขาดแม้ว่าเขาจะเปิดเพลงอยู่ก็ตาม การแสดงออกหวานๆ นั่นทำเอาหลายคนที่มองนึกอิจฉา
ตาร้อนกับคู่รักสุดฮอตผู้เป็นเจ้าของงานแล้วยังต้องมานั่งเสียดายเพื่อนเจ้าของงานอีก
แต่ทว่า สายตาของนางแบบสาวสุดเซ็กซี่ที่เคยพบที่คาเฟ่เมื่อหลายวันก่อนนั้นทำเอาแฟร์รี่ประหม่าไม่น้อย ทั้งที่ยืนอยู่ข้างคนรักแท้ๆ ยังมองมาทางแจ็คสันอยู่บ่อยๆ จนจับสังเกตได้ว่า... สองคนนี้มีซัมติงอะไรบางอย่างต่อกันแน่ๆ
หากถามว่าเธอรู้ได้ยังไง... ก็ต้องตอบว่าหูของเธอนั้นใช้การได้ดีเยี่ยมจนสามารถจับใจความในสิ่งที่ใครบางคนคุยกันด้วยความอิจฉาคู่รักเจ้าของงานได้ครบถ้วน
เปิดเพลงเพียงแค่ชั่วโมงเดียวแจ็คสันก็สลับกับดีเจอีกคนที่ดูเหมือนว่าค่อนข้างมีชือเสียงไม่น้อยเพราะเพียงแค่ประกาศแนะนำก็สามารถเรียกเสียงกรี๊ดลั่นแก้วหูได้อย่างน่าตกใจทว่าเรื่องที่ไม่ธรรมดานั้นคือร่างหนาทิ้งทวนชวงตัวเองด้วยการดึงแฟร์รี่ที่นั่งกดโทรศัพท์มาจูบแบบไม่สนใจสายตาประชาชีโดยสปอร์ตไลท์ส่องมาพอดิบพอดีจนเด่นที่สุดในงานแถมยังสร้างเสียงกรีดร้องที่ดังสนั่นกว่าเมื่อครู่กว่าเท่าตัวเมื่อภาพถูกฉายขึ้นโปรเจคเตอร์ขนาดยักษ์ที่ติดตั้งไว้ในงาน
มือเรียวยกสูงในทันทีเตรียมตวัดลงบนแก้มของคนฉวยโอกาสแต่กลับถูกคว้าไว้ได้ก่อนและลากเธอลงจากสแตนด์สูงอย่างรวดเร็ว
แจ็คสันเห็นว่าเพื่อนทุกคนถึงกับอ้าปากค้างไม่เว้นแม้แต่แบมแบม ยองแจ และยูคยอม ซึ่งทั้งหมดเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว
แฟร์รี่ถูกพามาจนถึงชั้นที่พักของแจ็คสัน เมื่อปิดประตูห้องเรียบร้อย เขาปล่อยมือเธอทันทีและทิ้งตัวลงบนโซฟากว้าง
"ขอโทษที่ล่วงเกิน แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจะจ่ายค่าเสียหายให้..."
"คุณทำแบบนั้นทำไม!?" ตอนนี้เธอกำลังเดือดได้ที่ทีเดียว
"... กอหญ้าเคยเป็นคนรักของฉัน แต่เพราะความผิดพลาดเลยทำให้เธอเลือกเจบี"
"....." หญิงสาวถึงกับเงียบไปทันทีที่ได้ยิน
"... ไม่อยากจะพูดว่า ตอนนี้ก็ยังรักอยู่และทำใจไม่ได้ เธอช่วยแสดงเป็นคนรักของฉันสักพักได้ไหม อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้เจบีระแวง" แจ็คสันพรั่งพรูจนร่างเพรียวนึกเห็นใจ... การตัดใจไม่ใช่เรื่องง่ายเธอรู้ดี อารมณ์เมื่อครู่แทบแห้งเหือด
"ฉันอาจทำได้ไม่ดี"
"ไม่ต้องห่วง เธอเป็นนักต้มตุ๋นอยู่แล้วนี่ ฝีมือเธอก็คงดีอยู่บ้าง"
ประโยคนี้แฟร์รี่แทบไม่มั่นใจเลยว่าถูกชมหรือด่ากันแน่ ไม่ทันทิ้งเวลาให้คิดแบงค์พันปึกหนึ่งก็ถูกวางลงบนโต๊ะตรงหน้า
"ค่าจ้างสำหรับคืนนี้รับไปสิ... แต่ขอร้องอย่างเดียว กลับเช้าได้ไหม?"
แฟร์รี่ลังเลกับคำขอของเขาไม่น้อยอันที่จริงใช่ว่าจะไว้ใจมากนักยิ่งอยู่ในห้องสองต่อสองถ้าแจ็คสันเกิดเปลี่ยวขึ้นมาเธอจะทำยังไง หญิงสาวในชุดแม็กซี่เดรสตัวยาวสีขาวก้มลงหยิบเงินแล้วขยับร่างตรงไปที่ประตูซึ่งหมายความว่า... ไม่รับข้อเสนอนั้น
แต่ก่อนที่ร่างเพรียวจะเปิดประตูร่างหนายื่นแขนมากั้นเอาไว้จากทางด้านหลังจนเธอชะงัก
"... ปกติแล้ว คนที่รับเงินจากแจ็คสันไม่เคยได้กลับออกไปจนกว่าจะเช้า"
น้ำเสียงเย็นๆ ทั้งยังทุ้มต่ำทำเอาแฟร์รี่ใจคอไม่ดีตอนนี้สมองเล็กๆ ทำงานหนักขึ้นมากเมื่อได้ยินประโยคล่อแหลมเสี่ยงต่อความปลอดภัยขนาดนั้น
ริมฝีปากอุ่นที่กดซับลงที่ท้ายทอยทำเอาคนอายุยังไม่บรรลุนิติภาวะสะดุ้งเฮือก ร่างเพรียวขยับหนีแต่ก็ถูกแขนแกร่งโอบเอวไว้แน่นทั้งที่อีกข้างยังคงยันประตูเอาไว้
"ปล่อยเถอะค่ะ ฉัน... ไม่ไปไหนก็ได้" หญิงสาวเสียงแผ่ว เธอพยายามสะกดน้ำเสียงให้น่าฟังเข้าไว้อย่างน้อยก็เป็นหนทางหนึ่งที่จะรอดจากปากเหยี่ยวปากกาเช่นแจ็คสัน
"สัญญาสิว่าจะอยู่จนกว่าจะเช้า ไม่อย่างนั้นเธออาจจะเปลี่ยนสถานะจากผู้ช่วยเป็นเมียข้ามคืนก็ได้"
"...!!" คำร้องขอที่กลายเป็นคำขู่กลายๆ ของร่างหนาทำเอาคนฟังเบิกตาโพลง ผู้ชายคนนี้อันตรายกว่าที่คิด
"ว่าไง?" แจ็คสันเร่งแม้จะรู้ว่าร่างในอ้อมแขนสั่นน้อยๆ อย่างหวาดระแวง แต่ก็มั่นใจเต็มที่ว่ายกนี้เขาจะชนะ!
"เราจะต่างคนต่างอยู่ใช่ไหม?"
"แน่นอน ฉันจะไม่ทำอะไร แต่หากเธอต้องการ... ก็สะกิดเรียกได้เลย" ไม่พูดเปล่า... ร่างหนาลดแขนที่ยันประตูไว้ก่อนหน้ามาโอบกอดแถมยังวางคางคมลงบนซอกคอของแฟร์รี่ไว้อีกต่างหาก
"ก็ได้!" หญิงสาวโพล่งเสียงดังพร้อมทั้งผลักคนฉวยโอกาสจนเซถอยหลังไปหลายก้าว ตอนนี้เธอหันมาเผชิญหน้าเขาเต็มตัวแล้ว
... แม้ในใจจะด่าเขาเป็นผู้ชายเฮงซวยจนถี่ยิบก็เถอะ
แจ็คสันยกยิ้มมุมปากอย่างสมใจ เดาไม่ผิดว่ายัยนักต้มตุ๋นเวลาถูกกดดันทักษะเอาตัวรอดของเธอจะต้องเข้าทางเขา ... คำเรียกขานว่าเพลย์บอยใช่เพียงราคาคุย
ผ้าขนหนูสีขาวสะอาดถูกโยนให้แฟร์รี่หลังจากเจ้าของห้องหายเข้าไปในโซนห้องนอนไม่กี่นาทีซึ่งเธอก็รับมันไว้แบบงงๆ
"ไปอาบน้ำนอนเถอะ สาบานว่าไม่ทำอะไรล่วงเกินจนกว่าจะร้องขอ" น้ำเสียงกับสีหน้าอันยียวนกวนประสาททำเอาความกลัวที่เคยมีหายไปเกือบครึ่งเพราะถูกแทนที่ด้วยความโมโห
"..."
แม้หญิงสาวจะไม่ตอบโต้ แต่ก็คิดว่า... ปากอย่างแจ็คสันไม่น่ามาจนโตป่านนี้ได้เลย ร้ายชะมัด!
"ถ้าจะให้ช่วยอาบก็ยินดี แต่บอกก่อนนะ คงเสียเวลาหลายชั่วโมง" ร่างหนายังสนุกกับการยั่วโมโหคนตรงหน้า ยิ่งใบหน้าที่มีรอยยิ้มการค้าอยู่เสมอมุ่ยลงยิ่งทำให้เขาแทบหัวเราะดังๆ
"ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! ไอ้หื่น! ไอ้บ้า!" หลุดปากด่าออกไปสองสามคำก่อนจะเดินเร็วๆ กระแทกไหล่ผ่านร่างหนาตรงไปที่ห้องน้ำเพื่อจัดการบางสิ่งที่เพิ่งคิดออกให้เรียบร้อย
คล้อยหลังคู่กัดตัวฉกาจร่างหนาก็ล้วงโทรศัพท์ของตนออกมาอ่านข้อความ เขารู้ว่ามีคนพยายามติดต่อแต่ก็จงใจจะทิ้งไว้ให้ล่วงเลยถึงตอนนี้
... 5 สาย กับ 3 ข้อความ ไม่มากไม่น้อยจากคนคนเดิม จะเป็นใครได้อีกนอกจาก... กอหญ้า
'พี่คบกับเธอจริงๆ เหรอคะ? ถ้าเพราะพี่เจบี... กอหญ้าจะพูดกับเขาเอง'
'ถ้าลำบากใจ ไม่ต้องเข้ามางานอีกก็ได้นะคะ'
'กอหญ้าเป็นห่วงพี่แจ็คสันเสมอนะคะ'
ข้อความล่าสุดแทนที่จะทำเขารู้สึกดีแต่กลับตรงข้าม ยิ่งเธอทำตัวเหมือนเดิมเท่าไหร่เขายิ่งรู้สึกเจ็บ... มันเป็นความเจ็บที่ฝังอยู่ในหัวใจ เจ็บที่ไม่อาจรักษาเธอไว้ได้
ร่างหนาตัดสินใจกลับลงไปด้านล่างอีกครั้งเขาเดินเกมส์มาขนาดนี้ไม่มีทางปล่อยให้มันล่มเด็ดขาด แต่ไม่ลืมแวะสั่งอาหารให้แฟร์รี่เป็นการแก้ตัวที่แกล้งเธอจนขวัญหนีดีฝ่อพร้อมกับทิ้งโน้ตสั้นๆ แนบไปด้วย
มือใหญ่ตบมาบนไหล่แรงๆ เมื่อแจ็คสันก้าวเข้างานเมื่อหันไปก็เจอเจ้าเพื่อนแสนอัธยาศัยดียืนยิ้มเผล่จนตีนกาขึ้นตั้งท่ารออยู่
"ไงๆๆ เปิดตัวได้ขโมยซีนมากนะมึง" จูเนียร์รอแซวมาตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนเพราะเจ้าเพื่อนคนนี้อยู่ดีๆ ก็ดันหายไป เขาน่ะ... อัดอั้นแทบตาย
"แค่อารมณ์พาไป" แจ็คสันแก้ตัว
"เหรอออออ? แล้วยังไง... สาวน้อยชุดขาวไปไหนแล้ว อย่าบอกนะว่า..." จูเนียร์ทำหน้าตามีเลศนัยใส่เพลย์บอยผู้หลงใหลสาวเซ็กซี่แต่เท่าที่เห็นหลุดสเป็คเป็นผู้หญิงเรียบร้อยมาสองคนละ
"แฟร์รี่ไปนอนแล้ว เพิ่งไปส่งมา"
"ส่งจริง? แล้วเสื้อนอกมึงไปไหน?" วันนี้จูเนียร์ช่างสงสัยเป็นพิเศษอย่างผิดคาด แจ็คสันคิดว่าคนถามจะเป็นเจ้าเด็กหมีขาวยูคยอมเสียอีก
แต่ยังไงก็ช่าง... ใครถามก็เหมือนกันแหละ
"ถอดทิ้งไว้บนห้องตอนพาแฟร์ไปพักผ่อน เหงื่อออก ร้อน ขี้เกียจใส่" คำพูดที่แปลได้สองแง่เล่นเอาจูเนียร์ยกมือปิดปากอย่างโอเว่อร์ หมอนี่จะเล่นใหญ่ไปเพื่อใครกัน?
"คนนี้จริงจังงั้นดิ่? ดูแลดีขนาดนี้" ไม่ใช่เสียงของจูเนียร์แต่เป็นยองแจที่มาตอนไหนไม่รู้ต่างหาก
แจ็คสันแทบผงะ... เด็กหน้ามึนมักชอบมาเงียบๆ ตลอด บางทีเขาคงช็อคตายเพราะชเวยองแจเข้าสักวัน
"กูไม่ควรพูดมากไปนะ มันไม่ใช่สไตล์" ร่างหนาตอบปัด เขายังไม่แน่ใจว่าจอมพยศอย่างแฟร์รี่จะยอมร่วมหัวจมท้ายด้วยเต็มร้อยเปอร์เซนต์
"เพลย์เซฟได้อย่างน่าหมั่นไส้ เฮอะ! ... ลืมไปแล้วมั้งว่ามีทั้งเซเลปทั้งสื่อเต็มงาน" ยองแจพ่นลมออกจมูกพลางยกแก้วบรรจุน้ำสีสวยในมือขึ้นกระดกแล้วเดินหนี
ร่างหนาเลิกคิ้วเล็กน้อยเขาไม่ได้ลืมแค่ไม่ได้คิดต่างหาก ยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตามไปรวมกลุ่มกับพวกเพื่อนคนอื่นๆ เสียงเฮสนั่นก่อนหน้าเงียบเสียงลงเมื่อจอมขโมยซีนก้าวมาถึง สายตาแฝงความอยากรู้อยากเห็นถูกส่งมาล้อเลียนจนเขาต้องเอ่ยถาม
"มองอะไรกัน?"
"เปล๊า!..." แก็งค์เด็กแสบประสานเสียงชัดแจ๋ว มือไม้โบกปฏิเสธพัลวัน
"มึงล่ะ?"
"ไม่มี๊..." มาร์คบึนปากล่างเพื่อแสดงตนว่าไม่รู้เรื่องใดๆ
"เจบี... ?" แจ็คสันหันมาถามคนสุดท้าย เพราะจูเนียร์เดินหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้
"กูเหรอ? ... ตอนแรกก็ไม่แต่ตอนนี้มีละ" ปลายนิ้วเรียวยกขึ้นเกาคิ้วเบาๆ อย่างชั่งใจ
"เร็วๆ กูจะไปละ"
"น้องน้ำเชื่อมเป็นไงบ้าง?"
น้ำเชื่อม?...
เดี๋ยวนะ... หมายถึงแฟร์รี่รึเปล่านั่น? แล้วทำไมเป็นน้ำเชื่อมล่ะ แต่เสียงหัวเราะคิกคักของเจ้าพวกเด็กแสบทำให้แจ็คสันแน่ใจทันทีว่า...ใช่
"อาบน้ำนอนแล้วมั้ง?" ร่างหนาตอบตามจริง รู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อยที่พวกนี้มีลับลมคมนัย คาดว่าคงนินทาลับหลังจนเขาเละไปหมดแล้ว
"ผมยอมใจพี่เลยว่ะ โชว์ตัวแปบเดียวเอาไปเก็บซะละ ขี้หวงนะเรา" แบมแบมแหย่ต่อ เขาเพิ่งเห็นแจ็คสันโหมดระแวงจนออกหน้าออกตาก็คราวนี้
"ไม่ค่อยสบายต่างหาก กูไปละ... ไม่อยากทิ้งไว้นาน ขอให้สนุกนะเว้ย บาย..." คำพูดของแจ็คสันทำเอาที่เหลือตาโตอีกรอบเมื่อแปลความหมายได้ว่าหญิงสาวชุดเดรสสีขาวคนนั้นยังอยู่ที่ห้องพักของทายาทเจ้าของโรงแรมและดูท่าคงค้างคืนที่นี่แถมเจ้าตัวยังลงทุนทิ้งปาร์ตี้ที่สาวๆ เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ไปดูแลด้วยตัวเองซึ่งไม่ใช่เรื่องปกติสักนิด
... แต่ทั้งหมดหารู้ไม่ว่านั่นเป็นเพียงละครฉากหนึ่งในแผนการของแจ็คสันเท่านั้น
พี่แจ็คสันที่จอมเจ้าเล่ห์ของแท้ แม้แต่น้องแฟร์ของเรายังตามไม่ทัน
แถมเค้ายังมีผู้สมรู้ร่วมคิดทีนี้ตกกระไดพลอยโจนเต็มตัวแลัวสิ...
แค่นี้ความวุ่นวายก็เห็นรำไรแล้ว ><
จบตอนไปได้อย่างลำบากในการพิมพ์ 55555
ไรท์แค่หวังว่ายังมีคนรอพี่แจ็คสันอยู่นะคะ
ความคิดเห็น