ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ GOT7 x YOU ] THE X - SECRET :: ลับ...เฉพาะหัวใจ(เธอ)

    ลำดับตอนที่ #7 : X-Secret : VI – บททดสอบของแฟนฉัน

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 59






     

              X-Secret : VI – บททดสอบของแฟนฉัน

     

               

     

    ร่างบอบบางสมส่วนนั่งท้าวคางแล้วทอดสายตามองสวนเล็กๆ ด้านข้างคาเฟ่อย่างผ่อนคลายโดยเมื่อก่อนก็ไม่เคยคิดว่าจะมีร้านน่าสนใจแบบนี้ทั้งที่ผ่านออกจะบ่อยทว่าคราวนี้อาจเพราะได้มีเวลาพิจารณาจึงสะดุดตากว่าที่เคย

    แสงธรรมชาติช่วงค่อนบ่ายเป็นอีกสิ่งที่แสนโปรดปรานเสียแต่ว่าประเทศไทยนั้นร้อนเกินไปหากจะออกไปเดินรับแดดด้วยความรู้สึกสบาย เช่นนั้นมีหวัง... เข้ามาในร้านอีกทีควันคงกรุ่นไปทั่วตัว

    หญิงสาวคนสวยหัวเราะเบาๆ อยู่คนเดียวอย่างนึกขำ โชคดีที่เลือกนั่งด้านในสุดเพราะหากใครเห็นเข้าตอนนี้อาจคิดว่าเธอบ้า

    เสียงกรุ๋งกริ๋งจากกระดิ่งลมที่แขวนไว้หน้าร้านดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าลูกค้าได้เดินข้ามผ่านธรณีโดยไม่รู้ว่าจะไปหรือจะมาซึ่งต้องฟังวลีต่อมาอีกที

     

    'คาเฟ่เดอเรส... ยินดีต้อนรับค่า~' 

     

    สิ้นเสียงกล่าวต้อนรับไม่นานร่างหนาคุ้นตาก็หยุดยืนอยู่ตรงหน้าพร้อมกับเอียงคอมองเจ้าของโต๊ะที่นั่งอยู่สุดมุมร้านด้วยสีหน้ายิ้มๆ อย่างที่แม้จะอยู่ภายใต้แว่นกันแดดเลนส์สีดำก็ยังดูออก

    “โอ๊ะ! นี่คุณกอหญ้านางแบบ X-Girl หรือเปล่าครับ หืม... ไม่คิดว่าจะได้เจอตัวเป็นๆ” ไม่ทันจบประโยคดีคนฟังก็ฟาดป้าบเข้าที่แขนก่อนจะดันให้นั่งลงที่เก้าอี้ว่างอีกตัว

     

    ล้อเลียนเหรอคะพี่แจ็คสัน... เดี๋ยวจะโดน!” ปากก็พูดว่าเดี๋ยวแต่ที่ฟาดมาเมื่อกี๊ไม่เรียกว่าโดนแล้วหรอกหรือ?... ผู้หญิงนี่เข้าใจยากจริงๆ

    “นี่ได้เจอเจบีหรือยัง?”  แจ็คสันถามอย่างสงสัย เขาเองก็ไม่รู้จะเริ่มบทสนทนาที่ตัดความเคอะเขินด้วยประโยคไหนจึงเลือกที่จะเอ่ยถึงอีกคนด้วยน้ำเสียงธรรมดาเพราะกอหญ้ากลับมาสองวันแล้วและยังออกมาหาเขาได้โดยไม่มีปฏิกิริยาจากจอมขี้หวงเช่นเจบีอย่างที่คิด

    “ทานเข้าไปเถอะค่ะ พูดมากจัง” หญิงสาวเลี่ยงไม่ตอบด้วยการบ่นแถมยังเลื่อนจานมาการองกับแก้วชามะลิเย็นเจี๊ยบที่เพิ่งมาเสิร์ฟให้อีกต่างหาก

    “พี่ยังไม่ได้สั่งเลยเนี่ย...”

    “หญ้าสั่งไว้เองแหละค่ะ อ้ะ...”  พูดไปก็คว้ามาการองชิ้นสีชมพูอ่อนยัดปากแจ็คสัน

    โอดอ๊าย...”   เขาว่ากอหญ้าโหดร้ายพร้อมทำหน้ามุ่ยทั้งที่ยังคาบขนมไว้ไม่ยอมเคี้ยว

    รู้ก็ดีค่ะ”  เธอกลั้นหัวเราะพร้อมเมินหน้าไปทางอื่นทิ้งให้คนถูกกระทำได้แต่บ่นงึมงำอยู่คนเดียว

     

    ช่วงบ่ายวันนี้ช่างเป็นวันที่สดใสที่สุดในครึ่งปีสำหรับแจ็คสันเมื่อได้กลับมาสัมผัสบรรยากาศที่ห่างหายไปนานระหว่างพวกเขาซึ่งเพียงแค่เธอยอมยกโทษให้และคุยด้วยเหมือนเดิมก็ดีใจแทบแย่แล้ว

    เสียงหัวเราะของทั้งคู่ดังประสานกันเป็นระยะโดยที่เขายังเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ชวนคุยนู่นนี่นั่นไม่ได้หยุดปาก เสียงกระดิ่งลมยังคงยังแทรกเข้ามาให้ได้ยินเป็นระยะรวมทั้งของว่างบนโต๊ะก็ด้วยที่เปลี่ยนชนิดไปเรื่อยๆ

     

     

    ครืด... ครืด...

     

     

    แรงสั่นสะเทือนบนโต๊ะขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่ เจ้าของเครื่องคนสวยนิ่วหน้าเมื่อเห็นชื่อบนหน้าจอ แจ็คสันจึงถือวิสาสะชะโงกหน้าไปดูด้วยความใคร่รู้

    “พี่เจบีโทรวิดีโอคอลมา! ตายแน่! ทำไงดีๆ” 

    “ห้องน้ำ!”  แจ็คสันโพล่งขึ้นทันทีที่คิดได้เมื่อเห็นท่าทางกังวลนั้น ส่วนคนฟังก็ไม่รอช้ารีบคว้าโทรศัพท์ตัวเองออกไปตามคำแนะนำอย่างรีบร้อน

    ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของชายหนุ่มค่อยๆ จืดจางลงจนกลายเป็นหมอง โมโหตัวเองนิดหน่อยที่มักลืมตัวเสมอทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าทุกอย่างไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว พอมีอะไรเตือนสติเข้าทีก็เจ็บที... น่ารังเกียจจริง! 



     

     

    ร่างเพรียวในชุดนักศึกษาของแฟร์รี่เดินเหวี่ยงกระเป๋าเล่นอย่างอารมณ์ดีท่ามกลางแดดยามบ่ายแก่อันอบอ้าว เท้าที่สวมผ้าใบสีขาวก้าวเดินอย่างระวังเป็นพิเศษเนื่องจากเพิ่งผ่านการซักมาหมาดๆ เมื่อสองวันก่อน วันนี้เธอถักเปียข้างไว้หลวมๆ และสวมแว่นเลนส์ใสกรอบดำดูน่ารักแบบเนิร์ดๆ

    มือบางผลักบานประตูกระจกใสเข้าร้านที่ตนทำงานพิเศษก่อนยกมือไหว้บุคคลที่อยู่ในเคานท์เตอร์ที่ควบตำแหน่งเจ้าของร้านและผู้จัดการรวมทั้งรุ่นพี่คนอื่นๆ อย่างน่ารักและมีมารยาท

    “ลมอะไรหอบมาน่ะแฟร์... วันนี้มาเร็วกว่าปกติ”  ผู้จัดการร้านเอ่ยแซว

    “เลิกเรียนเร็วค่ะ แถมมีกิจกรรมก็เลย...”

    ชิ่งหนีสินะ”  เขาต่อให้พลางส่ายศีรษะ

    แหะๆ... ทำไมทายถูกคะ เก่งจัง”  เป็นหมอดูรึเปล่าเนี่ย! รู้ไปหมดเลย... แฟร์รี่ยิ้มแห้งก่อนจะพาตัวเองหลบลี้เข้าไปเปลี่ยนชุดซึ่งมันเพียงแค่สวมผ้ากันเปื้อนของร้านทับลงไปเท่านั้น

     

    เธอเริ่มงานของตัวเองจากการขึ้นไปเคลียร์ความเรียบร้อยที่ชั้นลอยตามปกติโดยของที่ต้องเก็บลงมาก็ไม่มากนักหากเทียบกับทุกวัน เท้าบางก้าวลงบันไดไม้สีโอ๊คขัดมันอย่างระมัดระวัง ของแตกน่ะไม่น่ากลัวเท่าพลาดท่าตกลงไปและเสี่ยงต่อการหน้าแหกสักนิดเกิดโชคร้ายเสียโฉมขึ้นมาต้องมาทำงานเก็บเงินทำศัลยกรรมที่แสนแพงอีกคงไม่ไหว แต่ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าทางเดินโซนครัวด้านในกลับชนกับใครบางคนเข้าเสียก่อน

     

     

    ปั้ก!

     

     

    แคร้ง...

     

     

     

    มือบางรีบประคองถาดที่มีจานขนมซ้อนกันไว้อย่างระวังด้วยกังวลว่าจะหล่นแตกเข้าจริงๆ ... เธอเพิ่งคิดถึงเรื่องนี้เมื่อครู่และมันก็ทำเอาใจหายใจคว่ำหมดราวกับเดจาวู

    เป็นอะไรไหมคะ ขอโทษนะคะที่เดินไม่ระวัง ฉันไม่ทันดูน่ะค่ะ” เสียงหวานเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใยและกล่าวขอโทษจนคนที่เอาแต่สนใจข้าวของในมือนึกขึ้นได้

     

    'ลูกค้า?'...

      

    ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร ขอโทษคุณลูกค้าด้วยนะคะต่อไปจะไม่ทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก คุณเจ็บตรงไหนรึเปล่าคะ?

    แฟร์รี่รีบขอโทษขอโพยจนอีกคนยิ้ม เธอเพิ่งเห็นตอนนี้เองว่าคนตรงหน้ามีใบหน้าสวยแค่ไหน ร่างบอบบางแต่ไม่ผอมแห้งทั้งยังได้รูปไปหมดทำเอารู้สึกอิจฉา แถมความสูงที่เกินกว่าเธอหลายเซนติเมตรนั่นอีกล่ะ ดูท่าจะเฉียดร้อยเจ็บสิบไม่เท่าไหร่ยิ่งสร้างความหดหู่ภายในจิตใจแก่ผู้หญิงที่แตะได้แค่เลข 1 6 ... เช่นเธอเข้าอย่างจัง

     

    แต่... คุ้นหน้าอยู่นะ

     

    คุณคะ... ไม่เป็นไรใช่ไหม?  คำถามที่ดังขึ้นอีกครั้งดึงแฟร์รี่ให้ออกจากภวังค์อย่างรวดเร็ว

    ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็น”  เธอรีบปฏิเสธ ... เผลอจ้องไปตั้งนาน เสียมารยาทชะมัด!

    “แล้วคุณลูกค้าล่ะคะ เจ็บตรงไหนไหม? ขอโทษอีกครั้งค่ะ” 

    ไม่หรอกค่ะ งั้นไปนะคะ”

     

    เมื่อลูกค้าคนสวยเดินกลับเข้าไปด้านในแล้วผู้จัดการที่ยืนสังเกตการณ์อยู่นานแล้วก็ปรี่เข้ามาถามไถ่ทันที

     

    เป็นไงแฟร์รี่? ถ้าไม่ใช่คุณกอหญ้านะ เราโดนวีนหูแตกไปแล้วมั้ง”

    “หืม...”  สาบานที่เถอะว่านี่ห่วงอยู่ไม่ได้ซ้ำเติมน่ะ

    “...ตอนแรกก็คิดว่าจะโดนเหวี่ยงเหมือนกันนะ”  คุณผู้จัดการลูบคางเบาๆ

    “สวยแล้วยังนิสัยดีอีกด้วยหละ แต่เอ... คุณรู้จักเหรอคะ?”   แฟร์รี่ถามอย่างนึกขึ้นได้

    “รู้สิ กอหญ้า X-Girl ไง เป็นนางแบบน่ะ เป็นที่รู้จักระดับหนึ่งเลยทีเดียว พักหลังลงแต่ปกล้วนๆ”

    “เอ๋ๆๆ... X-Girl นั่นนางแบบหนังสือเซ็กซี่ไม่ใช่เหรอคะ? ถึงว่าหน้าคุ้นๆ ... ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณบอสจะเป็นแฟนของหนังสือแนวนี้ ฮิฮิ...”  

    “ฮึ้ย!เอาของไปเก็บเลย... เดี๋ยวหักเงินเดือนซะนี่!”   พอถูกจับได้คุณผู้จัดการก็ทำดุกลบเกลื่อนความอายของตัวเองจนคนแซวหุบยิ้มแทบไม่ทันที่ถูกยกสถานภาพทางการเงินมาขู่

    “ไปแล้วค่า...” 

     

     

     

     

    แฟร์รี่ทำงานตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตเพื่อหาเงินมาจ่ายค่าเทอมที่ยังค้างอยู่อีกทั้งยังเหลือเวลาไม่มากอาทิตย์นี้จึงตัดสินใจซื้อใบรับรองแพทย์เพื่อยื่นลาป่วยให้โรงเรียนและมาทำงานอย่างเร่งด่วนแม้อยากจะโทรไปขอผู้เป็นอาใจแทบขาดรอนๆ แต่ก็ทำไม่ได้

    “แม่มเอ๊ย! คนดีไม่มีที่อยู่ชัดๆ!” 

    หญิงสาวสบถในคอหลังจากจ้องมองข้อความที่เพิ่งส่งไปบอกสารทุกข์สุกดิบแก่คนที่ส่งเธอหนีตายมาที่นี่จากนั้นก็รีบเปลี่ยนชุดจากเสื้อเชิ้ตลายสก๊อตแขนยาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นเป็นชุดทำงานซึ่งคือเดรสสั้นเกาะอกสีชมพูอ่อนประดับขนเฟอร์สีขาวที่รอบอกและสวมที่คาดผมหูกระต่ายสีขาวบนศีรษะ

    งานเลี้ยงบริษัทไม่ใช่งานยากนักเพราะแค่ทำหน้าที่ต้อนรับหน้างานด้วยชุดกระต่ายน้อยแสนซนและตอนนี้เธอก็ยิ้มจนเหงือกแห้งไปหมดแล้ว พลิกนาฬิกาขึ้นดูก็เหลืออีกไม่ถึงชั่วโมงที่จะได้เวลาเลิกงานและรับเงินกลับบ้านเสียที

     

    งานไม่เหนื่อย... แต่ที่ยิ้มตลอดเวลาเหมือนคนไร้ความทุกข์ต่างหากที่เหนื่อย

     

    ชุดที่เคยสวมใส่ถูกยื่นคืนกลับให้ผู้จัดงานตามด้วยเซนต์ชื่อพร้อมรับค่าจ้างจำนวนแปดร้อยบาท ผมที่เคยยาวสลวยก็จับเกล้ามวยสูงเพราะรำคาญถ้าให้ตัดก็ไม่ได้อยู่ดี และแม้จะหมดหน้าที่แล้วเธอก็ยังมีเวลาสามารถเดินเตร็ดเตร่หาของกินในงานได้ถมเถไป

     

     

     

     

    เสียงฝีเท้าที่ดังไม่ห่างทำเอาถึงกับระแวง ร่างหนาหันขวับโดยไม่ทันให้อีกคนตั้งตัวจึงได้เห็นเพื่อนสนิทตัวเองยืนแทบจะประชิดหลังอยู่แล้ว

    “ตามควายเหรอวะ?”  คนที่สาวเท้าจนแทบวิ่งเอ่ยทัก

    “ไอ้เจบี ไอ้เชี่ย! กูตกใจหมด... นึกว่าถูกตามตีหัวซะแล้ว”  แจ็คสันผ่อนลมหายใจ เขาระแวง... จริงๆ นะ

    “คดีเยอะสิมึง กูไม่รู้ว่ามึงมาที่นี่นะเนี่ยไม่อย่างนั้นให้ไปช่วยที่ถ่ายแบบตรงห้องฟิตเนสแล้ว”  

    “แหม... กูก็มาเรื่องงานรึเปล่าวะ ไม่ว่างไปเป็นเบ๊ให้หรอก”  เขาเอ่ยอย่างรู้ทัน ไอ้เจ้าตากล้องคุณชายมาดนิ่งมันเคยจิกใช้ใครที่ไหนนอกจากเพื่อน

    “ทำเป็นรู้...”

    “กูเพื่อนมึงมานานเท่าไหร่แล้ว อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ โถ่...”

    “เออนี่แจ็คสัน... กอหญ้ากลับมาแล้วนะ” คำพูดที่คล้ายเป็นแค่ประโยคบอกเล่าจะไม่รู้สึกว่ามีนัยแฝงอะไรหากไร้แววตาประหลาดซึ่งนั่นทำให้เขาชะงัก

    “อืม...”  ... ไม่รู้จะพูดว่าอะไรที่ดีไปกว่านี้ได้อีก

    “เพิ่งกลับมาเมื่อคืนนี้ เธอได้โทรหารึเปล่า?”

    “ไม่เลย ไม่ได้โทรมา”  แจ็คสันปฏิเสธเต็มเสียง เมื่อคืนกอหญ้าไม่ได้โทรมาแต่ว่าเป็นเมื่อหลายวันก่อนต่างหาก

    “เหรอวะ?”  น้ำเสียงนั่นคล้ายไม่เชื่อเท่าไหร่นัก

    “เออสิ เฮ้ยเจบีกูไปก่อนนะ ติดธุระว่ะ”   ร่างหนาหาทางปลีกตัวจากเจบี บอกตรงๆ ... ไม่ชอบความระแวงแบบนั้นเลย อีกทั้งยังไม่พร้อมจะถูกถีบหงายเงิบหากจับได้ว่าเขาโกหก

    “ทำไมพักนี้ขยันจังวะ? คุณชายหวังชักจะติดธุระจนห่างเพื่อนเกินไปแล้ว”  เจบีหรี่ตามองอย่างจับผิดจนแจ็คสันเริ่มรู้สึกประหม่า ไอ้นี่ก็ช่างสงสัยผิดเวลาเกินไป!


    “ก็มีธุระ....”

     

     



    โอ้มายก้อดดดดดด... สวรรค์โปรด!



     

     

     

    ฟ้ายังเห็นใจไอ้แจ็ค... ขอบคุณเทวดาฟ้าดิน!

     

     

     

     


    ระหว่างที่แจ็คสันกำลังหาคำตอบร่างใครบางคนคุ้นตานั้นก็ผ่านเข้ามาในวิถีการมองเห็น เร็วเท่าความคิด...ขาแข็งแรงก้าวฉับโดยมีเจบีตามหลังมาไม่ห่างด้วยเช่นกัน

     

     

     

    “แฟร์รี่... หาตั้งนาน นึกว่างอนกลับไปแล้วเสียอีก”   มือหนารั้งต้นแขนของเธอเอาไว้แล้วเอ่ยทักทว่าเธอกลับเบิกตากว้างอย่างทันใดที่เห็นเขา

    “เฮ้ย!... นี่คุณ! แอร๊ย... ปล่อย!”   หญิงสาวสะบัดอย่างตกใจที่อยู่ดีๆ ก็เจอคนที่ไม่อยากเจอแถมยังพูดดีกับเธอผิดจากปกติ ... นี่เขาถูกผีเข้าหรือไง?

     

    แต่แจ็คสันก็ไม่รอช้ารีบดึงแฟร์รี่มายืนข้างตัวแม้เธอจะยังมีทีท่างงๆ และขัดขืนก็ตาม

     

    “นี่ไงธุระของกู... ไม่ได้ทำงานให้ป๊าแต่มารอรับยัยนี่ต่างหาก” 

    “ใคร?”   เจบีเขม่นมองไปที่ร่างเพรียวที่เขาไม่รู้จักและหันไปถามแจ็คสัน

    “แฟร์รี่...” ร่างหนาเว้นช่วงนิดหน่อยก่อนจะตัดสินใจพูดต่อ “...เป็นแฟนกู”

                “ห๊ะ... ใครแฟนคุณ!? บ้าเหรอ...?”   หญิงสาวชักสีหน้าพร้อมกับกัดฟันถาม ออร่าทะมึนที่แผ่กระจายระหว่างคนสองคนตอนนี้ช่างชวนให้กระอักกระอ่วนเสียจริง ส่วนมือนั้นก็พยายามเขี่ยพันธนาการอันแสนเหนียวหนึบออกจากต้นแขนตัวเอง

     

                “สามพัน! สำหรับห้านาที”  

     

    ชายหนุ่มเอียงหน้ากระซิบข้างหูเบาหวิวจนคนฟังขนลุกเกรียว แฟร์รี่เป็นคนเข้าใจอะไรรวดเร็วเสมอ...สมองอันกระจิดริดประมวลผลตัวเลขที่ได้ยินเป็นธนบัตรใบละพันสามใบภายในเสี้ยววินาที ก่อนเธอจะหันมาส่งยิ้มการค้าอันแสนหวานให้อีกคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

     

                “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ เขาก็พูดเกินไป เราแค่... อยู่ในช่วงเริ่มพูดคุยศึกษากันเท่านั้นเอง”   ถึงกระนั้นมือก็ขยับขึ้นแตะแก้มซีกซ้ายของแจ็คสันแล้วดันให้ออกห่างจากตัวเอง... อย่าใกล้มากเลยนะ มันหวิวๆ ยังไงไม่รู้

                “คุณพูดแบบนี้... ผมเสียใจนะ”   น้ำเสียงนุ่มติดงอนเล็กๆ ทำเอาแฟร์รี่เหล่มองทั้งที่ภายในจิตใจนั้นคลื่นเหียนเต็มที่กับการแสดงอันน่าสะพรึงของเขา แต่อีกคนในวงสนทนากลับลอบยิ้มขำกับอาการแง่งอนที่ไม่เหมาะกับผู้ชายกล้ามโตอย่างเขาเอาเสียเลย              

                ผมชื่อเจบีครับ... อิมแจบอม เป็นเพื่อนกับแจ็คสัน

                “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เอ๊ะ! คุณแจ็คสันอย่าสิคะ อายคนอื่นเขา”  หญิงสาวเอ็ดเบาๆ เมื่อมือหนาชักจะลามไปเรื่อยจากเอวเป็นสะโพกจนเธออยากจะจับหักแขนเสียเดี๋ยวนี้

               

                ในความคิดของแจ็คสัน... ท่าทางงุ้งงิ้งคล้ายลูกแมวที่เธอแสดงออกช่างดูน่ารักน่าชังและดึงดูดให้หลงใหลผิดกับยามแผลงฤทธิ์เยี่ยงคนได้รับพิษสุนัขบ้าสะสมตอนก่อนหน้าที่จะยื่นข้อเสนออย่างสิ้นเชิง

     


                หึ... เธอนี่สืบเชื้อสายมาจากต้นตระกูลจิ้งจกหรือเปล่าเนี่ย เปลี่ยนสีเร็วเหลือเกินนะ!


     

                และถ้าหากไม่เห็นว่าเจบีมีสีหน้ากังวลใจจนเพื่อนอย่างเขาสำนึกว่าควรทำอะไรสักอย่างหละก็... อย่าฝันว่าเขาจะยอมให้สตางค์แม้แต่แดงเดียวกระเด็นเข้ากระเป๋ายัยนักต้มตุ๋นนี่แน่

                           

                ยืนร่วมวงสนทนาได้ไม่กี่ประโยคเจบีก็ขอตัวกลับเพราะต้องไปรับกอหญ้าที่งานเลี้ยงของบริษัทพีรกานต์แทรเวลที่โรงแรมอื่น เมื่อแน่ใจว่าไปแล้วจริงๆ แจ็คสันก็ปล่อยร่างเพรียวข้างตัวทันที ทว่ามือเล็กๆ กลับแบยื่นขึ้นมาจนแทบจะทิ่มหน้าของเขา

                “เพื่อนคุณหล่อดีนะ เท่ห์จนบรรยายไม่ถูกเลยอ๊า..  แต่ว่า... ได้เวลาเบิกค่าจ้างค่ะ”   ใบหน้าที่เคยมีรอยยิ้มแสนหวานแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มมุมปากอันแสนยียวนจนแจ็คสันอยากจับตีสักทีสองทีด้วยความหมั่นไส้

                “งก!”   

    คำเดียวแทนทุกสิ่ง... แต่ก็ยอมดึงกระเป๋าสตางค์ออกมาโดยไม่อิดออด

                “ขอบคุณนะคะ บ๊ายบาย”   แฟร์รี่เอ่ยเสียงใส

                “เดี๋ยว!

                “....”    

    “เอาเบอร์มาหน่อย ไลน์ด้วย คาทก สไกป์ มีอะไรเอามาให้หมด!” 

                “เรื่องอะไรฉันต้องให้คุณด้วยล่ะ? ไม่เอาหรอก!”   น้ำเสียงเยี่ยงโจรขู่กรรโชกทรัพย์ทำให้เธอรีบปฏิเสธที่สำคัญเธอไม่อยากเจอเขานักหากไม่จำเป็น แล้วนี่มาขอข้อมูลการติดต่อทุกช่องทางแบบนี้... ไม่ดีมั้ง

                “งานน่ะ ไม่สนหรือไง?”  แจ็คสันงัดไม้ตายเมื่อเห็นเธอยึกยักจนน่ารำคาญ

                 “ฉันมีงานทำแล้ว โอเคนะ”

                แฟร์รี่รีบเดินหนีเขาไปทันทีพร้อมทั้งภาวนาในใจให้ไม่ต้องผจญเวรผจญกรรมด้วยกันอีก แต่เธอคงลืมไปว่าแจ็คสันเป็นเพื่อนซงมินโฮผู้ที่สามารถให้ข้อมูลได้ตลอดเวลา ฉะนั้น การหนีก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร

     

      

     

     

     

     

     

                ร่างหนาที่เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินมานั่งที่เตียงพร้อมผ้าเช็ดผมผืนเล็กพอดีมือโน้มตัววางศอกทั้งสองข้างพักที่หัวเข่าและก้มศีรษะลงเพื่อให้เช็ดผมได้พอดีพลางปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปเรื่อยเปื่อย ทว่าแจ็คสันต้องชะงักมือตัวเองเอาไว้เมื่อทบทวนถึงอะไรบางอย่างได้

                “อ๊ากกกกกก!!” 

                เสียงร้องแหกปากอย่างไม่เกรงใจใครดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพร้อมกับที่ร่างหนาทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่มและบิดไปมาแถมยังขยุ้มผมบนศีรษะยีจนยุ่งไปหมด

     


                ดูเหมือนเขาจะเสียสติอย่างกะทันหัน...

     


                “ไอ้แจ็คเอ๊ย! มึงหาเรื่องใส่ตัวอีกแล้ว ไอ้ควายยยยย... โว้ย!”   ด่าตัวเองว่าควายยังสงสารควายเลยตอนนี้

               แจ็คสันที่นึกได้ว่าเขาเผลอบอกกับเจบีว่าแฟร์รี่เป็นแฟนอย่างเต็มปากเต็มคำทั้งที่สิ่งที่สมควรพูดคือ... คนพิเศษอย่างที่เคยทำ  ดังนั้น อิมแจบอมผู้ฉลาดล้ำ... จะต้องหาทางให้แจ็คสันพาเธอไปงานปาร์ตี้ด้วยแน่


                ไม่ต้องเสียเวลาเดาให้ยากนักหรอก... เจบีก็แค่ขี้หวงและชอบจับผิด แต่นั่นแหละคือสิ่งที่น่ากลัว


                หรือหากจะจ้างแฟร์รี่อีกครั้งก็มีเปอร์เซ็นต์สูงมากที่เธอจะไม่รับงานของเขา... ก็เธอน่ะเกลียดแจ็คสันจะแย่

     

                ชายหนุ่มนั่งคิดนอนคิดจนสมองแทบแตกก็ไม่รู้จะหาเหตุผลใดที่ดีไปกว่า... แฟร์รี่ไม่ว่างเลยมางานไม่ได้ แม้เป็นคำตอบที่โง่เง่าที่สุดเขาก็ต้องใช้มัน

     

                “ฉันดึงมาเป็นตัวช่วยแถมเงินก็จ่ายให้ยังจะทิ้งปัญหาไว้อีกนะ!”  เขาโยนความผิดครึ่งหนึ่งให้แฟร์รี่ ทั้งที่ความจริงมันเกิดมาจากตัวของเขาเองล้วนๆ

     

     

                เมื่อคืนกว่าจะได้นอนก็ปาไปตีสี่กว่า วันนี้แจ็คสันจึงเดินสะโหลสะเหลใต้ตาคล้ำมามหาวิทยาลัย ประสาทรับรู้ของแจ็คสันเหมือนจะปิดไปหลายส่วนยกเว้นเปลือกตาแต่ก็ริบหรี่เต็มทน ร่างหนาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้บุนวมตัวยาวอย่างเหนื่อยอ่อนหลังรอดจากคาบเรียนกลยุทธ์การบริหารมาได้หวุดหวิดโดยที่ไม่พลาดร่วงตกเก้าอี้ไปเสียก่อน


                ไม่รู้เวลาผ่านไปนานแค่ไหนแต่เสียงโหวกเหวกภายในห้องก็ดังมากพอที่จะทำให้เขาตื่น


                “เชี่ย! เสียงดังว่ะ”   แจ็คสันเพียงยกศีรษะมาบ่นก่อนกลับไปนอนตะแคงท่าเดิมแต่ใช้หมอนใบนุ่มพอดีมือปิดหูเอาไว้

                “นอนดึกหรือเสียพลังงานเยอะครับคุณแจ็คสัน”

                “ฮิ้วววววววว...!”   เสียงโห่ฮิ้วดังอย่างพร้อมเพรียงต่อจากประโยคคำถามของจูเนียร์

                “ฮิ้วห่าอะไรล่ะ!”   แจ็คสันโผล่จากหมอนมาด่าลั่นแล้วหันไปนอนเช่นเดิมทำแต่ละคนหน้าเหวอไปเลยที่เจอหวังแจ็คสันโหมดมาเฟีย

                “แง๊... พี่มาร์ค... เค้ากลัว”    ยูคยอม...หมีขาวตัวยักษ์แต่ใจปลาซิวจีบปากจีบคอและพุ่งตัวไปเกาะแขนมาร์คราวกับสาวแรกแย้มที่หวาดกลัวปีศาจก็ไม่ปาน

                มาร์คยิ้มละลายใจให้รุ่นน้องร่างหมีขาวจนแทบเคลิ้มแต่สติก็ถูกดึงกลับมาด้วยการดีดหน้าผากเสียงดัง

     

           

        

    ป๊อก!

     


     

    “โอ้ย เจ็บนะเว้ย!”   ยูคยอมคลำป้อย... น้ำตาแทบเล็ดพูดเลย

                “สมน้ำหน้า”   มาร์คงึมงำอย่างขำๆ เขาก็แค่ชอบเห็นเจ้าหมียักษ์ทำหน้าหงอย คนอะไรก็ไม่รู้ร่าเริงได้ตลอดจนน่าปวดหัว

                “เฮ้ย... เฮียเป็นอะไร? ลุกมาคุยกันก่อนดิ”  ตี๋หล่อหน้ามึนนามว่ายองแจทดลองบ้างซึ่งก็ใช่ว่าจะได้ผล แจ็คสันตัวใหญ่และหนากว่าเขาการฉุดๆ ดึงๆ ด้วยแรงธรรมดาไม่สามารถทำให้ร่างหนาขัดได้เลย

                “พี่แจ็คสันนนนนน....”  

    แบมแบมที่นึกสนุกเพิ่งเริ่มเรียกชื่อคนนอนด้วยน้ำเสียงยานคานและยังไม่ได้ทำอะไรสักนิดก็ถูกขัดจังหวะด้วยผู้ชายสีผมเดียวกันนั่นก็คือ... เจบี

                “คนมันมีแฟนแล้ว มันคงเหนื่อย... อย่าไปกวนมันเลย”

                คำห้ามปรามของเจบีคล้ายจะเป็นเรื่องดีแต่เหมือนประสงค์ร้ายเพราะเมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้นความโกลาหลที่มากกว่าเก่าก็เกิดขึ้นทันที

               

                “เฮ้ย... แจ็คสัน มึงมีแฟนเหรอวะ? มีเมื่อไหร่ทำไมกูไม่รู้”   จูเนียร์ดูกระตือรือร้นกว่าใคร

     

                “ไอ้เฮีย... ไหนว่าจะช่วยน้องหารักแท้ไง ชิ่งหนีไปมีแฟนได้ไงวะ?”  เมื่อเริ่มด้วยญาติผู้พี่... ญาติผู้น้องก็ตามมาติดๆ

     

                “กูอุตส่าห์ลดเปอร์เซ็นต์ค่าเหล้าให้ตอนมึงมานั่งทำหล่ออ่อยหญิง... แต่พอได้เมียแล้วเก็บเงียบเหรอมึง? เลวสัส!”  มาร์คต้วนผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของแจ็คสันถึงกับของขึ้น

     

                “ไอ้เฮีย... อย่ามาทำเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้นะ!ไอ้เสือซุ่ม...อย่าปล่อยให้ผมเป็นพวกหูป่าตาเถื่อนดิเว้ย!... ”  

    ไม่ทันประณามต่อให้สะใจก็ต้องสะดุดกับสายตาของมนุษย์ต่างชาติอีกห้าคนที่มองมาที่เด็กน้อยแก้มป่องเป็นจุดเดียว... ส่วนแจ็คสันน่ะสนใจเสียที่ไหน...

     

    สงสัยแบมแบมคงด่าเป็นภาษาไทยที่ยากไป

     

     

    ...ซวยละ ได้เป็นครูสอนภาษาอีกแน่ๆ

     

     

                “อ่ะ... เอ่อ... เจอเมื่อกี้เข้าไปผมมึนเลยว่ะ แต่มีเรื่องเดียวที่อยากรู้... ได้กันแล้วป้ะ?” ยูคยอมถามตรงเสียจนแจ็คสันต้องโผล่ออกมาจากใต้หมอนที่ใช้ปิดหูเพื่อกั้นเสียงอันน่ารำคาญของเจ้าพวกนี้

     


    ถามว่าช่วยได้ไหม? 



    ตอบเลยว่า... ไม่!


     

                “ไอ้เจบี! มึงคนเดียวเลย! โคตรชั่ว” 


                “กูทำอะไรที่ไหน? แค่บอกพวกมันว่ามึงอาจจะคุยกับแฟนดึกจนนอนไม่พอ กูผิดตรงไหน?”  เจบียังคงทำหน้าอินโนเซนต์ใส่ราวกับเป็นผู้บริสุทธิ์

     

     

                แจ็คสันแทบจะตะโกนคำว่า... กวนตีน ใส่หน้าเจบีเลยทีเดียว

     

     

                “ผิดตรงคำว่าแฟนนี่แหละ!”  แจ็คสันดันตัวขึ้นนั่งด้วยใบหน้ายุ่งๆ

     

    “แหม... พวกมึงก็ตั้งหน้าตั้งตาเสือกเต็มที่จนกูไม่รู้จะด่าใครก่อนเลยนะ”

     

     

                แน่หละ... คำว่าแฟนไม่ได้หลุดออกมาจากปากแจ็คสันง่ายนักหรอก คนล่าสุดที่เคยใช้คำนี้ก็กับกอหญ้า... แฟนคนปัจจุบันของเจบีนั่นไง แต่หากคิดย้อนไปอีกก็สมัยเรียนอยู่ที่เกาหลีนู่น

     

    ... นานโคตร

     

     

                “ก็ไม่เชิงว่าแฟน... กูแค่พลั้งปากไปแค่นั้นแหละ เฮ้อ...”   แจ็คสันถอนหายใจ เขาเตรียมเรื่องนี้มาแล้วจึงสามารถอธิบายได้อย่างไม่ติดขัด

                “อ๋อ... ถึงว่าคุณแฟร์รี่ถึงพูดแบบนั้น”   เจบีพยักหน้ารับรู้ แต่ก็สร้างความสงสัยให้คนอื่นเช่นกัน

                “อะไรวะไอ้บี มึงเจอแล้วเหรอ?”  มาร์คประเคนฝ่ามือหนักๆ ลงที่ไหล่ของคนเปิดประเด็นอย่างหมั่นไส้ที่ทำเป็นหมกเม็ดไม่ยอมพูดให้ชัดเจน

                “เจอเมื่อคืนนี้ ตัวเล็ก น่ารัก หวานๆ ไม่ใช่แนวมันด้วยซ้ำ เธอบอกว่า... ตอนนี้แค่คุยๆ ศึกษากันอยู่เท่านั้นเอง แต่แจ็คสันแนะนำว่า... นี่แฟร์รี่แฟนกู แค่เนี๊ย” 

     

    เจบีแฉเสียหมดเปลือกจนแจ็คสันกุมขมับอย่างปวดหัวตุบแบบที่อยากกรอกยาแก้ปวดให้หมดกระปุก  สายตาห้าคู่เบนกลับมาจับจ้องแจ็คสันอย่างคาดคั้นจนเริ่มรู้สึกถึงแรงกดดันรอบด้าน

     

                “ตามนั้น...”   เขายอมรับแต่โดยดี แต่ก็มีคนที่ช่างสงสัยได้อีก

                “ตามไหน?” 

                “ตามแฟร์รี่ไง มึงจะถามไปเพื่ออะไรวะเนี่ยไอ้เนียร์?”   แจ็คสันชักหงุดหงิด

                “แปลง่ายๆ ... พี่แจ็คสันยังไม่ได้เป็นแฟน แต่เธอก็ไม่ได้ปฏิเสธพี่ใช่ไหม?”  แบมแบมประมวลตามที่ตนเข้าใจ

                “เออ..”   ตอนนี้ทำได้แค่เออออตามน้ำไปเรื่อยๆ

     

    พลางคิดว่า... หากใครอยากเป็นแฟนกับยัยนั่นจริงๆ ก็ตาถั่วเต็มทน

     

                “งั้นเรื่องได้กันที่มึงถามนะไอ้หมีขาว... พี่แบมตอบแทนเลยว่า... ยังไม่ได้”  เจ้าของผมสีบรอนด์แก้มป่องฟันธงป้าบเข้าให้ด้วยน้ำเสียงมั่นใจมากยิ่งกว่าหมอดูชื่อดังคนใดก็ตามในประเทศนี้

                “งั้นกูจัดการเอง...”   จูเนียร์ยกยิ้มราวกับนึกแผนการดีๆ ออก ทว่าคงมีแต่แจ็คสันเท่านั้นกระมังที่ไม่ค่อยไว้ใจในความคิดของประธานสโมสรนักศึกษาต่างชาติหน้าแมวสักเท่าไหร่นัก

     

                “งานนี้เละแน่ๆ” 

     

    ยองแจบ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะหากพี่ชายของเขาเกิดคิดอะไรแผลงๆ ขึ้นมาคนที่ซวยก็มีแต่เจ้าของเรื่องเท่านั้นแหละ หนักข้อเข้าอาจจัดให้แจ็คสันได้เป็นแฟนกับผู้หญิงคนนั้นแบบรวบรัดด้วยซ้ำ

     


    ชเวยองแจเหนื่อยอีกแล้วแหง...

     

      

     

     

    ปกติแล้วการอยู่ครบกลุ่มเป็นความบันเทิงและความสุขอย่างหนึ่งแต่ตอนนี้มนุษย์ที่รวมตัวกันกลับมีเพียงคนเดียวรู้สึกต่างออกไป นั่นเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...

     

     

    ... หวังแจ็คสัน

     

     

     

    เสียงเฮที่ดังขึ้นในคลับชั้นใต้ดินของโรงแรมที่เคล้าด้วยเพลงยุค 70’s  80’s และ 90’s นั้นไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เพราะเกือบทุกเดือนเหล่าผองเพื่อนของทายาทเจ้าของโรงแรมจะมาพักผ่อนสังสรรค์กันหรือบางครั้งก็คุยงานกันที่นี่ แต่วันนี้คนที่มักจะส่งเสียงโหวกเหวกเป็นประจำกลับเอาแต่จับจ้องอยู่กับการกดโทรศัพท์ตลอดเวลา

    เวลาที่เคลื่อนไปเรื่อยๆ ยิ่งสร้างความตึงเครียดจนใครบางคนในโต๊ะเกือบเก็บอาการไว้ไม่อยู่ ทว่าก็ยังมีใครบางคนที่สังเกตเห็น

    “เฮ้ย! ไหวไหมวะแจ็คสัน? เอาแต่แชทอยู่นั่น!”   จูเนียร์ผู้เป็นตัวตั้งตัวตีในการเสนอให้มาพักผ่อนเอ่ยถามขึ้นโดยที่ถือไม้คิวเอาไว้เตรียมเล่นพูลกับยูคยอม

    “เออน่า...”     แจ็คสันละมือจากโทรศัพท์ ก่อนจะสะบัดปลายนิ้วเบาๆ เป็นเชิงไล่

    “อย่าลืม... พวกกูรอน้องแฟร์รี่ของมึงอยู่นะ”

    “....”   

    ถึงจะพูดเหมารวมคนอื่นแต่แจ็คสันคิดว่าคนที่หมายมั่นที่สุดก็คือจูเนียร์นั่นแหละ! … ร่างหนาได้แต่ถลึงตาใส่ เดี๋ยวก่อนเถอะ... แค่แปบเดียวเท่านั้นสิ่งที่หมอนั่นต้องการจะไม่มีทางเกิดขึ้น

     

    ห้านาทีผ่านไป... เครื่องมือสื่อสารเครื่องหรูก็ถูกโยนลงกลางโต๊ะพลูที่ปูด้วยสักหลาดสีน้ำเงินด้วยแรงไม่เบานักทำเอาทั้งคนดูและเล่นผงะไปตามๆ กัน

    “อะ... อะไรอ้ะ?”    ยองแจหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจเพราะสีหน้าของคนตรงหน้าดูคล้ายกำลังไม่พอใจอะไรบางอย่าง

    “ดูเอาเอง!” 

    แจ็คสันตอบเสียงห้วนก่อนจะหันหลังและพิงสะโพกที่ขอบโต๊ะโดยใช้สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงราวกับกำลังระงับอารมณ์ ให้อีกหกคนที่ยังงงๆ

     

     

     

     

    ขอโทษนะคะ... ไม่ว่าง

     

     

    นี่มัน... ไม่ไร้สาระเกินไปเหรอ?

     

     

    ทำไมฉันต้องทำตามคุณ!?

     

     

    ฉันเหนื่อย... ต้องการการพักผ่อน

     

     

     

    สี่ประโยคสุดท้ายที่ผ่านตาของยองแจซึ่งคือคนเอื้อมมือไปหยิบเจ้าเครื่องมือสื่อสารที่นอนแอ้งแม้งอยู่กลางโต๊ะเล่นเอาเจ้าตัวกลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอ เขาสัมผัสได้ว่าอาการหงุดหงิดของแจ็คสันสาเหตุน่าจะเกิดมาจาก... ทะเลาะกับคนคนนี้

     

    “นี่มัน... คุณแฟร์รี่รึเปล่า?”   เจบีที่ร่วมด้วยช่วยชะโงกหน้ามาอ่านด้วยตั้งคำถามพร้อมกับจิ้มรูปคู่สนทนาขึ้นมาดู ขณะที่เจ้าของเครื่องยังคงนิ่ง

     

    “น่ารัก...”    ยูคยอมรำพึงเมื่อภาพขยายขึ้นชัด เขาแทบไม่ได้สนใจอะไรอย่างอื่นสักนิดนอกจากรูปของเธอ


    “งั้นแสดงว่า... ที่กดยิกๆ นั่นคุยกับเธอ แถมยังทะเลาะกันอยู่เนี่ยนะ!”  แบมแบมเหลือบมองไปทางคนที่หันหลังให้ โดยที่หารู้ไม่ว่าคนที่เป็นเป้าสายตาของเขานั้นแอบลุ้นจนความดันจะขึ้นอยู่แล้ว

     

    แน่สิ... ก็แจ็คสันลงทุนขอข้อมูลการติดต่อจากซงมินโฮเพื่อคุยกับแฟร์รี่โดยเฉพาะ ใช่ว่าชอบเธอ...แต่เพราะต้องการให้เธอตอบโต้กับเขาและจากนั้นก็สร้างสถานการณ์ให้ทุกคนเห็นว่าเธอกำลังโกรธอยู่จึงไม่มาตามนัดวันนี้จนเขานั้นหงุดหงิดอย่างที่เห็น

    ทั้งที่ความจริงไม่ได้เอ่ยถึงคำชวนเที่ยวอะไรแม้แต่นิดแถมยังตั้งใจลบบางข้อความบนหน้าจอออกเพื่อให้เหลือเพียงประโยคที่ต้องการ

     

     

    ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้น... กำลังจากได้ยิน ณ บัดนี้

     

     

    “เพราะมึงเลยแจ็คสัน... แฟร์รี่โกรธมึงเลยไม่มาแล้วสิเนี่ย!”   มาร์คบ่นอย่างเสียดาย เขาอยากเห็นคนที่เพื่อนหมายมั่นอยากจะยกคำว่าแฟนให้ใช้เสียจริง แต่ก็ต้องยอมรับว่าแรกเห็นนั้น... คนคนนี้ช่างคุ้นตาเหลือเกิน

     

     

    เยส...!    

     

     

    แจ็คสันแทบกรีดร้องที่มาร์คจำเธอไม่ได้ คราวนั้นก็เห็นไกลและทั้งยังผ่านมานานแล้ว ไม่เสียแรงเปล่าที่รัวกดลบบทสนทนาจนนิ้วแทบกุด กว่าจะเหลือสี่ประโยคที่พอใช้ได้

     

    “น่าเสียดายๆ...”    น้ำเสียงเจบีดูตึงๆ ชอบกล

     

     

    มึงจะเสียดายทำเพื่อ!?...  แจ็คสันคิดในใจ

     

     

    “กูว่าจะเล่นกับว่าที่เพื่อนสะใภ้สักหน่อย... เซ็งเลย”    จูเนียร์ส่ายศีรษะนิดหน่อยก่อนจะก้มตัวลงแล้วตั้งท่าเล็งลูกบอลสีที่ตนเองตั้งใจจะแทงแต่แรกก่อนจะขยับไม้คิวส่งลูกขาวไปกระทบด้วยแรงไม่เบาเกินไปนักลงหลุมไกลอย่างง่ายดาย

     

    อากัปกิริยาของทุกคนทำเอาชเวยองแจลอบยิ้มทั้งที่ยังมองแผ่นหลังหนาของรุ่นพี่นักกีฬาตัวหนาของตน หน้าจอที่มีบทสนทนายังคงเปิดค้างไว้อยู่ ซึ่งอาจจะเป็นโชคดีของแจ็คสันที่ผู้ถือโทรศัพท์คนแรกเป็นยองแจรวมทั้งต้องขอบคุณการแสดงของแจ็คสันเองที่เล่นใหญ่เสียจนนักแสดงมืออาชีพยังต้องอายและสามารถดึงความสนใจไปได้

     

     

    ก็เพราะ... ข้อความพวกนั้น

     

     

    มันอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่ปะติดปะต่อกัน...

     

     

    ตอนแรกนึกว่าต้องเหนื่อยมากหากผู้หญิงคนนั้นมาแล้วถูกปั่นประสาท หรือต้องคอยรั้งแจ็คสันยามโมโหถ้าจูเนียร์ทำอะไรเกินไป

     

     

    แต่ว่า... นอกจากไม่เหนื่อยแรงอย่างที่คาดแล้ว

     

     

    เขาก็ยัง

     

     

     

    จับโกหกแจ็คสันได้ด้วย!

     

     





     

    แจ็คสันคงเหนื่อยอีกหลายเท่าตัวแน่ๆ

    ช่วยไม่ได้ก็พลาดเอง

    ระหว่างแฟร์รี่และแจ็คสันใครจะเป็นผู้รอดชีวิตกันนะ!?





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×