คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : -3- [NiorBam] ... สักวันที่ฉันมีเธอ + Talk
- 3 -
NiorBam – สักวันที่ฉันมีเธอ
ออกตามหาซึ่งกันและกัน
เพื่อจะอยู่เคียงกันและกัน
ต่างคนตั้งคำถามและหาคำตอบ
เมื่อไหร่เราจะพบกัน
หนังสือในมือถูกเปลี่ยนไปเล่มแล้วเล่มเล่าตลอดสองวันจนคนที่นั่งๆ นอนๆ อยู่บนเตียงเบื่อหน่ายและยิ่งเบื่อเพิ่มขึ้นที่ไม่สามารถไปไหนได้อย่างใจจนบางทีก็อยากกระโจนลงจากเตียงวิ่งไปหาใครอีกคนที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการจะเป็นอย่างไรบ้างติดอยู่ตรงที่ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนนี่สิ
ทว่าในตอนนี้... แม้จะเรียกว่าถูกคุ้มกันก็คงจะดูเป็นเรื่องปกติแต่ความรู้สึกที่ได้รับราวกับกำลังถูกขังเสียมากกว่าเพราะด้านหน้าประตูมีคนของอิมเทคเฝ้าอยู่จนจูเนียร์แทบกระดิกไปไหนไม่ได้ รวมทั้งช่วงขาที่ยังใช้งานไม่ได้สะดวกนักเพราะแผลจากกระสุนปืนและเอ็นข้อเท้าพลิกทำให้การที่จะหลบออกไปข้างนอกก็ยังดูเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก
หนังสือในมือถูกปิดลงก่อนที่เจ้าตัวจะเบนสายตาออกไปที่ด้านนอกอย่างเป็นกังวล ข่าวคราวที่ฝากให้อิมแจบอมช่วยตามให้ก็ยังไม่คืบหน้าทั้งที่แบมแบมเป็นถึงหนึ่งในทายาททีกรุ๊ปที่ใหญ่โตแต่เรื่องราวกลับเงียบหาย
แกร๊ก....
เสียงเปิดประตูเรียกสายตาของคนป่วยได้ในฉับพลันและมีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันใดเมื่อเห็นว่าคนที่มาใหม่คือ... อิมแจบอม
ผู้มาเยือนลากเก้าอี้มานั่งใกล้ๆ พร้อมกับยื่นกระเป๋าให้ จูเนียร์รับมันมาอย่างงงๆ โดยมีเพื่อนของตัวเองนั่งยิ้มอยู่ข้างเตียง
“อยู่เฉยๆ สองวัน เป็นง่อยเลยสิมึง!?”
“แจบอม... เรื่องของแบมแบมล่ะ?”
จูเนียร์ไม่ได้ตอบคำถามแต่กลับเอ่ยถึงเรื่องที่ฝากไปหาข่าวอย่างอยากรู้
“ยังไม่ตาย เพราะยังมีเครื่องช่วยหายใจช่วยอยู่”
แจบอมตอบง่ายๆ แต่มันกลับสร้างความไม่พอใจให้กับจูเนียร์จนแทบกระชากคอมาต่อยให้หายหงุดหงิดซึ่งเขาก็รู้ดีจึงได้แต่ยกมือสองข้างชูขึ้นอย่างยอมแพ้
“เออๆ... นี่เดี้ยงแล้วยังจะใจร้อนอีกนะ”
“อย่ามาลีลา...สองวันได้มาแค่นี้ก็ตลกเกินไปแล้ว” จูเนียร์ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมมองจ้องอย่างเอาเรื่อง
“จริงๆ ก็รู้แค่นั้น... ถ้ามากกว่าที่บอกก็... ขาขวาหัก ซี่โครงก็หัก ฟกช้ำ เอ้...แล้วอะไรอีกวะ..”
“คิดเร็วๆ ไอ้แจบอม!” ฟังแค่นั้นจูเนียร์ก็ร้อนใจจะแย่อยู่แล้วยังจะมาอึกอักอีก
“เออ... คิดอยู่! อ๊า... ใช่ๆ เห็นเฝือกดามคออยู่ แล้วที่ร้ายที่สุดก็คงเป็น... ยังไม่รู้สึกตัวเลย”
“ยะ..ยัง...ไม่รู้สึกตัว...”
จูเนียร์มีอาการติดขัดขึ้นมาทันทีที่ได้ยิน ภายเหตุการณ์วันนั้นเขายังจำมันได้แม่นรวมถึงการประสานแววตาเพียงเสี้ยววิที่ลอดผ่านหน้ากากหมวกกันน็อคเหมือนจะบ่งบอกให้เขามั่นใจโดยไม่รู้เลยว่าอีกคนจะทำเรื่องที่ไม่คาดคิดได้ขนาดนี้
ในวันนั้นจูเนียร์รีบเปิดประตูรถวิ่งลงไปโดยไม่สนใจสภาพของตัวเอง ทว่ากลับยืนมองอย่างทำอะไรไม่ถูก เขาไม่กล้าพอที่จะจับหรือแตะตัวคนตัวเล็กแม้แต่นิดเพราะเกรงว่าจะทำให้หนักกว่าเก่า
แต่เพียงไม่กี่วินาทีที่เขาตัดสินใจทรุดนั่งลงข้างๆ และเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเนียนที่ตอนเต็มไปด้วยเลือดที่ออกจากทั้งปากและจมูกก็ถูกแจบอมกระชากแรงๆ ให้กลับไปขึ้นรถเพราะเสียงเครื่องยนต์ที่ดังขึ้นโดยรอบซึ่งอาจเป็นคนของทีกรุ๊ปหรืออาจเป็นคนที่ต้องการทำร้ายเขาก็ได้
แม้จะถูกลากออกไปแต่จูเนียร์ยังคงทิ้งสายตามองร่างที่แน่นิ่งไม่วางตา ทว่ายังคงเบาใจอยู่เล็กน้อยที่คนตรงหน้ายังมีลมหายใจ
“เฮ้ย... ก็ไม่แปลกหรอกน่า อาการไม่ได้เบาเลยนะ” แจบอมทำลายความเงียบขึ้น
“แต่...”
“แล้วก็รถ... เหมือนจะอยู่ในอู่ซ่อมนะ” เขายังคงพูดไปเรื่อยๆ
“ทำไมล่ะ?”
“ลืมไปรึเปล่าว่ารถของใคร? ทายาททีกรุ๊ปเชียวนะ หรือให้ถูกก็รถของแฟนแบมแบม” แจบอมตอบด้วยสีหน้าหมั่นไส้นิดหน่อยจนจูเนียร์หลุดหัวเราะเบาๆ และก็เป็นการหัวเราะครั้งแรกหลังจากวันที่เกิดเรื่อง
“แล้วฉันจะออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่... วันนี้ได้ไหม?”
“ไอ้บ้า! รู้นะว่าจะทำอะไร นี่โดนยิงนะเว้ย ไม่ได้ตกต้นไม้ แขนก็ยังมีเข็มคาอยู่อย่าห้าวนัก” แจบอมร่ายยาวก่อนจะบอกลาแล้วกลับไป
จูเนียร์ก้มมองเข็มน้ำเกลือที่หลังมือตัวเองแล้วถอนหายใจ รู้ตัวเองดีว่าสภาพยังไม่พร้อมที่จะไปทำอะไรแผลงๆ อย่างเคย แต่แค่วันนี้เท่านั้นที่เขาจะยอมทนอยู่สถานที่แสนน่าเบื่ออย่างโรงพยาบาลนี่
...รอก่อนนะแบมแบม...
จากตรงนี้ไปไกลแสนไกล
หรือต้องผ่านเวลาแสนนาน
กับชีวิตที่เหลือฉันรู้ว่าเราต้องได้มาอยู่คู่กัน
วันนี้เข้าวันที่สามแต่จูเนียร์กลับยังคงถูกห้ามให้ออกจากโรงพยาบาลโดยพลการ แต่คนอย่างเขาถ้าได้ลงว่าตัดสินใจแล้วก็ไม่มีอะไรจะขวางได้แม้แต่สภาพร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเอง การหาข้อมูลของแบมแบมไม่ใช่เรื่องยากสำหรับจูเนียร์ที่ตอนนี้มีอุปกรณ์ในมือพร้อมสรรพ
ทันทีที่ได้เวลาในช่วงดึกเจ้าตัวก็เริ่มทำการหนีออกไปยังโรงพยาบาลที่แบมแบมรักษาตัวอยู่อย่างร้อนใจ แต่กว่าจะไปถึงตัวเขาเองก็ตัองกัดฟันสู้กับความเจ็บปวดทางร่างกายของตัวเองที่ยังไม่หายดี
แว่นสายตา เสื้อกาวน์ และชาร์ตประวัติคนไข้ ทำให้เขาพอจะกลมกลืนไปกับบรรดาบุคลากรของโรงพยาบาลได้ไม่ยากจนมาถึงชั้นห้องผู้ป่วยพิเศษทว่าชื่อที่ควรจะติดอยู่หน้าห้องกลับหายไป ตอนแรกเขาเองก็คิดว่าเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยแต่อะไรบางอย่างที่เรียกว่าสัญชาตญาณกลับบอกว่ามีสิ่งผิดปกติ
“เอ้อ... คุณพยาบาลครับ คนไข้ห้องนี้ไปไหนแล้วล่ะครับ?”
จูเนียร์เอ่ยถามพยาบาลที่เพิ่งเปิดประตูมาจากอีกห้องหนึ่งราวกับเป็นเรื่องพูดคุยธรรมดา
“ออกไปตั้งแต่เย็นแล้วน่ะค่ะ เห็นว่าอนุมัติให้ย้ายด่วน”
“ขอบคุณครับ”
จูเนียร์เอ่ยขอบคุณตามมารยาทแล้วเดินออกมาด้วยจิตใจที่ว้าวุ่นพลางเฝ้าโทษตัวเองที่มัวแต่เสียเวลาทั้งวันทำให้พลาดที่จะได้พบแบมแบมไปเพียงก้าวเดียว
ความเครียดที่ก่อตัวขึ้นทำให้จูเนียร์นอนไม่หลับแต่เพราะพยาบาลที่เข้ามาเปลี่ยนถุงน้ำเกลือให้จึงทำให้เขาหลับไปได้ซึ่งอาจเป็นเพราะฤทธิ์ยาที่ผสมอยู่
เธออยู่ไหน และเธอคือใคร
เธออยู่ไหน เฝ้ารอเธอมา
ฉันอยู่ด้วยความศรัทธาว่าเธอมีจริง
ผ่านไปอีกหลายวันแต่จูเนียร์ก็ยังหาเบาะแสของแบมแบมไม่พบจนเขาชักไม่แน่ใจว่าที่ไม่รู้ว่าเพราะลุงของแบมแบมพาหลานไปซ่อนไว้อย่างดีหรือเพราะเขาความสามารถไม่พอกันแน่
จากความเป็นห่วงก็เริ่มมีความกระวนกระวายเข้ามาแทนที่ แต่เขาเองก็ไม่ได้หนักใจมากเกินไปนักเนื่องจากพรุ่งนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลหลังจากอยู่มาเกือบอาทิตย์ด้วยการถูกบังคับซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรจะต้องเป็นห่วงกันขนาดนั้น
ภายในห้องของจูเนียร์ยังคงเหมือนเดิม แม้แต่การจัดวางต่างๆ ที่เขาเคยจำมันได้ก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ที่มันเปลี่ยนไปคือบรรยากาศที่อบอวลอยู่ภายในห้องนี้ต่างหาก
มือหนาเปิดประตูห้องนอนด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง ภาพซ้อนทับระหว่างห้องสองห้องที่เหมือนกันเรียกความทรงจำบางอย่างของเขากลับมาอีกครั้ง จูเนียร์คว้ากุญแจรถบนโต๊ะทำงานขึ้นมาก่อนจะเดินเร็วๆ เพื่อไปยังที่ที่เขานึกออก ถึงไม่มั่นใจนักว่าจะได้ประโยชน์อะไรแต่ก็คงลืมที่นั่นไม่ได้
บ้านสีครีมหลังใหญ่ของแบมแบมยังคงไร้ผู้คนเหมือนเดิมแต่คราวนี้เขาไม่คิดจะหลบอีกต่อไปในเมื่องานของเขามันจบแล้ว จูเนียร์ปีนกำแพงข้ามไปด้วยความทุลักทุเลเพราะเกรงว่าแผลจะปริอีกรอบหลังจากวันนั้นที่บ้าระห่ำปีนหนีออกจากโรงพยาบาลไปหาแบมแบมยามดึกแล้วคว้าน้ำเหลวกลับมา
จูเนียร์เป็นคนที่ค่อนข้างความจำดี เขาเดินตรงไปที่ห้องของแบมแบมโดยไม่ต้องหยุดคิดแม้แต่นิด ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปกลับพบเตียงสี่เสาประดับม่านสีขาวปักลายที่เคยพบเมื่อคราวก่อน แต่ที่เขาจำได้ที่อยู่ของเตียงนี้มันคืออีกห้องหนึ่งแล้วบรรยากาศที่เหมือนกันกับห้องของเขามันหายไปไหนกัน
ขายาวรีบวิ่งไปอีกห้องที่เคยเป็นห้องของเตียงสี่เสา เขาหยุดหน้าห้องนั้นและสูดลมหายใจลึกก่อนจะเปิดประตูไม้บานหนาออก แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำให้เขาใจเต้น
... ห้องที่เคยมีเตียงสี่เสาคราวก่อน กลับเป็นเพียงห้องว่าง
... นี่มันอะไรกัน!
เราเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน
นี่คือบัญชาของสรวงสวรรค์
ให้เราต้องเจอกันสักวันในชีวิตนี้
เกิดมาดูแลหัวใจอีกดวง
เกิดมาเพื่อรักแค่คนนี้ เกิดมาเพื่อมี
สักวันที่ฉันมีเธอ
...อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าค่ายลูกเสือ...
ถรุ๊ย! เล่นมุกแบบนี้ปรึกษาใครบ้างหรือเปล่า? -_-
บางทีจูเนียร์ก็ไม่อยากจะทำตัวให้เครียดจนเกินไป แต่มาจอดรถมองอาคารสำนักงานใหญ่ของทีกรุ๊ปก็ประหม่าจะแย่อยู่แล้ว เขาไม่เคยล้วงข้อมูลบริษัทใหญ่ขนาดทีกรุ๊ปมาก่อนแถมยังไม่ใช่ตามแผนกทั่วไปแต่เป้าหมายคือประธานบริษัทผู้เป็นลุงของแบมแบม
จูเนียร์กลับมาคิดจนหัวแทบระเบิดเพราะระบบข้อมูลของบริษัทนั้นไม่ธรรมดาและเขาก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำอย่างนั้นในเมื่อสิ่งที่เขาอยากรู้มันเป็นเรื่องส่วนตัว ซึ่งวิธีเดียวที่ได้ผลเสมอแต่เสี่ยงต่อการจับได้ง่ายที่สุดคือ... เครื่องดักฟัง
ทุกๆ วันจูเนียร์ก็ใช้เวลาในแต่ละวันเพื่อไล่ฟังเสียงที่อัดเอาไว้จนแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะไหนจะต้องสะสางงานที่ค้างไว้รวมถึงงานใหม่ที่ได้รับมอบหมาย โชคดีที่ผู้ว่าจ้างเจ้าปัญหาถูกทั้งอิมเทคและทีกรุ๊ปถอนรากไปแล้ว ไม่อย่างนั้นชีวิตเขาก็คงต้องมีคนของอิมเทคมาคอยเฝ้าเหมือนตอนอยู่ที่โรงพยาบาลแน่ๆ
ทว่าเมื่อเข้าอาทิตย์ที่สามโชคก็เริ่มเข้าข้างเมื่อเบาะแสที่ตามหาก็ปรากฏ
ประธานทีกรุ๊ปรับสายโทรศัพท์ในภาษาที่จูเนียร์ไม่รู้จัก แต่เพราะข้อความเสียงที่ถูกอัดไว้ทำให้สามารถหาข้อกระจ่างได้ไม่ยากนัก
ข้อความที่ถูกแปลเป็นภาษาเกาหลีถูกยื่นให้ในเย็นวันหนึ่ง เริ่มรู้สึกภูมิใจนิดหน่อยที่เรียนมหาวิทยาลัยนานาชาติก็วันนี้แหละ
... แบมแบม ย้ายไปบ้านพักเรียบร้อยดี.... มันคือภาษาไทย...
ต่างก็พร้อมจะไปด้วยกัน
พร้อมจะออกเดินทางด้วยกัน
ฝากความฝันความหวังและหัวใจเรา
ในมือของกันและกัน
จูเนียร์นอนนิ่งอยู่ที่โซฟาตัวเดิมหลังจากกลับมาจากการไปโรงพยาบาลเพื่อเช็คร่างกายที่ทำกายภาพบำบัดซึ่งตอนนี้สภาพร่างกายถือได้ว่าปกติดี แต่แล้วเขาก็ตัดสินใจโทรหาอิมแจบอม
“แจบอม ช่วยจองตั๋วเครื่องบินให้หน่อยสิ เดี๋ยวส่งรายละเอียดไปให้”
การที่จูเนียร์เฝ้าตามหาแบมแบมไปทั่วอย่างยากลำบากทำให้เขารู้ตัวเองว่ารักคนตัวเล็กมากมายแค่ไหน ยิ่งอีกคนยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเขาขนาดนั้นยิ่งทำให้เขาพยายามที่จะตามหามากขึ้น แม้จะรู้ดีกว่ากำลังถูกกีดกันเพราะเขาทำให้แบมแบมต้องเจ็บตัวขนาดนั้น
... หรืออาจเรียกได้ว่าเกือบตายเลยก็ได้
… การตัดสินใจครั้งนี้เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จไหม... แต่จูเนียร์ก็อยากลองดู
.... สักครั้ง
เธออยู่ไหน และเธอคือใคร
เธออยู่ไหน เฝ้ารอเธอมา
ฉันอยู่ด้วยความศรัทธาว่าเธอมีจริง
เครื่องบินสัญชาติเกาหลีบินผ่านน่านฟ้าเข้าสู่ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศที่ผมไม่เคยเหยียบผืนแผ่นดินนี้เลยสักครั้งในชีวิต และมันคงเป็นเรื่องยากอยู่ไม่น้อยที่จะตามหาเขา
แม้ว่าที่นี่จะเป็นประเทศที่ไม่ใหญ่มากนัก แต่สำหรับคนต่างชาติมันก็ยังเป็นสถานที่ที่เรียกว่าอีกโลกหนึ่งเลยทีเดียว
จูเนียร์ทำตามแผนที่วางไว้ทั้งหมดนั่นคือเข้าพักโรงแรมที่ไม่ไกลจากบ้านของแบมแบมเพื่อง่ายต่อการหาข้อมูลด้วยวิธีการเดิมๆ
... วิธีการบุกบ้านเป้าหมาย...
...เป็นเรื่องที่เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางแบบข้ามประเทศเลยทีเดียว
แต่ก็พร้อมที่จะเสี่ยง..
ชื่อเสียงของเขาไม่ได้แลกมาด้วยเงินแต่สร้างมาจากผลงาน ฉะนั้น หากคราวนี้มาถึงบ้านเจ้าตัวแต่ยังไม่ได้อะไรก็คงต้องพิจารณาตัวเองใหม่
เขาเคยคิดที่จะเข้าไปพบคนที่บ้านของแบมแบมอย่างตรงไปตรงมา ทว่าคิดอยู่หลายตลบ...ถ้าหากเรื่องมันง่ายอย่างนั้น คงไม่ต้องตะเกียกตะกายขนาดนี้
โทรศัพท์เครื่องสวยถูกเปิดไล่ดูภาพต่างๆ มากมายที่เคยถ่ายด้วยกันอย่างคิดถึง ไม่รู้ตอนนี้คนตัวเล็กจะเป็นอย่างไรบ้าง สิ่งที่เขารู้และอยู่ได้อย่างสบายใจจนถึงวันนี้มีเพียงเรื่องที่แบมแบมฟื้นหลังจากนั้นได้หนึ่งอาทิตย์
แต่คราวนี้ดูเหมือนเขาจะพกโชคมามากพอสมควรเมื่อรู้ถึงที่อยู่ของคนรักได้โดยบังเอิญจากการนั่งโต๊ะใกล้ๆ กับครอบครัวแบมแบมในร้านอาหารซึ่งเขาก็ต้องรอคำแปลจากเพื่อนของเขาอีกทีเพราะจูเนียร์เองก็คงไม่ไว้ใจคนอื่นนัก และถ้าหากคนที่เข้าไปขอความช่วยเหลือคิดว่าเขาเป็นคนร้ายคราวนี้คงได้กลับเกาหลีมือเปล่าแน่ๆ
เวลาหนึ่งวันช่างยาวนานจนเกินกว่าจะบรรยายได้หมด ความรู้สึกเหมือนมันนานยิ่งกว่าเวลาสามอาทิตย์ที่ผ่านมาด้วยซ้ำ อีกทั้งเป็นห่วงอาการเจ็บของแบมแบมที่รับรู้มาจากอิมแจบอมตั้งแต่วันแรกๆ เขาไม่อาจวางใจได้ถ้าไม่ได้เห็นกับตา ข่าวที่ได้มาก็ใช่ว่าจะเชื่อได้ทั้งหมดเสียเมื่อไหร่ ไม่อย่างนั้นคงขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ไปแล้ว
จูเนียร์เดินทางทันทีที่ได้รายละเอียดการแปลทั้งหมด เขากำลังจะไปภาคเหนือของประเทศไทย ถือว่าครอบครัวของแบมแบมสุดยอดมากจริงๆ ที่พาแบมแบมไปพักฟื้นที่นั่นแถมความสัมพันธ์ของเจ้าของรีสอร์ทเป็นเพียงรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยของพี่สะใภ้ซึ่งหากให้เขาสืบเองคงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะสาวไปได้ขนาดนั้น
และเมื่อจูเนียร์มาถึงจุดหมายได้การจะพบแบมแบมก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป บ้านไม้หลังเล็กที่เป็นบ้านพักของคนที่เขาตามหามากว่าสามอาทิตย์ปรากฏอยู่ตรงหน้า
ชายหนุ่มยิ้มเมื่อหน้าต่างของบ้านไม่ได้ล็อคเอาไว้ ขายาวๆ จัดแจงเลื่อนบานกระจกออกอย่างเบามือก่อนจะปีนเข้าไปด้านในอย่างชำนาญ
สิ่งที่อยู่ภายในห้องทำให้เขาพูดไม่ออก ไม่มีแบมแบมอยู่ในห้องนี้อย่างที่คาดหวัง แต่กลับพบสิ่งที่เขาสงสัยตั้งแต่สองอาทิตย์ที่แล้ว
ห้องนอนที่เหมือนกับห้องนอนภายในคอนโดของเขา ห้องที่หายไปจากบ้านสีครีมของแบมแบมกลับพบว่ามาอยู่ที่นี่ จูเนียร์ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงอย่างไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาคมเต็มตื้นไปด้วยน้ำตาที่เอ่อล้น เขาไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ยังไงจริงๆ
เพียงแค่นี้ก็ทำให้รู้ว่า... แบมแบมยังคงคิดถึงเขาตลอดเวลา
มือหนาลูบไปบนผ้าห่มที่ถูกจัดอย่างเรียบร้อย แค่เขาคิดว่าแบมแบมจะต้องนอนอยู่ที่นี่ทุกคืนคล้ายนอนอยู่ที่เดียวกันแต่ขาดก็แค่กันและกัน ยิ่งทำให้จูเนียร์สะท้อนใจจนแทบรอที่จะพบคนตัวเล็กไม่ไหว
รีสอร์ทแสนสวยที่มีไร่และป่าเขาล้อมรอบเป็นที่พักผ่อนที่ดีแต่ตอนนี้คนที่ยืนอยู่ตรงนี้กลับร้อนใจผิดกับบรรยากาศสบายๆ รอบตัว
“แบมแบม...”
ภาพตรงหน้าที่ไกลออกไปทำให้จูเนียร์วิ่งเข้าไปหาคนตัวเล็กที่เขาเฝ้าตามหามาหลายอาทิตย์อย่างคิดถึงที่สุด แม้จะเห็นไม่ชัดนักแต่รับรองว่าเขาจำไม่ผิด
ร่างสูงวิ่งมาจนถึงศาลาเล็กๆ เขาชะงักเท้าเอาไว้ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดอีกครั้งและเดินอ้อมด้านหลังวีลแชร์จนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า จูเนียร์คุกเข่าลงตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มที่แทบลืมไปแล้วของตัวเองเมื่อเห็นหน้าของคนตัวเล็กชัดๆ อีกครั้ง
“จูเนียร์!”
คนถูกเรียกชื่อลูบผมนิ่มของคนตรงหน้าเบาๆ
“ผมคิดว่าคุณจะไม่มาซะแล้ว” แบมแบมยกมือข้างที่ยังปกติดีขึ้นจับมือของจูเนียร์มาแนบแก้มของตัวเอง
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” จูเนียร์ถามเสียงแผ่วพลางลูบเนื้อตัวของคนรักไปทั่วเพื่อสำรวจอาการบาดเจ็บ มือหนาลูบไปบนเฝือกที่ขาข้างขวาก่อนจะเลื่อนมาที่แขนที่ถูกคล้องเอาไว้เพื่อลดการเคลื่อนไหวรุนแรง
แบมแบมสั่นหน้าเบาๆ น้ำสีใสไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้เมื่อเห็นคนที่มาหาเขายังแข็งแรงดีอย่างที่เขาต้องการจะเห็น
“ร้องไห้ทำไมครับคนดี?” จูเนียร์ยกนิ้วขึ้นปาดน้ำตาที่ไหลเอ่อจนเปรอะดวงตากลมโตคู่สวยของคนรัก แม้ว่าตัวเองก็ปริ่มไปด้วยน้ำตาไม่ต่างกัน
“คุณลุงบอกว่า...ถ้าคุณหาผมไม่เจอก่อนที่ผมจะหาย ชื่อเสียงของคุณมันก็แค่เด็กเล่นขายของ”
“ปรามาสแบบนี้ให้ลูกน้องมาซ้อมกันเลยดีกว่า”
จูเนียร์ดึงแบมแบมเข้ามากอดเบาๆ อย่างแสนรัก ยิ่งเห็นคนรักในสภาพที่เจ็บขนาดนี้เขายิ่งปวดใจ แบมแบมเองก็ยกมืออีกข้างกอดตอบไปเช่นกัน คางเล็กเกยอยู่บนไหล่ของจูเนียร์น้ำตาของคนตัวเล็กกว่ายังคงไหลจนสุดท้ายกลายเป็นเสียงสะอื้นอย่างสุดกลั้นเพราะเขารอที่จะได้พบจูเนียร์อยู่ทุกวันจนจูเนียร์ต้องยกมือขึ้นลูบผมเบาๆ เพื่อปลอบประโลม
...สำหรับแบมแบม การรออย่างไม่รู้จุดหมายแต่รู้จุดจบมันโหดร้ายมากทีเดียว...
...แต่วันนี้ทั้งคู่ก็ได้พบกันเสียที
จูเนียร์พาแบมแบมกลับมาที่บ้านพักในตอนเย็นก่อนจะพยุงมาที่เตียง
“ฉันสัญญา... ว่าฉันจะดูแลนายให้ดีกว่านี้...”
“คุณจะรักผมใช่ไหม?” แบมแบมถามพลางขยับตัว ทำให้จูเนียร์รีบเข้าไปช่วยอย่างถะนุถนอมสุดๆ
“ไม่ใช่นะ...” จูเนียร์แก้
“ฉันน่ะรักนายคนเดียวมาตลอด แต่ช่วยสัญญากับฉันที... ว่านายจะไม่ทำอะไรแบบนั้นอีก”
“ครับ ผมจะพยายาม” แบมแบมก้มหน้าตอบเสียงเบา
“ไม่นะ... ต้องทำให้ได้ หากฉันเห็นนายเจ็บแบบนั้นอีกครั้ง ฉันคงขาดใจตาย ถ้านายจากฉันไปเพราะเรื่องแบบนี้จริงๆ ฉันคงทนไม่ไหว”
จูเนียร์เชยคางแบมแบมขึ้นและจ้องลึกเข้าไปในดวงตาจนคนถูกมองเริ่มหน้าขึ้นสีระเรื่อที่จูเนียร์ระบายความรู้สึกให้ฟังแบบไม่ทันได้ตั้งตัว จูเนียร์กดจูบเบาๆ ที่หน้าผากของแบมแบมอย่างต้องการยืนยันคำพูด
“ฉันรักนายนะแบมแบม ... รักนายคนเดียว และจะรัก... ตลอดไป”
“ผมก็รักคุณ... รัก... มากเท่ากับชีวิตของผม”
เราเกิดมาเพื่อเป็นของกันและกัน
นี่คือบัญชาของสรวงสรรค์
ให้เราต้องเจอกันสักวันในชีวิตนี้
เกิดมาดูแลหัวใจอีกดวง
เกิดมาเพื่อรักแค่คนนี้ เกิดมาเพื่อมี
สักวันที่ฉันมีเธอ
-END- …
สำหรับเซตนี้คงหาเรื่องงงยากอยู่เพราะมีแค่ จูเนียร์และแบมแบม
ด้วยสาเหตุที่ทุกคนบอกว่า ไม่นะ! อย่ามาจบแบบนี้ จึงบังเกิดตอนนี้เป็นตอนจบ
แต่...เราไม่ถนัดเรื่องโรแมนติกสักเท่าไหร่ ขออภัยทุกคนด้วย ฮอลลลล... T^T
และส่วนหนึ่ง…
ก็มาจากตัวเองที่คิดว่าถ้าจบแบบนั้นเราเองก็ทนไม่ได้เหมือนกัน งื้ออออ...
Talk ::
ตอนนี้ส่วนหนึ่งมาจากรีดเดอร์บอกว่า...TBC เถอะ อย่ามาเศร้าแบบนี้นะ
หรือ...
ถ้าใครชอบจบแบบตอนที่แล้วก็ลืมตอนนี้ไปนะคะนะ...
(ทันไหม? ไม่ทันสินะ >< )
ความคิดเห็น