คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : X-Secret : IV – สถานการณ์ฉุกเฉิน
X-Secret : IV – สถานการณ์ฉุกเฉิน
คืนวันศุกร์เป็นวันที่ไม่ว่าใครก็มักจะออกมาพักผ่อนดื่มกินนอกบ้านจึงทำให้งานที่ร้านค่อนข้างยุ่งมากทีเดียว
หญิงสาวหน้าตาน่ารักสวมกระโปรงเทนนิสสีขาวกับเสื้อโปโลสีดำพร้อมหมวกไวเซอร์*สีขาวกำลังยุ่งอยู่กับการวิ่งรับออเดอร์เครื่องดื่มในส่วนของตัวเอง
โดยปกติก็เป็นคนที่มีรอยยิ้มเป็นอาวุธอยู่แล้วแต่วันนี้แฟร์รี่ยิ้มกว้างทวีคูณเพราะโชคดีได้ทิปจากลูกค้ากลุ่มใหญ่มาเสียเยอะขนาดที่แอบเก็บไว้ครึ่งหนึ่งก่อนหยอดใส่กล่องรวมเพื่อแบ่งกับพนักงานคนอื่นๆ
ยังเหลือเกินพันบาท
อย่าหาว่านิสัยไม่ดีเลย...
ช่วงนี้เธอจำเป็นต้องใช้เงินอย่างมากทีเดียว
โทรศัพท์ในกระเป๋ากระโปรงสั่นเป็นสัญญาณเตือนก่อนที่นาฬิกาข้อมือจะถูกยกขึ้นดูเวลาเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง...
และมันก็บ่งบอกว่าเธอหมดเวลางานแล้ว มือบางวางถาดเครื่องดื่มรายการสุดท้ายของตัวเองลงที่โต๊ะลูกค้าก่อนจะเลี่ยงไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านส่วนงานที่เหลือจนกว่าร้านจะปิดก็เป็นหน้าที่ของพนักงานประจำ
แฟร์รี่ในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนยาวกับกางเกงยีนส์ขาสั้นสวมรองเท้ากีฬาสีขาวและเป้สะพายข้างสีแดงเดินฮัมเพลงออกมาจากประตูร้านอาหารกึ่งผับที่ตนทำงานอยู่อย่างอารมณ์ดีก่อนจะต้องผงะเล็กน้อยเมื่อเจอกับคนที่ขยับมาขวางทางเดินตรงหน้าโดยไม่ได้ตั้งใจ
“โอ๊ะ! ขอโทษค่ะ” หญิงสาวรีบเอ่ยขอโทษพลางกระพริบตาปริบๆ
“เอ๊...
นี่น้องที่เสิร์ฟไวน์นี่นา กลับแล้วเหรอ?”
ผู้ชายท่าทางดีอีกคนแทรกมาคั่นกลางซึ่งดูเหมือนเขาจะจำเธอได้
“ใช่ค่ะ
กำลังจะกลับบ้านค่ะ ไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
เธอส่งรอยยิ้มหวานให้คนมาใหม่แล้วรีบตัดบท...
บรรยากาศการเจอลูกค้าที่แอลกอฮอลล์เข้าเส้นตอนเที่ยงคืนกว่ามันช่างไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“หิวไหม?
ไปกินข้าวด้วยกันสิ พี่เลี้ยง...” คำชวนนั้นทำเอาตาโต
แต่มันก็ไม่ใช่เวลาไหมล่ะ!
“ไม่เป็นไรค่ะ
อยากกลับบ้านมากกว่า”
“ไปเถอะ
เดี๋ยวเพื่อนพี่ไปส่ง”
คราวนี้คนที่เกือบชนกันตอนแรกเอ่ยขึ้นบ้างโดยที่ถือวิสาสะคว้าข้อมือเธอจูงไปที่รถอีกต่างหาก
“เดี๋ยวค่ะ!”
“อะไรอีกล่ะ พูดง่ายหน่อยสิ” น้ำเสียงคนที่รั้งข้อมือออกจะเริ่มอารมณ์เสีย
“แฟร์รี่...
แฟร์รี่ลืมโทรศัพท์ไว้ในร้านน่ะค่ะ พี่รอตรงนี้แปบนึงนะคะ เดี๋ยวมา...” รอยยิ้มหวานๆ
กับท่าทางน่ารักไม่ได้สร้างความคลางแคลงใจให้กับคนทั้งคู่เลยสักนิดและเพียงแค่สำทับอีกครั้งเท่านั้น
“รีบมานะ
พี่รอ...”
หญิงสาวยิ้มทิ้งท้ายจากนั้นก็ก้าวผลุบหายกลับเข้าประตูร้านอีกหน...
รอให้รากงอกไปเถอะ เช๊อะ!
ไม่กี่นาทีถัดมา...
ร่างเพรียวก็มาปรากฏตัวลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงซอกตึกแคบที่ถัดไปอีกสามบล็อคโดยออกทางหลังร้านแม้พื้นมันจะเลอะเทอะไปหน่อยแต่ก็ปลอดภัยดี จากนั้นก็วิ่งลัดเลาะไปหลบข้างรถสีดำเงาคันหนึ่งที่อยู่ไม่ห่างออกไปมากนักเพื่อให้แน่ใจว่าคนพวกนั้นจะไม่เห็นเพราะก่อนหน้านี้เธอเจอเหตุการณ์แบบนี้และบังเอิญพลาด... ผลคือถูกวิ่งตามเอาดื้อๆ
มือบางเกาะขอบกระโปรงรถแล้วค่อยๆ โผล่ขึ้นไปดูลาดเลาอย่างระแวดระวังเมื่อเห็นคนที่ต้องการจะหนีหันไปคุยกับใครสักคนที่มาสบทบจึงถือโอกาสก้าวย่องถอยหลังเตรียมชิ่งในลู่ทางที่เล็งไว้แต่แรก
ทว่า ประตูรถกลับเปิดออกและแขนเล็กของเธอนั้นถูกจับไว้ได้ทันเสียก่อน
“ตาเถร!!”
หญิงสาวอุทานลั่นก่อนยกอีกมือปิดปากตัวเองด้วยสีหน้าเลิ่กลั่กเกรงว่าใครจะได้ยินเข้า
“จะไปไหน... ยัยนักต้มตุ๋น?” เสียงคุ้นหูเอ่ยถามระคนความขำขันในน้ำเสียงเพราะเห็นอยู่นานแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น...
“ชะอุ้ย!” คนถูกทักร้องอย่างตกใจอีกรอบเมื่อหันกลับมาเพ่งจนชัดว่าเจ้าของมือปริศนาเป็นใคร
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังโล่งใจไปเปลาะหนึ่งที่ไม่ใช่คนอื่นที่น่ากังวล
“ไง...
ต้องการความช่วยเหลือไหม?” คนถามยกยิ้มกวน และดูเหมือนว่า... เป็นคำถามที่ไม่ต้องการคำตอบ
ทันทีที่พูดจบมือหนาก็คว้าเอาร่างที่นั่งยองๆ ข้างรถด้วยท่าทางเหรอหราขึ้นมาทางฝั่งคนขับแล้วปิดประตูทันที
“เดี๋ยวคุณ! ... ทำบ้าอะไรเนี่ย!?” หญิงสาวแหวลั่นพลางดันตัวเองออกจากท่านั่งอันล่อแหลมที่เป็นอยู่
ตอนนี้เข่าขวาของเธอวางอยู่ตรงระหว่างขาพอดิบพอดีแถมยังนั่งทับบนหน้าขาของเขาอีกต่างหาก
“อยากโดนลากก็ลงไปดิ่...” ชายหนุ่มเหลือบตาไปทางคนที่รอเธออยู่หน้าร้านอย่างถือไพ่เหนือกว่า
“แต่ท่านี้มันก็ไม่ค่อยดีมั้ง?” หญิงสาวค้านเสียงอ่อย
“อย่าขยับน่า...”
เขาเอ่ยปรามทั้งที่มือยังโอบรั้งเอวบางไว้แนบตัว
ส่วนหญิงสาวใช้สองมือยันไหล่เขาไว้เพื่อไม่ให้ใกล้ชิดกันเกินไปจนแขนเล็กเกร็งไปหมด
“นี่คุณหวังแจ็คสัน
สงบศึกชั่วคราวได้ไหม?” แฟร์รี่ยื่นข้อเสนอ
เธอจำได้ทั้งหมดว่าเคยพูดอะไรไว้กับเขา แต่สำหรับตอนนี้คงต้องขอยกเว้นในเมื่อการเอาตัวรอดเป็นสิ่งจำเป็นกว่า
“แลกกับอะไร?”
“ไม่มีอ้ะ
ฉันจนจะตาย... ของที่คุณอยากได้ฉันคงหาไม่ไหว”
เธอกลอกตาไปมาแล้วส่ายหน้าก่อนตอบ... รู้สภาพตัวเองดีว่าแม้มีเสื้อผ้าที่แต่งออกมาแล้วดูดีอยู่บ้างนั่นก็เพราะของเก่าที่เคยมีอยู่กับของที่คนอื่นออกเงินซื้อให้ทั้งนั้น
“แล้วควรทำยังไงดีล่ะ?
กดกระจกลงดีไหม?”
มือหนาเลื่อนไปที่ปุ่มอย่างปากว่าทำเอาเธอร้องห้ามเสียงหลง
“เฮ้ๆๆ! อย่านะคุณ!”
“...!!”
แจ็คสันถูกมือบางรั้งเอาไว้พร้อมกับหันไปมองกระจกอีกด้านว่าลดลงมาหรือยังอย่างระแวงตามด้วยการถอนใจอย่างโล่งอกที่เห็นมันยังอยู่ดี
ทว่าอาการนิ่งของเขานั้นทำให้เธอเอะใจจนต้องกลับมามอง สายตาที่ลงต่ำของเขาเรียกสายตาของเธอด้วยเช่นกัน
“34 ป้ะ? ซ่อนรูปเหมือนกันนะเรา” เขาเอ่ยทั้งที่ยังไม่ละสายตา
ร่างกายที่แนบชิดกันโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นทำเอาเธออยากกรีดร้องให้สุดเสียงแต่ก็ทำได้แค่กั้นมันไว้จึงมีแค่เสียงที่ลอดไรฟันออกมาให้ได้ยินเบาๆ
“ไอ้บ้ากาม!”
ไม่รู้ว่ามีคำด่าใดจะสาสมไปกว่านี้อีกแล้ว
“ทำไมล่ะ...
มากไปหรือว่า... น้อยไป?” ร่างหนาเลิกคิ้วอย่างสงสัย
เพราะคิดว่าตัวเองไม่น่าจะกะผิดขนาด เขาน่ะ... แม่นเรื่องพวกนี้อยู่นะ
โอ๊ย... ไม่ไหวแล้วเว้ย! หญิงสาวปักศอกลงที่ไหปลาร้าของแจ็คสันแรงๆ
เพื่อยันตัวเองให้ห่างจากเขาก่อนจะยกอีกมือขึ้นสูง ... งานนี้ขอตบให้หายลามกสักทีเถอะ!
“หยุดนะ!...”
แจ็คสันชี้หน้าเสียงเข้ม
“ถ้าเธอตบ... ฉันปล้ำ!”
ห๊ะ!?...
มือบางชะงักค้างอยู่กลางอากาศ
สมองน้อยๆ เร่งประมวลผลอย่างด่วนจี๋
จากนั้นจึงตัดสินใจลดมือลงด้วยใบหน้างอง้ำสุดขีด ตอนนี้เธอทั้งหงุดหงิด ขัดใจ โมโห
หลากอารมณ์ปนเปกันไปหมด
“บ้านอยู่ไหนเดี๋ยวไปส่ง” เป็นคำถามที่แฟร์รี่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากเขา
“คุณจะไปที่นั่น...
งั้นเหรอ?”
“ใช่ไง
ถือว่าสงเคราะห์ลูกกระต่ายที่จะโดนเสือขย้ำ แล้วก็ลงไปจากตัวผมได้แล้ว”
พูดไม่ทันจบร่างที่เคยอยู่บนตัวแจ็คสันก็ถูกโยนโครมไปที่เบาะด้านข้าง
“โอ๊ย! คนนะเว้ย!” หญิงสาวโวยลั่น คนทั้งคนเชียวนะ... หัวโขกกับกระจกอีกเจ็บชะมัด!
รถของแจ็คสันเคลื่อนตัวออกจากลานจอดโดยไม่เอ่ยถามอะไรอีก
ส่วนคนที่นั่งข้างก็รีบคาดเข็มขัดนิรภัยก่อนจะมองสถานที่รอบๆ เพื่อหาจุดที่ให้เขาจอดและเธอลงสะดวก
แต่แจ็คสันยังไงก็คือแจ็คสัน... คันเร่งถูกเหยียบทะยานขึ้นทางด่วนโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้าตอนที่เธอก้มกดโทรศัพท์รู้ตัวอีกทีก็ไม่ทันเสียแล้ว
“คุณ...! แล้วฉันจะลงยังไงเนี่ย!?”
“ทำไมไม่บอกล่ะ
ไปลงข้างหน้าแล้วกัน”
แจ็คสันเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หญิงสาวได้แต่เจ็บใจอยู่คนเดียวที่ถูกเขาแกล้งอีกแล้วแถมกว่าจะถึงทางลงก็ไม่รู้ว่าต้องไปอีกไกลเท่าไหร่
ถนนหนทางก็ไม่ได้รู้จักมากนักเพราะเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้สองเดือนกว่า และการย้อนไปย้อนมาแบบนี้ยิ่งทำให้เปลืองเงินเข้าไปอีก
พอคิดถึงเรื่องเงินแฟร์รี่ก็แทบจะทึ้งหัวตัวเองอย่างเสียสติ
อ๊ากกกกก... อยากจะบ้า! ถ้าหากฆ่าคนตายแล้วไม่ติดคุก...
หวังแจ็คสันจะเป็นคนแรกที่เธอเชือดทิ้ง!
ชเวยองแจนั่งค้นคว้ารายงานที่ถูกสั่งตั้งแต่ต้นเทอมจนดึกเพราะไม่มีอะไรทำ
ช่วงเวลาปิดเทอมเขาก็ใช้มันไปกับงานพิเศษที่ร้านกาแฟเกือบหมด อันที่จริงเขาไม่ใช่คนขยันขนาดนั้นทว่ามีเรื่องที่ต้องให้คิดจึงนอนไม่หลับเท่านั้นเอง
หน้าจอคอมพิวเตอร์เปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยคนที่นั่งอยู่นั้นหาได้สนใจมันมาสักพักแล้ว
เสียงเคาะประตูเบาๆ
เรียกให้เขาหลุดจากภวังค์ ยองแจดันเก้าอี้ออกจากนั้นก็เดินไปเปิดดูอย่างแปลกใจที่ใครสักคนในบ้านมาหาเขาในเวลานี้
“ยังไม่นอน?” จูเนียร์กอดอกพิงกำแพงข้างกรอบประตูเอ่ยทัก
“ฮยองเห็นผมหลับหรือเปล่าล่ะ?”
“เห็นไฟก็รู้แล้ว
ทำไม... มีเรื่องอะไรเหรอ?”
ไม่แปลกใจเลยที่เป็นจูเนียร์
เขาก็แบบนี้... มักจะรู้สึกได้เร็วเสมอหากใครมีปัญหาเป็นมนุษย์ที่น่ากลัวเกินไป
“ไม่อ้อมค้อมหละนะ” ยองแจส่งยิ้มเนือยๆ ให้ผู้เป็นพี่ชาย
“ยิ่งตรงยิ่งดี”
“ได้!”
ยองแจรับคำเสียงหนักก่อนจะคว้าคอเสื้อนอนคอกลมสีขาวของจูเนียร์ให้เข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูฉับ
“ไอ้แจๆ
เบาหน่อย กูพี่มึงนะ!” จูเนียร์โวยขณะที่ถูกเหวี่ยงให้นั่งบนเตียงไม่แรงนัก
“รู้แล้วน่า...”
ยองแจตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญพลางลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้าจูเนียร์ที่กำลังจัดเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่เข้าทาง
ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่กระทบผิวหนังทำเอาต้องกลอกตามองไปรอบๆ อย่างครุ่นคิดว่าห้องของเจ้าเด็กหน้ามึนเปลี่ยนไปขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เย็นขนาดนี้
กลัวเน่ารึไง?”
สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกไป
“ใช่! ผมกลัวใจเน่าไง มันอับเฉามานานแล้ว”
“ฮึ้ก..!”
จูเนียร์ตบอกด้วยท่าทางคล้ายพะอืดพะอมเต็มทน
นี่ต้องหาถังขยะรอไว้ไหมเนี่ย? .... ชเวยองแจ ไอ้เด็กน้ำเน่า
“เอาเถอะๆ เลิกด่าผมในใจ
และมาเข้าเรื่องดีกว่า...” ยองแจตัดบท
“ผมเป็นห่วงพี่แจ็คสัน อีกไม่เท่าไหร่ก็ถึงวันงานปาร์ตี้... และเขาก็คงยังตัดใจไม่ได้อย่างที่พูดหรอก
ถึงเขาจะร่าเริงแต่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเสียเมื่อไหร่
คนแบบเขาถ้ารักใครขึ้นมาก็จริงจังฝังใจอย่างเหลือเชื่อ แล้วยิ่งตอนนี้คนที่เขารักกลับเป็นคนรักของพี่เจบี
ผมว่า... เขาฝืนปั้นหน้ายิ้มจนจบงานไม่ไหวแน่”
“แต่มันทำตัวเองนะ...
พวกเราก็รู้ว่าแจ็คสันทำให้กอหญ้าเสียใจมากขนาดไหน ถ้าให้เลือก... กูก็เลือกเจบี” จูเนียร์กังวลเรื่องเดียวกัน ก่อนนี้ในกลุ่มถึงขั้นแตกเป็นทีมเจบีและทีมแจ็คสันคอยช่วยเหลือแบบลับๆ
แต่ให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเรื่องราวทั้งหมดแม้จะจบได้ด้วยดีทว่าไม่ค่อยสวยงามนัก
“แผลที่ยังไม่ทันหายดี
จะฉีกอีกรอบก็คราวนี้”
ยองแจทอดถอนใจอย่างปลงๆ
“ช่วยไม่ได้...
ใครใช้ให้เธอเป็นผู้หญิงแบบนั้นกันล่ะ ก็คงต้องทนให้ได้ในเมื่อความรักที่กอหญ้ามีให้แจ็คสันมันเปลี่ยนไปแล้ว” คนเป็นพี่ค้ำสองมือวางเอนราบไปทางด้านหลังพลางยืดขาแล้วโยกเท้าเล่นไปมา
“ผมต้องช่วยอีกแล้วใช่หรือเปล่า?”
“ก็เป็นตัวช่วยของทุกคนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?” จูเนียร์เอ่ยยิ้มๆ
“คุณปาร์คจินยองช่างสบายใจจริงนะครับ”
“เอาน่า...
ช่วยกันดู อย่าให้มันแสดงออกมากนักหรือช่วยพาเลี่ยงภาพที่แทงใจเกินไปก็พอ
บางทีก็ควรเกรงใจเจบีมันบ้าง มันก็รักของมันมากเหมือนกัน เฮ้อ.. ไปหละ ฝันดี”
อยู่ดีๆ
จูเนียร์ก็ลุกขึ้นบอกลาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ธุระที่น่าหนักใจก็สรุปแล้ว
ดังนั้นเขาควรกลับห้องนอนตัวเองเสียที
ยองแจหรี่ตามองแผ่นหลังกว้างของคนเป็นพี่ราวกับกำลังจับผิด...
อะไรบางอย่างบอกเขาว่าจูเนียร์มีสิ่งที่ปิดบังอยู่ไม่มากก็น้อย ... นี่ก็เป็นอีกคนที่ชอบมีลับลมคมนัยเสมอ
ในช่วงเวลาเช้ามืดที่เป็นยามที่เงียบพอสมควรเพราะยังไม่มีผู้คนเร่งรีบตื่นจากห้วงนิทราอันแสนสุขแต่ยังมีใครบางคนนอนกระสับกระส่ายจนเหงื่อเม็ดเล็กผุดพรายตามไรผม
คิ้วบางขมวดมุ่นแม้ร่างกายยังไม่ได้รู้สึกตื่นตัวก่อนจะสะดุ้งเฮือกสุดตัวจนถึงขั้นนั่งหอบแฮ่กอยู่บนเตียง
ทั้งยังขยุ้มฝ่ามือลงบนที่อกเสื้อมั่นเพื่อตั้งสติให้กลับคืน
ร่างบนเตียงพรูลมหายใจอย่างโล่งอกเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เห็นไม่ใช่เรื่องจริงแต่เป็นเพียงแค่ฝัน
“หลอกหลอนกันถึงนั้นฝันเลยเหรอ?
สักวันฉันคงบ้าตาย...” เธอบ่นกับตัวเอง
จริงแล้วเรื่องในฝันนั้นไม่ใช่แค่เรื่องหลอก
แต่กลับเป็นจิตใต้สำนึกที่กังวลกับสิ่งนั้นหนักหนา
การที่เธอย้ายมาที่นี่นั้นมันมีเหตุผล... ใช่ว่าอยากอยู่ในที่ที่ตัวเองไม่รู้จักหรือคุ้นเคยไปทุกอย่างเสียเมื่อไหร่
แฟร์รี่หันมองโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างหมอนอย่างชั่งใจว่าอย่างน้อยเธอควรโทรหาผู้เป็นอาและบอกว่าเธอยังสบายดีในตอนนี้หรือไม่
“แฟร์สบายดีนะคะอา ดูแลตัวเองด้วย”
สุดท้ายเธอก็ทำได้แค่เอ่ยลอยๆ กับความว่างเปล่ารอบตัวก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกครั้ง
อีกด้าน... ยามเช้าตรู่ที่คล้ายจะสงบกลับไม่เงียบอย่างที่คิดนักเมื่อเสียงเพลงจังหวะคึกคักดังแว่วลอดออกมาจากประตูห้องที่ปิดไม่สนิทดี
โดยคนด้านในยังคงเมามันส์กับการเล่นเพลงด้วยเครื่องเทิร์นเทเบิ้ลตัวโปรดอย่างชำนาญ
ศีรษะได้รูปครอบหูฟังสีขาวไว้เพียงข้างเดียวกำลังโยกตามเมื่อจังหวะกำลังสนุกได้ที่
พลันดวงตาคมก็เหลือบไปเห็นแขกกิตติมศักดิ์ยืนมองเขาผ่านกระจกใสด้วยรอยยิ้มอยู่ด้านหน้าห้องจึงรีบถอดอุปกรณ์วางลง
เบาเสียงเพลง และเดินออกไปหา
“ตื่นเช้านะวันนี้”
คนที่เป็นพ่อเอ่ยทัก แต่คำตอบของคนเป็นลูกชายกลับทำให้แปลกใจเสียนี่
“เช้าอะไรล่ะครับป๊า
ผมยังไม่ได้นอน”
“ถ่างตาอยู่ทำไม?”
“ดีด!”
“เดี๋ยวเถอะแก...
เดี๋ยวจะโดนฉันดีด แล้วจะตามม๊าแกมาดีดด้วยอีกคน!”
แจ็คสันหัวเราะ
เขาก็แค่จะยั่วโมโหคุณหวังโทนี่เล่นและมันก็ดันขึ้นจริงๆ เสียด้วย... น่าขันจริง
“ล้อเล่นน่าป๊า
ซีเรียสไปได้ แล้วนี่... ป๊าออกมาทำอะไรตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดีล่ะครับเนี่ย?”
“ยืดเส้นยืดสายออกกำลังกายเสียหน่อย”
แม้อายุจะมากแต่คุณโทนี่ก็ยังมีกล้ามเนื้อให้เห็นอย่างคนสุขภาพดีและออกกำลังอยู่เสมอไม่ต่างจากลูกชาย
“ซ้อมเตะปี๊บเหรอ?
หึหึ...” แจ็คสันเองก็อดไม่ได้ที่จะแซวผู้เป็นพ่อ
“ไอ้แจ็ค...
นี่พ่อนะ!”
ไอ้ลูกตัวแสบนี่มันน่าโบกสักทีสองที ขนาดพ่อมันยังไม่เว้น...
กวนไม่ลดละเลยจริงๆ
“แหม
คุณหวัง... ผมนี่ก็ลูกนะ”
คนเป็นพ่อคร้านจะต่อคำกับลูกชายได้แต่ยกหนังสือพิมพ์ในมือฟาดไหล่ไปหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้
แจ็คสันลูบบริเวณนั้นเบาๆ เขาไม่ได้เจ็บแต่มันแค่รู้สึกคันเล็กน้อยก่อนจะเดินตามออกไปที่ห้องรับแขกด้านนอก
“เตรียมงานเลี้ยงไปถึงไหนแล้ว
สื่อเยอะมากนะ อย่าให้พลาด”
คุณหวังเริ่มคุยเรื่องงานตั้งแต่แจ็คสันยังไม่ได้นั่งลงเลยด้วยซ้ำ
“หืม?
งานไหนล่ะครับ... งานวันเกิดเซเลป หรืองานปาร์ตี้?”
“ปาร์ตี้สิ
หลานสาวฉันทั้งคนเชียวนะ”
ถึงจะตอบเช่นนั้นแต่ก็ยังเหลือบมองหน้าลูกชายอย่างห่วงความรู้สึก
“ผมทำดีแน่! เปิดฟลอร์ของงานด้วยดีเจแจ็คสันสุดเพอร์เฟ็ค! แค่นี้สาวๆ ก็กรี๊ดกันคอแตกแล้ว”
ชายหนุ่มทำท่าโอ่เต็มที่
“ทั้งงานมีแค่แกรึไง?”
“แปลนสำหรับตกแต่งถูกส่งให้ทีมงานแล้ว
ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แล้วก็... เลิกทำหน้าเหมือนเป็นห่วงผมได้แล้ว
หวังเจียเอ๋อคนนี้ปกติดี” แจ็คสันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังให้คนเป็นพ่อวางใจ
“ก็ดี... แต่รู้ไว้เถอะ
แกเป็นลูกชายคนเดียวของฉัน ถ้าฉันไม่ห่วงแกสิแปลก เออนี่... วันงานควงสาวมาสักคนสิ
มันอาจจะดีกับตัวแกก็ได้”
คุณหวังเดินออกไปแล้วแต่แจ็คสันยังคงนั่งอยู่ที่เดิมด้วยสีหน้าครุ่นคิด
หากพ่อของเขาเอ่ยปากแสดงว่ามันคือสิ่งที่ควรเก็บเอาไปพิจารณาหรือวันนั้นเขาน่าจะมีใครสักคนไปด้วยกันนะ
วันนี้แฟร์รี่เกล้ามวยผมขึ้นสูงเผยใบหน้านวลเนียนน่ารัก
ชุดกระโปรงยาวที่สวมดูเกะกะขึ้นมาเมื่อถึงคราวที่ต้องรีบ
สองมือรวบด้านข้างขึ้นสูงเพื่อให้สะดวกต่อการก้าวยาวเพื่อให้ทันเวลาที่นัดไว้
ที่สำคัญเธอมีเวลาไม่มากนักเพราะต้องไปทำงานต่อในช่วงกลางคืน
มือบางปล่อยกระโปรงทันทีที่ถึงชั้นนัดหมายพร้อมทั้งจัดความเรียบร้อยเล็กน้อยก่อนจะเดินด้วยท่าทางสบายๆ
ร้านอาหารเกาหลีในห้างสรรพสินค้าชื่อดังดูดีมากจนเธอแทบกลั้นหายใจ
มือบางแตะกระเป๋าสะพายใบเล็กอย่างนึกถึงจำนวนเงินในนั้นหากเธอต้องเดินเข้าร้านแบบนี้ด้วยตัวเองต้องพกมาเท่าไหร่กันนะ
ขณะที่คิดก็มีพนักงานออกมารับเข้าไปที่โต๊ะด้านในสุดติดกระจกซึ่งตรงนั้นสามารถมองเห็นบรรยากาศด้านนอกได้เป็นอย่างดี
“น่ารักเหมือนเดิมเลยนะ
นั่งก่อนสิครับ” เสียงทุ้มเอ่ยเชื้อเชิญ
“คุณมานานแล้วเหรอคะ?” หญิงสาวเอียงคอถาม
“ไม่หรอก... แต่นี่เราเจอกันครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ?”
“อืม สามค่ะ
แฟร์เจอคุณมิโนเป็นครั้งที่สาม”
ซงมินโฮผู้มีลุคส์แบดบอยเต็มขั้นแต่กับแฟร์รี่เขาถือว่าเป็นคนมีอารมณ์ขันมากทีเดียวดูเหมือนช่วงนี้ทั้งคู่จะคุยกันถูกคอทั้งที่พบกันได้ไม่นาน
มื้ออาหารเป็นไปด้วยดีทั้งความเลิศรสและบรรยากาศระหว่างกัน
ชายหนุ่มลอบสังเกตคนตรงหน้าเป็นระยะ
เขานึกไปถึงสิ่งที่แจ็คสันบอกและตัวเองเคยให้คำมั่นว่าจะสร้างความกระจ่างให้กับเรื่องนี้
“เอ่อนี่แฟร์รี่...
เพื่อนผมทำให้คุณลำบากใจอะไรบ้างไหม?”
คำถามของเขาทำเอาเธอถึงกับชะงักโดยที่ภายในสมองนั้นกำลังเฟ้นหาคำตอบที่ดีที่สุดออกมาซึ่งมันไม่ง่ายนัก
“เพื่อนคุณคนไหนล่ะคะ?” เธอถามด้วยรอยยิ้มหวานที่เคยมี
“หึ...
คุณนี่น้า... ผมหมายถึง แจ็คสันน่ะ”
ซงมินโฮเองก็ไม่คิดจะอ้อมค้อม แม้รู้ว่าเธอพยายามเลี่ยงแต่เขาต้องการความจริงมากกว่า
“เฮ้อ...
ทำไมถึงถามถึงเขาล่ะคะ?”
รอยยิ้มบนใบหน้าจางหายไปแล้วกลับมีสีหน้าวุ่นวายใจเข้ามาแทน
มิโนอยากจะหัวเราะเสียงดังแต่ยังต้องฟอร์มเอาไว้ก่อน
เขาสอบถามมาหมดแล้วสำหรับเรื่องในคืนนั้นที่แจ็คสันสงสัยซึ่งความจริงเป็นคนอื่นที่ขึ้นไปบนห้องของคุณเฉิน
ส่วนวันนี้แค่อยากรู้เรื่องนอกเหนือนั้นจากปากเธอต่างหาก
“เขาทำอะไรไม่ดีหรือเปล่า?”
“ก็...อาจจะใช่
หรืออาจจะไม่ มั้งคะ”
ดูเธอเองก็แบ่งรับแบ่งสู้อยู่มาก
“ผมถามใหม่ก็ได้...
คุณทำอะไรเพื่อนผมหรือเปล่า?” สีหน้าเจ้าเล่ห์ของซงมินโฮนั้นปิดไม่มิดเลยจริงๆ
“ฉัน... เอ่อ...
ฉัน...” แฟร์รี่ไม่กล้าบอกออกไปจึงได้แต่เอ่ออ่า
“พูดมาเลย” เขาเร่ง
“ก็...
พลั้งมือตบเพื่อนคุณไปนิดนึง”
น้ำเสียงอ่อยๆ บวกกับสีหน้าเจื่อนๆ
ยิ่งทำให้ซงมินโฮอยากจะแหกปากร้องตะโกนด้วยเหตุว่าจะมีผู้หญิงสักกี่คนกล้ามีเรื่องกับหวังแจ็คสันทายาท
W Group หากไม่นับกอหญ้านางแบบสาวเซ็กซี่แห่ง X-Girl คนนั้น
นี่ก็คงจะเป็นคนแรกในรอบปี
“ปากมันก็เป็นแบบนั้น
อย่าถือโทษโกรธมันเลยนะ”
เขาเอ่ยปลอบใจคนสวยที่กำลังขวัญหนีดีฝ่อตรงหน้า
“ไม่หรอกค่ะ
เขาต่างหากที่จะโกรธ” แม้ปากจะบอกออกไปอย่างคนดีสุดๆ
ทว่าภายในใจนั้นกล่าวโทษแจ็คสันอย่างเต็มที่
คนแบบนั้นน่ะ... โดนเสียบ้างก็สมควรแล้ว!
“งั้นผมจะบอกเขาว่าคุณไม่ติดใจก็แล้วกัน” บทสรุปของผู้ชายฝั่งตรงข้ามเล่นเอาเธอตาโต
นี่อย่าบอกนะว่าต้องเจอะต้องเจอผู้ชายบ้ากามแถมยังปากเสียอย่างนายนั่นอีกน่ะ ...
ไม่นะ!
คำภาวนาของแฟร์รี่เหมือนจะสัมฤทธิ์ผล
ซงมินโฮเพียงแค่ส่งข้อความแชทไปหาใครสักคนเท่านั้นไม่ได้โทรหาแจ็คสันแต่อย่างใด
หญิงสาวจึงลอบถอนหายใจเบาๆ
แฟร์รี่กลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้งก็ตอนที่ถึงห้องพัก
โลกอันวุ่นวายที่มีตัวตนของเธอด้วยการสร้างขึ้นยิ่งทำให้เหนื่อยสมองอย่างมาก เธอหยิบกระดาษสีขาวที่วางกองไว้ข้างหมอนขึ้นมาดูอย่างหนักใจ
หากนับเงินที่มีกับยอดค่าเทอมที่ต้องจ่ายในกระดาษก็ยังขาดอีกตั้งเป็นหมื่นบาท
ยามที่ตัดสินใจเวลานั้นคิดว่าลำบากก็จริงแต่คงผ่านไปได้แม้ทำเรื่องไม่ดีสักนิดหน่อย
ถึงตอนนี้จึงได้รู้ว่า... ลำบากมาก เพราะหากไม่มีการเล่นกลโกงเล็กๆ น้อยๆ
มีหวังเธอคงอดตายและไม่ได้เรียนต่ออย่างแน่นอน
กระเป๋าสตางค์สีขาวมุกถูกยกขึ้นเทแรงๆ
จนข้าวของในนั้นรวมทั้งเงินหล่นกระจายเต็มเตียง
ดวงตากลมสวยมองบัตรสีฟ้าอ่อนสองใบตรงหน้านิดหนึ่งก่อนจะหยิบขึ้นมาถือข้างละอัน
เธอมองพวกมันยิ้มๆ เพราะนั่นคือบัตรประชาชนของเธอเองทั้งคู่
ใบหนึ่งคือของจริงส่วนอีกอันที่เหลือคือของปลอมที่ทำขึ้นใหม่ด้วยราคาไม่กี่ร้อยบาท
“ปิดตายความเป็นเด็กอายุ
17 ก่อนผิดพลาดน่าจะดี”
เธอพึมพำเบาๆ พลางโยนบัตรที่ปีพ.ศ.น้อยกว่าลงบนที่นอน
และถือของจริงไปหาที่ซ่อน
“ตรงไหนดีน้า...?”
ร่างเพรียวเดินวนไปมาอยู่หลายรอบจากนั้นก็สะดุดที่กล่องใส่ซีดีสีดำสนิทที่วางอยู่ข้างกระเป๋าใส่หนังสือเรียน
หญิงสาวจัดการเปิดมันออกและเสียบบัตรประชาชนตัวจริงไว้ด้านในก่อนจะเอาไปเก็บในตู้เสื้อผ้า
“นอนนิ่งๆ
อยู่ที่นี่คงวางใจได้ว่าฉันจะไม่สะเพร่าทำความลับตัวเองแตกถูกมั้ย? ห๊ะ... อะไรนะ?
แน่นอนที่สุดงั้นเหรอ อืม... ฉันก็ว่างั้น”
แฟร์รี่ถามเองตอบเองอย่างอารมณ์ดี
แฟร์รี่ขา ...
สติค่ะลูกสติ ><”
ส่วนแจ็คสันดูหลายคนเป็นห่วง
ทั้งที่เจ้าตัวแกล้งชาวบ้านไปทั่ว
ที่อัพบ่อยช่วงนี้เพราะเวลามันใกล้เคียงกับตอน
Special Jackson ใน X-Appeal ค่ะ
จากตอนที่ 3 ที่คุณ
Sera เรียกว่า บุพเพอาละวาด
อืม...
ไร้ท์เตอร์ลืมคำนี้ไปเลยนะเนี่ย 555
คิดแต่ว่า...
ทำเวรทำกรรมอะไรถึงต้องมาซวยเพราะแจ็คสัน
เลยกลายเป็น... กรรมลิขิต คิคิ...
ความคิดเห็น