คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : รอคำว่ารัก ... [Part.BamBam] + Edit Talk
รอคำว่ารัก – Part. BamBam
อยู่รอคำว่ารักของเธอนั้นตลอดมา
ช่วยรับรู้ใจกันบ้างจะได้ไหม
รักแอบๆ ไม่รู้จะไปบอกเธอยังไง
...ฉันรักนาย แบมแบม...
ผมกดเล่นเสียงที่อัดมาอย่างบังเอิญเมื่อนานมาแล้วสมัยที่ผมใช้โทรศัพท์เครื่องเก่าฟังวนไปวนมา ถึงแม้ตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นเครื่องใหม่แล้วผมก็ยังแอบเก็บเสียงนี้เอาไว้และที่สำคัญคือตรงที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้ก็เป็นที่เดียวกันกับวันนั้น เปลือกตาบางหลับลงเบาๆ อย่างพยายามนึกถึงบรรยากาศ
กึ้ก!
เสียงอะไรบางอย่างที่กระทบเก้าอี้ทำเอาต้องลืมตาขึ้นมองและก็ได้พบกับผู้ชายเรือนผมสีแดงที่พักนี้มักจะเห็นกันบ่อยๆ เขาบอกให้ผมช่วยเก็บบอลให้พร้อมส่งรอยยิ้มมาให้จากฝั่งตรงข้าม ผมก้มลงหยิบด้วยอารมณ์เซ็งทั้งที่นิสัยไม่ใช่คนขี้หงุดหงิด
“... นี่มันรอบที่ห้าแล้วนะ!”
ผมตะโกนบอกไป แต่หมอนั่นกลับหันมายิ้มพร้อมด้วยเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมหงุดหงิดจริงๆ
“อาจจะมีรอบที่หก เจ็ด แปด!”
ขอบใจ... ที่ทำลายล้างอารมณ์ที่กำลังซึมซับบรรยากาศของผมได้เป็นอย่างดี
ห้องกระจกสุดมุมทางเดินคือสถานที่ที่ผมไม่อยากไปมากที่สุดในช่วงนี้แต่ก็ต้องมาเมื่อถึงเวลา คนด้านในดูเหมือนกำลังวุ่นอยู่กับการซ้อมเต้นอย่างหนักและจริงจังเพื่อการแข่งในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้า ผมหันหลังให้กับประตูกระจกใสแล้วเดินเร็วๆ ห่างออกมา ความรู้สึกบางอย่างที่ก่อตัวขึ้นในใจจนแทบไม่สามารถอยู่ตรงนั้นได้นานๆ
ผมกำลังน้อยใจ... ทั้งที่รู้ว่ามันงี่เง่า แต่มันก็อดไม่ได้ เขาไม่เคยเมินผมขนาดนี้มาก่อน ตลอดเวลาที่รู้จักกันเขาเอาใจใส่และเห็นผมสำคัญที่สุดเสมอแต่ดูเหมือนตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่อีกแล้ว
หรือมันเป็นสัญญาณที่จะบอกว่า... ผมควรเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่คนเดียวเสียที
คนใกล้ตัวคนหนึ่งเธอคงมองผ่านไปแค่นั้น
เป็นแค่คนที่รู้จักกันแต่เธอยังไม่เคยรู้ใจ
ว่าตอนเราสบสายตา
เธอน่ะทำให้รักของฉันมันแทบล้นหัวใจ
และทุกครั้งที่พบกันฉันก็หวั่นไหว
อากาศรอบข้างถูกสูดเข้าแรงๆ จนชุ่มปอดก่อนจะปั้นหน้าร่าเริงให้กับตัวเองตามด้วยลงมือเคาะไปที่ช่องกระจกตรงประตูเบาๆ และเปิดเข้าไป
ผมโบกมือให้เขาที่หันมาหาเพียงเสี้ยววินาทีและกลับไปสนใจในการคุยกับเพื่อนในทีมเต้นด้วยสีหน้าเคร่งเครียด... ผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย บรรยากาศที่ทำให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
สงสัย... ผมจะกะเวลาพลาดไปสำหรับวันนี้
การเคลื่อนไหวของเขามีทั้งพลังและเสน่ห์ที่สามารถดึงดูดสายตาได้อย่างดีซึ่งนั่นคงไม่แปลกที่มักจะมีคนเข้าหาเขา แม้ในเวลาที่ไม่ได้อยู่บนเวทีเขาก็ยังเป็นที่รักของคนอื่นๆ เพราะความเป็นคนสุภาพและอ่อนโยน
ผมรู้ว่าบางครั้งเขาก็ไม่พอใจนักกับการที่มีคนอื่นเข้ามาใกล้ชิดผมเหมือนกัน แต่ผมเองก็... เฮ้อ ช่างมันเถอะ
“แบม... ยูคขอน้ำหน่อยสิครับ”
“พูดเพราะแบบนี้มีอะไรอีกล่ะ?” เขาเข้ามานั่งใกล้ๆ ตอนผมปล่อยความคิดของตัวเองให้ลอยไป ผมยื่นขวดน้ำกับผ้าผืนเล็กให้ ตาก็ชำเลืองคนอื่นๆ ที่อยู่ภายในห้องซ้อมว่ามองอยู่หรือเปล่า
“เช็ดให้ยูคหน่อยนะครับ” น้ำเสียงบวกหน้าตาอ้อนๆ ที่ขยับมาตรงหน้าทำเอาผมใจอ่อนยกผ้าผืนเล็กขึ้นเช็ดเหงื่อที่พราวอยู่ให้เบาๆ รู้ตัวเลยความร้อนแผ่ซ่านไปทั่วหน้าแล้วตอนนี้
และไหนจะสายตาวิบวับที่ส่งมานั่นอีก นี่มันคืออะไรกัน!? คิมยูคยอม... คนเจ้าเล่ห์เอ๊ย!
.
.
.
ห้องที่ถูกปกคลุมด้วยความมืดในตอนแรกสว่างไสวขึ้นนิดหน่อยด้วยดวงไฟสีส้มนวลที่เพิ่งถูกเปิดสวิตช์ ผมวางกระเป๋าและโทรศัพท์ไว้ที่โต๊ะรับแขกก่อนจะทรุดตัวลงนั่งที่พื้นพรมสีแดงเข้ม ส่วนหลังก็เอนพิงโซฟาตัวหนาแล้วแหงนหน้าหนุน
ยูคยอมเพียงแค่ขับรถมาส่งหน้าตึกก่อนที่จะวนรถกลับไปซ้อมต่อ ผมรู้ว่าเขารีบแต่ยังพาผมไปหาอะไรอร่อยๆ ไว้แก้หิวตอนดึก และคืนนี้มีแววที่จะต้องนอนคนเดียวเสียละมั้ง
เสื้อนอนตัวบางถูกสวมลงบนร่างกายเป็นชิ้นสุดท้าย การอาบน้ำทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพาตัวเองเดินไปทิ้งตัวลงนั่งที่เตียง เลื่อนมือไปสัมผัสหมอนใบที่เขาใช้หนุนเบาๆ ก่อนจะหยิบมากอดเอาไว้และเอนตัวลงที่ฝั่งของตัวเอง
นี่ก็คงเป็นอีกคืนที่ผมต้องกอดหมอนนอนแทนที่จะมีอ้อมกอดอุ่นๆ จากเขา ผมไม่ปฏิเสธว่ามันคือความเคยชินแต่เพราะผมชอบเขามากนั่นคือเหตุผล สำคัญกว่านั้นเขายังเป็นคนที่อยู่กับผมเสมอ ถ้าจะให้นับก็คงเกือบสองปีแล้วที่ผมมีเขาอยู่ข้างๆ
เกือบสองปีในฐานะ... เพื่อน
…ที่เป็น
...มากกว่าเพื่อน... สถานะคลุมเครือที่ยากอธิบาย
โต๊ะตัวเดิมใกล้ๆ กับสนามบอลยังเป็นที่ประจำในช่วงนี้ของผม ผมเดินไปส่งยูคยอมที่ห้องซ้อมก่อนจะกลับมานั่งแหมะอยู่ที่นี่ จริงๆ แล้วผมชอบการเต้นมากนะ แต่ตอนนี้สิ่งที่ผมชอบกำลังจะทำให้ผมเปลี่ยนความคิดถ้ามันจะทำให้ผมถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว
ทันทีที่ลูกฟุตบอลที่คุ้นตาลอยละลิ่วมาจากฝั่งตรงข้ามและมากลิ้งตกอยู่แถวนี้ ผู้ชายคนนั้นก็วิ่งตามมาราวกลับหนังม้วนเดิมที่ฉายซ้ำไปเรื่อยๆ ผมก้มลงหยิบลูกบอลเจ้าปัญหานั่นทว่าเมื่อเงยหน้าขึ้นมากลับพบกับเจ้าของเรือนผมสีแดงที่มายืนยิ้มเผล่โชว์เขี้ยวอยู่ข้างๆ
เขาเริ่มต้นคุยกับผมแต่ผมก็ถามคำตอบคำ ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าจะหยิ่งไปไหนทว่าพอถึงประโยคหนึ่งที่เขาถาม ผมเองเสียอีกที่ชะงักไป
ผู้ชายคนนั้นชื่อมาร์ค... พี่มาร์ค
ใบหน้าหล่อเหลาลงตัวสะท้อนประกายแดดยามเย็นช่างดึงดูดสายตาชะงัดนัก ทุกอิริยาบถที่แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติทำให้เขามีเสน่ห์ยิ่งขึ้น ทำไมนะ...ผมไมเคยมองเห็นอะไรแบบนี้ทั้งที่เจอกันตั้งหลายครั้งเท่าที่จำได้จะมีก็แต่คนที่มักจะสร้างความโมโหอยู่เสมอ... ก็เรื่องเก็บลูกบอลนั่นแหละ
เวลาเกือบทั้งหมดที่เคยมีเขาถูกใช้ไปกับผู้ชายเรือนผมสีแดงที่เพิ่งรู้จักซึ่งผลที่ได้รับมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร แถมช่วยให้ผมลืมเรื่องที่คิดอยู่ลงได้บ้าง
ฟ้าเริ่มมืดจนหมดแสงเลยได้ฤกษ์เดินกลับไปที่ห้องซ้อมนั่นอีกครั้ง ภาพภายในห้องทำเอาสมองรวนไปหมดเมื่อผู้หญิงในชุดนักศึกษากำลังกอดผู้ชายตัวสูงที่สวมเพียงเสื้อกล้ามกับกางเกงวอร์มจากด้านหลังและพวกเขากำลังหัวเราะไปด้วยกัน
ภาพที่เขาจับมือเธอให้หมุนไปรอบๆ ตัวแล้วหยุดตรงหน้าทำให้ผมหลับตาลงทันที จากนั้นเพียงแค่อึดใจก็ลืมตาขึ้นใหม่ ผมทำท่าชี้ไปข้างๆ เพื่อจะบอกว่ารออยู่ข้างนอกเมื่อบังเอิญเขาเหลือบมาเห็นก่อนจะพาตัวเองไปสงบจิตใจที่ห้องน้ำใกล้ๆ
...นั่นไม่ใช่ท่าเต้นแน่ๆ ผมรู้ดี และผู้หญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนในทีม
ตอนนี้... ผมควรทำยังไง?
อยู่รอคำว่ารักของเธอนั้นตลอดมา
ช่วยรับรู้ใจกันบ้างจะได้ไหม
รักแอบๆ ไม่รู้จะไปบอกเธอยังไง
ภายในโซนที่จัดแยกไว้สำหรับห้าทีมสุดท้ายของการประกวดเต้นคืนนี้เต็มไปด้วยความตึงเครียดไม่น้อย ยูคยอมที่นั่งหลับตาทำสมาธิยังคงจับมือของผมไว้ไม่ปล่อยโดยที่ผมเองก็ได้แต่ใช้สองมือกุมมือเขาเอาไว้แล้วบีบเบาๆ สายตาทอดยาวไปที่เวทีซึ่งตอนนี้ทีมแรกกำลังขึ้นแสดงอยู่
สัมผัสเบาที่ข้างหูทำเอาสะท้านก่อนจะหันมาหาตัวการที่ทำให้ใบหน้าผ่าวขึ้นมาแต่เสียงแผ่วที่เอ่ยใกล้ๆ สะกดให้ผมแข็งเป็นหินราวต้องมนต์
“แบมเป็นกำลังใจของยูครู้ไหม... อย่าละสายตาจากยูคนะ”
เขาออกไปเตรียมตัวแล้ว... ทิ้งไว้แค่เพียงคนที่ใจเต้นแทบไม่เป็นจังหวะให้อยู่ตรงนี้
แล้วคืนนี้เขาก็ชนะ...
นั่นทำให้ผมระบายยิ้มจนแก้มจะแตกอย่างดีใจที่เขาได้ที่หนึ่ง
ร่างของใครบางคนเดินเข้ามาทักทายพวกเราทำให้ผมประหม่า มือที่เขาจับมือผมไว้ถูกปล่อยลงแล้วย้ายไปสวมกอดคนมาใหม่แต่นั่นทำให้ผมต้องประสานมือตัวเองเข้าหากันแน่น
อย่านะ... อย่าทำแบบนี้ อย่าพาใครไปจากผมอีก
...ผมได้แต่ภาวนาในใจ
เวทีนี้เมื่อสองปีที่แล้ว เวทีนี้ในรอบชิงชนะเลิศอีกครั้ง... เวทีที่ทำให้ผมเกลียดเขา
เวทีที่ทำให้ผม...ไม่คิดจะรักคนที่หลงใหลในการเต้น
เวทีที่ทำให้ผม... ไม่คิดจะเต้นอีก
นามบัตรสีดำที่มีตัวหนังสือสีเงินวาวถูกยื่นให้ยูคยอมซึ่งเขาก็รับไว้ ผมได้แต่มองและได้แต่หวังว่า... อย่าให้เขารับข้อเสนออะไรก็แล้วแต่จากคนคนนั้น
อยู่ให้เธอนั้นรู้ในความลับที่เก็บไว้
อยู่ลึกๆ จากคนใกล้ตัวที่ยังไกลหัวใจ
ที่ไม่รู้จะเก็บคำว่ารักได้นานแค่ไหน
ผมปลุกเขาจากการนอนที่แสนจะรักใคร่เป็นพิเศษในวันนี้เพราะเขาอาสาไปส่งผมแต่สุดท้ายกลายเป็นมาด้วยกันเสียอย่างนั้น ผมเกรงใจพี่มาร์คมากที่มียูคยอมมาด้วยแต่ช่วยไม่ได้นี่นา เขางอนที่ผมหาว่าเขาไม่รักษาคำพูดจนง้อไม่ยอมหายแถมไม่ยอมให้ออกมาเอง โชคดีที่พี่มาร์คไม่ได้ว่าอะไรแถมยังใจดีกับผมมากๆ
พี่มาร์คดีกับผมเสียจนนึกขอโทษอยู่ในใจที่ตอนแรกผมทำตัวแย่ๆ กับเขาไปตั้งเยอะ
ทุกครั้งทีต้องเดินผ่านผมเหลือบมองโต๊ะตัวที่นั่งบ่อยๆ ตอนช่วงที่ยูคยอมซ้อมเต้นด้วยความรู้สึกโหวงแปลกๆ ขาเล็กๆ ของผมพยายามพาให้ออกห่างจากตรงนั้นเพื่อไปข้างสนามบอลอย่างรีบเร่ง
ผู้ชายผมสีแดงมักมีอะไรมาให้ผมประหลาดใจเสมอจนผมเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำมันไม่ใช่เพียงต้องการความสัมพันธ์แค่รุ่นพี่กับรุ่นน้อง
ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้น... หรือผมควรมองเขาใหม่ในฐานะอื่นที่ไม่ใช่รุ่นพี่
ร่างของใครบางคนผ่านเข้ามาในสายตาทำให้ผมวิ่งออกจากตรงนั้นทันที... พระเจ้าช่วยบอกผมทีว่าสิ่งที่ผมเห็นมันไม่จริง!
“ยูค! จะไปไหน?”
“ยูคไม่มีเวลา ไว้คุยกันทีหลังนะแบม”
ยูคยอมหันมาบอกก่อนจะขึ้นรถไปกับคนคนนั้น เจ้าของนามบัตรในวันประกวดรอบชิง คนที่ผมไม่คิดว่าจะได้เจออีก... อิมแจบอม
ร่างเล็กๆ กำลังสั่นก็รู้ตัวดีแต่จะให้ห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลต่อให้เป็นเจ้าของยังห้ามไม่ได้ ผมไม่ได้ร้องไห้แค่น้ำตากำลังไหลไม่หยุด ความรู้สึกหลายอย่างปนเปกันจนกลายเป็นความอัดอั้น
แล้วพี่มาร์คก็เข้ามา... เขากอดผมไว้ในเวลาที่ผมอ่อนแอ สัมผัสของเขาอ่อนโยนจนรู้สึกได้ว่ามันคือความห่วงใยจากใจจริง
คิดเอาเองเออเองยังเข้าข้างตัวเองทุกครั้ง
ตอนที่เธอเหมือนให้ความหวัง
ทำให้ฉันนั้นยิ่งคิดไกล ยิ่งตอนเราสบสายตา
เธอก็ทำให้รักของฉันมันแทบล้นหัวใจ
แต่เธอเองจะรู้อะไรอยู่บ้างไหม
ยูคยอมมารับผมกลับจากบ้านพี่มาร์ค เขากอดผมไว้แน่นซึ่งผมก็กอดตอบเขาเช่นกันราวกับว่ามันเป็นความเชื่อมั่นที่ยังเหลืออยู่ของผมว่าเขาจะไม่ไปไหน
และหากว่าเขาต้องการจะไป... ผมคงไม่มีเหตุผลมากพอที่จะรั้งเขาไว้ได้
หลังจากนั้นครึ่งหนึ่งของผมมีแต่พี่มาร์ค ส่วนอีกครึ่งที่เหลือแบ่งไปเท่าๆ กันระหว่างยูคยอมและความว่างเปล่า
ผู้ชายผมสีแดงที่ไม่คิดว่าจะญาติดีกันได้เพราะความกวนประสาทกลายเป็นคนที่ทำให้ผมยิ้มได้จริงๆ ผมมีความสุขที่ได้อยู่ใกล้ๆ เขา
โต๊ะหนังสือตัวยาวภายในห้องนอนของพี่มาร์คเป็นสถานที่ที่ใช้ติววิชาสถิติให้ผมก่อนที่จะต้องลงสนามสอบในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแต่เวลาที่ผมง่วงจะเริ่มงี่เง่าซึ่งมันก็เป็นนิสัยที่แก้ไม่หาย
มือของผมเริ่มปัดสมุดหนังสือที่วางอยู่เล่นต่อด้วยการยกมือเกาหู ลูบคอ ยีผมเรื่อยเปื่อยจนคนตรงหน้าเริ่มรำคาญในพฤติกรรมเลยรวบข้อมือที่ชอบก่อกวนเอาไว้
“ง่วงแล้วใช่ไหม?”
“อื้อ..” ตอบได้ปัญญาอ่อนมาก... ไม่อยากจะพูด
“พูดไม่ดีเหรอ? เดี๋ยวโดนอาจารย์พิเศษทำโทษนะ”
คนโตกว่าหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าผากมาชนกับหน้าผากของผม ข้อมือที่ยังถูกรวบเอาไว้ถูกพามาที่เตียงแล้วห่มผ้าให้แต่แขนหนักกลับพาดลงที่เอวแล้วดึงตัวของผมจนหลังชิดหน้าอก ภาพของยูคยอมแล่นเข้ามาในหัวจนผมเองยังสะดุ้งเลยตัดสินใจพลิกตัวเข้าหาพี่มาร์คแล้วกอดเขาเอาไว้
ถึงวิธีนี้จะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก แต่ภาพนั้นก็หายไปได้จริงๆ
แบมขอโทษนะ...พี่มาร์ค
อยู่รอคำว่ารักของเธอนั้นตลอดมา
ช่วยรับรู้ใจกันบ้างจะได้ไหม
รักแอบๆ ไม่รู้จะไปบอกเธอยังไง
“ยูค... มีอะไรจะบอกแบมไหม?” ผมถามเขาคืนหนึ่งที่คนตัวโตหย่อนตัวลงบนเตียงเพื่อเตรียมตัวจะนอน
“ไม่นะ แบมอยากได้ยินอะไรล่ะ?” ยูคยอมย้อนถาม
“แบมจะไปรู้ได้ไงล่ะ...ว่ายูคจะพูดอะไร?”
นี่ผมกำลังคาดหวังอะไรที่มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยสักครั้ง พักนี้เขาดูเหมือนจะมีท่าทีแปลกไปทั้งที่ก็ไม่ได้มีอะไรแตกต่างไปจากเดิมนอกจากผมที่มีพี่มาร์คเป็นส่วนร่วมในชีวิตมากขึ้น
“ไม่มีอะไรจริงๆ เหรอ?”
“คง...ไม่มี”
ผมพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดนิดหน่อยก่อนจะล้มตัวลงนอน ตวัดผ้าห่มที่กองอยู่ตรงขาลอยวืดเดียวถึงคอแต่ก็ยังหันไปบอกเขาอย่างอดไม่ได้
“พรุ่งนี้แบมจะไปเที่ยวสวนสนุกกับพี่มาร์ค”
คนข้างๆ หันมามองทันควัน แววตาหลุกหลิกทำให้ผมเดาว่าเขาอยากจะพูดอะไรสักอย่าง แต่มันก็มีแค่คำว่า....
“ก็ดี”
อยู่ให้เธอนั้นรู้ในความลับที่เก็บไว้
อยู่ลึกๆ จากคนใกล้ตัวที่ยังไกลหัวใจ
ที่ไม่รู้จะเก็บคำว่ารักได้นานแค่ไหน
“แบม... วันนี้ใช้น้ำหอมขวดไหนน่ะ?”
คำถามธรรมดา... กับผู้ชายหัวยุ่งธรรมดา... ที่เพิ่งตื่นในวันธรรมดา...
แต่...เหตุการณ์ไม่ธรรมดา
ยูคยอมก้าวเข้ามาหาแล้วโอบจากด้านหลังหลวมๆ จมูกโด่งแตะแผ่วที่หลังคอและสูดกลิ่นราวกำลังค้นหาคำตอบที่เพิ่งถามไปเมื่อครู่
ผมกำลังจะอ้าปากบอกในสิ่งที่เป็นคำตอบแต่เขากลับเอ่ยห้าม
“ชู่ว์... เงียบๆ สิ ยูคต้องใช้สมาธินะ”
ปลายจมูกเลื่อนมาที่ซอกคอแล้วทำแบบเดิม เขาทำฟุดฟิดเล็กน้อยก่อนจะใช้จมูกไล้มาที่ข้อพับแขนต่อด้วยข้อมือ ผมหลับตานิ่งอย่างต้องการซ่อนความวูบไหวกับการกระทำแบบนั้น
“หาเจอรึยัง?” ผมชักจะไม่สนุกกับเขาเสียแล้ว
“ไม่รู้สิ... เหมือนยูคจะป่วย หายใจไม่ค่อยออกแล้วก็ไม่ได้กลิ่นอะไรเลย”
คนตัวสูงเดินกลับไปทิ้งตัวลงบนที่นอนอีกครั้งอย่างไม่ทุกข์ร้อน
“ยูค!”
“เรียกทำไม... จะให้ไปด้วยรึไง? ไม่ว่างนะ”
คำว่าไม่ว่างทำให้ผมชะงัก ผ้าพันคอที่อยู่ใกล้มือถูกดึงออกมาคล้องคอก่อนจะเดินออกไปตามนัดของพี่มาร์คโดยที่เราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีก
ใช่... ผมน่าจะตัดสินใจทำสิ่งที่ถูกเสียที
.
.
.
สวนสนุกแสนสวยที่เต็มไปด้วยความฝันของเด็กๆ รวมทั้งผู้ใหญ่ที่โหยหาความสุขและย้อนกลับไปหาความฝันของตัวเอง วันนี้ผมเองก็จะมาไขว่คว้าความฝันที่นี่
แต่... ทุกอย่างมันผิดไปหมด
พี่มาร์คบอกความรู้สึกกับผมและบอกให้ผมกลับด้วยประโยคที่สวยงามแต่แฝงความเจ็บปวด
“...พี่คงเป็นเจ้าชายให้แบมไม่ได้แล้ว”
“เพราะไม่ว่ายังไง...พี่คงเป็นได้แค่อัศวินประจำตัวของแบม”
“พี่รู้...ว่าเจ้าชายของแบม... ไม่ใช่พี่ตั้งแต่แรก...”
“.....”
“แล้วพี่ก็รู้ดี... ว่าแบมรู้อยู่แล้วว่าใครคือเจ้าชายคนนั้น”
“พี่มาร์ค... แบมขอโทษ แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าพี่มาร์ค....”
“พอเถอะ... พี่อยากอยู่คนเดียว ขอให้พี่ได้อยู่คนเดียวนะ”
ผมเงียบทันทีที่ได้ยินแบบนั้น... ถ้าพูดถึงขนาดนี้ก็คงต้องกลับถึงแม้ว่าผมจะพูดอะไรไปตอนนี้พี่มาร์คก็คงไม่ฟัง หากเป็นอย่างนั้นการเลือกที่จะกลับไปก่อนคงจะดีกว่า
ผมกลับมาเจอยูคยอมนั่งเล่นเกมส์อยู่ที่ห้องรับแขก... ไหนว่ามีธุระไง? ทำไมถึงโกหกล่ะ... แต่ช่างเถอะ ตอนนี้ที่พักพิงที่ดีที่สุดก็ยังคงเป็นเขาเหมือนเดิม
...ผมเหนื่อยจังเลย...
ผมลืมตาท่ามกลางความมืดอยู่นานก่อนจะควานหาโทรศัพท์ที่มักจะอยู่ใกล้ตัวเสมอมาเปิดฟังข้อความเก่าอีกครั้งด้วยหูฟังสีเหลืองดำของยูคยอม
เสียงนั่นมันก้องกังวานและคมชัดดีจริงๆ.... สงสัยต้องซื้อมาใช้บ้างแล้ว
ผมเลือกที่จะทำอะไรบางอย่างทั้งที่ไม่คิดว่าคนอย่างผมจะกล้า ผมจูบยูคยอมและเริ่มรุกเขามากขึ้นจนเจ้าตัวตื่นจากการหลับใหล
แต่เขากลับดันผมให้ห่างและออกปากต่อว่า มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้นจนบ่อน้ำตามันเริ่มตื้นแล้วรื้นขึ้นมาเสียเฉยๆ เมื่อเขาบอกว่าจะไปนอนกับยองแจ
ผมพยายามรั้งเขาไว้ด้วยเหตุผลของตัวเองและคำขอโทษ
...ผมไม่อยากเสียเขาไป...
//ข้อความในคลิปเสียงในเครื่องของแบมแบม//
...ฉันรักนาย แบมแบม... จะมีวันไหนที่นายจะบอกรักฉันได้บ้างไหม? และถ้าวันหนึ่งฉันอดทนไม่พอแล้วบอกรักนาย นายจะไปจากฉันหรือเปล่า?... ฉันรักนายนะแบมแบม... แต่ฉันก็เลิกเต้นไม่ได้ ฉันจะทำยังไงดี?...
-END-
ขอบอกเลยว่า... ถ้าไม่งงตอนไหนเลย ก็อาจจะงงตอนนี้นี่แหละ 55555
ถ้าใครงง..ค่อยๆ อ่านช้าๆ อีกสักรอบนะจ๊ะ นะจ๊ะ ^^
มันจบเซตแล้วจริงๆ นะ ไม่เชื่อเหรอ? จริง! เชื่อสิเชื่อ ><
ทำไมไม่เชื่อล่ะ ...? เราไม่ควรจบเซตนี้ด้วยตอนนี้เหรอ? งิงิ..
Talk ::
จากคอมเม้นท์ที่ร่วมกันงงนะคะ
ทำให้รู้ว่า... งงกันจริงๆด้วย (ฮา) #ไม่ได้สำนึก ><
คำแนะนำ...
สงสัยความรู้สึกยูค > อ่าน ที่รักที่พัก อีกรอบ
สงสัยเรื่องพี่มาร์ค > อ่าน ผู้ชายที่รักเธอที่สุด อีกที
ส่วนสารพัดความงงจากแบมแบม เราควรมีตอนสรุปไหม?
ตอนนี้เริ่มงงตัวเอง 555
ความคิดเห็น