คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ผู้ชายที่รักเธอที่สุด ... [MarkBam]
ผู้ชายที่รักเธอที่สุด – MarkBam
Part. Mark
ฉันรู้ว่าเธอเคยเจอกับรักที่ทำให้เธอ
ผิดหวังบ่อย เคยร้องไห้
ฉันรู้เธอเหงาและคงอ่อนล้ากับการตามหา
ใครสักคน ที่ฝันใฝ่
“เฮ้!.. เฮ้!... นายน่ะ เก็บบอลให้หน่อยสิ!”
ผมตะโกนออกไปเพื่อขอให้เขาช่วยเก็บบอลโยนมาให้แต่ขาของผมก็ยังไม่ขี้เกียจถึงขนาดยืนอยู่เฉยๆ เพื่อรอความช่วยเหลือหรอกนะ มันยังคงก้าวเข้าไปเรื่อยๆ แค่ช้าไปหน่อยเท่านั้นเอง
หัวเล็กๆ กับเรือนผมสีบรอนด์อ่อนส่ายเล็กน้อยอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะก้มหยิบลูกบอลที่กลิ้งไปชนข้างเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่ด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
ผมยิ้มให้เขาแล้วกวักมือเป็นสัญญาณให้โยนข้ามถนนสองเลนเล็กๆ ที่ใช้สัญจรในมหาวิทยาลัยมาให้
“... นี่มันรอบที่ห้าแล้วนะ!” เขาตะโกนกลับมา
ผมที่กำลังจะก้าวขาตรงไปที่สนามเมื่อรับลูกบอลเจ้าปัญหามาไว้ในมือเรียบร้อยหัวเราะพรืดทันทีที่ได้ยิน ก่อนจะหันกลับไปตะโกนให้เด็กนั่นโมโหอีกรอบ
“อาจจะมีรอบที่หก เจ็ด แปด!”
เด็กนั่นเหมือนจะอารมณ์ไม่ค่อยดีที่ได้ยินแบบนั้นแต่ท่าทางตอนโมโหกลับดูน่ารักอย่างประหลาด
ผมว่า...ผมคงแกล้งคนจนเริ่มเพี้ยนเองแล้วหละ
I Know ว่าคงไม่ใช่คนที่ใช่
I Know เป็นคนที่เธอฝันไม่ได้
U Know แต่รักไม่เคยมีข้อแม้
และฉันขอแค่ดูแลเธอ
นี่ก็เป็นอีกวันที่เขามานั่งอยู่ตรงนี้... เด็กผู้ชายขี้หงุดหงิดคนนั้น นั่งทั้งๆ ที่รู้ว่ามาทีไรลูกบอลไม่รักดีก็มักจะลอยละล่องมาตกอยู่ตรงโต๊ะตัวนี้ราวกับถูกโปรแกรมเอาไว้แต่เขาก็ยังอยู่ที่เดิม
“นี่... หิวน้ำไหม?” ผมตัดสินใจเดินเข้าไปทักเขาดีๆ เพราะเจอกันกี่ทีบทสนทนาประจำก็มีแค่ ‘เก็บบอลให้หน่อย’ กับ ‘ขอบคุณ’ เท่านั้น
“...”
เขาไม่ตอบผมแฮะ...
“ฉันชื่อมาร์ค เรียนสถาปัตย์ฯปี 4 แล้วนายล่ะ?”
“แบมแบม ปี 2”
“คณะ?”
“บริหาร”
ผมอมยิ้มเมื่อเขาทำเหมือนไม่ค่อยอยากคุยกับผม จริงๆ ผมก็ไม่ได้อะไรเท่าไหร่แค่รู้สึกว่าเด็กนี่ตลกดี
“นั่งอยู่นี่หลายๆ ชั่วโมงไม่เบื่อบ้างเหรอ?” ผมโยนลูกบอลในมือให้เพื่อนที่ตามมา มันคงเห็นว่านานเกินไป ส่วนปากก็ยังคงชวนคุยต่อไปเรื่อยๆ
“....”
“ว่าไงหรือว่ามารอใคร? ไม่เบื่อ?” ผมย้ำคำถามอีกรอบเมื่อเขามีสีหน้าแปลกไปราวกับกำลังทบทวนอะไรบางอย่าง
“...ถ้า... คนที่ถูกรอล่ะ เขาจะรู้สึกยังไง จะเบื่อไหม?”
อึกอักแบบนี้...ผมว่าอาจจะไม่ใช่แค่คำถามธรรมดา
“อาจจะใช่... หรืออาจจะไม่... แฟนกันยังทะเลาะกันได้เลยเรื่องแบบนี้”
“แล้วถ้าเป็นพี่ล่ะ?” เขาหันมาถามผม ตาใสๆ กับแก้มป่องๆ นั่นทำเอาผมชะงักไปชั่วขณะ สรรพนามที่เขาใช้เรียกผมทำให้รู้สึกแปลกๆ
“ไม่รู้สิ ไม่เคยมีใครมารอฉันนี่นา”
“จริงเหรอ? งั้นต่อไปผมจะลองมารอพี่ดู”
ห๊ะ! นี่ผมฟังอะไรผิดไปรึเปล่า? เจ้าตัวเล็กเนี่ยนะจะมานั่งรอผม ผมว่า...ผมงงๆ อยู่นะ แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ตอบโต้อะไร มือเล็กนุ่มนิ่มก็ดึงแขนผมให้เดินตามไปด้วยกัน... ได้ยินแว่วๆ ว่าร้านไอศกรีมก็คงจะเป็นที่นั่นแหละ
อ้อ... ลืมบอกไป ลูกบอลลูกนั้นน่ะ... ผมโปรแกรมเอาไว้เองแหละครับ
เตะเองทุกครั้งเลย...ให้ตายเหอะ
ไม่มีผู้ชายที่ดีที่สุด แต่มีผู้ชายที่รักเธอที่สุด
ก็อาจไม่ใช่คน สำคัญ
ไม่หวังให้เธอรักฉัน เพราะฉันแค่รักเธอ
ผมกับแบมแบมเจอกันบ่อยขึ้นและเขาก็ทำแบบที่เขาบอกคือการมารอผมเตะบอลบ้าง นั่งรอผมเรียนเสร็จบ้าง แวะเดินเล่นบ้าง เด็กขี้หงุดหงิดยิ้มเก่งและร่าเริงเกินกว่าที่ผมคาดเดาไว้มากเลยทีเดียว ผมว่าเวลาเขายิ้มน่ารักกว่าตอนแรกที่เจอกันอย่างเทียบไม่ติด
ตอนนี้เขาก็ไม่ได้นั่งที่เดิมอีกแล้ว แต่มานั่งอยู่ที่อัฒจันทร์ริมสนามพร้อมกับน้ำและขนมทุกครั้งที่แวะมา
“แบมแบม..”
“ครับ”
เขาขานรับพร้อมกับส่งน้ำดื่มเย็นๆ ให้ผมทันทีที่ผมกระโดดสองสามก้าวจนขึ้นมานั่งข้างเขา
“เสาร์นี้ไปดูหนังกันไหม?”
“ชวนเดทเหรอ?”
แบมแบมถามตรงเป๊ะจนน้ำแทบพุ่ง! ผมว่าผมมาดีแล้วนะ... อุตส่าห์ตีนิ่งถามเนียนๆ แต่ดูท่าจะถูกรู้ทันซะก่อน ผมวางขวดน้ำในมือก่อนจะใช้สองมือจับมือข้างหนึ่งของเขามาถูเล่นเบาๆ ใบหน้าที่กลั้นยิ้มเอาไว้ของแบมแบมทำให้ผมยิ่งอยากมองเขาไปแบบนี้เรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็เบือนหน้าเพื่อหลบตาผม แต่ก็ยังเห็นอยู่ดีว่าเขาแอบยิ้ม
แกล้งให้เขินอยู่สักพักเขาก็ตอบตกลง ทั้งที่แก้มยังคงแดงจนลามไปถึงหู ช่วยไม่ได้นะ... ก็ผมมีความสุขที่ได้แกล้งเขานี่นา
ว้าว... เดทที่นับว่าเป็นเดทแบบจริงจังครั้งแรก มันน่าตื่นเต้นนะว่ามั้ย?
ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด แต่คนคนนี้ก็ขอรักเธอที่สุด
ไม่ว่าเธอจะยืน ข้างใคร
แค่จะขอเป็นคนสุดท้าย ที่ยืนอยู่ข้างเธอ
คืนวันศุกร์เป็นอะไรที่ทำผมแทบเสียสติเพราะเพื่อนเจ้ากรรมอย่างแจ็คสัน หวัง ดันมาลากผมออกจากบ้านไปคลับเป็นเพื่อนทั้งที่ผมบอกมันแล้วว่าพรุ่งนี้มีเดทสำคัญ ไหนจะบรรดาเสื้อผ้าที่เลือกและวางไว้บนเตียงมากมายอีก ผมยังเลือกไม่เสร็จเลยด้วยซ้ำ แล้วพรุ่งนี้จะใส่อะไรล่ะ... นี่ไม่ได้ตื่นเต้นเท่าไหร่หรอกนะ
แต่พูดอะไรไปมันก็ไม่สนใจแถมยังให้เหตุผลกับผมว่า... ต่อให้มาร์ค ต้วน ไปสายสี่ชั่วโมงก็ยังไม่ถูกว่าอะไร
ใครบอกมัน!? คราวก่อนโดนตบมายังไม่เคลียร์เลย! แต่มือตบคนนั้นไม่ใช่แบมแบมหรอกนะครับ อย่าตกใจไป...
และถึงแม้แจ็คสันจะไม่ได้พูดเกินจริงเพราะมันเคยมีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นมาแล้ว แต่คงใช้ไม่ได้กับแบมแบมแน่นอน ฟันธง!
บรรยากาศในคลับค่อนข้างครึกครื้นอยู่มาก ส่วนผมก็นั่งเฉยๆ กะไว้ว่าราวๆ ตีหนึ่งจะชิ่งกลับ แต่เวทีตรงหน้าทำให้ผมสนใจได้มากทีเดียวเพราะเป็นการประกวดเต้นรอบชิงชนะเลิศ สุดท้ายผมก็อยู่ดึกจนถึงช่วงประกาศผลจนได้
แต่เอ๊ะ! นั่นแบมแบมรึเปล่า? ผมเพ่งมองจากอีกฝั่งท่ามกลางไฟสลัวของคลับ ทั้งคู่กอดกันแน่นพร้อมรอยยิ้มกว้างที่กว้างกว่าที่ผมเคยได้รับ มือของคนตัวสูงยีผมเด็กขี้หงุดหงิดจนยุ่งแต่เจ้าตัวเองยกสองมือขึ้นยีผมคนคนนั้นในแบบเดียวกันแล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดีราวกับเป็นการหยอกล้อกันจนเป็นเรื่องปกติ
ผมเลือกที่จะไม่เข้าไปทักเพราะเขาคงมากับเพื่อนแถมเป็นทีมที่ชนะเลิศเสียด้วยคงต้องดีใจเป็นธรรมดา มันคงจะไม่ค่อยสะดวกนัก
แต่ทำไม... ผมรู้สึกเหมือนใจหวิวๆ ยังไงก็ไม่รู้
ไม่มีเวทย์มนต์จะดลบันดาลอะไรให้เธอ
ได้ทุกสิ่ง ได้ทุกอย่าง
ในความเป็นจริงก็มีแค่ใจและความห่วงใย
ที่ให้เธอ อยู่ไม่ห่าง
ผมไลน์ไปหาเขาว่าผมกำลังจะออกจากบ้าน ไม่ถึงนาทีเขาก็ตอบกลับมาพร้อมสติ๊กเกอร์น่ารักๆ ที่มีความหมายว่า..โอเค มาหลากหลายแบบ ผมยิ้มน้อยๆ กับข้อความไลน์ที่เด้งไม่หยุด เจ้าเด็กขี้หงุดหงิดของผมน่ารักเสมอ
ถึงเขาจะไม่ได้จะหงุดหงิดใส่อย่างตอนแรกแถมยังร่าเริงและน่ารักมากๆ จนบรรดาคนรอบข้างจ้องจะอุ้มกลับไปเล่นที่บ้านอยู่หลายที หัวใจของผมก็ยังพร่ำเรียกเขาว่า...เจ้าเด็กขี้หงุดหงิดอยู่ดี
ก่อนมาถึงโรงหนังไม่กี่นาที โปรแกรมสีเขียวนั่นก็มีสัญญาณเตือนอีกครั้งแต่นั่นทำให้ผมต้องเพ่งสายตาอ่านข้อความซ้ำถึงสามรอบ
‘แบมพาเพื่อนมาด้วยนะครับพี่มาร์ค ไม่เป็นไรใช่ไหม?’
สั้นๆ ง่ายๆ จนไม่รู้ว่าจะปฏิเสธได้ยังไง ยิ่งมาเจอบุคคลที่สามยิ่งทำให้ผมพูดไม่ออกเพราะนั่นคือเจ้าเพื่อนคนเมื่อคืนไม่ใช่เหรอ?
“ยูค... นี่พี่มาร์ค แล้วก็ พี่มาร์ค...นี่ยูคยอมครับ” แบมแบมก้าวเข้ามายืนข้างๆ พร้อมกับจับมือของผมไว้ เราทักทายกันตามมารยาทก่อนที่ผมกับเขาจะไปซื้อตั๋วหนังด้วยกัน
นี่ถ้าเขาไม่มาเลือกด้วย.. ผมจะดีดไอ้เด็กหมีขาวนั่นไปนั่งตรงที่ห่างไกลความเจริญหูเจริญตาของผมเลยทีเดียว...ฮึ่ม!
แต่สิ่งที่ทำให้ผมดูหนังแทบไม่รู้เรื่องมันไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก แต่เป็น... เรื่องที่มืออีกข้างของแบมแบมจับมือเพื่อนคนนั้นไว้เกือบตลอดเวลาราวๆ สองชั่วโมงที่หนังฉาย และสิ่งที่ผมสังเกตเห็นอีกอย่าง.. ยูคยอมดูอารมณ์ดีขึ้นทันทีที่แบมแบมเอื้อมไปจับมือของเขา
หลังจากวันนั้น... ดูเหมือนผมจะเจอแบมแบมพร้อมยูคยอมบ่อยขึ้นผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่มีบางครั้งที่เจอแบบไม่ได้ตั้งใจและมันก็ทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
.
.
.
...ทั้งคู่นั่งอยู่ที่โรงอาหารโดยมีจานข้าวที่ยังไม่ทันพร่องวางอยู่ตรงหน้าแต่คล้ายว่าจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร คนตัวเล็กกว่าพยายามแนบหูตัวเองเข้ากับเฮดโฟนของอีกคนอย่างดื้อดึงที่ต้องการจะฟังด้วยโดยที่เจ้าของใช้หูฟังดันกลับอย่างหยอกล้อแต่มือขวาของหมอนั่นก็จับขอบม้านั่งเอาไว้เพื่อใช้แขนกันอีกคนหนึ่งจะพลาดหงายตกไป สุดท้ายหูฟังเจ้าปัญหาก็ถูกดึงออกแล้วเปลี่ยนเป็นเอียร์ปลั๊กเสียบหูไว้คนละข้างแทน
.
.
.
ผมเดินหนีออกจากแถวนั้นอย่างรวดเร็ว ยอมรับตรงนี้เลยว่าอิจฉา แม้ความสดใสแบบนั้นผมเองก็ได้รับแต่ทำไมมันเทียบไม่ได้...ผมรู้สึกว่าความสุขระหว่างเรามันแตกต่างกัน
การปรากฏตัวของเพื่อนสนิทของแบมแบมคนนี้สร้างความสั่นคลอนในหัวใจผมได้ไม่น้อย
I Know ว่าคงไม่ใช่คนที่ใช่
I Know เป็นคนที่เธอฝันไม่ได้
U Know แต่รักไม่เคยมีข้อแม้
และฉันขอแค่ดูแลเธอ
วันนี้เขากลับมานั่งที่เดิมทั้งที่ควรจะไปนั่งที่ข้างสนามบอล ผมเตรียมจะดุเขาแล้วเชียวที่มานั่งทั้งที่ฝนตั้งเค้าแถมท้องฟ้าก็เริ่มครึ้มมากขึ้นทุกทีแต่หน้าหมองๆ บวกกับตาตุ่ยๆ ราวกับผ่านการร้องไห้มาได้สักพักทำให้ผมต้องเก็บคำพูดพวกนั้นกลืนลงคอไป
ผมเอื้อมมือขึ้นมาลูบผมของเขาเบาๆ โดยที่เจ้าตัวเพียงแค่หันมาหาและซบหน้าลงที่หน้าท้องของผมที่กำลังยืนอยู่ เราทั้งคู่นิ่งเงียบกันจนฝนเริ่มลงเม็ดผมถึงฉุดข้อมือเขาวิ่งไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกล
ผ้าผืนเล็กที่ติดไว้ในรถวางแหมะลงบนศีรษะกลมด้วยฝีมือของผมจากนั้นผมก็ขับรถกลับไปที่บ้าน เสื้อผ้าและผ้าขนหนูผืนใหญ่ถูกยัดใส่มือเด็กขี้หงุดหงิดที่ตอนนี้กลายเป็นเด็กซึมไปแล้ว เแต่เขาก็เข้าไปอาบน้ำอย่างว่าง่าย
มือเล็กยังกำโทรศัพท์ไว้ไม่ปล่อยแม้ว่าจะหลับไปแล้ว ผมค่อยๆ ถึงออกจากมือไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนจะแทรกตัวลงบนเตียง ก่อนนี้ผมถามเขาว่าอยากกลับบ้านไหมแต่เขาก็ปฏิเสธ
ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่คงต้องปล่อยไปก่อน หากเขาสบายใจกว่านี้ก็คงจะพูดออกมาเอง
แต่ข้อความที่ขึ้นค้างไว้ตอนที่ผมลุกขึ้นมาอีกรอบเพราะลืมเสียบที่ชาร์จแบตให้เขาทำให้ผมพอเข้าใจอะไรบางอย่าง
‘อยู่กับพี่มาร์คใช่ไหม? ยูคไปรับนะ’
วันรุ่งขึ้นเจ้านั่นก็มาจริงๆ ผมไม่ได้ลงไปส่งแต่ใช้เหตุผลว่าต้องรีบไปเรียนและหนีไปอาบน้ำ ทว่าผมกลับมายืนมองทั้งคู่จากชั้นสองของบ้านเลยได้เห็นทั้งคู่กอดกันแน่นราวกับคิดถึงกันใจจะขาด
แต่ผมว่า... ใจผมนี่แหละที่จะขาด
ผมขลุกอยู่กับเขาในเวลาที่ทำได้ หรือเรียกว่าพยายามเข้าไปในเวลาที่ยูคยอมปล่อยว่างไว้จนผมรู้สึกว่าความสุขของผมเริ่มกลับมาเหมือนตอนที่ยังไม่รู้ว่าเพื่อนสนิทของเขามีตัวตนอยู่บนโลก
คำถามที่เก็บเอาไว้ถูกเอ่ยออกไปเพราะพลั้งเผลอในวันหนึ่ง
“แบมมีเพื่อนน้อยเหรอ?”
ผมสงสัยว่าทำไมต้องมีแค่ยูคยอมวนเวียนอยู่รอบตัวเขา ความรู้สึกต้องการเป็นคนเดียวที่เป็นเจ้าของความสุขของเขาเข้าครอบงำผมโดยไม่รู้ตัว
“เปล่านะ... แบมก็มีเพื่อนเยอะ แต่คนแค่สนิทที่สุดมีคนเดียว” เขาตอบไปโยนส้มสีสวยในเมื่อเล่นไป ใบหน้าฉายแววสนุกกับการเล่นไม่น้อยทีเดียว
“ใคร? ยูคยอม?”
“ครับ... ไม่เห็นเดายากเลย” เขาหันมายิ้ม
“น่าอิจฉาคนพิเศษอย่างเจ้าหมอนั่น”
“คนพิเศษเหรอ? ไม่เห็นจะน่าอิจฉาตรงไหน”
น้ำเสียงหม่นทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขา ผมไม่น่าพูดเลยจริงๆ ยิ่งเห็นการแสดงออกของเขาผมยิ่งมั่นใจ... มั่นใจในบางอย่างที่ตัวเองกำลังคิด
หลายเดือนที่ผ่านมา ผมเข้าไปไม่ถึงตรงนั้นเลย...
จนเมื่อวันนั้นที่ผมรู้เรื่องที่ฝากแจ็คสันไปตามสืบ... ผมถึงกับทรุดลงกับพื้นอย่างไม่อาย
เขาอยู่ที่โต๊ะตัวนั้นเพื่อรอยูคยอมซ้อมเต้นและไม่อยากรบกวนเลยไม่แวะเวียนไปหาเลย นอกจากยูคยอมเลิกซ้อมเร็วและมารับกลับบ้าน
แม้ตัวเองจะหงุดหงิดที่ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียว แต่ก็อดทนรอ อันนี้ไม่ต้องเป็นใครมาบอก...ผมรับรู้ได้ด้วยตัวเองเพราะเห็นมาตลอด
ในเมื่อผมเลือกที่จะก้าวเข้าไปในโลกของเขา หากว่าผมต้องเจ็บก็คงต้องโทษตัวเองที่หัวใจของผมรักคนง่ายเสียเหลือเกิน หรือเพราะเป็นเขาผมเลยรู้สึกแบบนั้น
ไม่มีผู้ชายที่ดีที่สุด แต่มีผู้ชายที่รักเธอที่สุด
ก็อาจไม่ใช่คน สำคัญ
ไม่หวังให้เธอรักฉัน เพราะฉันแค่รักเธอ
ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด แต่คนๆ นี้ก็ขอรักเธอที่สุด
ไม่ว่าเธอจะยืน ข้างใคร
แค่จะขอเป็นคนสุดท้าย ที่ยืนอยู่ข้างเธอ
“พี่ว่า... แบมกลับเถอะ...”
“แล้วสวนสนุกของเราล่ะพี่มาร์ค?”
“... ก็คงต้องยกเลิก เพราะวันนี้พี่คงไม่สามารถเป็นเจ้าชายให้แบมได้แล้ว” นี่คือสิ่งที่ผมคิดมาสักพักและสุดท้ายก็ตัดสินใจได้
พูดออกไป... ทั้งๆ ที่เรามายืนอยู่หน้าสวนสนุกแล้วแท้ๆ
“ทำไมพี่มาร์คพูดแบบนั้นล่ะครับ...” เขาเอ่ยถามผม ทั้งที่สายตายังจับจ้องไปที่มือตัวเองที่จับประสานกันแน่น เหมือนเด็กน้อยขี้หงุดหงิดของผมจะเดาได้ลางๆ ว่าสิ่งที่ผมต้องการจะสื่อคืออะไร
“เพราะไม่ว่ายังไง...พี่คงเป็นได้แค่อัศวินประจำตัวของแบม”
เขาเงยหน้ามองผมด้วยดวงตาที่วาวไปด้วยน้ำใสๆ ที่เอ่อเต็มดวงตากลม ความสั่นไหวที่สังเกตเห็นทำให้ผมต้องประคองดวงหน้านั้นไว้ก่อนจะพูดประโยคที่ก่อนนี้ไม่คิดว่าตัวเองจะกล้าพูดอะไรแบบนี้
“พี่รู้...ว่าเจ้าชายของแบม... ไม่ใช่พี่ตั้งแต่แรก...”
“พี่พยายามต่อสู้มากมายเพื่อให้ได้เป็นเจ้าชาย แต่มันก็ไม่สำเร็จ”
การทำตัวเป็นอัศวินแบบนี้... ไม่ง่ายเลย
“.....”
“แล้วพี่ก็รู้ดี... ว่าแบมรู้อยู่แล้วว่าใครคือเจ้าชายคนนั้น”
“พี่มาร์ค...”
เสียงที่เบาหวิวภายใต้ดวงตาที่ตื่นตระหนกเล็กๆ ทำให้ผมรู้ทันทีว่าผมคิดถูก แบมแบมไม่ได้รักผมแต่เป็นเขา... คนที่ยืนอยู่ข้างแบมแบมเสมอ คนที่ได้รอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความห่วงใยอยู่เสมอจนผมอิจฉา
ยอมรับว่ากลายเป็นคนขี้อิจฉามากขึ้นทุกวันอย่างไม่น่าเชื่อ... ตั้งแต่ผมเริ่มชอบเขา
และยิ่งความรู้สึกมันมีมากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นคนขี้อิจฉาหนักขึ้นทุกวัน
สุดท้ายก็รู้ตัวว่าไม่ควรอิจฉาคนคนนั้นเลย ในเมื่อสิ่งที่ผมได้รับมันช่างแตกต่างกันจนเทียบไม่ได้
นี่ใช่ไหม? หน้าที่ของอัศวินผู้พิทักษ์
ทำให้เขาได้มีความสุข... แม้ว่าจะต้องทนรับความเจ็บปวดเอาไว้
ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่จ้าไปด้วยแดดพร้อมกับสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับ... น้ำตามันจะไหลน่ะ
แบมแบมกลับไปแล้วพร้อมกับคำขอโทษ...ที่ผมไม่รู้ว่าเขาขอโทษเรื่องอะไร
ผมก้าวมาหยุดยืนมองอยู่ที่เครื่องเล่นชิ้นหนึ่งก่อนจะเริ่มเข้าไปใกล้ ผมตั้งใจจะเล่นเจ้าสิ่งนั้นและมันก็ถึงคิวพอดีเพราะมีคนรออยู่ไม่กี่คนและทั้งหมดก็มากันเป็นคู่
น่าเศร้าเนอะ...ว่ามั้ย?
ใช่ครับ... มันคือม้าหมุน เครื่องเล่นที่สวยที่สุดในสวนสนุก
ผมเดินเลือกหาตัวที่ถูกใจจนเกือบรอบเครื่องเล่นแม้ว่าเครื่องจะเริ่มขยับบ้างแล้ว และผมก็สะดุดกับม้าสีขาวตัวใหญ่ตัวหนึ่ง ผมก้าวขาขึ้นไปนั่งอย่างไม่รอช้าราวกับกลัวว่ามันจะถูกแย่งไป
ถึงยังไงผมก็ยังอยากเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวนะ...
บางคนอาจจะพูดว่า... อัศวินก็ขี่ม้าสีขาวได้
ผมก็เชื่อแบบนั้น...หากไม่บังเอิญที่ม้าตัวนี้มีมงกุฎสีทองปรากฏอยู่
ฉะนั้น... ถ้าผมจะเหมาว่ามันเป็นม้าของเจ้าชายคงไม่เป็นไร
ถึงแม้ตอนนี้ผมจะรู้สึกเจ็บ แต่ไม่ว่าอย่างไรหัวใจของผมก็ถูกหล่อเลี้ยงด้วยความหวัง...
ความหวังที่จะมีสักวัน....
สักวันที่ผมคงได้เป็นเจ้าชายคนนั้น...
...ของใครสักคน...
แม้ว่าวันนี้...
ผม...จะเป็นได้เพียงแค่อัศวิน
อัศวินมาร์ค...
...ที่รอจุมพิตจากคนคนหนึ่งเพื่อให้พ้นคำสาปและกลายเป็นเจ้าชายมาร์ค...ก็ตาม
ไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด แต่คนคนนี้ก็ขอรักเธอที่สุด
ไม่ว่าเธอจะยืน ข้างใคร
แค่จะขอเป็นคนสุดท้าย ที่ยืนอยู่ข้างเธอ
-END-
อ้าว..มันคือเรื่องของพี่มาร์ค
มันไม่ได้เศร้ามากเพราะพี่มาร์คฉลาด เกี่ยว?...
แค่ยอมรับและเรียนรู้กับมัน
ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะคะ 55555
#เพลงมาฟิคมา ><
ปล. แก้คำผิด แต่ไม่รู้ว่าแก้หมดรึยัง คึคึ
ความคิดเห็น