ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ GOT7 x YOU ] THE X - SECRET :: ลับ...เฉพาะหัวใจ(เธอ)

    ลำดับตอนที่ #2 : X-Secret : I - คืนเหงา

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 58




     

     

    X-Secret : I  - คืนเหงา

     

     

     

    ร่างหนาใต้กองผ้าห่มผืนใหญ่ถูกคลุมจนมิด หากจะเห็นก็เพียงไรผมสีน้ำตาลเข้มที่โผล่พ้นออกมา ห้องกว้างแทบไร้แสงแม้เป็นเวลาสายด้วยเพราะม่านสองชั้นกั้นแสงที่สามารถสาดส่องมารบกวนได้เกือบหมด มันช่างเป็นสิ่งที่แสนมีความสุขเสียจริงหากคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรานั้นไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาของฝันร้าย

    เหงื่อเม็ดเล็กพราวไปทั่วร่างทั้งที่อุณหภูมิภายในห้องนั้นต่ำกว่ายี่สิบองศา เปลือกตาหนาบีบแน่นเนิ่นนานก่อนที่เปิดขึ้นพร้อมกับสะดุ้งเฮือกสุดตัวจนถึงกับลุกขึ้นนั่งด้วยอาการหอบตัวโยนราวกับเพิ่งจบจากการใช้แรงหนักๆ มา

    สองมือถูกยกขึ้นลูบใบหน้าเมื่อตั้งสติได้ว่าเป็นเพียงฝันหลังจากมองไปรอบๆ จนมั่นใจว่าตนเองอยู่ที่ที่คุ้นเคยเช่นห้องนอนของตัวเองหาใช่ภาพเดียวกับที่เห็น ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วพรูลมหายใจเบาเมื่อรับรู้ถึงเวลาอันสายโด่งจากนั้นก็ตวัดผ้าห่มผืนหนาออกและพาตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้ทันเวลาก่อนที่จะถูกประธานหวังตามมาลากคอถึงที่

     

    ใช้เวลาไม่นานนักร่างหนาก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนยาวกับกั๊กสูทสีเทาที่ดูไม่เป็นทางการมากนักแม้ตอนนี้เขาจะมีตำแหน่งรับผิดชอบแน่นอนเป็นของตัวเองคือผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงแต่ก็ยังควบด้วยรองประธานด้วยอยู่ดี

                                       

     

     

     

    หวัง แจ็คสัน... หนุ่มฮ่องกงที่ย้ายจากเกาหลีมาเรียนที่ประเทศไทยตามมติกลุ่ม เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาเจ้าเสน่ห์ช่างเจรจาบวกกับรูปร่างแน่นกล้ามเนื้อตามประสานักกีฬายิ่งทำให้สาวๆ หลงไหลได้ไม่ยาก

    และหากมองไปถึงฐานะทางบ้านแล้วหละก็... เป็นถึงทายาท W Group ที่มีทั้งเครือโรงแรมจนถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

     

    ว่าง่ายๆ ว่าทุกอย่างที่รวมเป็นเขานั้น... ครบเครื่องจนไม่อาจปฏิเสธได้ลง

     

    แต่....

     

    ก็โดนปฏิเสธมาอยู่ดี... เฮ๊อะ!

     

     

     

    “ไง? หน้าตาไม่สดใสเลยนะแกเนี่ย”   ประธานหวังทักลูกชายที่เดินล้วงกระเป๋าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ผิดปกติ

    “ป๊า... ผมว่ามันเช้าเกินไปนะ”   คนถูกทักยกนาฬิกาข้อมือขึ้นตั้งฉากแล้วใช้อีกมือเคาะเบาๆ

    “เช้ากะผีน่ะสิ! นี่มันสิบเอ็ดโมงแล้ว... คนอื่นน่ะเขากำลังจะกินข้าวรอบสองกันทั้งนั้น มีแต่แกนั่นแหละที่ยังเห็นว่ามันเป็นเวลาที่ยังไม่ควรตื่น! ไอ้ลูกไม่ได้เรื่อง”  

    ถึงปากจากบ่นว่าร้ายเท่าใดแต่ประธานหวังก็หาได้จริงจังตามคำพูดมากนักเพราะรู้ดีว่าลูกชายตัวดีนั้นกำลังอยู่ในภาวะจิตใจมืดมัวแค่ไหน สาเหตุก็คือ... อกหัก

     

    ทั้งยังเป็นคนที่ประธานหวังเองก็อยากให้เปลี่ยนสถานะจากหลานเป็นลูกสะใภ้เต็มแก่แต่ดูท่าความหวังนั้นจะริบหรี่จนดับไปแล้ว เพราะเจ้าลูกโง่ของตัวเอง

     

    แต่ก็นะ... มันไม่เกี่ยวกับเรื่องงานสักหน่อย

     

     

    “อย่าลืมงานปาร์ตี้ของเจบีอีกสามอาทิตย์ด้วยล่ะ ได้การ์ดแล้วนี่...”  ผู้เป็นบิดารู้หัวใจของลูกชายดีจึงเลือกที่จะเลี่ยงเอ่ยชื่ออีกคนให้เจ็บซ้ำ

    “ผมจะทำให้ดี ป๊าไม่ต้องห่วงหรอกครับ”   ตอบพลางตักอาหารในจานตรงหน้าเข้าปากเคี้ยว

    “ปากดีนัก อย่ามาน้ำตาตกให้ฉันเห็นก็แล้วกันไอ้ตัวแสบ” 

    “ครับๆ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน ผมน่ะ... แจ็คสันหนุ่มเจ้าเสน่ห์นะ ไม่เจ็บจนกระอักเลือดหรอกน่า”  แจ็คสันโบกมือไหวๆ ด้วยสีหน้ากวนประสาท

    “แล้วแต่แกเลย...  แล้วบ่ายนี้อย่าลืมเข้าประชุมแทนฉันด้วยล่ะ ไปหละ” 

    ประธานหวังลุกขึ้นเดินไปตบบ่าลูกชายเบาๆ และเดินจากไป ส่วนคนอวดดีเมื่อครู่นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่คนเป็นบิดาคล้อยหลัง มือหนาวางส้อมในมือลงอย่างเหนื่อยหน่าย ใครว่าเขาทำใจได้... เรื่องนั้นไม่จริงสักนิด ทุกวันนี้เขายังฝันถึงเธออยู่เลย 



    แม้เป็นฝัน... ที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่นเกือบทุกครั้งก็ตาม

     

     

     

    คืนนี้รถสปอร์ตสีดำก็เข้ามาจอดในลานกว้างของสถานบันเทิงจนได้แถมยังใจกล้าท้าความรู้สึกตัวเองมาจนถึงคลับในความดูแลของมาร์คอีกต่างหาก เพียงแค่หน้าประตูก็พบกับบอสสุดหล่อยิ้มโชว์เขี้ยวรอรับอยู่ด้านหน้า ทักทายกันอย่างสนิทสนมเช่นเคยก็พากันเข้าไปด้านในที่เป็นโต๊ะประจำ

    “วันนี้ลมอะไรหอบมาได้ รองประธานแจ็คสันงานไม่ยุ่งแล้วหรือไง?”  มาร์ค... หนุ่มหล่อราวรูปปั้นเทพบุตรเอ่ยแซวเพื่อนผู้ทำตัวยุ่งอยู่เสมอมาระยะหนึ่ง

    “แล้วมึงล่ะครับบอส... ไอ้ยูคมันไม่มาเฝ้าหรือไง?” แจ็คสันไม่ตอบคำถามแต่กลับแซวกลับ ทว่าคนฟังนั้นหันมาถลึงตาใส่

    “อย่าพูดถึง... เดี๋ยวมันโผล่มา!

    “อะไรวะ... กูละไม่เข้าใจพวกมึงเลย”  

    แจ็คสันที่บังเอิญรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ทำหน้าแปลกใจดูเหมือนคู่นี้จะซับซ้อนเกินกว่าที่เข้าใจได้เพียงผิวเผิน

    “ทำไมต้องเข้าใจ? อย่าไปสนใจ อย่าไปรับรู้”   จบประโยคมาร์คก็กระดกออนเดอะร็อคในมือเข้าปากอึกเดียวหมดแก้ว

    “ครับบอส ผมไม่พูดแล้วครับ เกรงว่าบอสจะโยนผมออกนอกร้าน”  แจ็คสันยังไม่เลิกล้อเลียนเมื่อเห็นอีกคนเริ่มใส่อารมณ์ เขาเองก็แค่อยากแกล้งมาร์คเล่นแก้เบื่อสนุกๆ เท่านั้นเอง

    “กวนตีนจะครับคุณแจ็คสัน”   

    คนโดนกวนเหล่ใส่ แจ็คสันขำเบาๆ รู้ดีว่าเพื่อนของเขาคนนี้โมโหง่ายแต่ก็ยังจะยั่ว ดวงตาคมกวาดตามองบรรยากาศอันคึกคักด้านล่างด้วยความสนใจทั้งที่ช่วงนี้อยู่กลางเดือนแท้ๆ แต่ยังมีนักเที่ยวเนืองแน่นไปหมด

    “เฮ้ย! นั่นมิโนรึเปล่า?”  

    มาร์คหันมองตามสายตาของเพื่อนก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กันด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกัน

    “คราวนี้กูเอง...”   

    “กูรอดูเลย”

    มาร์คยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้ ทั้งสามคนไม่ได้มีเรื่องกันแต่เพียงแค่มิโน หรือ ซงมินโฮนั้นชอบทำตัวให้น่าหมั่นไส้เท่านั้นเอง

     

    ก็แค่... แกล้งกันตามประสาเพื่อน

     

    ร่างหนาเดินถือแก้วเหล้าของตัวเองมาถึงโซนวีไอพีชั้นล่างที่มีเป้าหมายนั่งอยู่ ซงมินโฮนั้นเป็นผู้ชายมาดแบดบอยขนานแท้รวมถึงสายตาเย่อหยิ่งนั่นด้วยเช่นกันแต่ใครจะรู้ว่าคนอย่างเขาซ่อนความมุ้งมิ้งเอาไว้สุดตัว ทว่าหญิงสาวชุดสีดำข้างกายนั้นแจ็คสันไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย

    “หวัดดีมิโน”  

    “อ้าว แจ็คสัน! มาได้ไง?”  

    “เพิ่งมาถึงแต่บังเอิญเห็นสาวสวย ไม่คิดว่าจะมากับ... คุณซงมินโฮ”  ไม่พูดเปล่า... แจ็คสันส่งสายตาเจ้าชู้ใส่เธออย่างไม่ปิดบัง

    “รักจะกวนประสาทก็ให้เบาๆ หน่อย น้องเค้าตกใจหมด”  มิโนปราม ดูท่าแล้วจะปกป้องและหวงอยู่ไม่น้อย

    “ไม่แนะนำ?” 

    “อ่า... คือ...”    คนถูกกดดันติดอ่างขึ้นมาชั่วขณะ เขาหันมองหญิงสาวข้างกายเล็กน้อยซึ่งได้รับรอยยิ้มหวานแสนสดใสมาให้รู้สึกดี

    “แฟร์รี่ นี่แจ็คสันเพื่อนผม ส่วนแจ็คสัน... นี่แฟร์รี่”   เขาแนะนำก่อนจะวาดมือโอบลงบนไหล่เปลือยของร่างบอบบางซึ่งเธอก็ทำเพียงแค่ยิ้มให้มิโนโดยไม่ว่าอะไร

    “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณแจ็คสัน”

    “เช่นกันครับ”

    ซงมินโฮมองสายตาของคนทั้งคู่แล้วชักหวั่นใจแม้ทางฝั่งผู้หญิงของเขาจะไม่ได้แสดงอาการอะไรที่เป็นท่าทีสนใจแจ็คสันแต่ฝั่งเพื่อนของเขานี่สายตาแทบจะกินเธอได้ทั้งตัวอยู่แล้ว เขารู้ดีว่าเจ้าเพื่อนนรกมีแผนแกล้งเขาด้วยการดึงสาวข้างกายให้ตกหลุมเสน่ห์แต่คราวนี้คงได้เพียงแค่ความผิดหวัง.... ซงมินโฮรับประกัน

    “แฟร์รี่อย่าไปสนใจมัน มันเจ้าชู้จะตาย”  มิโนแฉต่อหน้าจนแจ็คสันเหวอด้วยไม่คิดว่าเพื่อนจะเล่นกลับด้วยไม้นี้

    “แล้วคุณมิโนล่ะคะ ไม่เจ้าชู้เหรอ?” 

    คำถามของหญิงสาวทำเอาแจ็คสันแทบลงไปกลิ้ง นี่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยเจ้านั่นก็โดนเล่นงานเองเสียแล้ว

    “ใครบอกครับ ... แค่เพื่อนเยอะเท่านั้นเอง แต่วันนี้ผมเหงาจะตายคุณไม่รู้เหรอ?” 

    ประโยคชวนอ้วกกับสายตาหวานเลี่ยนกระชากอารมณ์ฮาของแจ็คสันจนสิ้นแถมยังเจอกับรอยยิ้มของเธอด้วยทำให้ถึงกับเผลอสบตามาร์คที่ยืนมองอยู่ชั้นบน

     

    ให้ตายเถอะ... เขาชักอิจฉามิโนเข้าแล้ว ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้... ไม่ร้าย ไม่แรง ดูหัวไวแต่แสนหวานอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    “นี่... ขอยืมตัวแฟนนายออกไปเต้นแก้เบื่อหน่อยสิ”   หลังจากได้รับสัญญาณจากมาร์คก็เอ่ยปากขัดความหวานชื่นของคนทั้งคู่ เอาสิ... เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยสักนิดให้รู้ไป!

    “เอ่อ...”

    “ได้ไหมครับ?”   เขาถามย้ำเมื่อเห็นเธออึกอักขอความเห็นกับมิโน แม้อย่างนั้นก็ยังดูน่ารัก

    “อ้อ... ได้สิ แฟร์รี่ครับ ออกไปเต้นกับเพื่อนผมสักเพลงแล้วกันนะ”   มิโนรับคำแทนซึ่งทำให้เธอนั้นยอมแต่โดยดีทว่าก่อนออกไปเธอสร้างความแปลกใจให้แจ็คสันด้วยการยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาชนกับชายหนุ่มทั้งคู่เบาๆ

    “ค่าตอบแทนที่เต้นด้วย... หมดแก้วค่ะ”  

    มิโนหัวเราะเมื่อเห็นแฟร์รี่กระดกแอลกอฮอลล์ในแก้วจนหมดด้วยรอยยิ้มที่ไม่เคยจืดจางแล้วยกดื่มตามทำให้แจ็คสันเองก็ต้องทำเช่นกัน

    ร่างระหงในชุดเปิดไหล่สีดำสนิทลุกขึ้นยืน แจ็คสันยื่นมือรอรับชั่วอึดใจมือบางก็วางลงบนมือหนาจากนั้นก็ถูกดึงเข้าไปในฟลอร์กลางของคลับ

    ชื่อเสียงเพลย์บอยไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย แจ็คสันเล่นสนุกโดยการแตะนู่นนิดนี่หน่อยรวมถึงโอบกอดหลวมๆ แต่กลับถูกหญิงสาวเลี่ยงได้เกือบตลอดแถมไม่มีทีท่าจะหลงเสน่ห์เขาสักนิดแม้จะเต้นไปสบตากันไปเนิ่นนานก็ตาม

    สุดท้ายแจ็คสันก็ยอมแพ้... เขาลาทั้งคู่และเดินกลับไปอย่างสุดเซ็งโดยมีมาร์คนั่งอมยิ้มรอท่าอยู่ก่อน

    “เป็นไงล่ะ มึงไม่เคยพลาดนี่หว่า” 

    “รักเอย... ของมันเหรอวะ กูแปลกใจมากตรงที่ไม่สนใจกูสักนิด แต่มันเองเหมือนจะหวง สุดท้ายก็ไม่ได้หวงมากมายอะไร กับคนอื่นยังแทบจะต่อย”   แจ็คสันนิ่วหน้า

    “ก็จริง แต่เอ... ผู้หญิงของมันดูเรียบร้อยจังนะคราวนี้” มาร์คตั้งข้อสังเกต

    “นั่นดิ่... กูนี่ชักอิจฉา คืนเหงาๆ แบบนี้ เจอหวานๆ สักคนคงดี”

    “ปากดีนักนะมึง ข่าวว่าวันก่อนคั่วแล้วไล่กลับบ้าน... หรือไม่ใช่?” 

    สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วหัวเราะ ข่าวของแจ็คสันเข้าหูมาร์คเร็วเสมอ ใครๆ ในกลุ่มก็รู้ว่าคนอกหักอย่างแจ็คสันตอนนี้โลกเป็นสีเทาขนาดไหน แม้พยายามทำตัวให้บ้าบอคอแตกเหมือนเดิมแต่ก็ยังไม่ใช่... หากพูดให้ชัดเจนคงเพราะยังทำใจไม่ได้ที่เสียกอหญ้าไป

     

    ก็รักมากนี่นา...


     

     

     

    ห้องอันคุ้นเคยปรากฏอยู่เบื้องหน้า บรรยากาศเดิมๆ ลอยเข้ามาให้ห้วงความคิด ภาพของหญิงสาวรูปร่างเพรียวท่าทางแสนงอนนั่งกอดอกมองเขาอย่างเอาเรื่องอยู่ที่โซฟาตัวหนาโดยมีตัวของเขาเองกำลังโคลงศีรษะเธอเล่นอย่างง้องอนก่อนจะเลือนหายไป รอยยิ้มบางของแจ็คสันที่เคยแต้มบนใบหน้าก็เช่นกัน

    มือหนาปิดประตูที่ยังจับค้างไว้ให้ปิดลงจากนั้นก็เดินเนือยๆ ไปทิ้งตัวลงแรงๆ ที่โซฟาตัวเดียวกับที่เคยมีภาพเมื่อครู่ สำนึกขึ้นทันทีว่าฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ดื่มมายิ่งทำให้สมองของเขาฟุ้งซ่านหนักกว่าเก่า

    ความไม่สบายตัวทำให้ชายหนุ่มล้วงทุกอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงเพื่อลดความรำคาญจนกระเป๋าเงินใบหรูตกลงพื้นพรม เอื้อมมือเก็บมันขึ้นมาก่อนจะเปิดดูด้านในก็เจอกับกระดาษโพสอิทปริศนาที่เขาตั้งใจเก็บไว้แต่เมื่อดึงออกก็พบรูปของเขากับกอหญ้าที่เคยถ่ายด้วยกันซ่อนไว้ด้านหลัง

     

    “ใครว่าตัดใจเป็นเรื่องง่าย... โกหกทั้งเพ”   แจ็คสันพึมพำ

     

     

    เป็นอีกวันที่แต่ละชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า กว่าแจ็คสันจะรู้สึกง่วงบ้างเวลาก็ล่วงจนถึงตีห้าทำให้เขาต้องพยายามข่มตาให้หลับเพราะช่วงสายยังต้องไปมหาวิทยาลัยจากนั้นยังมีงานของบริษัทรออยู่อีกไม่เช่นนั้นเขาคงเบลอต่อหน้าลูกค้าแน่ๆ อย่างน้อยเตียงนอนของกอหญ้าก็ทำให้หลับง่ายขึ้น

     

     

     

    วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่แสนยุ่งเหยิง แจ็คสันพลาดตั้งแต่ตื่นสายทำให้ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด ขาแข็งแรงเร่งฝีเท้าให้ทันคาบเรียนทั้งที่โดยรวมแล้วคล้ายคนยังไม่ตื่นเต็มตาสักเท่าไหร่ มือหนารีบยื่นกั้นกลางระหว่างประตูลิฟท์ที่กำลังจะปิดจนเกิดเสียงดังก่อนที่บานสแตนเลสจะค่อยๆ เลื่อนออกทำเอาตัวการยิ้มมุมปากอย่างสมใจ

    เท้าที่ก้าวเข้าสู่กล่องสี่เหลี่ยมชะงักเมื่อเห็นคนด้านใน เพียงชั่วครู่ก็ขยับมายืนข้างคนคนนั้น

    “สบายดีใช่ไหม? ไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์”  คนด้านข้างเอ่ยทัก

    “ดีสิ ดีมาก”  แจ็คสันตอบ

    “มึง... ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

    “นี่ใครครับ... ผมหวังแจ็คสันนะครับ แต่ว่า... ไหนของฝากของผมครับคุณเจบี”

    “หึหึ... ไอ้ขี้งกเอ๊ย!

    คนถูกถามถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อจอมกวนประสาทแบมือแทบจะทิ่มหน้าตัวเองเพื่อทวงของฝากราวกับเด็กๆ รอยยิ้มทะเล้นของเพื่อนสนิททำให้เจบีสบายใจขึ้นจนยิ้มกว้างเต็มหน้า สิ่งที่กังวลเหมือนจะคลี่คลายในทางที่ดี อันที่จริงเจบีเป็นห่วงความรู้สึกของแจ็คสันมากที่สุดซึ่งบางครั้งเขาเองยังคิดว่าตนเองแย่งคนรักและทำร้ายหัวใจของเพื่อนแม้จะเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมแล้วก็ตาม

    หลังจากเรียนเสร็จแจ็คสันก็ไม่มีเวลาเหลือมากพอที่จะอยู่คุยกับใครจนบรรดาเพื่อนแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เห็นมานาน

     

     

     

    แจ็คสันขยับเสื้อสูทสีดำราคาแพงของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะก้าวอย่างมั่นใจเข้าสู่ห้องอาหารโซนวีไอพีของโรงแรมใจกลางเมืองเครือ W Group ชายภูมิฐานวัยกลางคนชาวฮ่องกงคือแขกคนสำคัญของวันนี้ เขาเป็นลูกค้าของมาดามเหลียนผู้เป็นมารดาของแจ็คสันที่ต้องรับรองให้ดีในฐานะรองประธาน

    ทันทีที่พบหน้าชายหนุ่มก็กล่าวคำทักทายพร้อมรับคำเชื้อเชิญให้ร่วมทานอาหารมื้อนี้ด้วยกันซึ่งเขาเองตอบรับอย่างยินดี

     

    ขณะที่คุยกันอย่างออกรสฉากกั้นห้องก็ถูกเลื่อนออก

     

    “ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณเฉินมีแขก” 

    เสียงใสๆ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นบุคคลแปลกหน้าที่เพิ่มขึ้นมาในห้องอาหาร

    “ไม่เป็นไรๆ”   คนถูกเรียกว่าคุณเฉินโบกมือเบาๆ

    แจ็คสันมองตามร่างเพรียวชุดเดรสแขนกุดจัมพ์เอวต่อกระโปรงตัวยาวบางพลิ้วสีขาวอย่างคุ้นตา จนเมื่อหญิงสาวนั่งลงข้างคุณเฉินและได้เห็นรอยยิ้มหวานนั่นอีกครั้งจึงมั่นใจ

    “นี่คุณแจ็คสันลูกชายของเพื่อนผมเอง ส่วนนี่... แฟร์รี่ เป็นเพื่อนของผม”  คุณเฉินแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน

    “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณแจ็คสัน”

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

    “รู้จักกันแล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ แฟร์รี่น่ารักมากคงคุยกันไม่ยาก”  คุณเฉินบอกอย่างอารมณ์ดีก่อนจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมยาวสลวยของเธอ แจ็คสันจ้องจนตาแทบถลน... ยิ่งมองยิ่งไม่เข้าใจ

     

    นี่เธอมีการตอบรับแค่รอยยิ้มสวยๆ อย่างเดียวเท่านั้นหรือ?

     

    อาหารหวานเริ่มเสิร์ฟลงโต๊ะ การพูดคุยก็เป็นไปอย่างราบรื่นรวมทั้งเสียงหัวเราะจางๆ ที่ลอยวนอวลอยู่ในบรรยากาศรอบตัวดูเหมือนมื้อนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี ฉะนั้น ภารกิจที่ถูกมอบหมายจากประธานหวังและมาดามเหลียนคงได้ผลทางบวก

    แจ็คสันเผลอมองใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอของคนอีกฝั่ง เธอไม่มีทีท่าว่ารู้จักเขามาก่อนทั้งที่เพิ่งพบกันเมื่อคืนแท้ๆ หากจะพูดว่าลืมก็คงเป็นไปได้ยากเพราะยังไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำแถมยังแอบแต๊ะอั๋งไปตั้งเยอะ อีกทั้งการรู้จักกับคุณเฉินอย่างสนิทสนมเช่นนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้

     

    “หลานชาย... หลานชาย...”  

    “อ่า ... ครับ”

    เสียงของคุณเฉินดึงความคิดของชายหนุ่มให้กลับมาสู่ปกติ แม้ยังตะขิดตะขวงใจแต่ยังไงก็คงต้องพักเอาไว้ก่อน

    “คืนนี้อาว่าจะไปผ่อนคลายเสียหน่อย... ไปด้วยกันสิ”   คุณเฉินเอ่ยชวน

    “ผม...”

    คราวแรกแจ็คสันเองว่าจะปฏิเสธแต่เมื่อหันไปเห็นคนด้านข้างคุณเฉินที่สนใจเพียงแค่อาหารตรงหน้าโดยไร้บทสนทนาก็นึกเปลี่ยนใจ

    “ครับ... ผมจะไป”

     

    เขาตอบรับโดยที่ลอบมองปฏิกิริยาของอีกคนเขม็งจึงสังเกตเห็นมือที่ถือตะเกียบของแฟร์รี่ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะคีบขนมจีบในเข่งตรงหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่า... เธอจำเขาได้

     

     



    การแสดงออกของคุณเฉินต่อแฟร์รี่ดูไม่ธรรมดา แล้วแบบนี้มิโนเพื่อนของเขาจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า...?                                                                                



     

     







    คุณ hhyed เป็นเม้นต์แรกของเรื่องนี้ และเป็นเม้นต์เจิมของเรา ขอบคุณมากค่ะ ^^

    #ปรบมือรัว  #เฮ้ 

    นักอ่านท่านอื่นก็ไม่ต้องน้อยใจไป 

    ไร้ท์เตอร์ต้องขอบคุณทุกคนที่กด Fav.  

    และทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยเช่นกันค่ะ

    เจอกันตอนหน้านะคะ ^^      


                                                     















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×