คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : X-Secret : I - คืนเหงา
X-Secret : I - คืนเหงา
ร่างหนาใต้กองผ้าห่มผืนใหญ่ถูกคลุมจนมิด
หากจะเห็นก็เพียงไรผมสีน้ำตาลเข้มที่โผล่พ้นออกมา
ห้องกว้างแทบไร้แสงแม้เป็นเวลาสายด้วยเพราะม่านสองชั้นกั้นแสงที่สามารถสาดส่องมารบกวนได้เกือบหมด
มันช่างเป็นสิ่งที่แสนมีความสุขเสียจริงหากคนที่กำลังอยู่ในห้วงนิทรานั้นไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาของฝันร้าย
เหงื่อเม็ดเล็กพราวไปทั่วร่างทั้งที่อุณหภูมิภายในห้องนั้นต่ำกว่ายี่สิบองศา
เปลือกตาหนาบีบแน่นเนิ่นนานก่อนที่เปิดขึ้นพร้อมกับสะดุ้งเฮือกสุดตัวจนถึงกับลุกขึ้นนั่งด้วยอาการหอบตัวโยนราวกับเพิ่งจบจากการใช้แรงหนักๆ
มา
สองมือถูกยกขึ้นลูบใบหน้าเมื่อตั้งสติได้ว่าเป็นเพียงฝันหลังจากมองไปรอบๆ
จนมั่นใจว่าตนเองอยู่ที่ที่คุ้นเคยเช่นห้องนอนของตัวเองหาใช่ภาพเดียวกับที่เห็น
ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลตรงโต๊ะหัวเตียงแล้วพรูลมหายใจเบาเมื่อรับรู้ถึงเวลาอันสายโด่งจากนั้นก็ตวัดผ้าห่มผืนหนาออกและพาตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้ทันเวลาก่อนที่จะถูกประธานหวังตามมาลากคอถึงที่
ใช้เวลาไม่นานนักร่างหนาก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยในชุดเสื้อยืดสีขาวแขนยาวกับกั๊กสูทสีเทาที่ดูไม่เป็นทางการมากนักแม้ตอนนี้เขาจะมีตำแหน่งรับผิดชอบแน่นอนเป็นของตัวเองคือผู้จัดการฝ่ายจัดเลี้ยงแต่ก็ยังควบด้วยรองประธานด้วยอยู่ดี
หวัง แจ็คสัน...
หนุ่มฮ่องกงที่ย้ายจากเกาหลีมาเรียนที่ประเทศไทยตามมติกลุ่ม
เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาเจ้าเสน่ห์ช่างเจรจาบวกกับรูปร่างแน่นกล้ามเนื้อตามประสานักกีฬายิ่งทำให้สาวๆ
หลงไหลได้ไม่ยาก
และหากมองไปถึงฐานะทางบ้านแล้วหละก็...
เป็นถึงทายาท W Group ที่มีทั้งเครือโรงแรมจนถึงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ว่าง่ายๆ
ว่าทุกอย่างที่รวมเป็นเขานั้น... ครบเครื่องจนไม่อาจปฏิเสธได้ลง
แต่....
ก็โดนปฏิเสธมาอยู่ดี...
เฮ๊อะ!
“ไง?
หน้าตาไม่สดใสเลยนะแกเนี่ย”
ประธานหวังทักลูกชายที่เดินล้วงกระเป๋าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ผิดปกติ
“ป๊า...
ผมว่ามันเช้าเกินไปนะ”
คนถูกทักยกนาฬิกาข้อมือขึ้นตั้งฉากแล้วใช้อีกมือเคาะเบาๆ
“เช้ากะผีน่ะสิ! นี่มันสิบเอ็ดโมงแล้ว... คนอื่นน่ะเขากำลังจะกินข้าวรอบสองกันทั้งนั้น
มีแต่แกนั่นแหละที่ยังเห็นว่ามันเป็นเวลาที่ยังไม่ควรตื่น! ไอ้ลูกไม่ได้เรื่อง”
ถึงปากจากบ่นว่าร้ายเท่าใดแต่ประธานหวังก็หาได้จริงจังตามคำพูดมากนักเพราะรู้ดีว่าลูกชายตัวดีนั้นกำลังอยู่ในภาวะจิตใจมืดมัวแค่ไหน
สาเหตุก็คือ... อกหัก
ทั้งยังเป็นคนที่ประธานหวังเองก็อยากให้เปลี่ยนสถานะจากหลานเป็นลูกสะใภ้เต็มแก่แต่ดูท่าความหวังนั้นจะริบหรี่จนดับไปแล้ว
เพราะเจ้าลูกโง่ของตัวเอง
แต่ก็นะ...
มันไม่เกี่ยวกับเรื่องงานสักหน่อย
“อย่าลืมงานปาร์ตี้ของเจบีอีกสามอาทิตย์ด้วยล่ะ
ได้การ์ดแล้วนี่...” ผู้เป็นบิดารู้หัวใจของลูกชายดีจึงเลือกที่จะเลี่ยงเอ่ยชื่ออีกคนให้เจ็บซ้ำ
“ผมจะทำให้ดี
ป๊าไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
ตอบพลางตักอาหารในจานตรงหน้าเข้าปากเคี้ยว
“ปากดีนัก
อย่ามาน้ำตาตกให้ฉันเห็นก็แล้วกันไอ้ตัวแสบ”
“ครับๆ
ไม่มีทางเป็นแบบนั้นแน่นอน ผมน่ะ... แจ็คสันหนุ่มเจ้าเสน่ห์นะ
ไม่เจ็บจนกระอักเลือดหรอกน่า”
แจ็คสันโบกมือไหวๆ ด้วยสีหน้ากวนประสาท
“แล้วแต่แกเลย... แล้วบ่ายนี้อย่าลืมเข้าประชุมแทนฉันด้วยล่ะ
ไปหละ”
ประธานหวังลุกขึ้นเดินไปตบบ่าลูกชายเบาๆ และเดินจากไป ส่วนคนอวดดีเมื่อครู่นั้นสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีที่คนเป็นบิดาคล้อยหลัง มือหนาวางส้อมในมือลงอย่างเหนื่อยหน่าย ใครว่าเขาทำใจได้... เรื่องนั้นไม่จริงสักนิด ทุกวันนี้เขายังฝันถึงเธออยู่เลย
แม้เป็นฝัน... ที่ทำให้เขาต้องสะดุ้งตื่นเกือบทุกครั้งก็ตาม
คืนนี้รถสปอร์ตสีดำก็เข้ามาจอดในลานกว้างของสถานบันเทิงจนได้แถมยังใจกล้าท้าความรู้สึกตัวเองมาจนถึงคลับในความดูแลของมาร์คอีกต่างหาก
เพียงแค่หน้าประตูก็พบกับบอสสุดหล่อยิ้มโชว์เขี้ยวรอรับอยู่ด้านหน้า
ทักทายกันอย่างสนิทสนมเช่นเคยก็พากันเข้าไปด้านในที่เป็นโต๊ะประจำ
“วันนี้ลมอะไรหอบมาได้
รองประธานแจ็คสันงานไม่ยุ่งแล้วหรือไง?”
มาร์ค... หนุ่มหล่อราวรูปปั้นเทพบุตรเอ่ยแซวเพื่อนผู้ทำตัวยุ่งอยู่เสมอมาระยะหนึ่ง
“แล้วมึงล่ะครับบอส...
ไอ้ยูคมันไม่มาเฝ้าหรือไง?” แจ็คสันไม่ตอบคำถามแต่กลับแซวกลับ
ทว่าคนฟังนั้นหันมาถลึงตาใส่
“อย่าพูดถึง...
เดี๋ยวมันโผล่มา!”
“อะไรวะ...
กูละไม่เข้าใจพวกมึงเลย”
แจ็คสันที่บังเอิญรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ทำหน้าแปลกใจดูเหมือนคู่นี้จะซับซ้อนเกินกว่าที่เข้าใจได้เพียงผิวเผิน
“ทำไมต้องเข้าใจ?
อย่าไปสนใจ อย่าไปรับรู้”
จบประโยคมาร์คก็กระดกออนเดอะร็อคในมือเข้าปากอึกเดียวหมดแก้ว
“ครับบอส
ผมไม่พูดแล้วครับ เกรงว่าบอสจะโยนผมออกนอกร้าน” แจ็คสันยังไม่เลิกล้อเลียนเมื่อเห็นอีกคนเริ่มใส่อารมณ์
เขาเองก็แค่อยากแกล้งมาร์คเล่นแก้เบื่อสนุกๆ เท่านั้นเอง
“กวนตีนจะครับคุณแจ็คสัน”
คนโดนกวนเหล่ใส่ แจ็คสันขำเบาๆ รู้ดีว่าเพื่อนของเขาคนนี้โมโหง่ายแต่ก็ยังจะยั่ว ดวงตาคมกวาดตามองบรรยากาศอันคึกคักด้านล่างด้วยความสนใจทั้งที่ช่วงนี้อยู่กลางเดือนแท้ๆ แต่ยังมีนักเที่ยวเนืองแน่นไปหมด
“เฮ้ย! นั่นมิโนรึเปล่า?”
มาร์คหันมองตามสายตาของเพื่อนก่อนจะหันมาพยักหน้าให้กันด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์ไม่ต่างกัน
“คราวนี้กูเอง...”
“กูรอดูเลย”
มาร์คยิ้มมุมปากเมื่อนึกถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้
ทั้งสามคนไม่ได้มีเรื่องกันแต่เพียงแค่มิโน หรือ ซงมินโฮนั้นชอบทำตัวให้น่าหมั่นไส้เท่านั้นเอง
ก็แค่...
แกล้งกันตามประสาเพื่อน
ร่างหนาเดินถือแก้วเหล้าของตัวเองมาถึงโซนวีไอพีชั้นล่างที่มีเป้าหมายนั่งอยู่
ซงมินโฮนั้นเป็นผู้ชายมาดแบดบอยขนานแท้รวมถึงสายตาเย่อหยิ่งนั่นด้วยเช่นกันแต่ใครจะรู้ว่าคนอย่างเขาซ่อนความมุ้งมิ้งเอาไว้สุดตัว
ทว่าหญิงสาวชุดสีดำข้างกายนั้นแจ็คสันไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย
“หวัดดีมิโน”
“อ้าว แจ็คสัน! มาได้ไง?”
“เพิ่งมาถึงแต่บังเอิญเห็นสาวสวย
ไม่คิดว่าจะมากับ... คุณซงมินโฮ”
ไม่พูดเปล่า... แจ็คสันส่งสายตาเจ้าชู้ใส่เธออย่างไม่ปิดบัง
“รักจะกวนประสาทก็ให้เบาๆ
หน่อย น้องเค้าตกใจหมด” มิโนปราม
ดูท่าแล้วจะปกป้องและหวงอยู่ไม่น้อย
“ไม่แนะนำ?”
“อ่า... คือ...” คนถูกกดดันติดอ่างขึ้นมาชั่วขณะ
เขาหันมองหญิงสาวข้างกายเล็กน้อยซึ่งได้รับรอยยิ้มหวานแสนสดใสมาให้รู้สึกดี
“แฟร์รี่ นี่แจ็คสันเพื่อนผม
ส่วนแจ็คสัน... นี่แฟร์รี่”
เขาแนะนำก่อนจะวาดมือโอบลงบนไหล่เปลือยของร่างบอบบางซึ่งเธอก็ทำเพียงแค่ยิ้มให้มิโนโดยไม่ว่าอะไร
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณแจ็คสัน”
“เช่นกันครับ”
ซงมินโฮมองสายตาของคนทั้งคู่แล้วชักหวั่นใจแม้ทางฝั่งผู้หญิงของเขาจะไม่ได้แสดงอาการอะไรที่เป็นท่าทีสนใจแจ็คสันแต่ฝั่งเพื่อนของเขานี่สายตาแทบจะกินเธอได้ทั้งตัวอยู่แล้ว
เขารู้ดีว่าเจ้าเพื่อนนรกมีแผนแกล้งเขาด้วยการดึงสาวข้างกายให้ตกหลุมเสน่ห์แต่คราวนี้คงได้เพียงแค่ความผิดหวัง....
ซงมินโฮรับประกัน
“แฟร์รี่อย่าไปสนใจมัน
มันเจ้าชู้จะตาย” มิโนแฉต่อหน้าจนแจ็คสันเหวอด้วยไม่คิดว่าเพื่อนจะเล่นกลับด้วยไม้นี้
“แล้วคุณมิโนล่ะคะ
ไม่เจ้าชู้เหรอ?”
คำถามของหญิงสาวทำเอาแจ็คสันแทบลงไปกลิ้ง
นี่เขายังไม่ได้ทำอะไรเลยเจ้านั่นก็โดนเล่นงานเองเสียแล้ว
“ใครบอกครับ
... แค่เพื่อนเยอะเท่านั้นเอง แต่วันนี้ผมเหงาจะตายคุณไม่รู้เหรอ?”
ประโยคชวนอ้วกกับสายตาหวานเลี่ยนกระชากอารมณ์ฮาของแจ็คสันจนสิ้นแถมยังเจอกับรอยยิ้มของเธอด้วยทำให้ถึงกับเผลอสบตามาร์คที่ยืนมองอยู่ชั้นบน
ให้ตายเถอะ...
เขาชักอิจฉามิโนเข้าแล้ว ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้... ไม่ร้าย ไม่แรง
ดูหัวไวแต่แสนหวานอย่างไม่น่าเชื่อ
“นี่...
ขอยืมตัวแฟนนายออกไปเต้นแก้เบื่อหน่อยสิ”
หลังจากได้รับสัญญาณจากมาร์คก็เอ่ยปากขัดความหวานชื่นของคนทั้งคู่ เอาสิ...
เธอจะไม่รู้สึกอะไรกับเขาเลยสักนิดให้รู้ไป!
“เอ่อ...”
“ได้ไหมครับ?” เขาถามย้ำเมื่อเห็นเธออึกอักขอความเห็นกับมิโน
แม้อย่างนั้นก็ยังดูน่ารัก
“อ้อ... ได้สิ
แฟร์รี่ครับ ออกไปเต้นกับเพื่อนผมสักเพลงแล้วกันนะ” มิโนรับคำแทนซึ่งทำให้เธอนั้นยอมแต่โดยดีทว่าก่อนออกไปเธอสร้างความแปลกใจให้แจ็คสันด้วยการยกแก้วเหล้าของตัวเองขึ้นมาชนกับชายหนุ่มทั้งคู่เบาๆ
“ค่าตอบแทนที่เต้นด้วย...
หมดแก้วค่ะ”
มิโนหัวเราะเมื่อเห็นแฟร์รี่กระดกแอลกอฮอลล์ในแก้วจนหมดด้วยรอยยิ้มที่ไม่เคยจืดจางแล้วยกดื่มตามทำให้แจ็คสันเองก็ต้องทำเช่นกัน
ร่างระหงในชุดเปิดไหล่สีดำสนิทลุกขึ้นยืน
แจ็คสันยื่นมือรอรับชั่วอึดใจมือบางก็วางลงบนมือหนาจากนั้นก็ถูกดึงเข้าไปในฟลอร์กลางของคลับ
ชื่อเสียงเพลย์บอยไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย
แจ็คสันเล่นสนุกโดยการแตะนู่นนิดนี่หน่อยรวมถึงโอบกอดหลวมๆ
แต่กลับถูกหญิงสาวเลี่ยงได้เกือบตลอดแถมไม่มีทีท่าจะหลงเสน่ห์เขาสักนิดแม้จะเต้นไปสบตากันไปเนิ่นนานก็ตาม
สุดท้ายแจ็คสันก็ยอมแพ้...
เขาลาทั้งคู่และเดินกลับไปอย่างสุดเซ็งโดยมีมาร์คนั่งอมยิ้มรอท่าอยู่ก่อน
“เป็นไงล่ะ
มึงไม่เคยพลาดนี่หว่า”
“รักเอย... ของมันเหรอวะ
กูแปลกใจมากตรงที่ไม่สนใจกูสักนิด แต่มันเองเหมือนจะหวง สุดท้ายก็ไม่ได้หวงมากมายอะไร
กับคนอื่นยังแทบจะต่อย” แจ็คสันนิ่วหน้า
“ก็จริง
แต่เอ... ผู้หญิงของมันดูเรียบร้อยจังนะคราวนี้” มาร์คตั้งข้อสังเกต
“นั่นดิ่...
กูนี่ชักอิจฉา คืนเหงาๆ แบบนี้ เจอหวานๆ สักคนคงดี”
“ปากดีนักนะมึง
ข่าวว่าวันก่อนคั่วแล้วไล่กลับบ้าน... หรือไม่ใช่?”
สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วหัวเราะ
ข่าวของแจ็คสันเข้าหูมาร์คเร็วเสมอ ใครๆ ในกลุ่มก็รู้ว่าคนอกหักอย่างแจ็คสันตอนนี้โลกเป็นสีเทาขนาดไหน
แม้พยายามทำตัวให้บ้าบอคอแตกเหมือนเดิมแต่ก็ยังไม่ใช่...
หากพูดให้ชัดเจนคงเพราะยังทำใจไม่ได้ที่เสียกอหญ้าไป
ก็รักมากนี่นา...
ห้องอันคุ้นเคยปรากฏอยู่เบื้องหน้า
บรรยากาศเดิมๆ ลอยเข้ามาให้ห้วงความคิด ภาพของหญิงสาวรูปร่างเพรียวท่าทางแสนงอนนั่งกอดอกมองเขาอย่างเอาเรื่องอยู่ที่โซฟาตัวหนาโดยมีตัวของเขาเองกำลังโคลงศีรษะเธอเล่นอย่างง้องอนก่อนจะเลือนหายไป
รอยยิ้มบางของแจ็คสันที่เคยแต้มบนใบหน้าก็เช่นกัน
มือหนาปิดประตูที่ยังจับค้างไว้ให้ปิดลงจากนั้นก็เดินเนือยๆ
ไปทิ้งตัวลงแรงๆ ที่โซฟาตัวเดียวกับที่เคยมีภาพเมื่อครู่ สำนึกขึ้นทันทีว่าฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่ดื่มมายิ่งทำให้สมองของเขาฟุ้งซ่านหนักกว่าเก่า
ความไม่สบายตัวทำให้ชายหนุ่มล้วงทุกอย่างออกจากกระเป๋ากางเกงเพื่อลดความรำคาญจนกระเป๋าเงินใบหรูตกลงพื้นพรม
เอื้อมมือเก็บมันขึ้นมาก่อนจะเปิดดูด้านในก็เจอกับกระดาษโพสอิทปริศนาที่เขาตั้งใจเก็บไว้แต่เมื่อดึงออกก็พบรูปของเขากับกอหญ้าที่เคยถ่ายด้วยกันซ่อนไว้ด้านหลัง
“ใครว่าตัดใจเป็นเรื่องง่าย...
โกหกทั้งเพ” แจ็คสันพึมพำ
เป็นอีกวันที่แต่ละชั่วโมงผ่านไปอย่างเชื่องช้า
กว่าแจ็คสันจะรู้สึกง่วงบ้างเวลาก็ล่วงจนถึงตีห้าทำให้เขาต้องพยายามข่มตาให้หลับเพราะช่วงสายยังต้องไปมหาวิทยาลัยจากนั้นยังมีงานของบริษัทรออยู่อีกไม่เช่นนั้นเขาคงเบลอต่อหน้าลูกค้าแน่ๆ
อย่างน้อยเตียงนอนของกอหญ้าก็ทำให้หลับง่ายขึ้น
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่แสนยุ่งเหยิง
แจ็คสันพลาดตั้งแต่ตื่นสายทำให้ทุกอย่างดูเร่งรีบไปหมด
ขาแข็งแรงเร่งฝีเท้าให้ทันคาบเรียนทั้งที่โดยรวมแล้วคล้ายคนยังไม่ตื่นเต็มตาสักเท่าไหร่
มือหนารีบยื่นกั้นกลางระหว่างประตูลิฟท์ที่กำลังจะปิดจนเกิดเสียงดังก่อนที่บานสแตนเลสจะค่อยๆ
เลื่อนออกทำเอาตัวการยิ้มมุมปากอย่างสมใจ
เท้าที่ก้าวเข้าสู่กล่องสี่เหลี่ยมชะงักเมื่อเห็นคนด้านใน
เพียงชั่วครู่ก็ขยับมายืนข้างคนคนนั้น
“สบายดีใช่ไหม?
ไม่ได้เจอกันตั้งหลายอาทิตย์”
คนด้านข้างเอ่ยทัก
“ดีสิ
ดีมาก” แจ็คสันตอบ
“มึง...
ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“นี่ใครครับ...
ผมหวังแจ็คสันนะครับ แต่ว่า... ไหนของฝากของผมครับคุณเจบี”
“หึหึ...
ไอ้ขี้งกเอ๊ย!”
คนถูกถามถึงกับหัวเราะออกมาเมื่อจอมกวนประสาทแบมือแทบจะทิ่มหน้าตัวเองเพื่อทวงของฝากราวกับเด็กๆ
รอยยิ้มทะเล้นของเพื่อนสนิททำให้เจบีสบายใจขึ้นจนยิ้มกว้างเต็มหน้า
สิ่งที่กังวลเหมือนจะคลี่คลายในทางที่ดี
อันที่จริงเจบีเป็นห่วงความรู้สึกของแจ็คสันมากที่สุดซึ่งบางครั้งเขาเองยังคิดว่าตนเองแย่งคนรักและทำร้ายหัวใจของเพื่อนแม้จะเป็นการแข่งขันที่ยุติธรรมแล้วก็ตาม
หลังจากเรียนเสร็จแจ็คสันก็ไม่มีเวลาเหลือมากพอที่จะอยู่คุยกับใครจนบรรดาเพื่อนแปลกใจกับความเปลี่ยนแปลงที่ไม่ได้เห็นมานาน
แจ็คสันขยับเสื้อสูทสีดำราคาแพงของตัวเองเล็กน้อยก่อนจะก้าวอย่างมั่นใจเข้าสู่ห้องอาหารโซนวีไอพีของโรงแรมใจกลางเมืองเครือ
W
Group ชายภูมิฐานวัยกลางคนชาวฮ่องกงคือแขกคนสำคัญของวันนี้
เขาเป็นลูกค้าของมาดามเหลียนผู้เป็นมารดาของแจ็คสันที่ต้องรับรองให้ดีในฐานะรองประธาน
ทันทีที่พบหน้าชายหนุ่มก็กล่าวคำทักทายพร้อมรับคำเชื้อเชิญให้ร่วมทานอาหารมื้อนี้ด้วยกันซึ่งเขาเองตอบรับอย่างยินดี
ขณะที่คุยกันอย่างออกรสฉากกั้นห้องก็ถูกเลื่อนออก
“ขอโทษค่ะ
ไม่ทราบว่าคุณเฉินมีแขก”
เสียงใสๆ
เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นบุคคลแปลกหน้าที่เพิ่มขึ้นมาในห้องอาหาร
“ไม่เป็นไรๆ” คนถูกเรียกว่าคุณเฉินโบกมือเบาๆ
แจ็คสันมองตามร่างเพรียวชุดเดรสแขนกุดจัมพ์เอวต่อกระโปรงตัวยาวบางพลิ้วสีขาวอย่างคุ้นตา
จนเมื่อหญิงสาวนั่งลงข้างคุณเฉินและได้เห็นรอยยิ้มหวานนั่นอีกครั้งจึงมั่นใจ
“นี่คุณแจ็คสันลูกชายของเพื่อนผมเอง
ส่วนนี่... แฟร์รี่ เป็นเพื่อนของผม”
คุณเฉินแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณแจ็คสัน”
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
“รู้จักกันแล้วก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ
แฟร์รี่น่ารักมากคงคุยกันไม่ยาก”
คุณเฉินบอกอย่างอารมณ์ดีก่อนจะยกมือขึ้นลูบเรือนผมยาวสลวยของเธอ
แจ็คสันจ้องจนตาแทบถลน... ยิ่งมองยิ่งไม่เข้าใจ
นี่เธอมีการตอบรับแค่รอยยิ้มสวยๆ
อย่างเดียวเท่านั้นหรือ?
อาหารหวานเริ่มเสิร์ฟลงโต๊ะ
การพูดคุยก็เป็นไปอย่างราบรื่นรวมทั้งเสียงหัวเราะจางๆ
ที่ลอยวนอวลอยู่ในบรรยากาศรอบตัวดูเหมือนมื้อนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี ฉะนั้น
ภารกิจที่ถูกมอบหมายจากประธานหวังและมาดามเหลียนคงได้ผลทางบวก
แจ็คสันเผลอมองใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มอยู่เสมอของคนอีกฝั่ง
เธอไม่มีทีท่าว่ารู้จักเขามาก่อนทั้งที่เพิ่งพบกันเมื่อคืนแท้ๆ หากจะพูดว่าลืมก็คงเป็นไปได้ยากเพราะยังไม่ทันข้ามวันด้วยซ้ำแถมยังแอบแต๊ะอั๋งไปตั้งเยอะ
อีกทั้งการรู้จักกับคุณเฉินอย่างสนิทสนมเช่นนี้ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้
“หลานชาย...
หลานชาย...”
“อ่า
... ครับ”
เสียงของคุณเฉินดึงความคิดของชายหนุ่มให้กลับมาสู่ปกติ
แม้ยังตะขิดตะขวงใจแต่ยังไงก็คงต้องพักเอาไว้ก่อน
“คืนนี้อาว่าจะไปผ่อนคลายเสียหน่อย...
ไปด้วยกันสิ” คุณเฉินเอ่ยชวน
“ผม...”
คราวแรกแจ็คสันเองว่าจะปฏิเสธแต่เมื่อหันไปเห็นคนด้านข้างคุณเฉินที่สนใจเพียงแค่อาหารตรงหน้าโดยไร้บทสนทนาก็นึกเปลี่ยนใจ
“ครับ...
ผมจะไป”
เขาตอบรับโดยที่ลอบมองปฏิกิริยาของอีกคนเขม็งจึงสังเกตเห็นมือที่ถือตะเกียบของแฟร์รี่ชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะคีบขนมจีบในเข่งตรงหน้าราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถึงตอนนี้เขารู้แล้วว่า... เธอจำเขาได้
การแสดงออกของคุณเฉินต่อแฟร์รี่ดูไม่ธรรมดา แล้วแบบนี้มิโนเพื่อนของเขาจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า...?
คุณ hhyed
เป็นเม้นต์แรกของเรื่องนี้ และเป็นเม้นต์เจิมของเรา ขอบคุณมากค่ะ ^^
#ปรบมือรัว #เฮ้
นักอ่านท่านอื่นก็ไม่ต้องน้อยใจไป
ไร้ท์เตอร์ต้องขอบคุณทุกคนที่กด Fav.
และทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยเช่นกันค่ะ
เจอกันตอนหน้านะคะ ^^
ความคิดเห็น