คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ที่รักหรือที่พัก ... [YugBam]
ที่รักหรือที่พัก - YugBam
มือเธอมาถูกฉัน ตั้งใจไหมไม่รู้
กับสิ่งที่เธอนั้นคิดอยู่ ดูไม่ออกเหมือนกัน
วันหนึ่งเข้ามาชิด อีกวันถอยห่างฉัน
เธออยากคบหรือไม่ต้องการ เห็นแล้วมันหวั่นไหว
“ยูค... ยูค...”
ผมสัมผัสได้ถึงมือเล็กๆ ที่ลงน้ำหนักลงมาที่แก้มซ้ายเบาๆ แต่เปลือกตามันช่างกบฏต่อเจ้าของเหลือเกิน อยากจะลืมตามองแม้เพียงนิดแต่กลับไม่สามารถทำได้
“ตื่นสิ!”
เสียงคุ้นหูเอ่ยขึ้นอีกครั้ง แต่ขอโทษเถอะต่อให้น้ำเสียงนั่นจะบอกอาการงอนแค่ไหน... ผมลืมตาไม่ขึ้นจริงๆ แถมยังรู้ตัวด้วยว่าพลิกตัวหนีคนคนนั้นตามด้วยการใช้หมอนอีกใบที่ควานหามาได้ปิดหน้าเสียอีก
ผ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงสายน้ำดังขึ้นเบาๆ ถ้าให้เดาก็คงเป็นคนที่ปลุกเมื่อครู่นั่นแหละ...
มือหนาถูกยกขึ้นมาลูบหน้าช้าๆ อย่างพยายามตั้งสติ เมื่อคืนผมดื่มไปเยอะจริงๆ แต่ก็ยังจำได้นะว่ากลับมาที่ห้องได้ยังไง
ใจหนึ่งอยากจะหัวเราะตัวเองกับต้นตอที่ดื่มขนาดนั้น ไม่พ้นคนที่กำลังอยู่ในห้องน้ำนั่นหรอก ผมเองก็ไม่แน่ใจว่านานแค่ไหนแล้ว...ที่ใส่ใจเรื่องของเพื่อนตัวเองมากมายจนแทบบ้าที่เห็นเขาไปสนิทสนมและทำดีกับคนอื่น
ผมพยายามยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอย่างลำบาก สะบัดศีรษะน้อยเพื่อคลายความมึนงงและง่วงงุนที่เกาะกุมราวกับญาติสนิท
เสียงน้ำเงียบไปแล้วอีกไม่เกินหนึ่งนาทีเพื่อนของผมก็คงจะออกมาจากห้องน้ำ
ร่างผอมบางออกมาพร้อมกับสวมเสื้อกล้ามแขนกว้างสีขาวขนาดใหญ่กว่าไซส์ตัวเองเรียบร้อยแล้วส่วนครึ่งล่างยังเป็นผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่สีขาว แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าหวานที่ส่งมาทำให้ผมต้องยิ้มตาม ขาเล็กก้าวเรื่อยๆ มาที่เตียงก่อนจะส่งผ้าขนหนูผืนเล็กให้และนั่งหันหลังให้โดยไม่ถามความสมัครใจสักคำ
“เช็ดผมให้หน่อย เปียกไม่เยอะหรอก”
มาเสียขนาดนี้ใครจะกล้าขัดล่ะครับ ผมพยายามเบิ่งตาให้กว้างขึ้นอีกก่อนจะวางผ้าขนหนูแหมะลงบนกลุ่มผมนุ่มที่เปียกชื้นแล้วเริ่มซับเบาๆ แต่ก็นะ... คนมันยังไม่หายง่วงนี่นา
ผมค่อยๆ เลื้อยตัวไปใกล้กว่าเดิมแล้ววางคางลงบนไหล่ก่อนจะพลิกหน้าโดยสันจมูกซุกเข้ากับซอกคอของเขา แต่มือซ้ายก็ยังทำหน้าที่ในการเช็ดผมให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง กลิ่นอ่อนๆ ที่ปลายจมูกสัมผัสได้คือกลิ่นครีมน้ำหอมที่คุ้นเคย ทว่ายิ่งได้กลิ่นนี้ใกล้เท่าไหร่ยิ่งควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะกลิ่นน้ำหอมอ่อนหรือเพราะคนคนนี้กันแน่
แต่ก็... แล้วไงล่ะ
สันจมูกเริ่มเคลื่อนย้ายจากซอกคอขาวเป็นการรุกไล้ไปที่หลังใบหูเล็กก่อนจะเลื่อนระบายจูบไปที่หลังคอ ช่วยไม่ได้ก็นั่งหันหลังให้ผมเอง แรงสั่นน้อยๆ ทำให้ต้องยกมือขวาขึ้นเชยคางให้หันมาหา ส่วนมือซ้ายที่เคยถือผ้าขนหนูผืนเล็กเพื่อเช็ดผมนั่นน่ะ... วางทิ้งไปนานแล้ว
“วันนี้แบมตัวหอมจัง”
ผมเอ่ยขึ้นเบาๆ แต่คนตรงหน้ากลับทำสีหน้าแปลกๆ แล้วหลุบตาลงที่พื้น... น่ารักชะมัด
ความเงียบเข้าครอบคลุมรอบข้างจนแทบได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ ผมจับปลายคางของเขาให้หันมาสบตาก่อนจะกดจูบเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“อ๊ะ!”
เสียงของแบมแบมดังขึ้นเบาๆ อาจเป็นเพราะตกใจแต่มันก็ไม่ใช่จูบแรกของเขากับผมนี่นา ถ้าอย่างนั้นผมควรทำอะไรที่มันเป็นครั้งแรกสักหน่อยดีไหม
Rrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ที่สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ที่โต๊ะเล็กข้างเตียงดันขัดจังหวะเสียได้
ไอ้เครื่องมือสื่อสารนี่ทำหงุดหงิดมากนะ!ผมพูดเลย...
“แบมจะออกไปแล้วนะ พี่มาร์คไลน์มาตามแล้ว”
ผมเงียบ... ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ยังเซ็งอยู่
“สรุปยูคจะไปส่งหรือเปล่า?”
เสียงหวานหันมาถามผมแต่ผมก็หันไปมองด้วยสายตาเฉยเมยสุดๆ คิดว่านะ
“ไม่เป็นไร แบมไปเองก็ได้ คราวหลังไม่ต้องสัญญาเลยนะ พอเมาแล้วลืมหมด...”
แบมแบมยังคงบ่นไปพลางเปิดตู้เสื้อผ้าไปพลาง ส่วนตัวผมน่ะเหรอ? ก็คว้าผ้าเช็ดผมของแบมแบมติดมือเข้าห้องน้ำไป เชื่อเถอะ... ผมออกมา หมอนั่นก็ยังแต่งตัวไม่เสร็จ
นึกสงสัยในใจทุกที ที่สบตาเธอคู่นั้น
เงาสะท้อนข้างในแววตา
ที่เป็นฉันอยู่ คือแบบไหน
หูฟังครอบศีรษะสีเหลืองดำที่สวมอยู่ช่างทำงานได้อย่างดีเยี่ยม เสียงรบกวนรอบข้างทะลุทะลวงเข้ามาอย่างชัดแจ๋วยิ่งกว่าระบบดอบบี้เซอร์ราวนด์... ก็ทำไมจะไม่ได้ยินล่ะ... ผมไม่ได้เปิดเพลงสักแอะ
อย่าถามว่าอยู่ที่ไหนนะเพราะมันน่าอาย คือ... ผมมากับแบมแบม ตอนแรกก็เหมือนจะไม่สนใจใช่ไหมล่ะ แต่คุณก็รู้นี่นา...ทำแบบนั้นได้ซะที่ไหน
ตั๋วหนังสามใบถูกยัดใส่มือผมโดยคนตัวเล็ก ผมอยากจะยิ้มรับอยู่นะถ้าอีกมือของแบมแบมมันไม่ได้ถูกเกาะกุมโดยพี่มาร์คหัวแดงนั่น เออ... ยอมรับว่าพี่มาร์คหล่อ(หล่อมาก) แถมบ้านรวย เรียนดี กีฬาเก่ง อบอุ่น เป็นผู้ใหญ่ เอางี้เฟอร์เฟคแล้วกัน...
แถมวันนี้จะเรียกว่าเดทแรกของสองคนนั้นได้ไหมนะ? ... แต่ที่ไม่ปกติสำหรับการเดทก็เพราะมันดันมีผมเป็นก้างชิ้นใหญ่อยู่ด้วย
... เรื่องมันเศร้าขอเหล้าเข้มๆ ดิ๊!
แต่แบมแบมคงเห็นผมหน้าบอกบุญไม่รับละมั้งเลยเอื้อมมือมาจับมือของผมไว้ แต่ขอโทษ!... จับแบบสอดนิ้วประสานกันเลยนะ
แค่นี้ก็เรียกรอยยิ้มของผมได้แล้วแม้อีกมือจะยังจับมือพี่มาร์คไว้ก็เถอะ
บอกหน่อยได้ไหม เธอมองว่าฉันคนนี้เป็นที่รัก
หรือมองเป็นเพียงที่พักเวลาเหงาใจ
แค่อยากจะรู้ ว่าฉันนั้นควรยืนอยู่ที่ตรงไหน
ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นอะไรกับเธอ
หลายเดือนแล้วที่เรื่องราวของพี่มาร์คถูกถ่ายทอดจากปากของแบมแบมไม่หยุด ส่วนผมก็ได้แต่ฟังแม้ว่าภายในหัวใจมันจะแอบเจ็บทุกครั้งก็เถอะ
เรื่องแย่ที่สุดก็คงจะเป็นเรื่องที่พี่มาร์คเรียนสถาปัตย์ฯ ปี 4 ในขณะที่พวกผมอยู่ปี 2 นึกว่าจะอดทนแค่เทอมเดียวก็จะหลุดพ้นและเราก็จะเป็นเหมือนเดิมกลับกลายเป็นต้องอยู่ให้เห็นหน้าไปอีกตั้งปี และหากอยู่นานขนาดนี้ผมอาจเสียเขาไปก็ได้
วันนี้แบมแบมที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกเดินตรงมาหาแถมยังทิ้งตัวลงที่พื้นพรมที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมส์และใช้ต้นขาผมแทนหมอน ผมกดหยุดเกมส์แล้วก้มลงมองคนที่นอนนิ่งๆ อย่างแปลกใจ
จอยซ์เกมส์ถูกเลื่อนออกไปจนไปชนชั้นวางทีวีดังกึกแต่ผมก็ไม่ได้สนใจมากนักเพราะสนใจคนที่กำลังทำหน้าหงอยแลดูน่าสงสารนี่มากกว่า คนน่ารักเงยหน้ามองผมก่อนจะยกสองมือขึ้นประคองใบหน้าของผมจากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ มือเล็กปล่อยใบหน้าของผมแต่ผมก็คว้ามือหนึ่งกลับมาสัมผัสที่แก้มอีกครั้ง
“เป็นอะไรหืม...”
“พี่มาร์ค...”
พี่มาร์คอีกแล้วว่ะ... แค่ได้ยินชื่อก็อยากจะลุกหนีแล้วแต่ทำไม่ได้จริงๆ ติดอยู่ที่คนตัวเล็กตรงหน้านี่แหละ
“พี่มาร์ค...ทำไม?” ผมยังคงถามต่อ เพราะหากเขาเอ่ยมันขึ้นมาก็คงอยากจะเล่าให้ฟัง
“... ไม่มีอะไร...”
เขาซุกหน้าเข้าหาหน้าท้องของผมพร้อมกับยกแขนขึ้นกอดเอวแน่นจนเกือบจะยกมาทั้งตัว ผมเลยแกะมือเขาออกและจับไหล่สองข้างให้ลุกขึ้นจากนั้นก็ดันตัวให้ออกเดินไปที่ห้องนอน คนตัวเล็กนอนลงบนเตียงอย่างว่าง่ายโดยมีผมที่แทรกตัวเองกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ข้างๆ
“ยูคไม่เล่นเกมส์แล้วเหรอ?” แบมแบมถามเสียงอู้อี้โดยที่เจ้าตัวเริ่มหันมานอนตะแคงแล้วกอดเอวผมเอาไว้หลวมๆ
“นี่ไง..” ผมยกมือถือในมือให้ดู รู้ดีว่าเวลาเขาไม่สบายใจมักจะต้องการคนอยู่เป็นเพื่อนและคนคนนั้นจะเป็นคนอื่นไปไม่ได้หรอกนอกจากผม
“ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนนะ”
พูดจบเขาก็หลับตาลง ผมเองก็ได้แต่เขี่ยกลุ่มผมนุ่มเล่นไปเรื่อยๆ ตอนนี้ลืมไปแล้วว่าจะเล่นเกมส์มันมีแต่ความกังวลระคนเป็นห่วงคนตัวเล็กข้างๆ
ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไง... เขาจะรักใคร... ผมก็จะอยู่ตรงนี้ ถ้าเขาต้องการ...
บางทีก็ดูรัก บางครั้งก็ผลักไส
มีสิ่งที่ฉันไม่เข้าใจ เกิดจากเธอเรื่อยมา
วางตัวไม่ถูกแล้ว ยิ่งนานยิ่งเหนื่อยล้า
ควรอยู่หรือไปซะดีกว่า รู้ไหมว่าฉันสับสน
ความรู้สึกนุ่มหยุ่นที่ริมฝีปากทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวเพียงแค่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมา ความมืดที่ปกคลุมทำให้รู้ว่าเผลอหลับไปนานจนค่ำ ปลายผมที่ตกเคลียแก้มทำให้รู้ว่าคนข้างๆ เริ่มซนมากขึ้นทุกที ผมขยับแขนขึ้นโอบรัดให้เขาอยู่นิ่งๆ แต่ก็เป็นอย่างนั้นได้ไม่นานนัก
คนตัวเล็กชักจะซนจนน่าตี เขาขยับตัวอีกครั้งและเริ่มแตะริมฝีปากบนปากผมอีกครั้งแต่ผมก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นหรือเล่นด้วย ลิ้นเล็กร้อนจึงเริ่มทำหน้าที่ของมันอย่างคุ้นชินเพียงเท่านั้นผมก็ทนนิ่งต่อไปไม่ไหวเผลอเผยอปากจูบตอบและส่งเรียวลิ้นเข้าหยอกล้อพร้อมกับเลื่อนมือสัมผัสแผ่นหลังเนียนใต้เสื้อ
“อื้อ...”
เสียงครางของคนตัวเล็กเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน ดูเหมือนเขาจะพยายามไม่เปล่งเสียงอะไรออกมาอย่างเต็มที่ คนตัวเล็กย้ายขึ้นมาทาบทับบนร่างของผมเพื่อให้จูบถนัดขึ้น
แม้จะพลุ่งพล่านกับความอ่อนโยนผสมร้อนแรงจากจูบนั้น แต่อะไรบางอย่างทำให้ผมรู้สึกได้ว่ามันแปลก
ทว่าความคิดนั้นก็ต้องถูกสะบัดทิ้งไปเมื่อมือเล็กที่เคยจับอยู่ทุกวันสัมผัสกับส่วนที่ไวต่อความรู้สึกผ่านเนื้อผ้ากางเกงวอร์มสีเทาที่สวมอยู่
นึกสงสัยในใจทุกที ที่สบตาเธอคู่นั้น
เงาสะท้อนข้างในแววตา
ที่เป็นฉันอยู่ คือแบบไหน
ในเสี้ยววินาทีผมก็ดันเขาออกจากตัวก่อนจะตวัดมือลงบนสวิตช์ของโคมไฟตั้งพื้นที่อยู่หัวเตียง แสงนวลสีส้มตกกระทบใบหน้าของอีกคนที่ทำหน้าเหวออยู่บนเตียง
ทั้งที่เมื่อกี๊ยังจูบกันจนแทบจะรวมร่าง... แต่อะไรบางอย่างกลับย้ำเตือนให้ผมต้องหยุด
“นายทำแบบนี้ไม่ได้นะแบมแบม!”
ผมยกตัวเองขึ้นนั่งและพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ... ให้ตายเหอะ พูดเหมือนตัวผมเองจะถูกปล้ำงั้นแหละ
คำว่าพี่มาร์ค... มันย้อนกลับเข้ามากวนใจผมเมื่อนึกได้ว่าก่อนจะเข้ามานอนในห้องนี้การพูดคุยมันค้างอยู่ที่ตรงไหน
แบมแบมอาจกำลังรู้สึกแย่... แต่ว่าผมไม่ใช่ไอ้พี่มาร์ค ผมทำแทนหรือทดแทนขนาดนั้นไม่ได้หรอกนะ
แม้ว่าผมจะรักเขา... แต่ ผมทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ
ให้ผมเป็นตัวแทนแบบนั้น... ผมคงทนไม่ไหว
“คืนนี้... ฉันจะไปนอนห้องยองแจ” ผมตัดสินใจบอกออกไปแล้วก็เลื่อนตัวลงจากเตียง แต่แรงสัมผัสจากด้านหลังที่โถมเข้ามาและสองแขนที่โอบกอดทำให้ต้องหยุดชะงัก
“ไม่นะยูค... อย่าไปนะ”
ต่อมความรู้สึกทำงานดีเกินไปนะ ทำไมรู้สึกเจ็บขึ้นมาราวกับหัวใจจะหลุดขนาดนี้ล่ะ หรือเพราะผมรักเขามานานเกินไป มันก็แค่สองปีทำไมต้องคิดอะไรมาก
ภายในสองปีนั้นมีอยู่ปีครึ่งที่อยู่ในสถานะ... มากกว่าเพื่อน
และหากเขาได้เจอคนที่ดี และพร้อมที่จะรักเขา... ผมก็ควรจะปล่อยให้เขาเดินไปด้วยรอยยิ้มที่มันเคยทำให้โลกของผมสว่างเหมือนกัน
ส่วนผมน่ะ... ช่างมันเถอะ
“อย่าห้ามยูคเลยนะแบม”
บอกหน่อยได้ไหม เธอมองว่าฉันคนนี้เป็นที่รัก
หรือมองเป็นเพียงที่พักเวลาเหงาใจ
แค่อยากจะรู้ ว่าฉันนั้นควรยืนอยู่ที่ตรงไหน
ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นอะไรกับเธอ
“แบมแค่อยากลองอยู่ห่างๆ ยูคบ้าง”
หืม... เจ็บดีนะ
“อยากรู้ว่าจะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มียูค”
ซ้อมทิ้งกัน...? ถือว่าเป็นวิธีการที่ดี
“บางที... แบมอยู่กับยูคมากเกินไป ก็กลัวทำให้รำคาญ”
ห๊ะ!... อะไรนะ? ใครกันที่รำคาญ ผมไม่เคยรำคาญเขาสักครั้ง มีแต่เขานั่นแหละที่พยายามทำตัวออกห่างจนผมรู้สึกว่าผมยุ่งกับชีวิตเขามากเกินไปรึเปล่า
บอกหน่อยได้ไหม เธอมองว่าฉันคนนี้เป็นที่รัก
หรือมองเป็นเพียงที่พักเวลาเหงาใจ
“ยูคเป็นคนสำคัญสำหรับแบมนะ”
แค่อยากจะรู้ ว่าฉันนั้นควรยืนอยู่ที่ตรงไหน
“อยู่ตรงนี้ต่อไปได้ไหม?”
ไม่รู้จริงๆ ว่าเป็นอะไรกับเธอ
“ขอโทษที่ทำให้คิดมาก... ถ้ายูคไม่ได้ชอบ ก็... ขอโทษ”
“ถ้าเป็นอย่างนั้น จะยังอยู่ด้วยกันได้อยู่ไหม?”
“อย่าโกรธแบมนะยูค”
อ้าว... คดีพลิก!
“ยูคไม่เคยโกรธแบมแบมหรอก” ใช่... ผมไม่เคยโกรธเขาเลย อย่างมากก็ทำได้แค่น้อยใจที่ไม่สำคัญ
ฐานะจริงๆ ฉันคืออะไร ช่วยบอกให้รู้ที
“ไม่โกรธแล้วใช่ไหม?” เขาถามทั้งที่ยังเกยคางลงบนบ่ากว้างของผมแต่แขนเล็กนั่นก็ยังกอดผมไม่ยอมปล่อย
ผมปลดแขนของเขาออกแล้วหันมาสวมกอดเขาเต็มตัว มือหนาถูกยกขึ้นเพื่อลูบกลุ่มผมนุ่มอย่างปลอบประโลม
“ไม่มีอะไรจะโกรธหรอก?”
“หืม...จริงเหรอ?” แบมแบมดูประหลาดใจที่ได้ยินแบบนั้น
ผมสูดหายใจลึกอีกรอบก่อนจะขยับปากกระซิบข้างใบหูเล็ก
“ก็เพราะเรา... รักกันไม่ใช่เหรอ?
-END-
อย่าถามถึงพี่มาร์คที่ตัดทิ้งไป
เพราะมันจะอยู่ในพาร์ทพี่มาร์ค อ้าวววว....
ขอบคุณที่หลงมาอ่านนะคะ 55555
เพลงมาฟิคมา ><
ความคิดเห็น