คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : X-Secret : XI - พลังทีมเวิร์ค(?)
X-Secret : XI – พลังทีมเวิร์ค(?)
"นี่เจียเอ๋อ..."
"ฮะ...?"
"เด็กผู้หญิงที่ชื่อแฟร์รี่นี่... ลูกรู้จักไหม
หืม?"
.
.
.
เฮือก!
เอี๊ยดดดด...
กึ้ก!
"แจ็คสัน! ลูกทำบ้าอะไรเนี่ย!?"
มาดามแหวลั่นเมื่อจู่ๆ
ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ปาดปรื้ดจากเลนขวามาซ้ายสุดและเบรกกะทันหันจนสมองของนางแทบจะไหลมารวมกัน
นี่หากว่าไม่ได้คาดเข็ดขัดนิรภัยมีแนวโน้มจะพุ่งตัวกระแทกกระจกสูงมากทีเดียว
"หะ...ห๊ะ... ฮะ ม๊า!
ม๊าเป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?" แจ็คสันเองก็ตกใจไม่แพ้กัน
ดูเหมือนปฏิกิริยาของเขาจะรุนแรงไปหน่อย ยิ่งเห็นสายตาดุๆ
ที่ส่งมายิ่งทำให้รู้สึกผิดหนักกว่าเดิม
“ม๊ายังไม่ตาย! แต่ถ้ายังไม่เอามือออกจากคอตอนนี้... รับรองว่าเดี๋ยวตายแน่!”
“ชะอุ้ย... ขอโทษคร้าบบบบ”
แจ็คสันชักมือกลับแทบไม่ทันก่อนจะประกบสองมือเข้าหากันพร้อมกับตาละห้อย
มาดามเหลียนค้อนลูกชายวงโตพลางสำรวจตัวเองไปด้วย
ส่วนคนเป็นลูกได้แต่เป่าลมออกจากปาก... ยอมรับว่าเขาตกใจมากที่ได้ยินชื่อแฟร์รี่เมื่อครู่ด้วยไม่เคยคิดมาก่อนว่าเรื่องนี้จะลอยเข้าหูมาดามอย่างทันอกทันใจเช่นนี้
ในเมื่อคืนนี้บรรยากาศในบ้านไม่เป็นใจคล้ายระเบิดจะลงตูมใหญ่แจ็คสันจึงขอลี้ภัยออกมาดื่มให้หายกลุ้มใจอยู่ในคลับของมาร์คเสียหน่อย
แต่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามดันคอยส่งสายตามีเลศนัยมาเป็นระยะทำให้คนถูกมองเริ่มรู้สึกหมั่นไส้
ไม่ทันไร... ก็เปลี่ยนเป็นสองคู่เมื่อปาร์คจินยองเดินเข้ามาสมทบน้องชาย
พี่น้องปาร์คชเวเมื่อรวมตัวกันสามารถสร้างความปั่นป่วนให้ผู้คนได้อย่างน่าอัศจรรย์ไม่เว้นแม้แต่แจ็คสัน
ถึงยังไม่ได้เอ่ยปากก็ใช้วิธีส่งคลื่นสัญญาณรบกวนเป็นระยะ
“เฮ้! จะพูดก็พูด... อย่ากวนตีน”
“หึหึหึ...” สองพี่น้องหันไปมองหน้ากันพลางกลั้นเสียงหัวเราะแทบไม่ไหว
ส่วนถ้อยคำไม่น่าฟังหาได้เข้าโสตประสาทของทั้งคู่สักนิด
“ไอ้พวกนี้!” แจ็คสันกระเด้งตัวขึ้นนั่งอย่างหมดคำพูด
“เป็นไรแจ็คสัน?”
เสียงทักของมาร์คที่เพิ่งเดินมาถึงโต๊ะเรียกสายตาของเจ้าของชื่อได้ทันทีก่อนเขาจะขยับที่นั่งให้
“สรุปมึงเป็นอะไร?” มาร์คถามย้ำหลังจากรับแก้วเครื่องดื่มมาจากบริกร
“ไอ้พี่น้องอสรพิษกวนประสาทน่ะสิ” พูดพลางเหล่มองคู่กรณีไปด้วยสายตาจิกกัด
“ยังไม่ชินเหรอวะ
ทำเหมือนเพิ่งเจอพวกมันไปได้”
คนฟังส่ายหน้าน้อยๆ อย่างรู้สึกเอือมกับความไร้สาระของผองเพื่อน
“ก็เพราะว่าชินนี่แหละ
กูถึงได้แค่หมั่นไส้พวกมันแทนที่จะต่อยตาแตก”
“หูย... ใจร้าย” ยองแจส่งเสียงแหลมล้อเลียน ซึ่งก็ได้เสียงตอบรับที่ดีกลับมาจากแจ็คสันในทันทีเช่นกัน
โป้ก!
น้ำแข็งก้อนเขื่องที่เคยนอนนิ่งอยู่ในถังลอยละลิ่วไปปะทะหน้าผากชเวยองแจอย่างจังแถมยังแม่นยำราวจับวาง
ปาร์คจินยองหรือจูเนียร์แสดงสีหน้าอึ้งอยู่เพียงไม่กี่วินาทีก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่บันยะบันยังโดยที่คนน้องยังกุมหน้าผากพร้อมกับถูไปมาป้อยๆ
เพื่อบรรเทาความเจ็บ
“สมน้ำหน้า... แกล้งมันดีนัก” มาร์คซ้ำเติมด้วยใบหน้าซ่อนยิ้ม
"แล้วโผล่มานี่คนเดียวแฟนมึงไม่งอนเอาเหรอวะ" จูเนียร์หันกลับมาพูดดีๆ เพราะความอยากรู้ส่วนตัวมากกว่าจะส่งสาร์นสงบศึก
"ตัวกูไม่ได้ติดกัน" แจ็คสันนิ่วหน้าเล็กน้อย รับรู้ได้ว่าถูกแขวะ
"แล้วมึงเป็นไร? กูนี่ถามหลายรอบละนะ" มาร์คถามประโยคเดิมอีกครั้งพลางโยกศีรษะไปตามจังหวะเพลงที่เริ่มเร้าใจขึ้น
"หนีมาดามมาดิ่" แจ็คสันตอบแล้วทิ้งหลังลงพนักโซฟาอย่างเซ็งๆ
"เอ้า! คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะเฮีย?" ยองแจทำหน้าสงสัย พอรู้ว่าแจ็คสันมีเรื่องให้คิดจริงๆ อารมณ์กวนประสาทก็หายวับ
"เฮ้อ... มาดามอยากเจอแฟร์รี่"
"เดี๋ยวๆๆๆ เท่าที่จำได้ มาดามไม่เคยอยากเจอผู้หญิงคนไหนของมึงเลย... ยกเว้น เอ่อ..." จูเนียร์เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองพลั้งปากไปจึงได้แต่ชะงักค้างไว้ ซึ่งก็ได้สายตาเฉยเมยของคู่สนทนามาเป็นของแถมจนต้องเกาะท้ายทอยแก้เก้อ
"คนนั้นนั่นมันหลานสาวของเขา" แจ็คสันแก้ให้ "... แต่คราวนี้ เอ่ยถึงเอง เรียกตัวเอง ดูสนใจเป็นพิเศษ จนกูต้องเผ่นออกมานี่!" น้ำเสียงยามที่เล่าให้ฟังดูอึดอัดไม่น้อยจนพวกเพื่อนเริ่มกังวลไปด้วย เห็นแบบนี้... ถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับแม่แจ็คสันจะเป็นคนเซนซิทีฟมากนะ
"ก็พาไปเจอ" มาร์คสรุปง่ายๆ ทั้งที่ยังโยกเบาๆ ตามเพลงเช่นเดิม เขาดูจะสบายที่สุดในโต๊ะแล้วละมั้ง
"...." แจ็คสันเหลือบมองเจ้าตัวเมื่อได้ยินความเห็น อยากจะตะโกนใส่หูเพื่อนให้ลั่นว่า... มันง่ายแบบนั้นก็ดีน่ะสิ! แต่คิดได้ไม่ทันไรก็มีคนพูดให้แทน
"ไม่ง่ายงั้นสิ... แฟร์รี่เป็นแฟนไอ้แจ็คสันก็จริง แต่อย่าลืมว่านั่นน่ะมาดามเหลียนผู้ไม่เคยสนใจผู้หญิงของลูกชาย..."
"งานนี้ถ้าเตรียมตัวไม่ดี... จบการมีตติ้งคงเลิกกันทันที" ยองแจต่อประโยคให้พี่ชายก่อนจะหันไปส่ายหน้าเบาๆ ให้แจ็คสัน
"เฮ้อ..."
เจ้าของเรื่องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ได้สนใจว่าจะเลิกกันหรือไม่เพราะถ้าไม่ครบสัญญายัยนักต้มตุ๋นนั่นไม่ไปไหนหรอก เต็มที่ก็แค่แหกปากโวยวายแล้วก็บ่นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะพอใจ แต่ที่ห่วงน่ะมาดามกับประธานหวังต่างหาก เขาไม่อยากให้เรื่องนี้ลามไปถึงป๊ากับม๊าแค่โกหกเพื่อนๆ ก็รู้สึกผิดจะแย่แล้ว
... ไม่มีใครเข้าใจน้องแจ็คเลย ง่อวววว~
"แล้วได้บอกแฟนเฮียรึยัง?" ยองแจเอ่ยถาม เขาคิดว่าลองคุยกับแฟร์รี่ดูก็ไม่เสียหายอะไร
"ยัง..."
"ทำไมไม่โทรไปล่ะ? อย่างน้อยก็บอกไว้ก่อน" ในใจจูเนียร์ฟันธงไปแล้วว่าเลี่ยงไม่ได้หรอก เพราะหากแจ็คสันไม่พาไปมาดามก็จะหาทางให้ได้พบกันจนได้ ขนาดตอนที่กอหญ้าหนีไปญี่ปุ่น ทั้งที่เธอหลบเสียมิดมาดามยังหาเจอเลย แต่ขอโทษครับ... วาทะอันเฉียบคมของมาดามสู้ใจแข็งๆ ของกอหญ้าไม่ได้ สุดท้ายลูกชายหัวแก้วหัวแหวนก็ซัดแห้วเคล้าน้ำตาจนอิ่มไปหลายเดือน
"ไปค่ายอาสาบนดอยอาทิตย์นึง ติดต่อไม่ได้ สัญญาณไม่ค่อยมี" แจ็คสันตอบเนือยๆ ตามด้วยส่งน้ำสีเข้มเข้าปากหมดแก้ว เขาไม่อยากให้เจอกันอยู่แล้วและการที่เธอไม่อยู่ก็ถือว่าเป็นข้อดี
"เดี๋ยวมาดามก็ให้ไปรับ หึหึ..." มาร์คที่ละเว้นการออกความคิดเห็นมานานแทรกขึ้น ดวงตาฉายแววสนุกจนปิดไม่มิด
"ไอ้เชี่ยมาร์ค! เมื่อไหร่มึงจะเลิกเต้นวะ... กูรำคาญ! ห่า... เต้นอยู่นั่น!" เมื่อเพื่อนพูดไม่ถูกหูก็เลยว้ากเข้าให้ เขารู้ว่ามาร์คไม่ได้สนุกอะไรนักหนาหรอก... หมอนั่นตั้งใจกวนประสาทต่างหาก
"นี่พาลช้ะ?" คนถูกว่าเลิกคิ้วสูงด้วยท่าทางไม่เข้าใจยิ่งใบหน้าซื่อๆ แบบนั้นทำให้แจ็คสันอยากเขย่าจนเหมือนโคอาล่ามาร์ชแล้วถามว่า... จะกวนตีนไปถึงไหน!?
"เฮ้มาร์ค... พอก่อนน่า" จูเนียร์หย่าศึกแล้วเริ่มเข้าเรื่อง ไม่อย่างนั้นทั้งคู่จะตีกันเสียก่อนและจบด้วยเมาเป็นหมา "แล้วต้องไปเจอเมื่อไหร่ กูรู้ว่ามาดามบอกมึงมาแล้ว"
"อีกสองวัน"
"หา!... แล้วติดต่อไม่ได้เนี่ยนะ มีสองทาง... หนึ่งคือไปรับ สองคือไปเลื่อน เลือกเอาตามชอบใจ"
"....."
สิ่งที่จูเนียร์บอกมานั่นเขาไม่อยากเลือกสักทาง ประเด็นหลักคือ... ไม่อยากให้เจอแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง แล้วถ้าถูกจับได้ขึ้นมาความไม่ได้แตกแค่ตรงนั้นด้วยแต่แตกทั้งแผงพังทั้งแถบเพราะมาดามไม่ชอบให้โกหก
"แล้วนี่ไอ้ตี๋หน้ามึนมันหายไปไหน?" เหมือนจูเนียร์เพิ่งรู้สึกว่าที่นั่งข้างตัวเองโล่งไป
"ออกไปรับโทรศัพท์ใครสักคน... ได้ยินแว่วๆ ว่าเจมินอะไรประมาณนี้" มาร์คตอบให้ เขาสังเกตเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของยองแจแล้วหละแต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักออกไป
"ใครวะ... เด็กใหม่มันเหรอ? หล่อเหลือเกินนนน รักแท้ของมันไม่ตามหาแล้วหรือไง!?" ญาติผู้พี่บ่นอย่างเอือมระอา ครั้งก่อนยองแจบอกอยากเป็นคนธรรมดาหาคนจริงใจ... ทำเป็นละครหลังข่าวไปได้ไอ้เด็กนี่!
"มึงก็เตรียมข้าวกับน้ำไว้เยอะๆ แล้วกัน" แจ็คสันยกยิ้มมุมปากอย่างมีเลศนัยจนจูเนียร์ชักรู้สึกแหม่งๆ
"....."
"... สัส! กูตั้งใจฟังอยู่" เรื่องชาวบ้านคืองานของมาร์คครับ... จริงๆ ก็ไม่ค่อยอยากรู้เท่าไหร่(เหรอ?)
"ถ้าจำไม่ผิด ถ้าเป็นคนเดียวกัน น้องเจมินน่ะ... ปีนี้เพิ่งจะอยู่เกรด 12 ก็ม.ปลายปีสาม หรือ มัธยมศึกษาปีที่หก เป็นไง? ระบุเทียบให้ทุกแบบเลยมึงจะได้ไม่ต้องคิดเยอะ หึหึ.." แจ็คสันหัวเราะในคอ แต่จูเนียร์กับมาร์คนี่สิ...
"Shit!!" ถึงกับสบถออกมาพร้อมกัน
"ไอ้ตี๋แจ... มึงนี่หาคุกหาตารางให้วงศ์ตระกูล โอ้ย! จูจูอยากเป็นลม" สีหน้า ฟิลลิ่งมาเต็ม สองมือพัดโบกใกล้ใบหน้าพร้อมทำตาปรือราวใกล้หมดสติไปทุกที ใครว่ายังไงไม่รู้แต่ที่มาร์คและแจ็คสันรู้คือจูเนียร์เล่นใหญ่มากอ่ะพูดจริง
เล่นใหญ่ขนาดนี้มึงกลัวบัตรสามร้อยยอดดอยมองไม่เห็นเหรอไอ้จูจู...?
เริ่มจากความกังวลของแจ็คสัน จบด้วยการแสดงอันอลังการงานสร้างขนาดรัชดาลัยเธียเตอร์ของจูเนียร์
เฮ้อ... บางครั้งก็เพลีย
รถคันหรูเคลื่อนตัวเข้าสู่ลานจอดของสถานศึกษาที่เคยมาไม่กี่ครั้งทว่ายังจำได้แม่นยำ ร่างหนาก้าวลงรถอย่างมั่นคงท่ามกลางสายตาของนักศึกษาเจ้าถิ่นที่พุ่งเป้าที่เขาแต่ก็หาได้สนใจไม่และสาเหตุที่วันนี้ต้องมาถึงนี่เพราะถูกกดดันจากคนที่เป็นมารดา
แจ็คสันติดต่อแฟร์รี่ไม่ได้มาหลายวันแล้วแถมยังโดนเร่งเร้าอย่างหนักตามที่เดาไว้ไม่มีผิดเพี้ยนซึ่งหนทางเดียวที่เหลืออยู่คือการบุกชมรมเพื่อขอข้อมูลการไปค่ายครั้งนี้ ใช้เวลาไม่มากนักร่างหนาก็ก้าวมาถึงหน้าห้องๆ หนึ่งที่ป้ายติดเอาไว้ว่า... ชมรมอาสาพัฒนา
ประตูกระจกถูกเคาะเบาๆ ก่อนจะถูกดันให้เปิดอ้าเล็กน้อย เขาเห็นอยู่แล้วว่าด้านในมีคนจึงไม่รอช้าที่จะเอ่ยถามในสิ่งที่ตนต้องการออกไป
"สวัสดีครับ ผมรบกวนมีเรื่องให้ช่วยหน่อย"
.
.
.
เรื่องบางเรื่องก็เป็นได้ทั้งโชคดีและโชคร้าย... แจ็คสันขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยอย่างหัวเสีย แม้จะรู้สถานที่ของค่ายอาสาแต่กลับต้องหมดเวลาเป็นชั่วโมงๆ กับนักศึกษาชมรมเพื่อหารายชื่อของแฟร์รี่ในจำนวนนักศึกษาทั้งหมดของชมรมนั้น
' อ่อ... แม่ฮ่องสอนครับ ไปช่วยซ่อมแซมโรงเรียนตชด.บนดอย'
ทันทีที่ได้ยินแจ็คสันก็อยากพุ่งตัวไปไปแม่ฮ่องสอนแต่ติดที่ไม่รู้ว่าดอยไหนนี่แหละเลยต้องยืนอยู่ก่อน
'คุณมีธุระกับน้องๆ เหรอครับ?'
'คุณตาของน้องป่วยครับ แถมยังติดต่อไม่ได้แบบนี้ทางบ้านเลยร้อนใจกันใหญ่'
'ขอชื่อน้องได้ไหมครับ เดี๋ยวผมดูให้' รุ่นพี่ที่รักษาการในชมรมเอ่ยอย่างเอื้อเฟื้อ
'อิงฟ้าครับ อิงฟ้า อังคุนนท์...' เขาเองก็ไม่รอช้าเช่นกัน
แต่คำตอบที่ได้กลับผิดคาด
'ไม่มีชื่อน้องเลยครับ คุณแน่ใจว่าน้องไปกับเราจริงๆ'
สุดท้ายเขาก็ลงมือค้นอีกรอบลามไปถึงค่ายอื่นๆ ในชมรมรวมถึงรายชื่อสมาชิก ทว่า... ไร้วี่แวว
"ยัยตัวแสบ! ต้มฉันจนเปื่อยเลยนะ!" ร่างหนากำพวงมาลัยรถแน่นอย่างโมโห
"ฮัดชิ้ว~..."
นิ้วเล็กยกขึ้นถูจมูกเบาๆ เพราะรู้สึกระคายเคืองหลายวันมานี้เธอพักผ่อนน้อยเสียจนคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นหวัดได้ง่ายๆ แถมอากาศยังเป็นใจด้วยการเย็นลงเนื่องจากฝนตกอีก
"ซื้อข้าวกลับไปกินดีกว่า" หญิงสาวรำพึงกับตัวเองอย่างอารมณ์ดี
เวลาสองทุ่มกว่ายังคงมีคนพลุกพล่าน ร้านรวงต่างๆเต็มไปด้วยลูกค้าดังเช่นปกติ แฟร์รี่เดินเล่นไปพลางเลือกร้านที่อยากกินไปพลางอย่างไม่เร่งร้อนอะไรในเมื่อรายงานที่ต้องทำเหลือเพียงอีกวิชาเดียวและเสร็จไปกว่าครึ่งแล้วด้วย
มือบางซุกลงในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตเบสบอลสีกรมท่าตัวโปรดเพราะเริ่มรู้สึกเย็นแปลกๆ ก่อนจะเอ่ยปากสั่ง
"ป้าคะ ขอยำวุ้นเส้นรวมมิตรรสจัดเผ็ด... ใส่ตีนไก่ด้วยนะคะ"
"จ้า... จัดให้"
โหมดการบินถูกปิดลงเพื่อรับสัญญาณเครือข่ายเมื่อเห็นว่าถึงเวลาที่ควรติดต่อได้เช่นทุกวัน น่าแปลกที่วันนี้ไม่มีข้อความใดๆ จากแจ็คสัน หรืออาจเป็นเพราะเขาแก้ปัญหาได้แล้ว แต่ก็ดีเธอจะได้ไม่ต้องเหนื่อยเพิ่ม
ธนบัตรสีเขียวหลายใบถูกจ่ายเป็นค่าอาหารที่สั่ง ทว่าก่อนที่มือบางจะยื่นไปถึงกลับมีมือหนาของใครบางคนตัดหน้ารับไปแทน
"เฮ้คุณ!" เจ้าของตัวจริงตั้งท่าโวย
"ไง?"
น้ำเสียงแหบต่ำอันคุ้นหูทำเอาชะงักกึก ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนตรงหน้าชัดเจนแถมสีหน้าที่แสดงออกมายังฉายถึงความโกรธ
พูดถึงตีน(ไก่) ตีน(?)ก็มา...
"แม่ร่วง! มาได้ไง!?" แฟร์รี่อุทานแผ่วอย่างตกใจ เธอไม่ได้คิดล่วงหน้าสักนิดว่าจะเจอเขาก่อนครบอาทิตย์ สถานการณ์นี้ตายๆๆๆ... ตายแน่ๆ! ดูหน้าเขาสิคงจะเอาเธอไว้หรอก
"มานี่เลย!"
มือหนาออกแรงกระชากอย่างไม่สนใจว่าอีกคนจะเจ็บ แจ็คสันเดินดุ่มๆ กลับไปที่จอดรถก่อนจะยัดร่างเพรียวใส่รถไปพร้อมถุงยำวุ้นเส้นรวมมิตรที่เพิ่งซื้อมา
การขับรถเยี่ยงนักแข่งเอฟวันทำเอาแฟร์รี่นึกอยากสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ชุดใหญ่แต่ติดตรงที่สวดไม่เป็นนี่แหละ จนผ่านความเร็วท้านรกมาสักพักรถคันหรูก็มาจอดสงบนิ่งอยู่โกดังท่าเรือที่เธอเองก็ไม่รู้จัก
"นี่คุณจะพาฉันมาฆ่าเหรอ? โกหกแค่ถึงกับจะเอาชีวิตกัน โหดไปรึเปล่า?" แม้จะกลัวจนตัวแทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับประตูก็ยังไม่วายรวน
"ปัญญาอ่อน!" แจ็คสันไม่เพียงแค่พูดเขายกนิ้วชี้จิ้มหน้าผากเธอจนหงายด้วยความหมั่นไส้ ผู้หญิงคนนี้กวนประสาทจนอยากมอบโล่ให้เสียจริง
"อยู่นิ่งๆ ในนี้จนกว่าจะมา อย่า!ขัดคำสั่ง ไม่งั้นฉันเล่นงานเธอแน่!"
แฟร์รี่ยกมือขึ้นปิดปากอย่างรับทราบและปฏิบัติ ท่าทางของแจ็คสันเอาเรื่องอยู่มากจริงๆ แถมสายตาดุๆ นั่นยังน่ากลัวมากด้วยจึงทำให้เธอหยุดนิ่งได้โดยปริยาย แต่พอคล้อยหลังแจ็คสันเธอก็ผ่อนลมหายใจยาวพลางหาถุงอาหารที่ร่วมชะตากรรมมาด้วยกันอย่างเป็นกังวล โชคยังดีที่ไม่เสียหายไปเช่นนั้นแล้วเขาอาจจะโมโหเรื่องที่ทำรถเลอะอีก เฮอะ! เครซี่บอส
ครู่เดียวเขาก็กลับมาพร้อมกล่องไฟเบอร์สีเทาเข้ม ร่างหนาเข้ามานั่งในรถก่อนจะส่งเจ้าสิ่งนั้นให้เธอถือไว้ น้ำหนักของมันไม่เบานักแต่หากให้เดาจากขนาดโดยรวมแล้วมีแนวโน้มเป็นปืนอยู่สูงทีเดียว
แฟร์รี่ผลักกล่องปริศนาออกไปอยู่ด้านข้างก่อนจะทำตัวลีบไปติดประตูรถเช่นขามาเพราะระแวง ถ้าหากเกิดเป็นปืนเถื่อนไม่มีทะเบียนและใบอนุญาติขึ้นมาเธอไม่อยากโดนร่างแหไปด้วยหรอกนะ
แจ็คสันเหลือบตามองคนลุกลี้ลุกลนอย่างสงสัย นี่เธอคิดอะไรพิเรนทร์อีกหรือเปล่าถึงมีท่าทางแปลกๆ สุดท้ายเขาก็จำต้องเอ่ยปากอีกคร่า
"เป็นไร? เสียสติเหรอ?"
แหม... เพียงเริ่มพูดก็ไม่น่าคบเสียแล้ว
แฟร์รี่ไม่ได้ตอบออกไปทว่าส่งสายตาจดจ้องไปที่วัตถุเจ้าปัญหาซึ่งแจ็คสันเองก็มองตามก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
"กลัวปืนบีบีกันเหรอ? เออ แปลกดี"
"...." ห๊ะ!.. บีบีกัน? แล้วมาลับๆ ล่อๆ ชวนเข้าใจผิดทำไมเล่า
"ไอ้มิโน หมายถึง ซงมินโฮ มาแข่งกันที่นั่นฉันก็เลยแวะมาเอาของ ไม่คิดว่าเธอ... " แจ็คสันเหลือบมองแว่บหนึ่งและพูดต่อ "ไม่คิดว่าคนอย่างเธอจะกลัว" น้ำเสียงเรียบๆ แฝงความเยาะหยันพอดู
"ไม่ได้กล้ว ก็แค่... ระแวง" หญิงสาวแก้ ก็เธอไม่ได้กลัวจริงๆ นี่นา
"ยังไงก็ช่าง แต่เรื่องที่ปั่นหัวฉันเนี่ยเดี๋ยวได้เคลียร์ยาว รับรองว่ายาว~"
บรรยากาศมาคุภายในรถแทบจะทำแฟร์รี่หายใจไม่ออกตายยิ่งหน้าตาท่าทางนิ่งสงบราวมาเฟียฮ่องกงยิ่งทำให้อึดอัด
"นี่คุณ ด่าฉันเลยก็ได้นะ" สุดท้ายเธอก็ทนอยู่ในเงาหมอกอันมืดดำแบบนี้ไม่ไหว
"ด่าเหรอ? ฉันควรพูดอะไรห๊ะ! ยัยนักต้มตุ๋นอย่างเธอเนี่ยไว้ใจได้สักครั้งไหม? ทำฉันหัวหมุนไปหมด! ฉันเครียดแทบตายแต่เธอกลับใช้ชีวิตเริงร่า แล้วฉันจะจ้างเธอให้เสียตังค์เล่นทำไม?"
มาเป็นชุดแบบไม่พักเบรกทำเอาคนฟังอ้าปากค้างครั้นจะเถียงก็เถียงไม่ทันอีก ...จะพูดเร็วไปไหน
ยังยืนยันคำเดิม... หวังแจ็คสันเป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาไทยชัดมาก!
"ก็ฉะ..." ขยับปากพูดไม่ทันจบคำดีก็ถูกขัดขึ้นอีกรอบ
"ก็ฉัน ก็ฉันอะไร? ไหนว่าไปบนดอย ดอยอะไรล่ะ เห็นฉีกยิ้มหน้าบานอยู่ในคาเฟ่สบายใจ ถ้าฉันไม่เร่งด่วนจนไปหาเธอที่มหาวิทยาลัยก็คงไม่รู้ว่าถูกเธอหลอกเป็นไอ้หน้าโง่แบบนี้!" พูดไปแล้วมันขึ้น
"ว่าอะไรนะ!?" หญิงสาวตาโตเมื่อได้ยิน นี่เขาไปหาเธอที่นั่น
"แต่เธอกลับไม่ได้เป็นแม้แต่สมาชิกชมรม นี่คงเอากำหนดการกิจกรรมมาหลอกฉันสินะ เธอแม่ง... โคตรนิสัยไม่ดีเลย" ประโยคเหมือนแจ็คสันพูดกับตัวเองมากกว่าเพราะน้ำเสียงนั้นเบาลงไปมาก
"ฟู่ว... คุณฉลาดมาก แต่อย่าฉลาดไปมากกว่านี้เลยนะ ไหว้หละ" ฟังคล้ายประโยคกึ่งชมเชยกึ่งขอร้อง ส่วนหนึ่งคือโล่งใจที่เขาไม่รู้อะไรมากไปกว่านั้น
"ฉะนั้น ขอเหตุผลที่ควรค่าแก่การรับฟังหน่อยนะ"
"ฉัน เอ่อ ฉันต้องการเวลาอยู่เงียบๆ รายงานฉันดองไว้เป็นตั้ง อีกหนึ่งอาทิตย์ฉันจะสอบเลยต้องทำให้เสร็จ แล้วตอนนี้เหลืออีกแค่วิชาเดียว ฉันจำเป็นจริงๆ น้า~"
"เธอนี่มัน!..." แจ็คสันถึงกับพูดไม่ออก แม้จะเข้าใจเหตุผลแต่สิ่งที่ยังข้องใจคือทำไมไม่บอกดีๆ นี่เธอเห็นเขาเป็นคนแบบไหนกัน
ยังไงก็ตามหลังจากเฉ่งยัยจอมลวงโลกจนพอใจแจ็คสันขับรถเข้าเส้นทางกลับโรงแรมตามที่ตั้งใจไว้แต่แรก ส่วนอารมณ์โมโหก็ลดน้อยลงไปมากเพราะได้ระบายออกไปบ้างแถมเธอก็รับสารภาพแต่โดยดี แต่ก็ใช่ว่าเขาจะลืมมันไปแล้วเมื่อไหร่กัน และดูเหมือนว่ากว่าแฟร์รี่จะรู้ตัวก็ปาไปครึ่งทางแล้ว
"คุณๆๆ ฉันจะกลับบ้าน" มือบางกระตุกแขนเสื้อเชิ้ตของแจ็คสันยิกๆ
"ไม่ได้! มีเรื่องสำคัญมาก หรือเธอจะให้ฉันไปนอนห้องรูหนูของเธอแทนมิทราบ?"
คำว่า... รูหนู มันช่างกระแทกหัวใจอย่างแรง ก็รู้ว่ามันเล็กแต่ไม่ต้องย้ำได้ไหมล่ะ?
"ม่ายอ่ะ" เจ้าของห้องส่ายหัวดิก
"....."
"งั้น... ขอฉันไปเอาเอกสารรายงานมาทำ แล้วคุณจะใช้งานอะไรก็บอกเลย! ฉันยอมตายในหน้าที่เลยเอ้า..."
แจ็คสันอยากจะกรอกตามองบนอย่างที่คนอื่นชอบทำเสียเหลือเกิน นี่สรุปว่าเขาเป็นเจ้านายจริงหรือเปล่าทำไมต้องยอมลูกจ้างอย่างเธอทุกที ซึ่งกว่าจะย้อนไปย้อนมาก็ปาไปเฉียดห้าทุ่ม แจ็คสันเดินควงกุญแจนำคนถือข้าวของพะรุงพะรังแม้รู้ว่าเธอจะแอบสาปแช่งเขาก็ทำเป็นไม่ใส่ใจ
"เร็วสิ เปิดประตูรอนานละนะ"
"คุณก็ช่วยหน่อยได้ไหมเล่า"
"ได้!"
มือหนายื่นมารับถุงอาหารตรงปลายนิ้วมือส่วนข้าวของเต็มอ้อมแขนก็ยังอยู่ครบ แฟร์รี่แทบร้องกรี๊ดกับความกวนประสาทของเขาแต่ต้องสะกดกลั้นเอาไว้
อาหารอย่างอื่นถูกสั่งจากรูมเซอร์วิสมาเพิ่มเพราะแจ็คสันเองก็รู้สึกหิวขึ้นมาบ้างเหมือนกันทั้งตอนนี้ได้ตัวเธอมาแล้วจึงแทบไม่มีอะไรให้กังวล เขาปล่อยให้เธอทานอย่างสบายใจโดยไม่แกล้งหรือโมโหใส่อีกแถมพอตัวเองอิ่มแล้วยังลุกไปนั่งตรงอื่นเพื่อลดความอึดอัด
ขณะที่แจ็คสันวุ่นวายอยู่กับแท็บเลตส่วนตัว แฟร์รี่ก็หอบกองหนังสือมาวางบนโต๊ะรับแขกและหย่อนตัวลงนั่งที่พื้นพรมตรงหน้า
"ทำอะไร?"
"รายงานไง เหลืออีกสักครึ่งนึงได้ ขอทำก่อนแล้วค่อยคุยได้ไหมอ่า" หญิงสาวต่อรองหน้าละห้อยเพราะเธอต้องส่งมันอย่างช้าวันมะรืนนี้และมันเกือบมีเวลาไม่พออยู่แล้ว ขอร่างไว้ก่อนแล้วจากนั้นจะทำไปคุยไปก็ยังได้
"ทำไปสิ" แจ็คสันตอบแบบไม่ใส่ใจนัก แต่คนฟังนี่สิยิ้มจนปากจะฉีกแม้ไม่เข้าใจสักนิดที่อยู่ดีๆ เขาใจดีขึ้นมาก็เถอะ
"แปบเดียว ฉันสัญญาแปบเดียว"
จากนั้นแฟร์รี่ก็กุลีกุจอขีดๆ เขียนๆ ผสมกับลอกบางส่วนจากหนังสือเล่มโตอย่างขมักเขม้น ซึ่งแจ็คสันเองก็ลอบมองคนที่นั่งอยู่ต่ำกว่าอย่างขำๆ .... อะไรจะกระตือรือร้นขนาดนั้น
ผ่านไปกว่าชั่วโมงเสียงที่ได้ยินก็คล้ายจะค่อยๆ เงียบไป ดวงตาคมเบนสายตาจากหน้าจอแท็บเล็ตเพื่อหาที่ชาร์จแบตที่วางไว้แต่ดันเหลือบไปเห็นคนตั้งใจทำรายงานนั่งโงนเงนสัปหงกทั้งที่มือยังถือปากกาอยู่แท้ๆ
"หลับกลางอากาศ?"
แจ็คสันส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ ดึงปากกาในมือเธอออกและวางคั่นหน้าหนังสือเอาไว้ จากนั้นจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาช้อนตัวร่างเพรียวไว้ในอ้อมแขนเพื่อเปลี่ยนที่ให้เธอนอนดีๆ บนโซฟาตัวเดิมที่ตัวเองเคยนั่งอยู่ แจ็คสันไม่กล้าอุ้มไปนอนเตียงเดียวกันหรอกเพราะหากเธอตื่นขึ้นมาแล้วตบเขาอีกก็คงเจ็บตัวฟรี มือยัยนักต้มตุ๋นนี่เบาๆ เสียที่ไหนกัน
หลังจากห่มผ้าให้คนกำลังหลับสบายเสร็จแจ็คสันก็ย้ายตัวเองลงมานั่งที่พื้นพรมและเอนหลังพิงโซฟาแทน เขากำลังเลือกชุดจากแคตตาล็อคของร้านประจำเพื่อที่จะให้แฟร์รี่ใส่สำหรับค่ำพรุ่งนี้และตอนนี้ก็ได้หลายได้ชุดแล้วด้วย ดวงตาคมเหลียวมองคนที่นอนตะแคงหลับสบายอีกทีเพื่อพิจารณาว่าเธอเหมาะกับอะไรแต่เมื่อพบกับใบหน้าน่ารักไร้พิษภัยที่ห่างกันไม่ถึงคืบหัวใจกลับเต้นแรงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
"บ้าไปแล้วไอ้แจ็ค" ร่างหนาก่นด่าตัวเอง แต่ยังจับจ้องใบหน้าน่ารักอยู่เช่นเดิมแถมยังพินิจไม่วางตา
"สงสัยห่างผู้หญิงมากไป" เขาตั้งข้อสันนิษฐานให้ตัวเอง พักนี้เขาไม่ค่อยได้เที่ยวที่ไหนรวมถึงยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงด้วยอาจจะเป็นสาเหตุทำให้รู้สึกแปลกกับคนที่ไม่ค่อยคุ้นเคยก็เป็นได้
แจ็คสันหัวเราะเบาๆ ให้กับความฟุ้งซ่านของตัวเองก่อนจะพลิกตัวกลับไปสนใจแท็บเล็ตในมืออีกครั้ง
ทว่าไม่ทันไรเขาก็ตัดสินใจหันมาหาคนที่เขาจ้องมองเมื่อครู่จากนั้นก็เคลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้จนแตะลงที่ริมฝีปากบางโดยไม่รุกล้ำ แต่ความต้องการอยากลองก็มีมากกว่า ร่างหนาเริ่มขบเม้มเบาๆ เพื่อหยอกเย้าซึ่งคนถูกกวนก็ขยับเล็กน้อยอย่างรู้สึกรำคาญ ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปควานหาน้ำหวานในโพรงปากอย่างอ้อยอิ่งเรียวลิ้นเล็กหลบเลี่ยงอย่างไม่รู้ตัวยิ่งทำให้คนฉวยโอกาสได้ใจ แท็บเล็ตในมือถูกวางลงบนพื้นอย่างไม่แยแส มือหนาย้ายมาประคองใบหน้าน่ารักให้รับองศาพอเหมาะโดยริมฝีปากหนายังคงละเลียดจูบอย่างนุ่มนวลสลับกับหยอกเย้าจนคนรับสัมผัสแทบละลายทั้งที่ยังไม่รู้ตัว
ไม่รู้อะไรดลใจให้แจ็คสันตัดสินใจอุ้มร่างเพรียวเข้าไปในห้องนอน หากให้เขาเดาเธอคงเหนื่อยจากทั้งเรียนทั้งทำงานจนถึงรายงานที่ค้างอยู่จึงทำให้หลับลึกขนาดนี้
แม้ความสูงของแฟร์รี่มีไม่มากนักแต่ก็มีช่วงขาที่ยาวสังเกตุได้จากส่วนที่พ้นจากกางเกงขาสั้นสีน้ำเงินเข้มที่สวม แจ็คสันสะบัดหน้าแรงๆ เพื่อไล่ความฟุ้งซ่าน เขาแค่สงสารเลยตั้งใจจะเปลี่ยนที่นอนให้ต่างหากและไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น
คิดว่ามีใครเชื่อไหม? ขนาดแจ็คสันยังไม่อยากเชื่อตัวเองเลย
ร่างหนาทิ้งตัวลงนอนโดยการหันหลังให้อีกคนแล้วข่มตาหลับ มันเกือบจะสำเร็จอยู่แล้วเชียวหากไม่มีมือปริศนามาแตะเข้าที่เอวสอบที่แน่นไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาและมันจะเป็นใครไม่ได้นอกจากคนที่นอนร่วมเตียงในตอนนี้
"หาเรื่องชัดๆ" แจ็คสันกัดฟันกรอดก่อนจะพลิกตัวมาอีกด้านเพื่อจัดท่านอนให้ใหม่และเตรียมเอาหมอนข้างมากั้นไว้
แต่นั่น... ก็แค่ความคิดแรก
เส้นผมสีน้ำตาลที่ปรกใบหน้านวลใสทำเอาแจ็คสันเผลอจ้องมองทั้งที่ไม่ได้มีความเย้ายวนหรือเซ็กซี่แต่กลับไร้เดียงสาและมีความดึงดูดอย่างน่าประหลาด ใบหน้าหล่อขยับเคลื่อนเข้าใกล้อีกครั้งจากนั้นริมฝีปากก็แตะกันเช่นก่อนหน้าราวกับเล่นภาพซ้ำ สมองของเขาในตอนนี้หลงลืมวีรกรรมมือตบพิฆาตที่เคยหวั่นเกรงไปเสียสนิท รสจูบวาบหวามขึ้นกว่าเก่าแต่ยังคงนุ่มนวลอ่อนโยน มือบางขยับขึ้นผลักไสโดยปฏิกิริยาของร่างกายทว่าถูกมือหนาสอดประสานนิ้วทั้งห้ากอบกุมไว้แทน ทุกสัมผัสของลิ้นเล็กที่ถูกไล่ต้อนสร้างความเคลิบเคลิ้มให้แจ็คสันจนแทบทนไม่ไหว เสียงครางแผ่วของทั้งคู่หลุดลอดออกมาให้ได้ยินก่อนที่คนเจ้าเล่ห์จะเปลี่ยนมาจูบซับที่ใบหูเล็กไล่จนมาถึงต้นคอสวย
จากนั้นจึงปล่อยมืออย่างรู้สึกเสียดายและผละตัวเองหนีเข้าห้องน้ำไป
แจ็คสันตื่นนอนก็ปาไปสายโด่งเพราะกว่าจะข่มตาให้หลับได้ก็เกือบรุ่งสาง มือหนาควานหาโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างหมอนก่อนจะสัมผัสได้กับความเย็นของพื้นที่ว่างอีกด้าน ร่างหนากระเด้งตัวนั่งมึนบนเตียงอย่างนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนเพียงลำพัง
...ไปเรียนแล้ว...
โพสอิทสีเขียวที่ถูกเขียนข้อความไว้สั้นๆ แปะดักหน้าตรงประตูด้านใน และเพียงแค่เปิดมันออกจึงได้เห็นว่าเธอลืมหนังสือเล่มหนาทิ้งไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก แจ็คสันยกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปวางโพสอิทลงบนโต๊ะแต่สมองดันฉายภาพเมื่อคืนอีกหนเมื่อมองผ่านไปเจอเตียงนุ่มที่ตนเองเพิ่งจะลุกมาหมาดๆ
ขาแข็งแรงรีบก้าวหนีเมื่อรู้สึกว่าใบหน้าร้อนแปลกๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร วันนี้เขาต้องไปเรียนตอนบ่ายแถมยังมีหลายเรื่องให้ทำหากมัวอยู่ตรงนี้คงไม่ดีแน่ แต่ก็ไม่ลืมส่งข้อความไปบอกแฟร์รี่ว่าเลิกเรียนแล้วให้กลับมาพบเขาก่อนหกโมงเย็น
ความโกลาหลเริ่มขึ้นเมื่อสองเท้าของแฟร์รี่ก้าวพ้นบานประตูเข้าสู่ภายในส่วนห้องนอนของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้านายในเวลาห้าโมงครึ่งและเมื่อมันปิดสนิทผู้คนมากหน้าหลายตาที่ไม่เคยรู้จักพร้อมข้าวของมากมายที่วางจนแทบไม่มีที่จะเดินก็กรูเข้าประชิดตัวเธอทันที
ร่างเพรียวตั้งท่าจะวิ่งหนีด้วยความตกใจ จู่ๆ มือหนาก็สัมผัสลงที่ไหล่บางทั้งสองข้างจากด้านหลังและเสียงอันคุ้นเคยก็กระซิบข้างหู
"ไม่มีเวลาแล้ว ไปลองชุดซะ เร็วๆ!" เสียงเร่งตอนสุดท้ายทำเอาสะดุ้ง
แจ็คสันนั่งจิบกาแฟรอให้แฟร์รี่เปลี่ยนทีละชุดให้ดูอย่างสบายใจแต่ที่ไม่ค่อยสบายคือชุดที่เขาเพียรเลือกมาทั้งคืนกลับไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่นัก
"มีอีกไหม?" แจ็คสันนิ่วหน้ากับชุดล่าสุดก่อนจะโบกมือไล่ให้กลับเข้าไปเปลี่ยนมาใหม่
"หมดแล้วฮ่ะคุณแจ็ค ชุดเซ็กซี่เปรี้ยวจี๊ด แหวก รัด สั้นกุดที่คุณสั่งให้เอามาหมดสิ้นแล้วฮ่ะ" หัวหน้าทีมเสื้อผ้าผู้เป็นสาวประเภทสองตอบหน้าเจื่อน เธอเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่ากว่ายี่สิบชุดที่เจ้าตัวเลือกมาเองจะไม่มีถูกใจเลยรวมทั้งยังเป็นชุดคอลเลคชั่นใหม่ที่เธอได้มีส่วนร่วมออกแบบก็ยิ่งรู้สึกนอยด์เมื่อไม่โดนใจลูกค้า... เห็นอนาคตตัวเองรำไร
"เอ่อ... มีชุดนึงค่ะ" หญิงสาวผมสั้นหนึ่งในลูกทีมเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
"แล้วไหนบอกไม่มี"
"คือ เป็นชุดที่จะเอาไปลงดิสเพลย์เย็นนี้ แต่ไม่ใช่ชุดที่คุณแจ็คสันเลือกมะ..."
"เอามาเลย" แจ็คสันขัดขึ้นเสียงเฉียบกะอีแค่ชุดคอลเลคชั่นใหม่ลงหน้าร้านจะเรื่องมากอะไรกันนักหนา ถ้าวุ่นวายนักเดี๋ยวโทรไปคุยกับเจ้าของร้านตอนนี้เลยก็ได้
"ตะ...แต่..." หญิงสาวคนเดิมตั้งท่าจะค้าน
"ผมมีเวลาไม่มาก!"
"ค่ะ"
เพียงเท่านั้นหนึ่งสาวแท้กับอีกหนึ่งสาวเทียมก็รีบแจ้นกลับเข้าไปแทบไม่ทัน
สิบนาทีผ่านไปประตูก็เปิดออกอีกครั้งพร้อมการปรากฎตัวของร่างเพรียวในชุดแม็กซี่เดรสผ่าชีฟองสีฟ้าอ่อนสไตล์วินเทจคอจีนมีระบาย ตัวเสื้อเป็นแขนกุดและเล่นดีเทลเว้าหลังลึก ตัวกระโปรงผ่าหน้าขาสูงทั้งสองข้างอวดเรียวขา
"อึ้ก! นะ นี่.. นี่มัน ชุดประเภทไหนเนี่ย!?" แจ็คสันแทบสำลักกาแฟ ชุดน่ะมันก็สวยหรูอยู่หรอกแต่เขารู้สึกว่ามันโป๊เกินไป มันเห็นทุกส่วนเลยนะนั่น
"แต่ชุดนี้คุณน้องใส่แล้วสวยเฉียบไปเลยนะฮะคุณแจ็ค" หัวหน้าทีมรีบเอ่ยสนับสนุนความคิดตัวเองเพราะมันก็เหมาะมากแล้วจริงๆ มากกว่ายี่สิบกว่าชุดที่ผ่านมาทั้งหมดด้วยซ้ำ
"ผ่าสามสี่แฉกแถมสูงอีกไม่เอา! เอ้อ แล้วฉันก็เบื่อยัยนี่ใส่แม็กซี่เดรสเต็มทน เปลี่ยน!" แจ็คสันบ่นยับ เดรสแบบสาวหวานซ่อนเปรี้ยวเหรอ? ภาพลักษณ์ที่สร้างขึ้นใช้ไม่ได้กับแจ็คสันในตอนนี้เพราะเมื่อเห็นเธอสวมชุดแนวนั้นพาลให้นึกถึงสิ่งที่ขัดแย้งนั่นคือความแสบของเธอแล้วมันช่างไม่เข้ากันเลย
"แต่น้องสวยมากจริงๆ นะคะ" ผู้ช่วยผมสั้นรีบเสริม
แหงละสิ ถ้าไม่สวยคนอย่างหวังแจ็คสันจะเลือกมาเป็นแฟนหรือไง!? เขาพรูลมหายใจพลางมองทีมเสื้อผ้าที่ยืนรอรับคำสั่ง
"ไม่รู้ละ เปลี่ยนๆๆๆๆ"
บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความอบอุ่นจนถึงขั้นร้อนระอุเพราะแจ็คสันและแฟร์รี่กำลังร่วมโต๊ะอาหารกับมาดามเหลียนโดยมีประธานหวังคอยทำหน้าที่ผ่อนคลายความมาคุทางสายตาของคนเป็นแม่ให้เป็นระยะ แถมอาหารบนโต๊ะก็รวมมิตรนานาชาติเสียจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นคำสั่งของมาดาม
และโปรดอย่าถามว่าคืนนี้คนที่รั้งตำแหน่งแฟนของแจ็คสันสวมชุดไหนอยู่ก็ตอบง่ายๆ เลยว่า...ชุดเดิมที่เขาสั่งเปลี่ยนนั่นแหละ ก็ใครใช้ให้มาดามมาเร็วกว่าเวลานัดล่ะ ในตอนนั้นผู้ช่วยของเขาต้องจัดการส่งทีมงานกลับออกไปทางด้านหลังอย่างเงียบเชียบที่สุดเลยก็ว่าได้ทั้งยังมีโอกาสบอกรายละเอียดในการรับมือแค่ไม่กี่คำแถมยังต้องมาหงุดหงิดกับสายตาของผู้ชายที่คอยมองตามร่างเพรียวตลอดทาง ยิ่งเขาไม่ค่อยชอบชุดผ่าแหวกนี่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วแต่ยิ่งนานไปชักรู้สึกเกลียดขึ้นมาตงิดๆ
"แจ็คสัน..." มาดามเรียกลูกชายเมื่อเห็นเจ้าตัวดูเหม่อๆ ไป
"ฮะ?"
"ตักอาหารให้น้องสิ ชื่ออะไรนะเรา?" ประโยคหลังหันมาถามหญิงสาวร่างเพรียวตรงหน้าที่ดูเรียบร้อยเกินกว่าจะเป็นผู้หญิงของแจ็คสัน แม้ชุดที่สวมจะออกไปทางเซ็กซี่แต่ก็ไม่หวือหวาจัด รวมถึงผมยาวเป็นลอนที่รวบสูงไว้หลวมๆ ก็ทำให้ดูหวานมากกว่า หากจะว่าผิดคาดก็ได้เพราะเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากแหล่งข่าวเธอก็เดาภาพไม่ออกจนกระทั่งได้มาพบตัวจริง
"แฟร์รี่ค่ะ" เจ้าตัวตอบแบบประหยัดถ้อยคำด้วยเกรงสายตาจับผิดของมาดามอยู่มาก ... หากหลุดมีพิรุธขึ้นมาเธอคงโดนสับเละก่อนตามมาด้วยถูกหวังแจ็คสันฆ่าตาย
'แม่ฉันมักจะมีออร่านางพญาอยู่รอบๆ อย่าเผลอตอบอะไรโง่ๆ เข้าใจไหม?'
คำกำชับของแจ็คสันยังวนเวียนติดตรึงอยู่ในสมอง มาดามเหลียนผู้มีความน่าเกรงขามเช่นเดียวกับประธานหวัง ทว่ายามสบดวงตาเรียวเฉียบคมดั่งนางหงส์ผู้สูงศักดิ์นั้นสร้างความประหม่าให้ตั้งแต่แรกพบ
แฟร์รี่แทบจะกลายเป็นน้ำแข็งตั้งแต่ตอนแจ็คสันแนะนำให้รู้จักแล้ว
"อายุเท่าไหร่แล้วเรา?" บทสนทนาระหว่างมืออาหารที่ดูคล้ายจะเป็นบรรยากาศสบายๆ
"ยี่สิ..."
"ยี่สิบเอ็ดฮะม๊า" แจ็คสันชิงตอบอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ตามด้วยส่งแซลมอนชิ้นโตเข้าปากเคี้ยว
"รู้จักกันนานหรือยังจ๊ะ?" คำถามใหม่จากมาดามถูกส่งมาให้แฟร์รี่อีกครั้ง
"น่าจะประมาณเกือบสามเดือนได้ครับม๊า" คนตอบกลับเป็นแจ็คสันอีกครั้ง ส่วนคนถูกแย่งตอบก็ได้แต่จิบน้ำส้มไปพลางนับอยู่ในใจ โดยมีเจ้าของคำถามตวัดสายตามองลูกชายอย่างรำคาญ
"เรียนที่ไหนล่ะเรา?"
"เรียนที่มะ...."
"เจียเอ๋อ... ม๊าถามแฟร์รี่ ไม่ได้ถามเรา" มาดามชักทวีความหงุดหงิดที่ลูกชายเอาแต่ตอบแทน นี่กลัวนางจะฉีกร่างผู้หญิงของตัวหรือไง?
"เอาน่าๆ ไว้จบมื้อค่ำค่อยคุยกันดีกว่า เอ้านี่... ทานเยอะๆ นะคุณ" ประธานหวังออกหน้าไกล่เกลี่ยเมื่อเห็นท่าแม่ลูกจะไม่ลงรอยกันเสียแล้ว
แม้มื้อค่ำจะผ่านไปด้วยดีแต่ใช่ว่าจะจบเรื่องเมื่อมันกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนึ้ต่างหาก มาดามเสนอความคิดที่จะลงไปที่คลับของโรงแรมเพื่อพูดคุยกันต่อโดยมีแจ็คสันคอยค้านเช่นเดิมแต่ด้วยเหตุผลของมาดามทำให้เขาต้องจำยอม
'ม๊ารู้ว่าเราเคยพาแฟร์รี่ไปคลับของมาร์ค อย่ามาพูดว่าเธอดื่มเหล้าไม่เป็น'
แจ็คสันทั้งกังวลทั้งเป็นห่วงเมื่อสองสาวต่างวัยพากันออกไปห้องน้ำตามลำพัง เขาไม่รู้ว่ามาดามจะทำอะไรแต่คนอย่างยัยนักต้มตุ๋นก็คงฉลาดพอที่รับมือเองได้
"เธอคิดยังไงกับลูกชายของฉัน?" ผู้หญิงสูงวัยกว่าเอ่ยถามด้วยสรรพนามใหม่ราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปพลางส่องกระจกสำรวจความเรียบร้อยไปด้วยซึ่งแฟร์รี่ก็อาศัยเวลานั้นมองอย่างพินิจพิเคราะห์เช่นกัน ในเมื่อมาดามมีทีท่าไม่สนใจเธอก็จะทำเป็นไม่สนใจบ้างหละนะ
"เจ้าชู้ เผด็จการ แล้วก็..." หญิงสาวหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนจะพลิกตัวเอาสะโพกพิงกับเคาน์เตอร์อ่างล้างมือและประสานมือตัวเองไว้ตรงด้านหน้า
"...." มาดามเหลียนอี้ซินนิ่วหน้าเมื่อรู้ว่าเธอตั้งใจตอบไม่ตรงคำถามแต่ก็ไม่ได้เอ่ยขัดอะไร
"... เขาขี้บ่นสุดๆ เลยหละค่ะ" รอยยิ้มการค้ากลับมาบนใบหน้าเป็นครั้งแรกของวัน... มาดามน่ะคงจะหวงลูกชายอยู่ไม่น้อยเลยสินะ
ส่วนคนฟังที่สวมสูทแขนยาวสีดำประดับคริสตัสวาววับดีไซน์เรียบหรูที่มองเผินๆ ยังรู้ว่าราคาของมันคงแพงหูดับถึงกับยกแขนขึ้นกอดออกอย่างไม่เกรงว่าจะเกิดรอยยับ
"แต่เธอก็อยู่กับเขา" ความหมายของมาดามคือการค้างอ้างแรมด้วยกันแต่ดูเหมือนสำหรับคนโดนซักจะไม่ใช่เช่นนั้น
"ถ้ายังคุยกันรู้เรื่อง ก็ไม่น่าจะมีปัญหานะคะ" ใบหน้าน่ารักหันมาสบตาที่น่าเกรงขามและเต็มไปด้วยความกดดันด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จืดจางไป เธอไม่ต้องการสร้างศึกสงครามครั้งใหญ่แถมยังไม่จำเป็นต้องกังวลว่ามาดามจะไม่ชอบเพราะเธอหาได้เป็นว่าที่ลูกสะใภ้เสียหน่อยจะเครียดมากไปเพื่ออะไร
อันที่จริงก็เพิ่งคิดถึงความจริงข้อนี้ได้เมื่อครู่เอง ตอนที่มาดามแอบนิ่วหน้านั่นแหละเธอถึงได้คลำทางมาถูก มาดามก็แสนฉลาดเหลือเกินที่กันลูกชายและสามีออกไปด้วยการพาเข้าห้องน้ำผู้หญิง
... ช่างเป็นสถานที่ที่ครีเอทซะไม่มี!
ท่าทางที่แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น การแต่งตัว และการแสดงออกของแฟร์รี่ทำให้มาดามเหลียนนึกสนใจ เมื่อมีแง่มุมอื่นให้มองนางก็จะลองมองดู
"ฉันว่า... เธอไม่ใช่สเปคของแจ็คสัน" มาดามเอ่ยขึ้นมาโต้งๆ แม้ไม่รู้ด้วยจุดประสงค์ใดแต่คงไม่ได้เป็นแค่ประโยคบอกเล่าแน่
"คุณแจ็คสันก็ไม่ใช่ผู้ชายในฝันของแฟร์ค่ะ ไม่เฉียดสักนิด" พูดไปใบหน้าของผู้ชายที่ชื่อโอยาโนะ ชินยะ ก็ลอยเข้ามาในห้วงความคิด เป็นความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเธอชอบเขาจริงๆ
"พ่อแม่เธอยอมให้คบกับเขาได้ยังไง ไม่เคยได้ยินชื่อเสียงบ้างเหรอ?" มาดามเดินนำออกจากห้องน้ำ โดยมีแฟร์รี่เปิดประตูให้
"พวกท่านเสียแล้วค่ะ"
"เสียใจด้วยนะ" อยู่ดีๆ มาดามกลับรู้สึกอึดอัดเสียเอง นี่ถ้าพ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตรับรองได้ว่าน่าจะถูกห้ามคบค้าสมาคมกับลูกชายนางด้วยชื่อเสียงในการเชื่อมสัมพันธ์กับผู้หญิงอันเลื่องลือ
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ"
แฟร์รี่ส่งยิ้มหวานๆ รับเอาไว้แต่บทสนทนาก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อเจ้าของหัวข้อกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหา ทว่าทันทีที่มาถึงก็ไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาจัดการถอดเสื้อแจ็คเกตสูทสีครีมที่สวมทับเสื้อยืดเนื้อดีสีน้ำเงินสดมาคลุมไหล่ให้ร่างเพรียวตรงหน้าก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่บางไว้หลวมๆ อย่างต้องการแสดงความเป็นเจ้าของซึ่งเหมือนเข้าถึงบทบาทมากไปหน่อย ทุกการกระทำของแจ็คสันอยู่ในสายตาของมาดามรวมทั้งอาการชักสีหน้าตึงๆ ไปให้บุคคลรอบตัวที่มองก็ด้วย
ทั้งสามพากันกลับมานั่งดื่มต่อที่โต๊ะวีไอพีของคลับจากตอนแรกที่แฟร์รี่นั่งด้านนอกแต่ถูกแจ็คสันดึงให้สลับเข้าด้านในแทน
"ทำอะไรน่ะ" ร่างเพรียวกระซิบพลางดึงแขนเสื้อเรียกให้สนใจ
"รำคาญพวกแมงหวี่ มองอยู่ได้น่ารำคาญ!" เขากัดฟันตอบ น้ำเสียงดูไม่ค่อยพอใจยิ่งเห็นเนื้อผ้าสีหวานที่ผ่าจนถึงโคนขาเต็มตา
"เดี๋ยวฉัน..."
"ขึ้นไปข้างบนเลย จะทำรายงานทำการบ้านสั่งข้าวกินก็ตามใจเธอ ห้ามหนีกลับ" สั่งเสร็จก็กวักมือเรียกบริกรก่อนจะกระซิบอะไรสองสามคำและหันมาเอ่ยกับผู้เป็นพ่อและแม่
"ม๊าครับป๊าครับ ผมให้แฟร์รี่กลับไปก่อนนะ เธอมีรายงานต้องส่งพรุ่งนี้ถ้าดึกไปเดี๋ยวทำไม่เสร็จ"
"อ่อ... ไว้เจอกันนะหนูแฟร์รี่" ประธานหวังที่อยู่วงนอกมานานเอ่ยขึ้นอย่างรู้ใจลูกชายดี แจ็คสันอ่านง่ายจะตาย
"สวัสดีค่ะ" หญิงสาวไหว้ลาทั้งคู่อย่างชดช้อยสวยงามก่อนจะเดินตามผู้ช่วยของแจ็คสันที่เพิ่งมาถึงพอดีออกไป
เมื่อเหลือแค่พ่อแม่ลูกดวงตาที่เคยวางเฉยก็เฉียบขึ้นมาฉับพลันจนเป็นแจ็คสันเองที่เริ่มหนาวๆ ร้อนๆ ส่วนประธานหวังนั้นจิบเครื่องดื่มอย่างสบายใจก่อนจะลุกไปทักทายลูกค้าที่เชิญไว้อีกด้านหนึ่ง
เอาตัวรอดกันเห็นๆ
"แจ็คสัน... ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว?" สรรพนาม 'ผู้หญิงคนนั้น' ทำเอาแจ็คสันคิ้วขมวด เขาไม่ค่อยชอบให้เรียกแบบนั้นเลย
"แฟร์ไม่ได้อยู่ที่นี่นะม๊า เธอแค่มาทำรายงานกับผมวันสองวัน" แจ็คสันไขความกระจ่างแม้ความจริงอีกครึ่งหนึ่งคือเขาไปฉุดกระชากลากถูให้มาก็เถอะ
"เราเก่งขนาดนั้น?" มาดามมีสีหน้าไม่ค่อยเชื่อ
"อย่างน้อยก็เรียนปีสูงกว่าละกัน" คนเป็นลูกอ้อมแอ้ม ใช่สิ เขารู้ตัวหรอกน่าว่าเรียนเก่งน้อยสุดในแก๊งค์ผู้เฒ่าไลน์
"คนนี้กี่วัน?" มาดามวางแก้วไวน์ ขาเรียวยกขึ้นไขว่ห้างนั่งรอคำตอบลูกชาย
"ผมคบมาเป็นเดือนแล้วคงนับวันลำบาก แหล่งข่าวน่ะมั่วแล้ว"
"คุณเฉินชอบความฉลาดและน่ารักของแฟร์รี่มาก คิดว่าน้องเหมาะกับเราหรือคุณเฉินมากกว่ากันล่ะลูก" มาดามเผยไต๋ให้ดูแบบไม่อ้อมค้อมแต่รอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนโยนผิดถ้อยคำหรือนี่นางพญาจะแผลงเดช ไม่ใช่ว่าที่มาเพราะตั้งใจจะสกัดดาวรุ่งแล้วส่งเนื้อเข้าปากลูกค้าเพื่อธุรกิจหรอกนะ
"อ่อ แหล่งข่าวคือคุณเฉินนี่เอง ผมปล่อยคนของผมไปเทคแคร์ลูกค้าให้ก็เกินพอแล้วนะครับ และเขาก็เอ็นดูในฐานะเพื่อนหลานชายเท่านั้น" แจ็คสันกางแขนปกป้องเต็มที่เพราะเรื่องมันกลับตาลปัตรจากที่คิดจนมีเค้าลางยุ่งยากมาแต่ไกล
"เราไม่เป็นตัวเขาก็ไม่รู้หรอก น้องแฟร์รี่ของแจ็คสันอาจสนใจข้อเสนอของม๊าก็ได้" มาดามยิ้มยั่วลูกชายยิ่งเห็นอาการฮึดฮัดนางยิ่งชอบใจ
"ฝันไปเถอะ" แจ็คสันปรามาสทั้งที่ก็ไม่มั่นใจ หากข้อเสนอของมาดามมีจำนวนเงินเข้ามาเกี่ยวข้องถ้าสู้กันเขาก็แพ้อยู่ดี แฟร์รี่ยิ่งเห็นเงินเป็นพระเจ้าอยู่ด้วย
"ผู้หญิงที่เรียบๆ จืดๆ ไม่เซ็กซี่แบบนั้น ลูกจะรักได้อีกกี่วัน หืม..." บทจะตรงก็เล่นเอาถึงสะอึก
"เรื่องของผม!" คราวนี้แจ็คสันหงุดหงิดจริงจังถึงขนาดเดินหนีผู้เป็นมารดากลับห้องแบบไม่เหลียวหลังเลยทีเดียว
ประตูบานหนาเปิดออกโดยไม่มีสัญญาณเตือนเรียกสายตาให้คนที่นั่งบนพื้นพรมให้สนใจเงยหน้าขึ้นมอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของอีกคนเธอก็ละมือจากสิ่งที่ทำอยู่ทันที
"เป็นอะไรคุณบอส อารมณ์เสียมาอีกแล้วเหรอ?" เสียงหวานเอ่ยถามพลางลุกไปเทน้ำมาให้ วันนี้เอาใจในฐานะที่เขาคอยช่วยเธอไม่ให้ถูกนางพญาขย้ำก็แล้วกัน
"เปล่า แล้วนี่..." แจ็คสันปฏิเสธ เขาไม่อยากให้เธอต้องรู้เรื่องสงครามไร้สาระของแม่ลูกสักเท่าไหร่
"คุณไปส่งหน่อยสิ ฉันไม่อยากเปลืองค่ารถ" หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งข้างๆ แล้วมองเขาตาแป๋วราวกับลูกแมวยิ่งบวกกับเสื้อแขนยาวสีฟ้าและกางเกงขาสั้นสีขาวที่เธอสวมยิ่งดูงุ้งงิ้งเข้าไปใหญ่
"เฮ้อ... รายงานเสร็จแล้วหรือไง?" แจ็คสันวางแก้วน้ำเมื่อรู้ว่ายัยตัวแสบเอาใจเขาเพื่อหวังผลนี่เอง แต่ขอร้องเถอะอย่ามาออดอ้อนแบบนี้บ่อยๆ เดี๋ยวเผลอฟัดขึ้นมาจะยุ่ง
"ยังค่ะ แต่เหลือพิมพ์ช่วงที่เหลืออย่างเดียว คุณรีบไปส่งฉันก็จะได้รีบไปร้านด้วย"
"รอแปบ..." ร่างหนาหายเข้าไปในห้องก่อนออกมาพร้อมแล็ปท็อปสีดำสนิท
"....."
"ใช้อันนี้ไปก่อนแล้วกัน เสร็จแล้วก็เก็บให้ด้วย"
แฟร์รี่รับมาอย่างงงๆ กว่าจะตั้งสติได้และวิ่งตามแจ็คสันที่หายเข้าห้องนอนไปอีกรอบก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะร่างหนาปิดประตูห้องน้ำใส่หน้าเสียงดังโครมใหญ่เลยทีเดียว
100%
มันเป็นแค่เรื่องของทีมเวิร์คค่ะเชื่อพี่แจ็คเค้าหน่อยยย
ศึกจากมาดามใหญ่หลวงกว่าศึกหลักแล้วละมั้งงานนี้ ...
เอาใจช่วยพี่แจ็คให้พ้นคุกกันหน่อยนะคะ
#ทีมแจ็คสัน
ความคิดเห็น