ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] SF - Only One :: รักหนึ่ง... ของเรา

    ลำดับตอนที่ #10 : เจ็บไปรักไป....[2Jae]

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 58




    เจ็บไปรักไป– 2JAE

     

    YoungJae Part :

     

     

     

     

     

     

     

     

    มือที่กำลังยกขึ้นสูงเพื่อเคาะกระจกห้องต้องชะงักเมื่อเห็นบรรยากาศด้านใน ส่วนมืออีกข้างที่ถือแก้วกาแฟเอาไว้นั้นสั่นระริกจนต้องจับเอาไว้ก่อนจะรีบขยับหลบจากหน้าประตูแล้วแนบหลังกับผนังด้านข้างเมื่อเห็นว่าคนด้านในคล้ายจะหันมองมา

    เปลือกตาบางปิดลงเพื่อตั้งสติให้มั่นคงจากนั้นก็ลืมตาอีกครั้งและล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดหมายเลขโทรด่วนที่ตั้งเอาไว้เป็นเบอร์แรกและรอสาย

    “พี่อยู่ห้องอัดหรือเปล่าครับ?”  ผมกรอกเสียงลงไป พยายามทำให้เบาที่สุด

    [อยู่สิ... ยองแจมีอะไรหรือเปล่า?เขาตอบกลับมา น้ำเสียงแบบนี้... มันเป็นน้ำเสียงปกติที่เขาใช้กับผมและซึ่งไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ผู้ชายใจดีที่ยังใจดีอยู่เสมอ

    “ผมกำลังจะไปซื้อกาแฟ ถ้าพี่อยู่... ผมจะซื้อฝากน่ะ”

    [มาสิ... ถ้าเป็นยองแจต่อให้มาตัวเปล่าพี่ก็อยากให้มานะหากให้ผมเดา... เขาคงอารมณ์ดีอยู่

    “เดี๋ยวผมเข้าไปครับ” 

    พูดจบก็วางสายโดยไม่รอให้คนอีกด้านตอบ... รู้ตัวว่ามันไม่ดีแต่ผม... ไม่ไหว

     

    ยืนมองเข็มนาฬิกาที่เดินไม่หยุดอย่างสม่ำเสมอจนเวลาผ่านไปสองนาทีแต่ช่างเป็นสองนาทีที่ยาวนานเพราะผมยืนอยู่ที่เดิม พอได้เวลารอยยิ้มการค้าก็ฉาบบนใบหน้าก่อนจะเคาะประตูบานเดิมและเปิดเข้าไป

     

    พี่เจบียื่นมือมาหาซึ่งผมก็ส่งแก้วกาแฟให้ไป ทว่าเขากลับยื่นอีกมือมาให้หลังจากรับมันไปแล้ว

     

    “งงอะไรยองแจ? พี่ยื่นมือหาเราจนเมื่อยแล้วนะ” 

     

    นานๆ ครั้งที่เขาจะทำตัวแบ๊วแบบนี้มันไม่แปลกหรอกที่ผมจะงง แต่ต่อหน้ารุ่นพี่ปาร์คจินยองเนี่ยนะ... มันจะดีเหรอ?

     

    “ไม่เอาอ้ะ ผม...อายคนอื่นเขา”   

    “อายใคร?”   เขามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าสงสัย “คนกันเองทั้งนั้น... แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าเราเป็นอะไรกัน”

     

    ช่างพูดได้อย่างไม่สะทกสะท้านเลยนะอิมแจบอม... เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น... บ้ารึไง!? แถมมันยังทำให้ผมลืมสิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่ไปชั่วขณะและเปลี่ยนเป็นความเขินอายเข้ามาแทนที่

     

    ข้อดีของเขาคือ... เป็นคนเปิดเผย

     

    แต่ข้อเสียของเขาก็คือ... เป็นคนเปิดเผยเช่นเดียวกัน

     

     

     

     

    ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ว๊อยซ์เทรนเนอร์อย่างผมจะไปปรากฏตัวที่ไหนในบริษัท... ยิ่งเป็นห้องอัดเสียงด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องปกติเข้าไปใหญ่ ผมนั่งกอดอกมองรุ่นพี่ปาร์คจินยองที่เข้ามาอัดเพลงโฆษณาด้วยอารมณ์หลากหลาย แม้ไม่ใช้เวลานานอะไรเท่าไหร่แต่ก็อดคิดไม่ได้เมื่อได้เห็นความสนิทสนมของทั้งคู่

    หลายเดือนมานี้รุ่นพี่ปาร์คจินยองได้ร่วมงานกับบริษัทที่ผมทำงานอยู่ค่อนข้างเยอะทำให้บางครั้งพวกเรา... หมายถึง ผม พี่เจบี รุ่นพี่ปาร์คจินยอง และทีมงานคนอื่นๆ ได้ไปสังสรรค์กันบ่อยๆ

     

    “จูเนียร์ครับ... ขอท่อนเมื่อกี้อีกรอบนะ แล้วก็ฟิลลิ่งเกินไปนิดนึง โอเคนะ”  

     

    เสียงของพี่เจบีทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เจ้าของใบหน้าสวยหันมาทำท่าโอเคพร้อมรอยยิ้มสบายๆ ที่น่าหลงใหล หนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ในออฟฟิศก็ปลาบปลื้มเขาไม่น้อย บางทีผมก็คิดว่าเขาร้องเพลงได้ดีกว่าผมอีกแต่ผมกลับเป็นว๊อยซ์เทรนเนอร์... น่าอายจริงเลย

     

    ผมดันตัวเองจากโซฟาตัวโตอย่างหงุดหงิดตัวเอง แต่มือหนากลับดึงเอาไว้ด้วยสีหน้าเป็นกังวลจนผมงง

    “ไปไหนยองแจ?”

     

    เฮ้ยเดี๋ยว!... พี่ทิ้งหน้าเครื่องทั้งที่อัดเพลงอยู่ได้ยังไง? พี่เป็นโปรดิวเซอร์นะ!

     

    “ผมแค่กลับไปเอาของ... พี่เข้าไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวผมมา”   เลือกประโยคคำตอบที่คิดว่าดีที่สุดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ยังคงมีให้เสมอ พี่เจบีพยักหน้าด้วยสีหน้าเก้อๆ ก่อนจะถอยกลับไปนั่งทำงานเหมือนเดิม

     

     

    เฮ้อ... ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยจังเลยนะวันนี้

     

     

     

    หลังจากพี่เจบีมาส่งเขาก็กลับไปพักผ่อน ผมถือผ้าผืนเล็กเช็ดผมไปมองปฏิทินไปพลาง... อีกไม่กี่วันก็วาเลนไทน์แล้ว ถึงไม่ได้คิดว่ามันจะสำคัญอะไรนักหนาแต่ก็ยังคาดหวังอะไรเล็กๆ น้อยๆ จากเขาเหมือนกันนะ

     

    ดูอย่างปีที่แล้วสิ... ได้ช็อคโกแลตบาร์มาแท่งเดียวกับดินเนอร์ในร้านเบอร์เกอร์ โรแมนติกซะไม่มี!

     

    แต่เมื่อกลับไปคิดว่าอีกคนคือโปรดิวเซอร์อิมแจบอมสุดชิค... เท่านี้ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว

     

    มีแฟนเป็นเสาหิน... ก็ต้องทำใจ

     

     

     

     

    สองสามวันมานี้ผมรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษเพราะพี่เจบีว่างมาทานทั้งข้าวเช้าข้าวเที่ยงด้วยกันทุกวัน เพราะตั้งแต่ก่อนปีใหม่จนถึงตอนนี้ก็เดือนกว่าแล้วที่งานเขาจะดูยุ่งจนแทบไม่มีเวลาให้แถมช่วงนี้ตารางคลาสที่ถูกรื้อเพราะมีว๊อยซ์เทรนเนอร์คนใหม่เข้ามาในทีมยิ่งทำให้ผมพอเหลือช่องว่างให้ทำอย่างอื่นได้สบายๆ

     

    “เฮ้! อย่าเล่นงี้สิ เดี๋ยวผมยุ่งหมด!

     

     

    “ผมยุ่งนายก็น่ารักน่า...”

     

     

    บทสนทนาของเสียงที่เพียงแค่ได้ยินเบาๆ ก็จำได้ทันทีส่งผลให้ผมชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูกระจกเอาไว้ก่อนจะเปลี่ยนใจดันให้แง้มออกเล็กน้อยเพื่อมองด้านใน

               

                ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังมือของพี่เจบียังวนเวียนอยู่ตรงศีรษะทุยของรุ่นพี่ปาร์คจินยองอย่างไม่ลดละ รอยยิ้มสนุกที่ฉายชัดเต็มใบหน้าเล่นเอาผมไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะ ดูเหมือนพวกเขาจะสนิทกันมากกว่าที่คิด

     

                ผมไม่อยากเป็นคนขี้ระแวงเลยนะ... ไม่อยากที่จะทำตัวเป็นคนนิสัยไม่ดีเลยสักนิด

     

                ก้มมองของที่เดินออกไปซื้อมาให้เผื่อเขาจะหิวแล้วก็ต้องถอนหายใจ จากนั้นก็เลือกที่จะหันหลังกลับไปเงียบๆ

     

     

     

    เสียงที่เธอบอกคำว่ารัก จากวันนั้นยังดังในหัวใจ
    ไออุ่นนั้นที่เธอกอดฉัน มันยังไม่จางหายไป
    เรื่องเดียวที่เปลี่ยน แต่ฉันไม่รู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร
    ได้แต่แบกรับความเจ็บไว้ ที่เธอไม่เป็นคนเดิม

     

     

     

     

    ปาร์คจินยองไหน? ใช่... จูเนียร์รึเปล่า? แฟนเก่าไอ้บีอ่ะนะ?”   ประโยคหลังพี่แจ็คสันหันไปถามพี่มาร์คด้วยเสียอันเบาแต่ผมก็ดันได้ยิน... หูดีไปเพื่อใคร(วะ)ครับ?

     

    “แจ็คสัน!”  พี่มาร์คเรียกชื่อเสียงหนักราวกับกำลังปรามคนข้างๆ แต่ไม่ทันแล้วหละ ผม... ได้ยินชัดเจนเลยทีเดียว

     

    “อ้อ... มันเป็นแบบนี้นี่เอง”

     

    “อย่าคิดมากน่า... มันเลิกกันไปตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็แค่พี่น้องกัน”   พี่มาร์คเอ่ยปลอบพลางยกศอกถองไปที่คนปากสว่างด้วยใบหน้าโหดๆ ที่พูดอะไรไม่น่าฟังออกมา

     

    ผมอยากจะเชื่อเหลือเกินกับคำว่าพี่น้อง... แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่แค่พี่น้องธรรมดา หรืออาจเพียงแค่คิดมากไปเอง

     

     

     

     

    เธออาจไม่รู้สึกตัว ว่าเธอทำร้ายหัวใจฉันเท่าไหร่
    ที่เธอลืมฉัน คนนี้ที่เคยรัก เคยขอให้ฝากหัวใจ

     

     

     

     

    ผม... ชเวยองแจ มีคนรักชื่ออิมแจบอม

     

    และวันนี้ก็คือวัน Valentine’s Day ... ซึ่งผมอยู่ที่บ้านของเขาที่มักจะแวะมาค้างบ่อยๆ เวลาไม่อยากอยู่คนเดียว

     

     

    โอเค... เรียกว่าเบื่อก็ได้

     

     

     จานอาหารหลายอย่างถูกจัดบนโต๊ะอย่างตั้งใจแต่แอบไว้ในครัวรวมทั้งโต๊ะด้วยเพราะต้องการเซอร์ไพรส์ แม้จะไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับวันนี้มากนักแต่ก็ถือเป็นวันที่เราจะทำอะไรพิเศษๆ ในวันบรรยากาศดีกับคนรัก

    พี่เจบีเพิ่งโทรมาบอกเมื่อชั่วโมงก่อนว่ากำลังออกมา เราสองคนเป็นแบบนี้เสมอเวลานัดกันในช่วงเวลาพิเศษต่างๆ กว่าจะได้ฉลองก็ปาไปมืดหรือดึก บางทีก็ข้ามเที่ยงคืนไปแล้ว

     

     

    กล่องของขวัญที่ถูกห่ออย่างประณีตด้วยกระดาษสาสีขาวมุกแต่งด้วยริบบิ้นสีทองวางแอบอยู่ข้างเตียง ผมมองอย่างอารมณ์ดีก่อนจะคิดได้ว่าควรเปลี่ยนที่ซ่อน ผมเลือกหย่อนกล่องนั่นลงไปซ่อนเอาไว้ที่ช่องว่างหัวเตียงพร้อมกับการ์ดใบเล็กๆ

     

    หวังว่า... คราวนี้คงไม่ถูกจับได้อีก

     

     

    อาหารง่ายๆ เหมือนไม่ใช่วันสำคัญอะไรวางอยู่เต็มโต๊ะเล็กหน้าโซฟาเพื่อประกอบสถาที่ให้เนียนขึ้น ผมเริ่มแผนด้วยการตั้งใจทำเป็นลืมว่าวันวาเลนไทน์โทษฐานที่ปิดบังเรื่องแฟนเก่านั่น ผมไม่ได้โกรธ... อายุขนาดนี้ถ้าบอกว่าไม่เคยมีแฟนน่ะสิเชื่อไม่ได้ยิ่งกว่า

     

    แค่เคืองนิดหน่อยเท่านั้น... เขาคงไม่อยากให้ผมคิดมากเพราะผมน่ะคิดมากจริงๆ นั่นแหละ

     

    เห็นเขาเป็นแบบนั้น... เขาแคร์ความรู้สึกผมมากนะ

     

     

    ตอนนี้เข็มสั้นเข้าใกล้เลขสิบสองเข้าไปทุกทีเพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีเข็มยาวก็จะเคลื่อนมาตรงกันที่เวลาเที่ยงคืน หากจะว่าผมงี่เง่าก็ได้... เพราะตอนนี้ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย พอโทรถามผู้ช่วยหรือทีมงานคนอื่นๆ กลับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโปรดิวเซอร์อิมกลับไปนานแล้ว

     

    ใช่... มันนานแล้วตั้งแต่โทรบอก... ทำไมถึงยังไม่ถึง?

     

    ความไม่พอใจเริ่มกลายเป็นความกังวล กลัวเหลือเกินว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป

     

    เสียงนาฬิกาแขวนดังเตือนตามแผนที่ผมตั้งใจไว้คือเที่ยงคืนแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว

     

    และมันทำให้ผมทนต่อไปไม่ไหวจนต้องคว้ากุญแจรถและเสื้อคลุมมาใส่

     

    ผมควรออกไปตามหาเขาดีกว่าที่จะรออย่างว้าวุ่นแบบนี้

     

    แต่....

     

    ทันทีที่ผมเปิดประตูและก้าวขาออกจากตัวบ้าน ร่างของคนที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจจนอยู่ไม่ติดกลับปรากฏขึ้นตรงหน้ามันทำให้ผมโล่งใจ

     

     

    ทว่ามา... พร้อมใครอีกคน

     

     
     

    ... รุ่นพี่ปาร์คจินยอง

     

     

     

     

    “เขาดื่มเยอะไปหน่อย ขอโทษนะ”    รุ่นพี่มีสีหน้าสำนึกผิดขณะที่ช่วยกันวางพี่เจบีไว้ตรงโซฟา

     

    “ไม่เป็นครับ ขอบคุณที่พาเขามาส่ง”   ผมจะทำอะไรได้ล่ะ... ก็เขาอุตส่าห์พาคนรักของผมกลับบ้านก็คงทำได้แค่ขอบคุณเขา

     

    “อืม... กลับแล้วนะ”    รุ่นพี่ยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งใจเมื่อเห็นว่าผมไม่แสดงออกว่าไม่พอใจ

     

    “แล้วพี่... จะกลับยังไง?”   ผมถามอย่างเป็นห่วง ถ้าเขาขับรถพี่เจบีมาแล้วเขาจะออกไปยังไงนี่มันดึกมากแล้วนะ

     

    “ไม่เป็นไร สบายมาก”   เขาหันมาตอบยิ้มๆ

     

    “อ่า.. เดินทางดีๆ นะครับ”  

     

     

     

     

    ใบหน้าหล่อขยับเกยขึ้นมาบนไหล่ราวกับเด็กๆ ตอนที่ผมก้มลงเช็ดตัวให้เขา แม้จะรักแค่ไหน... บางทีผมก็อยากจะทิ้งพี่เจบีไว้ให้โดนยุงกัดตรงนี้เมื่อเห็นหน้าแดงๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ของเขา

     

     

    ... นี่มันวันวาเลนไทน์นะ! ไม่คิดจะให้ความสำคัญกับเทศกาล... ก็ให้ความสำคัญกับผมบ้างเถอะ

     

     

     

     

    เจ็บแค่ไหน ปวดใจเท่าไรไม่รู้
    เหตุใดหัวใจยังรักเธออยู่ ก็ตอบตัวเองไม่ได้
    อยากหนีหลบไปให้ไกล แต่ฉันก็หนีไม่เคยได้
    คงต้องทนให้ไหว ที่ต้องเจ็บไปรักไปจนตาย 

     

     

    ว๊อยซ์เทรนเนอร์คนใหม่คือ...รุ่นพี่ปาร์คจินยอง นี่พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่เนี่ย...

     

    ผมพยายามไม่คิดมาก... เขาไม่ได้ทำอะไรกันเสียหน่อย แค่รู้จักกันมาก่อนเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?

     

     

    เที่ยงแล้วทุกคนก็ทยอยมาหาของอร่อยๆ ลงท้องรวมทั้งผมและพี่เจบีด้วย ใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมแต่เขาก็ทำให้ผมตกใจด้วยการจับมือผมและยกขึ้นมาจุ๊บเบาๆ ระหว่างที่กำลังเดินไปร้านอาหาร

    “พี่เจบี พี่ทำอะไร?”   ผมเอ็ดเขาอย่างตกใจ

    “ทำไมล่ะ... พี่คิดถึงยองแจจะแย่ อาทิตย์ที่แล้วไม่ยอมมากินข้าวเที่ยงกับพี่เลย”  

    “ก็...ผม...”

    “โกรธพี่ใช่ไหมล่ะ? ทำโทษทั้งอาทิตย์ยังไม่หายอีกเหรอ?”  พี่เจบีเอียงหน้ามาพร้อมสายตาอ้อนๆ ทำเอาหน้าผมร้อนผ่าว

    “ก็ไม่ได้โกรธ...”  ผมตอบโดยไม่มองหน้าเขา

    “งั้นวันนี้ไปนอนบ้านพี่นะ นะครับ”   เขาเหวี่ยงมือไปมาอย่างเร่งเร้าราวกับเด็กๆ

    “ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไรหื่นๆ อยู่น่ะ”

    “รู้ก็ดีครับคุณหนูยองแจ...”  เขายิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่ของผมแล้วดึงไปเดินใกล้ๆ

     

    ผมใจแข็งไม่ได้นานหรอก... ก็เขาเป็นเสาหินที่ช่างเอาใจ แล้วก็ขี้อ้อนจะตาย

     

     

    การมีรุ่นพี่ปาร์คจินยองในทีมว๊อยซ์เทรนเนอร์ก็ไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด เขาเป็นคนดีมากช่วยเหลือเด็กๆ รวมถึงงานต่างๆ ได้ดีจนผมอาย ได้ข่าวว่าก็อายมาตลอดตั้งแต่เจอพี่เขาแหละนะ

    ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ถึงรักเขา ในเมื่อเขาเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ร่าเริง ยิ้มสวย ใจดี แถมหล่ออีกต่างหากหรือจะเรียกว่าสวยก็ได้

     

     

    อืม... เขาสวยมาก

     

     

    เราเข้ากันได้มากขึ้นในเวลาไม่ถึงเดือน พอวันหยุดเขาก็แวะมาทำอาหาร มาอยู่เป็นเพื่อนผมที่คอนโดบ่อยๆ บางครั้งเลิกงานก็มานั่งเล่นจนผมเริ่มสนิทใจ แต่ก็มักจะเข้ามาตอนที่พี่เจบีไม่อยู่ซึ่งผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไร

     

     

     

    ข้าวของบนโต๊ะถูกเก็บลงเป้ใบเก่งเมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นใช้เวลาไม่มากนักก็จัดของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ช็อคโกแลตไส้เหล้ากล่องเล็กๆ ที่ซื้อมาถูกหย่อนลงช่องเล็กหน้ากระเป๋าก่อนจะตรงไปที่ห้องอัดเพราะก่อนหน้านี้พี่เจบีโทรมาบอกว่ากำลังเสร็จงานแล้ว

     

    พลางคิดว่าคืนนี้จะเล่นอะไรสนุกๆ เสียหน่อย

     

     

    หรือว่าเธอหลอกคำว่ารัก แต่ว่าฉันเชื่อเธอทั้งหัวใจ
    ไม่อยากคิดให้เป็นแบบนั้น เธอคงไม่ใจร้ายไป
    ฉันเดาไม่ถูก แต่อยากจะรู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร
    ได้แต่แบกรับความเจ็บไว้ ที่เธอไม่เป็นคนเดิม

     

     

     

    แกร๊กๆ...

     

     

    ประตูหน้าห้องอัด C ถูกล็อคไว้เลยทำให้ผมจะหันหลังกลับแต่อะไรบางอย่างทำให้ต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง

     

    นั่นมัน... พี่เจบี

     

    แทนที่จะวิ่งไปหากุญแจสำรอง...ผมกลับวิ่งไปทางห้องCCTVรวม โชคดีที่ห้องนั้นไม่ได้ล็อคแถมไม่มีคนอยู่ซึ่งปกติพนักงานรักษาความปลอดภัยจะเฝ้าจอเฉพาะกล้องส่วนโถงกลางและส่วนงานอื่นเป็นหลัก ส่วนห้องอัดและสตูดิโอมักจะมีคนเฝ้าเฉพาะตอนใช้งาน

     

    ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร... มือที่กำลังจะกดเปลี่ยนสับสวิตช์ไปที่ห้องอัดCถึงสั่นขึ้นมา อาจเป็นเพราะผมกลัว

     

    แต่แล้วปลายนิ้วก็แตะปุ่มจนได้

     

    พี่เจบียังอยู่ในห้องจริงๆ แต่รุ่นพี่ปาร์คจินยองก็อยู่ด้วย

     

     

    คนหนึ่งคือเพื่อนร่วมงานอีกคนคือคนรัก... ทั้งคู่นั่งอยู่ที่มุมห้องในส่วนอัดเสียงโดยที่รุ่นพี่ปาร์คจินยองนั่งชันเข่าพิงผนังอยู่ ส่วนพี่เจบีนั่งหันหน้าเข้าหาและกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสวยของอีกคน

     

    ผมยกมือขึ้นปิดปากเพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องออกมา สิ่งที่ผมเห็นตอนอยู่หน้าห้องอัดคือพี่เจบีจริงๆ แล้วเขากำลังทำอะไร?... พวกเขาทำมันลับหลังผมงั้นหรือ?

     

    และอย่าพูดว่ามันคือมุมกล้องเพราะผมดูจากกล้องสามตัวจากสามมุม... มันไม่มีทางที่จะพลาดหรอก

     

    ขาของผมเริ่มก้าวไม่ออกเมื่อพี่เจบีเริ่มทำมากกว่าจูบ เขาเริ่มซุกไซ้ที่ลำคอขาวของรุ่นพี่ ถึงตอนนี้ผมทนดูมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มือที่ว่างตบสลับสวิตช์กลับหน้าจอเดิมเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บมือแต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจของผมที่เจ็บยิ่งกว่าเป็นล้านเท่า

     

     

    ถ้าอยากกลับไปคบกัน... ทำไมไม่เลิกกับผมล่ะ?

     

     

    พี่เจบี... พี่ใจร้ายเกินไปแล้วนะ

     

     

     

     

     

    เธออาจไม่รู้สึกตัว ว่าเธอทำร้ายหัวใจฉันเท่าไหร่
    ที่เธอลืมฉัน คนนี้ที่เคยรัก เคยขอให้ฝากหัวใจ

     

     

     

     

     

    ผมมองเห็นทั้งที่ไม่ตั้งใจ... หลบหน้าเขามาสามวันเต็มๆ หลังจากวันนั้น ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอสองคนนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำหน้ายังไง เพราะช่วงเวลาที่หายไปและแจ้งว่าลาป่วยนั้นผมร้องไห้แทบบ้า

     

     

     

    ร้องจนแทบไม่มีน้ำตาเหลือ

     

     

    ร้องจนตาบวมลืมไม่ขึ้น

     

     

    ร้องจนโรคไมเกรนกำเริบ

     

     

     

    ถ้าไม่ได้แบมแบมที่แวะมาวันนั้นส่งโรงพยาบาล... วันนี้ผมคงได้เวลาเข้าเตาเผาแล้ว

     

     

     

    แต่พี่เจบีก็ยังไม่รู้อะไรเพราะผมขอไว้...

     

     

     

    ผมเกลียดสถานการณ์แบบนี้ที่สุด... สถานการณ์ที่คนรักอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วตัวเองอยู่อีกฝั่งโดยมีแค่เพียงถนนสี่เลนกั้นอยู่ บังเอิญที่ผมเพิ่งมาถึงตอนสัญญาณไฟเปลี่ยนสีจึงต้องยืนรอสักพักถึงจะข้ามไปได้

     

    แต่คนด้านข้างเขานี่สิที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

     

    นิ้วเรียวที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตตัวโปรดเริ่มชื้นเหงื่อ พยายามสั่งตัวเองไม่ให้มองแต่มันก็ไม่เชื่อฟัง

     

    ภาพตรงหน้านั้นทำให้ผมจ้องเขม็งแทบไม่ละสายตา มือใหญ่ๆ ของพี่เจบีถูกเข้าหากันแล้วแนบไปที่แก้มของอีกคนเพื่อสร้างความอบอุ่นก่อนจะยกขึ้นโอบไหล่แล้วดึงให้มายืนใกล้ๆ สีหน้าของพวกเขาดูมีความสุขจนผมอิจฉา

     

     

    ... ทำไมไฟเขียวรอบนี้มันถึงนานจังนะ

     

     

    ถ้าไม่จำเป็นต้องไปฝั่งตรงข้ามเพราะนัดพี่มาร์คกับพี่แจ็คสันเอาไว้ผมคงหันหลังกลับและหนีจากตรงนี้ไปแล้ว

     

     

    ชเวยองแจ... คนอ่อนแอ

     

     

    ฮู้ดสีดำด้านหลังเสื้อถูกดึงขึ้นมาคลุมศรีษะเพื่อพลางสายตา ผมคงสามารถเดินสวนกับพวกเขาได้โดยที่ไม่ทันได้สังเกต

     

                ปลายนิ้วของพี่เจบีโยกจมูกเล่นด้วยสีหน้าแสนทะเล้น แม้คนถูกแกล้งจะปัดมือนั้นออกแต่อีกมือเขาพวกเขายังจับกันอยู่ เล่นเอาคนมองอยู่อีกฝั่งเช่นผมน้ำตารื้น

     

                ผมปาดน้ำตาที่อยู่ดีๆ ก็ไหลออกมาอย่างลวกๆ พลางสูดน้ำมูกที่เริ่มตามมารบกวนแรงๆ

     

     

                ไม่ได้ร้องไห้... จะไหลทำไมล่ะเจ้าน้ำมูกบ้า!

     

               

                ผมเริ่มทะเลาะกับต่อมความรู้สึกของตัวเองอย่างไร้สาระ

     

                จนตอนนี้สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีเขียวของคนข้ามปรากฎขึ้นแล้ว... ขอบคุณพระเจ้า

     

               

                ผู้คนเริ่มทยอยก้าวออกจากฟุตบาธเพื่อข้ามถนนตามปกติรวมทั้งผมด้วย แต่เสียงเบรกห้ามล้อจนบดถนนจากรถอีกฝั่งนั้นหวีดร้องดังไปทั่ว รถราคาแพงที่คล้ายจะเสียหลักแฉลบคร่อมเลนจนคนที่อยู่โดยรอบตกใจถอยหลังกันยกใหญ่ บางส่วนที่เห็นเหตุการณ์ทำได้แค่กรีดร้องอย่างหวาดเสียว

     

    ผมเห็นรุ่นพี่ปาร์คจินยองถูกพี่เจบีกระชากถอยหลังเพื่อให้พ้นจากรถคันนั้น

     

    แต่ผมว่า... มันคงไม่พ้น

     

     

     

     

    เอี๊ยดดดดดดดดดด!!! 

     

     

     

     

    ปัง!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความอื้ออึงวนเวียนอยู่รอบตัวรวมทั้งได้ยินชื่อตัวเองด้วย ดวงตาของผมยังมองเห็นเขาอยู่... รุ่นพี่ปาร์คจินยองคนนั้น ดวงตาคู่สวยของเขาเบิกค้างดูตื่นตระหนกจนอาจจะช็อคไปแล้วก็ได้...

     

     

     

    แต่โชคดีที่เขาไม่เป็นอะไร... แค่เขาไม่เป็นไรผมก็ดีใจแล้ว

     

     

     

    จำได้ว่า... ขาที่ก้าวแทบไม่ออกของผมขยับได้เพียงก้าวเดียวก็กระโจนผลักเขาเต็มแรงให้พ้นวิถีรถโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด

     

     

    นั่นคงเป็นเพราะ... สัญชาตญาณ

     

     

    น้ำตาบนใบหน้าสวยๆ กำลังไหล...

     

     

    รุ่นพี่พยายามยื่นมือมาหาผมแต่ก็ถูกดึงเอาไว้ก่อนที่มันจะถึง

     

     

     

    ทำไม... ร่างกายของผมถึงหนักแบบนี้ล่ะเนี่ย หากเขาเอื้อมมาไม่ได้... ผมก็เพียงแค่อยากยื่นมือไปแตะไหล่เขาเพื่อปลอบใจแต่แขนขากลับขยับไม่ได้อย่างใจคิดสักเท่าไหร่ ผมพยายามเอียงใบหน้าไปทางเสียงคุ้นหูที่แว่วอยู่ข้างๆ

     

     

     

    **เจ็บแค่ไหน ปวดใจเท่าไรไม่รู้
    เหตุใดหัวใจยังรักเธออยู่ ก็ตอบตัวเองไม่ได้

     

     

    รู้สึกว่าตัวเองยิ้มกว้างที่สุดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเมื่อหันไปและเจอกับโปรดิวเซอร์อิม... เจบี... อิมแจบอม... ชื่อไหนก็ช่างแต่เขาเป็นคนรักของผมที่ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่

     

     

    ผมรักพี่นะ... รักมากจริงๆ

     

      

    พี่รู้ใช่ไหม?

     

     

    เอ๊ะ! นั่นเขาพูดอะไรน่ะ?.... ผมเริ่มไม่ได้ยินเสียงของเขาแล้ว

     

    ความวุ่นวายและเสียงรอบตัวค่อยๆ เบาลงจนหายไป สุดท้ายสิ่งที่ทำให้ผมยังรู้สึกอยู่ได้คือมือที่คุ้นเคยของเขาที่ยังจับมือผมและบีบเอาไว้แน่น

     
     

    ผมเหนื่อยจัง...

     
     

    และรู้สึกง่วงมากด้วย...

     
     

    คืนนี้ถ้าผมหลับและได้พบแม่ในฝัน ผมจะเล่าให้แม่ฟังว่าวันนี้ผมได้ทำความดี แม่จะต้องภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มากๆ

     

     

    ... ชเวยองแจลูกของแม่ ได้ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้

     

    เขาคนนั้นชื่อจูเนียร์ หรือปาร์คจินยอง

     

    ... ผู้ชายคนนั้นน่ารักและเป็นคนดี และเขาดีกับผมมาก

     

    ... ดีจนคิดว่า... ถ้าผมไม่อยู่แล้ว ก็สามารถวางใจได้เพราะพี่เจบีจะมีคนดูแลเป็นอย่างดี

     

     

     

    แม้ว่าหากผมต้องจากไป มันก็คง... ไม่เป็นไร

     

     

    อยากหนีหลบไปให้ไกล แต่ฉันก็หนีไม่เคยได้
    คงต้องทนให้ไหว ที่ต้องเจ็บไปรักไปจนตาย

     

     

     

     









     

     


    จบไหม????
    ควรจบ????


    หรือจะมี JB Part … Jr. Part 
    ^_^ 
    ยังไงดีหนอ??



    TBC… 15-3-58  สรุปว่ารอตอนต่อไปนะคะ ^^

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×