คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : เจ็บไปรักไป....[2Jae]
เจ็บไปรักไป– 2JAE
YoungJae Part :
มือที่กำลังยกขึ้นสูงเพื่อเคาะกระจกห้องต้องชะงักเมื่อเห็นบรรยากาศด้านใน ส่วนมืออีกข้างที่ถือแก้วกาแฟเอาไว้นั้นสั่นระริกจนต้องจับเอาไว้ก่อนจะรีบขยับหลบจากหน้าประตูแล้วแนบหลังกับผนังด้านข้างเมื่อเห็นว่าคนด้านในคล้ายจะหันมองมา
เปลือกตาบางปิดลงเพื่อตั้งสติให้มั่นคงจากนั้นก็ลืมตาอีกครั้งและล้วงเอาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงออกมากดหมายเลขโทรด่วนที่ตั้งเอาไว้เป็นเบอร์แรกและรอสาย
“พี่อยู่ห้องอัดหรือเปล่าครับ?” ผมกรอกเสียงลงไป พยายามทำให้เบาที่สุด
[อยู่สิ... ยองแจมีอะไรหรือเปล่า?] เขาตอบกลับมา น้ำเสียงแบบนี้... มันเป็นน้ำเสียงปกติที่เขาใช้กับผมและซึ่งไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ผู้ชายใจดีที่ยังใจดีอยู่เสมอ
“ผมกำลังจะไปซื้อกาแฟ ถ้าพี่อยู่... ผมจะซื้อฝากน่ะ”
[มาสิ... ถ้าเป็นยองแจต่อให้มาตัวเปล่าพี่ก็อยากให้มานะ] หากให้ผมเดา... เขาคงอารมณ์ดีอยู่
“เดี๋ยวผมเข้าไปครับ”
พูดจบก็วางสายโดยไม่รอให้คนอีกด้านตอบ... รู้ตัวว่ามันไม่ดีแต่ผม... ไม่ไหว
ยืนมองเข็มนาฬิกาที่เดินไม่หยุดอย่างสม่ำเสมอจนเวลาผ่านไปสองนาทีแต่ช่างเป็นสองนาทีที่ยาวนานเพราะผมยืนอยู่ที่เดิม พอได้เวลารอยยิ้มการค้าก็ฉาบบนใบหน้าก่อนจะเคาะประตูบานเดิมและเปิดเข้าไป
พี่เจบียื่นมือมาหาซึ่งผมก็ส่งแก้วกาแฟให้ไป ทว่าเขากลับยื่นอีกมือมาให้หลังจากรับมันไปแล้ว
“งงอะไรยองแจ? พี่ยื่นมือหาเราจนเมื่อยแล้วนะ”
นานๆ ครั้งที่เขาจะทำตัวแบ๊วแบบนี้มันไม่แปลกหรอกที่ผมจะงง แต่ต่อหน้ารุ่นพี่ปาร์คจินยองเนี่ยนะ... มันจะดีเหรอ?
“ไม่เอาอ้ะ ผม...อายคนอื่นเขา”
“อายใคร?” เขามองไปรอบๆ ด้วยสีหน้าสงสัย “คนกันเองทั้งนั้น... แล้วเขาก็รู้ด้วยว่าเราเป็นอะไรกัน”
ช่างพูดได้อย่างไม่สะทกสะท้านเลยนะอิมแจบอม... เต็มปากเต็มคำขนาดนั้น... บ้ารึไง!? แถมมันยังทำให้ผมลืมสิ่งที่ทำให้รู้สึกแย่ไปชั่วขณะและเปลี่ยนเป็นความเขินอายเข้ามาแทนที่
ข้อดีของเขาคือ... เป็นคนเปิดเผย
แต่ข้อเสียของเขาก็คือ... เป็นคนเปิดเผยเช่นเดียวกัน
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ว๊อยซ์เทรนเนอร์อย่างผมจะไปปรากฏตัวที่ไหนในบริษัท... ยิ่งเป็นห้องอัดเสียงด้วยแล้วยิ่งเป็นเรื่องปกติเข้าไปใหญ่ ผมนั่งกอดอกมองรุ่นพี่ปาร์คจินยองที่เข้ามาอัดเพลงโฆษณาด้วยอารมณ์หลากหลาย แม้ไม่ใช้เวลานานอะไรเท่าไหร่แต่ก็อดคิดไม่ได้เมื่อได้เห็นความสนิทสนมของทั้งคู่
หลายเดือนมานี้รุ่นพี่ปาร์คจินยองได้ร่วมงานกับบริษัทที่ผมทำงานอยู่ค่อนข้างเยอะทำให้บางครั้งพวกเรา... หมายถึง ผม พี่เจบี รุ่นพี่ปาร์คจินยอง และทีมงานคนอื่นๆ ได้ไปสังสรรค์กันบ่อยๆ
“จูเนียร์ครับ... ขอท่อนเมื่อกี้อีกรอบนะ แล้วก็ฟิลลิ่งเกินไปนิดนึง โอเคนะ”
เสียงของพี่เจบีทำเอาผมหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง เจ้าของใบหน้าสวยหันมาทำท่าโอเคพร้อมรอยยิ้มสบายๆ ที่น่าหลงใหล หนุ่มเล็กหนุ่มใหญ่ในออฟฟิศก็ปลาบปลื้มเขาไม่น้อย บางทีผมก็คิดว่าเขาร้องเพลงได้ดีกว่าผมอีกแต่ผมกลับเป็นว๊อยซ์เทรนเนอร์... น่าอายจริงเลย
ผมดันตัวเองจากโซฟาตัวโตอย่างหงุดหงิดตัวเอง แต่มือหนากลับดึงเอาไว้ด้วยสีหน้าเป็นกังวลจนผมงง
“ไปไหนยองแจ?”
เฮ้ยเดี๋ยว!... พี่ทิ้งหน้าเครื่องทั้งที่อัดเพลงอยู่ได้ยังไง? พี่เป็นโปรดิวเซอร์นะ!
“ผมแค่กลับไปเอาของ... พี่เข้าไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวผมมา” เลือกประโยคคำตอบที่คิดว่าดีที่สุดออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ยังคงมีให้เสมอ พี่เจบีพยักหน้าด้วยสีหน้าเก้อๆ ก่อนจะถอยกลับไปนั่งทำงานเหมือนเดิม
เฮ้อ... ทำไมผมรู้สึกเหนื่อยจังเลยนะวันนี้
หลังจากพี่เจบีมาส่งเขาก็กลับไปพักผ่อน ผมถือผ้าผืนเล็กเช็ดผมไปมองปฏิทินไปพลาง... อีกไม่กี่วันก็วาเลนไทน์แล้ว ถึงไม่ได้คิดว่ามันจะสำคัญอะไรนักหนาแต่ก็ยังคาดหวังอะไรเล็กๆ น้อยๆ จากเขาเหมือนกันนะ
ดูอย่างปีที่แล้วสิ... ได้ช็อคโกแลตบาร์มาแท่งเดียวกับดินเนอร์ในร้านเบอร์เกอร์ โรแมนติกซะไม่มี!
แต่เมื่อกลับไปคิดว่าอีกคนคือโปรดิวเซอร์อิมแจบอมสุดชิค... เท่านี้ก็ถือว่าเยอะมากแล้ว
มีแฟนเป็นเสาหิน... ก็ต้องทำใจ
สองสามวันมานี้ผมรู้สึกมีความสุขเป็นพิเศษเพราะพี่เจบีว่างมาทานทั้งข้าวเช้าข้าวเที่ยงด้วยกันทุกวัน เพราะตั้งแต่ก่อนปีใหม่จนถึงตอนนี้ก็เดือนกว่าแล้วที่งานเขาจะดูยุ่งจนแทบไม่มีเวลาให้แถมช่วงนี้ตารางคลาสที่ถูกรื้อเพราะมีว๊อยซ์เทรนเนอร์คนใหม่เข้ามาในทีมยิ่งทำให้ผมพอเหลือช่องว่างให้ทำอย่างอื่นได้สบายๆ
“เฮ้! อย่าเล่นงี้สิ เดี๋ยวผมยุ่งหมด!”
“ผมยุ่งนายก็น่ารักน่า...”
บทสนทนาของเสียงที่เพียงแค่ได้ยินเบาๆ ก็จำได้ทันทีส่งผลให้ผมชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตูกระจกเอาไว้ก่อนจะเปลี่ยนใจดันให้แง้มออกเล็กน้อยเพื่อมองด้านใน
ทั้งคู่อยู่ด้วยกันเพียงลำพังมือของพี่เจบียังวนเวียนอยู่ตรงศีรษะทุยของรุ่นพี่ปาร์คจินยองอย่างไม่ลดละ รอยยิ้มสนุกที่ฉายชัดเต็มใบหน้าเล่นเอาผมไม่อยากจะเข้าไปขัดจังหวะ ดูเหมือนพวกเขาจะสนิทกันมากกว่าที่คิด
ผมไม่อยากเป็นคนขี้ระแวงเลยนะ... ไม่อยากที่จะทำตัวเป็นคนนิสัยไม่ดีเลยสักนิด
ก้มมองของที่เดินออกไปซื้อมาให้เผื่อเขาจะหิวแล้วก็ต้องถอนหายใจ จากนั้นก็เลือกที่จะหันหลังกลับไปเงียบๆ
เสียงที่เธอบอกคำว่ารัก จากวันนั้นยังดังในหัวใจ
ไออุ่นนั้นที่เธอกอดฉัน มันยังไม่จางหายไป
เรื่องเดียวที่เปลี่ยน แต่ฉันไม่รู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร
ได้แต่แบกรับความเจ็บไว้ ที่เธอไม่เป็นคนเดิม
ปาร์คจินยองไหน? ใช่... จูเนียร์รึเปล่า? แฟนเก่าไอ้บีอ่ะนะ?” ประโยคหลังพี่แจ็คสันหันไปถามพี่มาร์คด้วยเสียอันเบาแต่ผมก็ดันได้ยิน... หูดีไปเพื่อใคร(วะ)ครับ?
“แจ็คสัน!” พี่มาร์คเรียกชื่อเสียงหนักราวกับกำลังปรามคนข้างๆ แต่ไม่ทันแล้วหละ ผม... ได้ยินชัดเจนเลยทีเดียว
“อ้อ... มันเป็นแบบนี้นี่เอง”
“อย่าคิดมากน่า... มันเลิกกันไปตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ก็แค่พี่น้องกัน” พี่มาร์คเอ่ยปลอบพลางยกศอกถองไปที่คนปากสว่างด้วยใบหน้าโหดๆ ที่พูดอะไรไม่น่าฟังออกมา
ผมอยากจะเชื่อเหลือเกินกับคำว่าพี่น้อง... แต่สิ่งที่ผมเห็นมันไม่ใช่แค่พี่น้องธรรมดา หรืออาจเพียงแค่คิดมากไปเอง
เธออาจไม่รู้สึกตัว ว่าเธอทำร้ายหัวใจฉันเท่าไหร่
ที่เธอลืมฉัน คนนี้ที่เคยรัก เคยขอให้ฝากหัวใจ
ผม... ชเวยองแจ มีคนรักชื่ออิมแจบอม
และวันนี้ก็คือวัน Valentine’s Day ... ซึ่งผมอยู่ที่บ้านของเขาที่มักจะแวะมาค้างบ่อยๆ เวลาไม่อยากอยู่คนเดียว
โอเค... เรียกว่าเบื่อก็ได้
จานอาหารหลายอย่างถูกจัดบนโต๊ะอย่างตั้งใจแต่แอบไว้ในครัวรวมทั้งโต๊ะด้วยเพราะต้องการเซอร์ไพรส์ แม้จะไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับวันนี้มากนักแต่ก็ถือเป็นวันที่เราจะทำอะไรพิเศษๆ ในวันบรรยากาศดีกับคนรัก
พี่เจบีเพิ่งโทรมาบอกเมื่อชั่วโมงก่อนว่ากำลังออกมา เราสองคนเป็นแบบนี้เสมอเวลานัดกันในช่วงเวลาพิเศษต่างๆ กว่าจะได้ฉลองก็ปาไปมืดหรือดึก บางทีก็ข้ามเที่ยงคืนไปแล้ว
กล่องของขวัญที่ถูกห่ออย่างประณีตด้วยกระดาษสาสีขาวมุกแต่งด้วยริบบิ้นสีทองวางแอบอยู่ข้างเตียง ผมมองอย่างอารมณ์ดีก่อนจะคิดได้ว่าควรเปลี่ยนที่ซ่อน ผมเลือกหย่อนกล่องนั่นลงไปซ่อนเอาไว้ที่ช่องว่างหัวเตียงพร้อมกับการ์ดใบเล็กๆ
หวังว่า... คราวนี้คงไม่ถูกจับได้อีก
อาหารง่ายๆ เหมือนไม่ใช่วันสำคัญอะไรวางอยู่เต็มโต๊ะเล็กหน้าโซฟาเพื่อประกอบสถาที่ให้เนียนขึ้น ผมเริ่มแผนด้วยการตั้งใจทำเป็นลืมว่าวันวาเลนไทน์โทษฐานที่ปิดบังเรื่องแฟนเก่านั่น ผมไม่ได้โกรธ... อายุขนาดนี้ถ้าบอกว่าไม่เคยมีแฟนน่ะสิเชื่อไม่ได้ยิ่งกว่า
แค่เคืองนิดหน่อยเท่านั้น... เขาคงไม่อยากให้ผมคิดมากเพราะผมน่ะคิดมากจริงๆ นั่นแหละ
เห็นเขาเป็นแบบนั้น... เขาแคร์ความรู้สึกผมมากนะ
ตอนนี้เข็มสั้นเข้าใกล้เลขสิบสองเข้าไปทุกทีเพราะอีกไม่ถึงสิบนาทีเข็มยาวก็จะเคลื่อนมาตรงกันที่เวลาเที่ยงคืน หากจะว่าผมงี่เง่าก็ได้... เพราะตอนนี้ผมติดต่อเขาไม่ได้เลย พอโทรถามผู้ช่วยหรือทีมงานคนอื่นๆ กลับบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าโปรดิวเซอร์อิมกลับไปนานแล้ว
ใช่... มันนานแล้วตั้งแต่โทรบอก... ทำไมถึงยังไม่ถึง?
ความไม่พอใจเริ่มกลายเป็นความกังวล กลัวเหลือเกินว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุ กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป
เสียงนาฬิกาแขวนดังเตือนตามแผนที่ผมตั้งใจไว้คือเที่ยงคืน… แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แวว
และมันทำให้ผมทนต่อไปไม่ไหวจนต้องคว้ากุญแจรถและเสื้อคลุมมาใส่
ผมควรออกไปตามหาเขาดีกว่าที่จะรออย่างว้าวุ่นแบบนี้
แต่....
ทันทีที่ผมเปิดประตูและก้าวขาออกจากตัวบ้าน ร่างของคนที่ทำให้ผมกระวนกระวายใจจนอยู่ไม่ติดกลับปรากฏขึ้นตรงหน้ามันทำให้ผมโล่งใจ
ทว่ามา... พร้อมใครอีกคน
... รุ่นพี่ปาร์คจินยอง
“เขาดื่มเยอะไปหน่อย ขอโทษนะ” รุ่นพี่มีสีหน้าสำนึกผิดขณะที่ช่วยกันวางพี่เจบีไว้ตรงโซฟา
“ไม่เป็นครับ ขอบคุณที่พาเขามาส่ง” ผมจะทำอะไรได้ล่ะ... ก็เขาอุตส่าห์พาคนรักของผมกลับบ้านก็คงทำได้แค่ขอบคุณเขา
“อืม... กลับแล้วนะ” รุ่นพี่ยิ้มออกมาด้วยท่าทีโล่งใจเมื่อเห็นว่าผมไม่แสดงออกว่าไม่พอใจ
“แล้วพี่... จะกลับยังไง?” ผมถามอย่างเป็นห่วง ถ้าเขาขับรถพี่เจบีมาแล้วเขาจะออกไปยังไงนี่มันดึกมากแล้วนะ
“ไม่เป็นไร สบายมาก” เขาหันมาตอบยิ้มๆ
“อ่า.. เดินทางดีๆ นะครับ”
ใบหน้าหล่อขยับเกยขึ้นมาบนไหล่ราวกับเด็กๆ ตอนที่ผมก้มลงเช็ดตัวให้เขา แม้จะรักแค่ไหน... บางทีผมก็อยากจะทิ้งพี่เจบีไว้ให้โดนยุงกัดตรงนี้เมื่อเห็นหน้าแดงๆ เพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ของเขา
... นี่มันวันวาเลนไทน์นะ! ไม่คิดจะให้ความสำคัญกับเทศกาล... ก็ให้ความสำคัญกับผมบ้างเถอะ
เจ็บแค่ไหน ปวดใจเท่าไรไม่รู้
เหตุใดหัวใจยังรักเธออยู่ ก็ตอบตัวเองไม่ได้
อยากหนีหลบไปให้ไกล แต่ฉันก็หนีไม่เคยได้
คงต้องทนให้ไหว ที่ต้องเจ็บไปรักไปจนตาย
ว๊อยซ์เทรนเนอร์คนใหม่คือ...รุ่นพี่ปาร์คจินยอง นี่พระเจ้ากำลังเล่นตลกอะไรกับผมอยู่เนี่ย...
ผมพยายามไม่คิดมาก... เขาไม่ได้ทำอะไรกันเสียหน่อย แค่รู้จักกันมาก่อนเท่านั้นเองไม่ใช่หรือ?
เที่ยงแล้วทุกคนก็ทยอยมาหาของอร่อยๆ ลงท้องรวมทั้งผมและพี่เจบีด้วย ใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมแต่เขาก็ทำให้ผมตกใจด้วยการจับมือผมและยกขึ้นมาจุ๊บเบาๆ ระหว่างที่กำลังเดินไปร้านอาหาร
“พี่เจบี พี่ทำอะไร?” ผมเอ็ดเขาอย่างตกใจ
“ทำไมล่ะ... พี่คิดถึงยองแจจะแย่ อาทิตย์ที่แล้วไม่ยอมมากินข้าวเที่ยงกับพี่เลย”
“ก็...ผม...”
“โกรธพี่ใช่ไหมล่ะ? ทำโทษทั้งอาทิตย์ยังไม่หายอีกเหรอ?” พี่เจบีเอียงหน้ามาพร้อมสายตาอ้อนๆ ทำเอาหน้าผมร้อนผ่าว
“ก็ไม่ได้โกรธ...” ผมตอบโดยไม่มองหน้าเขา
“งั้นวันนี้ไปนอนบ้านพี่นะ นะครับ” เขาเหวี่ยงมือไปมาอย่างเร่งเร้าราวกับเด็กๆ
“ผมรู้นะว่าพี่คิดอะไรหื่นๆ อยู่น่ะ”
“รู้ก็ดีครับคุณหนูยองแจ...” เขายิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะยกแขนขึ้นโอบไหล่ของผมแล้วดึงไปเดินใกล้ๆ
ผมใจแข็งไม่ได้นานหรอก... ก็เขาเป็นเสาหินที่ช่างเอาใจ แล้วก็ขี้อ้อนจะตาย
การมีรุ่นพี่ปาร์คจินยองในทีมว๊อยซ์เทรนเนอร์ก็ไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด เขาเป็นคนดีมากช่วยเหลือเด็กๆ รวมถึงงานต่างๆ ได้ดีจนผมอาย ได้ข่าวว่าก็อายมาตลอดตั้งแต่เจอพี่เขาแหละนะ
ผมไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ถึงรักเขา ในเมื่อเขาเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ร่าเริง ยิ้มสวย ใจดี แถมหล่ออีกต่างหากหรือจะเรียกว่าสวยก็ได้
อืม... เขาสวยมาก
เราเข้ากันได้มากขึ้นในเวลาไม่ถึงเดือน พอวันหยุดเขาก็แวะมาทำอาหาร มาอยู่เป็นเพื่อนผมที่คอนโดบ่อยๆ บางครั้งเลิกงานก็มานั่งเล่นจนผมเริ่มสนิทใจ แต่ก็มักจะเข้ามาตอนที่พี่เจบีไม่อยู่ซึ่งผมก็ไม่ได้ลำบากใจอะไร
ข้าวของบนโต๊ะถูกเก็บลงเป้ใบเก่งเมื่อถึงเวลาหกโมงเย็นใช้เวลาไม่มากนักก็จัดของทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ช็อคโกแลตไส้เหล้ากล่องเล็กๆ ที่ซื้อมาถูกหย่อนลงช่องเล็กหน้ากระเป๋าก่อนจะตรงไปที่ห้องอัดเพราะก่อนหน้านี้พี่เจบีโทรมาบอกว่ากำลังเสร็จงานแล้ว
พลางคิดว่าคืนนี้จะเล่นอะไรสนุกๆ เสียหน่อย
หรือว่าเธอหลอกคำว่ารัก แต่ว่าฉันเชื่อเธอทั้งหัวใจ
ไม่อยากคิดให้เป็นแบบนั้น เธอคงไม่ใจร้ายไป
ฉันเดาไม่ถูก แต่อยากจะรู้ว่าเหตุผลมันคืออะไร
ได้แต่แบกรับความเจ็บไว้ ที่เธอไม่เป็นคนเดิม
แกร๊กๆ...
ประตูหน้าห้องอัด C ถูกล็อคไว้เลยทำให้ผมจะหันหลังกลับแต่อะไรบางอย่างทำให้ต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
นั่นมัน... พี่เจบี
แทนที่จะวิ่งไปหากุญแจสำรอง...ผมกลับวิ่งไปทางห้องCCTVรวม โชคดีที่ห้องนั้นไม่ได้ล็อคแถมไม่มีคนอยู่ซึ่งปกติพนักงานรักษาความปลอดภัยจะเฝ้าจอเฉพาะกล้องส่วนโถงกลางและส่วนงานอื่นเป็นหลัก ส่วนห้องอัดและสตูดิโอมักจะมีคนเฝ้าเฉพาะตอนใช้งาน
ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร... มือที่กำลังจะกดเปลี่ยนสับสวิตช์ไปที่ห้องอัดCถึงสั่นขึ้นมา อาจเป็นเพราะผมกลัว
แต่แล้วปลายนิ้วก็แตะปุ่มจนได้
พี่เจบียังอยู่ในห้องจริงๆ แต่รุ่นพี่ปาร์คจินยองก็อยู่ด้วย
คนหนึ่งคือเพื่อนร่วมงานอีกคนคือคนรัก... ทั้งคู่นั่งอยู่ที่มุมห้องในส่วนอัดเสียงโดยที่รุ่นพี่ปาร์คจินยองนั่งชันเข่าพิงผนังอยู่ ส่วนพี่เจบีนั่งหันหน้าเข้าหาและกดริมฝีปากลงบนกลีบปากสวยของอีกคน
ผมยกมือขึ้นปิดปากเพราะกลัวว่าตัวเองจะร้องออกมา สิ่งที่ผมเห็นตอนอยู่หน้าห้องอัดคือพี่เจบีจริงๆ แล้วเขากำลังทำอะไร?... พวกเขาทำมันลับหลังผมงั้นหรือ?
และอย่าพูดว่ามันคือมุมกล้องเพราะผมดูจากกล้องสามตัวจากสามมุม... มันไม่มีทางที่จะพลาดหรอก
ขาของผมเริ่มก้าวไม่ออกเมื่อพี่เจบีเริ่มทำมากกว่าจูบ เขาเริ่มซุกไซ้ที่ลำคอขาวของรุ่นพี่ ถึงตอนนี้ผมทนดูมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว มือที่ว่างตบสลับสวิตช์กลับหน้าจอเดิมเต็มแรงจนรู้สึกเจ็บมือแต่ก็ไม่เท่ากับหัวใจของผมที่เจ็บยิ่งกว่าเป็นล้านเท่า
ถ้าอยากกลับไปคบกัน... ทำไมไม่เลิกกับผมล่ะ?
พี่เจบี... พี่ใจร้ายเกินไปแล้วนะ
เธออาจไม่รู้สึกตัว ว่าเธอทำร้ายหัวใจฉันเท่าไหร่
ที่เธอลืมฉัน คนนี้ที่เคยรัก เคยขอให้ฝากหัวใจ
ผมมองเห็นทั้งที่ไม่ตั้งใจ... หลบหน้าเขามาสามวันเต็มๆ หลังจากวันนั้น ผมยังไม่พร้อมที่จะเจอสองคนนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำหน้ายังไง เพราะช่วงเวลาที่หายไปและแจ้งว่าลาป่วยนั้นผมร้องไห้แทบบ้า
ร้องจนแทบไม่มีน้ำตาเหลือ
ร้องจนตาบวมลืมไม่ขึ้น
ร้องจนโรคไมเกรนกำเริบ
ถ้าไม่ได้แบมแบมที่แวะมาวันนั้นส่งโรงพยาบาล... วันนี้ผมคงได้เวลาเข้าเตาเผาแล้ว
แต่พี่เจบีก็ยังไม่รู้อะไรเพราะผมขอไว้...
ผมเกลียดสถานการณ์แบบนี้ที่สุด... สถานการณ์ที่คนรักอยู่ฝั่งตรงข้ามแล้วตัวเองอยู่อีกฝั่งโดยมีแค่เพียงถนนสี่เลนกั้นอยู่ บังเอิญที่ผมเพิ่งมาถึงตอนสัญญาณไฟเปลี่ยนสีจึงต้องยืนรอสักพักถึงจะข้ามไปได้
แต่คนด้านข้างเขานี่สิที่ทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ
นิ้วเรียวที่ซุกอยู่ในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตตัวโปรดเริ่มชื้นเหงื่อ พยายามสั่งตัวเองไม่ให้มองแต่มันก็ไม่เชื่อฟัง
ภาพตรงหน้านั้นทำให้ผมจ้องเขม็งแทบไม่ละสายตา มือใหญ่ๆ ของพี่เจบีถูกเข้าหากันแล้วแนบไปที่แก้มของอีกคนเพื่อสร้างความอบอุ่นก่อนจะยกขึ้นโอบไหล่แล้วดึงให้มายืนใกล้ๆ สีหน้าของพวกเขาดูมีความสุขจนผมอิจฉา
... ทำไมไฟเขียวรอบนี้มันถึงนานจังนะ
ถ้าไม่จำเป็นต้องไปฝั่งตรงข้ามเพราะนัดพี่มาร์คกับพี่แจ็คสันเอาไว้ผมคงหันหลังกลับและหนีจากตรงนี้ไปแล้ว
ชเวยองแจ... คนอ่อนแอ
ฮู้ดสีดำด้านหลังเสื้อถูกดึงขึ้นมาคลุมศรีษะเพื่อพลางสายตา ผมคงสามารถเดินสวนกับพวกเขาได้โดยที่ไม่ทันได้สังเกต
ปลายนิ้วของพี่เจบีโยกจมูกเล่นด้วยสีหน้าแสนทะเล้น แม้คนถูกแกล้งจะปัดมือนั้นออกแต่อีกมือเขาพวกเขายังจับกันอยู่ เล่นเอาคนมองอยู่อีกฝั่งเช่นผมน้ำตารื้น
ผมปาดน้ำตาที่อยู่ดีๆ ก็ไหลออกมาอย่างลวกๆ พลางสูดน้ำมูกที่เริ่มตามมารบกวนแรงๆ
ไม่ได้ร้องไห้... จะไหลทำไมล่ะเจ้าน้ำมูกบ้า!
ผมเริ่มทะเลาะกับต่อมความรู้สึกของตัวเองอย่างไร้สาระ
จนตอนนี้สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีแดงและสีเขียวของคนข้ามปรากฎขึ้นแล้ว... ขอบคุณพระเจ้า
ผู้คนเริ่มทยอยก้าวออกจากฟุตบาธเพื่อข้ามถนนตามปกติรวมทั้งผมด้วย แต่เสียงเบรกห้ามล้อจนบดถนนจากรถอีกฝั่งนั้นหวีดร้องดังไปทั่ว รถราคาแพงที่คล้ายจะเสียหลักแฉลบคร่อมเลนจนคนที่อยู่โดยรอบตกใจถอยหลังกันยกใหญ่ บางส่วนที่เห็นเหตุการณ์ทำได้แค่กรีดร้องอย่างหวาดเสียว
ผมเห็นรุ่นพี่ปาร์คจินยองถูกพี่เจบีกระชากถอยหลังเพื่อให้พ้นจากรถคันนั้น
แต่ผมว่า... มันคงไม่พ้น
เอี๊ยดดดดดดดดดด!!!
ปัง!!!!!!!!!
ความอื้ออึงวนเวียนอยู่รอบตัวรวมทั้งได้ยินชื่อตัวเองด้วย ดวงตาของผมยังมองเห็นเขาอยู่... รุ่นพี่ปาร์คจินยองคนนั้น ดวงตาคู่สวยของเขาเบิกค้างดูตื่นตระหนกจนอาจจะช็อคไปแล้วก็ได้...
แต่โชคดีที่เขาไม่เป็นอะไร... แค่เขาไม่เป็นไรผมก็ดีใจแล้ว
จำได้ว่า... ขาที่ก้าวแทบไม่ออกของผมขยับได้เพียงก้าวเดียวก็กระโจนผลักเขาเต็มแรงให้พ้นวิถีรถโดยไม่ต้องเสียเวลาคิด
นั่นคงเป็นเพราะ... สัญชาตญาณ
น้ำตาบนใบหน้าสวยๆ กำลังไหล...
รุ่นพี่พยายามยื่นมือมาหาผมแต่ก็ถูกดึงเอาไว้ก่อนที่มันจะถึง
ทำไม... ร่างกายของผมถึงหนักแบบนี้ล่ะเนี่ย หากเขาเอื้อมมาไม่ได้... ผมก็เพียงแค่อยากยื่นมือไปแตะไหล่เขาเพื่อปลอบใจแต่แขนขากลับขยับไม่ได้อย่างใจคิดสักเท่าไหร่ ผมพยายามเอียงใบหน้าไปทางเสียงคุ้นหูที่แว่วอยู่ข้างๆ
**เจ็บแค่ไหน ปวดใจเท่าไรไม่รู้
เหตุใดหัวใจยังรักเธออยู่ ก็ตอบตัวเองไม่ได้
รู้สึกว่าตัวเองยิ้มกว้างที่สุดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาเมื่อหันไปและเจอกับโปรดิวเซอร์อิม... เจบี... อิมแจบอม... ชื่อไหนก็ช่างแต่เขาเป็นคนรักของผมที่ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่
ผมรักพี่นะ... รักมากจริงๆ
พี่รู้ใช่ไหม?
เอ๊ะ! นั่นเขาพูดอะไรน่ะ?.... ผมเริ่มไม่ได้ยินเสียงของเขาแล้ว
ความวุ่นวายและเสียงรอบตัวค่อยๆ เบาลงจนหายไป สุดท้ายสิ่งที่ทำให้ผมยังรู้สึกอยู่ได้คือมือที่คุ้นเคยของเขาที่ยังจับมือผมและบีบเอาไว้แน่น
ผมเหนื่อยจัง...
และรู้สึกง่วงมากด้วย...
คืนนี้ถ้าผมหลับและได้พบแม่ในฝัน ผมจะเล่าให้แม่ฟังว่าวันนี้ผมได้ทำความดี แม่จะต้องภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้มากๆ
... ชเวยองแจลูกของแม่ ได้ช่วยชีวิตคนคนหนึ่งไว้
… เขาคนนั้นชื่อจูเนียร์ หรือปาร์คจินยอง
... ผู้ชายคนนั้นน่ารักและเป็นคนดี และเขาดีกับผมมาก
... ดีจนคิดว่า... ถ้าผมไม่อยู่แล้ว ก็สามารถวางใจได้เพราะพี่เจบีจะมีคนดูแลเป็นอย่างดี
แม้ว่าหากผมต้องจากไป มันก็คง... ไม่เป็นไร
อยากหนีหลบไปให้ไกล แต่ฉันก็หนีไม่เคยได้
คงต้องทนให้ไหว ที่ต้องเจ็บไปรักไปจนตาย
จบไหม????
ควรจบ????
หรือจะมี JB Part … Jr. Part
^_^
ยังไงดีหนอ??
ความคิดเห็น