ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #9 : EPISODE 08

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 66


    EPISODE 08

    กึก! กึก! ฉันเขย่าลูกบิดประตูไปมา มันเปิดไม่ออก นี่หมายความว่า ฉันกำลังถูกเขาขังอยู่ใช่ไหม อ่า…รู้สึกแย่ชะมัด หลังจากแต่งตัวเสร็จฉันก็นั่งอยู่ในห้องสักพัก คิดว่าเดี๋ยวไม่นานสายสิญจน์ก็เข้ามา

    แต่กลับไม่เป็นอย่างที่หวัง เธอหายออกไปเลย แถมประตูห้องยังถูกล็อคจากด้านนอก ตอนไหนกันนะที่ฮารุโตะทำแบบนี้ ไม่รู้ตัวเลยสักนิด

    “มีใครอยู่ข้างนอกไหม” ฉันพยายามส่งเสียงร้อง ไม่รู้จะมีใครได้ยินหรือเปล่า แต่ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ข้างนอกยังคงเงียบกริบ ไม่มีใครอยู่เลยสินะ

    ในเมื่อไปไหนไม่ได้ฉันเลยทำได้แค่ เดินไปมา ล้มตัวลงนอน แล้วก็นั่งรื้อของที่อยู่ในห้องฮารุโตะ ไม่นานก็เบื่อ จะว่าไปตั้งแต่เช้ายังไม่มีอะไรตกถึงท้องฉันเลย คิดได้ดังนั้นฉันจึงเดินเข้าไปในครัว

    ดูว่ามีอะไรพอจะทำเป็นอาหารได้บ้าง น่าเสียดายที่ไม่มีอะไรพอจะเป็นวัตถุดิบได้เลย ได้แต่ร้องไห้ในใจแล้วเดินกลับไปนอนที่เดิม

    “นั่นสิ นี่มันห้องของแวมไพร์จะไปมีของกินได้ไง” เอ่ยออกไปด้วยความสิ้นหวัง สายตามองไปยังเพดานห้องนอนสีขาวตรงหน้า

    แก็ก! เสียงบางอย่างดังขึ้นคล้ายกับมีคนกำลังเดินเข้ามา ฉันรีบลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับหันไปหาบุคคลดังกล่าว

    “ขอโทษนะอันนาที่ต้องขังไว้แบบนี้” ฮารุโตะเอ่ยขอโทษก่อนที่เขาจะนั่งลงข้างๆ ฉัน เหมือนจะรู้ว่าฉันยังโกรธอยู่ถึงได้ทำตัวสงบเสงี่ยม

    “ฉันหิวข้าว หิวจะตายอยู่แล้ว ห้องนายไม่มีอะไรกินเลย” บอกความต้องการของตัวเองออกไป ฮารุโตะที่ได้ยินอย่างนั้นทำหน้าเลิกลั่นเล็กน้อย

    “ถ้างั้นเราไปกินข้าวกันนะอันนา” เขาเอ่ยปากชวน สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเมื่อกี้ ฉันที่เห็นดังนั้นจึงอดขมวดคิ้วไม่ได้ ตัวจริงเขาเป็นผู้ชายแบบไหนกัน เดี๋ยวก็เป็นผู้ชายสดใสไร้เดียงสา เดี๋ยวก็ดูป่าเถื่อน นิสัยเลวร้ายเกินบรรยาย

    “นายกินข้าวได้เหรอฮารุโตะ” ฉันถามสิ่งที่ตนเองสงสัยอีกข้อ

    “ที่จริงก็ไม่จำเป็น แต่จะกินก็ได้มันก็คล้ายๆ กับการกินอากาศ” ฉันพยักหน้าคล้ายเข้าใจ แต่ที่จริงคือไม่ ถ้าทำหน้าไม่เข้าใจบ่อยๆ หมอนี่อาจจะคิดว่าฉันโง่ก็ได้

    “เดี๋ยวก่อน!” ขณะที่ฮารุโตะกำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง ฉันก็ยื่นมือไปดึงชายเสื้อเขาไว้ ฮารุโตะมองมาที่ฉันอย่างต้องการคำตอบ ฉันสูดหายใจเต็มปอดแล้วก็ถอนหายใจออกมา ทำแบบนั้นอยู่ 3 ครั้ง ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา

    “คือว่า…เมื่อคืนนายไม่ได้ใส่มันใช่ไหมไอ้นั่นน่ะ” ฉันถามออกไปพร้อมกับมองหน้าฮารุโตะอย่างใจจดใจจ่อ ถึงจะเป็นแวมไพร์แต่เขาก็เป็นผู้ชายอยู่นี่นา

    “เธอหมายถึงถุงยางเหรอ?” ฮารุโตะเลิกคิ้วถาม ฉันเองพอได้ยินคำตอบของเขาก็เป็นฝ่ายพยักหน้ารัว “อื้อนั่นแหละ เมื่อคืนถ้าจำไม่ผิดเหมือนนายจะไม่ได้ใส่ ใช่ไหม”

    ถามออกไปอย่างที่ตัวเองเข้าใจ รู้สึกว่าหน้ามันร้อนยังไงไม่รู้ ฉันเคยดูหนังเรื่องหนึ่งที่นางเอกรักกับแวมไพร์ สุดท้ายก็พลาดท้อง ผลที่ได้รับคือเธอถูกลูกดูดเลือดจนตาย ฉันไม่อยากเป็นแบบนั้นนะ ยังอยากมีชีวิตอยู่อีกนาน

    “ไม่เห็นจำเป็นต้องใส่นี่อันนา” ฮารุโตะพูดออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พร้อมกับยื่นมือมาลูบหัวฉันเบาๆ เห็นดังนั้นฉันจึงปัดมือเขาออก แต่ไม่รุนแรงเท่าเมื่อวาน

    “ละ แล้วถ้าฉันท้องจะทำยังไง” พูดออกไปด้วยความกังวล ไม่เอานะฉันไม่อยากมีลูกของแวมไพร์อยู่ในท้อง มนุษย์กับแวมไพร์ไปด้วยกันไม่ได้หรอก

    “ถ้าท้องก็เป็นลูกของเราไง ถามแปลกๆ นะอันนา”

    เหมือนฮารุโตะจะอารมณ์ดีจนกู่ไม่กลับ เขายิ้มจนตาหยีพร้อมกับโอบเอวฉันเดินออกจากห้องไม่สนใจเสียงทัดทานของฉันสักนิด ไม่ไหวแล้วนะผู้ชายคนนี้ เกิดมาเคยฟังใครบ้าง

    “นายคงไม่คิดว่าฉันจะยอมมีลูกกับคนที่ไม่ชอบหรอกนะ” ได้ผล หลังจากฉันพูดประโยคนั้นขึ้น ฮารุโตะก็ชะงักฝีเท้าลง เขาหันมามองฉันแทบจะทันที ใบหน้าที่เคยเปื้อนรอยยิ้มกลับกลายเป็นนิ่งเฉย คิดถูกหรือเปล่านะที่พูดคำต้องห้ามนั้นออกไป

    “เธอหมายความว่าไง! เธอไม่ได้รักผมเหรอ” ฮารุโตะเริ่มบีบแขนฉันแรงขึ้น อารมณ์ของเขากำลังคุกรุ่น สายตาเขาจับจ้องมาที่ฉันอย่างต้องการคำตอบ ปลายเท้าฉันลอยขึ้นเหนือพื้นเล็กน้อย

    เนื่องจากถูกร่างสูงนั้นรวบเข้าไปกอดจนแนบอก ฮารุโตะยังคงไม่ละสายตาไปจากฉัน ราวกับว่าถ้าฉันไม่ตอบเขาจะไม่ยอมปล่อย

    “คะ คือไม่ใช่ว่าไม่รัก ที่จริงฉันก็รักนายนั่นแหละ” ภาพที่ฮารุโตะตบพี่คราวน์จนหน้าหันยังฝังอยู่ในหัวไม่หาย ฉันเลยไม่กล้าตอบอะไรที่ดูเสี่ยงต่อชีวิตตัวเอง

    “ตะ แต่ฉันยังไม่พร้อมนี่ ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจริงๆ จะทำไง ขอร้องล่ะนะฮารุโตะให้ฉันไปซื้อยาเถอะนะ” แม้จะยังรู้สึกกลัว ฉันก็ต้องพูดเรื่องนี้กับฮารุโตะให้ได้ คราวนี้ไม่พูดอย่างเดียว ฉันยังกอดเอวอีกฝ่ายแน่นพร้อมกับซบหน้าลงกับอกแกร่ง

    “ขอร้องนะฮารุโตะ นายรักฉันนี่ใช่ไหม ทำเพื่อฉันได้มั้ย” จบคำพูดของฉันร่างสูงตรงหน้าก็ยืนตัวแข็งทื่อ ฉันเงยหน้ามองอีกฝ่ายเพื่อดูปฏิกิริยา โชคดีที่ฮารุโตะไม่ได้มีสีหน้าน่ากลัวเหมือนกับเมื่อกี้แล้ว ดังนั้นฉันจึงแอบถอนใจออกมาอย่างโล่งอก

    “ถ้าอันนาต้องการแบบนั้นผมก็ไม่ว่าอะไร เดี๋ยวจะแวะให้ซื้อ”

    ฉันยิ้มออกมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอก ก่อนจะเดินตามฮารุโตะไปยังลิฟต์ที่อยู่ตรงหน้า อดสงสัยไม่ได้ทำไมหอตึกนี้มันถึงได้หรูกว่าที่ฉันอยู่เป็นสิบเท่า หรือจะขึ้นอยู่กับราคากันนะ คิดอะไรไปเพลินๆ พลางมองไปรอบๆ

    ติ้ง! หลังจากที่เสียงประตูลิฟต์ปิดลงฉันก็รู้สึกถึงบรรยากาศแปลกๆ บรรยากาศที่ดูอันตรายกับตัวฉันยังไงชอบกล เพราะงั้นฉันถึงได้ลองหันไปมองฮารุโตะ เขาเองก็มองมาที่ฉันเช่นกัน

    นัยน์ตาสวยคู่นั้นดูเจ้าเล่ห์ปนกระหาย ฉันที่เห็นถึงกับขนลุกซู่ หมอนี่จ้องจะเขมือบฉันอยู่ตลอดเวลาเลยนี่นา ในลิฟต์ที่ไม่มีใครนอกจากเราดูอันตรายขึ้นมา 10 เท่าทันที

    “ฮะ ฮารุโตะ เรา…อยู่ในลิฟต์นะ” ฉันร้องบอกพร้อมกับย่นคอหนีเมื่ออีกฝ่ายขยับมายืนซ้อนหลัง ริมฝีปากร้อนผ่าวของเขากำลังลากไล้ไปทั่วลำคอ ความเจ็บจี้ดแล่นเข้ามา

    เมื่ออีกฝ่ายใช้ริมฝีปากขบเม้มไปตามลาดไหล่ ฉันรู้สึกไม่โอเคมากๆ กับสถานการณ์ตอนนี้ ภาพเหตุการณ์ที่เขารุนแรงกับฉันยังตอกย้ำและทำให้หวาดกลัวอยู่ไม่น้อย

    “ยะ หยุดเถอะฮารุโตะ ฉันขอร้อง” อ่า…รู้สึกแย่ชะมัด ฉันไม่สามารถชินกับสิ่งที่เขาทำได้เลย น้ำตาเริ่มเอ่อคลอเมื่อร่างสูงยังคงก้มลงไซร้ซอกคอไม่หยุด ปลายลิ้นชื้นของเขาเลื่อนลงต่ำเรื่อยๆ

    คล้ายกับหัวใจกำลังหล่นลงเหว ฉันผลักร่างสูงออกไปเต็มแรง กว่าจะรู้ตัวว่าไม่ควรทำแบบนี้ก็ตอนที่ฮารุโตะเลิกคิ้ว แล้วมองมาที่ฉันอย่างต้องการคำตอบ เขาไม่ชอบให้ใครขัดใจ…และฉันก็ทำมันลงไป

    “นะ นายทำฉันช้ำไปหมดแล้ว” เอ่ยออกไปเบาๆ หลังจากตั้งสติได้ ฮารุโตะไม่ได้พูดอะไรเขาทำเพียงเลียริมฝีปากตัวเอง มือหนาเอื้อมมาจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงให้เข้าที่ เสื้อเชิ้ตที่ถูกเขาร่นลงมาจนเผยให้เห็นไหล่ก็ถูกเขาใช้มือจัดให้เหมือนเดิม

    “ขอโทษนะครับที่ผมเผลอรุนแรงกับอันนา”

    “อื้อ ไม่เป็นไรหรอก” เอ่ยออกไปเบาๆ ถึงจะบอกว่าไม่เป็นไร แต่ในใจฉันมันช้ำไปหมดแล้ว รู้สึกผวาทุกครั้งที่ฮารุโตะเข้าใกล้ แต่ก็ต้องทำเหมือนสบายดี

    “ผิวขาวๆ ของอันนาช้ำไปหมดเลย ผมขอโทษนะครับ” ฮารุโตะยังคงลูบไล้ไปตามเนื้อตัวฉัน ปากเขาเอ่ยขอโทษแต่ทำไมเมื่อกี้ฉันถึงได้เห็นมุมปากเขากระตุกยิ้มกันล่ะ ไหนจะสายตาที่มองมาที่ผิวกายฉันอีก นี่มันสายตาของคนที่ดีใจชัดๆ

    “งั้นช่วงนี้นายก็อย่าทำอะไรกับร่างกายฉันเลย คือฉันรู้สึกเพลียมากๆ น่ะ” บอกความต้องการของตัวเองจบ ฉันก็ลอบสังเกตสีหน้าของฮารุโตะ เขาทำเพียงพยักหน้าเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่าตกลง ฉันยิ้มออกมาทันทีเมื่อเห็นว่าเขาพูดง่ายกว่าที่คิดเอาไว้

    ติ้ง! ในที่สุดเราทั้งคู่ก็มาถึงชั้นล่างสุด มีนักศึกษาในหอเดินผ่านให้เห็นอยู่เป็นระยะ น่าทึ่งที่นักศึกษาในนี้หน้าตาหล่อเหลาและสวยกันทั้งนั้น แต่ละคนเรียกได้ว่าเป็นดารานายแบบได้สบาย

    “ฮารุโตะคนพวกนี้ก็เป็นแวมไพร์ด้วยหรือเปล่า” ด้วยความไม่มั่นใจฉันเลยหันไปถามร่างสูง “นักศึกษาในหอนี้เป็นแวมไพร์ทั้งหมดครับอันนา”

    หลังจากฟังที่ฮารุโตะบอกฉันถึงกับต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ถ้าฉันยังต้องอยู่กับฮารุโตะที่นี่ก็คงจะไม่กล้าออกไปเดินเพ่นพ่านที่ไหนแน่ๆ

    “แต่อันนาไม่ต้องกลัวหรอกครับถ้าอยู่กับผม” เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันคิดอะไร ถึงได้พูดออกมาเพื่อให้ฉันรู้สึกวางใจ มือหนาเอื้อมมาจับมือฉันไว้พร้อมกับพาไปที่รถ

    “แปลกเหมือนกันนะ แวมไพร์พวกนั้นออกจะหน้าตาดี ทำไมฉันไม่ยักจะเคยเห็นหน้า เอ่อ…ถึงจะน้อยกว่าฮารุโตะก็เถอะ” ท้ายประโยคฉันแอบเติมเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายเริ่มทำหน้าตึง หมอนี่ดูจากนิสัยถ้าจะชอบการเป็นที่ 1 ไม่ใช่พวกที่ยอมลงให้ใครสินะ

    “ส่วนมากแวมไพร์อย่างเราจะเรียนภาคค่ำน่ะ แต่ที่ผมเรียนภาคปกติก็เพราะต้องคอยดูแลอันนาให้พ้นจากพวกมดแมลง”

    หลังจากส่งยิ้มไปให้ร่างสูง ฉันก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ฮารุโตะเองก็แวะร้านขายยาให้อย่างที่เขาบอก ดังนั้นฉันจึงลงไปซื้อยาคุมฉุกเฉินอย่างที่ต้องการ คิดว่าทานตอนนี้น่าจะยังทัน

    เภสัชกรแนะนำถึงวิธีการกินพร้อมกับบอกผลข้างเคียงให้ฟังเล็กน้อย ฉันพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะรีบจ่ายเงิน พอหันหลังเพื่อเดินออกจากร้าน ก็เห็นว่าร่างสูงของคนที่ควรอยู่ในรถ กำลังเดินเข้ามาในร้าน

    “นี่ฮารุโตะฉันบอกให้รออยู่ที่รถไง” ฉันร้องบอก ก่อนลงจากรถก็ว่าบอกไปแล้วนะว่าไปแป๊บเดียว หรือฉันพูดเร็วเกินไปเนี่ย

    “อันนาไปนาน ผมเป็นห่วง” ฉันมองร่างสูง ก่อนจะก้มไปมองนาฬิกาในมือถือ คือมันยังไม่ถึง 10 นาทีเลย

    “แฟนน่ารักจังเลยนะคะ” เภสัชกรบอกกับฉันยิ้มๆ พร้อมกับมองไปที่ฮารุโตะ “ดูท่าจะรักคุณมากเลย”

    ฉันส่งยิ้มให้พอเป็นพิธีแล้วเดินออกจากร้านทันที เพราะเขารักฉันมากไง มากเกินไปจนฉันรู้สึกอึดอัดเลยให้ตายสิ!

    “เราจะไปกินร้านไหนเหรอฮารุโตะ” เอ่ยถามขึ้นมา เพราะทางที่ขับผ่านมาเมื่อกี้ฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยคุ้นเลย ขับไปสักพักฉันก็รู้สึกว่ามันเริ่มไกลจากตัวเมืองขึ้นเรื่อยๆ ล่ะ

    “ร้านพิเศษของผมน่ะ พวกไอ้เบย์เพื่อนผมก็อยู่ เราจะคุยธุระกันที่นั่นด้วย” ฮารุโตะอธิบาย คล้ายจะรู้ว่าฉันเบื่อเขาจึงเปิดเพลงคลอเบาๆ ให้ฉันฟังเหมือนทุกครั้ง

    “อ้อ ขนมเทียนก็อยู่ที่นั่นนะ”

    “หา? ได้ไงอ่ะ อย่าบอกนะว่าขนมเทียนก็เป็นแวมไพร์” ฉันถามออกไปด้วยความตกใจ เหมือนตอนนี้อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้สินะ ตั้งแต่ฉันได้รู้ความจริงว่าโลกนี้เต็มไปด้วยสิ่งมหัศจรรย์ “ขนมเทียนเป็นมนุษย์เหมือนอันนาครับ” ฮารุโตะพูดต่อ

    “อ้อ ค่อยยังชั่ว” ฉันตอบกลับ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ยังเหลือมนุษย์ปกติแบบฉันอยู่ ขอบคุณที่ไม่โหดร้ายกับฉันเกินไป แต่เดี๋ยวนะทำไมขนมเทียนถึงมาอยู่กับเพื่อนฮารุโตะได้ล่ะ สงสัยตั้งแต่งานวันเกิดมิวแล้ว ยิ่งคนพวกนี้ไม่ใช่มนุษย์ธรรมดาฉันก็ยิ่งเป็นห่วง “ฮารุโตะ เพื่อนนายวางแผนจะทำอะไรยัยขนมเทียนหรือเปล่า”

    ฉันถามออกไปด้วยความคาใจ แม้จะไม่รู้แน่ชัดว่าอีกฝ่ายนิสัยยังไง แต่ถ้าคบกับฮารุโตะ ผู้ชายร้ายลึกคนนี้ได้ ก็คงไม่ธรรมดา

    “อันนาไม่ต้องห่วง สองคนนั้นเขาสนิทกัน” ฮารุโตะพูดออกมายิ้มๆ

    “นายหมายถึงพี่เบย์หรอ” ฉันลองเดาออกไป ฮารุโตะไม่ตอบ แต่พยักหน้ายืนยันแทน ซึ่งจะว่าไปมันก็จริง พอนึกดูแล้วสองคนนี้เหมือนจะมีซัมติงกันอยู่

    @ร้านอาหารจันทร์ราวี

    “ชื่อร้านไทยกว่าที่คิดแฮะ” พึมพำออกมาเบาๆ เมื่อเห็นป้ายหน้าร้านเด่นหราอยู่ทางเข้า เอาจริงเหรอ ที่นี่คือร้านอาหารเหรอ มันเหมือนกับบ้านสวยๆ ทั่วไปที่เน้นจัดแต่งแบบธรรมชาติมากกว่า เหมือนเจ้าของร้านจะชอบดอกลีลาวดีมากนะ เพราะตามทางเดินทั้งสองข้างรายล้อมไปด้วยต้นลีลาวดีที่มีดอกบานสะพรั่งอยู่เต็มต้น

    ทันทีที่ลงมาจากรถกลิ่นหอมของดอกไม้ก็ลอยมาแตะจมูก ฉันหันไปมองข้างในก็พบว่าคนไม่ค่อยมีคนอย่างที่คิด คล้ายว่าที่นี่จะเน้นความเป็นส่วนตัวกับบรรยากาศซะมากกว่า ลูกค้าที่มาส่วนใหญ่ก็มักจะแต่งตัวคล้ายกับพวกนักธุรกิจ

    “นายหัวแดง นี่นายหลอกฉันหรือเปล่าเนี่ย” ฉันเดินตามฮารุโตะไปยังโซนที่จองไว้ ได้ยินเสียงขนมเทียนคุยกับใครสักคนมาแต่ไกล ดูท่าเธอจะอยู่ด้วยจริงๆ

    “ฉันจะโกหกเธอทำไม” เสียงพี่เบย์พูดขึ้น

    “อย่าให้รู้นะว่าโกหก ที่ยอมมาด้วยเพราะนายบอกว่าจะได้เจอฮารุโตะกับอันนาหรอกนะ” เดินมาถึงก็เห็นขนมเทียนยืนชี้หน้าพี่เบย์แถมขู่ปาวๆ โดยไม่รู้เลยว่าไอ้คนที่แกล้งทำหน้าหงอๆ อยู่นั่นน่ะปีศาจร้ายของแท้เลย

    “ขนมเทียน” ฉันเอ่ยเรียก เนื่องจากกลัวว่าเพื่อนตัวเองจะถูกจับกินซะก่อน

    “อันนาคิดถึงจังเลย” พอเห็นว่าเป็นฉัน คนขนมเทียนก็วิ่งมากอดทันที ดูท่าคนตรงหน้าฉันจะไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ สินะ

    “ฮารุโตะด้วย ยังหล่อเหมือนเดิมเลย” พูดจบเธอก็มองฉันทีมองฮารุโตะที

    “เหมาะกันมาก ฉันนี่เป็นแม่สื่อที่ดีจริงๆ งานดี งานพรีเมี่ยม” อดยิ้มแหยๆ ไม่ได้ ถ้าหน้าตาฉันไม่เถียงเธอเลยเพื่อน แต่นิสัยจริงๆ ของฮารุโตะ ฉันขอผ่านแล้วกัน

    “ให้มันน้อยๆ หน่อยยัยผู้หญิงใจร่าน หล่อๆ นั่งหัวแดงอยู่เนี่ยไม่เห็นพูดถึง” จบคำพูดนั้นพี่เบย์ก็จับหน้าของขนมเทียนให้หันไปสบตาตัวเอง ขนมเทียนยืนจ้องหน้าพี่เบย์อยู่สักพักก่อนจะพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา “นี่มันหน้าของผู้ชายชั่วนี่นา”

    เท่านั้นแหละฮารุโตะถึงกับหลุดขำออกมากเลย ฉันเองก็พลอยยิ้มไปด้วย เรื่องป่วนเรื่องแสบๆ ต้องยกให้ขนมเทียนจริงๆ

    “ไอ้พวกที่เหลือทำไมยังไม่มาวะ” ฮารุโตะถามพี่เบย์ออกไป

    “ฮารุโตะนายพูดได้แล้วเหรอ?” แต่ยังไม่ทันที่พี่เบย์จะได้ตอบ ยัยขนมเทียนก็แทรกขึ้นมาก่อน หน้าเธอตกใจมาก ไม่แปลกใจครั้งแรกฉันก็เป็นเหมือนเธอ

    “ครับ ผมพูดได้แล้ว” ฮารุโตะตอบ แค่นั้นแหละยัยนั่นก็ยิ้มหน้าบานทันที นี่เธอไม่สงสัยเลยเรอะ!

    “นั่นไง มานั่นแล้ว” พี่เบย์ส่งสายตาไปทางข้างหลังเราทั้งคู่ ไม่นานเพื่อนคนที่เหลือก็พากันทยอยเข้ามา ยกเว้นก็แต่ผู้ชายผมสีน้ำตาลที่ฉันเคยเจอวันก่อน รู้สึกจะชื่อ…

    ยูตะมั้งถ้าจำไม่ผิด

    หลังจากมากันครบ อาหารมากมายก็ถูกยกมาเสิร์ฟ บางอย่างก็หน้าตาแปลกๆ แบบที่ไม่เคยเห็น แต่รสชาติจัดว่าอร่อยทีเดียว แต่ถ้าจานไหนไม่ถูกปากฉันก็จะเนียนๆ ตักใส่จานฮารุโตะแทน

    หมอนั่นก็ไม่ว่าอะไรเขาเอาแต่ยิ้มรับอย่างเดียว จนในที่สุดเราก็กินจนเกือบหมด แล้วถึงตบท้ายด้วยของหวานเป็นอันจบ พี่เบย์อาสาไปส่งขนมเทียนที่หอ ส่วนพี่คิงกับพี่คราวน์ก็ยังคงนั่งอยู่ในร้าน

    “เข้าเรื่องเลยไหมคุณชายโตะ” พี่คิงถาม หน้าเขาเริ่มตึงเครียด

    “พูดมาเลย ไอ้เบย์มันคงอยู่คุ้มกันขนมเทียน” ฮารุโตะบอก ฉันมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ ตกลงมันกำลังเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเกี่ยวโยงไปถึงเพื่อนฉันได้

    “ทำไมถึงต้องมีคนคุ้มกันขนมเทียน มันเกิดอะไรกับเพื่อนฉันฮารุโตะ”

    “กับน้องขนมเทียนอาจจะเกี่ยวนิดหน่อย แต่น้องอันนาน่ะเต็มๆ” พี่คราวน์พูด

    “สงครามของแวมไพร์กำลังจะเริ่มขึ้นแล้วอันนา” จบคำพูดนั้นฮารุโตะก็จับมือฉันไปกุมแน่น เป็นครั้งแรกที่ฝ่ามือของคนตรงหน้ามีเหงื่อชื้นออกมา เขามองหน้าฉันด้วยสายที่ยากจะอธิบาย ทั้งแน่วแน่ ขึงขัง และหวาดหวั่น 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×