คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : EPISODE 07
EPISODE 07
ฉันรู้สึกคล้ายกับมีคนกำลังเรียก น้ำเสียงที่แสนคุ้นเคยกำลังกระซิบอยู่ข้างหู เป็นเสียงที่ค่อนข้างอ่อนโยน เขาคือใครกันนะ อยากจะลืมตาขึ้นมาดู แต่เปลือกตาของฉันมันกลับหนักอึ้งเกินไป
“อันนา ตื่นเถอะครับคนดี” น้ำเสียงอ่อนโยนยังคงกระซิบอยู่ใกล้ๆ
“คุณคือใคร” เอ่ยออกไปแค่นั้น ก่อนฉันจะพยายามลืมตาอีกครั้ง แสงสว่างจ้ารอดเข้าในสายตาทำให้ฉันต้องปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง นับ 1-3 ในใจแล้วถึงลืมตา
“อันนาเป็นยังไงบ้างครับ” คราวนี้สายตาฉันเริ่มปรับได้แล้ว สิ่งที่เห็นคือใบหน้าหล่อเหลาของชายตรงหน้า ฮารุโตะผู้ชายที่ทำกับฉันไว้ซะเจ็บแสบ! ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ในหัวก่อนหน้านั้นไหลเข้ามาไม่หยุด เขามันเป็นผู้ชายร้ายกาจ ที่เห็นฉันเป็นแค่ของเล่น คงจะสนุกมากสินะที่เห็นท่าทางน่าสมเพชของฉัน
พลัก! “ออกไปเดี๋ยวนี้ไอ้โรคจิต!” เอ่ยออกไปพร้อมกับยื่นมือผลักอีกฝ่ายเต็มแรง น่าเสียใจที่แรงของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันมีไม่มากพอ ร่างกายฮารุโตะถึงไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย “นายมันปีศาจ โรคจิต นายเป็นตัวอะไรกันแน่ฮารุโตะ”
“สำคัญด้วยเหรอในเมื่อผมรักเธอ จะเป็นอะไรก็ช่างมันไม่ได้เหรออันนา”
ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง เขาค่อยๆ สาวเท้าเข้ามาใกล้ฉัน ในขณะที่ฉันเองก็ค่อยๆ เขยิบถอยหลังหนี กระทั่งแผ่นหลังฉันชนเข้ากับผนังห้อง ในที่สุดก็เป็นฉันเองที่ไร้หนทางหนี ฮารุโตะขยับเข้าหาฉันเรื่อยๆ เขาใช้มือจับข้อเท้าฉัน
เพี้ยะ! และต่อมาฉันก็เป็นฝ่ายปัดมือเขาออกไป
“อย่ามาถูกตัวฉัน” บอกออกไปตามที่คิดก่อนฉันจะหันหน้าไปทางอื่น ไม่อยากมองหน้าผู้ชายคนนี้ ผู้ชายที่หลอกให้ฉันหวาดกลัวแรมเดือน กี่ครั้งแล้วที่เขาทำเรื่องไม่น่าให้อภัยกับร่างกายฉัน
หมับ! “อย่าให้ฉันต้องหมดความอดทนอันนา” ฮารุโตะเลิกแทนตัวว่าผม ดวงตาที่เคยใสซื่อไร้เดียงสาตอนนี้กลับคุกรุ่นด้วยแรงอารมณ์ ฝ่ามือหนาเลื่อนมาจับสะโพกของฉัน ก่อนเขาจะบังคับให้นอนหงายลงกับเตียงแล้วตามมาคร่อมทับ
“รู้ไหมว่าฉันต้องอดทนแค่ไหนที่จะไม่ทำร้ายเธอ รู้ไหมว่าฉันแทบจะอยากจับเธอมาขย้ำให้สาแก่ใจ อยากจะทำให้ดอกไม้แบบเธอแปดเปื้อนแค่ไหน”
“อึก! ปล่อยฉัน เอามือของนายออกไปเดี๋ยวนี้” ฉันร้องออกไปอย่างคนเสียขวัญ นิ้วเรียวของเขากำลังสอดเข้าใต้กระโปรงฉัน เขาจะทำมันอีกแล้ว
“ฉันอดทนกับเธอมามากพอแล้วอันนา” สิ้นเสียงของฮารุโตะ ชุดเดรสที่ฉันใส่ก็ถูกกระชากออกไปอย่างไม่ไยดี รู้สึกแสบยิบๆ ไปทั่วผิวกาย รอยแดงเป็นริ้วๆ ปรากฏตามร่างกาย เนื่องจากถูกเนื้อผ้าเสียดสีจากการดึงทึ้ง
เพี้ยะ! คราวนี้ฉันตบเข้าไปที่หน้าของฮารุโตะเต็มแรงเมื่อเขายังไม่ยอมหยุด
“ฮึก อื้ออ เจ็บ” แต่ก็แค่ครั้งเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นฮารุโตะก็กดจูบลงมาที่ปากของฉัน เขาทั้งบดขยี้และพยายามจะสอดใส่ปลายลิ้นร้อนเข้ามาให้ได้ ฉันเบือนหน้าหนีแต่ก็ถูกเขาใช้กำลังบังคับ ด้วยการบีบคางไว้แน่น จงใจให้ฉันตอบรับสัมผัสวาบหวามป่าเถื่อน
“เธอเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้นอันนา” น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยประโยคนี้ซ้ำไปมาราวกับคนเสียสติ ริมฝีปากบางค่อยๆ พรมจูบไปทั่วร่างกายของฉัน ดูดดึงตวัดเกี่ยวจนสาแก่ใจ
“ฮึก! ฮื่ออออ เจ็บ! ฮารุโตะฉันเจ็บ” น้ำตาฉันไหลออกมาทันทีเมื่อรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างกำลังสอดใส่เข้ามาในร่างกาย รู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งตัว ราวกับร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
“อืมม อันนาใจเย็นนะ ผ่อนคลายหน่อยนะครับคนดี”
ฉันสัมผัสได้ถึงลมหายใจที่ร้อนผ่าวของคนบนร่าง น้ำเสียงแหบพร่ากระซิบอยู่ข้างหู
ด้วยความเจ็บ ฉันจึงพยายามทำตามที่ร่างสูงบอก ไม่สนแม้กระทั่งท่านอนแสนน่าอายในตอนนี้ จากนั้นความจุกก็ค่อยๆ ทุเลาลง “อย่ามองนะ!” ร้องบอกออกไปเมื่อเริ่มตั้งสติได้ พร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างปิดหน้าอกตัวเอง
แต่ก็แค่นั้นในเมื่อฮารุโตะไม่ยอม เขาดึงมือฉันออกพร้อมกับค่อยๆ ขยับส่วนล่างอีกครั้ง น้ำตาฉันเอ่อคลอทันทีเมื่อรู้ว่าเขาต้องการที่จะทำมันต่อ
“เรียกชื่อฉันสิอันนา” ร่างสูงที่อยู่บนร่างกายสั่ง ฉันเม้มปากแน่นไม่ยอมศิโราบโดยง่าย แต่ทว่า
“ฮึก ฮารุโตะ ฮารุโตะ!” ฉันแพ้ให้กับผู้ชายตรงหน้าอีกครั้ง ยอมจำนนแต่โดยดีเมื่อเขาลงมือทำอะไรบางอย่างกับร่างกายตัวเอง ฉันเงยหน้ารับจูบของฮารุโตะเมื่ออีกฝ่ายจงใจบีบคาง เพื่อเป็นสัญญาณเตือนให้เปิดปาก
2 ชั่วโมงต่อมา
หลังจากฮารุโตะทำอะไรกับร่างกายฉันจนพอใจ เขาก็ล้มตัวลงนอนข้างฉัน มือทั้งสองยังคงกอดรัดเอวไว้แน่น เขาไม่ยอมให้ฉันลุกไปไหน ฉันจึงทำได้เพียงนอนเปลือยกายให้เขากอด ฉันมองอีกฝ่ายด้วยความรังเกียจก่อนสายตาจะไปสะดุดเข้ากับรอยสักรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวของฮารุโตะ มันดูคล้ายกับของฉันมาก เพียงแต่ของฉันไม่ใช่สิ่งที่สลักขึ้นเอง
ตุบ!
เสียงคล้ายกับวัตถุบางอย่างตกลงพื้นทำให้ฉันหันไปมองโดยอัตโนมัติ พอเห็นว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นใคร ก็รีบหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างตัวเองทันที “พี่เข้ามาได้ไงคะ” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงแตกตื่น เป็นพี่คราวน์นั่นเอง เขาเห็นฉันโป๊แล้ว… ไม่นะ แค่ฮารุโตะคนเดียวก็จะบ้าแล้ว
“เหี้ยคราวน์ ก่อนเข้ามามึงไม่ดูให้ดี วะ!” ยังไม่ทันหายตกใจ ฮารุโตะที่พึ่งตื่นก็ลุกขึ้นไปหาพี่คราวน์ โดยท่อนบนยังคงเปลือยเปล่า พร้อมกับกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายอย่างแรง
“โทษที ก็แค่เห็นแวบๆ”
“มึงก็เห็นไหมล่ะสัส!!” ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินน้ำเสียงเกรี้ยวกราดของฮารุโตะ นี่ใช่ไหมคือตัวตนแท้จริงของเขา ฉันหันไปมองทางพี่คราวน์พบว่าเขาไม่ได้ตื่นตระหนกเหมือนกับฉัน หน้าเขายังตายด้านเหมือนเดิม สุดยอดเลยผู้ชายคนนี้
“กูให้ต่อยคืนไหมล่ะ”
ผั่วะ!!! จบคำพูดนั้นฮารุโตะก็ต่อยหน้าของพี่คราวน์แทบจะทันที ฉันมองไปทางเขาอย่างอึ้งๆ ถ้าฉันทำอะไรให้เขาไม่พอใจ เขาจะต่อยฉันแบบนี้ไหม
“มึงออกมากับกูเดี๋ยวนี้เลยเหี้ยคราวน์” ฉันมองตามหลังของทั้งสอง พอเห็นว่าออกไปแล้ว จึงรีบหยิบเสื้อผ้าที่กองบนพื้นมาเปลี่ยน แต่ให้ตายสิเดรสของฉันมันกลายเป็นเศษผ้าชิ้นเล็กๆ ไปแล้ว ฉันเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของฮารุโตะ ก่อนจะเปิดมันออกแล้วหยิบเสื้อของเขา ที่น่าจะตัวเล็กที่สุดออกมา แม้จะแอบไม่ชอบใจที่ต้องใส่ของของเขา แต่เหตุการณ์ตอนนี้มันช่วยไม่ได้
ตอนนี้ฮารุโตะยังไม่ได้เข้ามาในห้อง ฉันเลยเดินสำรวจห้องเขา รู้ไหมสิ่งที่ฉันเจอคืออะไร ห้องของเขามีแต่รูปฉันติดเต็มไปหมด มันเยอะกว่าเมื่อคืนมากๆ เป็นสิบเท่า คราวนี้ฉันเลยเดินไปตรงหน้าต่างเพื่อดูว่าชั้นนี้อยู่สูงแค่ไหน ปรากฏว่าสูงมาก หนีไม่ได้แน่
“ใส่ชุดอะไรของเธอเนี่ยอันนา” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดเมื่อเดินเข้ามาในห้อง
“ก็นายทำเดรสฉันขาดแล้วจะให้ใส่อะไรล่ะ” ฉันเองก็เถียงสุดใจเหมือนกัน ความผิดเขาทั้งนั้น มาโทษฉันได้ไง ฮารุโตะไม่พูดอะไร เขาเดินมาหาฉันก่อนจะอุ้มตัวลอยไปบนเตียง ผ้าห่มผืนหนาถูกนำมาคลุมร่างฉันจนมิด จากนั้นก็มีผู้ชายอีกสี่คนเดินเข้ามา
“นายคงไม่ได้ให้คนพวกนี้ซ้อมฉันใช่ไหม” ฉันถามออกไปด้วยความระแวง สองขาเขยิบไปหลบอยู่ด้านหลังฮารุโต๊ะโดยอัตโนมัติ “ไม่มีทาง ฉันอยู่ใครจะกล้าทำอะไรเธอ” ฮารุโตะตอบกลับมาด้วยความมั่นใจ อ่า…แต่ถ้า 4-1 ก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ
“คุณชายโตะห้องมึงหอมฉิบหายเลยว่ะ” ผู้ชายที่ชื่อคิงพูด พร้อมกับสูดหายใจเต็มปอด ว่าแต่ไอ้กลิ่นหอมๆ มันคืออะไร ฉันนั่งอยู่ในห้องตั้งนานยังไม่ได้กลิ่นเลยสักนิด
“คนแพร่ฟีโรโมนนั่งอยู่ข้างหลังคุณชายโตะ ไม่หอมได้ไงวะ” ผู้ชายที่ชื่อคราวน์พูดต่อ ก่อนจะส่งสายตามาทางฉัน “อ้อ เมื่อกี้ขอโทษด้วยนะครับอันนา”
“ค่ะ ไม่เป็นไร” ฉันตอบกลับ ก็เห็นไปแล้วจะให้ทำไงได้ล่ะ
“อันนารู้ไหม พวกมันมาที่นี่ทำไม” ฮารุโตะที่นั่งเงียบมาสักพักตั้งคำถาม แน่นอนว่าฉันส่ายหน้า ฉันไม่รู้อะไรเลย “อันนาเชื่อเรื่องแวมไพร์ไหม” ฮารุโตะพูดต่อ
“นายจะบอกว่านายคือแวมไพร์เหรอ” ถามซื่อๆ ออกไป
“โป๊ะเชะ” พี่คิง
“ถูกต้องนะครับ” พี่เบย์
“หัวไวนี่” พี่คราวน์
ฉันกุมขมับ ก็ไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่หรอก แต่ดูเหมือนอะไรหลายอย่างที่ฉันเจอมันไม่ค่อยปกติน่ะสิ
“อันนารู้ตัวไหมว่าตัวเองอันตรายมาก” ฮารุโตะยังคงพูดต่อ “กลิ่นตัวอันนามันอันตราย หอมมากไปมันจะทำให้เผ่าอื่นคลั่งได้ง่ายๆ ผมถึงต้องตามติดเธอไง”
“ฉันเนี่ยนะตัวหอม” ชี้ไปที่ตัวเองอย่างไม่เข้าใจ อีกสี่คนที่เหลือจึงพากันพยักหน้าเป็นเชิงยืนยัน
“คนที่ได้กลิ่นมีแค่ปีศาจกับแวมไพร์เท่านั้น ถ้าอันจะงงก็ไม่แปลก” ฮารุโตะอธิบายเพิ่มเหมือนรู้ว่าฉันต้องไม่เข้าใจแน่ บ้าจริงปวดหัวชะมัด นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกันเนี่ย
“แล้วทำไมนายถึงต้องทำเรื่องแบบนั้น” ฉันถามออกไป อย่าคิดว่าฉันจะลืมนะว่าก่อนหน้านั้นตัวเองโดนอะไร ทั้งฉวยโอกาสตอนเป็นสตอล์คเกอร์มาลวนลาม ไหนจะเรื่องอื่นอีก
“เพราะอันนาเป็นดอกไม้ของผม” คราวนี้ฉันมึนไปใหญ่
“คุณชายโตะมันหมายถึงเนื้อคู่น่ะ” พี่เบย์อธิบาย ฉันนั่งกุมขมับไม่รู้ว่าเอายังไงดี อยู่ๆ เนื้อคู่ก็โผล่มา แล้วก็มาลวนลามข่มขืนฉันเนี่ยนะ ทำไมไม่มีใครพูดแทรก แล้วบอกว่าล้อเล่นเลยล่ะ
“ที่อันนาถามว่าทำไมถึงทำแบบนั้นผมจะบอกให้ก็ได้” เมื่อฮารุโตะเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งเงียบเขาจึงเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน แน่นอนว่าฉันเงยหน้ามองเขาทันที
“อันนามีพลังชีวิตไหลเวียนสูงเกินไปเลยต้องเอาออก ไม่งั้นกลิ่นฟีโรโมนจะแรงขึ้น อันตรายกับตัวเองแล้วก็คนอื่น” ฉันไม่ค่อยเข้าใจ แล้วมันเกี่ยวกับเรื่องที่เขาทำยังไง “แวมไพร์ดูดพลังงานมนุษย์จากการสัมผัส กอด ถูกเนื้อต้องตัว รวมถึงการมีเซ็กส์ด้วย” ฉันนิ่งค้าง คล้ายกับตอนนี้อยู่ในฝันร้าย
“แค่สัมผัสตัวก็ได้แล้วนี่นา ทำไมถึงต้องทำแบบนั้นล่ะฮารุโตะ” ยอมรับมาเถอะว่าลึกๆ แล้วนายเห็นแก่ตัว ทางเลือกมีเยอะแยะแต่กลับไม่ทำ
“การมีเซ็กส์มันดูดพลังงานได้ดีและเร็วที่สุด อีกอย่างผมรักอันนาด้วย”
คำพูดคำจาไม่ได้รู้สึกผิดเลย ฉันมองฮารุโตะ และเขาเองก็มองฉัน ไม่รู้ว่าตัวเองควรทำยังไงดี แค่เพราะว่ารักเขาเลยมีสิทธิ์จะทำเรื่องบ้าๆ พวกนี้กับฉันงั้นเหรอ ไหนจะเรื่องเนื้อคู่ ดอกไม้อะไรนั่นอีก ฉันไม่รู้ว่าควรทำความเข้าใจเรื่องไหนก่อนดี
“ขอเวลาทำใจก่อนได้ไหม…มันเหลือเชื่อเกินไปจนฉันสับสน” พึมพำเสียงแผ่ว ก่อนฉันจะนั่งกอดเข่าตัวเองนิ่ง สมองก็พยายามจะทำความเข้าใจกับมันให้ได้
“ครับน้องอันนา พวกเรารู้ว่ามันเป็นเรื่องเข้าใจยาก” พี่เบย์พยักหน้าอย่างเข้าใจ พลางเดินออกจากห้อง ปล่อยให้ฉันได้มีเวลาคิดทบทวน ทว่ากลับมีใครคนหนึ่งที่ยังนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ขยับไปไหน
“นายด้วย…ออกไป” ฉันเอ่ยปากไล่ ตอนนี้ไม่เจอหน้าใครทั้งนั้นโดยเฉพาะเขาฮารุโตะ
“ที่นายบอกว่ารักฉัน คงไม่จริงหรอก” ฉันเอ่ยเสียงเบาเมื่อเห็นชัดว่าเขาจะอยู่ให้ได้ “ไม่จริงอันนา ผมรักเธอมากนะ” และก็เป็นอย่างที่คิดเขาสวนกลับมาทันที
“ถ้านายรักฉันจริงนายจะไม่ทำแบบนั้นฮารุโตะ ทั้งที่ฉันบอกว่าเจ็บนายก็ยังทำ ทั้งที่ฉันขอร้องอ้อนวอนขนาดนั้น แต่นายก็ไม่คิดจะฟังกัน นั่นน่ะนายไม่ได้รักฉันหรอก แต่นายรักตัวเองต่างหาก”
จบคำพูดฉันยกมือปาดน้ำตาลวกๆ ทั้งโกรธ เสียใจ น้อยใจ อารมณ์ทุกอย่างตีกันไปหมด
“ขอโทษ อันนาอย่าเกลียดผมเลยนะ” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ย พร้อมกับรั้งตัวฉันไปกอดแน่น มีหลายเรื่องที่ฉันอยากถามฮารุโตะ แต่ไม่รู้ทำไมปากถึงไม่ยอมขยับ คล้ายกับฉันกำลังเหนื่อยเกินไปที่จะรับรู้เรื่องต่างๆ
“อยากกลับหอ” นั่นคือความรู้สึกจริงๆ ของฉันตอนนี้ “ผมว่าอย่าพึ่งดีกว่า” ฮารุโตะค้าน ซึ่งไม่ได้อยู่เหนือการคาดหมายของฉันสักนิด
“ที่จริงฉันไม่ต้องขอนายด้วยซ้ำฮารุโตะ นายไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตฉัน”
“ตอนนี้มันอันตรายเกินไป อันนาไม่รู้หรอกว่าเผ่าอื่นมันเห็นอันนาเป็นอะไร แต่ถ้ายังดื้อดึง พูดไม่รู้เรื่องผมคงต้องล่ามไว้” ร่างสูงไม่ได้แค่ขู่ แต่เขาทำให้ฉันเห็นด้วยการเดินไปหยิบโซ่ออกมา แน่นอนว่าฉันไม่อยากโดนล่ามเหมือนสัตว์หรอกนะ
“ฉันแค่เป็นห่วงสายสิญจน์ แค่อยากเห็นว่ายัยนั่นปลอดภัยดีหรือเปล่า” เอ่ยความต้องการของตัวเองออกไปพร้อมกับนั่งนิ่งเพราะไม่อยากโดนเขาทำอะไรแปลกๆ
“เรื่องนั้นอันนาไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ฮารุโตะยิ้มออกมาเล็กน้อย มือขวาเขาแตะที่ไหล่ฉันเบาๆ
“ยูริเข้ามา” สิ้นเสียงนั้นฉันก็เห็นว่าร่างบางของสายสิญจน์กำลังเดินเข้ามาในห้อง เธอก้มหน้าลงเล็กน้อยพลางโน้มตัวลงคล้ายกับการทำความเคารพ แน่นอนว่ามีคำถามมากมายผุดเข้ามาในหัวฉันไม่หยุด
“ทำไมสายสิญจน์ถึง…” เอ่ยออกไปแค่นั้นฉันก็มองไปที่ฮารุโตะอย่างไม่เข้าใจ
“สายสินก็คือยูริ ยัยนี่เป็นแวมไพร์ ที่สำคัญยังสังกัดตละกูลของผม”
“หมายความว่าเธอจงใจเข้าหาฉันเหรอ” ฉันถามออกไปเมื่อเนื้อเรื่องมันเริ่มโยงเข้าหากัน ฮารุโตะพยักหน้าให้แทนการยืนยัน
“งั้นที่เธอทำเหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่าง คนคนนั้นก็คือนายใช่ไหม นายเป็นคนทำเหรอ”
“ใช่ ยูริคงกลัวเพราะตอนนั้นเธอถูกผมลงโทษไปนี่นา” ร่างสูงเอ่ยสั้นๆ สายตาคมกริบมองไปที่สายสิญจน์อย่างเย็นชา ทำเอาร่างบางถึงกับสะดุ้ง
“นายทำอะไรเธอฮารุโตะ” ถามออกไปอย่างต้องการคำตอบ มันต้องรุนแรงแค่ไหนกันร่างบางตรงหน้าถึงได้หวาดกลัวราวกับคนเสียสติ
“อันนาอย่ารู้เลยเดี๋ยวตกใจเปล่าๆ โทษของคนที่บังอาจแนะนำชายอื่นให้กับผู้หญิงของผมไม่เบาหรอก ความจริงนี่แค่สั่งสอนด้วยซ้ำ” จบคำพูดฮารุโตะก็หันมาทางฉัน พร้อมกับยื่นนิ้วเกลี่ยปอยผมที่บดบังโครงหน้า
เขากดริมฝีปากลงแก้มฉันเบาๆ แล้วเดินออกจากห้องไป ทิ้งให้ฉันอยู่ตามลำพังกับสายสิญจน์ ไม่สิ…กับยูริ
“ขอโทษนะอันนาที่ฉันโกหกเธอ ฉันขัดคำสั่งตระกูลใหญ่ไม่ได้จริงๆ” ร่างบางเอ่ยขอโทษฉันยกใหญ่ พร้อมกับสำรวจร่างกายฉันไปด้วย
“ขอโทษแทนคุณชายฮารุโตะด้วยนะอันนา ดูเหมือนว่าเขาจะรักเธอมากเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่คนที่คิดร้ายกับเธอหรอก” สายสินยังคงเอ่ยแต่คำขอโทษ เมื่อสังเกตเห็นรอยบอบช้ำอยู่ทั่วตัวฉัน
“เธอไม่เห็นต้องขอโทษเลย คนทำไม่ใช่เธอนี่”
บอกออกไปตามความจริง ไม่จำเป็นเลยที่สายสิญจน์ต้องรู้สึกผิดแทนผู้ชายคนนั้น “แล้วฮารุโตะเขาทำอะไรเธอเหรอ” ว่าแล้วฉันก็ลองตะล่อมถาม เพราะรู้สึกคาใจมากๆ
“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกอันนา เพราะฉันผิดจริงๆ นั่นแหละ” ร่างบางหันมายิ้มให้กับฉัน เธอหยิบของที่อยู่ในถุงออกมา อ่า…มันคือเสื้อผ้านั่นเอง
“พอเห็นว่าเธอพยายามขนาดนั้น ฉันที่เห็นเลยอดเอาใจช่วยไม่ได้น่ะ สุดท้ายก็เลยทำผิดกฎไปซะได้” ผู้หญิงตรงหน้าฉันกำลังแสร้งหัวเราะ แววตาของเธอดูเศร้าพิกล
ในเมื่อร่างบางไม่อยากบอก ฉันเองก็ไม่อยากเซ้าซี้อีกฝ่ายเท่าไหร่ หันไปสำรวจร่างกายที่โผล่พ้นเสื้อผ้าของเธอแทน ไม่มีร่องรอยบาดแผลอะไร ฉันคงคิดมากไปจริงๆ
“ว่าแต่…เธอคือแวมไพร์จริงสินะ” ถามด้วยความสงสัย เพราะสุดท้ายก็ยังไม่อยากเชื่อเรื่องที่ฮารุโตะพูดมา “อื้อใช่แล้วล่ะ ขอโทษด้วยนะที่แอบดูดพลังงานจากเธอไปตั้งหลายครั้ง” จบคำพูดนั้นฉันก็นิ่งเงียบ รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้ มันดูดกันง่ายขนาดนั้นเชียว
“แต่ก็แค่นิดเดียวจริงๆ นะอันนา” สายสิญจน์รีบพูดต่อเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป
“อื้อ ฉันแค่กำลังทำความเข้าใจกับการกินอาหารของแวมไพร์น่ะ อ่ะ! ไม่ต้องใส่ให้ฉันก็ได้สายสิญจน์ ฉันแต่งตัวเองได้เธอออกไปก่อนเถอะ” ร้องบอกออกไปเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะแต่งตัวให้ คือมันไม่ชินน่ะ ถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกัน แต่ให้มาดูตอนโป๊ก็ยังไงอยู่ ฉันยิ่งค่อนข้างขี้อายด้วย
สายสิญจน์ได้ยินดังนั้นพยักหน้าเข้าใจ ยอมเดินออกไปโดยดี ทว่ายังไม่วายพูดทิ้งท้ายให้ฉันตะโกนเรียกถ้ามีอะไรเกิดขึ้น
ความคิดเห็น