ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #7 : EPISODE 06

    • อัปเดตล่าสุด 10 ธ.ค. 66


    EPISODE 06

    ฮ้าว! ฉันหาวออกมาเล็กน้อยเนื่องจากพึ่งตื่นนอน ทำไมกันนะทั้งที่เมื่อคืนก็นอนเร็ว ทำไมตอนเช้า ตื่นมาถึงง่วงได้ขนาดนี้ ส่ายหัวไล่ความง่วงเล็กน้อยก่อนจะลุกไปอาบน้ำอย่างทุกที

    สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นประตูระเบียงที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ดังนั้นจึงก้าวเท้าไปยังพื้นที่ดังกล่าวเพื่อปิดประตู

    “นี่มันของใครเนี่ย” ฉันหยิบแหวนสีเงินที่ตกอยู่ข้างระเบียงขึ้นมาดู ข้างในตัวแหวนถูกสลักด้วยภาษาอะไรสักอย่างที่ฉันไม่สามารถเข้าใจได้ มันมาอยู่นี่ได้ยังไง นี่มันชั้น 6 เลยนะ ดูจากทรงแล้วนี่คงไม่ใช่ขนาดของนิ้วมือผู้หญิง เพราะงั้นตัดสายสิญจน์ออกไปได้เลย แต่นอกจากเธอแล้วก็ไม่เคยมีใครเข้ามาในห้องของฉัน

    เก็บความสงสัยไว้ในใจ ก่อนจะหยิบแหวนวงนั้นไปวางไว้บนโต๊ะเครื่องแป้ง แล้วจัดการทำธุระของตัวเองจนเสร็จ หลังจากเปิดประตูห้องออกมาสิ่งที่น่าประหลาดใจก็เกิดขึ้นกับฉันอีกครั้ง ไม่มีซองจดหมาย ไม่มีดอกกุหลาบวางไว้เหมือนกับทุกที

    หรือว่าโรคจิตนั่นมันจะถอดใจไปแล้ว ได้แต่ไม่เข้าใจในการกระทำของมัน แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนั่นแหละ คิดได้ดังนั้นฉันก็เดินไปเคาะประตูห้องสายสิญจน์ รอไม่นานเจ้าตัวก็เปิดประตูออกมา

    “ดีจ้าอันนา” เจ้าของห้องทักด้วยรอยยิ้ม

    “ดีจ้าสายสิญจน์ ว่าแต่แหวนวงนี้ใช่ของเธอหรือเปล่า? ” ฉันกล่าวทักทายพร้อมกับยื่นแหวนวงดังกล่าวให้เธอดู

    “อืมไม่นะ เราไม่ชอบใส่พวกของประดับหรอก”

    “อย่างนั้นเหรอ” ฉันพยักหน้าเข้าใจพลางโยนแหวนวงนั้นลงถังขยะ ในเมื่อไม่มีเจ้าของก็ทิ้งไปเถอะ ฉันไม่ค่อยชอบเก็บของที่ไม่รู้จักมาไว้กับตัวน่ะ

    “ทิ้งเลยเหรออันนา เสียดายอ่ะสวยขนาดนั้น”

    “อื้ม ของใครไม่รู้เก็บไว้แล้วมันรู้สึกแปลกๆ น่ะ”

    “เรื่องเมื่อคืนฉันโทรไปเล่าให้ขนมเทียนฟังหมดแล้วนะ” ฉันขมวดคิ้วงง มองไปที่คนข้างกาย ถ้าหมายถึงเมื่อคืนก็…เรื่องของฮารุโตะเหรอ?

    “ก็เรื่องที่เธอคบกับฮารุโตะไง รู้ไหมทันทีที่ฉันเล่าจบ ยัยนั่นกรี๊ดลั่นเอาซะฉันหูแทบดับ แถมมีการพูดเรื่องเซ้นส์แรงด้วย” ฉันยิ้มออกมานิดหน่อย ก็ไม่ต่างจากที่คิดไว้เท่าไหร่ เล่นอวยขนาดนั้น ในขณะที่ฉันกับสายสิญจน์กำลังเดินคุยกัน รถยนต์คันหรูที่แสนคุ้นตาก็ค่อยๆ ขับมาจอดขนาบข้างเราสองคน พูดถึงก็มาเลยผู้ชายคนนี้

    ฮารุโตะ: อันนาครับ ให้ผมไปส่งนะ

    ใบหน้าคมคายลดกระจกลง พร้อมกับส่งยิ้มทักทายจนเห็นเคี้ยวเล็กๆ มือก็ยืนกระดาษข้อความออกมานอกรถ

    “ขอบใจมากนะ” ฉันเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเดินไปเปิดประตูรถ แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อสายสิญจน์เอาแต่ยืนนิ่ง “สายสิญจน์ไม่ขึ้นมาล่ะ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย

    “ไม่เป็นไรหรอกอันนาเราเดินไปดีกว่า” ร่างบางเอ่ย แน่นอนว่าฉันไม่ยอม จะให้ตัวเองนั่งสบายคนเดียวแล้วปล่อยให้เพื่อนเดินได้ยังไง

    “ฮารุโตะนายไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันเดินไปเป็นเพื่อนสายสิญจน์เอง พอดีวันนี้อยากออกกำลังกายน่ะ” พูดจบฉันก็ปิดประตูแล้วเดินมาหาสายสิญจน์

    “มะ ไม่เป็นไรหรอกอันนาเราเดินไปคนเดียวเองได้”

    ระหว่างที่ฉันกับสายสิญจน์ยังตกลงกันไม่ได้ ก็เป็นฮารุโตะเองที่เดินลงมาจากรถก่อนจะยื่นข้อความให้สายสิญจน์อ่าน แต่น่าเสียดายที่ฉันไม่รู้ว่าเขาพิมพ์อะไรไปบ้าง อยู่ๆ ร่างบางตรงหน้าถึงได้ยอมขึ้นมาบนรถโดยดี

    “สายสิญจน์เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย หน้าเธอซีดมากเลย” ถามออกไปด้วยความเป็นห่วง ไม่ใช่แค่นั้นนะเธอยังตัวสั่นเล็กน้อยด้วย เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนฉันเนี่ย

    “ฮารุโตะพาไปส่งโรงพยาบาลได้ไหม สายสิญจน์อาการแย่มากเลยอ่ะ”

    ฉันเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรน ฮารุโตะเองก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ทว่าสายสิญจน์ก็ยื่นมือมาดึงเสื้อฉันไว้แน่น “ไม่ ไม่ ฉันขอลง ให้ฉันลงเดี๋ยวนี้นะ!!!”

    กึก! เสียงเบรกรถกะทันหัน ทำให้ทั้งฉันและสายสิญจน์เงียบไปในทันที ฉันไม่รู้ว่าจะตกใจเรื่องไหนก่อนดี ระหว่างสายสิญจน์ที่อยู่ๆ ก็ขึ้นเสียงใส่ฉัน หรือจะเป็นฮารุโตะที่อยู่ๆ ก็เบรกรถกลางถนน ถึงอย่างนั้นฉันก็เลือกที่จะมองไปที่ฮารุโตะเพื่อขอคำตอบ

    ฮารุโตะ: แค่หมาตัดหน้ารถน่ะครับ

    ฉันไม่พูดอะไรนอกจากหันไปลูบหลังสายสิญจน์เบาๆ “เธอเป็นอะไรบอกฉันหน่อยได้ไหม เห็นเธอเป็นแบบนี้ฉันเป็นห่วงนะ” พูดออกไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่คนตรงหน้าฉันก็ยังตัวสั่นไม่เลิก มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย

    “อย่าตามฉันมานะขอร้อง” ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากรั้ง สายสิญจน์ก็ผลักฉันพร้อมกับเปิดประตูรถแล้ววิ่งออกไป ฉันตัวแข็งทื่อ คิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

    ปริ้น!!! เสียงบีบแตรลั่นทำให้ฮารุโตะต้องรีบขยับรถ ฉันพยายามมองไปตามทางที่สายสินวิ่งออกไป ไม่รู้ว่าเธอหายไปไหนแล้ว พอฉันโทรหาก็ไม่ยอมรับสาย

    ฮารุโตะ: เพื่อนของอันนาไม่เป็นไรหรอกครับ

    “แล้วฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่าสายสิญจน์จะไม่เป็นไร ในเมื่อยัยนั่นทำเหมือนกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง” เอ่ยออกไปอย่างที่คิด รู้สึกปวดหัวขึ้นมาตุบๆ

    ฮารุโตะ: ไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวผมจะให้เพื่อนช่วยตามหา ตอนนี้อันนาปล่อยให้สายสิญจน์อยู่คนเดียวก่อนดีกว่า เหมือนเขาจะมีเรื่องให้คิดนะ

    อ่านข้อความจบฉันก็ได้แต่มองหน้าฮารุโตะนิ่งๆ จะใช่เหรอ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ยังดีๆ อยู่เลย ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ สุดท้ายฉันก็ได้แต่ยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วตัวเอง เพื่อบรรเทาอาการปวดหัว ที่เริ่มปะทุแรงขึ้นเรื่อยๆ

    ใช้เวลาไม่นานก็มาถึงหน้าคณะ ทันทีที่ฉันก้าวเท้าลงจากรถสายตานับสิบคู่ก็พุ่งมาที่ฉัน บางคนก็ดูแตกตื่น บ้างก็ขมวดคิ้วงงๆ บ้างก็ทำเสียงฮือฮา ฉันที่ทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ยืนเกร็ง ปกติก็ไม่ค่อยมีใครสนใจฉันนะ แต่พอวันนี้ฉันมาพร้อมฮารุโตะทำไมต้องทำเป็นเวอร์กันด้วย

    ฮารุโตะ: ไม่เป็นไรนะอันนา

    เหมือนเขาจะรู้ว่าฉันกังวล ฮารุโตะถึงได้คว้ามือฉันไปกุมเบาๆ คล้ายกับต้องการให้กำลังใจ แน่นอนว่ามันได้ผล ร่างกายฉันหายเกร็งทันที ความรู้สึกอุ่นวาบแทรกซึมเข้ามาในหัวใจอย่างง่ายดาย ฉันยิ้มให้เขาแทนการขอบคุณ ก่อนจะแกล้งทำเป็นไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง

    “จับมือกันแบบนี้ ดีแล้วเหรอฮารุโตะ”

    ถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ ก่อนฉันจะมองไปที่มือของเราทั้งสอง ไม่มีใครคิดจะปล่อยมือก่อน ดังนั้นฉันจึงปล่อยเลยตามเลย จนกระทั่งถึงห้องเรียน เราทั้งคู่ถึงได้แยกจากกัน เขาเดินไปหาเพื่อนเขา ส่วนฉันก็ไปหาขนมเทียน

    แต่ทำไมกันนะฉันถึงได้รู้สึกว่าทุกย่างก้าวของตัวเอง ถูกจับตามองด้วยสายตาของฮารุโตะ แน่นอนว่าฉันไม่ใส่ใจอะไร ทำเหมือนไม่รู้เรื่องแล้วเดินไปนั่งข้างขนมเทียนที่มองฉันตาแป๋ว “ยังไงกันอันนา ได้ข่าวว่าคบกันแล้วนี่”

    ยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้ดีๆ ขนมเทียนก็เป็นฝ่ายเอ่ยถามฉัน เธอดูตื่นเต้นมากเลย

    “ก็คบกันแล้วไง” ฉันเองก็ตอบตามความจริง

    “ฮื่อออ ดีจังเลยอันนา พอรู้ว่าเธอได้คบกับผู้ชายที่ดีขนาดนั้น” ขนมเทียนพูดออกมาด้วยรอยยิ้มดีใจ แถมยังดึงฉันเข้าไปกอดซะเต็มอก เป็นแม่ฉันเหรอยัยคนนี้

    “แล้วนี่เธอสนใจจะไปปาร์ตี้วันเกิดของมิวไหม ยัยนั่นฝากมาถามน่ะ”

    “เธอไปไหมอ่ะขนมเทียน” ฉันไม่ตอบแต่ถามเธอกลับ คือฉันกับมิวก็เคยคุยกันบ้างนะแต่ไม่ได้สนิท ถ้าจะให้ไปแบบฉายเดี่ยวก็แปลกๆ ยังไงไม่รู้

    “ไปสิ ฉันไม่พลาดหรอก” ถ้าขนมเทียนไปฉันก็ว่าจะไปเหมือนกัน จะได้ทำความรู้จักเพื่อนคนอื่นด้วย “งั้นตกลง ฉันจะไป”

    “นี่อันนาเธอไม่ลองชวนฮารุโตะไปด้วยล่ะ” สายสิญจน์เอ่ยถาม พร้อมกับส่งสายตาไปทางฮารุโตะกับเพื่อนที่นั่งอยู่ พอฉันหันไปมองก็เห็นว่าเขากำลังมองมาที่ฉันพร้อมกับเอาหน้าแนบลงบนโต๊ะอย่างสบายใจ

    “ไม่ดีมั้ง” ฉันบอกออกไปพร้อมกับหันมาโฟกัสที่หน้าขนมเทียนแทน รู้สึกแปลกๆ กับสายตาของเขายังไงไม่รู้ จะว่าเขินก็ได้

    “ดีสิ เป็นแฟนกันแล้วไปไหนก็ต้องบอกกันบ้าง เดี๋ยวเขาก็เป็นห่วง”

    “จริงด้วย” ฉันพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วส่งข้อความไปหาคนที่ต้องการคุย ไม่นานฮารุโตะก็ตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว

    อันนา: ฮารุโตะฉันจะไปงานวันเกิดเพื่อนในคลาส นายจะไปด้วยไหม

    ฮารุโตะ: ไปครับ ให้ผมไปรับนะ

    อ่านจบฉันก็เก็บโทรศัพท์ลงไป พร้อมกับมองไปที่ฮารุโตะแล้วชูนิ้วก้อยให้ เป็นอันว่าสัญญากันเรียบร้อย แน่นอนว่าฮารุโตะก็ชูนิ้วก้อยกลับมาเหมือนกัน

    “มดไต่เต็มโต๊ะแล้วจ้าอันนา” ขนมเทียนแซวออกมายิ้มๆ ฉันที่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงตอนที่เธอเอ่ยแซว จึงได้แต่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อซ่อนรอยยิ้มเอาไว้

    “อ่อ ลืมบอกไปงานมีวันนี้นะ ธีมวันเกิดเป็นแนวเซ็กซี่หน่อยน่ะ”

    “งั้นฉันคงต้องไปร้านเสื้อผ้าด่วน” บอกได้แค่นั้นก่อนจะต้องกลับมาตั้งใจเรียน เพราะว่าอาจารย์เข้ามาแล้ว ขืนมัวแต่คุยโดนไล่ออกจากห้องแน่

    20.00 น.

    ฮารุโตะ: แน่ใจเหรอครับอันนาว่าจะใส่ชุดนี้

    “ก็ต้องชุดนี้สิ ธีมเซ็กซี่นี่นา” บอกออกไปอย่างที่คิด พร้อมกับหมุนตัวไปมาเพื่อเช็กความเรียบร้อย หน้าโอเค ผมโอเค ส่วนชุดก็ผ่าน ฉันยิ้มพอใจให้กับการแต่งตัวของตัวเอง ก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปในงาน

    แต่มันดันติดอยู่ที่ว่า ฮารุโตะไม่ยอมให้ฉันไป เขารั้งเอวฉันไว้พร้อมกับใช้มือเพียงแค่มือเดียวดึงฉันลงสู่อ้อมกอด

    “ปะ ปล่อยก่อนได้ไหมเดี๋ยวใครมาเห็น” ฉันบอกก่อนจะค่อยๆ แงะมือที่เหมือนกับครีมเหล็กออก แกะยังไงก็ไม่ออกเลยแฮะ

    “ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะไม่งั้นฉันโกรธจริงด้วย” ในเมื่อไม้อ่อนมันใช้ไม่ได้ ฉันเลยงัดไม้แข็งออกมา ปฏิกิริยาที่ได้คือ ฮารุโตะเอาแต่ส่ายหัวไม่ยอมท่าเดียว แถมมือที่เคยใช้กอดก็เริ่มอยู่ไม่สุขซะแล้ว ฝ่ามือหนานั่นค่อยๆ ลูบไล้ไปยังต้นขาของฉันอย่างเอาแต่ใจ

    “โอเคๆ ฉันยอมแล้ว” ในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายยอมแพ้ไป

    ฮารุโตะ: เอาแจ็คเก๊ตผมไปใส่ก่อนนะ

    ฉันรับมาใส่อย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้างานไปพร้อมฮารุโตะ แน่นอนว่าฉันกับฮารุโตะยังเป็นจุดสนใจ ไม่ว่าจะเดิน หรือนั่งก็มีสายตาหลายคู่คอยสังเกตตลอด นี่มันงานวันเกิดแบบไหนเนี่ย

    ฉันมองไปรอบๆ งานเพื่อหาขนมเทียน ป่านนี้เจ้าตัวน่าจะมาแล้วนะ แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาเลย

    ฮารุโตะ: เหมือนอันนาจะไม่สนุก กลับเลยไหมครับ

    “ไม่หรอก ขอรอเจอขนมเทียนก่อนนะ” บอกออกไปอย่างที่คิด ฉันว่าคนที่ไม่สนุกน่าจะเป็นฮารุโตะมากกว่า เขาเอาแต่ทำหน้านิ่งจนไม่มีใครกล้าเข้ามาคุยด้วย แถมเวลาที่มีคนเดินผ่านเราทั้งคู่เขาก็ยังจะใช้สายตาคุกคามคนอื่นอีก นี่มันใช่พ่อดอกบัวขาวของฉันหรือเปล่า

    “อ่ะ! พวกนั้นใช่เพื่อนนายไหมอ่ะ” เอ่ยบอกเมื่อเห็นว่ามีผู้ชายอีก 4 คนกำลังตรงมาทางฉันกับฮารุโตะ ใช่แน่ๆ ฉันจำคนหัวสีแดงกับสีทองได้ แต่เดี๋ยวนะทำไมขนมเทียนถึงมากับเพื่อนของฮารุโตะได้เนี่ย

    ฮารุโตะ: ใช่ครับนั่นเพื่อนผมเอง

    บอกฉันเสร็จเจ้าตัวก็เดินตรงไปหาเพื่อนที่ยืนอยู่ไม่ไกล ส่วนขนมเทียนก็รีบวิ่งมาหาฉันแล้วโผกอดแน่น

    “อันนา ไอ้หัวสีแดงมันกวนโมโหฉันมากเลย”

    มาถึงขนมเทียนก็ฟ้องฉันใหญ่ ยัยนี่ทำอย่างกับฉันจะกล้าหาเรื่องเพื่อนของฮารุโตะ บอกตามตรงฉันขอบาย ไม่กล้าหืออ่ะ ดูขนาดตัวอีกฝ่ายด้วยสิ แค่ทีเดียวฉันก็ม่องเท่งแล้ว “เธอต้องจัดการให้ฉันนะอันนา” ขนมเทียนจับมือฉันแกว่งไปมา แล้วฉันจะทำยังไงล่ะเพื่อน

    “เอ่อ…ฮารุโตะคือว่า” ฉันเรียกเขา แน่นอนว่าอีกฝ่ายหันมาแทบจะทันที ก่อนที่ฉันจะส่งสายตาไปทางผู้ชายผมแดงให้เขาจัดการแทน

    ผั่วะ!! “ซี้ดดด! ทำอะไรของมึงวะคุณชายโตะ” ผู้ชายผมแดงเริ่มโวยเมื่อจู่ๆ ฮารุโตะก็เดินไปตบหัวเขา แถมยังเป็นการตบที่รุนแรงมาก ฉันนึกว่าหัวเขาจะหลุดไปแล้ว

    ฮารุโตะ: อันนาสั่ง อันนาบอกให้เล่นมึงหน่อย

    “น้องอันนาสั่งเหรอครับ? ” ผู้ชายผมสีแดงเอ่ยถาม เขาดูน่ากลัวมากอ่ะ แถมยังก้าวมาทางฉันแล้วด้วย เพราะกลัวว่าอีกฝ่ายจะจับฉันหักคอ สุดท้ายฉันเลยวิ่งไปหลบหลังฮารุโตะ พอเห็นว่าเขาไม่ได้เดินมาหาแล้ว ฉันจึงยื่นหน้าออกไปแล้วชี้ไปยังขนมเทียนที่นั่งกินขนมอยู่

    “ขนมเทียนสั่งอันนาอีกทีค่ะ” พูดจบเพื่อนตัวดีของฉันก็สะดุ้งตัวโยน

    “อันนานี่เธอกล้าทำแบบนี้เหรอ”

    “ไม่ต้องโทษน้องอันนาเลย ยัยผู้หญิงใจร่านมาให้ฉันจัดการซะดีๆ” จบคำพูดนั้นขนมเทียนก็รีบหอบของกิน ที่อยู่บนโต๊ะมาไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปจากงาน แน่นอนว่าผู้ชายผมแดงคนนั้นก็รีบวิ่งตามไปเหมือนกัน

    “พูดไปแบบนั้นขนมเทียนจะไปไรไหมนะ” อดรู้สึกผิดไม่ได้เลยแฮะ

    “มันไม่ทำอะไรรุนแรงกับเพื่อนน้องอันนาหรอกครับ อ้อพี่ชื่อคิง ส่วนไอ้ที่วิ่งตามเพื่อนน้องไปชื่อเบย์ หัวเทาๆ นี่ไอ้คราวน์ หัวน้ำตาลยูตะ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

    “เช่นกันค่ะ” ฉันยิ้มรับคำ แม้จะตงิดๆ ที่เขาเรียกฉันว่าน้องก็เถอะ ได้ข่าวว่าเรียนห้องเดียวกัน หรือจะอายุมากกว่าอยู่แล้ว เพราะมัวแต่คิดอะไรเพลินรู้ตัวอีกที หน้าของพี่คิงก็เข้ามาซะใกล้ฉัน ทว่ายังไม่ทันที่ฉันจะบอกให้เขาถอยออกไปหน่อย ฮารุโตะก็ดึงตัวเขาออกไปแล้ว

    ผั่วะ! ผั่วะ! เสียงตบหัวที่ดังสนั่นสองทีซ้อนทำให้ฉันต้องหลับตาปี๋ ผู้ชายที่ดููนุ่มนิ่มตอนอยู่ต่อหน้าฉันไปไหน ผู้ชายโหดๆ ที่หน้าเหมือนฮารุโตะคนนี้เป็นใครเนี่ย

    และแล้วก็ได้เวลาเป่าเค้กของเจ้าของงาน แน่นอนว่าฉันต้องมีของขวัญมาให้เจ้าของงานอยู่แล้ว แต่ฉันดันลืมหยิบของขวัญมาด้วยนี่สิ พอจะหันไปขอความช่วยเหลือจากฮารุโตะ ก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังสนุกที่ได้คุย (พิมพ์) กับเพื่อน ฉันที่ไม่อยากรบกวนจึงหยิบกุญแจรถที่เขาวางอยู่ข้างโต๊ะขึ้นมา กะว่าจะไปหยิบของเอง

    เดินมาไม่นานฉันก็มาถึงจุดที่เขาจอดรถทิ้งไว้ ก่อนจะเปิดประตูเพื่อหยิบของขวัญของตัวเองออกมา อยู่ๆ ก็รู้สึกหิวน้ำ ฉันจำได้ว่าเคยเห็นฮารุโตะซื้อติดไว้เป็นแพ็กเลย ถ้าจำไม่ผิดน่าจะอยู่ตรงท้ายรถ คิดได้ดังนั้นฉันจึงสาวเท้าไปหลังรถเพื่อเปิดมันออก จากที่คิดว่าจะเจอแค่ขวดน้ำแต่สิ่งที่เห็นในตอนนี้กับทำให้ฉันตัวแข็งทื่อ

    ดอกกุหลาบสีขาวไม่ต่ำกว่า 50 ดอก พร้อมกับรูปถ่ายของฉันเกือบทุกอิริยาบถ มันอยู่ในนี้ อยู่ในรถของเขา “ฮารุโตะ…” ฉันเหลือบไปเห็นกล่องเล็กๆ สีเทาก่อนจะตัดสินใจหยิบมันขึ้นมาดู สีหน้าที่ซีดอยู่แล้วก็ยิ่งซีดเข้าไปอีก มันคือซองจดหมาย ทั้งสีและลายมือมันตรงกับที่ฉันเคยได้รับ ที่แท้ก็เป็นเขาจริงๆ ด้วย

    ฉันเผลอกลืนน้ำลายลงคอ รู้สึกว่านี่มันตลกร้ายชัดๆ เขาทำมันได้ยังไงโกหกด้วยหน้าตาที่แสนจะใสซื่อนั่น ทำไมถึงต้องทำแบบนี้

    ฉันล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างคนหมดแรง สิ่งเดียวที่ผุดเข้ามาในหัวคือฉันไม่สามารถอยู่ข้างเขาได้อีกต่อไปแล้ว

    หมับ! ขณะที่ฉันกำลังจะก้าวเท้าออกจากตรงนี้ ผู้ชายที่คิดว่ายังอยู่ในงานก็มาปรากฏกายอยู่หน้าฉัน เขามองฉันด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายก่อนจะเหลือบไปมองท้ายรถของตัวเอง เขารู้ว่าฉันเห็นหมดแล้ว

    “นาย…สนุกมากเหรอฮารุโตะ” ไหนๆ เขาก็มาแล้ว ถ้างั้นก็ดีเลย ฉันจะได้พูดกับเขาตรงนี้ให้ชัดๆ ไปเลย “เห็นฉันโง่แล้วมีความสุขมากใช่ไหม” พูดออกไปพร้อมทั้งยกมือขึ้นปาดน้ำตาบ้าๆ นี่ออก มือของเขาที่จับแขนฉันเริ่มคลายทีละนิด

    “บอกไว้ตรงนี้เลยนะ เลิกยุ่งกับฉันได้แล้วไอ้โรคจิต!” พูดจบฉันก็สะบัดแขนของตัวเองให้หลุดจากมือแกร่ง

    “อันนาฟังผมก่อน”

    คราวนี้ฉันชะงัก หันไปมองหน้าเขาด้วยความเหลือเชื่อ “นายพูดได้…นี่ฉันโง่มาตลอดเลยเหรอ” เหยียดยิ้มสมเพชให้กับตัวเอง พร้อมกับกลั้นน้ำตาเอาไว้ โดนหลอกหมดเลยทั้งฉันและคนทั้งมหาลัยสินะ ฉันสูดลมหายใจเข้าปอดก่อนจะหันไปตอบโต้

    “หยุด! หยุดอยู่ตรงนั้นถ้านายไม่เลิกยุ่งกับฉัน ฉันจะแจ้งตำรวจ”

    เอ่ยออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังจะก้าวเท้ามาหาฉัน แน่นอนว่าเขาชะงัก ก่อนที่ใบหน้าที่แสนใสซื่อนั้นจะเปลี่ยนเป็นดุดัน มุมปากเขายกยิ้มเล็กน้อย ดูแล้วน่ากลัวปนสยดสยอง

    ฉันก้าวเท้าถอยหลังไปเรื่อยๆ รู้สึกว่าผู้ชายตรงหน้าดูอันตรายเกินกว่าจะเข้าใกล้ เขาไม่ใช่ฮารุโตะผู้ชายที่ฉันเคยรู้จักอีกต่อไป

    “ทำไมถึงเอาแต่ผลักไสผมล่ะอันนา” ร่างสูงตรงหน้าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบ ขายาวก้าวฉับๆ มาใกล้ฉัน ก่อนเขาจะรวบตัวฉันเข้าไปกอดจนแน่น

    “ผมเจ็บนะที่อันนามองผมด้วยสายตาแบบนี้” เขายังคงพูดต่อ ฝ่ามือหนารูปไล้ไปตามใบหน้าของฉัน ก่อนเขาจะใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาของฉันออก ฉันได้แต่ยืนตัวสั่นอยากจะหนีจากอ้อมกอดนี้ก็ทำไม่ได้ ฮารุโตะกอดฉันแน่นมาก แน่นจนฉันรู้สึกเจ็บตามร่างกาย คล้ายกระดูกจะแตก

    “อย่าไล่ผม อย่าพูดว่าจะหนีจากผมไปอีก เพราะฉันไม่รู้ว่าถ้าถึงตอนนั้น จะยังควบคุมตัวเองได้อยู่ไหม” พูดจบฮารุโตะก็จ้องลึกเข้ามาในดวงตาฉัน เขาอ้าปากออกมาเล็กน้อยก่อนฉันจะเห็นว่ามีบางอย่างงอกออกมา มันคือเขี้ยวแหลมคม คล้ายกับของปีศาจ ดวงตาสีน้ำตาลของชายตรงหน้าก็เปลี่ยนไป บัดนี้กลับกลายเป็นสีทอง 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×