คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : EPISODE 05
EPISODE 05
ฮารุโตะ: อันนาจะเอากลับไปคิดดูก่อนก็ได้นะ
ชายข้างกายฉันยื่นข้อความมาให้อ่าน ใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพพระเจ้าปั้นแต่ง ค่อยๆ คลี่รอยยิ้มอบอุ่นออกมา คล้ายกับกำลังต้องมนต์สะกด ฉันไม่สามารถละสายตาจากเขาได้ ในขณะเดียวกันริมฝีของตัวเองก็ค่อยๆ เอื้อนเอ่ยคำพูดออกมา
“ตกลงสิ งั้นเรามาคบกันนะ”
พูดออกไปแล้ว ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะตัดสินใจง่ายขนาดนี้ แต่ทุกอย่างมันเกินควบคุม ผู้ชายคนนี้แม้จะพูดไม่ได้ การกระทำและทุกท่วงท่ากลับมีเสน่ห์เหลือล้น
ฮารุโตะ: ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผู้ชายแบบผม
พูดจบฝ่ามือเย็นเฉียบของเขาก็ยื่นมาสัมผัสกับฝ่ามือของฉัน เป็นการกุมมือที่ทำให้หัวใจฉันเต้นรัวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพียงสัมผัสบางเบาร่างกายกลับอ่อนยวบ
“เอ่อ…ขอโทษนะ แต่ฉันว่าเราควรรักษาระยะห่างกันหน่อยเถอะ ไม่รู้ทำไมเพียงแค่ถูกนายสัมผัสเบาๆ ใจฉันก็สั่นไปทั้งหัวใจ” เอ่ยออกไปอย่างที่คิด ขืนใกล้กันมากกว่านี้ฉันคงทนไม่ไหว ผู้ชายตรงหน้าฉันอันตรายเกินไป
ฮารุโตะ: ถ้างั้นก็ต้องยิ่งจับมือกันบ่อยๆ สิ อันนาจะได้ชิน
ชายตรงหน้ายื่นข้อความให้ฉันอ่านด้วยรอยยิ้มกว้าง ให้ตายสิทำไมฉันรู้สึกว่าเขาดูเจ้าเล่ห์แปลกๆ เขากำลังใช้รอยยิ้มที่แสนน่ารักของตัวเองล่อลวงฉันใช่ไหม
“จะบ้าเหรอใครเขาขับรถจับมือกัน” เอ่ยกลับไปด้วยใจที่สั่นระรัว
ฮารุโตะ: แสดงว่าถ้าไม่ขับรถอยู่ก็จับได้สินะครับ
เจ้าเล่ห์จริงๆ ด้วย แน่นอนว่าฉันไม่ได้ตอบอะไรนอกจากส่งยิ้มกลับไป ก็ในเมื่อเป็นแฟนกันแล้วแค่จับมือ คงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้ง
“นี่ฮารุโตะ เราไปทะเลกันไหม” ฉันเอ่ยถามเมื่อนึกอะไรดีๆ ขึ้นได้ ฉันเรียนอยู่ในมหาลัยที่ติดกับทะเล แต่แทบจะไม่เคยไปเลย มันน่าเสียดายออก
ฮารุโตะ: ทะเล? มันจะดีเหรอครับ
สีหน้าของเขาดูลำบากใจจังเลยแฮะฉันพูดอะไรผิดหรือเปล่านะ “ถ้านายไม่สะดวกเรากลับหอกันเลยก็ได้” บอกออกไปเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดี
ฮารุโตะ: ไม่หรอกครับ งั้นเราไปกันเลย
“อ้ะ จริงเหรอ นายแน่ใจนะ ถ้ารู้สึกไม่ดีไม่ต้องตามใจฉันก็ได้”
ฮารุโตะ: ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ
“ถ้างั้นก็ได้” ฉันบอกออกไปอย่างที่คิด ถ้าเขาบอกว่าไม่เป็นไรก็คงจะไม่เป็นไรจริงนั่นแหละ ตอนนี้เรากำลังจะไปทะเลแล้วจริงๆ สินะ รู้สึกตื่นเต้นจังเลย
บ้านฉันน่ะดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบทะเลน่ะ พวกเขาเอาแต่บอกว่าทะเลอันตราย ถ้าจะสวยก็สวยแค่เพราะตอนอยู่ในรูปถ่ายเท่านั้น แต่ทำยังไงได้ฉันอยากเห็นจริงๆ นี่นา แล้วนี่ก็เป็นโอกาสที่จะได้เห็นแล้วด้วย
“อ่า…สดชื่นจัง” ฉันพึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะเลื่อนกระจกลงเพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศ สงสัยฉันจะถูกแม่หลอกแล้วล่ะ
“หืม นี่มันเพลงโปรดฉันเลยนี่” ทันทีที่ได้ยินเสียงเพลงคุ้นหูดังขึ้นฉันก็หันไปพูดกับฮารุโตะยิ้มๆ เจ้าตัวพยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงรับรู้ “นายนี่เซ้นส์ดีเหมือนกันนะฮารุโตะ” ฉันเอ่ยชม เพราะวันก่อนตอนไปส่งฉันที่หอแต่ละเพลงที่เขาเปิดสไตล์ฉันทั้งนั้น ไม่ได้รู้สึกสดชื่นแบบนี้มานานแล้ว ต้องขอบคุณฮารุโตะสินะ
“ในที่สุดก็ถึงทะเลแล้ววว” ฉันตะโกนออกไปด้วยความดีใจ พร้อมกับกำลังจะก้าวเท้าออกจากรถ แต่ยังไม่ทันได้ลงฝ่ามือหนาของฮารุโตะก็มาจับแขนซะก่อน
“เอ่อ มีอะไรเหรอฮารุโตะ” ถามออกไปด้วยความสงสัย คงไม่ใช่ว่าโกรธที่ฉันวิ่งมาก่อนนะ ร่างสูงไม่ได้อธิบายอะไร นอกจากส่งเสื้อกันหนาวแขนยาวให้ฉัน สวม พอเสร็จเขาก็รูดซิปขึ้นจนสุด หมวกที่อยู่ด้านหลังถูกจับมาคลุมหัวฉันไว้
“แบบนี้ฉันก็ร้อนแย่สิฮารุโตะ” บอกออกไปตามที่คิด ก่อนจะตกใจไปมากกว่านี้เมื่อฮารุโตะดันดึงฉันเข้าไปกอด ชนิดที่ว่าฉันจมไปกับอ้อมกอดเขาเลย
ฮารุโตะ: เพื่อความปลอดภัยของอันนา เชื่อผมนะ
“เอ่อ…อื้อ ฉันจะทำตามที่นายบอกแล้วกัน” ถึงจะยังไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ฉันก็ตอบตกลง ฮารุโตะดูดีใจที่ฉันไม่ปฏิเสธความหวังดีของเขา
หลังจากตกลงกันได้ ฮารุโตะก็จูงมือฉันให้เดินตามเขาไป ถึงจะรู้สึกดีที่เราได้จับมือกัน แต่ถูกสายตาหลายสิบคู่มอง มันก็อึดอัดแฮะ ที่มองนี่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฉันแต่งตัวแปลก หรือเพราะคนข้างกายหล่อกันแน่ เฮ้อ
“ฮารุโตะฉันอยากไปนั่งตรงนั้น” บอกออกไปพร้อมกับชี้ไปริมทะเล เมื่อเขาพยักหน้าตกลงฉันก็เดินไปที่ทรายนุ่มๆ ก่อนตัดสินใจนั่งลงพลางกอดเข่าตัวเองไปด้วย สายตาทอดไปยังทะเลที่อยู่ตรงหน้านิ่งๆ
ฮารุโตะ: อันนาเป็นอะไรหรือเปล่าครับ
ฮารุโต๊ะชูข้อความในแท็บเล็ต เมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่นั่งนิ่งอยู่แบบนั้น
“แค่อยากมานั่งโง่ๆ อยู่ริมทะเลเหมือนที่เขาโพสต์ในเฟซกันน่ะ” ฉันบอกออกไปด้วยรอยยิ้มขำๆ “แต่คงจะทำแบบนี้ได้ครั้งเดียวนั่นแหละ ร้อนแบบนี้ใครจะไปนั่งได้” จบคำพูดนั้นฉันกับฮารุโตะก็ได้แต่นั่งมองหน้ากัน ก่อนเราทั้งคู่จะหลุดหัวเราะออกมาพร้อมกัน
ฮารุโตะ: งั้นเราไปหาที่ร่มๆ กันเถอะครับ
“ไม่…ไม่ปฏิเสธค่ะ คราวหลังถ้าอยากนั่งโง่ๆ แบบนี้ ฉันคงไม่ให้นายพามาทะเลหรอก นอนโง่ๆ อยู่ห้องดีกว่าเนอะ” พูดออกไปตามที่คิดพร้อมกับเดินตามหลังฮารุโตะ “จะว่าไปนายก็ยิ้มสวยเหมือนกันนะ สาวคงชอบนายเยอะแน่ๆ”
ฮารุโตะ: ไม่หรอกครับ ผู้หญิงเขาไม่ชอบคนใบ้แบบผมหรอก
“ไม่จริงน่า ฉันไม่เชื่ออ่ะ” อย่างเขาเนี่ยนะจะไม่มีใครเข้ามาจีบเลย
ฮารุโตะ: ความจริงก็มีหลายคนเข้ามาจีบผม แต่พอรู้ว่าผมพูดไม่ได้พวกเธอก็พากันถอยห่าง ไม่มีใครมายอมคบด้วยเหมือนอันนาหรอกครับ
“อ่า…ขอโทษด้วยนะที่ฉันพูดเรื่องนี้ออกมา” ด้วยความรู้สึกผิดฉันจึงเอ่ยขอโทษ ไม่น่าเลยอันนา ทำไมก่อนพูดไม่คิดให้ดีนะ นี่แน่ะ ตีปากตัวเองไปหนึ่งทีซะเลย
ฮารุโตะ: อันนาทำอะไรเหรอครับ
“ก็ลงโทษตัวเองน่ะสิที่พูดไม่คิด ฉันนี่แย่จริงๆ” พูดจบฮารุโตะก็หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนเขาจะพิมพ์ข้อความอีกประโยคหนึ่งมา
ฮารุโตะ: ถ้างั้นให้ผมลงโทษอันนาแทนดีกว่า
ฉันเงยหน้ามองร่างสูงของฮารุโตะ เขาโกรธฉันจริงๆ ด้วยอ่ะ แน่นอนว่าฉันหลับตาปี๋ทันทีเมื่อเห็นว่าเขาง้างมือขึ้นมาก่อนเขาจะ…แปะ! ดีดนิ้วลงมาที่หน้าผากฉัน เจ็บใช่เล่นเลยนะเนี่ย หลังจากนั้นเขาก็ยื่นมือมาลูบหน้าผากฉันป้อยๆ
ฮารุโตะ: ขอโทษนะครับผมไม่คิดว่ามันจะแดงขนาดนี้
“อ๋อ ไม่เป็นไรหรอก ผิวฉันขาวน่ะมันเลยแดงง่ายอยู่แล้ว” อธิบายออกไปเมื่อเห็นว่าฮารุโตะเริ่มทำหน้าหงอยแล้ว นี่เขากำลังโทษตัวเองสินะ
“โห พวกเราก็คิดว่าใครที่ไหน ที่แท้ก็ไอ้ฮารุโตะผีดิบนี่เอง”
“ฮารุโตะพวกเขาเป็นใครน่ะ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย อยู่ๆ คนพวกนี้ก็เดินตรงมาหาเราแล้วก็พูดจาแปลกๆ
แน่นอนว่าฉันยังไม่ได้รับคำอธิบายใดๆ ฮารุโตะเองก็รีบเดินมาบังตัวฉันไว้จนมิด ตอนนี้ฉันเลยได้ยินแต่เสียงที่พวกเขาคุยกัน
“มึงกล้ามากนะที่มาเหยียบถิ่นกู” เสียงชายคนหนึ่งเอ่ยพร้อมตวาดลั่น
“…”
“ทำเป็นหยิ่งไปเถอะมึง คิดว่ามึงใหญ่มาจากไหนวะ ที่นี่ถิ่นกู ถุ้ย!”
“ฮะ ฮารุโตะ เรากลับกันเถอะฉันกลัว” เหมือนสถานการณ์จะแย่ลง ฉันเลยได้แต่กระตุกชายเสื้อของเขาเบาๆ เป็นการขอร้อง ร่างสูงหันมองหน้าฉันซึ่งน้ำตาคลอด้วยความกลัว ก่อนเขาจะตัดสินใจพาฉันออกจากตรงนี้ แต่ทว่า…
“เฮ้ยพวกมึงได้กลิ่นอะไรหอมๆ ไหมวะ” หัวโจกคนแรกพูดขึ้น พร้อมกับทำจมูกฟุดฟิด พอพวกที่เหลือได้ยินก็พากันทำตาม และสุดท้ายพวกนั้นก็เดินมาใกล้ฉันเรื่อยๆ ทว่าก็เป็นฮารุโตะที่ดันฉันให้ไปแอบด้านหลังเขาอีกครั้ง “หึ! นี่มึงอย่าบอกนะว่าไอ้ที่หลบอยู่ข้างหลังน่ะเป็น…”
ผั่วะ!!! ชายหัวโจกยังพูดไม่ทันจบฮารุโตะก็ตรงเข้าไปต่อยอีกฝ่ายซะแล้ว
“ถุ้ย! มึงจะเอาใช่ป่ะ” ชายผิวคล้ำคนนั้นดูจะไม่ยอม พูดจบเขาก็ตรงไปหาฮารุโตะพร้อมกับง้างหมัดขึ้นเพื่อต่อยคืน แต่ก็โดนฮารุโตะสวนกลับอีกครั้ง คราวนี้เพื่อนผิวคล้ำสองคนที่เหลือเลยกระโดดไปร่วมวงด้วย
ฉันไม่เคยเห็นใครทะเลาะต่อยตีกันได้รุนแรงขนาดนี้ พอได้มาเห็นกับตาตัวเองจริงๆ จึงทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนตัวสั่นเทิ้มอยู่ที่เดิม น้ำตามากมายไหลออกมาไม่ขาดสาย ทำยังไงดีฮารุโตะจะเป็นไรไหม ฉันมองไม่เห็นเขาเลย รอบตัวพวกเรามีแต่คนยืนดูเต็มไปหมด แน่นอนว่าไม่มีใครสักคนกล้าเข้าไปห้าม
ตึกๆ ตึกๆ สุดท้ายก็เป็นฉันเองที่ตัดสินใจวิ่งออกมา ถ้าจำไม่ผิดแถวนี้มีป้อมตำรวจนี่นา อ่ะ นั่นไงฉันเจอแล้ว “คุณตำรวจคะช่วยด้วยค่ะมีคนตีกันอยู่ริมชายหาด”
ฉันบอกออกไปพร้อมกับยืนหอบไปด้วย ตำรวจคนดังกล่าวพยักหน้าเข้าใจ ก่อนทจะหันมาบอกกับฉัน “คุณนำไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไปขอเข้าห้องน้ำก่อน”
“คะ? ” ฉันทำหน้าตกใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา สุดท้ายจึงวิ่งไปที่เกิดเหตุอีกรอบ วิ่งจนเหนื่อยพอมาถึงฉันกลับไม่พบใครสักคน พวกเขาไปไหนแล้ว?
“ฮารุโตะ นายอยู่ไหนน่ะ!” ฉันลองตะโกนเรียกออกไปก็ไม่มีเสียงตอบรับ
ไม่นะ! เขาจะไม่เป็นอะไรใช่ไหม ทั้งหมดเป็นเพราะฉัน ถ้าฉันไม่ดื้อรั้นอยากมาทะเล
“นายอยู่ที่ไหน ฉันเป็นห่วงจะบ้าตายแล้วนะ” พึมพำออกมาเบาๆ ก่อนจะนั่งกอดเข่าตัวเองอยู่ข้างรถของฮารุโตะ รถเขายังอยู่ แต่ฉันไม่รู้ว่าเจ้าของรถอยู่ไหน
ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้ามาพร้อมกับความเงียบ นักท่องเที่ยวที่อยู่ท่ามกลางชายหาดตอนนี้ก็เริ่มทยอยกลับกันไปหมด เหลือเพียงแค่ฉันที่ยังอยู่ที่เดิม บรรยากาศอันแสนคุ้นเคยกำลังจะกลับมา ไม่รู้ว่ารวมถึงผู้ชายโรคจิตคนนั้นด้วยหรือเปล่า มันจะมาทำร้ายฉันอีกไหม ถ้ามันมาฉันจะทำไงดี ฮารุโตะนายอยู่ไหน?
“อ้าวคนสวยมาทำอะไรอยู่ที่นี่จ้ะ ให้พวกพี่อยู่เป็นเพื่อนไหม? ” ขณะที่กำลังขวัญเสีย อยู่ๆ ก็มีชายแปลกหน้าปรี่เข้ามา
“ไม่เป็นไรค่ะ นะ...หนูจะกลับแล้ว” พูดจบฉันก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินหนี ทว่าผู้ชายคนนั้นก็ฉวยโอกาสคว้าข้อมือฉันไว้ก่อน “ปะ ปล่อยเถอะค่ะหนูจะกลับบ้าน” เอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนฉันจะดึงมือตัวเองกลับมา แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่ใจคิด มันไม่ยอมปล่อยมือฉัน
“ดึกๆ แบบนี้มันอันตราย ให้พี่ไปส่งเถอะรับรองถึงสวรรค์แน่นอน”
“ปะ ปล่อยฉันนะ!!” เกลียดที่สุดเลยคนแบบนี้
ผั่วะ!! ตุบ!! เพียงแค่เสี้ยววินาที ผู้ชายที่ดึงแขนฉันเมื่อกี้ก็ลงไปนอนกองกับพื้น ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนฉันตามไม่ทัน เกิดอะไรขึ้น สายตาฉันจับจ้องไปที่ร่างสูงโปร่งอันแสนคุ้นเคย เป็นเขาจริงๆ ด้วย “ฮารุโตะ!”
“นาย…หายไปไหนมารู้ไหมว่าฉันเป็นห่วง” ฉันพูดออกไปด้วยความอัดอั้น
“รู้บ้างไหมว่าถ้านายเป็นอะไรฉันจะทำยังไง นายเคยรู้บ้างไหม”
หมับ! ร่างสูงดึงฉันเข้าไปกอดแน่น สัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ากำลังตัวสั่นเทา เขากำลังกลัวเหมือนกับฉันใช่ไหม เราทั้งคู่ต่างก็กลัว กลัวว่าใครสักคนจะเป็นอะไรไป
ฮารุโตะ: ผมขอโทษที่ทิ้งอันนาไว้คนเดียว
“อื้ม ไม่เป็นไร อย่างน้อยนายก็กลับมานี่” ใช่มันดีแล้วล่ะที่เขากลับมาได้อย่างปลอดภัย ถ้ามัวแต่โทษกันไปมา คงไม่ได้อะไรอย่างน้อยเรื่องวันนี้ก็จบลงด้วยดี
หลังจากนำตัวอันธพาลไปส่งโรงพัก ฉันกับฮารุโตะก็เดินมายังลานจอดรถ ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองไหม แต่ตอนที่เราเดินมาด้วยกัน ฮารุโตะดูเงียบจนน่าแปลกใจ ปกติเขามักจะพิมพ์นั่นพิมพ์นี่คุยกับฉัน แต่ตอนนี้กลับมีสีหน้าที่จริงจังจนดูน่ากลัวเล็กน้อย ว่าจะถามสักหน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้ชายเมื่อกลางวันเป็นใคร ก่อนหน้านั้นเขาหายไปไหน
ติ้ดๆ ติ้ดๆ
“ฮัลโหลสายสิจน์” ฉันกรอกเสียงลงเมื่อรู้ว่าปลายสายคือใคร ส่วนฮารุโตะที่ตอนนี้ขับรถอยู่ ก็มองมาทางฉันเป็นพักๆ
[เธออยู่ไหนน่ะอันนา ไหนว่าจะกลับหอตั้งแต่บ่าย นี่ฉันยังไม่เห็นเธอเลยนะ] น้ำเสียงร้อนรนของสายสิญจน์ทำให้ฉันถึงกับอมยิ้ม
“ขอโทษนะที่ทำให้เป็นห่วง พอดีมีหลายๆ เรื่องเกิดขึ้นน่ะไว้กลับไปถึงจะเล่าให้ฟังนะ” ฉันอธิบายให้ปลายสายฟัง พอเธอรู้ว่าฉันมีเรื่องจะบอกก็รีบรับคำทันที คุยกับสายสิญจน์ไปสักพักยัยนั่นก็ขอวางสายไปอาบน้ำ ฉันเองไม่ขัดข้องอะไรเลยกดวางสาย
“เอ่อ…นายบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ฉันเอ่ยออกมาเบาๆ ตอนนี้ฮารุโตะขับรถมาถึงหอพักของฉันแล้ว ฮารุโตะทำเพียงส่ายหน้าเบาๆ เอาเถอะเขาคงเหนื่อย จนอยากกลับไปพักผ่อน
“ถ้างั้นฉันไปนะ ขับรถดีๆ ล่ะ” เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีปฏิกิริยาอะไรฉันจึงกล่าวคำลาพร้อมกับเปิดประตูรถ ทว่าในตอนนั้นข้อมือกลับถูกรั้งเอาไว้ก่อน
“มะ มีอะไรเหรอฮารุโตะ” ฉันถามออกไปเมื่อร่างสูงตรงหน้า เริ่มบีบข้อมือฉันแรงขึ้นเรื่อยๆ นี่เขาเป็นอะไรกันแน่
ฮารุโตะ: คืนนี้ให้ผมนอนด้วยนะ
“อะ อะไรนะ” ช็อกสุดขีดเมื่ออยู่ๆ ผู้ชายที่ขอคบกับฉันวันนี้ ดันมาขอนอนด้วยซะงั้น ฉันอาจจะชอบและหวั่นไหวกับเขาตลอด แต่ให้มานอนด้วยนี่มันก็…
ฮารุโตะ: ผมล้อเล่นน่ะ อันนาไปพักผ่อนเถอะ
ฉันถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ที่แท้ก็ล้อเล่นนี่เอง
“ถ้าถึงห้องแล้วไลน์มาบอกด้วยนะฮารุโตะ” ฉันยืนรอจนอีกฝ่ายขับออกไป ถึงได้เดินเข้ามาในหอ ในใจก็คิดว่าช่วงนี้รอบตัวฉันมีแต่เรื่องที่ชวนปวดหัวไม่หยุด จำไม่ได้เลยว่าตัวเองมีช่วงเวลาสงบสุขเหมือนคนทั่วไปตอนไหน
ตั้งแต่เด็กแล้วที่ฉันไม่ค่อยมีเพื่อน แม่น่ะชอบขังฉันไว้แต่ในห้อง ท่านบอกว่าฉันมีกลิ่นตัวที่แรงและเหม็นมาก ไม่อยากให้ฉันออกไปสร้างความรำคาญให้กับเพื่อนบ้านถึงได้ต้องขังไว้แบบนั้น ฉันมีตุ๊กตา หนังสือนิทาน กับทีวีเป็นเพื่อนเล่น และไม่นานนักพ่อฉันก็ตาย
แม่จึงเริ่มจำกัดสิทธิ์ของฉันให้แคบลงเรื่อยๆ สุดท้ายฉันทนไม่ไหว เลยตัดสินใจหนีมาเรียนที่นี่ซะเลย ดูแย่มากเลยใช่ไหมล่ะ แต่ฉันไม่เคยคิดเสียใจเลยนะ อย่างน้อยฉันก็ได้รู้ว่าโลกภายนอกมันเป็นยังไง
“ให้ตายสิอันนา เธอไปไหนมาเนี่ยรู้ไหมฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน”
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิด สายสิญจน์ที่ยืนรอฉันอยู่หน้าประตูห้อง ก็รีบสาวเท้าเข้ามาหาฉันที ยัยนี่บ่นฉันใหญ่เลยล่ะ แต่เพราะเข้าใจในความหวังดีของเธอ ฉันเลยได้แต่พยักหน้าเข้าใจทุกครั้งเวลาถูกบ่น
“ตอนนี้ฉันบ่นเธอจนพอใจแล้วอันนา เพราะงั้นเธอรีบไปอาบน้ำให้ไว แล้วก็รีบเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาด้วย”
“โอเคจ้า” ตกปากรับคำก่อนฉันจะเดินเข้าห้องของตัวเอง สิ่งแรกที่ทำคือการอาบน้ำให้หอมๆ ชำระร่างกายที่ชื้นไปด้วยเหงื่อให้เรียบร้อย หลังอาบน้ำเสร็จฉันก็เดินเช็ดผมมาที่ห้องนั่งเล่น โดยมีสายสิญจน์นั่งรอก่อนแล้ว
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมอันนา” สายสิญจน์ถาม
“คือเรื่องมันเป็นแบบนี้…” หลังจากนั้นฉันก็เริ่มเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เธอฟัง จนมาถึงเรื่องสุดท้าย เรื่องที่ฉันกับฮารุโตะคบกัน
“อะไรนะเธอคบกับหมอนั่นแล้วเหรอ” เป็นไปตามคาดสายสิญจน์ทำหน้าตกใจไม่พอ ยัยนี่ยังซักฉันใหญ่เลย ว่าทำไมถึงเป็นเขา ไว้ใจได้ไหม ดูกันให้นานกว่านี้จะดีกว่าหรือเปล่า
“ฉันตัดสินใจไปแล้วล่ะ ที่สำคัญเขาก็ไม่ได้ดูเลวร้ายอะไร” บอกออกไปตามที่คิด “ไม่ใช่ว่าหมอนั่นหล่อเหรอเธอถึงชอบ” สายสิญจน์แซวยิ้มๆ นั่นยิ่งทำให้ฉันขำ
“บางทีเธออาจจะพูดถูกก็ได้ ฮ่าฮ่า”
หลังจากได้พูดคุยเล่นกับสายสิญจน์แล้ว ฉันก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ดังนั้นคืนนี้เลยทำให้หลับง่ายกว่าปกติ หัวถึงหมอนได้ไม่นานก็เผลอหลับทันที หลับสนิทจนไม่รู้เลยว่าในคืนนั้นเอง ได้มีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่บนระเบียง ซึ่งเธอเผลอเปิดทิ้งไว้ เขาคนนั้นนั่งมองร่างของหญิงสาวที่ตนเองหลงรักอยู่แบบนั้นทั้งคืน จนกระทั่งฟ้าสาง
ความคิดเห็น