คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : EPISODE 04
EPISODE 04
การนั่งรถไปกับฮารุโตะไม่ได้อึดอัดอย่างที่คิด แม้ว่าเขาจะพูดไม่ได้แต่ก็ไม่ทำให้บรรยากาศระหว่างเราสองคนดูแย่ลง แถมเจ้าตัวยังใจดีเปิดเพลงคลอเบาๆ ให้ฉันฟังแก้เบื่ออีกด้วย
ตอนนี้ใกล้ถึงหอฉันแล้ว ฮารุโตะเองก็ขับรถอยู่ ฉันที่ไม่มีอะไรทำจึงเริ่มสำรวจใบหน้าเขาอีกรอบ ไม่รู้ทำไมทุกครั้งที่เขาอยู่ในระยะสายตา ฉันมักจะจับจ้องไปที่ใบหน้าเขาตลอด อย่างกับโดนสะกดจิตให้หลงใหลไปกับหน้าตาที่มีเสน่ห์ของเขาเลย
“เอ่อ…ฮารุโตะคุง” เนื่องจากกลัวว่าเขาจะรู้ว่าฉันแอบมอง ฉันเลยพยายามหาเรื่องชวนคุย คนข้างๆ ฉันเองก็พยักหน้ารับรู้เป็นอันว่าเขากำลังตั้งใจฟังด้วย
“วันนี้ขอบคุณมากนะที่มาส่งฉัน” จู่ๆ ฉันก็รู้สึกเขินขึ้นมา มันบอกไม่ถูก เวลาอยู่ใกล้เขามันรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจยังไงชอบกล
อย่างตอนนี้ที่ฉันอยู่กับเขาก็ไม่รู้สึกถึงอันตรายอีกเลย รวมถึงโรคจิตคนนั้นด้วย คล้ายกับมันได้หายไปแล้ว
ฮารุโตะ: ‘ไม่เป็นไรครับผมเต็มใจ’
“นายพิมพ์ตอนขับรถเหรอ” ฉันถาม เขาพิมพ์ไวมากแถมพิมพ์ถูกทุกคำด้วย
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ มันอันตราย” แม้จะน่าทึ่งมากแต่ฉันอดไม่ได้ที่จะดุเขา ไม่รู้ว่าตอนเขาอยู่กับเพื่อนทำแบบนี้บ่อยไหม แต่นี่น่ะมันอันตราย
“เข้าใจหรือเปล่า ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะมันอันตราย”
ฮารุโตะ: //พยักหน้าหงึกหงัก
เฮ้อ…ฉันพ่นลมหายใจออกมาเล็กน้อย รู้สึกโล่งใจที่ฮารุโตะว่าง่ายมากกว่าที่คิดไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปเอาความใจกล้านี้มาจากไหนถึงได้กล้าเอ่ยปากห้ามปราม
“อ้ะ…ส่งฉันแค่ตรงนี้ก็ได้” ร้องบอกออกไปเมื่อเห็นว่ารถคันหรูขับมาถึงหน้าหอแล้ว “ขอบคุณที่มาส่งอีกครั้งนะ แล้วก็ก่อนกลับอย่าเผลอเล่นมือถืออีกล่ะ” พูดจบฉันก็โบกมือบ้ายบายเขาด้วยรอยยิ้ม
ฮารุโตะเองก็พยักหน้าเข้าใจรัวๆ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเขาเป็นประกายแพรวพราว คล้ายกำลังดีใจกับอะไรบางอย่าง
“ทำไมนายทำหน้าดีใจแบบนี้เนี่ย” ฉันลองถามออกไป
ฮารุโตะ: ดีใจที่อันนาเป็นห่วงครับ
จบคำพูดของฉัน ฮารุโตะก็รีบหยิบมือถือมาพิมพ์ข้อความตอบ ไวมาก! ฉันมองเขาอย่างทึ่ง ริมฝีปากอดไม่ได้ที่จะคลี่รอยยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู ไม่ไหว…ฉันแพ้ทางผู้ชายสายน่ารัก “กลับได้แล้วฉันจะเข้าไปข้างในแล้วนะ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขินอายหรือเปล่า ทำให้หลังจากพูดจบฉันถึงเป็นฝ่ายเดินออกมาเลย แต่ก็ไม่ลืมที่จะเหลือบมองไปยังรถของฮารุโตะ ไม่นานเขาก็ขับรถออกไป ดังนั้นฉันจึงเดินไปที่ลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องของตัวเอง ให้ตายสิรู้สึกว่าหัวใจยังเต้นรัวอยู่เลย
“ฮารุโตะกับโรคจิตคนนั้นเหรอ ไม่ใช่แน่ๆ” ฉันส่ายหัวไปมาเมื่อต้องคิดว่าสองคนนี้คือคนเดียวกัน จะเป็นไปได้ยังไง บรรยากาศแตกต่างกันขนาดนี้
ติ้ง! เสียงลิฟต์ดังขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าถึงชั้นที่ต้องการ ฉันก้าวเท้าออกจากลิฟต์เดินตรงไปห้องของตัวเอง ทันทีที่ประตูห้องเปิดออกฉันก็แทบจะล้มทั้งยืน
“นี่มันอะไรกัน…”
ฉันพึมพำออกมาคล้ายกับใกล้จะเสียสติ อารมณ์ชวนใจเต้นเมื่อครู่หายไปในพริบพา ภาพถ่ายของฉันมากมายถูกแปะไว้ตามมุมต่างๆ ของห้องนอน แน่นอนว่าทุกใบเป็นภาพแอบถ่ายไม่ต่ำกว่าร้อยรูป
บนเตียงนอนมีกุหลาบสีขาวโรยอยู่เต็มไปหมด พร้อมกับข้อความเล็กๆ ที่เขียนว่า “Happy 1 month anniversary”
“เมื่อไหร่แกจะหายออกไปจากชีวิตฉันไอ้โรคจิต!”
“เมื่อไหร่แกจะเลิกยุ่งกับฉัน หรือต้องให้ฉันตายไปก่อนแกถึงจะพอใจห๊ะ!!”
ฉันกรีดร้องออกมาอย่างสุดทนหวังว่ามันจะได้ยิน ฉันอยากมีชีวิตที่ปกติเหมือนคนอื่น อยากพูดคุยกับเพื่อนเรื่องความรัก และความฝันได้อย่างไม่ต้องคอยหวาดระแวงแบบนี้ ความสุขเมื่อกี้เป็นแค่เพียงความฝันสินะ ไม่มีใครช่วยฉันได้จริงๆ
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉันได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาและเหงื่อที่ไหลอยู่ตามใบหน้า ก่อนจะตัดสินใจเดินไปเปิดประตู
“อันนาเกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินเสียงเธอ…”
คำพูดต่อมาของสายสิญจน์ขาดหายไปเมื่อเธอเดินเข้ามาในห้องฉัน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง อ้าปากค้างด้วยความตกใจ สายสิญจน์ที่พึ่งเห็นยังเป็นขนาดนี้ ไม่ต้องถามเลยว่าเจ้าของห้องอย่างฉันรู้สึกยังไง
“ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วแบบนี้ ทำถึงขนาดนี้ได้แสดงว่ามันเข้าห้องเธอตามใจชอบได้เลยนะ” สายสิญจน์พูดขึ้น ฉันสังเกตด้วยว่าเธอตัวสั่นนิดๆ ยัยนี่คงเริ่มกลัวแล้ว
“เหรอ ฉันไม่รู้แล้วนะว่าจะทำยังไง” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้าย จะเรียกความรู้สึกตอนนี้ว่าอะไรดีล่ะ ปลงเหรอ คงได้มั้ง
“อันนา อันนาใจเย็นมันต้องผ่านไปได้สิ”
“เลิกพูดคำนี้สักทีได้ไหม!! อะไรที่ผ่านไป? ชีวิตเธอหรือของฉัน? ”
สุดท้ายฉันก็เผลอตวาดใส่สายสิญจน์ออกไป แม้จะรู้ว่าเธอหวังดี แต่กลับเจ็บจี๊ดทุกครั้งเวลาเธอเอ่ยคำนี้ “เดี๋ยวก็ผ่านไปงั้นเหรอ” เมื่อไหร่ล่ะ ตอนไหน ทุกวันนี้ฉันไม่เห็นว่ามันจะเป็นอย่างที่เธอพูด
“ขะ ขอโทษ ฉันไม่รู้จะช่วยเธอยังไงดี”
“…”
“ขอโทษ ที่ไม่สามารถทำอะไรให้อันนาได้เลย”
เป็นอีกครั้งที่ฉันต้องยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตา ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาไม่หยุด ฉันกล้าตวาดใส่คนที่หวังดีกับตัวเองได้ยังไง เอาความกลัวที่ตัวเองได้รับไปลงกับคนอื่น แบบนี้ก็เท่ากับว่าฉันแพ้ไอ้โรคจิตนั่นแล้วสิ
“ฉันต่างหากต้องขอโทษเธอสายสิญจน์ ทั้งที่เธอเองไม่รู้เรื่องอะไรเลย”
“ไม่ๆ ฉันผิดเองอันนา ทั้งที่ไม่รู้อะไรแต่กลับบอกให้เธอเอาแต่อดทน”
พูดจบสายสินก็ร้องไห้พร้อมกับเดินเข้ามากอดฉัน ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด มันไม่ควรเป็นแบบนี้ พอกันทีกับความหวาดกลัวที่ได้รับ ฉันจะไม่ปล่อยให้โรคจิตอย่างมันลอยนวล ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องเอาคืนมันอย่างสาสม!
“ฉันจะไม่ปล่อยให้มันทำลายชีวิตฉันเหมือนที่ผ่านมาแล้วสายสิญจน์ ในเมื่อไม่ยอมออกมาดีๆ คงต้องลากตัวมันออกมาเองแล้ว! "
“เราคอยจับตาดูตลอดยังไม่เห็นแม้เงา อันนาจะลากผู้ชายคนนั้นให้ออกมายังไงเหรอ” สายสินถาม ฉันที่ยังคิดอะไรยังไม่ออกได้แต่ยืนเงียบ นั่นสิจะใช้วิธีไหนดี
“โรคจิตคนนั้นดูเหมือนจะคลั่งเธอมากเลย” ร่างบางเกริ่น ทำฉันนิ่งไปเล็กน้อยพร้อมกับฉุกคิดบางอย่างขึ้นมา
“หรือว่า…ฉันควรหาใครสักคนเป็นแฟนดีสายสิญจน์”
“มะ หมายความว่ายังไงเหรออันนา”
“ในเมื่อมันคลั่งรักฉันขนาดนั้น ถ้าฉันเกิดมีแฟนขึ้นมามันต้องอกแตกตายแน่ เผลอๆ ดีไม่ดีอาจยอมเผยตัวออกมาก็ได้” ฉันอธิบายความคิดตัวเองให้สายสิญจน์ฟัง เธอพยักหน้าคล้ายกับเข้าใจ ทว่าสีหน้ากลับมีแต่ความกังวล
“มันจะดีเหรออันนา คงไม่เป็นอันตรายกับเธอใช่ไหม”
“ทุกวันนี้ก็อันตรายอยู่แล้ว ฉันคิดวิธีอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ”
“ถ้าอันนาว่าดีฉันก็จะช่วยอีกแรงนะ” ฉันยิ้มให้กับเธอแทนการขอบคุณ ดังนั้นเราจึงได้เริ่มแผนการหาแฟนให้กับฉัน รูปผู้ชาย 10 กว่าใบถูกส่งมาให้ฉันดู แต่ละคนมีหน้าตาที่ค่อนข้างหล่อเหลากันทีเดียว บางคนนี่ฉันนึกว่าเป็นดารา
“สายสิจน์รูปที่เธอเอามาให้ฉันดู มีแต่คนหล่อแล้วก็โปรไฟล์ดีทั้งนั้นเลย แบบนี้จะไม่ยากไปหน่อยเหรอ คนพวกนี้จะมาชายตาแลฉันไหมเนี่ย” ถามออกไปอย่างที่คิด ถ้าต้องมาแข่งกับผู้หญิงคนอื่นนี่ไม่ไหวนะ จืดชืดแบบฉันจะเอาอะไรไปสู้
“อะแฮ่ม! เธอฟังฉันนะอันนา ก่อนเอารูปพวกนี้ให้เธอดู ฉันแอบไปสำรวจมาแล้วว่าผู้ชายพวกนี้สนใจเธอหรือเปล่า” พูดจบสายสินก็หยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา สักพักก็ยื่นโทรศัพท์ให้ฉันดู
“เพจหนุ่มหล่อสาวสวยนี่” เอ่ยเบาๆ ก่อนสายตาฉันจะไปสะดุดเข้ากับรูปของตัวเองที่ถูกโพสต์ไว้ รู้สึกจะเป็นรูปตอนพึ่งเข้ามหาลัยใหม่ๆ ว่าแต่รูปที่ฉันเดินมองพื้นนี่เหมือนนางฟ้าเหรอ
แคปชั่น: นางฟ้าของมหาลัย C น้องอันนาคนสวย
Like: 80,5634
Comment 1: อยากถามน้องเขาจังเลยครับ ตอนตกลงมาจากสวรรค์เจ็บมากไหม
Comment 2: สวยเหมือนไม่ใช่คนเลยครับ อ้อลืมไปน้องเขาเป็นนางฟ้านี่หว่า
Comment 3: ถ้าได้แฟนสวยแบบนี้ผมจะตั้งใจเรียน
“เห็นไหมล่ะอันนา มีแต่คนชอบเธอทั้งนั้น ผู้ชายที่ฉันส่งรูปไปให้เธอดูเมื่อกี้ก็ด้วย หรือถ้ายังไม่มั่นใจพรุ่งนี้เดี๋ยวฉันแปลงโฉมให้เอง รับรองตะลึงทั้งมหาลัย”
“อื้อ ฝากด้วยนะสายสิญจน์” ฉันพยักหน้าเข้าใจ หวังว่าทุกอย่างจะราบรื่น
: เช้าวันต่อมา
“OMG เกิดอะไรขึ้นกับเธอเนี่ยอันนา!” น้ำเสียงติดห้าวนิดๆ ของขนมเทียนดังขึ้นก่อนเธอจะรีบเดินมาหาฉัน สองมือจับตัวฉันหมุนไปมาเป็นลูกข่าง
“หืม? ดูแปลกตามากเลยเหรอ” ถามด้วยความสงสัย ที่จริงก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่หรอก แต่สายสิญจน์บอกว่าแต่งแบบนี้แล้วดูดีมากนี่นา
“เปล่า มันดูดีมากเลยต่างหาก ให้ตายสิเธอสวยมากอันนา”
“เวอร์แล้ว แค่เปลี่ยนการแต่งตัวนิดหน่อยเอง” ฉันบอกกับอีกฝ่ายที่ยังทำหน้าตกใจไม่เลิก ดูท่าขนมเทียนจะอาการหนักจริงๆ ถึงขั้นหยิบมือถือมาถ่ายรูปฉันรัวๆ
“เอาจริงนะอันนา เธอไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าตัวเองสวยและมีเสน่ห์มากๆ เมื่อก่อนตอนยังไม่ค่อยแต่งตัวก็ดูสวยแบบนุ่มนิ่มน่าถนุถนอม แต่ตอนนี้พอแต่งแล้วสวยโดดเด่นมาก ขนาดฉันเป็นผู้หญิงด้วยกันยังมองหน้าเธอแล้วหลงเลย โอ้ยยย”
เอ่อ…ฉันกะพริบตาปริบๆ มองขนมเทียนยืนกรีดร้องอยู่ตรงหน้า คือวันนี้ฉันแต่งหน้ามานิดหน่อย แล้วก็ใส่เสื้อแขนกุดสีดำเอวลอย ส่วนกางเกงเป็นขายาวสีดำเข้ารูป ผมรวบตึงยกสูง
“เราไม่ไปเดินห้างแล้วได้ไหมอันนา ฉันหวงเธออ่ะ”
“แต่เรานัดสายสิญจน์ไว้แล้วนะ” เอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวจอมห้าวของตัวเองทำหน้างอ อ้อ…วันนี้เรานัดกินข้าวกับดูหนังกันน่ะ แต่เห็นว่าสายสิญจน์จะตามมาทีหลัง เนื่องจากเธอติดเรียนวิชาหนึ่ง ฉันกับขนมเทียนที่ว่างเลยไปกันก่อน
“ก็ได้ แต่เธอห้ามอยู่ห่างจากฉันนะ อยู่คนเดียวเธอโดนรุมทึ้งแน่” หัวเราะออกมานิดหน่อยให้กับความเวอร์ของเพื่อนตัวเอง เนื่องจากร้านอาหารที่พวกเราจะไปอยู่ไม่ไกลจากมหาลัยเท่าไหร่ ขับรถไปแค่ 10 นาทีถึง เราสองคนเลยมีเวลาว่างมากพอที่จะไปเดินดูพวกเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และของประดับเล็กน้อย
“อันนาอีกนานไหมกว่าสายสิญจน์จะมา” ขนมเทียนหันมาถาม สงสัยคงเพราะว่าใกล้ถึงเวลานัดแล้ว “แป๊บนะ” ฉันบอกพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหา
“ติดนะ แต่ไม่มีคนรับ” สงสัยเจ้าตัวคงยังไม่เลิกเรียน ฉันกดวางสายก่อนจะพิมพ์ข้อความส่งไปแทน “สงสัยติดเรียน เรารออีกสักพักแล้วกัน”
ฉันหันไปบอกกับขนมเทียนที่เริ่มทำงอแงแล้ว เธอพยักหน้าเป็นเชิงบอกว่าเข้าใจแล้ว ก่อนจะพาฉันเดินดูของต่อ จะว่าไปเห็นขนมเทียนบอกว่าชอบไปเที่ยวแบบธรรมชาติกว่านี่น่า อย่างเช่น ทะเล ปีนเขา หรือไม่ก็อะไรที่มันผาดโผนกว่านี้
หมับ! ฉันสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ มีคนมาจับที่ไหล่ของตัวเอง พอหันไปมองก็พบว่าเป็นฮารุโตะและผองเพื่อนของเขา แต่คราวนี้มีแค่สองคนแฮะ
“ฮารุโตะ มาทำอะไรที่นี่เหรอ” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรน้ำเสียงตื่นเต้นของขนมเทียนก็แทรกขึ้นมาก่อน ให้ตายสิ ฮารุโตะคือข้อยกเว้นของเธอสินะ เมื่อกี้ยังทำหน้างอแงอยู่แท้ๆ
ฮารุโตะ: มาทำอะไรเหรอครับอันนา ทำไมถึงแต่งตัวแบบนี้
ดูเหมือนว่าฮารุโตะจะไม่ได้สนใจขนมเทียนเลย เขากลับพุ่งเป้ามาที่ฉันแทนทำไมกันนะฉันถึงได้รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ไหนจะสายตาที่ฮารุโตะมองฉันอีก ฉันยกมือปิดหน้าท้องตัวเองโดยอัตโนมัติ
“คือว่าฉันมาดูหนังกับเพื่อนน่ะ” บอกออกไปตามตรง
ฮารุโตะ: ดูคนเดียวเหรอครับ
“ไม่ใช่นะดูกับขนมเทียน อะ อ้าวขนมเทียนไปไหนน่ะ” เอ่ยได้แค่นั้นหลังจากเห็นแผ่นหลังของเพื่อนจอมห้าวเดินห่างออกไปพร้อมหนุ่มผมสีแดง
ฮารุโตะ: ดูเหมือนว่าเบย์เพื่อนผมจะมีธุระกับเพื่อนของอันนา
“อะ อ๋อ…เป็นงี้นี่เอง ที่จริงเรานัดกับสายสิจน์เพื่อนข้างห้องไว้ด้วยน่ะ แป๊บนะเธอโทรมาพอดีเลย” ฉันบอกก่อนจะเดินออกมารับโทรศัพท์
“ว่าไง สายสินจน์เธออยู่ไหนแล้ว” ถามออกไปพร้อมกับแอบมองฮารุโตะซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิม
[ขอโทษนะอันนา ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ ชายที่เรานัดไว้ก็โทรมายกเลิกกันหมดเลย]
ปลายสายเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน มันจริงที่เรานัดว่าจะไปเที่ยว แต่ก็ไม่ได้มีแค่เราสามคน เพราะความจริงมันคือนัดบอร์ดกลายๆ นั่นเอง
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน”
“อยู่มหาลัยน่ะ ไม่รู้ว่าใครแกล้งปล่อยลมรถฉันแบนทั้ง 4 ล้อเลย”
“อื้องั้นไม่เป็นไร ฉันว่าจะกลับพอดีเลยน่ะ” บอกออกไปตามที่คิด ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าไม่ผิดหวัง ทุกอย่างมันดูไม่ราบรื่นอย่างที่คิดไว้เลย
“แล้วเพื่อนนายพาขนมเทียนไปไหนเหรอ ฉันว่าจะกลับแล้วน่ะ” หลังจากวางสายเสร็จ ฉันเดินไปหาฮารุโตะเพื่อถามหาเพื่อนตัวเอง ป่านนี้ยังไม่กลับมาเลยคุยอะไรกันนะ แล้วสองคนนั้นไปรู้จักกันตอนไหน ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย
ฮารุโตะ: กลับไปแล้ว
“อะไรนะ! กลับไปแล้วเหรอ? ” โดยไม่บอกฉันสักคำเนี่ยนะ
ฮารุโตะ: เห็นว่าธุระสำคัญ
ฉันพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะเดินออกมา คงช่วยไม่ได้สินะ…งั้นกลับคนเดียวแล้วกัน “ไม่ไปเที่ยวต่อเหรอฮารุโตะ” ถามออกไปเมื่อเห็นว่าเขายังเดินตามฉันต้อยๆ
ฮารุโตะ: ไม่ครับไม่อยากทิ้งอันนาไว้คนเดียว
ฉันหลุดยิ้ม เมื่ออ่านข้อความของเขาจบ ขณะเดียวกันฮารุโตะก็ยื่นเสื้อคลุมในมือเขาให้ ยังมีโลโก้ราคาติดอยู่เลยแฮะ อย่าบอกนะว่าเขาพึ่งซื้อมา
ฮารุโตะ: ผมเห็นว่ามีแต่คนมองน่ะ อากาศในห้างเย็นด้วย กลัวจะหนาว
“ขอบคุณนะ” ฉันเอ่ยขอบคุณ น่าแปลกทุกครั้งที่ฉันมีปัญหามักจะมีเขาเข้ามาช่วยตลอด ทั้งที่ไม่สนิทแต่ก็ยังมีน้ำใจ ที่จริงฉันคงรู้สึกแย่กว่านี้ถ้าอยู่คนเดียว อดคิดไม่ได้ว่าโชคดีจัง ที่มีเขาอยู่ด้วย
ตอนนี้เรากำลังเดินไปที่ลานจอดรถ เนื่องจากอีกฝ่ายอาสาจะไปส่ง ซึ่งฉันก็ตกลงไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธอยู่แล้ว หลังจากที่เข้ามาในรถแล้วไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันพูดบางอย่างออกมา บางทีอาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไป หรือต้องการแค่ระบายให้ใครสักคนฟัง
“นายคงแปลกใจสินะ ที่จู่ๆ ก็มาเห็นฉันแต่งตัวประหลาดแบบนี้”
“…”
“ความจริงแล้วกะว่าจะมานัดบอร์ดน่ะ แต่ก็อย่างที่นายเห็น ทุกอย่างมันพังหมด สุดท้ายฉันก็ไม่เหลือใคร อึก!” ฉันหยุดพูดก่อนจะกลืนก้อนสะอื้นลงไป
“ฉันแค่คิดน่ะว่าบางทีถ้าหากตัวเองมีแฟน โรคจิตนั่นอาจหายไปก็ได้ แต่ฉันคิดง่ายไป เหมือนฉันไม่สามารถหนีจากมันได้ อย่างกับว่ามันเป็นคนคุมเกมส์ทุกอย่างหมดแล้ว ฮึก! น่าสมเพชชะมัด”
จบประโยคนั้นฉันไม่สามารถพูดอะไรต่อได้อีก นอกจากนั่งปิดหน้าร้องไห้ ไม่อยากให้ใครเห็นสภาพที่อ่อนแอของตัวเอง แต่มันยากเกินไป หัวใจฉันเจ็บปวดเหลือเกิน
จึก จึก “ฮึก! ขอโทษนะที่อยู่ๆ ก็มาร้องไห้ต่อหน้านาย นายคงตกใจสินะ” ฉันเอ่ยออกมาเบาๆ พร้อมกับเช็ดน้ำตาตัวเองก่อนจะหันไปมองตามแรงสะกิด
ฮารุโตะ: ถ้าอันนาต้องการแฟนผมเป็นให้ก็ได้นะ
“นี่นาย…”
ฮารุโตะ: ผมจะคอยปกป้องอันนาเอง จะไม่หนีไปไหนและก็จะไม่ปล่อยให้เธอต้องเจอเรื่องแย่ๆ คนเดียวด้วย เราจะผ่านมันไปด้วยกัน เพราะงั้นคบกับผมนะ
ความคิดเห็น