ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #28 : EPISODE 27 จบบริบูรณ์

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 67


    EPISODE 27

    5 ปีต่อมา

    “คุณลุงเป็นใครฮะ” เด็กน้อยถามเสียงเจื้อยแจ้ว มองชายที่สวมสูท แต่งตัวดูดี เหมือนที่เห็นในทีวี ดวงตาเล็กหรี่มองบุคคลดังกล่าวด้วยความฉงนใจ คิดจะแย่งหม่าม้าของเขาอีกแล้วงั้นเหรอ?

    “อะแฮ่ม! น้องอันนา เอ๊ย! น้าหมายถึงคุณแม่อยู่หรือเปล่า” ชายตรงหน้ากระแอมไอเล็กน้อย เอ่ยถามเด็กตัวเล็กด้วยท่าทางอายๆ มือหนามีช่อดอกกุหลาบสีขาว สายตาพยายามสอดส่องเข้ามาในบ้าน แน่นอนว่าการกระทำดังกล่าวอยู่ในสายตาเด็กชายตัวน้อย

    “ไม่อยู่ฮะ! หม่าม้าไปข้างนอก”

    “เอ๊ะ! แต่น้าว่าเห็นรถจอดอยู่หน้าบ้านนะ”

    “หม่าม้า ออกไปกับน้าขนมเทียน ถ้าไม่มีอะไรแล้วลาก่อนนะฮะ!”

    ปัง! ไม่ทันที่ชายคนดังกล่าวจะได้เอ่ยอะไร ประตูห้องก็ถูกปิดโดยฝีมือเด็กชายตัวน้อย ฝ่ามือเล็กกำเข้าหากันแน่น ถ้าไม่ติดว่าหม่าม้าห้ามใช้กำลัง ผู้ชายคนนั้นไม่มีศิษย์มายิ้มหน้าระรื่นแบบนี้ได้หรอก หึ!

    เขาพอจะรู้ว่าตัวเองมีพละกำลัง และฉลาดกว่าเด็กทั่วไป จึงต้องพยายามเรียนรู้และควบคุมอารมณ์ของตัวเองตลอดเวลา แต่ว่าพักนี้ดูเหมือนจะมีผู้ชายแปลกๆ พยายามเข้าหา และจ้องจะขโมยหม่าม้าไปจากเขา ปกติถ้าเกิดเรื่องแบบนี้ อาเบย์กับน้าขนมเทียนจะต้องออกโรงช่วย แต่คราวนี้สองคนนั้นดันหนีไปเที่ยวซะได้

    “ใครมาหาหม่าม้าเหรอเคียว” น้ำเสียงหวานเอ่ยถาม ก่อนจะชะโงกหน้าออกมาจากห้องครัว อ่า…หม่าม้าของเขาเหมือนนางฟ้าในนิทานเลย!

    “ไม่มีอะไรฮะ คุณอาคนนั้นแค่มาผิดบ้าน” เคียวส่ายหน้าไปมา ก่อนจะวิ่งไปกอดคนเป็นแม่อย่างอ้อนๆ ตัวหม่าม้าหอมที่สุดเลย!

    “แล้วทำไมลูกชายคนดีของแม่ถึงได้หน้ามุ่ยแบบนี้หืม” ฉันถามยิ้มๆ จัดการอุ้มลูกชายตัวน้อยไปยังห้องรับแขก ที่ตอนนี้มีถาดผลไม้ต่างๆ ถูกวางไว้อยู่ก่อนแล้ว ซึ่งก็มีแต่ของที่ลูกชายฉันชอบทั้งนั้น เห็นตัวแค่นี้แต่กินเก่งใช่เล่น

    “งื้ออ หม่าม้าป้อนเคียวหน่อย” หลังถูกปล่อยตัวแทนที่เจ้าตัวเล็กจะนั่งดีๆ ทว่ากลับมานอนตักฉันแล้วกลิ้งไปกลิ้งมาซะงั้น ฉันยื่นมือบีบแก้มนิ่มด้วยความมันเขี้ยว ทำไมวันนี้ขยันอ้อนจัง

    “หม่าม้าจะยอมป้อนก็ได้นะ ถ้าเคียวคุงยอมนั่งกินดีๆ”

    ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงกึ่งดุ เกิดติดคอขึ้นมาจะทำยังไง เฮ้อ! ไม่รู้ได้นิสัยซนๆ แบบนี้มาจากไหน ถึงจะมีสายเลือดของแวมไพร์แต่ก็ยังเป็นเด็กสินะ

    หลังจากได้ดอกกุหลาบสีดำ ขนมเทียนก็เริ่มปรุงยาเพื่อรักษาฉันไม่นานร่างกายฉันจึงดีขึ้นเรื่อยๆ ทว่าไม่ว่าจะผ่านไปกี่เดือนฮารุโตะก็ยังไม่ยอมกลับมากระทั่งฉันคลอดลูกชายที่แสนล้ำค่า ฉันรอเขาอยู่นานจนเกือบถอดใจ คิดว่าเขาอาจตายแล้วจริงๆ

    จนวันหนึ่งพี่คราวน์เริ่มติดต่อกลับมา เขาบอกว่าเห็นฮารุโตะอยู่ที่ญี่ปุ่น ยอมรับว่าตอนนั้นฉันดีใจและโล่งอกมาก หวังว่าสักวันเขาจะยอมมาหา แต่ว่า 5 ปีมานี้ เขาไม่แม้แต่จะติดต่อหาฉัน ซึ่งฉันคิดว่าเขาอาจมีเหตุผลบางอย่างถึงต้องทำแบบนี้ กระทั่งมีข่าวของเขาว่อนไปทั่ว ในฐานะเศรษฐีหนุ่มไฟแรงลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น

    จากนั้นไม่นานเพื่อนของเขาและคนอื่นก็ค่อยๆ เลือนหายจากชีวิตฉัน ซึ่งตอนนี้ก็เหลือแค่พี่เบย์เท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮารุโตะ ทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้กลายเป็นเจ้าของบริษัทซอฟต์แวร์ไปได้ แล้วเรื่องระหว่างฉันกับเขาไม่มีความหมายแล้วงั้นเหรอ

    “หม่าม้าอย่าร้องไห้เลยนะ” ฝ่ามือเล็กเอื้อมมาเช็ดคราบน้ำตาให้เบาๆ ทำให้ฉันเริ่มได้สติ ก่อนจะรีบเช็ดน้ำตาลวกๆ กลับมาให้ความสนใจกับลูกชายตัวน้อย

    “ขอโทษนะจ๊ะ พอดีฝุ่นมันเข้าตาหม่าม้าน่ะ” ฉันยิ้มบาง โกหกออกไปคำโต ซึ่งเคียวก็ทำหน้าฉงนราวกับไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เขาน่ะค่อนข้างความรู้สึกไว และยังฉลาดกว่าเด็กทั่วไป ฉันเลยไม่ค่อยแปลกใจในการกระทำบางอย่างเท่าไหร่

    “หม่าม้าคิดถึงป่าป๊าใช่ไหม” น้ำเสียงเล็กเอ่ยเจื้อยแจ้ว ชี้นิ้วไปยังหน้าจอโทรทัศน์ ซึ่งฮารุโตะกำลังอยู่ในหัวข้อข่าวบันเทิง กับหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นดารา ฉันสะอึกไปเล็กน้อย ไม่คิดว่าลูกชายจะหัวไวขนาดนี้ “ไม่ใช่หรอกจ้ะเขาคนนั้นจะเป็นพ่อของเคียวคุงได้ไง”

    “แต่หม่าม้าชอบร้องไห้เวลาเห็นข่าวของคนนั้น หรือว่าผู้ชายในทีวีจะหน้าเหมือนป่าป๊าเคียว? ” ลูกชายตัวเล็กถามด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว เอียงคอมองฉันอย่างต้องการคำตอบ

    “คือว่าหม่าม้า…”

    ติ้งๆ ติ้งๆ

    “งั้นหม่าม้าขอไปเปิดประตูก่อนเนอะ เดี๋ยวหม่าม้ามาคุยด้วยใหม่” ฉันยกมือลูบหัวลูกชายเบาๆ โชคดีจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

    “เดี๋ยวเคียวไปเปิดให้เองครับ!” น้ำเสียงแข็งขันดังมาจากคนตัวเล็ก แต่ฉันก็รีบคว้าตัวเขาไว้ก่อน

    “ไม่ได้ ถ้าเกิดเป็นผู้ชายอีก ลูกก็จะไล่เขากลับเหมือนชายคนเมื่อกี้อีกใช่ไหม? ถ้าเขามาติดต่อเรื่องงานจะทำยังไงหืม? ” ฉันเอ่ยอย่างรู้ทัน เล่นเอาเจ้าตัวน้อยเบิกตากว้าง คงคิดว่าฉันไม่รู้สินะ ร้ายกาจเหมือนพ่อจริงๆ อ่า…แล้วฉันจะคิดถึงผู้ชายคนนั้นอีกทำไม

    ฉันสะบัดหัวเล็กน้อย เพื่อให้เลิกคิดฟุ้งซ่าน สองเท้าก้าวไปยังประตูหน้าบ้าน เพื่อพบแขกที่มาในวันนี้ ทว่าหลังจากที่เห็นบุคคลที่ปรากฏตัวต่อหน้าก็ทำเอาตกใจจนทำอะไรไม่ถูก

    “ผมกลับมาหาอันนาแล้วนะครับ” ฮารุโตะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เขาดึงตัวฉันไปกอดจนแทบจมอก “ปล่อยฉันนะ นายกลับมาทำไมอีก!” ทันทีที่ตั้งสติได้ฉันก็พยายามผลักร่างสูงให้พ้นจากตัว ตอนหายตัวไปไม่เคยติดต่อกลับมา ตอนนี้นึกอยากจะมาก็มางั้นเหรอ?

    “ไม่! รู้ไหมว่าผมคิดถึงอันนาแค่ไหน” ฮารุโตะไม่ยอมปล่อยตัวฉันง่ายๆ เขากอดฉันแน่นขึ้น ใบหน้าหล่อซุกอยู่ที่ซอกคอ ราวกับโหยหาจนยากจะปล่อย

    ตู้ม!

    “ฮะ ฮารุโตะ!” ร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อร่างสูงถูกผลักกระเด็นออกจากบ้านด้วยแรงมหาศาล ฉันหันขวับไปยังต้นตอ

    “อย่ามารังแกหม่าม้าของผมนะ!” เป็นลูกชายตัวน้อยที่เป็นคนทำ เขายืนจ้องหน้าฮารุโตะด้วยสีหน้าขึงขัง นัยน์ตาสีน้ำตาลแปลเปลี่ยนเป็นสีทอง ขู่ฟ่อๆ จนเขี้ยวงอก

    “ไอ้เปี๊ยกนี่ใครอันนา!” ฮารุโตะลุกขึ้นเช็ดเลือดมุมปาก ชี้หน้าเคียวของฉันด้วยท่าทางเอาเรื่อง ซึ่งนั่นทำให้คิ้วฉันกระตุกด้วยความโมโห

    “นายจะเลอะเลือนยังไงฉันไม่สนนะ แต่จะลืมลูกชายตัวเองแบบนี้ไม่ได้!” ตอกกลับไปด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนฮารุโตะจะชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของฉัน เขาทำหน้างงเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ เบิกตากว้างทีละนิดเหมือนพึ่งนึกได้

    “หม่าม้า ไหนหม่าม้าบอกว่าลุงคนนี้ไม่ใช่พ่อของเคียวไง” มือเล็กดึงชายเสื้อฉันเบาๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ฉันเผลอกุมขมับทันที บ้าจริงลืมไปเลยว่าเคียวก็อยู่ด้วย แถตอนนี้คงไม่ทันสินะ

    “ขอโทษนะจ๊ะที่หม่าม้าโกหก ความจริงแล้วคนคนนี้เป็นพ่อของเคียวคุงจริงๆ นั่นแหละ” ตอบกลับไปอย่างไม่มีทางเลือก

    หลังแนะนำฮารุโตะเสร็จ ลูกชายตัวน้อยก็จ้องเขม็งไปที่พ่อตัวเองคล้ายต้องการข่มขู่ ฮารุโตะเองก็ใช่ย่อย เขาชี้นิ้วทั้งสองไปที่เคียวก่อนจะวกกลับมาที่ตัวเองอย่างท้าทาย ชักสัมผัสได้ถึงความน่าปวดหัวที่กำลังตามมาแล้วสิ

    “สรุปนายตั้งใจมาหาฉันเพราะเรื่องแค่นี้ใช่ไหม” ฉันถาม เดินไปอุ้มเคียวเพื่อพาเข้าบ้าน

    “ผมมาเพราะคิดถึงอันนา ตอนนี้ผมพร้อมที่จะดูแลปกป้องเธอแล้วนะ” ร่างสูงจับแขนฉันเบาๆ เพื่อกันไม่ให้เดินหนี สายตาคมจ้องมองอย่างเว้าวอน

    “ก่อนที่นายจะพ่นคำพวกนี้ออกมา นายควรจะอธิบายก่อนนะ ว่าทำไมถึงได้หายหัวและไม่คิดจะติดต่อกลับมาสักครั้ง” ฉันหยุดเดินหันไปถามฮารุโตะอย่างต้องการคำตอบ

    “ครับ ที่ผมมาก็เพื่อจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนั่นแหละ”

    @ห้องรับแขก

    “อันนาอยากรู้เรื่องอะไรก่อนครับ? ” ฮารุโตะเกริ่น หยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มราวกับไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนดี ที่ผ่านคงเกิดเรื่องขึ้นมากมาย

    “พี่คราวน์บอกว่าวันนั้นเห็นเศษขี้เถ้าที่พื้น ถ้าคนที่ตายในวันนั้นไม่ใช่นาย แล้วเป็นใคร? ”

    “ลูกน้องของไอ้วิน ผมเองก็ไม่รู้เพราะอะไรมันถึงส่งคนมาช่วย” ฮารุโตะอธิบาย แสดงว่าพวกเขาก็ไม่ได้นัดคุยหรือตกลงมาก่อน

    “แล้วทำไมอยู่ๆ นายถึงหายไป โดยไม่คิดจะติดต่อกลับมา” ฉันถามในสิ่งที่สงสัยที่สุด ร่างสูงยืดตัวเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องทุกอย่างในตอนนั้น

    “เวลานั้นเผ่าไหนก็อยากได้ตัวอันนา ผมไม่อยากให้เธอกับลูกถูกตามล่า เลยต้องตีตัวออกห่าง บวกกับที่คฤหาสน์ถูกเล่นงานจนเละทำให้มีหลายเรื่องต้องจัดการ”

    “ถึงอย่างนั้น แต่แค่อธิบายหรือให้คนมาส่งข่าวก็ทำไม่ได้เหรอ? ” ฉันถามด้วยความไม่เข้าใจ เขามีเพื่อน มีลูกน้องในตระกูลเยอะแยะแค่เอ่ยปากสักนิดมันยากขนาดนั้นเลยใช่ไหม

    “ผมขอโทษครับอันนา ตอนนั้นมันกะทันหันจริงๆ แถมราชินีกับลูกน้องต่างก็จับตาดูผม ไหนจะเรื่องติดต่อธุรกิจกับเผ่าอื่น แวมไพร์น่ะอาศัยแค่พลังไม่สามารถมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้หรอก ถ้าไม่มีคอนเน็กชั่นและผลประโยชน์ร่วมกับคนอื่นๆ”

    ฮารุโตะพยายามอธิบายอย่างใจเย็น ซึ่งฉันก็ไม่เถียง ถูกอย่างที่เขาว่า แต่จะให้ยอมรับผู้ชายที่หายหัวไปตั้ง 5 ปี ดูเหมือนจะยากเกินไปสำหรับฉัน

    “อืม เอาเป็นว่าฉันเข้าใจแล้ว”

    “ถ้างั้นเรา…”

    “เชิญนายกลับไปได้แล้ว”

    “อันนา! ไหนเธอบอกว่าเข้าใจผม” ฮารุโตะมองฉันด้วยความไม่เข้าใจ เขาคิดว่าพอเล่าเรื่องทุกอย่างจบ เราทั้งคู่จะกลายเป็นเหมือนเดิม ซึ่งสำหรับฉันมันไม่ใช่

    “ผมทำอะไรผิด อันนาบอกผมได้นะ ผมจะปรับปรุงตัวเอง” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงลนลาน ใบหน้าซีดเผือดจนอดแปลกใจไม่ได้ เขาคือผู้ชายเอาแต่ใจคนนั้นจริงเหรอ?

    “ฉันเข้าใจนายจริงๆ ฮารุโตะ แต่นายต้องเข้าใจด้วยว่าที่ผ่านมาฉันอยู่โดยไม่มีนายมาตลอด และฉันกับลูกก็ต้องการเวลา”

    “ได้ครับ ถ้าอันนาต้องการแบบนี้จริงๆ ผมจะไม่เร่งรัด” ในที่สุดฮารุโตะก็ยอมรับปาก ก่อนจะลุกเดินออกจากห้องไป ฉันได้แต่ยิ้มอย่างขมขื่น แบบนี้แหละดีที่สุดแล้วอันนา

    “นาย…ทำอะไรน่ะ” ทว่าไม่นานฮารุโตะก็เดินกลับเข้ามาใหม่ พร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่

    “ผมอยากให้อันนากับลูกปรับตัวได้เร็วขึ้น เลยว่าจะย้ายมาอยู่แบบถาวร” ฮารุโตะตอบกลับด้วยท่าทางซื่อๆ เลิกคิ้วมองฉัน เหมือนต้องการถามว่าตัวเองทำไรผิด

    “คือนายไม่เข้าใจฮารุโตะ ฉันไม่ได้หมายความว่าให้นายทำแบบนี้”

    ติ้งๆ ติ้งๆ

    เป็นอีกครั้งที่เสียงกริ่งหน้าบ้านทำให้ฉันต้องชะงัก ขยับเท้าไปหน้าประตูอย่างไม่มีทางเลือก แต่ก็ไม่ลืมสั่งให้ฮารุโตะอยู่แบบเงียบๆ รู้สึกวันนี้จะมีคนมาหาบ่อยกว่าปกติแฮะ

    “พี่ภีมสวัสดีค่ะ” ฉันกล่าวทักทาย ยิ้มให้ร่างสูงที่อยู่หน้าห้อง เขาเป็นเพื่อนบ้านสุดแสนใจดี เคยช่วยฉันไว้หลายอย่างช่วงที่ย้ายมาแรกๆ แต่ดูเหมือนลูกชายตัวน้อยของฉันจะไม่ชอบเขาเท่าไหร่

    “ว่าแต่พี่ภีมมีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันถาม เมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของอีกฝ่าย “คือว่าพี่ไม่เห็นเราออกจากบ้านหลายวันแล้ว เลยเป็นห่วงคิดว่าไม่สบายหรือเปล่า” เมื่อฟังจบก็พยักหน้าน้อยๆ ปกติฉันจะพาเคียวออกไปเดินเล่นที่สวนหน้าบ้านทุกเช้า

    “พอดีช่วง 2-3 วันนี้ งานค่อนข้างเร่งน่ะค่ะ อันนาเลยไม่ได้ออกไปไหน” ฉันตอบกลับตามความเป็นจริง งานฟรีแลนซ์ไม่ค่อยเหมือนงานออฟฟิต ที่มีเวลาเริ่มและเลิกงานตรงเวลา

    “อ้อครับ แล้วก่อนหน้านี้น้องอันนาออกไปไหนมาเหรอครับ พี่แวะมาเยี่ยมรอบหนึ่งแล้วเจอแต่ลูกชายเรา” พี่ภีมถาม ที่แท้ผู้ชายที่มาก่อนหน้านั้นก็เป็นเขานี่เอง “อ๋อ คือว่า…”

    “อันนาครับ ลูกของเราหิวนมแย่แล้ว”

    ไม่ทันจะอ้าปากอธิบาย เสียงของฮารุโตะก็ดังมาจากในห้อง ทำให้พี่ภีมได้แต่ยืนอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ถูก ซึ่งฉันก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าจะก่อกวนก็เอาให้มันเนียนหน่อยเถอะ มีเด็ก 5 ขวบที่ไหนยังกินนมจากขวดนมบ้าง แล้วไม่ใช่แค่พูดนะ ฮารุโตะยังอุ้มเคียวออกมาประจันหน้ากับพี่ภีมอีก ไม่ใช่ว่าลูกชายตัวดีของฉันหลับไปแล้วเหรอ ทำไมตอนนี้ถึงได้มองฉันตาแป๋วแบบนี้

    “น้องอันนาครับ ผู้ชายคนนี้คือ? ”

    “อ้อ ผมเป็นสามีของอันนา แล้วก็เป็นพ่อของเคียวคุงน่ะ”

    ไม่พูดอย่างเดียวฮารุโตะยังยกมือขึ้นโอบไหล่อย่างถือวิสาสะ แล้วไหงลูกชายฉันถึงได้พยักหน้าหงึกหงักเห็นด้วยล่ะ เมื่อกี้ยังแยกเขี้ยวใส่ฮารุโตะอยู่เลย

    “หม่าม้าเคียวหิวแล้วครับ” ลูกชายตัวแสบกระตุกแขนเสื้อฉันเบาๆ ทำปากจู๋เป็นการอ้อน ร้ายพอกันทั้งพ่อและลูกเลยสินะ “พี่ภีมคะ ถ้างั้นอันนาขอพาลูกไปทานข้าวก่อนนะคะ”

    “ได้ๆ ไม่เป็นไร เชิญเรากับครอบครัวตามสบายเลย ขอโทษนะที่พี่มารบกวน” พูดจบพี่ภีมก็หันหลังวิ่งจากไปทันที ในมือเขามีช่อดอกกุหลาบอยู่ด้วยแฮะ หลังจบเรื่องฉันรีบหันขวับมองสองพ่อลูก แอบไปคืนดีกันตอนไหนไม่รู้

    “พอใจกันหรือยังหืม? ”

    “ค้าบบบ/คร้าบบบ” อืมพร้อมเพรียงเชียว หรือนี่จะเป็นสายใยพ่อลูกที่เค้าว่ากัน

    @กลางดึก

    ซู่ๆ ซู่ๆ ~

    ฉันมองสายฝนกระหน่ำตกลงมา ราวกับไม่สิ้นสุด ส่งผลให้อุณหภูมิภายในห้องต่ำลง จนต้องหยิบเสื้อแขนยาวมาสวมทับอีกชั้น ตอนนี้เป็นเวลา 3 ทุ่มครึ่ง แน่นอนว่าลูกชายตัวน้อยนอนหลับไปแล้ว เหลือแค่ฉันที่มีเรื่องให้คิดไม่ตกจนไม่สามารถข่มตานอนได้

    “นอนไม่หลับเหรอครับ” น้ำเสียงทุ้มต่ำกระซิบที่ข้างหู ก่อนที่ฝ่ามือแกร่งจะเลื่อนมากอดเอวฉันจากด้านหลัง ซึ่งเป็นใครไม่ได้นอกจากฮารุโตะ อ้อ ก่อนหน้านี้ฉันให้เขาไปนอนห้องขนมเทียนกับพี่เบย์น่ะ สองคนนั้นไปฮันนีมูนดังนั้นห้องเลยว่าง

    “อื้ม มีเรื่องให้ต้องคิดน่ะ นายล่ะนอนไม่หลับเหรอ”

    “ผมจะนอนได้ไง ในเมื่อห้องนั้นมีแต่กลิ่นผู้หญิงคนอื่น” อ่า นั่นสิ ฉันลืมไปเลยว่าแวมไพร์ไวกับเรื่องพวกนี้มาก “ถ้างั้นก็มานอนกับฉันแล้วกัน” ให้นอนโซฟาคงไม่ดีเท่าไหร่

    “หืม? อันนาแน่ใจนะ” ฮารุโตะถาม เหมือนตกใจไม่น้อยกับคำพูดของฉัน

    “อืม แค่นอนเฉยๆ นายคิดอะไร”

    “เปล่าหรอก แต่อันนาดูเหมือนไม่ค่อยอยากอยู่ใกล้ผมเท่าไหร่ เลยแปลกใจน่ะ” ฮารุโตะตอบยิ้มๆ ใบหน้าเขาดูหงอยลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึง

    “ไม่นะ ฉันแค่ห่วงความรู้สึกเคียว

    เขาคงรู้สึกแย่ที่อยู่ๆ ผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาบอกว่าเป็นพ่อ” จำได้ว่าเหตุการณ์แบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับฉันตอนเด็ก ฉันเลยเข้าใจความรู้สึกนั้นดี

    “ที่อันนาตึงใส่ผมเป็นเพราะเรื่องนี้เหรอ? ” ฮารุโตะถาม ยกมือลูบหัวฉันด้วยความเอ็นดู จะพูดไงดีล่ะ ที่จริงฉันยกโทษให้เขาตั้งแต่เห็นหน้าแล้วล่ะ ฉันไม่อยากเก็บเรื่องที่ผ่านมาแล้วคิดมาก อยากทำให้ทุกวันมีความสุขและดีที่สุด แต่ก็กลัวกระทบความรู้สึกเคียว

    “หม่าม้าไม่ต้องเป็นห่วงเคียวนะ” ฉันหันขวับไปด้านหลัง ลูกชายที่คิดว่านอนหลับแล้วจู่ๆ ก็เดินออกมาจากห้อง ไม่มีความงัวเงียแม้แต่น้อย

    “เอ๊ะ เคียว! ลูกยังไม่นอน? ”

    “อื้ม! เคียวนอนไม่หลับ เคียวอยากให้หม่าม้ามีความสุข หม่าม้ารักป่าป๊าได้นะ” สิ้นคำพูดนั้น ฉันก็ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา รู้สึกเหมือนถูกปลดล๊อก เท่านี้ฉันก็สามารถมีชีวิตและครอบครัว เหมือนมนุษย์ธรรมดาทั่วไปได้แล้วใช่ไหม

    “ฮึก! ขอบคุณนะที่นายกลับมา ฮารุโตะ รู้ไหมว่าที่ผ่านมาฉันเป็นห่วงนายแค่ไหน เคียวด้วย หม่าม้าขอบคุณที่คอยอยู่เคียงข้างมาตลอด” ในที่สุดฉันก็ไม่สามารถห้ามน้ำตาได้ ทำให้ร่างสูงต้องรั้งตัวไปกอดแน่น ส่วนลูกชายตัวน้อยก็กระโดดเกาะหลังฮารุโตะ ก่อนจะเอื้อมมือน้อยๆ มาลูบหัวเบาๆ

    “เอ๋ๆ นะหม่าม้า ต่อไปนี้พวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปเลย ใช่ไหมป่าป๊า”

    “ใช่ครับ ต่อไปนี้จะไม่มีอะไรแยกเราทั้ง 3 คน พ่อแม่ลูกได้อีก ผมสัญญาเลย”

    บันทึกพิเศษ: ฮารุโตะและเคียวคุง

    หลายชั่วโมงก่อนหน้านั้น

    “นี่! ลุงน่ะ เป็นป่าป๊าของผมเหรอ” เด็กชายตัวน้อยชี้ไปที่ร่างสูงอย่างหาเรื่อง มองยังไงก็รู้สึกไม่ถูกชะตา

    “ใช่แล้วเจ้าเปี๊ยก! ไหว้พ่อซะสิ” ฮารุโตะที่เห็นท่าทางดังนั้นก็ตอบกลับกวนๆ เปรี้ยวจริงๆ เจ้าเด็กคนนี้ ไม่อยากเชื่อว่านี่ลูกเขา

    “ผมไม่ยอมรับคุณง่ายๆ หรอกนะ เหอะ!”

    ฮารุโตะเลิกคิ้วเล็กน้อย แน่ะมีสะบัดหน้าหนีเขาด้วย เออ! เรื่องของเอ็ง!!

    “นี่เจ้าเปี๊ยก นายน่ะอยู่บ้านประสาอะไรปล่อยให้แม่ตัวเอง โดนไอ้หน้าโง่ที่ไหนไม่รู้จีบ” ฮารุโตะที่ได้ยินเสียงพูดคุยของชายหนุ่มจากนอกห้องอดแซะไม่ได้ ซึ่งนั่นทำให้เด็กตัวน้อยฉุนกึก แยกเขี้ยวใส่ผู้เป็นพ่อด้วยความโกรธจัด ก่อนจะยกยิ้มขึ้น

    “คุณลุงต้องเข้าใจนะครับ หม่าม้าผมสวยมาก! จะมีแมลงหวี่แมลงวันตอมบ้างก็ไม่แปลก แต่คุณลุงไม่ต้องห่วง ผมจะไล่แมลงพวกนั้นไปเอง!” ว่าจบเท้าน้อยๆ ก็วิ่งไปข้างหน้าหวังจะขัดขวาง แต่ก็ถูกฮารุโตะดึงคอเสื้อจากด้านหลังไว้เบาๆ

    “ทำแบบนั้น หม่าม๊านายได้โกรธจนหาว่าทำตัวเป็นเด็กแน่”

    “ผมไม่ใช่เด็กนะ!” เคียวโวยวาย ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้าดิ้นแรง เพราะกลัวหม่าม้าจะรู้ว่าเขาไม่ยอมนอน “เอางี้ เรามาร่วมมือกันไหมเจ้าเปี๊ยก” ได้ผล คำพูดนั้นทำให้เคียวชะงัก หรี่ตามองผู้เป็นพ่อ เขาต้องการคำอธิบายเพิ่ม

    “จะให้ผมทำอะไร” ร่างเล็กถาม คิ้วน้อยๆ ขมวดหากันแน่น

    “ยอมรับฉันเป็นพ่อ แล้วเรามาช่วยกันกำจัดผู้ชายคนอื่นที่พยายามเข้าใกล้หม่าม้านายกัน!” ฮารุโตะเอ่ยยิ้มๆ ถ้าเขาผ่านด่านลูกชายไปได้ ไม่แน่อันนาอาจยอมรับเขาเร็วขึ้นก็ได้

    ด้านเคียวเมื่อได้ยินดังนั้น ก็เริ่มชั่งใจอยู่นาน เคียวไม่ชอบหน้าหมอนี่ แต่หม่าม้าดูเหมือนจะรักผู้ชายคนนี้มาก ถ้าหม่าม้ายังโสดผู้ชายคนอื่นก็จ้องจะขโมยหม่าม้าไปจากเคียวตลอดเวลา แต่ถ้าเคียวยอมรับผู้ชายคนนี้ นั่นหมายความว่าเคียวจะมีศัตรูแค่คนเดียว!

    “ได้! เรามาร่วมมือกันครับคุณลุง!”

    “ต่อไปนี้เรียกฉันว่าป๊ะป๋า”

    “ผมจะพยายาม”

    เช้าวันต่อมา

    “นี่เจ้าลูกชาย ป่าป๊ามีจดหมายที่เขียนถึงแกสมัยยังเป็นวุ้นด้วย” ฮารุโตะเอ่ยขึ้น ขณะจ้องมองร่างของอันนาที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง เขายื่นซองจดหมายดังกล่าวให้กับลูกชายตัวน้อย

    “ผมก็มีจดหมายถึงลุงเหมือนกัน” ฮารุโตะที่ได้ยินก็ตกใจเล็กน้อย อ่า…ไม่คิดว่าลูกชายจะคิดถึงเขาขนาดนี้ เล่นเอาเขาแอบรู้สึกผิดเล็กน้อย ที่มองอีกคนเป็นตัวเกะกะ

    “ขอบใจงั้นเราเปิดพร้อมกันไหม” ฮารุโตะถามลูกชาย ซึ่งเจ้าตัวเล็กก็พยักหน้ารัวๆ

    1 2 3 พรึ่บ! ฮารุโตะ: อันนาน่ะเมียฉัน!!

    เคียว: หม่าม้าน่ะของผม!!

    และแล้วก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะญาติดีกันไม่ได้ในเร็วๆ นี้

    จบบริบูรณ์

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×