คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : EPISODE 26
EPISODE 26
“น้องอันนาคะ! ตื่นเถอะค่ะ”
“พี่แคท? ”
ฉันหรี่ตามองหญิงสาวตรงหน้า สมองพยายามประมวลเหตุการณ์ในตอนนี้ เธอดูร้อนรนมากกว่าทุกครั้ง เกิดอะไรขึ้น? จำได้ว่าก่อนหน้านี้ฮารุโตะเป็นคนส่งฉันเข้านอน ตอนนี้เขาหายไปไหนแล้ว?
“เราต้องหนีแล้วค่ะ!” เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง ก่อนเธอจะพยายามดึงฉันให้ลุกจากที่นอน “หมายความว่าไงคะ? ฮารุโตะเขาอยู่ไหน” ฉันขืนตัวไว้ มองร่างบางอย่างต้องการคำตอบ ถ้าจะหนีเขาไม่มีทางทิ้งฉันไว้คนเดียวแน่นอน
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ แต่เอาเป็นว่าตอนนี้เราต้องหนีแล้ว!”
ตู้ม!! ทว่าไม่ทันที่เราจะก้าวเท้าออกจากห้อง เสียงระเบิดก็ดังไปทั่วคฤหาสน์ แรงสั่นสะเทือนทำให้ฉันถึงกับยืนตัวเซ โชคดีได้พี่แคทเอื้อมมือมาคว้าไว้ทัน
“น้องอันนาหลบอยู่ข้างหลังพี่นะคะ” พี่แคทพูดพร้อมเสียงหอบหายใจเป็นระยะ
“คะ?!!” ฉันร้องเสียงหลง มองภาพตรงหน้าด้วยความสะพรึง สัตว์ประหลาดสีเขียวอี๋รูปร่างคล้ายกับคนกำลังตรงดิ่งมายังพวกเรา ซึ่งพี่แคทไม่รอให้เป็นอย่างนั้นเธอกระโดดเข้าไปบิดคอสัตว์ประหลาดตัวนั้นทันที ทว่าเพียงไม่กี่วิ คอที่ถูกหักไปแล้วก็งอกใหม่
“นี่มันตัวอะไรเนี่ย” ฉันพึมพำ ค่อยๆ ถอยหลังไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะจัดการได้กี่ครั้งมันก็คืนชีพขึ้นใหม่ แถมยังทำให้พื้นโดยรอบ กลายเป็นสีเขียว ราวกับตะไคร่น้ำ
“พี่แคทมันมาอีกแล้ว” ร้องบอกปากคอสั่น เมื่อบางอย่างสีเขียวค่อยๆ คืบคลานมาทางหน้าต่าง กลายเป็นว่าเราถูกล้อมทั้งหน้าและหลัง
“ฟังพี่ให้ดีนะน้องอันนา เดี๋ยวพี่จะล่อมันทั้งสองตัวไว้กลางห้อง น้องอันนาใช้จังหวะนั้นหนีไปนะ” เอ่ยจบพี่แคทก็ตรงมาคว้าแขนฉันไว้
“จะให้อันนาทิ้งพี่เหรอคะ? ” ถามออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “ไม่หรอก แต่เป็นการช่วยต่างหาก” ฉันขมวดคิ้วไม่เข้าใจ มองบางอย่างสีเขียวไหลเข้ามาในห้องเรื่อยๆ
“พี่ต่อสู้กับสัตว์ประหลาดทีเดียวสองตัว พร้อมกับปกป้องน้องอันนาด้วยไม่ได้หรอก”
“แล้วจะให้อันนาหนีไปไหนคะ ข้างล่างคงไม่มีพวกมันอีกใช่ไหม” ฉันถามด้วยน้ำเสียงสั่นๆ แม้จะกลัวแค่ไหน แต่อย่างที่เธอพูดขืนอยู่ด้วยกันนอกจากจะเป็นภาระแล้ว ฉันอาจจะทำให้เราทั้งคู่ต้องตาย
“จำประตูสีทองที่น้องอันนาเคยเห็นคราวก่อนได้ไหม ไปที่นั่น”
ปั่ก!!
จบคำพูดนั้น ร่างของพี่แคทก็กระเด็นไปกระแทกผนังห้อง ฉันไม่รอช้า ก้าวขาสั่นๆ ของตัวเองออกจากห้อง สองเท้าวิ่งไปตามทางเดินที่มีไฟติดๆ ดับๆ เศษกระจก และเฟอร์นิเจอร์มากมายเกลื่อนพื้นเต็มไปหมด แถมข้างนอกคฤหาสน์ยังลุกไปด้วยเปลวเพลิง
กรี๊ดดด!!” ฉันเผลอร้องออกมาเมื่อข้อเท้าของตัวเองถูกของสีเขียวเหนียวหนึบเกาะเอาไว้ ไม่ว่าจะสะบัดยังไงก็ไม่ยอมหลุด
“นายหญิงใจเย็นไว้ครับ” ขณะที่สติกำลังจะแตก แวมไพร์ตนหนึ่ง ที่ฉันจำได้ว่าเป็นคนของตระกูลที่ 1 ก็ตรงเข้ามาใช้ดาบฟันของเขียวๆ นี่ออก
“ขะ ขอบใจนะ” เอ่ยขอบคุณด้วยใจที่เต้นรัว เมื่อกี้ถ้าจำไม่ผิดฉันเกือบจะถูกสิ่งนั้นกลืนกิน
“ว่าแต่ พาฉันไปที่ห้องประตูสีทองหน่อยสิ” ฉันร้องขอชายตรงหน้า ให้ลากสังขารไปเอง ฉันคงได้ตายก่อนถึงที่นั่น “ผมคิดว่านั่นคงเกินความสามารถ” เขาตอบกลับด้วยความลำบากใจ
“ข้างล่างมีทั้งพวกหมาป่าและพวกจังเกิ้ล นายหญิงอยู่บนนี้รอคุณชายมาช่วยน่าจะปลอดภัยกว่า โดนโจมตีจากทั้งสองเผ่า ตอนนี้ทั้งคฤหาสน์แทบลุกเป็นไฟ พวกอาวุโสก็พากันหนีเอาตัวรอดกันหมด”
ชายดังกล่าวตอบพร้อมเสียงหอบหายใจไม่เป็นจังหวะ ฉันก็อยากอยู่รอฮารุโตะอยู่หรอก แต่ดันไม่รู้ว่าเขาหายไปไหนนี่สิ
“นี่ ฉันว่าไม่น่าปลอดภัยแล้วล่ะ” เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงติดขัด มองชายที่กำลังเดินเข้ามาทางพวกเรา ถ้าจำไม่ผิด เขาคือผู้นำของตระกูลที่ 5 วิน
“อันนามาทางนี้” วินตะโกนบอกขณะสาวเท้ามาทางฉัน แน่นอนว่าฉันส่ายหน้าทันที
“นายหญิงหนีไปเถอะครับ ผมจะช่วยถ่วงเวลาไว้เอง” ชายข้างกายเอ่ยด้วยน้ำเสียงตึงเครียด ฉันพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ ทว่าก่อนจะได้หนี หมาป่าขนสีเทาก็กระโดดมาขวางไว้ซะก่อน ทำเอาฉันถึงกับหน้าเสีย รู้สึกกดดันเป็นเท่าตัว
“บัดซบ!” ชายคนดังกล่าวสบถ
ฉันเม้มปาก กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก กลายเป็นว่าข้างหน้ามีทั้งแวมไพร์ หมาป่า และไอ้ตัวสีเขียว จบแล้วใช่ไหมชีวิตของฉัน
“น้องอันนาจับมือพี่ไว้!” เสียงใครบางคนที่คุ้นเคยเอ่ย กว่าจะรู้ตัวอีกที ฉันก็ถูกฝ่ามือหนาดังกล่าวจับมือไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นท่าอุ้มเจ้าสาว ความไวนั้นทำให้ฉันถึงกับเกาะไหล่เขาไว้แน่น
“ดะ เดี๋ยวนะ นั่นมันกำแพง!” ฉันร้องเสียงหลง เมื่อชายคนดังกล่าวกำลังพาฉันวิ่งฝ่าฝูงตัวเขียวตรงดิ่งไปยังกำแพงด้านหน้า เมื่อรู้ว่าไม่สามารถหนีไปไหนได้จึงทำได้เพียงหลับตาปี๋
“ไม่เป็นไรนะน้องอันนา” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยบอก พร้อมกับวางตัวฉันลงบนพื้น
“พี่คิง!” ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะเป็นเขา อ้อ ตอนนี้รู้สึกเหมือนเราทั้งคู่จะหลุดจากคฤหาสน์ได้แล้ว สงสัยเมื่อกี้จะเป็นทางลัดสินะ เล่นเอาใจหายใจคว่ำ
@บ้านพักต่างอากาศ
“สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นคะ ฮารุโตะหายไปไหน” ฉันเอ่ยถาม หลังจากรู้สึกปลอดภัยระดับหนึ่ง กว่าจะเดินทางมาถึงบ้านพักริมทะเลก็เช้าพอดี ซึ่งฉันยังไม่เห็นใครเลยนอกจากพี่คิง
“คุณชายโตะกับคนอื่นไปเอาดอกกุหลาบสีดำที่ใช้ในการปรุงยาน่ะ ส่วนพี่มันฝากมาให้ช่วยดูแลน้องอันนา ไอ้ยูตะกับน้องลูกตาลน่าจะตามมาทีหลัง”
พี่คิงอธิบาย ทว่าสีหน้าเขากลับเต็มไปด้วยความกังวล เจ้าตัวเอาแต่เดินวนไปมารอบห้อง ขณะยกข้อมือเพื่อดูนาฬิกา ซึ่งตอนนี้เป็นเวลา 8 โมงเช้า
“น้องอันนาไปนอนพักก่อนก็ได้นะ” ร่างสูงหันมาบอกฉันเหมือนพึ่งนึกได้
“ไม่เป็นไรค่ะ นอนตอนนี้อันนาคงหลับไม่ลง” ตอบกลับอย่างที่คิด เป็นไปได้ก็อยากเห็นทุกคนปลอดภัยก่อน ไม่งั้นใจฉันคงไม่สามารถสงบได้
ผ่านมาครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มีใครมา ฉันจึงค่อยๆ แนบแก้มลงกับโต๊ะหินอ่อน หวังให้ความเย็นจากพื้นช่วยขับไล่ความรู้สึกอ่อนล้า ฉันเหลือบมองไปยังพี่คิง เห็นว่าเขาเอาแต่นั่งนิ่ง คล้ายอยู่ในห้วงความคิด กระทั่งได้ยินเสียงรถยนต์จากนอกบ้าน
ฉันไม่รอช้า รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ เพื่อจะออกไปดูว่าเป็นใคร ส่วนพี่คิงก็สะดุ้งเล็กน้อย ราวกับพึ่งหลุดจากภวังค์ “เดี๋ยวพี่ไปดูเอง” พี่คิงยกมือห้าม “เอางั้นเหรอคะ” ฉันเลิกคิ้วถาม พี่คิงพยักหน้าเป็นเชิงยืนยันก่อนจะหายออกไป
ด้วยความร้อนใจ แม้จะถูกสั่งห้าม ทว่าฉันก็ยังเดินไปที่หน้าห้อง แง้มประตูออกเล็กน้อย เพื่อดูบุคคลที่กำลังมาถึง อ่า…ที่แท้ก็เป็นพี่ยูตะกับลูกตาล
“พี่อันนา บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ” ลูกตาลที่เห็นฉัน ตรงเข้ามาหาทันที ดวงตาคู่สวยสำรวจทั่วร่างกายเพื่อหาอาการผิดปกติ ฉันเห็นดังนั้นจึงได้แต่ยิ้มน้อยๆ พร้อมส่ายหน้าไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร
“แต่พี่หน้าซีดมากเลย ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะค่ะ” ร่างบางตรงหน้าเอ่ย สองมือพยายามจูงมือฉันเข้าไปในห้องนอน
“พี่ไม่เป็นไร ขอพี่อยู่ข้างนอกอีกสักพักนะ” ฉันยิ้มบาง สบตาคนตัวเล็กแน่วแน่ อย่างน้อยก็ขอรออีกสักนิด ลูกตาลมีสีหน้าลังเล ก่อนจะหันไปหาพี่ยูตะอย่างต้องการความช่วยเหลือ
“พี่ให้อีกชั่วโมงเดียวเท่านั้น มากกว่านี้ถ้าน้องอันนาเป็นอะไรไปคุณชายโตะต้องเอาพวกเราตายแน่” พี่ยูตะถอนหายใจ ก่อนจะยอมตอบตกลงอย่างช่วยไม่ได้ แต่ก็ไม่วายตั้งเงื่อนไขกับฉัน ซึ่งฉันไม่ได้ขัดอะไร เพราะตัวเองคงฝืนสังขารได้เท่านี้
อาทิตย์ต่อมา
ร่างกายของฉันกำลังแย่ลงเรื่อยๆ ใบหน้าที่เคยสดใส เริ่มซีดเซียวราวกับคนป่วยเป็นโรคร้ายแรง ถึงอย่างนั้น นอกจากพี่ยูตะกับลูกตาล เพื่อนคนอื่นของฮารุโตะรวมถึงเจ้าตัวก็หายลับเข้ากลีบเมฆ ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังหวังว่าพวกเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
“พี่อันนา ทานข้าวหน่อยนะคะ” ลูกตาลเปิดประตูห้อง พร้อมกับถือถาดอาหารเข้ามาด้วย เธอยิ้มกว้างให้ฉันที่ตอนนี้ทำได้เพียงแค่นั่งอยู่บนเตียงนอน
“อื้ม ขอโทษด้วยนะที่ต้องรบกวนลูกตาลทุกเช้าเลย” เอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด วูบหนึ่งเผลอคิดว่าเป็นเพราะความดื้อรั้นของตัวเอง คนอื่นถึงพลอยเดือดร้อนไปด้วย
“ไม่เป็นไรค่ะ ลูกตาลอยากให้เจ้าตัวเล็กกับพี่อันนาแข็งแรง เพราะงั้นพี่อันนาต้องทานเยอะๆ นะ” ได้ยินคำพูดนั้นฉันก็ได้แต่พยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะหยิบช้อนมาตักอาหารเข้าปาก
เคร้ง!
“อุ๊บ!”
ช้อนข้าวถูกทิ้งลงกับพื้น ฉันรีบหยิบถังขยะะที่อยู่ข้างเตียง ขึ้นมาตรงหน้า ก่อนจะอ้วกเอาอาหารที่พึ่งตักเข้าปากออกมา อาการเวียนหัวและคลื่นไส้ทรมานมากจนฉันถึงกับน้ำตาเล็ด ขืนเป็นแบบนี้ไม่แน่ว่าฉันอาจไม่รอดจนถึงคลอดลูก
“พะ พี่อันนา ไม่เป็นไรนะคะ” ลูกตาลเอ่ยถามเสียงสั่น ยกมือลูบหลังฉันเบาๆ หวังให้ผ่อนคลาย ส่วนมืออีกข้างก็ส่งแก้วน้ำเปล่ามาให้ ใบหน้าสวยตอนนี้คลอไปด้วยน้ำตา ที่เหมือนจะไหลออกมาได้ตลอดเวลา ฉันพยายามฝืนยิ้ม ไม่อยากให้คนตรงหน้าเป็นห่วง
“พี่ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หาย”
“ฮึก! ไม่จริง พี่เป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ”
ลูกตาลส่ายหน้า น้ำตาหยดเล็กเริ่มไหลอาบแก้ม แตกต่างจากปกติที่เธอมักจะพยักหน้ายิ้มรับ เชื่อคำพูดของฉันทุกคำ “ลูกตาลเกลียดพี่ฮารุโตะ เพราะเขาพี่อันนาถึงเป็นแบบนี้ ฮื่อ!”
จบคำพูดนั้น น้ำตามากมายก็ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก เธอส่งเสียงร้องดังลั่นจนพี่ยูตะต้องวิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง
“กะ เกิดอะไรขึ้น” พี่ยูหันมาถามฉันอย่างคนทำอะไรไม่ถูก ร่างสูงพยายามปลอบใจคนตรงหน้า ซึ่งดูเหมือนจะไม่ได้ผลเท่าไหร่ ฉันเองก็ทำได้เพียงชี้มาที่ตัวเอง เพื่อเป็นการใบ้สาเหตุ
“นายต้องช่วยพี่อันนาให้ได้นะ ฮึก! อย่าให้เธอเป็นอะไรเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นฉันไม่มีทางยกโทษให้แน่!” คำพูดของลูกตาลทำให้พี่ยูตะได้แต่ลอบกลืนน้ำลาย ก่อนเจ้าตัวจะพยักหน้าน้อยๆ เพื่อรับปาก อ่า…ฉันรู้มันคงเป็นเรื่องยาก
ตึกๆ ตึกๆ
“น้องอันนา! พวกไอ้เบย์กลับมาแล้ว!”
พี่คิงวิ่งมาหาฉันด้วยใบหน้าตื่นเต้น ชี้ไปข้างนอกแววตาเป็นประกาย ภายในห้องที่ดูหดหู่ ตอนนี้กลับมาผ่อนคลายอีกครั้ง ฉันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ถ้างั้นก็หมายความว่าฮารุโตะกลับมาแล้วใช่ไหม
“ขนมเทียน ดีใจนะที่เธอปลอดภัย” ฉันเอ่ยยิ้มๆ คนแรกที่เดินเข้ามาคือเธอ
“อื้อ! ไม่ต้องกลัวนะ เธอกับลูกจะไม่เป็นไรแล้ว ฉันจะช่วยทั้งคู่เอง!” พูดจบร่างบางตรงหน้าก็ดึงฉันไปกอดแน่น ซึ่งฉันเองก็กอดตอบ ก่อนจะมองไปยังด้านหลังของเธอ พี่เบย์ พี่คราวน์ ทุกคนล้วนกลับมาครบ 32 ทว่าดันไม่มีแม้เงาของฮารุโตะ
“ขนมเทียน ฮารุโตะอยู่ไหนล่ะ? ” ฉันถาม ค่อยๆ ดันอีกคนออก สายตากวาดไปทั่วห้อง
“คะ คือว่า” ฉันเงยหน้ามองร่างบางอย่างต้องการคำตอบ ปฏิกิริยาดังกล่าวทำให้เริ่มใจเสีย ทำไมต้องแสดงท่าทีแบบนี้! “นี่! บอกฉันมาสิ” ทำไมขนมเทียนต้องหลบสายตาฉันด้วย!
“น้องอันนาพี่อยากให้เราเผื่อใจไว้” พี่คราวน์เอ่ย พร้อมเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ คำพูดนั้นทำให้ฉันเริ่มสะอึก ไล่สายตามองพวกเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“ฮารุโตะ…เป็นอะไรคะ” เอ่ยออกไปอย่างยากลำบาก ทำไมกันนะถึงได้รู้สึกว่าเรี่ยวแรงทั้งหมดกำลังจะหายไป ลำคอแห้งผากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ตอนกำลังหนีเราโดนฮันเตอร์มืออาชีพล้อมไว้ประมาณสิบกว่าคน พวกพี่กับคนอื่นก็เกือบพลาดท่า แต่ได้คุณชายโตะช่วยไว้โดยการเป็นตัวล่อ ซึ่งมันก็ดูเหมือนจะเอาอยู่ แต่ไอ้พวกนั้นมันดันโยนมีดมาใส่ขนมเทียน คุณชายโตะมันเลยเอาตัวมาบัง”
“พี่จะบอกว่าเขาบาดเจ็บเพราะมีดแบบนั้นเหรอคะ? ” ฉันถามเสียงสั่นเครือ เมื่อร่างสูงเว้นจังหวะการเล่า ก่อนสูดหายใจแรงๆ เข้าปอด
“ไม่ มันคือกริช ที่เอาไว้ใช้ฆ่าแวมไพร์! และมันก็ปักเข้าขั้วหัวใจของคุณชายโตะพอดี พวกพี่พยายามจะเข้าไปช่วย แต่ไอ้โตะก็สั่งให้เราทั้งสามหนีออกมา”
“พี่คราวน์เลยทิ้งฮารุโตะไว้ที่นั่นเหรอคะ” ฉันถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามกลืนก้อนสะอื้นในคอ รู้ดีว่าไม่ใช่ความผิดพวกเขา แต่ก็อดเสียใจกับการตัดสินใจของพวกเขาไม่ได้
“ไอ้เบย์กำลังจะเข้าไปช่วย แต่ไอ้โตะก็ใช้คำสั่งของหัวหน้าตระกูลหยุดมันไว้ ไอ้โตะให้เหตุผลว่าไม่อยากให้กุหลาบสีดำ หลุดไปอยู่ในมือของพวกฮันเตอร์อีกครั้ง มันห่วงน้องอันนากับลูกยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองอีก”
จบคำพูดของพี่คราวน์ ฉันทำได้แค่เงียบ ที่แท้ต้นเหตุทั้งหมดก็เป็นเพราะฉัน
“พวกพี่ยังไม่เห็นกับตาว่าไอ้โตะตาย เราเลยรออยู่ข้างนอกฐานทัพของพวกฮันเตอร์เป็นอาทิตย์ แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของมัน สุดท้ายไอ้เบย์เลยปลอมตัวเข้าไปเช็กอีกรอบ คราวนี้ที่พื้นมันดันมีรอยขี้เถ้า เป็นจุดเดียวกับที่มันโดนกริชปักอก”
“อึก! พี่คราวน์ไม่ต้องเล่าแล้วค่ะ” ฉันยกมือขึ้นห้าม รู้ความหมายของขี้เถ้านั้นดี มันหมายถึงเจ้าของร่างถูกทำร้ายสาหัสจนร่างกายแหลกสลายเป็นผุยผงไปแล้วไงล่ะ
“อันนาทำใจดีๆ ไว้นะ!” ขนมเทียนพยายามเข้ามาปลอบ เธอดึงฉันไปกอดแน่น น้ำตามากมายไหลออกมา ฉันไม่สามารถลบความรู้สึกทรมานที่กำลังปะทุขึ้นเรื่อยๆ ไม่เคยคิดว่าฮารุโตะจะมีผลต่อความรู้สึกตัวเองมากขนาดนี้มาก่อน
“เราไม่เป็นไรหรอก ยังไงฮารุโตะจะต้องกลับมาแน่!” ฉันยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ หมอนั่นแข็งแกร่งจะตาย เขาไม่มีทางตายง่ายๆ หรอก ไม่มีทาง!
“น้องอันนา…”
น้ำเสียงของพี่เบย์เต็มไปด้วยความสงสาร สายตาของทุกคนในห้องต่างจับจ้องมาที่ฉันด้วยความรู้สึกเดียวกัน ซึ่งฉันไม่ต้องการเพราะนั่นหมายถึงพวกเขายอมรับว่าเรื่องที่เกิดกับฮารุโตะนั้น เป็นเรื่องจริง ฉันก้มหน้าเล็กน้อย พยายามควบคุมอารมณ์ตัวเอง ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้กับทุกคน
“อันนาเธอร้องไห้ได้นะ เธอไม่จำเป็นต้องฝืน”
“ไม่ ฉันไม่เป็นไร เธอไม่เชื่อเหรอขนมเทียน ฮารุโตะยังไม่ตายหรอก หมอนั่นปล่อยฉันไว้คนเดียวไม่ได้หรอก” ฉันร้องบอก มองทุกคนอย่างมีความหวัง ให้ตายยังไงก็ไม่อยากเชื่อ ถึงแม้โอกาสจะเท่ากับศูนย์
“ใช่ คุณชายโตะมันไม่มีทางยอมตายหรอก มีเมียสวยขนาดนี้ ผู้ชายขี้หึงแบบมันคิดว่าจะยอมแพ้ง่ายๆ เหรอ? ” พี่คิงที่เงียบมานานพูดขึ้น ก่อนจะเดินมาแตะไหล่ฉัน
“เพราะงั้นน้องอันนาต้องห้ามฝืน ดูแลตัวเองดีๆ รอคุณชายโตะกลับมาอย่างปลอดภัยนะครับทำได้มั้ย? ” คำพูดของพี่คิงทำให้ฉันยิ้มออกมาทั้งน้ำตา อย่างน้อยก็มีคนที่เชื่อว่าฮารุโตะจะไม่เป็นไร
“อื้อ! อันนาสัญญาค่ะ!!”
ฉันพยักหน้าน้อยๆ เป็นอันตอบตกลง ส่วนคนอื่นก็เริ่มพยักหน้าเห็นด้วย แม้จะยังมีความกังวลและลังเลอยู่ในแววตา “ถ้างั้นฉันก็ต้องรีบไปปรุงยาแล้วล่ะ อันนาจะได้รู้สึกดีขึ้น” ขนมเทียนยิ้มกว้าง ก่อนจะโบกมือนิดๆ แล้วเดินออกไปอย่างเร่งรีบ
“ลูกตาลไปเตรียมอาหารให้ใหม่นะคะ เมื่อกี้พี่อันนายังไม่ทันได้ทานสักคำเลย” ตามด้วยลูกตาลที่พยายามฝืนยิ้ม เธอหยิบถาดขึ้นมาถือ พร้อมกับเดินจากไป หลังจากนั้นทุกคนจึงทยอยออกจากห้อง
จนเหลือเพียงแค่ฉัน
“นายต้องรีบกลับมานะฮารุโตะ”
ความคิดเห็น