คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #26 : EPISODE 25
EPISODE 25
“หยุดเดี๋ยวนี้เลย! กลบหลักฐานไม่มิดเดี๋ยวจะแย่เอา” ขนมเทียนที่เงียบอยู่สักพักเอ่ย ถอนหายใจมองแวมไพร์ตนอื่นด้วยสายตาปลงๆ “ก็คิดไว้แล้วอาจจะมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น”
“หมายความว่าเธอมีวิธีช่วย? ” ฮารุโตะเลิกคิ้วถาม ดูโล่งใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“มีสิ ฉันไม่ปล่อยให้อันนากับหลานตัวเองเป็นอะไรแน่นอน แต่ว่ามันติดปัญหาอยู่นิดหน่อย ซึ่งฉันต้องพึ่งเส้นสายที่พวกนายมีด้วย” ว่าจบร่างบางก็กวาดตามองทุกคนอย่างต้องการคำตอบ
“ไม่ต้องห่วง ถ้าเพื่อช่วยอันนา จะเป็นอะไรฉันก็ทำ” ฮารุโตะเอ่ยเสียงหนักแน่น เลื่อนมือมากุมมือฉันไว้เบาๆ ขนมเทียนเหล่มองเราทั้งคู่ก่อนจะพยักหน้า
“เราต้องการดอกกุหลาบสีดำ ซึ่งเป็นส่วนผสมของการปรุงยา แต่ฉันไม่รู้ว่ามันขึ้นอยู่ที่ไหน เพราะเห็นว่าเป็นดอกไม้หายาก”
“ฟังดูอันตรายไปหน่อย แต่กูได้ข่าวว่าพวกฮันเตอร์มีดอกไม้ประหลาดสีดำ” พี่คราวน์เอ่ย ฝ่ามือหนาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะ เพื่อรอดูปฏิกิริยาของทุกคน
“ถ้ามันใช่เราก็ไม่มีทางเลือกนอกจากไปเอามันมาให้ได้” พี่เบย์
“ปัญหาคือตอนนี้เกือบทุกเผ่าพันธุ์ต่างคนต่างอยู่มาตลอด แถมพวกเรามีสัญญาสงบศึกกับพวกฮันเตอร์ กูคิดว่างานนี้ไม่น่าง่าย ของหายากแบบนี้พวกมันคงไม่ยอมส่งให้เราหรอก นอกจากจะมีค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อ”
“ถูกอย่างที่ไอ้คิงพูด เพราะงั้นกูถึงต้องเตรียมของที่คิดว่าพวกมันน่าจะชอบไว้” ฮารุโตะกระตุกยิ้ม แววตาแพรวพราวดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที
“คุณชายโตะจะเอาอะไรไปแลก” พี่ยูตะถาม
“หางของจิ้กจอกไฟที่ราชินีหวงนักหนาไง” เอ่ยออกมาหน้าตาย ก่อนที่สีหน้าทุกคนจะซีดเผือด เห็นดังนั้นฉันจึงอดถามไม่ได้
“มันสำคัญถึงขนาดนั้นเลยเหรอคะ” ถึงขั้นทำให้พี่ยูตะที่มักจะเซื่องซึม สะดุ้งตัวโยนได้
“เป็นของที่ราชินีหวงมาก เห็นว่าช่วยเรื่องผิวพรรณคงความเยาว์วัย แล้วก็เอ่อ…ขนาดรูปร่างมันค่อนข้างน่ารัก แถมหายากด้วย เพราะจิ้งจอกไฟดันสูญพันธุ์มาหลายปีแล้ว” พี่เบย์อธิบาย ฉันไม่แปลกใจที่ราชินีจะหวง แต่ไม่เข้าใจมากกว่าทำไมฮารุโตะถึงมั่นใจว่าพวกฮันเตอร์จะชอบ
“ถ้าขโมยขนจิ้งจอกที่ว่ามาได้ นายก็มาถูกทางแล้วฮารุโตะ ฮันเตอร์มีดีที่ความแข็งแกร่งและพละกำลัง แต่พวกนั้นก็ยังแก่และตายเหมือนมนุษย์ทั่วไป แลกกับของที่ช่วยเรื่องเหี่ยวย่น พวกนั้นคงยิ้มจนเหงือกออก” ขนมเทียนพยักหน้าเห็นด้วย
“แล้วพวกเราจะเอามาได้ไง ในเมื่อเธอเล่นจับพาดไหล่ทำเป็นเครื่องประดับอยู่ตลอด” พี่คิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าเพลียๆ ไม่ต่างจากคนอื่น
“เรื่องนี้เดี๋ยวกูจัดการเอง” ฮารุโตะเสนอ เล่นเอาเพื่อนเขาหันขวับมาแทบจะทันที
“ถ้าเป็นคุณชายโตะผมก็วางใจ” พี่ยูตะเอ่ย เริ่มหาวหวอดๆ ออกมาอีกครั้ง นี่คือท่าทางของคนโล่งใจสินะ คนอื่นก็พลอยถอนหายใจไปด้วย
“เอาตามนี้แล้วกัน เราจะเริ่มแผนการทันทีหลังได้ขนจิ้งจอกไฟ ส่วนคนที่จะไปเจรจามีกู ไอ้คราวน์ ไอ้เบย์ ขนมเทียน สี่คนพอ” ฮารุโตะเอ่ย มองคนอื่นเพื่อดูว่ามีใครจะค้านไหม ฉันนึกว่าเขาจะขนกันไปหมดซะอีก
“ให้ขนมเทียนไปด้วยจะไม่อันตรายเหรอ” ฉันหันไปถามฮารุโตะ เนื่องจากอดเป็นห่วงไม่ได้ ยัยนี่โดนฮันเตอร์ตามล่าอยู่นะ อย่างนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับส่งลูกแกะเข้าถ้ำเสือ
“มีแค่ขนมเทียนที่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ดี ให้เธอไปด้วยน่ะดีแล้ว เผื่อเราโดนหลอกหรือตลบหลังขึ้นมา อีกอย่างมีไอ้เบย์ไปด้วย มันไม่ปล่อยให้เพื่อนของอันนาเป็นอะไรหรอก” ฮารุโตะอธิบายอย่างใจเย็น ส่วนฉันก็หันไปสบตากับขนมเทียนเพื่อยืนยัน
“ฉันไม่เป็นไรอันนา จริงอย่างที่ฮารุโตะบอก เพื่อความแน่ใจฉันต้องไปเองเท่านั้น ที่สำคัญฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น แม่มดไม่ยอมให้ใครที่ไหนรังแกง่ายๆ หรอกนะ”
สุดท้ายฉันก็ได้แต่พยักหน้าตกลงอย่างช่วยไม่ได้ กว่าพวกเขาจะคุยเสร็จน่าจะกินเวลาไปอีกหลายชั่วโมง ซึ่งฉันที่ร่างกายอ่อนแอลงเรื่อยๆ ไม่สามารถฝืนสังขารอยู่ด้วยจนจบ ตอนนี้เลยหลบมาพักอยู่ในห้องนอนแทน
“ข้างนอกนั่น? ” มือที่กำลังจะเปิดหน้าต่างชะงัก ฉันมองไปยังไอควันสีดำ ที่ลอยฟุ้งอยู่นอกคฤหาสน์เกือบทุกที่
พวกมันพากันจับกลุ่มเป็นก้อนๆ ดูแล้วเหมือนกับปีศาจอะไรสักอย่างที่น่าสะอิดสะเอียน กระทั่งมีค้างคาวฝูงใหญ่บินมาทางฉันด้วยความเร็วสูง ราวกับรู้ว่าตนเองกำลังถูกจ้องมอง
เพล้ง!
“กรี๊ดดดด!!!” ฉันกรีดร้องออกมาสุดเสียง ยกมือขึ้นปิดหูด้วยความกลัว กระจกบานใหญ่ถูกฝูงค้างคาวนับร้อยตัวบินชนจนแตก เศษกระจกเล็กกระจายทั่วห้อง มีค้างคาวบางตัวหลุดลอดเข้ามาในห้องและกำลังพุ่งตรงมาทางฉันเพื่อทำร้าย
“อันนา!!” ก่อนจะถูกพวกมันรุมทึ้ง ร่างของฉันก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งอันแสนคุ้นเคย เสียงร้องแสบแก้วหูนั่น ทำให้ฉันเผลอจิกเล็บใส่แผ่นอกหนาด้วยความกดดัน กระทั่งสัมผัสได้ถึงความสงบ ฉันจึงค่อยๆ ลืมตามองบุคคลตรงหน้า เป็นฮารุโตะที่มาช่วยฉันจริงๆ
“ไม่เป็นไรครับ อันนาไม่เป็นไรแล้วนะ” เหมือนกับรู้ว่าฉันกำลังช๊อค ฮารุโตะกระชับอ้อมกอดแน่น ยกมือขึ้นลูบหลังเบาๆ เป็นเชิงปลอบใจ
“กะ เกิดอะไรขึ้น…” ขนมเทียนวิ่งมาถึงคนสุดท้าย เธอเอ่ยออกมาอย่างอึ้งๆ มองเศษซากค้างคาวที่นอนเละอยู่บนพื้นด้วยสีหน้าพะอืดพะอม
“รางไม่ดีมาล่ะกูว่า” พี่เบย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ส่วนคนอื่นก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
“อืม กูก็คิดว่างั้น ตอนนี้เราย้ายที่กันก่อนเหอะ กูอยากไปดูสถานการณ์ข้างล่างด้วย” ฮารุโตะเอ่ย พลางยื่นมือมาให้ฉันจับ
“ทำอะไรน่ะฮารุโตะ” ฉันเอ่ยถาม เมื่อเห็นร่างสูงตรงดิ่งไปหยิบเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ออกมา ก่อนจะสวมมันทับให้กับฉัน พร้อมกับรูดซิปขึ้นจนสุด การกระทำนั้นทำให้คนอื่นๆ ถึงกับงง ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนเขา ที่สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
“ทำอะไรของมึงคุณชายโตะ” พี่คิงขมวดคิ้วถาม
“กับคนอื่นอาจไม่ทันสังเกต แต่ถ้าบังเอิญราชินีอยู่ที่นั่นด้วย เป็นไปได้สูงว่าเธอจะรู้ว่าอันนาท้อง” ฮารุโตะตอบน้ำเสียงจริงจัง คงเพราะช่วงนี้ท้องฉันเริ่มนูนขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่กับราชินีคงความรู้สึกไวมากเลยสินะ
“น้องขนมเทียนไม่มีใครรู้ใช่ไหมว่าเป็นแม่มด” พี่คราวน์หันมาถามร่างบาง ที่ดูยังมึนอยู่ “ไม่ค่ะ ขนมเทียนกินยาลบตัวตนตลอด” ตั้งสติได้เจ้าตัวก็ตอบซะคล่องโดยมีพี่เบย์เหลือบมองห่างๆ
“ดี งั้นไปทั้งหมดนี่แหละ ทิ้งไว้นี่คงอันตราย ไอ้เบย์ดูเด็กมึงได้ใช่ไหม” ครุ่นคิดเสร็จ ฮารุโตะก็หันไปถามเพื่อนตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าเขาตอบตกลงแทบทันที
@ห้องโถงชั้นแรก
ฉันกวาดสายตามองเหล่าแวมไพร์จากตระกูลอื่น ซึ่งพากันยืนอออยู่ชั้นแรกด้วยใบหน้าเคร่งครียด เสียงดนตรีที่มักจะดังอยู่เสมอถูกแทนที่ด้วยความเงียบสงบ ทว่าหลังจากได้เห็นผู้นำของตระกูลตัวเอง พวกเขาก็ดูใจเย็นลงเล็กน้อย ตัวอย่างเช่นตระกูลที่ 1
ตอนนี้ผู้นำของทั้ง 6 ตระกูล ต่างมารวมตัวกันที่ชั้นแรก ราวกับเป็นสัญชาตญาณ ที่พวกเขาพึงมีมาโดยตลอด ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล่าวคำพูดทักทาย พวกเขากลับจ้องมาที่ฉัน ลินดา เพลงเพลิน และลูกตาล ด้วยสายตายากจะหยั่งลึก
“ฮารุโตะ ลางร้ายที่พูดถึงก่อนหน้านี้หมายความว่ายังไงเหรอ” ฉันที่เห็นร่างสูงยืนกำหมัดแน่น รีบกระตุกชายเสื้ออีกฝ่าย เพื่อดึงดูดความสนใจ
“อ้อ ปกติค้างคาวไม่ทำร้ายมนุษย์ง่ายๆ หรอกครับ สาเหตุเดียวที่ทำให้มันคลั่ง คือมันรับรู้ได้ว่าที่นี่กำลังจะเกิดสงคราม พวกผมถึงได้มารวมตัวอยู่ตรงนี้” ฮารุโตะอธิบายอย่างใจเย็น น้ำเสียงทุ้มไม่เบาและดังเกินไป ทำเอาขนมเทียนที่เขยิบมาฟังด้วยตอนไหนไม่รู้ หลุดโพล่งออกมา
“ละ แล้วใครล่ะ พวกนายมีศัตรูเยอะแค่ไหนกัน”
“มานี่เลยยัยผู้หญิงใจง่าย ไปยุ่งอะไรกับคู่รักเขาเนี่ย” ไม่ทันที่ฮารุโตะจะเอ่ยปากพูด ขนมเทียนก็ถูกพี่เบย์เดินมาหิ้วปีกให้กลับไปรวมกับเพื่อนคนอื่นของเขา
“ก็ฉันอยากรู้นี่! ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยไอ้เถื่อน!” ร่างเล็กดิ้นไปมาด้วยความหงุดหงิด จนรองเท้าที่ใส่ลอยไปกระเด็นใส่หัวแวมไพร์ตนหนึ่ง
“เออ! มานี่เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง อยากรู้อะไรมาถามฉันนี่!” แม้น้ำเสียงของพี่เบย์จะมีความเหวี่ยง ทว่าเจ้าตัวก็ยังหิ้วกระเตงขนมเทียน ไปเก็บรองเท้า ที่ลอยไปทางอื่น
อ่า…รู้สึกว่าทางตระกูลที่ 1 จะคลื้นเครง ดึงดูดให้สายตาคนอื่นจับจ้องมาทางนี้จริงๆ ฉันหันไปสบตากับร่างสูงยิ้มๆ รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ได้กดดันมากเหมือนตอนแรก
“ฮารุโตะ…” ยังไม่ทันได้ถามว่าใครกันที่พวกเขาต้องสู้ด้วย ริมฝีปากฉันก็หุบเม้มโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นร่างของหญิงสาวที่ทรงเสน่ห์ เดินนวยนาดผ่านเราทั้งคู่ไป
ทันทีที่เธอปรากฏตัว เหล่าแวมไพร์ทั้งหลายต่างพากันโค้งคำนับ ยกเว้นเพียงผู้นำของทั้ง 6 ตระกูล ที่พากันยืนนิ่ง เปรยตามองราชินีราวกับไม่ได้สนใจเธอเป็นพิเศษ
“สวัสดีเด็กๆ ที่น่ารักของฉัน พวกเธอคงพอรู้ว่าหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น” เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนาบเนิบ ก่อนเธอจะฉีกยิ้มปรุงแต่งออกมา ซึ่งมันดูสวยและน่าสยดสยองในคราวเดียวกัน ฉันอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นลูบแขนตัวเองไปมาด้วยความขนลุก
“หวังว่าพวกเธอทั้งหลายจะหยุดคิดเรื่องไร้สาระบางอย่างไว้ก่อน แล้วหันมาให้ความสนใจกับสงครามที่กำลังจะมาถึงในเร็วนี้ ฉันคงรับไม่ได้หากว่าถูกเผ่าพันธุ์อื่นตราหน้า ว่าเรานั้นเป็นพวกที่เก่งแต่ปาก” จบคำพูดนั้นแวมไพร์ตนอื่นก็เริ่มมีสีหน้าตื่นกลัว มันเกิดอะไรขึ้น?
“อะ องค์ ราชินี หมายความว่ายังไง” ชายวัยกลางคนที่มักจะจัดงานเลี้ยงภายในห้องโถงถามย้ำด้วยน้ำเสียงสั่นๆ “เราจะไม่ร่วมสงครามในครั้งนี้”
“นั่นพวกจังเกิ้ลเลยนะคะองค์ราชินี” ตามด้วยผู้หญิงวัยกลางคนอีกคนที่เริ่มร้อนรน พวกนี้ไม่ได้สังกัดอยู่ตระกูลไหน คงจะเป็นพวกอาวุโส ที่ฮารุโตะเคยพูดถึง ได้ยินว่าคนพวกนี้ไม่มีอะไรพิเศษนอกจากเกิดก่อนเท่านั้น
“หุบปากของแกซะ! คิดว่าเพราะอะไรถึงได้มีชีวิตอยู่สุขสบายที่นี่ได้ หึ! ก็มีอยู่แล้วนี่แวมไพร์ที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับเรา” ไม่พูดเปล่า แต่เธอยังเปรยตามายังฮารุโตะ ส่งผลให้แวมไพร์ตนอื่นหันมองตามอย่างช่วยไม่ได้
“ลูกคิดว่าเรื่องแค่นี้จัดการได้ไหมฮารุโตะ”
“ได้ครับ”
“ได้ยินชัดแล้วนะทุกคน เรามีงานมากมายที่ต้องจัดการ ไม่มีเวลาทำตัวเป็นสัตว์ป่าเหมือนพวกจังเกิ้ล ถ้าแค่นี้จัดการกันไม่ได้ ก็ตายซะ!” น้ำเสียงที่แสนเยือกเย็นเอ่ย ก่อนจะหายตัววับไปกับตา ฉันเหลือบมองคนข้างกาย พบว่าเขากำลังพยายามควบคุมตัวเอง
“นายไม่เป็นไรนะฮารุโตะ” ฉันเอ่ยถาม เมื่อเห็นสีหน้าของเขา อย่างกับต้องการฆ่าใคร
“หึ!! โยนงานมาได้ตรงจังหวะจริงๆ” ร่างสูงพึมพึม จูงมือฉันให้ออกจากพื้นที่ตรงนี้ แวมไพร์ตระกูลอื่นต่างมองเราด้วยความสงสัย เมื่อคนได้รับหน้าที่อันสำคัญอย่างฮารุโตะไม่คิดจะเอ่ยปาก หรืออธิบายถึงแผนการ
“คุณชายโตะมึงพูดอะไรสักอย่างสิวะ” พี่เบย์
“ทำเหมือนที่ผ่านมาก็พอ”
@ห้องประชุมตระกูลที่ 1
บันทึกพิเศษ: ฮารุโตะ
“มึงจะเอายังไงต่อคุณชายโตะ จะตัดสินใจร่วมสงครามอย่างที่ราชินีว่ามาเหรอวะ” ไอ้คิงเริ่มเปิดประเด็นคนแรก มองผมที่นั่งเท้าแขนใช้ความคิด
“ไม่ เราจะทำตามแผนเดิม” เรื่องอื่นจะเป็นยังไงก็ช่าง ที่สำคัญคือหาดอกไม้ที่ว่าให้เจอ ผมต้องช่วยอันนากับลูกให้ได้ ส่วนผู้นำสงครามงี่เง่านั่นผมก็แค่ตอบตกลงเพื่อตัดปัญหาเท่านั้น
“แล้วคราวนี้เราจะใช้อะไรแลกเปลี่ยน ในเมื่อราชินีแผ่นแนบไปญี่ปุ่นแล้ว” ไอ้คราวน์ถาม เนื่องจากดันไม่ตรงตามแผน
“ก็แค่เข้าไปเอาเฉยๆ ขอไม่ได้ก็ปล้น!”
ตอบกลับไปอย่างที่คิด เห็นทีต้องเร่งแผนการให้เร็วขึ้น เพราะมีพวกจังเกิ้ลเข้ามาเอี่ยว ไอ้พวกนี้แต่เดิมก็ตามล่าเหล่าแวมไพร์อยู่แล้ว ซึ่งพวกมันก็ไม่ได้เก่งหรือน่ากลัวอย่างที่คนอื่นแสดง เพียงแต่น่ารำคาญ และกำจัดยากเท่านั้น จะเรียกว่ากึ่งอมตะก็ได้
ซึ่งผมจะไม่ยอมให้เรื่องแค่นี้มาทำให้เสียเวลาเด็ดขาด ช่วงนี้ฮันเตอร์เก่งๆ พากันออกไปตามล่าปีศาจกันหมด นี่จึงเป็นจังหวะเหมาะพอดี
“ฮารุโตะนายไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ” อันนาที่เงียบมานานเอ่ยบอก สีหน้าเธอบอกชัดเจนว่าเป็นกังวล คงเพราะเรื่องมันเริ่มลุกลามไปเรื่อยๆ
“หรืออันนาจะยอมเอาเด็กออกตามที่ผมขอ”
“มะ ไม่ใช่นะ ฉันทำแบบนั้นไม่ได้”
“เพราะงั้นผมถึงต้องทำไง ผมไม่อยากเสียอันนาไปจริงๆ”
ผมเอ่ยจากใจ เธออาจมองว่าผมเป็นผู้ชายโหดร้าย ที่คิดฆ่าลูกตัวเอง แต่สาบานได้เลยว่าถ้าทุกอย่างไม่ลงเอยแบบนี้ ผมไม่มีทางทำร้ายสายเลือดของตัวเองได้ลงหรอก ผมก็แค่รักเธอมากกว่าลูกที่อยู่ในท้องเท่านั้น
“อันนา ในอนาคตผมไม่รู้ว่าจะรักเด็กคนนี้ได้เท่าเธอไหม ไม่รู้จะทำหน้าที่พ่อที่ดีได้หรือเปล่า แต่ถ้าเพื่อความสุขและรอยยิ้มของเธอ ผมจะพยายามให้ถึงที่สุด”
“อื้ม! ฉันไม่หวังให้นายเป็นพ่อในอุดมคติหรอก แค่หวังว่านายจะพยายามเปิดใจให้ลูกของเราเท่านั้น” ร่างบางเอ่ยยิ้มๆ พร้อมกับกอดเอวผมแน่น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เธอรุกเข้าหาผมก่อน
“ต้องสัญญานะว่านายจะปลอดภัยกลับมา” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้ เนื่องจากยังซุกหน้าอยู่แถวแผงอก เห็นความน่ารักของคนตรงหน้า ถ้าเป็นเวลาปกติผมคงอุ้มเธอเข้าห้อง แล้วจัดการให้สาสมไปแล้ว เพราะงั้นตอนนี้ถึงทำได้เพียงเงยหน้ามองเพดาน เพื่อระงับความต้องการของตัวเอง
จบบันทึกพิเศษ: ฮารุโตะ
ความคิดเห็น