คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : EPISODE 24
EPISODE 24
“ทำไมให้มานอนตรงนี้” ร่างสูงเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ มองคนตัวเล็กที่หลับอยู่บนโซฟา ใบหน้าสวยเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา หัวคิ้วทั้งสองขมวดยุ่งคล้ายกำลังอยู่ในฝันร้าย
“คือว่า…น้องอันนาเธอไม่ยอมไปน่ะค่ะ เอาแต่บอกว่าจะรอคุณชาย”
“งั้นเหรอ เธอไปพักได้แล้วล่ะ ขอบใจมาก” เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ ก่อนเขาจะตรงไปอุ้มร่างเล็ก เพื่อพาไปยังเตียงนอน
“คุณชายคะ!” เขาหยุดชะงัก มองลูกน้องในปกครองเป็นเชิงให้พูด
“น้องอันนาเธอรักคุณชายมากนะคะ”
‘รักงั้นเหรอ’ ฮารุโตะแค่นหัวเราะ เขาไม่ยักสัมผัสได้ว่าคนในอ้อมแขนรู้สึกอย่างที่เจ้าหล่อนพูด เธอแค่ต้องอยู่กับเขาเพราะไม่มีทางเลือก ถ้าเธอมีปีกก็คงไม่ลังเลที่จะบินหนีจากเขา และหากเป็นอย่างที่เอ่ยเขาเองคงทำทุกอย่างเพื่อคุมขังเธอไว้เหมือนอย่างตอนนี้
ฮารุโตะอยากมีส่วนร่วมกับทุกเหตุการณ์ในชีวิตของผู้หญิงที่ชื่ออันนา อยากให้เธอนึกถึงเขาเมื่อมีความสุข หรือแม้กระทั่งตอนที่เสียใจก็อยากให้เป็นเพราะเขาที่อยู่ในความทรงจำ
“ฮึก!” เสียงสะอื้นทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลวูบไหว แม้แต่ในความฝันหญิงสาวที่เขารักก็ยังร้องไห้ ฮารุโตะเลื่อนมือไปเช็ดคราบน้ำตาดังกล่าว ความเปียกชื้นและอุ่นจากน้ำใสๆ ทำให้เขารู้สึกปวดหนึบที่หน้าอก
ทว่า…ฮารุโตะกลับทำได้เพียงแกล้งเมินเฉยต่อความเจ็บปวดในครั้งนี้ ร่างสูงหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้กับคนตัวเล็ก ก่อนจะค่อยๆ จุมพิตลงกลางหน้าผากมนอย่างแผ่วเบา
ก๊อกๆ ก๊อกๆ
หลังเสียงเคาะประตู ฮารุโตะยอมผละจากหญิงสาวตรงหน้า เขาเดินไปยังหน้าต่างห้องนอนก่อนจะเลื่อนผ้าม่านมาปิด กันไม่ให้แสงแดดในยามเช้าคอยรบกวนร่างเล็กบนเตียง เนื่องจากกลัวจะทำให้เธอตื่น มันคงไม่ดีเท่าไหร่หากอันนาตื่นมาพบเขาตอนนี้
“คุณชายครับ” เสียงชายวัยกลางคนดังขึ้นจากนอกห้อง ทำให้ฮารุโตะจำต้องเดินออกไปในที่สุด “จัดเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย” เอ่ยบอกด้วยสีหน้าราบเรียบเมื่อเห็นผู้มาเยือน
“คุณชายแน่ใจนะครับว่าต้องการแบบนี้จริงๆ” ชายวัยกลางคนถามย้ำ หากเป็นอย่างที่ลูกศิษย์เขาเอ่ยมาจริงๆ ก็คงน่าเสียดายไม่น้อยที่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่ง พลังที่อยู่ในทารกตัวน้อยเพียงพอที่จะจัดการพวกฮันเตอร์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันจะไม่พูดเป็นครั้งที่สอง พร้อมเมื่อไหร่จัดการเอาเด็กนั่นออกทันที!” น้ำเสียงอันน่าเกรงขามเอ่ย พร้อมไอสังหารแผ่ออกมาจากเจ้าของร่าง ทำให้ชนชั้นผู้น้อยอย่างเขาต้องเอ่ยรับคำอย่างช่วยไม่ได้
“ครับ” ไม่อย่างนั้นหัวเขาคงได้หลุดจากคอในไม่ช้า กิติศักดิ์ของผู้นำตระกูลที่ 1 ใครบ้างล่ะจะไม่รู้ แม้ว่าช่วงหลังจะสงบลงบ้าง แต่จากเมื่อครู่ที่เจ้านายของเขาฟันแขนคนในตระกูลจนขาดก็เป็นเครื่องย้ำเตือนได้อย่างดี ว่าอย่าริอาจขัด
Anna Talk
คำพูดที่หลุดจากปากของฮารุโตะทำให้ฉันถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะเลือดเย็นได้ขนาดนี้ การที่เราทะเลาะกันเมื่อครู่ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย เขาไม่แม้แต่จะเคารพการตัดสินใจของฉัน ถ้าไม่บังเอิญตื่นมาได้ยินเรื่องพวกนี้ ฉันคงถูกมัดมือชก บังคับด้วยวิธีต่างๆ ให้ยอมจำนน
ฉันเหยียดยิ้ม นึกสมเพชในตัวเองก่อนจะสาวเท้าออกจากประตูให้เบาที่สุด ต่อจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็จะไม่ยอมให้ใครทำร้ายลูกของฉันเด็ดขาด! ทว่า ด้วยสภาพร่างกายในตอนนี้ ถ้าหากฮารุโตะใช้กำลังบังคับจริงๆ ฉันก็คงขัดขืนไม่ได้ ต้องหาทางทำอะไรสักอย่าง!
เสียงจากข้างนอกเงียบไปได้สักพัก ถ้าให้เดาฮารุโตะกับชายคนดังกล่าวคงออกไปแล้ว ฉันเดินวนไปมาราวกับหนูติดจั่น คิดจนหัวระเบิดแค่ไหน ก็ยังหาทางเลือกดีๆ ให้เราสองคนแม่ลูกไม่ได้ ต้องยอมรับว่าฉันในตอนนี้ไม่มีอะไรสู้ฮารุโตะได้เลย
2 ชั่วโมงต่อมา
“ทานแค่นี้จะดีเหรอคะน้องอันนา” กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาอาหารเช้า ฉันเหลือบมองพี่แคท สีหน้าของเธอแสดงออกชัดเจนว่าเป็นห่วง
“ค่ะ อันนาไม่หิว อันเบื่อ ทานแล้วจะอ้วก” ทว่าการที่เธอจงใจตามติดฉันมากกว่าทุกครั้งมันรู้สึกตงิดใจ อย่างกับถูกใครสักคนบงการให้ทำแบบนี้ และคนเดียวที่ทำได้ก็มีแค่เขา 'ฮารุโตะ'
“งั้นทานส้มโอสักหน่อยนะ พี่เสิร์ชจากในกูเกิ้ลเห็นว่าของเปรี้ยวช่วยลดอาการแพ้ท้องได้” เธอเอ่ย เลื่อนจานส้มโอมาตรงหน้า
“ขอบคุณค่ะพี่แคท” เอ่ยออกไปอย่างมีมารยาท พร้อมกับหยิบผลไม้ที่ว่าเข้าปาก อืม…รู้สึกดีขึ้นจริงด้วย ไม่พะพืดพะอมเท่าไหร่แฮะ “พี่แคทคะ อันนาอยากเดินเล่นข้างนอก” จัดการผลไม้ที่อยู่ตรงหน้าเสร็จ ฉันก็ลองเชิงถาม
“ขอโทษนะคะ คือว่าคุณชายอยากให้น้องอันนางดไปข้างนอกช่วงนี้” พี่แคทตอบกลับด้วยสีหน้ากระอักกระอ่วน หึ! หลายวันก่อนเขายังบอกว่าอยากไปไหนก็เรื่องของฉันแท้ๆ
“แค่งดนี่คะ ฮารุโตะไม่ได้บอกว่าห้ามสักหน่อย” คำพูดของฉันทำให้พี่แคทถึงกับเหงื่อตก “น้องอันนาก็รู้นี่คะว่าไม่ได้หมายความแบบนั้น” เธอคัดค้านอย่างคนรู้ทัน
“อันนาอึดอัด อยากไปสูดอากาศ ผ่อนคลายบ้างไม่ได้เหรอคะ แค่นี้อันนาก็รู้สึกแย่มากพอแล้ว!” คราวนี้ฉันเริ่มใส่อารมณ์ แม้จะรู้ตัวดีว่าไม่ควรทำอย่างนี้ แต่จะปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไปไม่ได้
“พี่จะลองคุยกับคุณชายให้นะคะ”
เงียบไปสักพักพี่แคทก็เอ่ยออกมาราวกับคนไม่มีทางเลือก เธอเดินออกไปจากห้องเพื่อคุยกับฮารุโตะ ซึ่งไม่รู้ว่าอยู่ไหน ส่วนฉันก็หยิบชุดจากตู้เสื้อผ้ามาเปลี่ยน
“น้องอันนาคะ” ไม่นานพี่แคทก็กลับเข้ามาพร้อมกับฮารุโตะ สายตาคมกริบกำลังไล่สำรวจร่างกายของฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“แน่ใจนะครับว่าไปข้างนอกไหว” เขาถาม
“ใช่ อยู่แต่ในห้องแล้วฉันเบื่อ นายเองก็สัญญาว่า จะไม่บังคับ ไม่ทำอะไรที่ฉันไม่ชอบ ใช่ไหม? ” ฉันเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เน้นย้ำคำสัญญาที่ฮารุโตะเคยให้ไว้
“โอเคครับ ถ้ารู้สึกไม่ไหวต้องรีบบอกผมนะ” ช่างใจครู่หนึ่งเขาก็ยอมตอบตกลง
“หมายความว่าไง นายจะไปด้วยเหรอ? ” แบบนี้ก็แย่สิ
“ครับ ผมจะปล่อยอันนาไปคนเดียวได้ยังไง ในเมื่อพวกตระกูลอื่นเริ่มวิ่งพล่านไปทั่วอณาเขต” ฮารุโตะเอ่ยออกมาอย่างคับแค้น ซึ่งฉันพึ่งรู้ได้ไม่นานว่าปกติไม่มีตระกูลไหนกล้าข้ามอณาเขตมายังตระกูลอื่นหรอก เพียงแต่ไม่นานนี้ดันมีเรื่องวินเข้าหู
และนี่คือเหตุผลที่ฉันรั้นจะไปข้างนอกให้ได้ เมื่อรู้ว่าวินยังวนเวียนอยู่แถวอณาเขตตระกูลที่ 1 ณ ตอนนี้จะเป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ถ้าสามารถทำให้ฉันหลุดพ้นจากฮารุโตะ
“เธอคงไม่อยากให้ผมไปด้วยสินะ” ร่างสูงเอ่ยขึ้น มองฉันที่แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้อีกฝ่ายมีส่วนร่วม ฉันเองก็ไม่สามารถปกปิดความรู้สึกนี้จนมิดได้
“ถ้าบอกว่าไม่ นายจะปล่อยให้ฉันมากับพี่แคทสองคนหรือเปล่าล่ะ”
“ไม่ครับ ผมไม่ไว้ใจคนอื่น อยู่กับผมอันนาจะปลอดภัยที่สุด”
“ฉันปลอดภัย แล้วลูกของฉันล่ะปลอดภัยด้วยไหม? ”
คำพูดของฉันทำให้ฮารุโตะชะงัก คงไม่คิดว่าฉันจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ร่างสูงหันไปหาพี่แคท เขาพยักพเยิดให้อีกฝ่ายออกไปก่อน หลังจากนั้นจึงยื่นมือมาจับแขนฉัน ทว่าก็ถูกปัดออกไปอย่างไม่ไยดี
“นายทำใจได้เหรอที่ต้องฆ่าเด็กบริสุทธิ์คนหนึ่ง” ฉันถามเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ หวังว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
“อันนาเธอก็รู้ว่าเพราะอะไรผมถึงทำแบบนี้”
“ฉันรู้ แต่มันต้องมีสักวิธี ที่จะช่วยเราทั้งคู่ได้ใช่ไหม คิดดูดีๆ สิฮารุโตะ”
“ตราบใดที่ยังยืนยันอะไรไม่ได้ผมก็ไม่อยากเสี่ยง”
พูดจบร่างสูงก็เบือนหน้าหนี บ่งบอกว่าเขาได้ตัดสินใจไปแล้ว ฉันกำหมัดแน่น ต้องลงเอยแบบนี้จริงเหรอ ไม่เอานะ ฉันทำไม่ได้!
“ฮารุโตะ สัญญาสิว่าจะไม่ทำอะไรเด็กคนนี้” เอ่ยออกมาอย่างคนไร้หนทาง ก่อนที่ฉันจะหยิบกริชมีดที่ฮารุโตะเคยให้ไว้จ่อลงที่คอตัวเอง
“ไม่ครับ ผม….อันนา! ทำอะไรน่ะปล่อยมือเดี๋ยวนี้!!” ร่างสูงเอ่ยปฏิเสธ ทว่าเมื่อหันมาเห็นว่าฉันทำอะไรสีหน้าของฮารุโตะก็เปลี่ยนทันที
“อย่าเข้ามานะ! ฉันรู้ว่านายเร็วมาก แต่มือของฉันก็เร็วพอที่จะปักมันลงไปเหมือนกัน!” พูดจบฉันก็กดมีดให้ลึกลงกว่าเดิม ใบมีดแหลมคมบาดเข้าที่ลำคอจนรู้สึกแสบไปหมด คิดว่าตอนนี้คงได้เลือดซิบเข้าแล้ว
“อันนา อย่าทำแบบนี้ผมขอร้อง”
“สัญญามาสิว่านายจะไม่ทำร้ายเขา” ฉันส่ายหน้า ถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว
“อันนา นี่เธอลงทุนทำถึงขนาดนี้เลยเหรอ”
“ใช่! ถ้าเขาตายเท่ากับฉันตาย” เน้นย้ำเสียงแข็ง พร้อมกับจ้องตากับฮารุโตะโดยไม่คิดหลบหลีก เป็นสัญญาณบอกให้เขารู้ว่าฉันเอาจริง
“โอเค ผมยอมแพ้ เพราะงั้นอันนาปล่อยมือก่อนนะ” พูดออกมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน พร้อมกับยกมือทั้งสองชูขึ้น แสดงให้เห็นว่าฮารุโตะยอมแพ้จริงๆ ดังนั้นฉันจึงค่อยๆ ลดมือลง
หมับ! เสี้ยววินาทีนั้นร่างสูงขยับมายืนซ้อนหลังฉัน ก่อนจะดึงมีดที่อยู่ในมือออก ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจของเขา สองมือพยายามแกะมือหนาที่กอดเอวออก
“นายสัญญาแล้วนะ ห้ามคืนคำ” ฉันเอ่ย ไม่คิดลืมคำพูดก่อนหน้านี้ ที่เขายอมตกลง ทว่าฮารุโตะกลับไม่พูดอะไร เขาเอาแต่ยืนกอดฉันแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“ปะ ปล่อยได้แล้วฮารุโตะ มันอึดอัดนะ” ฉันเริ่มดิ้นไปมา เมื่ออีกฝ่ายเริ่มออกแรงกอดรัดแน่นขึ้น เป็นอะไรของเขาเนี่ย “อย่าทำแบบนี้อีก” น้ำเสียงเรียบนิ่งทว่าเจือไปด้วยความโกรธเอ่ย
“ถ้านายไม่คิดจะทำร้ายลูกของฉัน” จุดประสงค์เดียวเท่านั้นที่ฉันต้องการ
“ผมไม่ได้สัญญา แค่บอกว่ายอมแพ้” เขาตอบกลับราบเรียบ ทำเอาฉันที่ได้ยินถึงกับสะอึก ตอนนี้กริชมีดดังกล่าวถูกยึดไปแล้ว จะเอาอะไรมาต่อรอง
“แต่ว่าผมจะพยายามหาวิธีเพื่อช่วยอันนากับลูก”
“จริงนะ!” ฉันถาม รู้สึกไม่ค่อยไว้ใจเท่าไหร่ “เล่นเอาตัวเองเป็นตัวประกัน ผมยังมีทางเลือกอื่นเหรอครับ” ฮารุโตะเหล่มองนิดๆ น้ำเสียงออกแนวประชด
“ใครให้นายไม่เหลือทางเลือกให้ฉัน” เอ่ยไปตามความจริง ก่อนจะรู้สึกขนลุกแปลกๆ เมื่อสัมผัสได้ถึงปลายลิ้นร้อนบริเวณลำคอ นี่ทำบ้าอะไรเนี่ย
“ฮารุโตะฉันแสบ” ฉันร้องบอก พยายามดันอีกฝ่ายให้ห่างจากต้นคอ ไม่เข้าใจว่ามาหื่นอะไรเวลานี้ “แป๊บเดียวครับ” จบคำพูดนั้นความแสบรวมถึงความเจ็บก่อนหน้าก็ค่อยๆ จางหาย
ปัง!
“คุณชายโตะ! เกิดอะไรขึ้น กูได้ยินว่ามึงแขนขาด” ฉันสะดุ้งเล็กน้อย รีบผลักร่างสูงให้ถอยห่าง เมื่ออยู่ๆ ประตูห้องกถูกเปิดออกโดยฝีมือของพี่คิง สีหน้าเขาดูตื่นๆ หัวยุ่งฟูราวกับคนพึ่งตื่นนอน เขามองฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะมองไปที่ฮารุโตะที่ยืนทำหน้ายักษ์ใส่
“อะไร ทำไมมองกูงั้น” พี่คิงถาม มองฮารุโตะด้วยท่าทางหวาดๆ สีหน้าฮารุโตะในตอนนี้พร้อมบวกมาก ไม่ใช่แค่ฉันที่สัมผัสได้สินะ
“มึงนี่แม่ง ไม่น่ามีมือไว้ใช้ หัดเคาะบ้างดิวะ ตอนนี้กูไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว”
“โทษทีว่ะ กูลืม ว่าแต่มึงไม่ได้แขนขาด? ” พี่คิงถามพยักหน้าหงึกหงักราวกับคนพึ่งนึกได้
“กูป่าว” ฮารุโตะตอบ ยกแขนทั้งสองข้างให้ดู
“เอ้า! กูก็อุตส่าห์ดีใจ นึกว่าจะได้เห็นมึงแขนขาดเป็นบุญตา” พี่คิงพูด ท่าทางผิดหวังไม่น้อย สรุปแล้วพี่เขามาเพื่อเยาะเย้ยสินะ “หึ! เดี๋ยวแขนมึงได้ขาดอีกคน” คราวนี้เป็นฉันที่หันมาทางฮารุโตะแทบทันที อย่าบอกนะว่าเป็นฝีมือเขา
“ไอ้คิง มึงไปตามไอ้สามตัวนั้นมา กูมีเรื่องจะปรึกษา”
“เรื่องด่วนมากมั้ยวะ”
“เกี่ยวกับอันนา มึงว่าด่วนมั้ย? อ้อ พาผู้หญิงคนนั้นมาด้วย”
พูดจบร่างของพี่คิงก็หายวับไปกับตา ฉันมองการกระทำดังกล่าวอย่างอึ้งๆ อะไรจะเร็วปานนั้นนึกว่าหายตัวได้ซะอีก “นี่ครับ แล้วก็อย่าทำร้ายตัวเองอีก” หลังจากย้ายมาห้องรับแขก ฮารุโตะก็ยื่นกริชสีเงินให้ฉันเป็นครั้งที่ 2
“แน่ใจนะว่าจะให้ฉันถือไว้อีก คราวนี้ฉันอาจหน้ามืดทำร้ายนายได้เลยนะ”
“ผมเชื่อใจอันนาครับ”
ฮารุโตะพูดขึ้นอย่างมั่นใจ ในขณะที่ฉันทำได้เพียงถอนหายใจนิดๆ ถ้าวันหนึ่งฉันปรี๊ดแตกแทงหมอนี่เข้าไปจริงๆ จะรู้สึก
“สวัสดีครับ น้องอันนา” พี่คราวน์มาถึงคนแรกเอ่ยทักทาย สีหน้าเขาดูเหนื่อยล้ายังไงชอบกล ตามด้วยพี่ยูตะ พี่คิง พี่เบย์ เดินเรียงแถวเข้ามา ทว่าคนสุดท้ายที่เดินตามหลังทำให้ฉันถึงกับตกใจ
“ขนมเทียน! เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงอยู่ที่นี่ได้” ฉันถามร่างบาง เดินเข้าไปกอดเธอด้วยความคิดถึง ไม่ได้โดนทรมานอะไรใช่ไหม
“ไหนว่าจบเรื่องแล้วจะปล่อยเพื่อนฉัน”
“ผมปล่อยแล้ว” ฮารุโตะตอบ
ถ้างั้นทำไมเธอถึงมาอยู่ในดงแวมไพร์ได้ จะบอกว่าเพื่อนฉันหายตัวเข้ามาได้หรือไง ฉันมองฮารุโตะมองพี่เบย์ที คนหลังนี่น่าสงสัยที่สุด รู้สึกจะมีประเด็นกับขนมเทียนตลอด
“ใจเย็นครับน้องอันนา พี่เห็นว่ายัยนี่กำลังถูกพวกฮันเตอร์ตามล่า เลยช่วยเก็บมาเท่านั้น ไม่ได้มีการบังคับใดๆ ทั้งสิ้น” พี่เบย์พูดขึ้นเมื่อเห็นสายตาของฉัน
“จริงหรือเปล่าขนมเทียน” ฉันหันไปถามเพื่อนตัวเองเพื่อความแน่ใจ
“ตามที่ไอ้เถื่อนมันว่าเลย รายละเอียดเล่าทีหลังนะ เรื่องมันยาว” ประโยคสุดท้าย ขนมเทียนชิงพูดตัดหน้า เมื่อเห็นว่าฉันตั้งท่าจะถาม
“ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับน้องอันนา เมื่อคืนมึงถึงได้เป็นบ้า เหวี่ยงใส่คนในตระกูลไปทั่ว” พี่คราวน์เข้าประเด็น มองฮารุโตะที่ยังคงมีสีหน้ากังวล
“หมอบอกว่าอันนาอาจต้องตาย เพราะเด็กในท้องดูดพลังชีวิตจนหมด” ฮารุโตะเองก็ไม่เสียเวลาอ้อมค้อม “ทางที่จะรอดคือต้องเอาเด็กออก แต่อันนาไม่ยอม” พูดจบทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ สีหน้าของแต่ละคนเริ่มเครียดตามฮารุโตะ
“เรื่องนี้นอกจากพวกกูแล้วยังไม่มีใครรู้ใช่ไหม” พี่เบย์ถาม
“มีหมอ กับคนดูแลอันนาอีก 2 คนที่รู้เรื่องนี้”
“ดี! งั้นมึงก็เหยียบให้มิด ไม่งั้นน้องอันนาของมึงได้โดนฝูงปีศาจรุมทึ้งแน่”
คำพูดของพี่เบย์ทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมานิดๆ เมื่อรู้ว่าไม่ใช่แค่เผ่าพันธุ์แวมไพร์เท่านั้นที่ต้องการตัวฉัน ฮารุโตะที่เห็นดังนั้นจึงคว้าตัวฉันเข้ามากอด
“เรื่องนั้นกูรู้ดี แต่ที่กูอยากปรึกษาจริงๆ คือจะทำยังไงให้อันนากับลูกในท้องรอดทั้งคู่โดยไม่เสียใครสักคน” ฮารุโตะเอ่ย จ้องมองเพื่อนแต่ละคน
“โทษทีว่ะมึง กูยังไมเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ ขอกูกลับไปหาข้อมูลก่อนนะมึง” พี่คิงเอ่ยคนแรก ในขณะที่คนอื่นเริ่มทำตัวไม่ถูก
“พวกตาแก่น่าจะรู้เรื่องนี้ไม่มากก็น้อย ให้กูจับมาเค้นสักคนสองคนไหม? ” พี่เบย์เสนอ และดูเหมือนฮารุโตะจะสนใจไม่น้อย
“ทำแบบนั้นถ้าราชินีรู้เรื่องงานเข้าพวกเราแน่ๆ” พี่คราวน์เบรก เมื่อนึกถึงผลดีและผลเสีย
“ฆ่าปิดปากก็จบ” ทว่า คำพูดของพี่ยูตะก็ทำให้ทุกคนชะงัก เริ่มพยักหน้าตามๆ กัน ราวกับพึ่งนึกได้ฉันเริ่มขนลุก เห็นได้ชัดว่าทุกคนดูชินกับการฆ่ามากกว่าค้นคว้าหาข้อมูลซะอีก
ความคิดเห็น