ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #24 : EPISODE 23

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 67


    EPISODE 23

    “นึกว่าหายไปไหนที่แท้ก็มาเดินเล่นแถวนี้” ฉันหันไปตามเสียงคุ้นเคย พบว่าเป็นฮารุโตะที่ยืนซ้อนด้านหลัง ว่าแต่เขาคุยธุระเสร็จแล้วเหรอ?

    “เรียบร้อยแล้วเหรอ? ” ฉันถามเหลือบมองพี่นาโอมิกับพี่แคทซึ่งขยับถอยหลังออกไปเมื่อไหร่ไม่รู้ “ก็ไม่ได้คุยนาน กลัวคนแถวนี้จะคิดถึงผมจนทนไม่ไหวน่ะ” ฮารุโตะตอบยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ แกล้งฉันอีกแล้ว ได้ทีเอาใหญ่เลยนะ

    “เงียบไปเลย” ฉันจิ๊ปาก ทำทีไม่พอใจ เลื่อนสายตามองไปด้านนอกระเบียง ทว่าสายตากลับปะทะเข้ากับร่างสูงที่อยู่ด้านล่าง รู้สึกว่าเขาคนนั้นดูคุ้นตาอย่างบอกไม่ถูก

    “ฮารุโตะเรากลับห้องกันเถอะ” ฉันขยับตัวไปด้านหน้าฮารุโตะ ฉีกยิ้มหวานให้ หลังจากเพ่งสายตามองจนรู้ว่าเขาเป็นใคร ทำไมวินถึงได้มาโผล่ในอณาเขตของพวกตระกูลที่ 1 ไม่ใช่ว่าต่างคนต่างอยู่เหรอ วันก่อนที่ลานน้ำตกก็ทีหนึ่งแล้ว

    “เอางั้นเหรอครับ” ฮารุโตะขมวดคิ้วนิดๆ มองฉันด้วยความสงสัย

    “อื้อ! รู้สึกเพลียๆ น่ะ” ฉันยกมือขึ้นนวดขมับ ก่อนจะทำหน้าเหมือนคนเหนื่อยมาก จะให้ฮารุโตะเห็นวินไม่ได้เด็ดขาด

    นอกจากเพื่อนเขา หมอนี่ก็หงุดหงิดใส่ผู้ชายทุกคนที่อยู่ในระยะสายตาฉัน ยิ่งเป็นวินความขี้หึงของเขายิ่งทวีคูณ

    วันก่อนเจอกันโดยบังเอิญเขาก็สั่งห้ามไม่ให้ฉันคิดหรือนึกเรื่องของวิน ส่วนฉันก็ได้แต่พยักหน้าไปงั้น ทั้งที่จริงคือพยายามเค้นสมองจนหัวแทบระเบิด สุดท้ายก็คิดอะไรไม่ออก ฉันจำไม่เห็นได้ว่าไปรู้จักเขาตอนไหน สมัยเด็กฉันมีเพื่อนอยู่คนเดียวเองนะ เขาคือเด็กผู้ชายตัวเล็กที่อยู่ข้างห้อง น่าเสียดายฉันต้องย้ายบ้านกะทันหัน เลยไม่ได้บอกลาเขา

    “คุณชายคะ” ขณะที่เราทั้งคู่กำลังจะเดินออกจากตรงระเบียงพี่นาโอมิก็เอ่ยเรียก

    “มีอะไร? ” ฮารุโตะชะงักเท้า มองคนตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ

    ฉันสบตากับทั้งสอง พลางส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงไม่ให้พูด สีหน้าของพวกเธอแสดงออกชัดเจนว่าเห็นวินเหมือนกัน มีแค่ฮารุโตะเท่านั้นแหละที่เอาแต่จ้องมองฉันจนไม่สนรอบข้าง

    “คือว่า…” อย่าเชียวนะคะ กว่าจะทำให้ฮารุโตะกลับมาอารมณ์ดีเหมือนเดิมฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน “ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันลอบถอนหายใจ ก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการขอบคุณ

    “ผมอุ้มนะ” ฮารุโตะเอ่ยถาม มองฉันราวกับขออนุญาตฉันพยักหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงตกลง ยกมือขึ้นโอบคออีกฝ่ายอย่างเคยชิน

    “ตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอ” ฉันลองถามดู ตอนที่นั่งคุยกับพี่นาโอมิและพี่แคทยังเย็นอยู่เลย ใครจะคิดว่าเดินออกมาจากห้องจะมืดจนเห็นดาว

    “2 ทุ่มครึ่งค่ะ” พี่แคทเหลือบมองนาฬิกานิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “มิน่าล่ะอันนาถึงรู้สึกหิว” พูดจบฉันก็ลูบท้องตัวเองป้อยๆ

    “ไม่ต้องห่วง ผมให้แม่บ้านเตรียมของอร่อยไว้ให้อันนาเพียบ ลูกเราจะได้แข็งแรง” ท้ายประโยคฮารุโตะเลือกที่จะกระซิบข้างหูเบาๆ เนื่องจากเขายังไม่อยากให้ใครรู้มากนัก เพราะกลัวว่าฉันจะโดนเพ่งเล็งมากกว่าเดิม แถมเคสของแวมไพร์ที่มีลูกกับมนุษย์ได้ก็น้อยมาก

    “ถ้างั้นฉันไปอาบน้ำก่อนนะ” ฉันเอ่ยเมื่อเราทั้งคู่มาถึงห้อง “ครับ ให้ช่วยมั้ย? ” ฮารุโตะตอบกลับด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์ ทำเอาฉันมองเขาตาโต รู้สึกขนลุกซู่ไปหมด

    “ลามก! คายฮารุโตะคนเดิมของฉันคืนมาเลยนะ” ฉันชี้หน้าร่างสูงอย่างเอาเรื่อง ทั้งที่ปกติดูสุภาพเรียบร้อยแท้ๆ พี่นาโอมิกับพี่แคทได้เห็นท่าทางหื่นๆ ของฮารุโตะถึงกับยืนตัวแข็งทื่อ คงไม่เคยเจอคุณชายตัวเองโหมดเจ้าเล่ห์

    “ให้ผมกลืนอันนาง่ายกว่านะ” แน่ะ ยังหยอดไม่หยุด ฉันหันไปแลบลิ้นด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะหยิบชุดคลุมแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ เมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะเดินมาเอาเรื่อง เหอะ! คิดว่าฉันกลัวเหรอ? ใช่ค่ะ! ฉันกลัว ภาพที่เขาเตะทั้งแวมไพร์และหมาป่าจนปลิวยังติดตาอยู่เลย

    10 นาทีต่อมา ~

    “พี่นาโอมิกับพี่แคทล่ะ” ฉันถามหลังจากเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ทำไมรู้สึกบรรยากาศมันแปลกๆ

    “ผมให้กลับไปแล้วครับ” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คงไม่ได้โกรธที่ฉันแลบลิ้นใส่หรอกนะ เขาไม่ใช่เด็กๆ สักหน่อย ใครทำให้หมอนี่ไม่พอใจ มาเครียร์เดี๋ยวนี้เลยนะ คนต้องอยู่ด้วยมันอึดอัด ฉันปั้นหน้ายิ้มก่อนจะเอ่ยพูด

    “ดีแล้วล่ะ พวกพี่เขาจะได้พักบ้าง”

    “…” เงียบ นี่ไม่ใช่ปฏิกิริยาที่ฉันอยากเห็นนะ

    “อ้อ วันนี้ฉันเห็นประตูสีทองๆ ตรงระเบียงด้วย มันคือห้องอะไรเหรอ”

    ฉันเอ่ยถาม ใบหน้าแสดงออกชัดเจนว่ากำลังสงสัย พร้อมกับมองคนตรงหน้าตาปริบ เขาจะไม่ใจอ่อนหน่อยเหรอ เหมือนจะได้ผลนัยน์ตาคู่สวยกำลังสั่นไหว ทว่ามันก็แค่นั้น สุดท้ายแล้วฮารุโตะก็ไม่ได้เอ่ยอะไร แถมยังเบือนหน้าหนี

    การกระทำดังกล่าวทำให้ฉันชะงักไปเล็กน้อย รู้สึกจุดที่หน้าอก ครั้งแรกเลยนะที่เขากล้าเมินกันซึ่งๆ หน้า ได้! ในเมื่อเขาไม่อยากคุยก็ได้ ฉันหยิบช้อนขึ้นมากำไว้แน่น ก่อนจะนั่งกินข้าวเงียบๆ ตักนู่นตักนี่ โดยไม่สนใจบรรยากาศที่กำลังมาคุขึ้นเรื่อยๆ

    เคร้ง! ฉันสะดุ้ง มองฮารุโตะโยนช้อนข้าวใส่จานเปล่า แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นมัว บ่งบอกถึงความไม่พอใจที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น

    “นาย…เป็นอะไรหรือเปล่า” รวบรวมความกล้าถามออกไป เมื่อเห็นว่าฮารุโตะคงไม่อ้าปากพูดขึ้นมาเอง ผู้ชายทิฐิสูงแบบเขาถ้าฉันไม่ยอมโอนอ่อนบ้าง ชาตินี้คงคุยกันไม่รู้เรื่อง

    “ทำไมถึงไม่บอกว่าไอ้วินก็อยู่แถวนั้น” คนตรงหน้าถาม ท่าทางดูอ่อนลงระดับหนึ่ง แต่ว่านะ…ใช้คำว่าอยู่แถวนั้นได้เหรอ หมอนั่นอยู่ชั้นล่างสุดของคฤหาสน์เลยนะ

    “กลัวนายโมโห ฉันไม่ชอบเห็นนายโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงนี่นา” ตอบกลับเสียงอ่อย เมื่อรู้ว่าตัวเองมีส่วนผิด “ขอโทษนะ ไม่โกรธกันได้มั้ย” ฉันพูดต่อพร้อมกับทำหน้าหงอยๆ หวังว่าคนตรงหน้าจะใจอ่อน ไม่อยากให้มาบั่นทอนอารมณ์ทั้งที่ก่อนหน้านี้เรายังหัวเราะและยิ้มให้กันอยู่เลย

    “เฮ้อ สัญญานะว่าต่อไปนี้อันนาจะไม่ปิดบังผมอีก ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่” ฮารุโตะถอนหายใจ ยอมจำนนอย่างช่วยไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าอ้อนของฉัน

    “อื้อ! สัญญา” ฉันพยักหน้า ยื่นนิ้วก้อยไปตรงหน้าอีกฝ่าย ส่งผลให้ฮารุโตะหลุดยิ้มออกมา ก่อนเขาจะยอมเกี่ยวก้อยแต่โดยดี

    “มีครั้งไหนที่ผมจะชนะอันนาได้บ้างเนี่ย” ฮารุโตะพึมพำ ราวกับคนหมดหนทาง ดวงตาคู่สวยจ้องมองฉันแทบจะทุกสัดส่วน ทำเอารู้สึกร้อนหน้าวูบๆ

    “เวอร์มาก ว่าแต่นายรู้ได้ไงว่าวินอยู่ข้างล่าง” ฉันถามเนียนเปลี่ยนหัวข้อ

    “อันนามีพิรุธออกนอกหน้าขนาดนั้น ไม่สงสัยก็บ้าแล้ว”

    เหมือนได้ยินคำว่า ‘ห๊ะ? ’ ออกจากปากตัวเอง ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะแสดงละครได้ห่วยขนาดนี้ อนาคตไม่ต้องคิดจะโกหกใครเลย ขณะที่กำลังตบตีกับตัวเองในใจ ฉันก็เผลอกัดเล็บตัวเองไปด้วย ทำเอาฮารุโตะต้องลุกขึ้นมาจับมือไว้

    “สกปรกครับ” เขาปราม

    “มันชินน่ะ” ฉันยิ้มแหยๆ มองร่างสูงหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดเล็บให้

    ตอนนี้เราทั้งคู่ย้ายเข้ามาในห้องนอน หลังจากทานอาหารเสร็จ ฉันนอนเท้าคางมองฮารุโตะที่นั่งหันหลังเขียนบางอย่างอยู่บนโต๊ะ

    “เสร็จแล้วครับ” พูดจบฮารุโตะก็หยิบกระดาษใส่ซองจดหมายสีขาว

    “นายเขียนอะไรน่ะ” ถามออกไปด้วยความสงสัย ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น

    “จดหมายถึงลูกเราในอนาคตครับ”

    “นายเนี่ยนะ? ” ฉันจิ้มนิ้วไปที่อกของฮารุโตะ รู้สึกประหลาดใจนิดหน่อย ไม่คิดว่าเขาจะอ่อนโยนขนาดนี้ ในสายตาฉันเขาดูเป็นคนที่ไม่สนใจอะไรนอกจากฉัน ใครจะรู้ว่าฮารุโตะจะมีความเป็นพ่อคนมากกว่าที่คิด “แล้วเขียนว่าไงเหรอ? ” ฉันถาม

    “ความลับครับ”

    3 วันถัดมา ~

    “อุ๊บ! แหวะ!” ฉันยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำท่ามกลางสายตางุนงงของพี่นาโอมิและพี่แคท ส่วนฮารุโตะก็รีบตรงมาลูบหลังฉันเบาๆ หลังจากเห็นว่าฉันพึ่งอ้วกออกไป

    “อันนาครับ เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงร้อนรนเอ่ยถาม

    “อึก!” ฉันส่ายหน้านิดๆ เป็นเชิงไม่โอเค พร้อมกับเปิดก๊อกน้ำเพื่อล้างปากล้างหน้า พักหลังมานี้รู้สึกว่าตัวเองชักแพ้ท้องรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นอกจากจะส่งผลให้ร่างกายฉันอ่อนเพลีย ยังทำให้ไม่สามารถกินอะไรได้ ทุกครั้งที่ตักอาหารเข้าปาก ร่างกายฉันจะต่อต้านทันที

    “นาโอมิ ไปตามหมอประจำตระกูลมา!” ฮารุโตะตะโกนบอก ก่อนจะอุ้มฉันออกจากห้องน้ำ ตรงไปที่โซฟาที่เรามักใช้นั่งเล่นดูหนัง เขายื่นมือมาลูบหน้าฉันเบาๆ

    “คุณชายคะ หรือว่าน้องอันนาจะ…” พี่แคทเอ่ยด้วยน้ำเสียงกล้าๆ กลัวๆ เหลือบมองฮารุโตะที่นั่งกุมมือฉันด้วยใบหน้าตึงเครียด สายตาของเขาในตอนนี้นิ่งจนน่ากลัว กระทั่งมีชายสวมแว่น ท่าทางภูมิฐานเดินเข้ามาในห้อง

    “เป็นเกียรติมากเลยครับที่คุณชาย….”

    “ไม่ต้องมากพิธี รีบตรวจเธอเดี๋ยวนี้!” ฮารุโตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ก่อนจะใช้สายตาคมกริบกดดันให้คุณหมอรีบมาดูอาการของฉัน

    “สะ…สักครู่นะครับ” คุณหมอหน้าซีดเผือด ก่อนจะรีบหยิบอุปกรณ์การตรวจขึ้นมา ในขณะเดียวกันฮารุโตะก็จ้องเขาราวกับต้องการจะฉีกเนื้อ ฉันที่เห็นดังนั้นจึงยื่นมือไปกระตุกชายเสื้ออีกฝ่ายเบาๆ

    “ใจเย็นหน่อยสิ นายทำฉันตกใจนะ” คำพูดของฉันทำให้ฮารุโตะชะงัก เขาพ่นลมหายใจคล้ายต้องการสงบสติอารมณ์ ถึงอย่างนั้นก็ยังจ้องคุณหมอไม่วางตา

    “เป็นยังไงบ้าง” เขาถาม หลังจากที่คุณหมอตรวจเสร็จ

    “เป็นปกติครับที่คนท้องจะรู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย ทานอาหารไม่ค่อยได้” คุณหมอเริ่มอธิบายเมื่อเจอสีหน้าคุกคามของฮารุโตะ เขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเริ่มพูดบางอย่าง

    “ด้วยความที่เธอเป็นมนุษย์ที่สามารถมีลูกกับแวมไพร์ได้ เพราะงั้นอาการถึงได้รุนแรงกว่าเคสอื่นๆ”

    “แล้วต้องทำยังไงอันนาถึงจะดีขึ้น” ร่างสูงถอนหายใจเล็กน้อย มองหน้าคุณหมออย่างต้องการคำตอบ “คือว่าเด็กค่อนข้างแข็งแรงครับ” กระทั่งเขากำหมัดแน่น ก่อนจะตรงไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายเหวี่ยงลงกับพื้น

    โครม! “ฉันอยากรู้ว่าต้องทำยังไงเธอถึงจะดีขึ้น ตอบให้ตรงคำถาม!”

    “ฮารุโตะ นายใจเย็นก่อนสิ!” ฉันถลาเข้าไปคว้าข้อมือร่างสูง ได้ยินเสียงขบกรามแน่นราวกับต้องการสะกดกลั้นอารมณ์ ทำไมถึงได้หัวเสียง่ายแบบนี้

    “แค่กๆ ทำอะไรไม่ได้ครับ แวมไพร์ตัวน้อยกำลังดูดพลังชีวิตของเธอเพื่อใช้เป็นอาหาร”

    สิ้นเสียงนั้นทั่วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ฉันมองพี่แคทที่กำลังยืนตัวแข็งทื่อ ก่อนจะหันไปสบตากับร่างสูงของฮารุโตะ คนตรงหน้าฉันกำลังตัวสั่น

    “มะ ไม่เห็นเป็นไรเลย ปกตินายก็ดูดพลังชีวิตฉันบ่อยจะตาย” ฉันเอ่ยขึ้นมายิ้มๆ หวังให้สถานการณ์ตรงหน้าผ่อนคลายขึ้น ไม่เข้าใจว่ามันร้ายแรงถึงขั้นไหน

    “ไม่ครับ มันไม่เหมือนกัน แวมไพร์จะดูดพลังงานชีวิตของมนุษย์แต่พอดี แต่กับทารกแล้วเขาไม่รู้ว่าเท่าไหร่ถึงจะพอ ฉะนั้นเขาจะดูดพลังชีวิตคุณเรื่อยๆ จนกว่าจะหมด” คุณหมอตอบพร้อมกับดันแว่นตาขึ้น ขณะที่มืออีกข้างหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเลือดที่ไหลอยู่ข้างมุมปาก

    “ถ้างั้นก็ไม่เห็นต้องห่วง นายเคยพูดว่าฉันมีพลังชีวิตมากกว่าคนปกติใช่มั้ยฮารุโตะ แค่นี้ไม่เป็นไรหรอก” ฉันหันไปพูดกับฮารุโตะ บีบมือที่กำลังสั่นเพื่อยืนยันว่ามันจะต้องไม่เป็นไร

    “มีทางไหนที่ทำให้เด็กในท้องไม่หิวตลอดบ้าง” ฮารุโตะหันไปถามคุณหมอเสียงเข้ม ฝ่ามือหนากุมมือฉันไว้แน่นเช่นกัน

    “มีสิครับ คุณชายแค่ต้องเอาเด็กออก ถ้าทำแบบนั้นเธอจะมีโอกาสรอดถึง 90%” จบคำพูดนั้นฉันก็หันไปมองฮารุโตะแทบทันที เขามีสีหน้าเรียบเฉยจนฉันต้องเอ่ยประโยคหนึ่งขึ้นมาเพื่อความแน่ใจ

    “นายคงไม่คิดจะทำตามที่หมอบอกใช่ไหม”

    “ทุกคนออกไปก่อน แล้วก็อย่าได้แพร่งพรายเรื่องในวันนี้” ฮารุโตะไม่ตอบ ทว่าเขากลับโบกมือไล่ให้คนอื่นออกไป

    “อันนาฟังผมนะ” ฮารุโตะยื่นมือทั้งสองข้างมาบีบไหล่ฉันเบาๆ

    “เราต้องเอาเด็กออก” คล้ายกับมีของหนักทุบหัว ฉันสบตากับร่างสูงด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ นั่นมันชีวิตของเด็กคนหนึ่งเลยนะ อีกอย่างเขาก็ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย มันจะไม่ใจร้ายไปหน่อยเหรอ ในเมื่อต้นเหตุคือฉันกับเขา

    “ฉันไม่เห็นด้วย มันไม่แน่สักหน่อยว่าฉันจะต้องตาย” ตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนจะปัดมือหนาออกเบาๆ มันต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้สิ!

    “อันนาอาจตายได้เลยนะ! แค่ไม่กี่เดือนอันนาก็ซูบผอมขนาดนี้ เด็กนี่มันยังต้องมีชีวิตอยู่ในท้องเธออีกตั้ง 5-6 เดือน!!”

    ฮารุโตะจับตัวฉันไว้แน่น ไม่ยอมให้ขยับตัวหนี จ้องลึกเข้ามาในดวงตาฉันราวกับต้องการขอร้อง ทำให้ฉันต้องจำใจเบือนหน้าหนี

    “เด็กนี่ ที่นายพูดถึงคือลูกของนายนะ” คำพูดของฉันทำให้ร่างสูงชะงัก ได้ยินเสียงขบกรามแน่นจากคนตรงหน้า “ผมขอร้องล่ะอันนา ถ้าเธอเป็นอะไรไปผมต้องบ้าตายแน่ๆ” น้ำเสียงของฮารุโตะเริ่มสั่นเครือ เขายกมือขึ้นกุมใบหน้า เพื่อปิดซ่อนความรู้สึกอ่อนแอ

    “ขอโทษนะ แต่ฉันอยากให้เขามีชีวิตอยู่จริงๆ”

    “อันนา! เธอ…เธอเลือกมัน!!” ฮารุโตะตะโกนออกมาอย่างหัวเสีย ดวงตาแดงก่ำราวกับสัตว์ป่า ทว่าหางตากับเปียกชื้นคล้ายกับถูกชโลมไปด้วยน้ำใสๆ มาก่อน

    “ไม่ใช่มันที่ไหน แต่เขาคือลูกของนาย!” ฉันย้ำเสียงเข้ม ไม่ชอบใจเลยที่เขาเอ่ยคำพูดนี้

    “ไม่! วินาทีที่มันกำลังจะฆ่าเธอ มันไม่ใช่ลูกของฉัน!!” ฮารุโตะคำรามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว ชี้นิ้วมายังหน้าท้องที่เริ่มนูนขึ้นของฉัน ก่อนจะเดินไปที่ประตูห้อง เพื่อไปให้พ้นจากตรงนี้

    ปึง!!

    หลังประตูปิดลงน้ำตาฉันไหลออกมาทันที ขาอ่อนแรงจนล้มไปกองกับพื้น เจ็บจนแทบขาดใจเมื่อนึกถึงการกระทำเมื่อครู่ของฮารุโตะ ทั้งกลัวและเสียใจ

    “ฮึกฮื่อ!! แม่แค่อยากให้หนูมีชีวิต” ฉันสะอื้นออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ยกมือขึ้นทุบหน้าอกราวกับจะสามารถช่วยบรรเทาความเจ็บแปล๊บในใจ

    “นะ- น้องอันนา เกิดอะไรขึ้นคะ” เป็นพี่แคทที่เดินเข้ามา เธอมองฉันด้วยสีหน้าตกใจ ก่อนจะพุ่งมาพยุงตัวฉันที่เอาแต่นั่งร้องไห้อยู่กับพื้นเย็นเฉียบ

    “อันนาเจ็บค่ะ ฮึกฮื่อ!” เมื่อถูกพี่แคทปลอบ น้ำตาก็ทะลักเอ่อล้นมากกว่าเดิม

    “เจ็บ? เจ็บตรงไหนคะ พี่จะตามหมอให้นะ” คนตรงหน้าฉันเลิกลั่น รีบลุกขึ้นแทบทันที

    “อันนาเจ็บตรงนี้ค่ะ ที่หัวใจ เจ็บเหมือนกับถูกมีดแหลมกรีดแทง ฮารุโตะเขาเกลียดอันนาแล้วใช่มั้ยคะ อึก” ฉันคว้ามืออีกฝ่ายไว้ พลางจิ้มลงที่อกข้างซ้ายของตัวเองย้ำๆ พี่แคทนิ่งเงียบสายตาเต็มไปด้วยความสงสาร

    “ไม่จริงหรอกค่ะ คุณชายแค่ไปจัดการกับอารมณ์ตัวเองเท่านั้น คุณชายไม่มีทางเกลียดน้องอันนาแน่นอน” เธอเอ่ยอย่างมั่นใจ ฉันพยักหน้าน้อยๆ หวังว่าจะเป็นอย่างที่เธอพูด

    ทว่า…ไม่ว่าคืนนั้นฉันจะนั่งรอเขานานแค่ไหน เขาก็ไม่ยอมปรากฏตัว เป็นครั้งแรกที่ฉันได้พบกับความโดดเดี่ยวของการนอนอยู่บนห้องกว้างคนเดียว ความหนาวเหน็บเกาะกินทั้งผิวกายและใจอย่างเต็มรูปแบบ 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×