ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #21 : EPISODE 20

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 67


    EPISODE 20

    ตึง!

    ยังไม่ทันที่พวกเราจะก้าวเข้าไปในรถ หมาป่าขนสีน้ำตาลตัวใหญ่ก็กระโดดมาขวาง พร้อมกับตัวอื่นที่ค่อยๆ ย่างเท้ามาล้อมรอบพวกเรา

    “ถึงขนาดกล้าบุกมาทำร้ายพวกพ้องกู มึงคงไม่คิดว่ากูจะปล่อยให้เดินออกไปง่ายๆ นะ” คริสเดินแหวกออกมาท่ามกลางฝูงหมาป่า เขาจ้องมองฮารุโตะด้วยความเกรี้ยวกราด

    “ก็ถ้าหมาแถวนี้ไม่ถือดี อยากได้เมียชาวบ้านลูกน้องมันก็คงไม่โดนลูกหลงไปด้วย” ฮารุโตะกระตุกยิ้ม

    เหยียดสายตามองหมาป่าที่อยู่รอบตัวราวกับมองฝูงแมลงเล็กๆ ใบหน้าเขายังคงผ่อนคลาย ไม่มีเค้าความเกรงกลัวแม้แต่น้อย

    “จัดการพวกมันเลยมั้ยคุณชายโตะ” พี่ยูตะถามด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ก่อนจะหาวออกมาเล็กน้อย ส่วนพี่คราวน์ก็ยืนมองท้องฟ้ายิ้มๆ ไม่ได้สนใจหมาป่าพวกนี้เท่าไหร่

    “ไอ้คริสใจเย็น คืนนี้พวกเราเสียเปรียบ” พี่มิกซ์ที่ยังไม่กลายร่างเป็นหมาป่ารีบดึงไหล่คริสไว้

    “มึงจะให้พวกมันเอาตัวอันนาไปหรือไง!” แต่คริสดูเหมือนจะโกรธจัดจนไม่ฟังอะไร เขาปัดมือเพื่อนตัวเองออก ก่อนจะพุ่งเข้าหาฮารุโตะ!

    อั้ก! ทว่าร่างของคริสกับลอยกระเด็นออกไป อัดเข้ากับรถสปอร์ตคนหนึ่งอย่างแรง ฉันมองภาพตรงหน้าไม่อยากเชื่อสายตา ไม่คิดว่าการที่ฮารุโตะเตะแค่เพียงครั้งเดียวจะทำให้คริสหมดสภาพขนาดนี้ ที่สำคัญทำไมเขาถึงไม่กลายร่างล่ะ หมาป่าจะแกร่งเป็นเท่าตัวต่อเมื่อกลายร่าง ยิ่งถ้าต้องสู้กับแวมไพร์ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะใช้ร่างมนุษย์เข้าสู้

    “คริส! มึงใจเย็นก่อน” พี่มิกซ์วิ่งไปดูเพื่อนตัวเองที่ตอนนี้นอนกระอักเลือดออกมา

    “ถ้าพวกมึงยังไม่ล้มเลิกเรื่องอันนา กูจะให้คฤหาสน์หลังนี้ย้อมไปด้วยเลือดของพวกหมาป่า” ไม่พูดอย่างเดียวแต่ฮารุโตะยังสั่งให้พี่ยูตะ จัดการหมาป่าที่ยืนล้อมรอบพวกเราจนเลือดกระเซ็น ฉันกำแขนเสื้อฮารุโตะไว้แน่นไม่สามารถมองภาพโหดร้ายตรงหน้าได้

    “นายจะไม่ทำร้ายหมาป่าพวกนั้นฮารุโตะ” ฉันกลั้นใจพูดโดยที่ยังยืนก้มหน้า ไม่อยากให้คนพวกนี้ต้องเจ็บตัวเพราะตัวเอง

    “ไอ้คริสมันอยากได้เธอ! ฉันสมควรปล่อยมันไหม ที่ผ่านมาฉันพยายามผ่อนปรนตลอด ข่มใจไว้ไม่ให้บุกเข้ามากระทืบหมาพวกนี้ เพราะสัญญางี่เง่าระหว่างหมาป่ากับแวมไพร์”

    ฮารุโตะพูดออกมาราวกับคนฉุนขาด สายตาอันตรายของเขาตวัดมองไปที่หมาป่าตนอื่นอย่างเกรี้ยวกราด ฉันเริ่มตัวสั่น ครั้งไหนที่เขาแทนตัวว่า ฉัน-เธอ นั่นหมายความว่าเขากำลังโกรธและความอดทนกำลังหมด ไม่เหลือภาพของชายหนุ่มที่แสนอ่อนโยนอีกต่อไป

    “ฉันเลือกนาย ฉันจะไม่ไปไหน เพราะงั้นอย่าทำอะไรพวกเขาเลยนะ” พูดออกไปในที่สุด ยอมรับแต่โดยดีว่าฉันไม่สามารถหนีจากเขาได้

    “เธอสัญญาสิ” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

    “อื้อ ฉันสัญญา”

    บันทึกพิเศษ: ฮารุโตะ

    ผมมองร่างบางที่ยืนตัวสั่นอยู่ตรงหน้า น้ำใสไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย จนผมอดไม่ไหว ต้องยื่นมือไปช่วยเช็ด คำสัญญาที่อันนาเอ่ยเมื่อครู่ทำให้มุมปากที่มักจะเรียบตึงกระตุกยิ้มเล็กน้อย ไม่ว่าใครจะมองว่าผมสารเลวแค่ไหน ผมก็ยินดีอ้าแขนยอมรับคำประณามเหล่านั้น ขอเพียงแค่ได้อันนามาครอบครอง

    “กลับกันเถอะ” ผมหันไปบอกเพื่อนๆ ตัวเอง รู้ดีว่าพวกไอ้คริสไม่มีทางขัดขวางได้ ถามว่าทำไมถึงมั่นใจ ข้อแรก วันนี้พวกระดับสูงอย่างพวกมันไม่สามารถแปลงร่างได้ เนื่องจากผลข้างเคียงของยาที่พวกผมจงใจใส่ให้พวกมันกิน

    ข้อสอง วันนี้ไม่ใช่วันพระจันทร์เต็มดวง พละกำลังของหมาป่าจะอ่อนลงถึงครึ่งหนึ่ง ยิ่งอยู่ในช่วงใกล้จำศีล จึงเป็นเหตุผลที่พวกมันไม่กล้าออกตัวมาก แต่ไอ้คริสมันดันห้าวเกินคาด สภาพถึงได้เป็นอย่างตอนนี้

    ข้อสุดท้าย พวกหมาป่าไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่ผ่านมาอีกต่อไปแล้ว พวกมันอ่อนกำลังลงไปมาก เพราะไม่สามารถมีผู้นำที่แข็งแกร่งเหมือนรุ่นก่อนๆ ส่วนไอ้คริสผมยอมรับว่าแข็งแกร่งขึ้นมาหน่อย แต่มันก็เหมือนแค่ลูกหมาป่าที่ยังโตไม่เต็มวัย ขาดประสบการณ์

    อย่างที่บอกว่าผมสามารถถล่มพวกมันได้ง่ายๆ ถ้าไม่ติดสัญญาสงบศึก ถึงได้ต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ แบบนี้ เพื่อไม่ให้ข่าวการบุกตระกูลหมาป่ากระจาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนแผนจะพังไม่เป็นท่า

    “อันนา!” ผมชะงักเท้า มองไอ้คริสที่บังอาจเรียกชื่ออันนา อยากตรงเข้าไปจัดการฉีกทึ้งร่างนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ถ้าไม่ติดว่ามือบางกำลังรั้งแขนเสื้อไว้แน่น

    “เธอปกป้องมันเหรออันนา” ผมถาม ถ้าเป็นผมเธอจะยอมทำแบบนี้มั้ย หรือจะปล่อยให้ผมตาย

    “พวกเขาคอยดูแลฉันอย่างดี ฉันไม่อยากเห็นคนพวกนี้บาดเจ็บ ขอร้องล่ะฮารุโตะเราไปกันเถอะ” อันนากำลังร้องขอ เสียงที่เปล่งออกมาสั่นคล้ายจะร้องไห้

    “มึงได้ยินชัดแล้วนะไอ้คริส”

    ผมรวบตัวอันนาเข้ามากอดต่อหน้าไอ้คริส ส่งยิ้มเย้ยหยันออกไปให้ เพื่อแสดงให้รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของใครและมันไม่มีสิทธิ์แตะแม้เพียงปลายเล็บ ไอ้คริสเหมือนจะโต้ตอบ แต่เพื่อนของมันก็กระซิบคำพูดบางอย่างออกมา ทำให้มันได้แต่กัดฟันกรอด

    ผมพาอันนาเข้าไปในรถที่จัดเตรียมไว้ ไม่มีหมาป่าตนไหนกล้าขวางทางเรา พวกมันทำได้แค่ส่งสายตาอาฆาตมาให้ หึ! ก็ทำได้แค่นั้น

    “ไอ้คราวน์มึงมาขับ” ผมเอ่ย พร้อมกับเข้าไปนั่งข้างอันนา รถพังไปแล้วคันหนึ่ง เพราะงั้นพวกผมจึงต้องนั่งคันเดียวกันอย่างช่วยไม่ได้ ส่วนยูตะมันขยับห่างอันนาจนติดกับประตูรถ คงเพราะความหอมผิดปกติที่แผ่ออกมาโดยเจ้าตัวไม่รู้ตัว

    “ไหวไหมครับอัน” ผมเอื้อมไปเช็ดหยาดเหงื่อเล็กๆ ที่ผุดขึ้นบริเวณใบหน้า เธอดูอ่อนแรงยังไงชอบกล หรือจะเป็นเพราะเรื่องนั้น?

    “คราวน์มึงไม่ต้องขับเร็วนะ เรื่อยๆ พอ เดี๋ยวลูกกูตกใจ”

    “เออ! ห๊ะ! ตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะงี้มึงถึงเปลี่ยนแผนเหรอวะ” ไอ้คราวน์พูดขึ้นด้วยสีหน้าตื่นๆ ส่วนไอ้ยูตะถึงกับเบิกตากว้าง มองอันนาที่เริ่มทำตัวไม่ถูก เธอมองผมด้วยท่าทางอึกอัก คล้ายกับต้องการความช่วยเหลือ ผมยิ้มน้อยๆ อดไม่ได้ที่จะลูบผมคนตรงหน้า

    จบบันทึกพิเศษ:ฮารุโตะ

    หลังจากฮารุโตะเอ่ยประโยคนั้นจบ พี่คราวน์ก็เริ่มส่งเสียงแซว ฉันทำตัวไม่ถูกจึงส่งสายตาเพื่อขอความช่วยเหลือ ทว่าแววตาที่แสนอ่อนโยนของเขาก็ทำให้ฉันชะงัก ความรู้สึกอุ่นวาบ แพร่เข้ามาในทรวงอก ทำให้รู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก ทั้งที่ก่อนหน้งยังกังวลเรื่องตัวเองท้องอยู่เลย

    “พวกมึงเลิกจ้องอันนาของกูได้แล้ว” ฮารุโตะปรามเพื่อน น้ำเสียงแอบหงุดหงิดเล็กน้อย

    “เออค้าบ กูรู้ว่าหวง มองนิดหน่อยไม่สึกหรอก” พี่คราวน์ตอบกลับกวนๆ

    “แน่มากครับ คุณชายโตะ” พี่ยูตะยกนิ้วโป้งให้ฮารุโตะ ดวงตาเป็นประกายของเขาดูเลื่อมใสจริงๆ นี่เขาหมายถึงเรื่องอะไรเนี่ย

    “มึงทำท่าไหนวะถึงเสกเด็กเข้าท้องน้องอันนาได้ เปอร์เซ็นต์ที่มนุษย์กับแวมไพร์จะมีลูกด้วยกันโคตรต่ำ” พี่คราวน์พูดต่อ เขาดูเหมือนไม่ค่อยอยากเชื่อ

    “เสือก! ของแบบนี้มันอยู่ที่พรสวรรค์ว่ะ”

    ฮารุโตะตอบ เขายักคิ้วกวนไปให้เพื่อนของตัวเอง สีหน้าท่าทางดูมั่นมาก มันใช่เรื่องที่ควรเอามาอวดมั้ย ถึงอย่างนั้นฉันก็อดยิ้มไม่ได้ บรรยากาศไม่ได้ตึงเครียดอย่างที่คิด ทุกคนผ่อนคลาย คุยหยอกล้อสนุกสนาน

    ฉันละสายตาจากฮารุโตะกับเพื่อนเขา มองไปนอกรถแทน ได้แต่หวังว่าคริสกับคนในคฤหาสน์จะไม่เป็นไรมาก ถ้ารู้ว่าเรื่องทุกอย่างจะลงเอยแบบนี้ ฉันคงไม่หนีมาพร้อมขนมเทียนในวันนั้น แต่นั่นแหละเพราะไม่รู้ว่าฮารุโตะจะหาฉันได้ไวขนาดนี้ เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะท้อง

    “เราจะไปไหนกันเหรอฮารุโตะ” ฉันถาม เนื่องจากไม่คุ้นกับเส้นทาง

    “คฤหาสน์ของพวกแวมไพร์ครับ” ฮารุโตะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ฉันนิ่งไปเล็กน้อย นึกว่าจะตรงไปมหาลัยเสียอีก พวกแวมไพร์ไม่ได้รวมตัวอยู่นั่นหมดเหรอ? เมืองนี้มีแวมไพร์มากแค่ไหนกัน

    “ช่วงนี้เราคงกลับไปเรียนไม่ได้ง่ายๆ อย่างน้อยก็ตอนนี้”

    “ทำไมล่ะฮารุโตะ” ผ่านมา 2 เดือนแล้วนะ เกมที่ว่าน่าจะจบลงได้แล้ว ชีวิตอันแสนปกติของฉันควรกลับมาสิ ไม่ใช่เจอแต่อะไรไม่รู้

    “เพราะลูกของเราเหรอ” เงียบไปสักพักฉันจึงเอ่ยถาม เกือบลืมไปเลยว่าฉันไม่ได้ตัวคนเดียว คงกลับไปเรียนหรือเจอเพื่อนคนอื่นไม่ได้ แม้จะไม่ได้ตั้งใจให้สิ่งมีชีวิตเล็กๆ นี้เกิดขึ้น แต่ฉันก็ทำใจร้ายใส่เด็กน้อยบริสุทธิ์ไม่ลงหรอก

    “ไม่ใช่แค่นั้นหรอกอันนา” ฮารุโตะเอ่ยเสียงเรียบ เลื่อนมาโอบไหล่

    “ตอนนี้มันเลยคำว่าเกมไปแล้ว หลังจากที่น้องอันนาโดนลักพาตัว ภายในวุ่นวาย ทุกคนต่างอยากครอบครองดอกไม้ อยากขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด เลยกลายเป็นสงครามย่อมๆ ราชินีเองก็ไม่ได้ห้ามปรามปล่อยให้พวกมันทำตามใจตัวเอง”

    “หมายความว่าพวกมันไม่ได้สนกติกาอีกแล้ว” ฮารุโตะเสริมเมื่อเห็นสีหน้าฉัน

    “ถ้างั้นไปอยู่คฤหาสน์ของแวมไพร์จะไม่ยิ่งแย่เหรอ ที่นั่นมีแต่แวมไพร์นี่” ถามด้วยความไม่แน่ใจ ถ้าจะหนีก็ต้องไปในที่ที่ไม่มีพวกนั้นสิ

    “ที่นั่นไม่ได้มีแค่คนในตระกูล แต่ยังมีพวกอาวุโสชนชั้นสูง และราชินี ยังไงก็ไม่มีทางลงมือโจ่งแจ้ง เพราะยังไงพวกมันก็ต้องเกรงกลัวกฎของคฤหาสน์ แถมที่นั่นมีหมอฝีมือดีๆ เยอะ ผมไม่อยากให้เธอเสี่ยง รู้ใช่ไหมว่าผมหมายถึงอะไร”

    ฮารุโตะสบตากับฉัน สายตาคู่นั้นสื่อชัดเจนว่าเขาห่วงฉันและลูกในท้องมากแค่ไหน เขาพยายามดำเนินแผนการโดยไม่ให้กระทบกับฉันมากที่สุด

    @คฤหาสน์แวมไพร์

    หัวใจฉันกำลังเต้นแรงและเร็ว มองคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้า ความกว้างและใหญ่ของมันไม่ได้น่าตกใจเท่าไหร่ เพราะฉันก็เดาไว้แล้ว ทว่าบรรยากาศเย็นยะเยือกรอบตัว ทำให้รู้สึกประหม่าอย่างช่วยไม่ได้ ด้านในเต็มไปด้วยเหล่าแวมไพร์พูดคุยกันสนุกสนาน มือของทุกคนต่างถือแก้วแชมเปญ อาหารมากมายถูกจัดเรียงอย่างสวยงาม

    “พวกแก่ๆ ยังเหมือนเดิมเลยแฮะ จัดงานเลี้ยงได้ทุกวัน” ฮารุโตะแค่นหัวเราะ มองภาพตรงหน้าราวกับเรื่องปกติ เขาอุ้มฉันตัวลอย ก่อนจะสาวเท้าไปทางบันไดฝั่งหนึ่งที่มีสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ส่วนพี่ยูตะกับพี่คราวน์ก็ตามมาติดๆ สองคนนี้ดูชินกับการกระทำของฮารุโตะ ถึงได้มีสีหน้าเรียบเฉย

    “ทำอะไรของนายเนี่ย” ฉันกระซิบถาม ยังไงก็ไม่มีทางชิน

    “อุ้มไงครับ ให้เดินเองกว่าจะถึง” ฮารุโตะตอบ เขามองฉันประมาณว่า 'เธองงอะไร’

    “วางฉันลงเถอะ เรากำลังถูกมองนะ” ฉันเอ่ยพร้อมกับมองรอบๆ สายตานับสิบคู่ต่างจับจ้องมาที่เราเสียงพูดคุยเริ่มเบาลง จนกลายเป็นเงียบสนิท

    “ช่างสิ ผมถูกมองบ่อยอยู่แล้ว” ฮารุโตะไหวไหล่นิดๆ เขากระชับอ้อมแขนแน่น ก้าวขึ้นบันไดโดยไม่สนใจเหล่าแวมไพร์ ทว่าน้ำเสียงทรงอำนาจของหญิงคนหนึ่งก็ดังขึ้นก่อน

    “กลับมาได้แล้วเหรอฮารุโตะ”

    ฉันมองไปที่ผู้หญิงคนดังกล่าว ทันทีที่เธอเอ่ยเหล่าแวมไพร์ต่างก็ถอยหลังไปคนละก้าว สายตาดุจเหยี่ยวมองฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะเลื่อนไปหาฮารุโตะที่ยืนทำหน้าเซ็งโดยไม่คิดปิดบัง

    “ครับ ผมกับอันนาจะอยู่ที่นี่สักพัก ท่านไม่ต้องห่วง รับรองว่าไม่นานแน่ๆ”

    “แม่ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ลูกจะอยู่นานแค่ไหนก็ได้”

    “หึ! ช่างเป็นพระคุณ แต่ผมคงรับไว้ไม่ได้ เก็บคำพูดนี้ไว้พูดกับลูกชายสุดที่รักของท่านเถอะ” เอ่ยจบฮารุโตะก็เดินออกมา ริมฝีปากแดงสดคล้ายจะพูดรั้งฮารุโตะ แต่สุดท้ายก็เลือกจะเงียบ เธอเหลือบมองฉัน สายตาแสดงออกชัดเจนว่าไม่พอใจ

    ฉันสะดุ้งเล็กน้อยให้กับสายตาคู่นั้น ก่อนจะก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาตรงๆ รู้สึกได้ถึงความกดดันที่ยังคงแผ่ซ่านออกมาอย่างไม่ลดละ

    “ไม่เป็นไรแล้วครับ ผมอยู่ตรงนี้เธอจะไม่เป็นไร” ฮารุโตะพูดปลอบ น้ำเสียงอบอุ่นของเขาราวกับยาวิเศษ ร่างกายฉันค่อยๆ หยุดสั่น จนนิ่งสงบในที่สุด

    “ฮารุโตะ ผู้หญิงคนนั้น…” ฉันเกริ่น ลอบมองปฏิกิริยาของคนตรงหน้า อยากรู้ว่าเขาจะยอมเล่าไหม หญิงสาวก่อนหน้าดูมีราศีจนน่าหวาดหวั่น

    “อ้อ ราชินีน่ะ และใช่เธอคือแม่ของพวกผม”

    “พวกนาย? ” ฉันถามย้ำ ไม่ค่อยเข้าใจคำพูดเขาเท่าไหร่ หมายถึงแม่ของแวมไพร์งั้นเหรอ? ฉันมองไปที่พี่คราวน์กับพี่ยูตะ ต้องการความช่วยเหลือด่วนๆ

    “ราชินีคือแม่แท้ๆ ของไอ้โตะครับน้องอันนา แล้วเธอก็ยังเป็นแม่ของผู้นำตระกูลอื่นด้วย” พี่คราวน์อธิบาย ฉันพยักหน้าน้อยๆ สรุปราชินีมีลูกชาย 6 คน ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงพาฉันมาคฤหาสน์แวมไพร์ ที่แท้เป็นเพราะเขามีอำนาจมากนี่เอง

    “นายดูเหมือนจะไม่ชอบเธอนะ” ฉันถามเอียงคอมอง เห็นชัดเจนว่าฮารุโตะแทบไม่อยากมองหน้าหรือสนทนาใดๆ กับผู้เป็นแม่

    “ผู้หญิงคนนั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ไอ้วิน ลอบเข้ามาลักพาตัวอันนาได้” ฮารุโตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงโกรธๆ ฉันเหล่มองพี่ยูตะ เห็นว่าเขาเอาแต่พยักหน้ารัว

    “ถ้างั้นพวกกูไปก่อนนะมึง ไอ้ยูตะดูเหมือนจะทนไม่ไหวแล้ว” พี่คราวน์เอ่ย รอยยิ้มเขาดูมีเลศนัย อ้อ! ตอนนี้เรามาถึงชั้นของฮารุโตะแล้ว อย่างที่คิดค่ะ หมอนี่อยู่ชั้นบนสุด ดูท่าพวกผู้นำจะชอบที่สูงๆ นะ ทั้งหมาป่าและแวมไพร์เหมือนกันเดะ

    “ทำไม? ยูตะมันโดนเล่นงานมาเหรอวะ” ร่างสูงถาม สีหน้าเขาดูไม่ค่อยเชื่อ แต่พอจะหันไปถาม เจ้าตัวก็หายไปซะแล้ว เหลือพี่คราวน์ที่ยืนกลั้นหัวเราะ

    “เหี้ยไรของมันเนี่ย” ฮารุโตะพึมพำ

    “เอาน่า มันแค่รีบกลับไปกอดเมีย”

    “กูนึกว่าอะไร” ร่างสูงถอนหายใจ เห็นแบบนี้เขาก็แอบเป็นห่วงเพื่อนเหมือนกันแฮะ ว่าแต่ 'เมีย’ ที่พูดถึงหมายถึงลูกตาลใช่ไหม ฉันรีบหันไปมองฮารุโตะด้วยสายตาเป็นประกาย ทำเอาเขาอึ้งไปสักพัก ก่อนจะเผยรอยยิ้มอ่อนโยน

    “ครับ เด็กคนนั้นก็อยู่ที่นี่ พรุ่งนี้อันนาจะไปเล่นด้วยก็ได้นะ” ฮารุโตะเอ่ย ยอมวางตัวฉันลงในที่สุด ทำไมรู้สึกว่าคำพูดเมื่อกี้มันแปลกๆ

    “นายคิดว่าฉันเป็นเด็กหรือไง เหอะ!” ฉันมองร่างสูงที่ยืนกลั้นยิ้ม เขากำลังแกล้งฉันอยู่ชัดๆ ไปอัพสกิลความทะเล้นมาตอนไหนกัน

    “ถ้างั้นกูไปก่อนนะ เชิญหวานกันให้พอใจเลย” พี่คราวน์เอ่ยขึ้น เขาผายมือสองข้าง เพื่อบอกเป็นนัยว่าเอาเลยตามสบาย ฮารุโตะที่หันดังนั้นจึงสะบัดมือไล่

    “อ้าว ไปไหนอันนา งอนเหรอครับ” เขาถาม เมื่อเห็นฉันเดินหลบเข้าไปในห้อง แน่นอนว่าฉันไม่ตอบเมินหน้าไปทางอื่นแทน ขอแกล้งสักหน่อย

    “อันนาครับผมขอโทษนะ” ฉันเหลือบมองเล็กน้อย น้ำเสียงหงอยๆ นั่นทำเอากลั้นยิ้มไม่อยู่ “ฮั่นแน่! ยิ้มแล้ว” เขาพูดต่อเมื่อเห็นปฏิกิริยาของฉัน นิ้วชี้เลื่อนไปจักจี้เอวฉันจนดิ้นไปมา

    “พอแล้ว ฉันบ้าจี้” ไม่พูดอย่างเดียว ยังลุกขึ้นหนีฝ่ามือหนาที่คอยแต่จะเลื่อนมาโอบเอว

    “ครับๆ ไม่จักจี้แล้ว แต่ขอผมกอดหน่อยนะ” ไม่รอให้ฉันตอบตกลง ฮารุโตะดึงฉันไปกอดจากด้านหลัง เขาเกยคางไว้กับไหล่ฉัน มือหนาลูบที่หน้าท้องแบนราบเบาๆ สัมผัสได้ถึงความโหยหา และคิดถึงจากการกระทำของเขา

    ตึกตัก! ตึกตัก!

    อ่า…เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะ ที่ฉันใจเต้นเพราะฮารุโตะ มันน่าแปลกเพราฉันดันรู้สึกเช่นเดียวกับเขา อยากซึมซับความอบอุ่นนี้ให้นานที่สุด

    “ขอโทษจริงๆ นะครับ ที่รักษาสัญญาไว้ไม่ได้” หมายความว่ายังไง ฉันเอียงหน้ามองร่างสูงด้วยความไม่เข้าใจ ทำให้เขายิ้มมุมปากออกมานิดๆ

    “สัญญาที่ว่าจะพาไปทะเลไงครับ อันนายังไม่เคยเที่ยวแบบจริงจังเลยไม่ใช่เหรอ ขอโทษนะที่ทำกับเธอเหมือนนักโทษ อึดอัดมากเลยใช่ไหม” สิ้นเสียงของฮารุโตะฉันไม่ได้ปฏิเสธ จริงอย่างที่เขาพูด ฉันไม่ชอบเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ มันจำกัดอิสรภาพกันเกินไป

    “อดทนขนาดนี้แล้ว อดทนอีกสักนิดคงไม่เป็นไร” เอ่ยออกมายิ้มๆ ฮารุโตะทำเพื่อปกป้องฉันมาตลอด จะยอมเชื่อฟังโดยดีแล้วกัน จากที่คิดทบทวนการอยู่กับเขาไม่ได้แย่อะไร แถมเจ้าตัวดูจะยอมรับความคิดเห็นฉันบ้างแล้ว ไม่ได้เอะอะบังคับเหมือนเมื่อก่อน

    “จริงเหรอครับ! เธอยอมรับผมบ้างแล้วสินะ” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเอ่ย เขารวบตัวฉันให้หันไปหา จุมพิตลงหน้าผากแผ่วเบา

    “ผมรักอันนานะ” 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×