ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #18 : EPISODE 17

    • อัปเดตล่าสุด 8 เม.ย. 67


    EPISODE 17

    @วันสุดท้ายของเกม

    ตูม! โครม!

    ฉันลืมตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงดังสนั่น รู้สึกว่าพื้นกำลังสั่น เริ่มแล้วสินะ การโต้กลับของฝ่ายตรงข้าม เสียงปะทะกันยังดังขึ้นเรื่อยๆ

    และดูจะรุนแรงกว่าทุกครั้ง ฉันนั่งกอดเข่าบนเตียง เงยมองเพดานสั่นไปมาคล้ายจะถล่มลงมา

    ปัง! “อันนา เราต้องไปกันแล้ว”

    เป็นวินที่เปิดประตูเข้ามา เขาคว้าแขนฉันให้เดินตาม ดูร้อนรนอย่างเห็นได้ชัด ด้านนอกมีสมุนแวมไพร์ 4 คน กำลังยืนรอพวกเรา สีหน้าทุกคนดูแตกตื่น

    “จะพาฉันไปไหน”

    “ไปจากมหาลัย หมดเวลาของเกมนี้แล้ว”

    ฉันขืนตัวไว้ทันที ส่งผลให้วินชะงัก เนื่องจากเขาไม่ได้ออกแรงดึงแขนฉัน ไม่จริงใช่ไหม เกมจบแล้วเหรอ ถ้างั้นก็หมายความว่าฉันต้องตกเป็นของวินใช่ไหม

    “อันนาเราต้องไปแล้ว” วินบอกเสียงเข้ม เขาออกแรงดึงฉันให้เดินตาม

    “ไม่เอา ฉันจะไม่ไปกับนาย!” พยายามขืนตัวไว้แน่นไม่ยอมเดินตามง่ายๆ ส่งผลให้วินเริ่มชักสีหน้าหงุดหงิด ก่อนที่เขาจะอุ้มฉันจนตัวลอย

    “ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้ ปล่อยสิ!” หลังโดนอุ้มฉันก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์ ดิ้นไปมา จิกทึ้งเล็บใส่ทั้งใบหน้าและหัวของวินอย่างไม่ลดละ ไม่ยอมเด็ดขาด!

    “อันนาตอนนี้ไม่ใช่เวลามาทำตัวงี่เง่า อย่าให้ฉันต้องใช้กำลังกับเธอเลย” วินปัดมือฉันออก เขากำลังโมโห สายตาเริ่มเย็นชาบ่งบอกถึงความอันตรายที่กำลังตามมา ตัวฉันเริ่มสั่นทั้งกลัวและโกรธที่ถูกร่างสูงต่อว่า แค่ปล่อยฉันไปมันจะตายหรือไง

    “อ๊ากก!”

    เสียงร้องของสมุนแวมไพร์ดังขึ้น วินที่กำลังก้าวฉับอยู่หยุดเดินทันที แวมไพร์ที่เดินตามหลังเรา ถูกกัดเข้าที่ใบหน้า ก่อนจะโดนสะบัดเหวี่ยงไปกระแทกกับผนังกำแพง หมาป่าสีดำค่อยๆ ย่างเท้าออกมา สายตาของนักล่าจับจ้องมาที่พวกเรา คมเขี้ยวแหลมมีเลือดสดติดอยู่

    “วิน นั่นมัน” ฉันสะกิดคนตรงหน้า หมาป่าอีก 5-6 ตัวกำลังเยื้องย่างมาทางเราเรื่อยๆ พวกมันไม่ได้จู่โจมทันที แต่กำลังเดินวนอยู่รอบๆ คล้ายต้องการหยั่งเชิง

    “พวกมันเป็นมนุษย์หมาป่า ปกติไม่ยุ่งเกี่ยวกันอยู่แล้ว ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น อยู่ๆ ถึงได้โผล่เข้ามา” วินอธิบายวางตัวฉันลง พร้อมกับบังฉันไว้จนมิด

    สถานการณ์ตอนนี้เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่แวมไพร์มีอยู่ 4 โดนจัดการไป 1 พวกหมาป่ามีอยู่เกือบ 10 ตัว ไม่นานหนึ่งในนั้นก็หอนออกมา ทำให้ตัวที่เหลือเริ่มบุกโจมตีพวกเรา

    ฉันมองภาพตรงหน้าด้วยความตะลึง ไม่คิดว่าหมาป่าพวกนี้จะตัวใหญ่ขนาดนี้ พวกมันกำลังรุมทึ้งแวมไพร์คนอื่นและวิน ด้วยจำนวนที่มากกว่า ทำให้วินต่อสู้ลำบาก

    ฉันมองภาพตรงหน้าอย่างทำอะไรไม่ถูก โชคดีที่ไม่มีหมาป่าตัวไหนเข้ามาจู่โจม รู้สึกว่าขาหนักอึ้งจนไม่สามารถขยับไปไหน ฉันต้องใช้โอกาสนี้หนีสิ ไม่ใช่ยืนตัวสั่นอยู่แบบนี้

    “อันนามาทางนี้!” เสียงห้าวของผู้หญิงคนหนึ่งเรียกชื่อฉัน

    “ขนมเทียน? ” ฉันมองไปที่ร่างบางอย่างไม่เข้าใจ แต่ก็ยอมเดินไปหาเธอ ตอนนี้ขนมเทียนกำลังยืนแอบอยู่หลังกระถางต้นไม้ขนาดเท่าลำตัว เหมือนว่าแวมไพร์ในหอนี้จะชอบต้นไม้มาก ถึงได้ปลูกเต็มทางเดิน

    “เกิดอะไรขึ้น เธอมาอยู่นี่ได้ยังไง” ฉันถาม หลังจากวิ่งมาถึงจุดที่ขนมเทียนยืนอยู่

    “เรื่องมันยาวอ่ะ ฉันก็งงๆ อยู่เหมือนกัน ไว้ค่อยเล่าทีหลังนะ ตอนนี้เราหนีก่อนเถอะ”

    ฉันพยักหน้าเข้าใจ สถานการณ์ตอนนี้คงไม่เหมาะอย่างที่เจ้าตัวว่า ท่ามกลางความวุ่นวายขนมเทียนเริ่มผิวปาก ไม่นานหมาป่าขนสีเงินก็กระโดดมาอยู่ตรงหน้าเราทั้งคู่ ฉันสะดุ้งเฮือก ถอยหลังทันที “ไม่เป็นไรอันนา นี่คริสเพื่อนฉันเอง”

    ขนมเทียนจับแขนฉันไว้ ก่อนจะเตลิดมากไปกว่านี้ เธอแนะนำหมาป่าตรงหน้า นัยน์ตาสีฟ้าอ่อนจ้องฉันตาเป็นประกายคล้ายดีใจ ชื่อคุ้นๆ แฮะ

    “คนเดียวกับที่ส่งข้อความหาฉันทางหน้าต่างหรือเปล่า” ถามกลับด้วยความไม่แน่ใจ

    “ใช่ ฉันเป็นคนให้คริสบอกเธอล่วงหน้าเองว่าจะไปช่วย กรี๊ดดด!” ขนมเทียนร้องเสียงหลง เมื่อมีก้อนอิฐลอยเฉี่ยวหัวเธอไปเมื่อกี้ โชคดีหมาป่าชื่อคริสใช้เท้าเตะมันไปทางอื่นก่อน ฉันหันไปมองก็พบว่าเป็นวินที่ขว้างมันมา และเขากำลังตรงมาหาฉัน

    “หนีก่อนเถอะฉันว่า” พูดจบขนมเทียนก็รีบปีนขึ้นหลังของหมาป่าขนสีเงิน มือเล็กยื่นมาหาฉันเพื่อให้จับเอาไว้ คริสเองก็หมอบตัวลงเพื่อให้ปีนได้ง่ายเนื่องจากเขาค่อนข้างตัวใหญ่

    ขณะที่กำลังปีนขึ้น หางตาฉันก็เหลือบเห็นร่างสูงแสนคุ้นตา เขาวิ่งเข้ามาในตึก กวาดสายตาไปทั่วราวกับกำลังตามหาใครสักคน กระทั่งเราทั้งคู่สบตากัน ฮารุโตะถึงได้เปลี่ยนทิศวิ่งมาทางนี้ สีหน้าเขาดูแตกตื่นเมื่อเห็นฉันอยู่บนตัวหมาป่า

    “อันนา!”

    ฮารุโตะร้องตะโกน ฝูงหมาป่าที่วินใช้กำลังต่อสู้อย่างยากลำบาก ตอนนี้กลับถูกฮารุโตะจัดการจนเกือบหมด เพียงไม่กี่ก้าวเขาก็จะสามารถมาถึงตัวฉัน

    “ซวยแล้ว ซวยมากๆ เจอใครไม่เจอดันมาเจอฮารุโตะ”

    ขนมเทียนเริ่มรน เธอสั่งให้คริสออกวิ่งทันทีเมื่อฉันขึ้นมาเรียบร้อย ความเร็วนั้นทำให้ฉันต้องหาที่เกาะไว้ สายตาก็มองไปที่ฮารุโตะ เขายังตามมาอย่างไม่ลดละ และมันก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

    “กระโดดลงมาอันนา” ฮารุโตะตะโกน ซึ่งฉันส่ายหน้าทันที จะบ้าเหรอ ร่วงลงไปมีสิทธิ์คอหักได้เลยนะ

    “ผมจะรับเธอไว้เอง อันนาจะไม่เป็นไร” เขายังคงพูดต่อเมื่อเห็นท่าทางของฉัน

    “ไม่ได้นะ! เธอจะกลับไปอยู่กับแวมไพร์พวกนี้อีกเหรอ”

    “ขนมเทียนฉัน…” พูดไม่ออก ถูกของเธอ ฉันต้องการหนีจากฮารุโตะมาตลอด ถ้างั้นนี่ก็เป็นโอกาสแล้วใช่ไหม ถ้าหากว่าหนีรอดออกไปได้ จะได้ใช้ชีวิตธรรมดาไม่ต้องคอยกังวลว่าฮารุโตะจะทำเรื่องแปลกๆ กับตัวเอง

    “ที่พวกเราบุกมาถึงนี่ก็เพื่อช่วยเธอนะอันนา”

    ฉันมองไปที่ฮารุโตะ เขาพยายามวิ่งตาม โดยไม่สนว่าตัวเองกำลังบาดเจ็บ แขนขวาชุ่มไปด้วยเลือดสีแดง ตามตัวมีแต่รอยบาดแผล ถึงจะเริ่มหายเป็นปกติ แต่ก็เกิดรอยใหม่ขึ้นซ้ำๆ เพราะรอบตัวในตอนนี้ มีฝูงหมาป่ารายล้อมอยู่เต็มไปหมด ข้างนอกดูวุ่นวายกว่าในหอมาก คล้ายกับสงครามของแวมไพร์กับหมาป่ายังไงอย่างงั้น

    “อันนาครับ ส่งมือมา ไม่ต้องห่วงนะเธอจะไม่เป็นไร เชื่อผม”

    ฉันมองมือฮารุโตะที่ยื่นออกมา เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถคว้าตัวฉันไว้ได้

    “ขอโทษนะ แต่ฉันคงไม่สามารถไปกับนายได้” เอ่ยออกไป ก่อนที่ฉันจะเบือนหน้าหนี เสี้ยววินาทีนั้นนัยน์ตาของฮารุโตะกำลังสั่นไหว สีหน้าที่ทั้งเจ็บปวดและเสียใจทำให้ไม่สามารถสบตากับเขาได้ตรงๆ แต่นี่เป็นโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ฉันหลุดพ้น

    ตู้ม!

    “ขนมเทียนเธอปาอะไรใส่ฮารุโตะ!” ฉันถามเมื่อเห็นควันสีขาวลอยฟุ้งเต็มอากาศ

    “ลูกบอลอัมพาตน่ะ ไม่ถึงตายหรอก แค่ขยับตัวไม่ได้ชั่วคราว ฉันพึ่งหัดทำคงมีฤทธิ์อยู่ได้แค่ 5-10 นาที” ขนมเทียนอธิบาย ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จะไม่เป็นไรจริงเหรอ เกิดศัตรูเขาโผล่มาตอนนี้ฮารุโตะไม่โดนเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียวหรือไง ไหนจะพวกหมาป่า

    “ขยับตัวไม่ได้แบบนี้ ฮารุโตะจะไม่โดนฝ่ายตรงข้ามทำร้ายเหรอ? ” เอ่ยออกไปอย่างที่คิด

    “มะ ไม่หรอก เพื่อนเขามาแล้ว”

    ขนมเทียนตอบกลับ น้ำเสียงเธอดูสั่นยังไงชอบกล ฉันเพ่งสายตามองกลับไป ถึงจะไม่ชัดมาก แต่เส้นผมสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์ก็ทำให้รู้ทันทีว่าเขาเป็นใคร พี่เบย์กำลังพยุงฮารุโตะออกมา ดวงตาสีเข้มจ้องมองมาที่พวกเรา เขายกมือขึ้นชี้พร้อมกับทำท่าเฉือนคอตัวเอง เป็นอันรู้กันว่าอีกไม่นานเขาจะต้องมาเอาคืนที่ทำให้เพื่อนและหัวหน้าเขาต้องเป็นแบบนี้

    ฉันและขนมเทียนได้แต่กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก นี่ไม่ใช่เกมเล่นๆ อย่างที่ผ่านมาแล้ว พวกเราโดนหมายหัวเป็นที่เรียบร้อย

    “ถือเป็นอันเสร็จภารกิจแล้วใช่ไหมคริส” ขนมเทียนถอนหายใจพลางหันไปถามคริส เขาส่งเสียงครางหงิงออกมาคล้ายเป็นการตอบคำถาม ดังนั้นขนมเทียนจึงหยิบสร้อยที่ห้อยอยู่บนคอตัวเองขึ้นมา สร้อยเส้นนั้นมีนกหวีดสีฟ้าแขวนอยู่ด้วย

    วี๊ด~

    “เธอเป่ามันทำไมเหรอขนมเทียน” ฉันถามเมื่อเห็นว่าร่างบางเป่านกหวีดติดๆ กันถึงสามครั้ง

    “เรียกให้ถอนกำลังน่ะ ตอนนี้พวกเราบรรลุเป้าหมายแล้ว” ขนมเทียนพูดจบ คริสก็ออกวิ่งอีกครั้ง ฉันไม่รู้ว่าเรากำลังจะไปที่ไหน เพราะแถวที่พวกเราวิ่งมามีแต่ป่าไม้เต็มไปหมด หรือนี่จะเป็นสวนในมหาลัยที่เขาว่ากัน ข้างหน้านั่นมีประตูไม้เก่าด้วย

    “ออกจากประตูได้ ก็เป็นโลกภายนอกแล้ว ฮึบ!” ขนมเทียนกระโดดลงจากหลังคริส พร้อมกับส่งมือให้ฉันจับไว้ ขนาดคริสย่อตัวแล้วนะยังสูงอยู่เลย

    “ระวังนะอันนา ค่อยๆ ลง”

    “อื้อ ขอบใจนะ แล้วคริสล่ะจะไปยังไง”

    ก็นะ ประตูมันเล็กกว่าตัวเขาค่อนข้างมาก…เอ่อ…ดูเหมือนฉันจะกังวลมากไป ตอนนี้คริสกลายสภาพเป็นมนุษย์คนหนึ่งแล้ว รูปร่างสมส่วน เส้นผมสีเงินนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนดูดีกว่าที่คิด และคงจะดีมากกว่านี้ถ้าเขาสวมเสื้อผ้า ไม่ใช่มายืนโป๊แบบนี้

    “ถ้าจะคืนร่างเป็นมนุษย์ก็ช่วยให้สัญญาณหน่อยเหอะ เห็นไหมอันนาตกใจจนแทบช๊อค”

    “อ่อ…ขอโทษนะอันนา” ฉันที่ยืนหันหลังให้คริสโบกมือไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นไร

    “เอ้า! เสื้อผ้านาย เปลี่ยนให้เรียบร้อย”

    ขนมเทียนคว้าแขนฉันไปกอด พร้อมกับเดินไปที่ประตูตรงหน้า เป็นอย่างที่พูดจริงๆ หลังจากที่เราพ้นประตูบานนั้นออกมาข้างนอก แดดจ้าที่ร้อนอย่างกับตู้ไมโครเวฟก็ปะทะผิวกายทันที ต้องแบบนี้สิถึงเป็นประเทศไทย เหอะๆ

    “ขึ้นรถกันเถอะอันนา ฉันร้อนจะตายอยู่แล้ว” พูดจบขนมเทียนก็ตรงไปที่รถคนหนึ่งที่จอดรออยู่ข้างๆ เหมือนกับว่ามันถูกจอดรอไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะ

    “ขอโทษนะอันนา”

    “เรื่องอะไรเหรอ” ฉันถาม รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของขนมเทียนดูเศร้ากะทันหัน ใบหน้าที่เคยสดใสเริ่มตึงเครียด เสียจนอดหวั่นใจไม่ได้ อย่างกับคนที่กำลังจะร้องไห้ได้ทุกเวลา

    “ที่เอาแต่คอยเชียร์ ทำหน้าที่เป็นกามเทพ ทั้งที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยว่าเป็นการทำร้ายเธอ ทำร้ายเพื่อนและครอบครัวของตัวเอง” พูดจบร่างบางก็ยกมือขึ้นปิดหน้า เสียงสะอื้นนั้นทำให้ฉันต้องเลื่อนตัวไปกอดปลอบ เมื่อกี้ขนมเทียนว่าฉันเป็นครอบครัวเหรอ?

    “ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอก็ไม่ได้ทิ้งฉัน เธอกลับมาช่วยฉันไม่ใช่เหรอ”

    “ฮื่อ ขอโทษนะอันนะ”

    “ไม่เป็นไรๆ แต่ที่บอกว่าฉันเป็นครอบครัวนี่คือ? ”

    “เธอเป็นญาติของขนมเทียนไง”

    ฉันสะดุ้งเล็กน้อย เป็นคริสที่เอ่ยประโยคนั้น เขาเดินเข้ามานั่งฝั่งคนขับ พยักหน้าสองทีเพื่อยืนยันในสิ่งที่พูด ฉันสบตากับขนมเทียน เธอหยิบทิชชูในรถมาเช็ดคราบน้ำตาตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าด้วยอีกคน

    “ที่จริงฉันก็พึ่งรู้ว่าเราเป็นญาติกัน จากคุณย่าน่ะ แล้วก็พึ่งรู้ด้วยว่าโลกเรามีอะไรแปลกๆ อย่างแวมไพร์ มนุษย์หมาป่า แล้วก็แม่มดอยู่จริงๆ”

    “หมายความว่าเธอก็เป็น…”

    “ใช่ ฉันเป็นแม่มดแถมเป็นตัวตนที่ถูกตามล่ามาตลอดจนเกือบสูญพันธุ์ แย่สุดๆ เลยให้ตายสิ! ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตได้อีกกี่ปี หวังว่าคงไม่ถูกตามฆ่าตายก่อน”

    ฉันกอดขนมเทียนแน่น ร่างบางตรงหน้าก็ไม่ได้มีชีวิตดีกว่าฉันเท่าไหร่สินะ คนตั้งมากมายทำไมต้องเป็นพวกเรา คริสเหลือบมองเราทั้งคู่ ก่อนที่จะเอ่ยคำพูดหนึ่งออกมา

    “ฉันไม่ยอมให้ใครรังแกเพื่อนตัวเองง่ายๆ หรอกน่า เธอด้วยนะอันนา เพื่อนขนมเทียนก็เหมือนเพื่อนฉันเธอไม่ต้องห่วงหรอก”

    “ขอบใจนายมากนะคริส ว่าแต่ฉันเป็นญาติฝ่ายไหนของขนมเทียนเหรอ”

    ฉันเข้าใจมาตลอดว่าตัวเองไม่มีญาติพี่น้องหลงเหลืออยู่แล้ว เพราะแม่แทบจะไม่เคยเอ่ยถึงครอบครัวตัวเองกระทั่งพ่อแท้ๆ ของตัวเองก็ไม่เคยได้รู้

    “แม่เธอเป็นน้องสาวของแม่ฉันน่ะ”

    “อ้อ แม่ฉันไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย”

    “แม่ฉันก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้เหมือนกัน จนกระทั่งท่านตาย คุณย่าบอกว่าตระกูลเรา เป็นตระกูลต้องสาปมีลูกสาวสองคน คนหนึ่งเป็นแม่มด ส่วนอีกคนก็เป็นดอกไม้ของแวมไพร์ เป็นแบบนี้เรื่อยมาจนถึงรุ่นพวกเรา แถมทุกคนในตระกูลไม่มีใครอายุยืนเลย อย่างมากสุดก็อยู่ได้แค่ 22-23ปี”

    ขนมเทียนยิ้มออกมานิดๆ คล้ายกับปลง แต่เชื่อฉันเถอะว่าภายในใจลึกๆ เธอกำลังรู้สึกหวาดกลัว เหมือนกับที่ฉันเป็นตอนนี้ อ่า…ถ้าจำไม่ผิดฉันอายุ 21 ปีแล้วนี่นา ใกล้แล้วสินะ…

    “นี่คริส! นายจะรีบขับไปตายที่ไหนห๊ะ? พวกฉันยิ่งอายุสั้นๆ กันอยู่”

    ฉันหลุดขำออกมานิดๆ เมื่อเห็นท่าทางของขนมเทียน เธอดูเดือดมากจริงๆ คงเพราะอายุขัยที่ไม่แน่นอนไหนจะไอ้การขับรถที่แสนจะท้านรกของคริส มันเร็วมากจนฉันแอบหวั่นใจ พลาดนิดเดียวได้ไปเฝ้ายมบาลแน่ เหอะๆ

    “ก็อยากจะขับช้า กินลมชมวิวไปเรื่อยๆ เหมือนกัน แต่ไอ้พวกแวมไพร์มันไวโคตร ขืนชักช้ามีหวังพวกมันตามทันได้ซวยกันพอดี”

    “เอ่อ…ถะ ถ้างั้นก็เหยียบให้มิดเลย!”

    “ตามบัญชาครับองค์หญิงทั้งสอง”

    คริสกระตุกยิ้มน้อยๆ มองมาที่ฉันกับขนมเทียนที่นั่งกุมมือกันแน่น ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่า ฉันรู้สึกว่าสายตาคริสหยุดมองฉันนานเกินไป ราวกับกำลังต้องมนต์สะกด

    “นี่! มองทางสิโว้ย ไม่ใช่มองแต่เพื่อนฉัน นายจะฆ่าพวกเราทางอ้อมหรือไง!”

    “รู้แล้วน่า เธอนี่บ่นเก่งกว่าแม่ฉันอีก”

    คริสจิ๊ปากด้วยความขัดใจ พร้อมกับความเร็วที่พุ่งขึ้นเรื่อยๆ โชคดีถนนเส้นที่ขับ แทบจะไม่มีรถ ไม่มีด่าน สองด้านรายล้อมไปด้วยป่าไม้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีรถขับสวนเต็มไปหมด เดาว่าคงเพราะพวกเรากำลังขับออกจากตัวเมือง

    “ฉันบอกอะไรให้ไหมอันนา” ขนมเทียนสะกิดฉันเบาๆ มองไปที่คริสอย่างมีเลศนัย

    “มีอะไรเหรอ”

    “ที่จริงไอ้บ้าคริสมันติ่งเธอจะตาย ตอนแรกที่รู้ว่าฉันจะมาช่วยเธอ มันตื่นเต้นมากกว่าฉันอีก หึ! ตอนนี้ทำมาเป็นเก๊ก เชอะ!”

    ฉันได้แต่ยิ้มน้อยๆ ให้กับคำพูดของเพื่อนตัวเอง ไม่รู้จะพูดอะไร บางทียัยนี่อาจเข้าใจผิด นิสัยขอบชงบวกมโนเธอเป็นมานานแล้วด้วย ฉันมองไปที่คริสก็เห็นว่าเขากำลังเกาแก้มตัวเองเบาๆ ราวกับกำลังเขินอาย เอาจริงเหรอ เขาปลื้มฉันใช่ไหม?

    “เพื่อนในมหาลัยฉันชอบเธอกันจะตาย เธอสวยด้วย ถ้าฉันขอเป็นแฟนคลับจะไม่เป็นไรใช่ไหม” คริสพูด ดูท่าจะเขินจริงๆ ทั้งหน้าทั้งหูแดงไปหมด ที่ลินดาเคยพูดว่าฉันดังนอกมหาลัยด้วยท่าจะจริง

    “อื้อ ขอบใจนะ ที่พวกนาย เอ่อ…ชอบฉัน”

    รู้สึกกระดากปากยังไงไม่รู้แฮะ แต่จะให้ปฏิเสธไปก็ไม่ได้ด้วย อย่างน้อยมีคนรักก็น่าจะดีกว่ามีคนเกลียด แถมพวกเขาไม่ได้มีเจตนาไม่ดีด้วย

    “เหรอคริสเหรอ แฟนคลับหรือแฟนครับ เอาดีๆ”

    “เธอเลิกแกล้งเขาได้แล้วขนมเทียน” ฉันปราม

    “ก็หมอนี่มันตลกนี่นา”

    ฉันส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับเพื่อนตัวเอง มองไปยังคฤหาสน์ที่อยู่ตรงหน้า ประตูเหล็กค่อยๆ เปิดออกมา คริสขับเข้าไปทันที ยามที่อยู่หน้าประตูไม่ได้เอ่ยอะไรทำเพียงแค่โค้งตัวลง คริสเองก็ดูคุ้นชินกับกระทำแบบนั้น ฉันมองไปที่ขนมเทียนอย่างต้องการคำตอบ

    “บ้านหมอนี่น่ะ ที่อยู่ของพวกหมาป่า”

    แวมไพร์ทั้งฝูงก็เจอมาแล้ว เจอหมาป่าแค่นี้คงไม่เป็นไร ฉันยกมือขึ้นทาบหน้าอก มองสถานที่ตรงหน้า คฤหาสน์นี้รู้สึกว่าต้นไม้จะเยอะเกินไปจริงๆ มีผู้คนเดินควักไขว่ไปมาจนตาลาย แถมสีผิวของพวกเขาก็ดูคล้ำเกือบทุกคน รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน

    “ถึงสักที เราไปอาบน้ำพักผ่อนกันดีกว่าอันนา” ขนมเทียนเอ่ย พร้อมกับก้าวเท้าออกจากรถ สายลมเย็นๆ ปะทะเข้ากับผิวกาย เส้นผมของฉันที่ไม่ได้รวบไว้ ไหวไปตามแรงลม

    “ไม่ได้!” คริสพูดขัด

    “อะไรของนาย” ขนมเทียนเท้าเอวมองไปที่คริสด้วยความงง

    “เราควรทำอะไรกับกลิ่นหอมๆ ของอันนาก่อน” 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×