คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : EPISODE 15
EPISODE 15
“เอ๊ะ! นั่นมัน? ” ลินดาพูดขึ้น นิ้วมือเรียวชี้ไปยังฝาผนังห้อง ที่ถูกแปะทับด้วยรูปของฉันเป็นร้อยๆ ใบ นี่ยังคิดจะเก็บไว้อีกเหรอ เชื่อเขาเลย
“หมอนั่นเป็นโรคจิตน่ะ อย่าสนใจเลย” ถอนหายใจออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นทั้งสามคนตรงดิ่งไปที่รูปดังกล่าว นอกจากมีป้ายสุขสันต์วันครบรอบ ยังมีพวกสติ๊กเกอร์แล้วก็ปฏิทินตั้งโต๊ะเป็นรูปฉันด้วยนะ
“พี่ฮารุโตะถ่ายรูปสวยมากค่ะ” เพลงเพลิน
“นั่นสิ ออกแบบได้ดีด้วยนะ” ลินดา
“พวกเธอไม่รู้สึกแปลกบ้างเหรอ ที่ถูกแวมไพร์พวกนั้นตามติด แถมยังต้องทำเรื่องอย่างว่ากับเขาอีก ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ” ฉันถาม เพราะสองคนนี้ดูปรับตัวได้เร็วมาก
“คงเพราะฉันเจอแซ็กตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตอยู่กับเรื่องพวกนี้มานาน ถ้าไม่ปรับตัว ใจมันพานจะท้อเอาน่ะ อีกอย่างพวกเราก็ไม่มีทางหนีแวมไพร์แบบพวกเขาได้ใช่ไหมล่ะ”
“ใช้ชีวิตให้มีความสุขในทุกวันไม่ดีกว่าเหรออันนา” ลินดาพูดขึ้นในขณะที่เพลงเพลินก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่
“แต่สำหรับลูกตาล มันไม่โอเคเลยค่ะ อยู่ๆ ก็โดนบอกว่าตัวเองเป็นดอกไม้ของแวมไพร์ แล้วก็ถูกคุกคาม ลูกตาลรู้สึกว่ามันไม่ใช่ ยูตะเขาไม่ได้รัก หรืออยากปกป้องลูกตาล เหมือนกับแวมไพร์คนอื่นด้วย จะตายตอนไหนยังไม่รู้เลย เพราะงั้นตอนที่ได้เห็นพี่อันนาลูกตาลถึงดีใจมากๆ อย่างน้อยก็ไม่ได้มีแค่ลูกตาล”
คำพูดพวกนั้นของเธอทำให้ฉันต้องพยักหน้าเห็นด้วย แม้ตอนแรกจะมีรอยยิ้มเล็กๆ ประดับที่ใบหน้า แต่ฉันรับรู้ได้ว่าเธอกำลังเศร้า เสียใจ และผิดหวัง
“เอ่อ…ขอโทษนะทั้งสองคน”
“ไม่เป็นไรหรอกลินดา ต่างคนต่างความคิด ฉันคิดว่าทั้งสองเข้มแข็งมากนะ ที่สามารถปรับตัวและมีความสุขกับมันได้”
“ไม่ใช่แค่ปรับตัวได้หรอก ฉันว่าฉันรักแซ็กเข้าแล้วล่ะอันนา” ลินดาตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนที่รอยยิ้มนั้นจะค่อยๆ เศร้าหมอง เกิดอะไรขึ้น?
“รักทั้งที่เขาเป็นปีศาจ รักโดยไม่มีข้อแม้”
“ใจเย็นก่อนนะลินดา ถึงอย่างนั้นแซ็กเขาก็รักเธอเหมือนกันนี่ใช่ไหม แล้วมันมีอะไรไม่ดี” ฉันกอดปลอบคนตรงหน้า ทำไมอยู่ๆ ถึงได้กลายเป็นเรื่องราวความรักดราม่าได้เนี่ย ผู้ชายตัวใหญ่คนนั้นก็ดูห่วงลินดา อะไรทำให้ต้องเสียใจขนาดนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ
“ไม่! แซ็กมันไม่ได้รักฉัน ถ้ารักกันจริงเขาจะไปนอนกับผู้หญิงคนอื่นทำไม ที่เขาต้องการฉันเป็นเพราะพลังในตัวฉันมากกว่า ฮึก! ฉันโง่สินะ” เพราะไม่รู้จะทำไงดีเลยส่งสายตาให้เพลงเพลินกับลูกตาลมาช่วยปลอบอีกที ไอ้ฉันก็ไม่ค่อยถนัดด้วยสิ
“การรักใครมันรู้สึกยังไงนะ” แอบสงสัยเหมือนกันแฮะ
“เธอไม่เคยรักใครเหรออันนา? ”
ลินดาที่ก่อนหน้าร้องไห้แทบตายชะงัก เธอมองฉันด้วยความแคลงใจ ฉันเหมือนคนโชกโชนเรื่องความรักหรือไงกัน
“ในทางชู้สาว ระหว่างชายหญิงฉันไม่เคยหรอก” บอกออกไปตามตรง บางทีก็แอบคิดว่าฉันคงอับโชคเรื่องความรัก ตั้งแต่โตมาโมเม้นท์หวานๆ กุ๊กกิ๊กแบบหนุ่มสาววัยใสฉันไม่เคยมี
“ถ้าจะให้พูดคงเป็นความรู้สึกที่อยากจะอยู่ใกล้ อยากอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่เสียใจหรือดีใจก็อยากอยู่เคียงข้าง ถึงรู้อยู่เต็มอกว่าอาจไม่สมหวัง แต่ในใจลึกๆ ก็อยากให้เขาคิดเหมือนเรา ประมาณนี้ละมั้ง”
ลินดาอธิบาย เป็นคำอธิบายที่ดูจริงใจ ราวกับถ่ายทอดออกมาจากตัวเอง ถ้าอย่างนั้นฉันก็ไม่ได้ชอบฮารุโตะจริงๆ สินะ เพราะฉันไม่เคยเกิดความรู้สึกแบบที่ลินดาว่ามาเลย
“อ้อ แล้วก็อยากจูบ อยากทำมากกว่านั้นด้วย”
5 วันผ่านไป
ชีวิตของฉันยังดำเนินไปอย่างปกติสุข รวมถึงเกมบ้าๆ นั่นที่ยังไม่จบลงง่ายๆ หลังจากวันนั้นที่ได้พูดคุยกับดอกไม้คนอื่นฉันก็ไม่ได้เจอพวกเธออีกเลย บอกตามตรงว่าแอบเหงานิดหน่อย
ถามฮารุโตะเขาก็บอกแค่ว่าช่วงนี้ฟีโรโมนของพวกเธอค่อนข้างแรง เลยต้องงดออกข้างนอก ส่วนฉันถ้าไม่มีฮารุโตะอยู่ด้วยก็ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้ตามใจ
ที่สำคัญช่วงนี้ฮารุโตะแทบไม่มีเวลาให้ฉันเลย เขาเอาแต่ออกไปสู้ข้างนอกหอ นานทีถึงจะเข้ามาคุยเล่นด้วย ซึ่งก็ฉันพยายามเข้าใจ ว่าที่ทำทั้งหมดก็เพื่อฉัน แต่ว่าฉันเหงานี่นา ได้แต่กิน นอน แล้วก็ดูซีรีส์ ไม่รู้ว่าหนักขึ้นมากี่โลแล้ว ปล่อยไว้แบบนี้ฉันคงเป็นหมู
อยากไปเดินเล่นจัง ฉันแง้มประตูออก มองซ้ายขวาเพื่อเช็กดูว่าทางข้างนอกสะดวกไหม ปรากฏว่า…
“คุณอันนาต้องการอะไรเหรอครับ”
“อ่า ไม่มีอะไรค่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่ฮารุโตะจะกลับมาเหรอคะ” เอ่ยปากถาม แวมไพร์คนหนึ่งที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าห้อง แถมเขายังใส่หน้ากากกันแก๊สพิษด้วย ต้องขนาดนี้เลยใช่ไหม รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นมลพิษยังไงชอบกล
“วันนี้ผมไม่แน่ใจครับ น่าจะทุ่มสองทุ่ม”
“อ้อ เหรอคะ” ฉันพยักเข้าใจ ก่อนจะปิดประตูห้องเหมือนเดิม วันนี้ฉันคงออกไปไหนไม่ได้อีกแล้ว เสียงโครมครามยังคงดังต่อเนื่อง บ่งบอกว่ามีการปะทะกันตลอด น่าแปลกที่ตึกนี้ยังไม่พังทลายทั้งที่ภายนอกสะเทือนขนาดนั้น เฮ้อ…ฉันยื่นมือไปเปิดม่านหน้าต่าง ท้องฟ้ามืดครึ้ม ฝนเม็ดเล็กค่อยๆ ตกลงมา หยดน้ำเม็ดเล็กๆ พากันเกาะอยู่บนบานหน้าต่าง
‘เหงาเหรออันนา’
ฉันเบิกตาโพลง มองข้อความที่ปรากฏบนหน้าต่าง พยายามกวาดสายตาออกไปข้างนอกเพื่อหาตัวคนเขียน แต่ก็ไม่พบใครที่น่าสงสัย มีเพียงเหล่าแวมไพร์ที่กำลังต่อสู้กันอยู่เท่านั้น
‘ตกใจใช่ไหมล่ะ? เรามาแนะนำตัวกันก่อนดีไหม? ’
ข้อความตรงหน้าเปลี่ยนเป็นประโยคถัดไป แน่นอนว่าฉันจ้องมองตัวหนังสือไม่กะพริบตา เพราะรู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก หรือจะเป็นพวกแวมไพร์จากตระกูลอื่น แล้วทำไมต้องลงทุนทำเรื่องพวกนี้?
‘ผมชื่อคริส’
‘อาจฟังดูน่าเหลือเชื่อแต่ผมคือเผ่ามนุษย์หมาป่า’
‘ผมกำลังจะไปช่วยเธอ รอก่อนนะ’
ตัวหนังสือหน้ากระจกหยุดวิ่ง ไอหมอกและหยาดน้ำฝนค่อยๆ กลบข้อความที่อยู่บนหน้าต่างราวกับก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหตุการณ์เมื่อครู่ทำให้ฉันต้องก้าวเท้าถอยหลังจากพื้นตรงนั้น คล้ายกับกลัวว่าจะมีตัวอะไรแปลกๆ โผล่ออกมา
นอกจากแวมไพร์ แม่มด ยังมีมนุษย์หมาป่าด้วยเนี่ยนะ? แล้วคำว่า 'ช่วย' ที่ว่ามันหมายถึงอะไร ไม่ใช่ว่าจะจับฉันไปบูชายัญเหมือนในละครนะ
แกร่ก! เสียงปลดล็อกประตูห้องทำให้ฉันรีบดึงผ้าม่านปิดไว้เหมือนเดิม เพราะรู้ว่าคนที่เดินเข้ามาเป็นใคร ฮารุโตะไม่ค่อยชอบให้เปิดมันน่ะ เขาบอกว่าภาพข้างนอกมันรุนแรง ป่าเถื่อนเกินกว่าฉันจะรับได้
“ขอโทษนะครับที่ต้องปล่อยให้อันนาอยู่คนเดียว” พูดจบฮารุโตะก็ดึงร่างฉันไปกอดจนแทบจมอก กลิ่นหอมจางๆ ลอยมาแตะจมูก ทำให้รู้ได้ทันทีว่าเขาอาบน้ำมาก่อน
“ฉันเบื่อ อยากกินไอติม น้ำแข็งไส ชาบู อยากออกไปเที่ยว ไปทะเลใส่ชุดว่ายน้ำสวยๆ เบื่อออ” คล้ายต้องการระบายความอัดอั้น ฉันตะโกนออกมาอย่างสุดทน
“ไม่เอาน่าใจเย็นก่อน อีก 2 วันเท่านั้น” ฮารุโตะจูงมือฉันมานั่งบนโซฟาก่อนที่เขาจะรวบเอวฉันให้นั่งลงบนตัก
“แค่ 2 วันเท่านั้นครับ พวกเราก็จะชนะ หลังจากนี้ผมสัญญาเลยว่าจะทำตามที่อันนาขอทุกอย่าง” ฮารุโตะกล่อม ฉันมองไปที่เขาอย่างชั่งใจ ไม่ใช่ว่าไม่เข้าใจหรอกนะ มันจะจบง่ายๆ จริงเหรอ ไหนจะเรื่องมนุษย์หมาป่านั่น ที่ยังไม่รู้จะมาดีหรือร้าย
“ฮารุโตะ…คือว่าวันนี้”
ปัง! ปัง! ยังไม่ทันได้เอ่ยเรื่องวันนี้ให้คนตรงหน้าฟัง เสียงเคาะประตูห้องก็ทำให้เราทั้งคู่ต้องผละหน้าออกจากกัน ร่างสูงยีผมตัวเองอย่างหงุดหงิด พร้อมกับสาวเท้าไปที่ประตู
“มีเรื่องอะไรวะเบย์”
“พวกไอ้วินกับตระกูลอื่นมันลอบเข้าหอได้แล้ว!”
“แม่งเอ๊ย! ตอนนี้พวกมันอยู่ไหน?!”
“ชั้นล่างสุดของหอ”
“พวกมึงต้านเด็กในตระกูลมันไว้ ส่วนกูจะอยู่นี่ดูแลอันนา” ฮารุโตะเอ่ย ร่างสูงกำมือแน่นจนเส้นเลือดปูด ยิ่งเกมใกล้จบฝั่งตรงข้ามยิ่งทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฝ่ายตัวเองชนะ
“คุณชายโตะ พวกไอ้ทีเคมันบุกเข้ามาชั้น 7 แล้ว ตอนนี้พวกมันกำลังรุมเล่นงานไอ้ยูตะ มึงรีบไปช่วยเร็วงานนี้ไอ้ทีเคมันออกโรงเองด้วยว่ะ ไอ้คราวน์ก็แทบเอาไม่ลง” พี่คิงที่พึ่งมาถึงบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน สถานการณ์ตอนนี้วุ่นวายกว่าที่คิด
“ถ้างั้นก็ไปกัน อันนาอยู่ในห้อง…”
“ไม่! ฉันจะไปด้วย นายสัญญาว่าจะปกป้องฉันนี่ ใช่ไหม? ” ที่สำคัญฉันเป็นห่วงลูกตาลด้วย ฝั่งตรงข้ามต้องการชิงตัวดอกไม้อย่างไม่ต้องสงสัย
“อยู่ใกล้ๆ ผมไว้นะ” ฉันถอนหายใจโล่งอก นึกว่าจะโดนห้าม ตกลงกันเสร็จพวกเราก็ตรงไปชั้น 7 ทันที หอพักตอนนี้เต็มไปด้วยร่องรอยต่อสู้ ผนังบางพื้นที่เป็นรูขนาดใหญ่
“ลูกตาล!” ฉันตะโกนเรียกร่างบาง เธอยืนกอดอกอยู่ริมห้อง ใบหน้านองด้วยน้ำตา ตัวสั่นราวกับคนทำอะไรไม่ถูก บนพื้นมีร่างยูตะล้มนอนกองอยู่กับพื้น แก้มขาวเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดจนชุ่ม ข้างกันนั้นพี่คราวน์กำลังต่อสู้กับชายที่ชื่อทีเคและลูกสมุนของเขา
“ไปเอาดอกไม้ของไอ้ยูตะมา” ชายที่ชื่อทีเคหันไปสั่งสมุนแวมไพร์ แต่ก็ถูกพี่เบย์ขัดขวางไว้ ฉันใช้โอกาสนี้รีบดึงตัวลูกตาลให้ออกมาจากตรงนั้น เธอเอาแต่พูดประโยคเดิมซ้ำไปมา ไม่ว่าจะเรียกยังไงก็ไม่มีปฏิกิริยา
“มึงทำอะไรเพื่อนกูไอ้ทีเค!” ฮารุโตะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหี้ยม ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน ยังยืนคุมเชิง ในขณะที่คนอื่นเริ่มสู้กัน
“ขอดีๆ แล้วไม่ให้ ก็แค่ใช้กำลัง” ชายที่ชื่อทีเคเอ่ยพร้อมกับเปรยตามาที่ลูกตาล ความคุกรุ่นแผ่ขยายออกมาจากคนข้างกาย ฮารุโตะกำลังโกรธ เป็นความโกรธที่อาจทำลายทั้งตึกนี้ได้ ฉันรีบหันไปเรียกสติลูกตาล ถ้าพวกเขาเกิดต่อสู้กันขึ้นมา นั่นหมายความว่านี่ไม่ใช่พื้นที่ที่ฉันสมควรอยู่อีกต่อไป
“ลูกตาล นี่พี่อันนาเองนะ”
“เขากำลังจะตาย…” เธอยังคงไร้สติ
“พี่ยูตะจะไม่ตาย เขาเป็นแวมไพร์เชียวนะ”
ฉันพยายามปลอบ ดึงคนตรงหน้ามากอดแน่น สายตาก็จับจ้องไปที่ฮารุโตะ เพื่อบอกว่าอย่าพึ่งออกตัวสู้อะไรทั้งนั้น ตราบที่ฮารุโตะไม่ขยับเท้าไปไหนและยังคงอยู่ใกล้ๆ ฉัน แวมไพร์ตระกูลอื่นก็ไม่สามารถพุ่งเข้ามาสุ่มสี่สุ่มห้าได้
“อ้อ ฮารุโตะ! ถ้างั้นกูขอดอกไม้ของมึงแทนได้มั้ย รักเพื่อนแบบนี้ของแค่นี้คงยกให้กันได้” อย่าเชียวนะ ฉันคว้าแขนฮารุโตะไว้แน่น แม้จะรู้สึกอยากอ้วกแค่ไหน เมื่อถูกสายตาของทีเคจ้องมอง ราวกับต้องการโลมเลียทางสายตา ผู้ชายคนนั้นต้องการยั่วยุฮารุโตะ
เขาแค่ต้องการกันฮารุโตะให้ห่างจากฉัน เพื่อจะได้ชิงตัวง่ายขึ้น ฉันเชื่อว่าฮารุโตะคงอ่านเกมนี้ออก แต่จะสามารถข่มอารมณ์ได้ไหมก็อีกเรื่อง
ตอนนี้สิ่งที่ฉันต้องทำคือหาทางพาลูกตาลไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ไม่งั้นจะเป็นฮารุโตะเองที่เสียเปรียบเพราะดันมีตัวถ่วงแบบเราสองคน
“มาแล้ว” ฮารุโตะเหยียดยิ้ม เขาล้วงลูกอมรสโปรดจากกระเป๋าขึ้นมา พร้อมกับแกะมันแล้วส่งให้กับฉัน
“ไม่ใช่แค่มึงหรอกที่คิดว่าถ้าร่วมมือกันแล้วจะเอาชนะได้” สิ้นเสียงนั้น เสียงฝีเท้าอีกหลายคู่ก็ดังขึ้นมาจากหน้าห้อง คนแรกที่เดินส่งยิ้มร้ายมาคือแซ็ก ตามมาด้วยกวินที่โปรยยิ้มออร่าเทวดาออกมา ผู้ชายคนนี้บางมุมดูคล้ายฮารุโตะเลยแฮะ
“ถ้าอยากหน้าแหกเหมือนเหี้ยเพลย์มึงก็เข้ามา” แซ็กพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ไม่มีความกดดันแม้แต่น้อย เขาพยักหน้าเล็กน้อยเป็นสัญญาณให้ลูกสมุนไปพยุงพี่ยูตะให้ลุกขึ้น เหมือนเขาจะได้สติแล้ว ถึงแม้ใบหน้าจะอาบไปด้วยเลือดก็เถอะ
“ยูตะ นายยังไม่ตาย” ลูกตาลที่เห็น ก็แทบจะวิ่งไปหาคนตรงหน้า
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกน่า ยังอยู่รังแกเธออีกนาน” ภาพตรงหน้าทำให้ฉันถึงกับถอนหายใจ สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นฝ่ายเราได้เปรียบ เพราะกำลังคนที่เยอะกว่าตอนแรก ทีเคได้แต่กัดฟันกรอดเนื่องจากสมุนแวมไพร์ที่พามาด้วย ก็เริ่มสู้ไม่ไหว ค่อยๆ โดนจัดการไปทีละคน
“มึงจะยอมแพ้ดีๆ หรือต้องให้ขาหักสักข้างก่อน” ฮารุโตะเอ่ยถาม ในขณะที่กวินเริ่มยืนหักนิ้วรอ ส่วนแซ็กก็เริ่มเครียร์พื้นที่ มันไม่ใช่ประโยคคำถามแล้วล่ะ แต่ฉันคิดว่าพวกเขากำลังจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
“แบบนี้ไม่ถือว่าผิดกติกาใช่ไหมครับ” กวินหันมาถามฮารุโตะกับแซ็ก ขายาวก้าวเดินไปใกล้ทีเค รู้สึกบรรยากาศรอบตัวเขาน่าขนลุกแปลกๆ จนต้องลอบกลืนน้ำลาย
“กฎบอกว่าห้ามฆ่า พวกเราไม่ได้ฆ่าแค่ทำให้ปางตายเท่านั้น ใช่ไหมไอ้แซ็ก”
“ตามนั้น”
แซ็กตอบกลับสั้นๆ ฮารุโตะเหยียดยิ้มเล็กน้อย ใบหน้าดูน่ากลัวราวกับปีศาจที่กำลังรอคอยการลงทัณฑ์ของศัตรู เขาเดินมาหาฉันพร้อมกับจูงมือเดินออกจากห้อง ทันทีที่พ้นจากประตูห้อง เสียงคำรามของชายที่ชื่อทีเคกันดังลั่น ตามด้วยเสียงโครมครามที่ไม่สามารถคาดเดาได้
ฉันมองมือที่แตะบนไหล่ตัวเอง เกือบลืมไปแล้วว่าฮารุโตะเป็นแวมไพร์ ทุกครั้งที่เราอยู่ด้วยกัน เขามักจะยิ้มแย้ม พูดคุยกันอย่างอ่อนโยน จนลืมไปว่าเบื้องหลังเขานั้นทั้งเย็นชา และโหดร้ายไม่แพ้แวมไพร์ตระกูลอื่น
“เกมส์จบแล้วใช่ไหมฮารุโตะ” ฉันถาม ฝั่งนั้นเหมือนจะถูกจัดการจนเกือบหมด
“ยังครับ เหลือไอ้วินที่ยังไม่โผล่หัวออกมา ปล่อยให้ลูกน้องโดนกระทืบเป็นว่าเล่นใช้ได้ที่ไหน อันนาไม่ต้องห่วงนะ ผมไม่ลืมที่สัญญากับเธอไว้หรอก”
“จริงนะ! ถ้าเรื่องทุกอย่างจบลงฉันจะมีอิสระใช่ไหม? จะไปไหนทำอะไรก็ได้สินะ!” ร้องถามอย่างมีความหวัง ฮารุโตะพยักหน้านิดๆ เป็นอันตกลง
“แล้วพวกวินที่บุกเข้ามาในหอล่ะ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้วเหรอ” ฉันถามขึ้นเมื่อนึกได้ ตอนนี้ฮารุโตะกำลังพาฉันไปส่งที่ห้องน่ะ เห็นว่าหลังจากนี้พวกลินดากับเพลงเพลินจะมาคุยเล่นด้วย ส่วนฮารุโตะมีประชุมวางแผนการกันอีก
“ต้องจัดการสิครับ แต่หลังจากที่อันนาปลอดภัยนะ อีกอย่างพอมันรู้ข่าวว่าตระกูลอื่นถูกจัดการหมดก็หายไปแทบจะทันที ป่านนี้คงกลับหอตัวเองแล้วมั้ง เพื่อความไม่ประมาทผมให้เด็กในตระกูลค้นหาในตึกแล้วล่ะครับ”
“อันนาไม่ต้องห่วงนะ ผมจะรีบมา คุยไม่นานหรอก” ฮารุโตะบีบไหล่ฉันเบา เขาคงเดาได้ว่าฉันเบื่อ เพราะวันๆ อยู่แต่ในห้องประหนึ่งนักโทษ
“เข้าใจแล้ว” แต่ฉันก็ไม่อยากเรียกร้องมาก อีกไม่กี่วันก็จะเป็นอิสระแล้ว ไม่เป็นไรอันนา
“มีอะไรก็เรียกสองคนนี้นะครับ” สองคนที่ว่าคือแวมไพร์หนุ่มที่ฮารุโตะส่งมาคุ้มกันฉันอยู่หน้าห้อง ถ้าไม่มีเหตุฉุกเฉินจริงๆ พวกเขาก็จะยืนอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน ไล่ให้ไปพักก็ไม่ไป บอกเป็นเกียรติและหน้าที่ ฉันนี่งงไปเลย
“เอ่อ…รบกวนพี่ทั้งสองคนด้วยนะคะ” ฉันบอกกับทั้งคู่ที่ยืนส่งยิ้มกว้างให้ พวกเขาเป็นแวมไพร์ที่ค่อนข้างต่างจากคนอื่น คงเพราะรูปร่างที่ไม่ค่อยสูงใหญ่บวกกับใบหน้าน่ารัก แต่เห็นว่าต่อสู้เก่งใช้ได้ ทั้งที่เป็นแวมไพร์เลือดผสม (ลูกครึ่งแวมไพร์มนุษย์)
ฉันกำลังจะปิดประตูห้อง ทว่าก็ดันนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกเรื่องสำคัญอีกอย่างกับฮารุโตะ เรื่องมนุษย์หมาป่าไง ไม่รู้ว่าจะเป็นเรื่องจริงไหม แต่รู้สึกว่าฉันสมควรต้องบอกเขาไว้ก่อน
“ฮารุโตะ…” ไม่ทันแล้ว หมอนั่นหายไปแล้ว อะไรจะไวขนาดนั้น จะทำไงเนี่ย ฉันต้องรออยู่ในห้องนี้คนเดียวนะ เกิดอยู่ดีๆ มีตัวแปลกๆ โผล่มาล่ะ ลินดากับเพลงเพลินก็ไม่รู้จะมาตอนไหน เปิดประตูห้องทิ้งไว้ดีมั้ย อุ่นใจกว่า
“คุณอันนามีอะไรให้พวกผมช่วยหรือเปล่าครับ” ราวกับจับสังเกตุได้ แวมไพร์คนแรกเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ” ฉันบอกปัด เดี๋ยวสองคนนั้นก็มาแล้ว ไว้ฮารุโตะกลับมาฉันค่อยบอกเรื่องมนุษย์หมาป่าก็ได้ ตอนนี้แค่อดทนพอ
คิดได้ดังนั้นฉันก็ปิดประตูห้อง สองเท้าเดินไปหยิบชุดคลุมอาบน้ำเนื่องจากรู้สึกเหนียวตัว ก็นะวันนี้เจออะไรเยอะแยะเลยนี่นา ฉันเดินมาหยุดในห้องน้ำก่อนจะถอดชุดคลุมออก ทว่ามือหนาของชายคนหนึ่งก็ยื่นมาปิดปากและล๊อคตัวไว้เสียก่อน
ตึง!
"นะ นาย!"
ความคิดเห็น