ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #15 : EPISODE 14

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 67


    EPISODE 14

    ครืน!

    "ฮารุโตะ! " ทันทีที่ฝาโลงคริสตัลเปิดออกฉันก็โผเข้ากอดร่างสูงแน่น ฝันเมื่อกี้มันน่ากลัวเหลือเกิน หรือนี่จะเป็นลางบอกเหตุ เพื่อเตือนว่าเราสองคนไม่มีทางจะอยู่ร่วมกันได้ เหมือนกับที่ผ่านมา

    "ฉันฝันร้ายอีกแล้ว" เอ่ยออกไปแค่นั้น แต่คนตรงหน้ากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไร เขายืนตัวแข็งทื่ออยู่ในอ้อมกอดฉัน ทำไมรู้สึกแปลกๆ ฉันผละตัวออกจากคนตรงหน้า พร้อมกับเงยหน้ามอง

    เขาไม่ใช่ฮารุโตะ!

    "คุณเป็นใคร? " ฉันถาม ก่อนจะถอยออกมาจากอีกฝ่าย เขากวาดสายตาไปรอบห้องก่อนจะอุ้มฉันขึ้นมาจากโรลศพคริสตัล "ปล่อยนะ! " แน่นอนว่าฉันร้องออกมาด้วยความตกใจ เขาจะพาฉันไปที่ไหน!

    "เงียบ ฉันปวดหู เดี๋ยวก็โยนลงพื้นซะเลย"

    ถ้างั้นปล่อยให้ฉันเดินเองสิ ไม่เห็นต้องอุ้มกันเลย ก่อนจะได้เอ่ยคำพูดอะไร ฉันก็เจอเข้ากับร่างสูงของฮารุโตะ เขากำลังยืนอยู่หน้าโลงศพคริสตัลโดยไม่ทันสังเกตเห็นฉัน ฮารุโตะกำมือแน่น สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ฉันกำลังจะเรียกเขาทว่า

    "ฮารุโตะของมึงอยู่นี่! ส่วนนั่นของกู" ชายตัวใหญ่เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเข้ม พร้อมกับมือที่สะกิดไหล่ฮารุโตะ

    "ไอ้แซ็ก มึงปล่อยอันนาเดี๋ยวนี้"

    ได้ตามที่ขอ สิ้นเสียงนั้น มือที่อุ้มฉันอยู่ก็ปล่อยลงทันที ไม่นะ! ช่วยวางกันดีๆ ไม่ได้หรือไง! ฉันหลับตาปี๋ สัมผัสได้ว่าต้องเจ็บแน่

    ตุ้บ! "อันนาไม่เป็นไรนะ" เป็นฮารุโตะที่เคลื่อนตัวมารับพอดี ฉันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เพราะเขาเป็นแวมไพร์หรอกนะถึงได้รับทันแบบเฉียดฉิว

    "ฉันไม่เป็นไร"

    "ผมเป็นห่วงอันนาแทบบ้า ต่อไปอย่าหายไปจากสายตาผมอีกนะ"

    "อื้อ ฉันสัญญา นายวางฉันลงก่อนได้ไหม"

    บอกออกไปก่อนฉันจะมองไปที่โลงศพคริสตัลที่ลินดาเข้าไปแอบ เจอแล้วแฮะตอนนี้ลินดากำลังถูกชายที่ชื่อแซ็กอุ้มขึ้นมาในขณะที่ร่างบางกำลังหลับ เธอไม่เป็นไรใช่ไหม ฉันมองไปที่คนตัวใหญ่อย่างไม่ไว้ใจ

    "ผู้หญิงคนนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ เธอเป็นดอกไม้ของไอ้แซ็กนะ" พยักหน้าเล็กน้อย นั่นสิ ถึงจะเป็นห่วง แต่ฉันคงทำอะไรมากกว่านี้ไม่ได้

    "เรากลับกันเถอะครับ" ฮารุโตะพูดขึ้นยิ้มๆ พร้อมกับจูงแขนฉันเดินออกไป

    "ฮารุโตะ แล้วผู้ชายคนนั้นล่ะ? " ฉันถาม มองไปที่ชายอีกคนที่วิ่งสวนกับเราไปเมื่อกี้ ใบหน้าเขาดูเด็กจนนึกว่าอายุ 18 เส้นผมสีฟ้าราวกับท้องทะเล แต่สายตาตอนวิ่งผ่านไปเมื่อครู่อย่างกับต้องการฆ่าใครสักคนที่ขวางทาง

    "มันชื่อกวิน คนอื่นเรียกเด็กนรก วิ่งหน้าตั้งขนาดนั้น คงจะไปตามหาดอกไม้ของมันน่ะ"

    หมายถึงผู้หญิงที่ฉันเห็นก่อนหน้านี้สินะ หลังจากที่เราทั้งคู่เดินพ้นออกมา ก็เจอกับแก๊งเพื่อนของฮารุโตะที่ยืนรออยู่หน้าโบสถ์ พี่คิงยิ้มให้ฉันจนแก้มแทบแตก ส่วนพี่คราวน์ก็มีสีหน้าโล่งใจ

    "ไม่เป็นไรนะครับน้องอันนา" พี่เบย์ถาม

    "ค่ะ อันนาไม่เป็นไร"

    "ไม่เห็นต้องยิ้มให้พวกมันขนาดนั้น"

    ฮารุโตะบ่นออกมาด้วยน้ำเสียงเซ็งปนหงุดหงิด เพื่อนเขาที่เห็นดังนั้น จึงเริ่มแหย่เขาใหญ่ ชมว่าฉันน่ารักบ้าง สวยบ้าง เล่นเอาคนขี้หึงแบบหมอนี่ถึงกับต้องประเคนฝ่าเท้าใส่รัวๆ

    "พี่ยูตะหายไปไหนเหรอคะ" ฉันที่พึ่งสังเกตว่าไม่มีเขาอยู่เลยออกปากถาม

    "กลับไปนอนกกดอกไม้ของมันแล้วครับ ผู้หญิงคนนั้นเกือบโดนตระกูลอื่นเอาไปใช่ไหมวะ มันถึงได้ดูคลั่งๆ ตอนอยู่ในสนาม" ประโยคแรกฮารุโตะพูดกับฉัน ก่อนเขาจะหันไปคุยกับเพื่อนของตัวเอง แล้วก็เริ่มคุยเรื่องที่ฉันไม่สามารถเข้าใจได้ ภาษาอะไรกันเนี่ย?

    @หอพักตระกูลที่ 1

    ตอนนี้พวกเรามาถึงหอแล้ว เมื่อก้าวเข้ามาภายในตึก ฉันก็รับรู้ได้ถึงความอลังการมากกว่าครั้งที่แล้วเป็นเท่าตัว คิดว่าคงมีการปรับปรุงและสร้างใหม่หมดหลังจากโดนระเบิดคราวก่อน

    "แวมไพร์นี่ก็เล่นใหญ่เหมือนกันเนอะ" เอ่ยออกมาเล็กน้อย พร้อมกับมองไปรอบๆ ทุกคนดูวุ่นมากๆ มีทั้งคนเจ็บนิดหน่อย

    ไปจนถึงอาการสาหัส เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากแขนซ้ายของแวมไพร์คนหนึ่งทำให้ฉันต้องเบือนหน้า

    "อันนารู้สึกแย่ตรงไหนหรือเปล่าครับ? " ฮารุโตะชะงักเท้า มือหนารูปแก้มฉันเบาๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนกำลังสั่นไหว ความเป็นห่วงของเขาเอ่อล้นจนฉันเองก็สัมผัสถึงมันได้

    "อยากพักผ่อนสักหน่อยน่ะ"

    "ครับ แต่มีเรื่องที่อันนาต้องตอบผมก่อน"

    "หมายถึงเรื่องอะไรล่ะ"

    "เรื่องของไอ้วิน อันนารู้จักมันมาก่อนเหรอครับ" ฮารุโตะถาม น้ำเสียงเขาเรียบนิ่ง จนฉันไม่สามารถเดาได้ว่าตอนนี้เขารู้สึกยังไง

    ฉันไม่คิดปิดบังอยู่แล้ว เพราะงั้นจึงเริ่มเล่าครั้งแรกที่ได้เจอกับวิน ไปจนถึงตอนที่เจอกันในโรงแรม ขณะที่เล่าไปก็สังเกตเห็นว่าฮารุโตะแทบไม่มีปฏิกิริยาอะไร ราวกับเขาต้องการฟังเพียงความจริงจากปากฉันเท่านั้น

    "มันไม่ได้แตะต้องอันนาใช่ไหม"

    "ไม่เลยสักนิด"

    "เฮ้อ ดีแล้วครับ ก่อนหน้านี้ที่อันนาหายไป เจ้านี่มันแทบจะหยุดเต้น" พูดจบฮารุโตะก็ดึงมือฉันไปแตะที่อกตัวเอง หัวใจของเขากำลังเต้นแรงและเร็ว คล้ายจะกระเด็นออกมา

    "ไอ้วินมันอยากได้อันนาตัวแทบสั่น ทำไมผมจะไม่รู้ ตอนที่เรากลับหอมันก็ให้ลูกน้องคอยตามติด ทำตัวเหมือนพวกเหลือบไร! "

    "โดนผมกระทืบไปขนาดนั้นก็ยังไม่เข็ด มันช่างมีความพยายามจริงๆ สังขารไม่เอื้อ แต่ก็กระเสือกกระสนจนน่าสมเพช"

    น้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความคุกรุ่น มือสองข้างกอดเอวฉันแน่น ในขณะที่ใบหน้าของฮารุโตะซบมาที่ไหล่ ฉันไม่รู้เลยว่าถูกสะกดรอยตาม สมกับเป็นพวกแวมไพร์จริงๆ เริ่มเชื่อแล้วนะว่าพวกเขามีนิสัยเป็นสตอล์คเกอร์

    "เธอจะสวยไปให้ใครดู ตอบผมหน่อยสิ"

    "เอ่อ...คือ ฉันไม่เข้าใจ"

    คำพูดนั้นไม่ได้ทำให้ฉันดีใจ ราวกับเป็นแค่การพูดหาเรื่องคล้ายกับคนพาลเท่านั้น

    "ทั้งไอ้วิน ไอ้เพลย์ ไอ้ทีเค พออันนาปรากฏตัวพวกมันก็หันความสนใจมาทางนี้ นี่ไม่ใช่แผนการทำให้ผมคลั่งใช่มั้ย? " ฮารุโตะก็รู้ดีว่าฉันไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด แต่เขาก็ยังพูดเย้า

    ริมฝีปากบางเฉียบเริ่มขบเม้มใบหูฉันเบาๆ ทำเอาต้องหดคอหนี ท้องเริ่มมวนราวกับมีผีเสื้อนับล้านตัวกำลังบินอยู่ในนั้น

    "นี่...ผมขอได้ไหม? "

    "ฉะ- ฉันคิดว่า นี่ไม่ใช่เวลาทำเรื่องแบบนี้"

    "หืม? แล้วต้องเป็นเวลาไหน? "

    "ก็ต้องเป็นตอนที่เรื่องทุกอย่างจบแล้วสิ! "

    ตอบกลับเสียงสั่น อย่างน้อยก็ขอถ่วงเวลาไว้หน่อยเถอะ ให้ตายสิ แบบนี้ทุกที ความหื่นของฮารุโตะไม่สามารถคาดเดาได้จริงๆ ใครจะรู้ว่าอยู่ดีๆ หมอนี่จะมีความต้องการขึ้นมา

    "เรื่องกลิ่นล่ะ อันนาจะทำยังไง วันนี้ที่พวกแวมไพร์ในสนามไม่คลั่ง เพราะก่อนหน้านี้เป็นผมที่ดูดกลิ่นอายในตัวเธอนะ"

    ฮารุโตะท้วง ราวกับว่าทั้งหมดนี้ เป็นความดีความชอบของตนเอง ได้เห็นท่าทางภูมิใจของเขาแล้วก็ทำได้เพียงแค่ถอนหายใจ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือแค่ข้ออ้างที่ใช้เอาเปรียบฉันกันแน่ เพราะตัวเองดันไม่ได้กลิ่นบ้าๆ นี่ ทั้งที่เป็นคนปล่อยฟีโรโมนเองแท้ๆ ไม่แปลกไปหน่อยเหรอ

    "นะครับอันนา" น้ำเสียงของเขาช่างดูเว้าวอน

    "แต่ฉันยังไม่พร้อม"

    "ผมจะอ่อนโยน ขอร้อง...แค่สัมผัสเท่านั้น"

    เราสบตากัน ฮารุโตะจ้องลึกเข้ามาในดวงตาฉัน ราวกับต้องการสะกดจิตให้ต้องมนต์ หัวใจฉันพยายามส่งเสียงประท้วง แบบนี้มันไม่ถูกต้อง ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทว่าร่างกายกับตรงกันข้าม ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ฉันยอมพยักหน้าตอบตกลงให้ฮารุโตะสัมผัสกับร่างกายนี้ได้

    ความอ่อนนุ่มที่ประทับกับริมฝีปาก ทำให้ฉันเผลอหลับตาพริ้มโดยไม่รู้ตัว กลิ่นหอมจางๆ รอยมาแตะจมูก รู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก พร้อมกันนั้นเสื้อผ้าที่อยู่บนตัวก็ค่อยๆ ถูกปลดทีละชิ้น จนเหลือแค่บราเซีย และชั้นในตัวจิ๋ว

    เราสองคนแนบชิดกันมากกว่าทุกครั้ง ทั่วทั้งร่างกายของฉันถูกริมฝีปากร้อนผ่าวของฮารุโตะตามไปทาบทับและยึดครอง

    "อ๊ะ...ฮารุโตะ ท่านี้มัน...เฮือก! " ฉันผวาสองมือจิกทึ้งเส้นผมของอีกฝ่ายแน่น ร่างของฉันถูกยกขึ้นคร่อมกายแกร่ง ปลายลิ้นร้อนผ่าวของฮารุโตะกำลังฟอนเฟ้นไปทั่วบริเวณหน้าท้องแบนราบ ความเปียกชื้นและเร่าร้อนทำให้ลมหายใจฉันติดขัด ใบหูได้ยินเสียงหอบหายใจของตัวเองเป็นระยะ

    "ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อนี้ครับ" ฮารุโตะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อยอิ่ง ริมฝีปากยังไม่ละจากหน้าท้อง เขายังคงใช้ฟันคมๆ ขบเม้มลากต่ำไปเรื่อยๆ จนฉันต้องดันหน้าเขาออก

    "คะ...แค่นี้พอแล้วใช่ไหม"

    "ครับ ถึงจะไม่พอก็เถอะ"

    "นี่! ...เฮ้ออ ลดความหื่นบ้างเถอะถือว่าฉันขอร้อง" ขืนเป็นแบบนี้ตลอด หัวใจคงได้วายเข้าสักวัน ความช่ำชองของฮารุโตะเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก เมื่อกี้ทำเอาฉันถึงกับเคลิ้มไปเลยนะไม่อยากเชื่อจริงๆ ว่าจะแพ้ให้กับอารมณ์ชั่ววูบ

    "เอ่อ...ฮารุโตะฉันมีเรื่องจะถามน่ะ"

    "หืม? เรื่องอะไรครับ เกี่ยวกับผมหรือเปล่า"

    "ก็ เกี่ยวมั้ง" ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่เลยแฮะ

    ฮารุโตะเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาจ้องฉันด้วยความงุนงง ถึงอย่างนั้นก็พยักหน้าเป็นเชิงให้พูดออกมา ฉันผ่อนลมหายใจนิดๆ เพื่อเรียกความกล้า หวังว่าเขาจะไม่คิดว่าฉันบ้า หรือฟุ้งซ่าน

    "จำที่ฉันเคยบอกว่าฝันร้ายได้ใช่ไหม"

    "อันนาฝันร้ายอีกแล้วเหรอครับ"

    "อื้ม! วันนี้ตอนอยู่ในโรงคริสตัล ก็ฝันเรื่องคล้ายๆ กันตลอด" เอ่ยจบฉันก็มองไปที่ฮารุโตะ เราสบตากัน ก่อนที่เขาจะคว้ามือฉันไปกุม

    "ผู้หญิงที่ฉันฝันถึง พวกเธอมีตราสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวทุกคนเลย แถมพวกเธอยัง...ตายตั้งแต่อายุยังน้อยด้วย"

    ฉันเล่าต่อไปเรื่อยๆ น้ำเสียงเริ่มสั่น จนต้องหยุดเพื่อกลืนก้อนสะอื้นลงคอ มันน่ากลัวมากจริงๆ คนแรกเธอใช้มีดปักลงกลางอกตัวเองจนตาย เด็กผู้หญิงที่อายุน้อยๆ โดดตึกพร้อมกับลูกในท้อง คนที่สามถูกแวมไพร์ทรมานจนตาย และคนต่อๆ มา ไม่มีใครมีชีวิตที่ยืนยาว

    "ไม่เป็นไรครับ อันนาไม่ต้องเล่าแล้วก็ได้นะคนดี" ฮารุโตะดึงฉันเข้าไปกอดแน่น มือหนาค่อยๆ เกลี่ยน้ำตาที่อยู่ตรงหางตาออก แต่ฉันก็ยังสะอื้นไม่หยุด ทำไมกันนะถึงได้รู้สึกผูกพันกับผู้หญิงเหล่านั้นเหลือเกิน

    "แวมไพร์พวกนั้น ไม่ว่าเธอจะร้องไห้ตะโกนเรียกพวกเขาแค่ไหน ก็ไม่เคยมีใครออกมาช่วย ถ้าเป็นนายล่ะฮารุโตะ นายจะยอมเสี่ยงชีวิตมาช่วยฉันไหม" เอ่ยจบฉันก็เงยหน้าถามร่างสูงทั้งน้ำตา ความหวาดกลัวและไม่เชื่อใจ จากในความฝัน ถูกฝังลึกตกตะกอนมาถึงโลกความจริง

    "ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตผมก็จะปกป้องอันนา ผมขอสัญญา" ฮารุโตะยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นและเจิดจ้าที่สุดตั้งแต่ที่ฉันเคยเห็น เขาเอื้อมมือไปถอดสร้อยที่คอตัวเองออก

    "อันนาเก็บไว้นะ" พูดจบเขาก็สวมสร้อยเส้นนั้นให้กับฉัน ตัวสร้อยมีแหวนสีเงินประดับห้อยอยู่ด้วย ว่าแต่แหวนวงนี้คุ้นๆ จัง

    "นายให้ฉันทำไมเหรอ"

    "แหวนสั่งการประจำตระกูลน่ะ ถ้าอันนามีแหวนนี่แวมไพร์ประจำตระกูลจะคุ้มกันราวกับอันนาเป็นเจ้านายพวกเขา" ร่างสูงอธิบาย ฝ่ามือหนาลูบผมฉันเบาๆ ด้วยรอยยิ้ม

    "ถ้างั้นนายจะไม่เป็นไรเหรอฮารุโตะ"

    "ฮ่าฮ่า ผมอยู่ในจุดที่ไม่ต้องใช้มัน ก็สามารถสั่งการแวมไพร์ตนอื่นได้แล้วครับ" เมื่อเห็นสีหน้าที่ดูแตกตื่นของฉัน ฮารุโตะก็รีบอธิบาย แถมเขายังหัวเราะออกมาราวกับเป็นคำถามที่เด็กน้อยใช้ถาม ชักอายนิดๆ แล้วแฮะเล่นหัวเราะจริงจังเบอร์นั้น

    "อันนาเห็นหน้าแวมไพร์ที่อยู่ในฝันไหมครับ"

    "ไม่เห็น แต่ว่าจำชื่อได้ คิระ เคย์ อาซาฮี จำได้แค่นี้อ่ะ เพราะบางคนในฝันก็ไม่มีพูดถึงชื่อ" ฉันตอบ พร้อมกับมองฮารุโตะ เขามีสีหน้าตกใจอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้าง

    "นายรู้จักพวกเขาเหรอ"

    "เรียกว่าพวกเขาเป็นพี่ชายผมก็คงได้ ถ้ายังมีชีวิตอยู่น่ะ เห็นว่าถูกพวกฮันเตอร์สังหาร ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ตอนนั้นแวมไพร์ยังไม่ได้ทำพันธสัญญากับพวกฮันเตอร์ เลยมีการล่ากันไปมา"

    "แต่ว่าในฝันที่เห็นพวกเขาหายสาบสูญตั้งแต่ดอกไม้ของตัวเองเกิดเรื่องนะ" ฉันบอก รู้สึกว่าเรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำ แถมชายที่ชื่อคิระก็โดน...แวมไพร์ตนอื่นฆ่า

    "ก็มีความเป็นไปได้ครับ แต่คงไม่ใช่ทุกคนหรอกจริงไหมครับ อ้อ! เรื่องความฝันนี้อันนาห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาดนะครับ"

    แม้จะไม่รู้ว่าทำไม แต่ฉันก็พยักหน้าตกลง ฮารุโตะคงทำเพื่อความปลอดภัยล่ะมั้ง

    "อีกเดี๋ยวผมต้องไปประชุมกับตระกูลอื่นแล้ว อันนาอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม ถ้าไม่ได้ผมจะส่งคนมาอยู่เป็นเพื่อน" คนที่ว่าคือหมายถึงแวมไพร์สินะ

    "ไม่เป็นไรๆ แค่นี้สบายมาก พวกนายเป็นศัตรูกันไม่ใช่เหรอตอนนี้ แล้วประชุมอะไรกัน"

    ด้วยความอดไม่ได้ ฉันจึงเผลอถามออกไป เห็นพูดว่าเป็นประชุม เขาคงไม่คิดว่าฉันจุ้นเกินไปใช่ไหม คนมันสงสัยนี่นา

    "ถ้าตามปกตินะครับ พวกผม ไอ้แซ็ก ไอ้กวิน ตัดสินใจร่วมมือกันชั่วคราว เพราะไม่รู้ฝ่ายนั้นจะเคลื่อนไหวยังไง ดีไม่ดีถ้าพวกมันร่วมมือกันฝ่ายผมคงลำบาก แต่อันนาไม่ต้องกลัวนะ"

    "อื้อ กลับมาไวๆ นะ" อ่า...นี่ฉันพูดอะไรออกไป อยากตีปากตัวเองจริง ฉันยกมือเขกหัวตัวเองทีหนึ่งก่อนจะมองไปที่ฮารุโตะที่กำลังยืนอมยิ้ม

    '"คือว่า…" น่าอายจังเลย

    "ครับ ผมจะรีบมาไวๆ"

    บ้าจริง! ฉันคงไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ ก็แค่ความรู้สึกอ่อนไหวชั่ววูบเท่านั้น! เพราะตอนนี้ฮารุโตะเป็นคนเดียวที่ดูแลปกป้องฉัน พ้นเรื่องนี้ไปหัวใจดวงนี้คงด้านชาเหมือนเดิม มันไม่สามารถยอมรับผู้ชายที่เป็นปีศาจ แถมยังเคยข่มขืนตัวเองได้หรอก ฉันยกมือกุมอกตัวเองเบาๆ มองตามร่างสูงที่กำลังเดินออกไป

    "ฉันไม่มีทางรู้สึกอะไร ไม่มีวัน! " ได้แต่ปลอบตัวเองในใจ ก่อนที่หางตาฉันจะเห็นผู้ชายคนหนึ่งผ่านทางกระจกห้อง ผู้ชายคนนั้นคือวิน เขายืนอยู่บนกิ่งไม้ต้นใหญ่ ด้านล่างเป็นแวมไพร์ตระกูลอื่นที่พากันเดินไปมา ราวกับฝูงฉลามรองับเหยื่อ ฉันรีบปิดผ้าม่านทันที

    ไม่นานก็ได้ยินเสียงอึกทึกโครมคราม คงเกิดเรื่องอะไรขึ้นสินะ ฉันเดินวนไปมาอยู่ในห้อง ครั้งนี้จะเกิดเรื่องอะไรอีก คนพวกนั้นจะบุกเข้ามาในหอไหม ฮารุโตะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า กงวัลจังแฮะ

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

    ใครน่ะ? ฉันมองไปที่ประตู ลังเลอยู่นิดหน่อย แต่ก็นึกขึ้นได้ ถ้าเป็นแวมไพร์ตระกูลอื่นคงไม่เสียเวลาเคาะห้องหรอกมั้ง

    "ดีใจที่ได้เจอเธออีกนะอันนา" น้ำเสียงหวานเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้างพร้อมกับพุ่งมากอดฉันแน่น

    "ลินดา! "

    "ใช่! ฉันเองไม่คิดว่าจะได้เจอกันอีก"

    ฉันยิ้มออกมาทันที ทั้งที่เมื่อกี้หัวใจห่อเหี่ยวมาก ในที่สุดก็ได้พูดคุยกับมนุษย์ด้วยกัน แถมยังเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกันอีก ข้างหลังลินดามีผู้หญิงอีก 2 คนยืนอยู่ด้วย

    "อ้อ นี่เพลงเพลินกับลูกตาล" ลินดาแนะนำ ฉันยิ้มให้พวกเธอเล็กน้อย จำได้ว่าลูกตาลเธออยู่กับพี่ยูตะเมื่อเช้า ส่วนเพลงเพลินเป็นผู้หญิงของแวมไพร์ที่ชื่อกวินสินะ ตัวเล็กไปมั้ยนะ

    "มีใครหิวไหม? '' ด้วยความที่ไม่รู้จะชวนทั้งสองคุยอะไร ประจวบกับเริ่มเย็นแล้วฉันจึงเอ่ยคำพูดนี้ขึ้นมา เพลงเพลินกับลูกตาลมองหน้ากันปริบๆ ไม่นานก็พยักหน้ารัวเป็นอันตอบตกลง

    "สองคนนี้ขี้อายน่ะ ในห้องเธอมีของกินเยอะขนาดนี้เลยเหรออันนา" ลินดาถามพร้อมกับมองพวกขนมและของกินเล่นที่ฉันไปขนออกมา

    "ฮารุโตะเป็นคนหามาน่ะ เห็นบอกว่าไม่รู้ว่าฉันชอบกินแบบไหนเลยเหมามาทั้งหมดเลย"

    "พี่อันนาคะ...คือว่า...ที่จริงแล้วหนูปลื้มพี่มากเลยค่ะ! ไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นดอกไม้เหมือนกัน" ลูกตาลที่ก่อนหน้าเอาแต่จ้องฉันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น อ้อ! ถึงว่าตาเป็นประกายเชียว

    "หนูด้วยค่ะ! หนูเป็นติ่งพี่เลยนะคะ" ตามด้วยเพลงเพลินที่รีบพูดขึ้น คือว่า...มันเรื่องอะไรกัน ฉันได้แต่ทำหน้างง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนดังตอนไหน ชีวิตในมหาลัยฉันเรียบง่ายมากเลยนะ กิจกรรมแทบไม่ได้แตะ เรียนอย่างเดียว

    "นี่เธอไม่รู้เลยเหรอว่าตัวเองดังแค่ไหน" ลินดาถามด้วยน้ำเสียงอึ้งๆ ราวกับไม่เชื่อ อย่าว่าแต่เธอเลยฉันก็ด้วย

    "ใครๆ ก็เรียกเธอว่านางฟ้าของมหาลัย C ถ้าพูดเรื่องความสวย ใครๆ ก็อยากเอาชื่อและหน้าเธอไปข่มกับมหาลัยอื่นทั้งนั้น"

    "มันขนาดนั้นเลย? " ฉันถาม มองไปที่ทั้ง 3 คนที่พยักหน้าอย่างพร้อมเพรียง

    "ตอนรู้ว่าเธอเป็นดอกไม้ของฮารุโตะ ฉันไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีมนุษย์และแวมไพร์คนไหนมายุ่งด้วยทั้งที่สวยขนาดนี้" ลินดาพูด สองมือก็ดึงแก้มฉันเล่นเบาๆ คนอื่นที่เห็นก็พากันตามน้ำ

    "ขนาดกวินยังตกใจเลยค่ะ หมอนั่นยังไม่คิดเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นพี่ แถมบ่นด้วยว่าน่าเสียดาย เหอะ! " ประโยคหลังดูเหมือนเพลงเพลินจะไม่ค่อยชอบใจแฮะ ขี้หึงสินะเด็กคนนี้

    "พวกเธอรู้เรื่องแวมไพร์ตั้งแต่ตอนไหนเหรอ"

    "ตั้งแต่เด็กน่ะ/ตั้งแต่เล็กเลยค่ะ" ลินดากับเพลงเพลินตอบพร้อมกัน

    "หนูพึ่งรู้ตอนเข้ามาเรียนที่นี่เองค่ะ ครั้งแรกนี่ช๊อค" ฉันพยักหน้าเห็นด้วย ไม่ต่างกัน

    พวกเราคุยเล่นกันจนเกือบ 3 ทุ่ม แลกเปลี่ยนเรื่องมหัศจรรย์ที่ต่างคนต่างพบเจอ เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกมีชีวิตชีวามากขึ้น เสียงอึกโครมครามด้านนอกไม่สามารถทำให้ฉันหวาดกลัวเหมือนกับคืนที่ผ่านมาอีกต่อไป 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×