คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : EPISODE 13
EPISODE 13
ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ฉันมองเหล่าแวมไพร์กระโจนเข้าใส่กัน ดวงตาของพวกเขาเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง เหมือนกับฮารุโตะในตอนนั้น แถมยังมีเขี้ยวและเล็บงอกออกมา
"โทษทีว่ะ คุณชายโตะ ใครจะคิดว่าน้องอันนาจะฮอตขนาดนี้" พี่คราวน์พูดติดตลก ในขณะที่เขาก็กำลังจัดการกับแวมไพร์ตนอื่นที่พุ่งมาทางนี้เรื่อยๆ
"พวกกูเปิดทางให้ได้แค่นี้นะ มึงรีบพาน้องอันนาไปหลบในคริสตัล แล้วรีบกลับมาช่วยพวกกูกระทืบไอ้พวกนี้ซะ! "
พี่คิงตะโกนบอก เขาเองก็ถูกแวมไพร์ตระกูลอื่นกระโจนเข้าใส่เหมือนกัน ฉันมองไปรอบๆ รู้สึกว่าตระกูลอื่นจงใจเล่นงานพวกเราเป็นพิเศษ โดยเฉพาะฮารุโตะ ที่ขยับไปทางไหนก็มีแต่ถูกตามติด ถึงอย่างนั้นสีหน้าเขาก็ยังเรียบเฉย ในขณะที่ฉันได้แต่ลอบกลืนน้ำลายทุกครั้งที่เราถูกจู่โจม
"หึ! แค่นี้ก็เหลือเฟือ ขอบใจพวกมึงมาก"
ฮารุโตะกระตุกยิ้ม มือที่อุ้มฉันไว้กระชับแน่นขึ้น ก่อนร่างสูงจะวิ่งออกจากสนามแห่งนี้ เพื่อไปยังคริสตัลที่เขาพูดถึง ความเร็วนั้นทำให้ฉันต้องถลาเข้าไปกอดคอเขาแน่นเพราะกลัวตก
เพียงไม่กี่ก้าวเราจะพ้นจากสนามที่เต็มไปด้วยเหล่าแวมไพร์ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อชายที่ชื่อวิน กระโจนเข้ามาขวาง ก่อนหน้านั้นเขาถูกฮารุโตะเตะไปเต็มแรง คิดไม่ถึงว่าเขาจะฟื้นตัวได้เร็วขนาดนี้
"ถอยไปไอ้วิน! " ฮารุโตะพูดขึ้น
"กูต้องฟังมึงเหรอ? "
วินตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวน ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์ของผู้ชายเฉื่อยชาที่เจอกันในครั้งแรก ในที่สุดฮารุโตะก็วางฉันลงกับพื้น แน่นอนว่าฉันวิ่งไปหลบข้างหลังเขาอย่างรู้งาน
ตอนนี้บรรยากาศตึงเครียดกว่าเมื่อกี้เป็นเท่าตัว สีหน้าของฮารุโตะที่เคยเรียบเฉย กลับเต็มไปด้วยความกังวล ที่เป็นแบบนี้เพราะเขาต้องสู้กับผู้นำตระกูลอื่นที่ฝีมือไม่ด้อยไปกว่าตัวเอง
ไหนจะต้องคอยระวัง ไม่ให้แวมไพร์จากตระกูลอื่นเอาตัวฉันไป
"ฮารุโตะฉันไม่เป็นไร" ฉันคว้ามือของเขามากุมไว้แน่น ออกแรงบีบเล็กน้อย เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันนั้นเชื่อใจ ร่างสูงหันมาสบตาก่อนจะพยักหน้า
"อันนาถอยไปก่อนครับ" ฮารุโตะเอ่ย
ฉันถอยออกไปตามที่เขาบอก หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วิ ทั้งวินและฮารุโตะก็เข้าปะทะกัน ฮารุโตะถูกวินเหวี่ยงลงกระแทกกับพื้น ในขณะที่เขาก็ยื่นแขนออกมาบีบคอวินเหมือนกัน
ทั้งสองผลัดกันรัวหมัดใส่กัน มันดูรุนแรงเกินกว่ามนุษย์อย่างฉันจะรับได้ พื้นดินที่พวกเขายืนอยู่ยุบลงเป็นเมตร นั่นทำให้ฉันต้องถอยหลังไปเรื่อยๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนลูกหลงไปด้วย
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ฮารุโตะดูเหมือนจะเห็นช่องทางจู่โจม เขากระโดดเข้าไปกระแทกเข่าใส่หน้าวิน มือหนามีเล็บยาวยื่นออกมา ก่อนฝ่ามือนั้นจะออกแรงบีบไปที่กะโหลก แต่แล้วฮารุโตะก็ต้องชะงัก เมื่อเขาหันมาสบตากับฉัน ร่างสูงตะโกนคำพูดบางอย่างออกมา
"อันนา! หมอบลง! "
ฉันขมวดคิ้ว ได้ยินเสียงของฮารุโตะไม่ชัด เนื่องจากรอบตัวเสียงดังมาก สีหน้าเขาดูตกใจมาก นัยน์ตาสีทองเบิกกว้าง ร่างสูงกำลังจะพุ่งมาทางฉันเพื่อคว้าตัว แต่ก็ถูกแวมไพร์จากตระกูลอื่นเข้ามาขวาง
โครม! กว่าจะเข้าใจในความหมายนั้น ร่างของฉันก็ถูกใครบางคนดึงจนหงายหลัง พร้อมกับต้นไม้ทั้งต้นที่ถูกเหวี่ยงมาทางนี้พอดี ความเจ็บแล่นเข้ามาทันที ถึงจะรอดได้อย่างหวุดหวิด แต่ต้นแขนฉันกลับถูกกิ่งไม้เกี่ยวจนเลือดซิบ
"ไม่เป็นไรนะ" น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมา พร้อมกับยื่นมือทั้งสองมาช่วยพยุง
"อ่อ...คิดว่าไม่นะ" ฉันเงยหน้ามองหญิงสาวที่มาช่วย ริมฝีปากบางได้รูป ปากนิด จมูกหน่อย แม้จะไม่ได้มีตาสองชั้นแบบพิมพ์นิยม ถึงอย่างนั้นก็ดูน่ารักน่าถนุถนอม เธอคือผู้หญิงที่เป็นหนึ่งในดอกไม้ จากอีกตระกูล ข้างหลังเธอมีแวมไพร์อีกสองตนกำลังต่อสู้กันอยู่ เป็นการต่อสู้ที่รุนแรงพอๆ กับฮารุโตะ ไม่แปลกใจถ้าจะขยับหนีมาเรื่อยๆ จนมาเจอกับฉัน
"ฉันชื่อลินดา" เธอเอ่ย
"ฉันอันนา" ถึงสถานการณ์ตรงหน้าจะไม่เอื้ออำนวย แต่ฉันก็ตอบกลับ ยังไงเราทั้งคู่ก็ชะตากรรมเดียวกัน ไม่ช่วยกันตอนนี้แล้วจะให้ช่วยกันตอนไหน
"เราต้องไปต้องหลบในคริสตัล"
"ฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไรแล้วก็อยู่ที่ไหน"
"คริสตัลอยู่ในโบสถ์ ห่างจากที่นี่ไม่เท่าไหร่หรอก ขืนพวกเราอยู่ต่อคงทำได้แค่เป็นตัวถ่วงแถมยังเสี่ยงเป็นเป้าให้โดนจับด้วย"
ลินดาเอ่ย จริงอย่างที่เธอว่า นี่ไม่ใช่ที่ของเรา ฉันหันไปมองฮารุโตะ เขากำลังมองมาที่ฉันสีหน้าดูโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
ร่างสูงพยายามก้าวเท้ามาหาฉันแต่ก็ถูกฝูงแวมไพร์กระโจนเข้าใส่เรื่อยๆ เขากัดฟันกรอด คงหงุดหงิดที่ไม่สามารถเอื้อมมือมาคว้าตัวฉันได้เหมือนทุกครั้ง
"เธอต้องตัดสินใจแล้วนะอันนา" ลินดาเร่ง ใบหน้าคลอไปด้วยน้ำตา ร่างบางกำลังกลัวเหมือนกันสินะ เอาล่ะ ฉันต้องใช้โอกาสที่พวกเขากำลังสู้กันหนีไปที่ปลอดภัย
"เราไปกันเถอะ! " จบคำพูดนั้นฉันก็คว้ามือของลินดา ก่อนจะพากันวิ่งออกมาจากตรงนั้น
"เธอนำทางทีนะลินดา"
"อื้อ ได้! "
ตอนนี้เราทั้งคู่พ้นจากสนามแล้ว ฉันหันไปมองข้างหลังเป็นระยะ เพื่อดูว่ามีแวมไพร์ตนอื่นตามเรามาหรือเปล่า โชคดีที่พวกเขากำลังสู้กันอยู่ ถึงอยากไล่ตามก็คงไม่ง่าย
ข้างหน้าฉันเป็นโบสถ์คริสต์คาทอลิกสีขาว ลักษณะไม่กว้างนัก แต่ก็ถูกตกแต่งอย่างประณีตและสวยงาม ไม่คิดเลยว่าจะมีที่แบบนี้ในมหาลัย ฉันวิ่งเข้าไปในโบสถ์ กวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อหาที่ปลอดภัย
"แน่ใจนะว่าที่นี่" ฉันหันไปถามลินดา นอกจากเก้าอี้ทรงยาว แล้วก็รูปงานศิลป์ กับไม้กางเขนข้างหน้า ก็ไม่เห็นว่าจะพอใช้เป็นที่หลบได้ หรือพวกแวมไพร์จะกลัวโบสถ์?
"ทางนี้อันนา! "
ลินดากวักมือเรียกก่อนจะเดินนำไปอีกทาง ฉันที่เห็นดังนั้นเลยก้าวตามไปอย่างช่วยไม่ได้ เราทั้งคู่เดินมาหยุดอยู่ที่ประตูทางเข้าบานใหญ่
ตึง! ฉันสะดุ้งเฮือก มองประตูข้างหน้าที่เปิดออกเอง สองเท้าก็ค่อยๆ ก้าวไปตามทางเดิน ฝาผนังทั้งสองด้านถูกแต่งแต้มไปด้วยรูปภาพงานศิลป์ เป็นภาพของดอกไม้ ผีเสื้อ ต้นไม้หน้าตาแปลกๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวา
แต่เมื่อเดินไปเรื่อยๆ โทนภาพก็เริ่มเปลี่ยน จากที่ดูสดใส แปลเปลี่ยนเป็นอึมครึม เป็นภาพของบ้านที่ถูกไฟเผาบ้าง มนุษย์หนีตาย เลือดนองตามทางเดินและพื้นหญ้า ภาพมันดูดาร์กขึ้นเรื่อยๆ ดอกไม้ก่อนหน้าที่เคยสดใสเริ่มแห้งเหี่ยว ผีเสื้อและแมลงพากันตายหมด
"นั่นไงคริสตัลที่พูดถึง! "
ฉันละสายตาจากภาพตรงหน้า หันไปมองคริสตัลที่ว่า เอ่อ...มันคือโลงศพที่ใช้คริสตัลสร้างทั้งหลัง สวยอยู่หรอกนะ แต่ว่า
"เราต้องเข้าไปนอนในนั้นเหรอ? " ฉันถาม
"ใช่! " ลินดาพยักหน้า
"เพื่อ? "
"แซ็กเล่าว่าเดิมทีโลงศพพวกนี้ แวมไพร์ใช้จำศีลกัน เพราะงั้นถึงได้มีความทนทานมากเป็นพิเศษ อะไรก็ทำลายได้ยาก ถ้าเราไปหลบอยู่ข้างในก็น่าจะปลอดภัยระดับหนึ่ง"
ฉันกวาดสายตาไปทั่วห้อง ในนี้มีโลงศพคริสตัลอยู่ 6 โรง ที่สำคัญมันก็เหมือนกันหมด
"ใช้โลงศพอันไหนก็ได้ใช่ไหม? "
"ฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน"
"อ้าว" จบคำพูดฉันก็ได้แต่ร้องเสียงหลง
ตึง! ตึง! ราวกับว่ามีแผ่นดินไหว โบสถ์ที่ฉันอยู่เริ่มสั่น ได้ยินเสียงคล้ายกับกำลังมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ พวกมันตามเรามาแล้วใช่ไหม? ฉันสบตากับลินดา เราทั้งคู่กำลังลังเล เอายังไงดี เลือกๆ สักอันดีไหม ขืนถูกจับได้ทั้งแบบนี้ต้องแย่แน่
"เราเลือกสักอันเถอะ" ฉันเริ่มพูดขึ้น
"นั่นสิเนอะ อุตส่าห์หนีมาได้ขนาดนี้แล้ว" ลินดาก็ดูจะเห็นด้วย
ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่ง ฉันกับลินดาก็เดินไปหยุดอยู่หน้าโลงศพคริสตัล ถอนหายใจออกเล็กน้อย พยายามที่จะขับไล่ความกังวลที่อยู่ในใจ ฝาโลงค่อยๆ เลื่อนลง พร้อมกับขาทั้งสองข้างที่ก้าวเข้าไปในนั้น "ขอให้เธอโชคดีนะลินดา"
ปัง! จบคำพูดนั้นฝาโลงก็ถูกปิด ฉันได้แต่กะพริบตาปริบๆ นึกว่าจะมองอะไรไม่เห็นเสียอีก ในนี้กลับสว่างกว่าที่คิด แถมยังไม่รู้สึกอึดอัดด้วย ทั้งที่ไม่น่ามีออกซิเจนด้วยซ้ำ ฉันไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงภายนอกเลย ป่านนี้พวกแวมไพร์จะไปหรือยังนะ เกมบ้าๆ นี่จะจบหรือยัง?
กึก! กึก! ฉันคิดว่าเวลาคงผ่านไปนานสมควร จึงยื่นมือไปผลักฝาโลงออก แต่ปรากฏว่ามันดันเปิดไม่ออก ไม่ว่าจะพยายามออกแรง งัด แงะแค่ไหนก็ไม่ขยับแม้แต่น้อย คราวนี้ฉันเริ่มใจเสีย ถ้าเปิดไม่ออกตลอดชีวิตจะทำไงดี
"ฮารุโตะช่วยฉันด้วย! " ได้แต่นอนพึมพำอยู่ในโรงทั้งอย่างนั้น ก่อนฉันจะเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับกำลังกินยานอนหลับเข้าไป รู้สึกว่าร่างกายกำลังล่องลอยไปที่ไหนสักแห่งซึ่งเป็นสถานที่ไม่คุ้นเคย
"อ้ะ! อย่าทำฉัน ปล่อยนะ! เคย์คุงช่วยด้วย!! " ฉันมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ใบหน้าน่ารัก อ่อนหวานนั่นคงจะอายุแค่เพียง 16 ปี เธอกำลังถูกชายหนุ่มคนหนึ่งคร่อมทับ
"ฮื่อ! ปล่อยนะ! ฮึกฮื่อ" ร่างบางดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง แต่ก็ยากจะต้านทานแรงของชายที่ตัวใหญ่และมีพละกำลังมากกว่า เธอกำลังหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ ฉันต้องช่วยเธอ! ทว่าครั้งนี้ฉันก็ไม่สามารถขยับเท้าหรือเปล่งเสียงได้อีก
"ขะ ขอร้อง ฮึก! อย่าทำฉัน" เธอยกมือไหว้คนตัวสูงทั้งน้ำตา หวังขอความเมตตาจากคนตรงหน้าทว่าแทนที่จะเห็นใจอีกฝ่ายกลับ…
แคว่ก! ฉีกทึ้งเสื้อตัวบางนั่นออก
"พี่จะทำให้เธอท้องลูกของพี่ซานะ! อยากรู้เหมือนกัน ไอ้เคย์มันจะทำหน้ายังไงถ้าดอกไม้ของมันถูกพี่จับกลืนลงท้องโดยที่มันไม่เคยได้แม้แต่ลิ้มลอง"
พูดจบชายคนนั้นก็ยกมือขึ้นบีบปากเล็กพร้อมกับประกบจูบลงไปอย่างรุนแรง นัยน์ตาของเขาเป็นสีเหลืองทองอร่าม หมอนี่ไม่ใช่มนุษย์ เขาเป็นแวมไพร์
"อื้อ! ไม่! ไม่เอานะ! ฉันจะไม่มีลูกให้แกเด็ดขาดไอ้ปีศาจ!! " เสียงกรีดร้องนั้นดังออกมาไม่หยุด ฉันกำมือแน่น อยากช่วยเธอแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกแน่นไปทั่วหน้าอก
ทรมาน ทรมานอีกแล้ว ขณะที่กำลังจะฟุบลงกับพื้น หางตาฉันก็เหลือบไปเห็นสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่อยู่ตรงเนินอกของร่างบาง สัญลักษณ์นี้อีกแล้ว นี่มันหมายความว่ายังไง?
ในที่สุดภาพตรงหน้าก็ถูกตัดไป พร้อมกับมีผู้หญิงอีกคนฉายอยู่ตรงหน้าแทน เธอคนนี้ก็มีสัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เธอไม่ได้สวยน่ารักเหมือนคนที่ผ่านมา พวกแวมไพร์ทำท่ารังเกียจร่างบาง ในขณะที่อีกใจก็อยากครอบครอง เธอถูกทรมานอย่างแสนสาหัส
ฉันวนเห็นภาพเหล่านั้นซ้ำไปเรื่อยๆ ผู้หญิงที่โชคร้ายเหล่านั้นต่างมีสัญลักษณ์พระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เหมือนกับฉัน และทุกคนจบไม่สวย ไม่ว่าพวกเธอจะตะโกนร้องเรียกชายที่รักสักแค่ไหน พวกเขาก็ไม่อาจปรากฏตัว บ้างก็ถูกฆ่าตาย บ้างก็ปล่อยทิ้งไว้ราวกับเธอเหล่านั้นเป็นเพียงของเล่นของแวมไพร์
ไม่นะ ไม่เอา ฉันไม่อยากมีชะตากรรมแบบนี้ใครก็ได้เอาสัญลักษณ์บ้าๆ นี่ออกไปจากตัวฉันที ใครก็ได้! ช่วยที…
:บันทึกพิเศษ ฮารุโตะ
อันนาหายไป ผมกวาดสายตาไปทั่วสนามเพื่อมองหาเธอ แต่กลับไม่เจอแม้ปลายเส้นผม จำได้ว่าเผลอละสายตาจากร่างตรงหน้าไปชั่วครู่ เพราะแวมไพร์จากตระกูลอื่น จงใจหันมาเล่นงานผมมากสุด ยั้วเยี้ยเหมือนพวกแมลง
ผั่วะ! "คุณชายโตะมึงไม่เป็นไรนะ"
เป็นไอ้เบย์ที่วิ่งเข้ามาอัดอีกฝ่ายแทนผม ในขณะที่ผมกำลังมองไปทั่วสนาม ส่วนไอ้วินที่ก่อนหน้านี้มาขวางทางผม ก็นอนจมกองเลือดเรียบร้อย เด็กตระกูลมันรีบเข้ามาลากกลับไปแทบไม่ทัน หึ!
"เกิดอะไรขึ้นวะ น้องอันนาหายไปไหน"
"กูไม่รู้ กูละสายตาไปแค่แป๊บเดียวอันนาก็หาย" ผมตอบไอ้เบย์ ไม่เคยอยากอัดหน้าตัวเองเท่านี้มาก่อน ภายในกายร้อนรุ่มจนอยู่ไม่สุข พละกำลังที่คิดว่าเริ่มลดลง ตอนนี้ราวกับถูกเติมเชื้อเพลิง ถ้าจำไม่ผิด ก่อนหน้านี้เหมือนจะเห็นเธออยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง
"ไอ้เบย์ มึงเห็นพวกผู้นำตระกูลบ้างไหม" ผมถาม ขอให้ไอ้พวกนี้ยังอยู่
"ยังไม่มีใครได้ออกจากสนาม"
"ดี โอกาสที่อันนาจะปลอดภัยถือว่าสูง" ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เดิมทีวันนี้ไม่ควรเกิดสงคราม พวกเราแค่มาเปิดตัวดอกไม้ของตัวเองแล้วทำสัญญาการเริ่มเกม วันถัดไปถึงนับเป็นวันเปิดศึกจริง แต่ไอ้วินมันดันพูดจาสองแง่สองง่ามใส่อันนาผมเลยทนไม่ไหว
สุดท้ายก็เป็นอย่างที่เห็น เมื่อใครสักคนเริ่มเปิดสงคราม นั่นนับเป็นจุดสตาร์ท
"ไอ้โตะ น้องอันหายไปไหนอ่ะ" ไอ้คิงที่พึ่งมาถึงกวาดสายตามองไปทั่ว ก่อนจะมองมาที่ผม
"น่าจะไปที่คริสตัลแล้ว" ผมบอก ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ขอให้เป็นแบบนั้นละกัน
"ดูเหมือนสงครามครั้งนี้จะมีสีสันมากกว่าที่คิดไว้อีกนะ ลูกๆ ของฉันถึงได้สู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนี้"
ก่อนไอ้เบย์จะถามอะไรอีก น้ำเสียงที่ดูมีอำนาจและแข็งแกร่งของผู้หญิงวัยกลางคนก็ดังขึ้นมา เส้นผมสีดำคลับถูกปล่อยยาวจนถึงกลางหลัง กับชุดเดรสสีแดง ค่อยๆ ก้าวเท้ามาทางผม เหล่าแวมไพร์เรียกเธอว่าราชินี ผู้อยู่บนจึงสูงสุดของห่วงโซ่ และใช่เธอเป็นแม่ของผม รวมถึงเป็นแม่ของไอ้ผู้นำตระกูลอีกทั้ง 5
"จะเล่นสนุกกันแค่ไหนแม่ไม่เคยว่า จะหวงดอกไม้ของตัวเองก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่าได้ถึงขั้นต้องฆ่าแกงพี่น้องและสายเลือดเดียวกัน"
ริมฝีปากแดงสดพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่เคลือบไปด้วยยาพิษ เธอเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม มือเรียวแตะที่ไหล่เบาๆ
"แม่หวังว่าลูกจะคิดได้ฮารุโตะ"
"จะไม่มีใครตายถ้าอันนาปลอดภัย" ผมปัดมือเรียวนั่นออก ก่อนจะจ้องไปที่ผู้หญิงตรงหน้า ถ้าไม่อยากให้เผ่าแวมไพร์ต้องลุกเป็นไฟก็ไม่สมควรสร้างเงื่อนไขพวกนี้ขึ้นมา
"ถ้าท่านอยากให้เป็นแค่เกมสนุกๆ เหมือนทุกครั้งก็ไม่ควรดึงลินดาเข้ามายุ่งเกี่ยว" ไอ้แซ็กที่เงียบเริ่มเอ่ยปากพูดบ้าง หึ! นานๆ ความคิดผมกับมันจะตรงกัน
"เกิดอะไรขึ้นกับเพลงเพลิน! มึงใช่ไหมไอ้เพลย์ที่เอาเธอไป!! " ผมมองไปที่ไอ้เด็กกวิน มันกำลังตรงเข้าไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่าย โดยไม่ทันได้สังเกตเลย ว่าแม่มึงมาแล้ว ความคลั่งของมันทำให้ราชินีต้องยกมือขึ้นมานวดขมับ
หึ! คลั่งรักนะมึง
"ถ้าหมายถึงเด็กคนนั้นล่ะก็หลับอยู่ในคริสตัล รวมถึงคนอื่นๆ ด้วย"
เอ่ยออกมาแค่นั้น ก่อนราชินีผู้สูงส่งจะเปรยตามองมาที่ ผม ไอ้แซ็ก และไอ้กวิน เธอถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แล้วพูดประโยคหนึ่งขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
"ส่วนเรื่องที่พวกลูกขอกันก่อนหน้านี้ ในฐานะราชินีแม่คงเปลี่ยนกฎอะไรให้ไม่ได้ ตระกูลไหนที่รวบรวมดอกไม้ได้มากที่สุดจะได้ขึ้นเป็นผู้นำของเหล่าแวมไพร์"
เธอเอ่ยออกมาแค่นั้น ก่อนร่างตรงหน้าจะค่อยๆ สลายหายไปเหลือเพียงแค่ไอหมอก ผมกำมือแน่นจนเล็บแหลมจิกเข้ากับเนื้อ อย่านึกว่าไม่รู้ว่าเธอกำลังวางแผนทำอะไร ว่าด้วยเรื่องสืบทอดตำแหน่งราชาคนต่อไป ที่จริงผมกับไอ้แซ็กมีสิทธิ์ได้รับตำแหน่งนี้มากที่สุด
เนื่องด้วยผมกับไอ้แซ็กเป็นสายเลือดบริสุทธิ์แท้ๆ ที่เหลืออยู่น้อยมาก ต่างจากลูกชายคนอื่นในตระกูล เพราะงั้นถึงได้เอาเรื่องดอกไม้มาเป็นข้ออ้าง แท้จริงแล้วแค่อยากให้ไอ้วินเป็นราชาคนต่อไปเท่านั้น เพราะมันดันเป็นลูกชายของมนุษย์ที่เธอหลงรัก ถ้าไอ้วินเป็นฝ่ายที่ชนะในสงครามครั้งนี้ก็ถือว่าหมากเกมนี้เธอวางได้สมบูรณ์ ซึ่งผมจะไม่มีทางยอมให้เป็นแบบนั้น
"มึงจะไปไหนวะคุณชายโตะ" ไอ้เบย์ถาม
"ไปพาตัวอันนากลับมา" ผมตอบแค่นั้น ก่อนจะวิ่งไปข้างหน้า ยิ่งเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ผมต้องการเห็นกับตาตัวเองว่าเธอปลอดภัย แน่นอนว่าพวกไอ้เบย์ก็ตามมาด้วย ถึงจะสงบศึกแค่ชั่วคราวแต่ใครจะเชื่อ
ใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีผมก็มาถึงโบสถ์ พวกเราเอาโลงศพที่ใช้จำศีลมาไว้ที่นี่ ช่วงไหนถึงเวลาจำศีลก็ค่อยเอากลับไปที่คฤหาสน์ ถามว่าทำไมต้องทำแบบนั้น เพราะว่าห้องนี้มีเวทมนตร์ เก็บไว้ที่นี่ช่วยเรื่องความแข็งแกร่งและทนทาน โลงศพพวกนี้ถ้าไม่ใช่เจ้าของเป็นคนเปิด มันก็จะไม่ยอมเปิดออก ยกเว้นก็แต่ผู้ที่ได้รับอนุญาต
ครืน! ฝาโลงศพค่อยๆ เลื่อนออกมา เผยให้เห็นร่างบางของคนที่นอนอยู่ในโรงคริสตัล หน้าอกของเธอกระเพื่อมเล็กน้อยบ่งบอกว่ากำลังหลับ แต่ทว่าผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าผมนั้น...
ไม่ใช่อันนา!
ความคิดเห็น