ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #13 : EPISODE 12

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 67


    EPISODE 12

    "นี่เธอคงไม่ได้ลืมใช่มั้ย? " ร่างสูงตรงหน้าถาม เขาจ้องหน้าฉันอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะ

    ฉันคิดว่าเขารู้นะว่าฉันไม่ได้มาคนเดียว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเลื่อนเก้าอี้ที่ฮารุโตะเคยนั่งออกมา เพื่อจะได้นั่งคุยกับฉันง่ายขึ้น

    "ขอโทษทีนะ ฉันลืมจริงๆ น่ะ พอดีช่วงนี้มีเจอเรื่องยุ่งๆ ไว้วันจันทร์จะคืนเสื้อให้แล้วกัน" บอกออกไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะเป็นฉันเองที่ไปเอ่ยปากสัญญาไว้ อาจจะหยาบคายไปหน่อยที่ต้องให้เจ้าตัวมาทวง แต่มันช่วยไม่ได้จริงๆ นี่นา 2-3 วันนี้ฉันเองยังไม่ได้กลับหอเลย

    "หึ! เอางั้นก็ได้ ฉันจะรอนะ" ร่างสูงตรงหน้าฉันหัวเราะออกมานิดๆ คล้ายว่ากำลังกลั้นขำ สายตาคมกริบของเขากำลังจับจ้องมาที่ต้นคอฉัน นั่นทำให้ฉันต้องยกมือมากุมคอตัวเองไว้โดยอัตโนมัติ อยู่ๆ ก็รู้สึกขนลุก

    "ช่วงนี้มหาลัยเรางดการเรียนการสอนนี่" ฉันเอ่ยออกมาเมื่อนึกขึ้นได้

    "อ้อ งั้นเหรอ" อีกฝ่ายเอ่ยเบาๆ ราวกับไม่เดือดร้อน สรุปแล้วอยากได้เสื้อคืนไหม

    "เอาเป็นว่าฉันจะจ่ายค่าเสื้อให้นายแล้วกัน " อยู่ๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดกับท่าทีของอีกฝ่าย ฉันเลยคิดว่าจ่ายค่าเสียหายให้เขาน่าจะดีที่สุด เพราะโอกาสที่เราสองคนจะเจอกันอีกคงน้อยมาก

    "ไม่คิดว่าใจร้ายไปหน่อยเหรอ"

    "หมายความว่าไง" ถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ อยู่ๆ ก็พูดจาแปลกๆ

    "ทั้งที่เคยบอกไปแล้วว่าชื่อวิน แต่เธอก็เอาแต่เรียกฉันว่านาย ใจร้ายชะมัด"

    ฉันขมวดคิ้ว ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้ จะเซ็นซิทีฟกับเรื่องแค่นี้ แต่ก็เอาเถอะ แค่เรียกชื่อ

    "โอเควิน เอาเป็นว่าฉันจะจ่ายค่าเสียหายให้ เพราะงั้นขอเลขบัญชีด้วย" ไม่พูดอย่างเดียว ฉันยังเป็นฝ่ายยื่นกระดาษกับปากกาไปให้เขา

    วินหยิบมันขึ้นมา แต่เขาก็ยังไม่ได้เขียนอะไรลงไป ฉันได้ยินเสียงเดาะลิ้นเบาๆ ก่อนเขาจะทำเมินด้วยการหมุนปากกาเล่น

    "ไม่ล่ะ" เงียบไปสักพักวินก็พูดขึ้น

    ''เสื้อตัวนั้นเป็นตัวโปรดของฉัน เอาเป็นว่าถ้าวันจันทร์เธอเข้ามหาลัย ก็หยิบมาคืนด้วยล่ะ"

    "เอ๊ะ นี่นาย! ..."

    ยังไม่ทันพูดจบ วินก็ลุกขึ้น เขาโบกมือให้ฉันเล็กน้อย ก่อนจะเดินหันหลังจากไป อะไรของหมอนี่บอกแล้วไงว่าช่วงนี้มหาลัยปิด...คงไม่ใช่ว่าเขาก็เป็นใช่มั้ย? พวกแวมไพร์น่ะ?

    "อันนาครับ"

    "ฮารุโตะ! "

    ฉันหันไปยิ้ม เมื่ออีกฝ่ายเดินมาถึง รู้สึกดีใจนิดหน่อยแฮะ พอเห็นหน้าฮารุโตะ คงเพราะสถานการณ์ก่อนหน้านี้มันค่อนข้างน่าอึดอัด

    "ไม่อร่อยเหรอครับ" ฮารุโตะถาม

    "คงงั้น กินคนเดียวมันไม่ค่อยอร่อยน่ะ"

    เพราะยังไม่มั่นใจว่าจะบอกเรื่องของวินดีมั้ย ฉันเลยเลือกที่จะเลี่ยง ก่อนจะชวนเขาคุยเรื่องอื่นแทน บรรยากาศในตอนนี้ดูดีกว่าก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด ใช้เวลาไม่นานพวกเราก็ทานอาหารจนหมด

    Room H777

    "วันจันทร์นี้ ตระกูลอื่นคงเริ่มทยอยกลับเข้ามหาลัย" ฮารุโตะพูดขึ้นขณะที่กำลังนอนกอดฉัน อ้อ ตอนนี้พวกเรามาถึงห้องพักกันแล้ว

    "รวมถึงตระกูลที่ 1 ของนายด้วยใช่ไหม" ฉันถามพร้อมกับเงยหน้ามองอีกฝ่าย

    "ใช่ครับ อันนาไม่ต้องกลัวนะ อีกอาทิตย์เดียวเท่านั้นเกมไร้สาระนี่จะจบแล้ว"

    "ถ้ามันไร้สาระ แล้วทำไมพวกตระกูลอื่นๆ ถึงต้องการตัวฉัน แล้วก็ดอกไม้คนอื่นขนาดนั้นล่ะ" หรือเพราะคำว่าศักศรีดิ์ ที่มันค้ำคอพวกเขาเหรอ ถึงต้องต่อสู้จนบาดเจ็บขนาดนี้

    "...."

    จบคำพูดของฉัน ฮารุโตะก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาทำเพียงแค่กอดเอวฉันแน่นขึ้นเท่านั้น

    "ผมไม่มีทางให้คนอื่นได้ตัวอันนาไปแน่ เธอเป็นของผมแค่คนเดียว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์มาใช้ประโยชน์จากร่างกายนี้! "

    คำพูดราวกับต้องการพันธนาการและจองจำ ทำเอาฉันหัวใจเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกอึดอัดที่หน้าอกแปลกๆ จนต้องยกมือขึ้นมาทุบอกตัวเอง

    "อันนาเป็นอะไรครับ" ฮารุโตะมักจะความรู้สึกไวเมื่อเป็นเรื่องของฉัน เขาคลายอ้อมกอดลง แล้วรีบลุกขึ้นมาดู

    "อึดอัด" ฉันบอกออกไปก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ จนรู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

    "ไปหาหมอมั้ยครับ"

    "ไม่ ดีขึ้นแล้ว" ฉันรั้งแขนของฮารุโตะไว้ เมื่อเขากำลังหยิบเสื้อเชิ้ตของตัวเองมาใส่ บ่งบอกว่าเจ้าตัวกำลังเตรียมพร้อม

    "แน่ใจนะครับ" เขาถามย้ำ

    "อื้ม ฉันอยากพักผ่อนน่ะ"

    "โอเคครับ ถ้างั้นอันนานอนพักไปนะ คืนนี้ผมจะดูแลเอง"

    ฉันพยักหน้าให้เล็กน้อยเป็นเชิงตกลง ฮารุโตะเห็นดังนั้น ยกมือขึ้นมาเช็ดหน้าผากที่ชื้นไปด้วยเหงื่อของฉัน รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ เขาดูเหมือนเทวดาตัวน้อยเลยแฮะ ฉันชอบนะรอยยิ้มของเขา ชอบหน้าตาที่น่ารักนั่นด้วย ชอบการกระทำที่แสนอบอุ่นในตอนนี้

    ใช่ ก็แค่ชอบ เพราะลึกๆ แล้วหัวใจของฉันไม่สามารถยอมรับฮารุโตะได้ ต่อให้มีเหตุผลร้อยแปดพันข้อ ก็ไม่สามารถลบล้างความผิดที่เขาเคยทำ ถ้าเป็นภาษาชาวบ้านก็คงเรียกว่าเข็ด

    ขณะความคิดของฉันกำลังสับสน เปลือกตาของฉัน ที่เหมือนจะฝืนความเหนื่อยล้าไว้ไม่ไหว ก็ค่อยๆ ปิดลง มันคงถึงขีดจำกัดแล้ว…

    "คิระ! นายอยู่ไหน! "

    ฉันไม่รู้ว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้น แต่เบื้องหน้าของฉันมีผู้หญิงคนหนึ่ง เธอสวมเดรสสีฟ้าอ่อน ผมยาวประบ่า ใบหน้าสวยราวเทพธิดา ทว่าแก้มทั้งสองข้างกับเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

    เธอถูกกักขัง อยู่ในกรงเหล็กที่มีรูปร่างเหมือนกับกรงนกขนาดใหญ่ ข้อเท้าเล็กๆ ถูกโซ่เส้นใหญ่ล่ามเอาไว้ ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังมองเห็นมัน สัญลักษณ์รูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่อยู่เหนือข้อเท้านั่น

    "ฮึก! ช่วยฉันด้วย คิระ! " ร่างบางตรงหน้าร้องไห้ปานจะขาดใจ มือเล็กๆ พยายามทุบกรงเหล็กตรงหน้าอย่างไม่ลดละ นิ้วเรียวเต็มไปด้วยบาดแผล

    "คิระ! คิระ! ฉันกลัว...ฮึกฮื่อ"

    ฉันต้องช่วยเธอ! ทว่าขาของฉันกลับก้าวไม่ออก แม้แต่เสียงของตัวเองก็ไม่สามารถเปล่งออกมาเป็นคำพูดได้

    "เรียกหาไอ้คิระเหรอเซร่า"

    เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น เขาก้าวเท้ามาหยุดอยู่หน้ากรงเหล็ก ในมือถือถุงกระดาษขนาดใหญ่ ก่อนเขาจะโยนมันลงกับพื้น

    ตุบ!

    ของที่อยู่ในถุงค่อยๆ กลิ้งออกมา ฉันเบิกตาโพลงมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ของสิ่งนั้นมันคือหัว หัวที่ถูกตัดออกมาจากคอใครสักคน…

    "คิระ? "

    "ไม่! ไม่จริง!! กรี๊ดดดดดดด!!!"

    หญิงสาวตรงหน้าทรุดลงกับพื้น กรีดร้องออกมาคล้ายกับคนเสียสติ เสียงสะอึกสะอื้นของเธอกรีดแทงเข้ามาในโซนประสาท ฉันรับรู้ได้ถึงความเศร้า ความรู้สึกที่ราวกับโลกทั้งใบกำลังจะพังของเธอ ผู้หญิงที่ชื่อเซร่า

    "ฮึก! เจ็บ ฉันเจ็บจังเลย" ราวกับว่าเป็นผู้ถูกกระทำ ฉันยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองแน่น รู้สึกเจ็บแปล๊บเมื่อมองภาพตรงหน้า น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่

    "อันนา อันนาครับ"

    เฮือก!!

    ฉันสะดุ้งตัวโยน มองไปที่ฮารุโตะที่ตอนนี้มีสีหน้าตกใจมาก มือทั้งสองข้างของเขาแตะอยู่บนไหล่ฉัน บ่งบอกว่าเป็นเขาเองที่พยายามปลุกให้ฉันตื่นจากฝันร้าย

    "ฮารุโตะ" ฉันเรียกชื่อเขาเบาๆ ก่อนจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา ความรู้สึกในตอนนี้ตีปนกันไปหมด แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความโล่งใจ ไม่คิดว่าตัวเองจะอินกับความฝันถึงขนาดร้องไห้ ที่สำคัญคือมันเหมือนจริงมาก

    "อันนาเจ็บตรงไหน บอกผมสิครับ"

    ฮารุโตะที่เห็นว่าฉันเอาแต่เช็ดน้ำตา รีบดึงฉันเข้าไปกอด เขาลูบหัวฉันเบาๆ คล้ายต้องการปลอบใจ พร้อมกวาดสายตาไปทั่วร่างกาย เพื่อสำรวจว่ามีบาดแผลตรงไหนหรือเปล่า

    "ฉันฝันร้ายน่ะ" บอกออกไป เมื่อเห็นว่าเขาดูเป็นห่วงฉันมาก

    "ผมตกใจมากรู้มั้ย อันนาเอาแต่นอนร้องไห้ พึมพำว่าเจ็บ ผมปลุกเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตื่น" ฮารุโตะยื่นมือมากุมมือฉันไว้แน่น สีหน้าของเขาดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด

    "ตอนนี้กี่โมงแล้วเหรอ" หลังจากเริ่มรู้สึกดีขึ้นฉันก็หันไปถามฮารุโตะ

    "ประมาณเจ็ดโมงครึ่งครับ"

    "ถ้างั้นฉันขอไปอาบน้ำก่อนนะ"

    "เดี๋ยวครับ อันนาแน่ใจนะว่าไม่เป็นไรแล้ว"

    "อืม คงเพราะอยู่ๆ ก็มีเรื่องเหนือธรรมชาติเกิดขึ้นกับตัวเอง เลยเก็บไปฝันน่ะ อาบน้ำให้หัวโล่งสักหน่อยคงดีขึ้น"

    เอ่ยจบฉันก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำ ฮารุโตะชะงักลงเล็กน้อย เขาทำเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ

    @เช้าวันจันทร์ มหาลัย C

    "นี่ไม่ใช่ทางเข้ามหาลัยนี่" ฉันพูดขึ้น เมื่อเห็นว่าทางที่ฮารุโตะเลี้ยวรถเข้ามา ไม่ใช่ทางที่ใช้ไปมหาลัยอย่างทุกที

    "เป็นทางลัดของแวมไพร์ครับ ขืนเข้าทางปกติอาจโดนสังเกตได้ง่าย"

    ฉันพยักหน้าเข้าใจ ถนนในตอนนี้ ทั้งสองข้างถูกขนาบไปด้วยต้นไม้ใหญ่สีเขียวชอุ่ม ไม่มีร้านค้า ผู้คน หรือแม้แต่รถยนต์คันอื่น ฉันเลื่อนมือไปลดกระจกลง ก่อนจะยื่นหน้าออกไปข้างนอกเล็กน้อย

    วูบ~

    สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือบรรยากาศเย็นเฉียบกับอากาศที่ดูชื้นอย่างน่าประหลาด ก่อนนี้ฉันยังเห็นแดดจ้า สมเป็นประเทศไทยอยู่เลย

    "ทำแบบนั้นไม่หนาวเหรอครับ? " น้ำเสียงเอ่ยออกมาคล้ายจะเอ็นดู ฮารุโตะส่งเสื้อคลุมสีดำของตัวเองให้กับฉัน

    "ขอบใจนะ"

    "ครับ อีกเดี๋ยวก็ถึงแล้ว เพื่อนๆ ผมก็น่าจะรออยู่แถวนั้น"

    ฉันมองทิวทัศน์ด้านนอกไปเรื่อยๆ รู้สึกเริ่มคุ้นชินกับภาพตรงหน้า นั่นต้นไม้ประจำมหาลัยนี่? แล้วก็ตึกของพวกเด็กวิศวะ ฉันไม่รู้ตัวเลยว่าเราเข้ามาในเขตมหาลัยตอนไหน

    ฟึ่บ!

    หลังจากรถดับสนิท ฮารุโตะก็ดันตัวฉันให้ออกห่างกระจก ก่อนเขาจะเลื่อนกระจกให้ปิดลงเหมือนเดิม "มะ มีไรเหรอ? " ถามออกไปด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ อยู่ๆ ก็ดูซีเรียสขึ้น

    "ผมไม่อยากให้แวมไพร์คนอื่นเห็นอันนาครับ" ร่างสูงตรงหน้าพูดออกมา เขาดูหงุดหงิดอีกแล้ว ฉันไม่ชอบเห็นด้านนี้ของฮารุโตะเลย เพราะฉันไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงดี

    "อันนาต้องจำไว้นะครับ ตอนนี้มหาลัยมีแต่พวกแวมไพร์ ห้ามไว้ใจ หรือเชื่อคำพูดใครทั้งนั้น ยกเว้นผมเพียงคนเดียว"

    "ฉันเข้าใจแล้ว" ถึงฮารุโตะไม่พูด ฉันก็คิดแบบนั้น จนกว่าจะจบเกมบ้าๆ นี่ จะเกาะติดเขาเป็นตังเมเลย เพราะไม่รู้ว่าถ้าถูกพวกอื่นเอาตัวไปจะเป็นยังไง

    ก๊อก! ก๊อก!!

    เสียงเคาะกระจกรถ ทำให้ทั้งฉันและฮารุโตะหันไปมอง เป็นพี่เบย์ หนึ่งในเพื่อนของฮารุโตะที่มาเคาะ ข้างๆ เขายังมี พี่คราวน์ พี่คิง และก็พี่ยูตะ เรียกได้ว่ามากันยกแก๊ง ที่แปลกสำหรับฉันคือ ข้างพี่ยูตะมีผู้หญิงหน้าตาน่ารักยืนอยู่ด้วย

    "ผู้หญิงคนนั้น? "

    "ดอกไม้ของไอ้ยูตะ"

    ฮารุโตะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ราวกับไม่ได้ใส่ใจเป็นพิเศษ เขาหันไปเปิดกระจกรถฝั่งตัวเอง ก่อนจะกระดิกมือ ให้พี่คิงขยับตัวมาใกล้ๆ เพื่อคุยบางอย่าง

    ฉันเหลือบมองผู้หญิงข้างพี่ยูตะ สีหน้าเธอดูแย่มาก ขอบตาช้ำคล้ายกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะรอยคิสมาร์คที่อยู่แถวต้นคอนั่น รู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

    สักพักผู้หญิงคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมา เราทั้งคู่สบตากัน ฉันได้แต่อึกอักเพราะดันเป็นฝ่ายไปจ้องคนอื่นก่อน ตรงกันข้ามกับคนตัวเล็ก ดวงตาที่เมื่อครู่ดูหม่นหมองกับเป็นประกายเมื่อเห็นฉัน "อันนาครับ เราไปกันเถอะ"

    "หะ ไปไหน? " ฉันหันกลับไปมองฮารุโตะ สีหน้าเขาเริ่มดูดีขึ้น หมอนี่เป็นไบโพล่าหรือเปล่า เมื่อกี้ยังทำหน้าเหมือนจะฆ่าคนอยู่เลย เจอเพื่อนแล้วอารมณ์ดีว่างั้น

    "ถึงจะไม่ชอบใจ แต่คงต้องทำให้ไอ้พวกตระกูลอื่นรู้ว่าอันนาเป็นผู้หญิงของใคร"

    ไม่รู้ว่าเพราะรอยยิ้มที่ดูจริงใจของฮารุโตะหรือเปล่า ความกลัวที่มีอยู่ถึงได้ทลายหายไปในพริบตา หัวใจที่เคยเต้นแรงและเร็วก็กลับสงบลงอีกครั้ง อ่า...เวทมนตร์ประเภทไหนกัน

    "ไม่ต้องกลัวนะครับ จับมือผมไว้แน่นๆ พอ"

    "อื้อ ฉันเชื่อใจนายนะ"

    พูดจบฉันก็คว้ามือของฮารุโตะมาจับ พร้อมกับก้าวลงจากรถ อย่างที่คิด สายตาของแวมไพร์นับร้อยคู่ต่างจับจ้องมาที่ฉัน ไม่สิ ไม่ใช่แค่ร้อย น่าจะมีเป็นพันคนได้ เพราะสนามกลางกีฬาที่ไว้ใช้ทำกิจกรรมกว้างมาก ตอนนี้ดูแคบลงในพริบตา

    "ไม่เป็นไรครับ" ฮารุโตะบีบมือฉันเบาๆ ก่อนจะเลื่อนมือมาโอบไหล่

    "มีผมอยู่ไอ้หน้าไหนก็ไม่มีทางได้แตะแม้แต่ปลายเส้นผมของอันนา"

    รู้สึกว่าฮารุโตะจะพูดคำนี้บ่อยมาก ฉันอดสงสัยไม่ได้ ว่าคำพูดนั้นเขาย้ำกับตัวเองหรือฉันกันแน่ ฉันกลืนน้ำลายลงคอ จะว่าเชื่อใจไหม แน่นอนว่าเกิน 80% เพียงแต่บรรยากาศตอนนี้มันค่อนข้างกดดัน แค่เห็นท้องฟ้าก็รู้สึกแย่แล้ว ทั้งมืดครึ้มและหนาวเย็น คล้ายกับจะมีพายุลูกใหญ่

    แวมไพร์ที่อยู่ในสนามต่างแบ่งแยกกันอย่างเห็นได้ชัด คงจะแบ่งเป็นตระกูล เหมือนที่ฮารุโตะเคยพูดไว้ ฉันกวาดสายตามองไปยังแต่ละตระกูล แวมไพร์มีทั้งชายหญิง แต่รู้สึกว่าผู้ชายจะเยอะกว่ามาก นอกจากฉันยังมีผู้หญิงอีก 2 คนที่ยืนอยู่ข้างแวมไพร์ที่น่าจะเป็นผู้นำตระกูลนั้นๆ

    เดาได้ไม่อยากเลยว่าพวกเธอก็เป็นดอกไม้เหมือนกัน ชะตากรรมไม่ต่างกันเท่าไหร่

    ฉันไล่สายตาไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสบตาเข้ากับดวงตาคู่หนึ่ง ซึ่งเป็นฝ่ายจ้องฉันอยู่ก่อนแล้ว ผู้ชายคนนั้นคือ "วิน" ชายที่พึ่งเจอกันเมื่อวาน ดูจากจุดยืนและตำแหน่งที่เขานั่งอยู่ คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่ผู้นำตระกูล

    อันนา เธอมันจะซวยไปถึงไหน ก็คิดอยู่แล้วว่าคำพูดของหมอนั่นมันแปลกๆ คิดว่าเขาอาจจะเป็นแค่แวมไพร์ธรรมดา ใครจะรู้ว่าหมอนี่จะเป็นถึงระดับผู้นำตระกูล แน่นอนว่าตอนนี้ฉันกำลังเบือนหน้าหนีสายตาเจ้าเล่ห์นั่น

    "ไอ้คราวน์ ไหนมึงบอกว่าตระกูลที่ 5 ไม่สนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้ แล้วทำไมไอ้เหี้ยวินผู้นำตระกูลของมัน ถึงจ้องอันนาตาเป็นมัน แค่ไอ้เหี้ยเพลย์กับเหี้ยทีเค ยังไม่พออีกเหรอวะ"

    ฮารุโตะถามเพื่อนเขาเสียงแข็ง คงเพราะพวกตระกูลอื่นยังไม่จ้องฉันขนาดนี้

    "ก่อนหน้านี้พวกกูไม่เห็นมันเคลื่อนไหวอะไร ใครจะไปรู้ แม่งอาจเปลี่ยนใจทันทีที่เห็นหน้าน้องอันนาก็ได้" พี่คราวน์เสริม เพื่อนคนอื่นของฮารุโตะก็พากันพยักหน้าเห็นด้วย

    "เฮ้ย! พวกมึงจะมองเหี้ยไรกันนัก!! " ดูเหมือนพี่เบย์จะของขึ้นแทนฮารุโตะ

    "เออ! ดอกไม้ของเหี้ยแซ็ก กับไอ้กวิน ทำไมมึงไม่พากันแหกตามอง สวยๆ ทั้งนั้น มึงจะมาแย่งกันมองน้องอันนาของพวกกูเพื่อ? " ตามมาด้วยเสียงพี่คิง

    "ของใครนะเหี้ยคิง? " ฮารุโตะเลิกคิ้วถาม

    "ขะ ของมึง"

    พอเถอะ ฉันยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง จะให้เด่นไปถึงไหน แค่นี้ยังตกอยู่ในอันตรายไม่พอเหรอ แถมผู้นำอีกสองตระกูลที่ว่าก็ดัน เอ่อ...ชูนิ้วกลางใส่พี่คิงอีก

    "คุณชายโตะ" พี่ยูตะเรียก บุ้ยปากไปข้างหน้า เป็นวินเองที่กำลังก้าวเท้ามาฝั่งเราพร้อมกับพวกของเขาอีก 4 คน

    คนอื่นในตระกูลทำท่าจะกระโจนเข้าใส่ แต่ก็เป็นฮารุโตะที่ยกมือห้ามไว้ เขาดันฉันไปหลบอยู่ด้านหลังเมื่อเห็นว่าวินเอาแต่จ้องมองฉัน

    "อย่าเสือกล้ำเส้นไอ้วิน" ฮารุโตะพูด ฉันได้ยินเสียงขบกรามดังกึกของร่างสูง

    "ก็แค่ทักทายตามมารยาท หรือมึงคิดมาก"

    "เออ! " ฮารุโตะกระแทกเสียง แต่วินกลับเฉยเมย

    "ไงอันนา เจอกันอีกแล้ว ไหนล่ะเสื้อของผมเธอบอกเองว่าจะคืนให้ถ้าเราเจอกันอีก ให้ผมถอดฝ่ายเดียวไม่แฟร์เลยนะ รู้แบบนี้ ตอนนั้นผมน่าจะให้เธอถอดบ้าง"

    ไม่ใช่นะ! ฉันก้าวเท้าออกมา หมายจะโต้ตอบคำพูดเมื่อครู่ เรื่องมันไม่มีอะไรเลย ทำไมหมอนี่ต้องพูดให้มันส่อไปในทางนั้น ทว่าก่อนฉันจะเอ่ยปากโต้กลับ ก็ถูกมือหนาของฮารุโตะคว้าไว้แน่น

    "มึงพูดให้ดี! "

    สิ้นเสียงนั้น ร่างของวินก็ลอยไปกระแทกกับต้นไม้ ที่อยู่ห่างจากเราประมาณสี่ร้อยเมตร ความรุนแรงนั้น ทำให้ต้นไม้ดังกล่าวโค่นลงมา

    ฉันมองไปที่ภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่เต้นรัวได้ยินเสียงของวินสบถออกมาดังลั่น

    "แม่งเอ๊ย! "

    ไม่นานก็มีเสียงคำราม ดังกึกก้องไปทั่วสนาม เกิดความเงียบไปชั่วขณะ แวมไพร์ตนอื่นก็ดูตื่นตระหนกกันเป็นแถว เกิดอะไรขึ้น?

    ฉับพลัน ร่างของฉันก็ถูกอุ้มจนตัวลอยด้วยฝีมือของฮารุโตะ "ไอ้คราวน์เคลียร์พื้นที่!! " 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×