ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #11 : EPISODE 10

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 67


    EPISODE 10

    : บันทึกพิเศษฮารุโตะ

    “ซื้อมาจากไหน” ทันทีที่มายังห้องของยูริผมก็เอ่ยถามออกไปอย่างข้องใจ

    “คะ? คุณชายหมายถึงอะไร” เธอทำหน้างงเล็กน้อยพร้อมก็มองมาที่ผมด้วยความไม่เข้าใจ แน่นอนว่าผมชักสีหน้าใส่เธอ คือถามขนาดนี้ยังไม่เก็ทว่างั้น

    “บราที่ใส่อยู่ตัวนี้เธอซื้อมาจากไหน” ถามออกไปอีกครั้ง บอกตามตรงว่ายูริเซ้นส์ดีไม่น้อย ผมอดคิดไม่ได้ว่าถ้ามันมาอยู่บนตัวของอันนาจะน่ารักแค่ไหน ใบหน้าหวาน น่าถนุถนอมกับบราเซียลูกไม้สีหวานๆ มันคงจะเข้ากันดีไม่น้อย

    “อ่อ…คุณชายชอบมันเหรอคะ” ยูริถามพร้อมกับส่งยิ้มหวานมาให้ แน่นอนว่าผมพยักหน้าตอบเธอกลับไป ผมอยากซื้อไปให้อันนาใส่บ้าง เจ้าตัวส่วนมากจะชอบใส่พวกสีดำไม่ก็สีแดง ถามว่ามันเข้ากับเธอไหม แน่นอนอันนาใส่สีไหนก็เข้า แต่ผมก็อยากเห็นมุมหวานๆ ของเธอบ้าง

    “ถ้าคุณชายชอบยูริยกมันให้ก็ได้” พูดจบร่างบางตรงหน้าก็ถอดมันออกพร้อมกับส่งมันให้กับผม แถมใบหน้าเนียนขาวก็เริ่มขึ้นสีแดงจางๆ

    “ทำอะไรของเธอ” ผมถามออกไป

    “คะ? ก็คุณชายอยากได้…”

    “เธอคงไม่คิดว่าฉันจะเอาของที่เธอใส่แล้วไปให้อันนาใส่ต่อหรอกนะ เอางี้นะเธอบอกฉันมาว่าซื้อมาจากไหนพอ” พูดจบผมก็ยืนมองยูริอย่างคนต้องการคำตอบ โอเคว่าเราเคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันมาก่อน

    แต่ก็แค่วันไนท์ไม่ได้มีอะไรผูกมัด แวมไพร์ค่อนข้างจัดจ้านในเรื่องเซ็กส์ไม่แปลกที่เมื่อก่อนผมจะหาใครสักคนมาเป็นที่ระบาย ตอนนี้ผมมีอันนาแล้ว เรื่องทุกอย่างก็เป็นอันจบ ยูริเองก็น่าจะรู้

    “ได้ค่ะคุณชาย งั้นยูริจะส่งลิงก์เว็บไซต์ไปให้ทางไลน์นะคะ” ยูริเอ่ยตกลง พร้อมกับส่งยิ้มบางๆ มาให้ ผมที่ได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ พอเห็นว่าหมดธุระกับเธอแล้วจึงเดินไปที่หน้าประตูเพื่อออกจากห้อง ไม่รู้อันนาจะตื่นหรือยังคิดถึงเธอชะมัด แต่ก่อนจะได้ก้าวออกไปข้อมือผมก็ถูกรั้งไว้โดยยูริ

    “อะไรของเธอ” ผมถาม พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยอย่างต้องการคำตอบ รู้สึกว่าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กๆ ที่ผ่านมาผมคิดว่าเธอน่าจะพอเข้าใจอะไรหลายอย่างบ้าง

    “คุณชายไม่รู้สึกอะไรกับฉันจริงๆ เหรอคะ”

    ยูริถามออกมาพร้อมกับกอดแขนผมไว้แน่น ด้วยความอึดอัดผมจึงสะบัดแขนเธอออก ปรากฏว่าผมกะแรงผิด คิดว่าตัวเองไม่ได้รุนแรงอะไรแต่กลับทำให้ร่างของยูริปลิวไปกระแทกชั้นหนังสืออย่างจัง

    “โทษทีฉันกะแรงผิด และใช่ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอ คนเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกได้คืออันนา หวังว่าเธอจะเข้าใจ แล้วก็อย่าเที่ยวมาเกาะแขนฉันแบบนี้” พูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันที แม้จะไม่มีเสียงตอบรับกลับมา แต่ก็หวังว่ายูริจะเข้าใจ

    เพราะผมไม่อยากฆ่าใครพร่ำเพรื่อ ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ยูริก็ไม่สมควรอยู่ใกล้อันนาที่สุด

    : จบบันทึกพิเศษฮารุโตะ

    Anna Talk

    22: 00 น.

    ฉันรู้สึกตัวอีกทีก็ตอน 4 ทุ่ม รู้สึกตกใจเหมือนกันที่ตัวเองหลับลึกขนาดนี้ หันซ้ายหันขวาก็ไม่พบใครทั้งนั้น ฮารุโตะไม่ได้อยู่ในห้องเขาหายไปไหนไม่รู้ ตอนนี้ฉันเองก็อยากเข้าห้องน้ำสุดๆ แต่ก็ต้องตัดใจเมื่อขาที่พยายามจะก้าวลงจากเตียงกลับสั่นไม่หยุด รู้สึกล้าไปหมด ชนิดที่ว่าไม่สามารถมีแรงเดินได้เลย

    ตุบ! ทันทีที่ลองลุกจากเตียงอีกครั้ง ฉันก็ล้มฟุบไปแทบจะทันที รู้สึกสมเพชตัวเองจริงๆ ที่ต้องมาอยู่ในสภาพนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าฮารุโตะรุนแรงกับฉันแค่ไหน

    “อันนา! เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงร้อนรนของใครสักคนดังขึ้น พอหันไปมองก็พบว่าเป็นฮารุโตะ เขาพึ่งเข้ามาในห้องแต่พอเห็นฉันกำลังล้มพับก็รีบเดินเข้ามาหา

    “ฉันอยากเข้าห้องน้ำ” เอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเพลียๆ ฮารุโตะที่พึ่งอุ้มฉันขึ้นกับพื้นก็รีบเดินตรงไปยังห้องน้ำทันที พอถึงเขาก็ค่อยวางฉันลงกับพื้น แน่นอนว่าฉันไม่สามารถยืนเองได้จึงต้องเกาะอ่างล้างหน้าไว้

    “นายออกไปเถอะฮารุโตะ” ฉันเอ่ยปากไล่เมื่อเห็นว่าเขายังไม่ยอมขยับไปไหน

    “แต่อันนาดูไม่ไหวเลยนะ ให้ผมอยู่ช่วยเถอะ”

    “ไม่ต้องฉันอายน่ะ นายออกไปเถอะไว้ถ้ามีอะไรฉันจะตะโกนเรียกนายดังๆ เลยโอเคไหม” พอเห็นว่าร่างสูงทำท่าจะแย้ง ฉันจึงรีบพูดตัดบททันที ใครจะกล้าให้ฮารุโตะอยู่ด้วยล่ะ แค่เมื่อกี้เขาอุ้มฉันมาด้วยสภาพเปลือยฉันก็เกร็งจนจะเป็นตะคริวแล้ว

    “ถ้ามีอะไรเรียกผมเลยนะอันนา” ฮารุโตะหันมาพูดย้ำกับฉันอีกครั้งก่อนจะเดินออกไป แถมยังหันมาสำรวจร่างกายฉันตั้งแต่หัวจรดเท้า เล่นเอาฉันนี่แทบปิดไม่ทัน

    “นายจะมาจ้องอะไรนักหนาเนี่ยออกไปได้แล้ว” ฉันร้องบอกพร้อมกับเอ่ยปากไล่อีกรอบ ทั้งอายทั้งโกรธจนแทบอยากร้องไห้ เกินไปแล้วผู้ชายคนนี้

    หลังจากฮารุโตะออกไปแล้วฉันรีบจัดการกับร่างกายตัวเองให้เร็วที่สุด เพราะไม่รู้ว่าเขาจะโผล่มาตอนไหน ขณะที่กำลังชำระร่างกายตัวเองฉันก็อดรู้สึกกลัวไม่ได้ เมื่อเห็นว่าตามร่างกายมีแต่รอยจูบเต็มไปหมด

    ไม่มีจุดไหนรอดพ้น ส่วนที่ไม่คิดว่าจะมีก็มี ฉันถอนหายใจออกมาเล็กน้อย หยิบผ้าคลุมที่แขวนอยู่มาสวมหลังจากอาบน้ำเสร็จ ที่จริงก็อยากจะอาบนานกว่านี้ แต่รู้สึกหนาวแปลกๆ คล้ายกับจะไม่สบาย

    “ผมให้คนไปเอาเสื้อผ้าของอันนามาแล้วนะ อยู่ตู้ทางขวามือครับ” ฮารุโตะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเดินออกมาจากห้องน้ำ พอเปิดตู้ดังกล่าวก็พบว่าในนี้มีเสื้อผ้าของฉันอยู่เต็มไปหมด รวมทั้งพวกชุดชั้นในด้วย

    เขาคงไม่ได้ให้คนขนมาหมดหรอกนะ คงไม่คิดว่าจะให้ฉันอยู่ที่นี่ถาวรใช่ไหม ถ้าเป็นแบบนั้นจริงไม่เอานะ

    เฮือก!

    “อันนาตัวหอมอีกแล้ว” ฉันสะดุ้งทันทีเมื่อฮารุโตะเดินมาซ้อนหลัง เขาเอื้อมมือมากอดเอวฉันไว้หลวมๆ พร้อมกับพรมจูบไปทั่วลำคอ ฉันยืนตัวแข็งทื่อ หมอนี่เอาอีกแล้ว นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันไม่อยากอยู่กับฮารุโตะ โดยเฉพาะในห้องของเขาแบบสองต่อสอง ฉันรู้สึกได้ว่าหมอนี่เป็นแวมไพร์ที่มีความต้องการทางเพศสูงมาก ซึ่งฉันไม่ใช่ ฉันไม่เคยอินกับการที่เรามีอะไรกัน ฉันกลัวและไม่โอเคกับมันมากๆ

    “ฉันจะแต่งตัวฮารุโตะ” เอ่ยออกไปพร้อมกับค่อยๆ ดิ้นออกจากอ้อมกอด ฮารุโตะไม่ยอมปล่อยฉัน เขายังคงใช้กำลังกักขังร่างกายนี้ให้อยู่ภายใต้วงแขนแกร่ง

    “ฮึก! ฉันบอกว่าจะแต่งตัวไง!” ด้วยความที่เหนื่อยล้า อึดอัด หรือน้อยใจทำให้ฉันร้องไห้ออกมาในที่สุด

    ฝ่ามือที่ลูบไล้อยู่ภายใต้เสื้อคลุมจึงได้หยุดชะงักไปด้วย ฮารุโตะผละหน้าออกจากซอกคอฉัน ร่างสูงไม่ได้แตะต้องตัวฉันอีก เขาทำเพียงแค่กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูฉันเท่านั้น “ขอโทษครับอันนา ไม่ร้องนะ”

    เอ่ยคำปลอบใจเสร็จฮารุโตะก็ยื่นมือมาซับน้ำตาให้กับฉัน และนั่นก็ยิ่งทำให้ฉันร้องไห้หนักเข้าไปอีก รู้สึกเหมือนอารมณ์ในตอนนี้กำลังตีกันมั่วไปหมด

    “กลิ่นตัวฉันมันอันตรายขนาดนั้นเลยเหรอ” ถามออกไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่า หลายๆ คนมักจะพูดเกี่ยวกับกลิ่นตัวของฉันว่าหอมเกินไป

    “ใช่ ไม่งั้นผมจะมีอารมณ์ทุกครั้งเหรอเวลาอยู่ใกล้อันนา” ฮารุโตะตอบ

    “แล้ว…เราต้องมีอะไรกันทุกวันเลยเหรอ” ฉันถามต่อ จำได้ว่าพี่คราวน์เคยบอกว่าถ้าอยากให้กลิ่นนี้บางเบาลงก็ต้องมีเซ็กส์หรือการถูกสัมผัสจากเนื้อคู่ตัวเอง

    “ที่จริงก็ไม่ต้องทุกวันหรอกครับอันนา ทำแค่ตอนที่อันนามีกลิ่นตัวหอมผิดปกติก็พอ อย่างตอนนี้กลิ่นหอมก็เบาบางลงมากแล้ว”

    ไม่พูดอย่างเดียวแต่ฮารุโตะยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ฉันจนหน้าแทบชิด ถึงจะตกใจอยู่บ้าง แต่พอได้ยินอย่างที่เขาพูดจึงอดไม่ได้ที่จะดีใจ งั้นก็หมายความว่าตอนนี้ฉันรอดแล้ว

    “ถ้าอันนาไม่อยากมีเซ็กส์กับผม เราก็ต้องกอดกันหรือสัมผัสกันบ่อยๆ นะครับ”

    “ก็ยังดีกว่าการมีเซ็กส์แหละมั้ง” สูดหายใจเข้าจนเต็มปอด ก่อนจะพูดออกไปด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ เหลือทางเลือกไม่มากก็คงต้องเลือกทางที่สบายใจสุด

    “อ้อ ผมซื้อของกินมาให้อันนาด้วยนะ ได้ยินมาว่ามนุษย์ต้องทานอาหารให้ตรงเวลาไม่งั้นจะมีผลกระทบกับร่างกาย เพราะงั้นผมเลยซื้อพวกอาหารต่างๆ มาเต็มตู้เลย”

    ฮารุโตะยิ้มกว้างพร้อมกับชี้ไปที่ตู้เย็น ฉันมองไปตามที่เขาชี้ก่อนจะเดินไปยังตู้ดังกล่าว พอเปิดออกมาก็ทำให้ฉันถึงกับกุมขมับ คือมีแต่อาหารแช่แข็งทั้งนั้น

    “อันนาไม่ชอบอาหารพวกนี้เหรอครับ” ฮารุโตะถามสงสัยเห็นฉันทำหน้าเอือม

    “ก็นี่มันมีแต่อาหารแช่แข็งทั้งนั้นของพวกนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์” ฉันตอบกลับไป สองมือก็หยิบอาหารดังกล่าวออกมาแกะ จากนั้นก็เอาไปอุ่น

    “แต่ถึงจะไม่มีประโยชน์แต่ตอนนี้ฉันหิวมาก” ด้วยความที่ฮารุโตะเอาแต่ทำหน้างงฉันเลยอธิบายออกไปเพื่อไขข้อสงสัยให้กับเขา

    เรื่องอาหารการกินคงต้องจัดการเอง หลังจากอุ่นจนเสร็จฉันก็หยิบช้อนและจานออกมาใส่อาหาร แล้วก็นั่งกินอย่างนั้นโดยไม่สนสายตาที่เอาแต่จ้องมอง

    “มันอร่อยขนาดนั้นเลยเหรออันนา” ฮารุโตะถาม แถมยังจ้องมาที่ฉันเหมือนกับไม่เคยเห็น ฉันชักสีหน้าเล็กน้อย อะไรมันจะอยากรู้ขนาดนั้น

    “เปล่า” พอตอบกลับอีกฝ่ายก็ทำหน้างง

    “อ้าวแล้ว…”

    “ฉันหิว จบไหม!” ได้ผล คราวนี้ฮารุโตะนิ่งไปเลย ซึ่งฉันก็นิ่งไปด้วย ให้ตายสิเมื่อกี้ฉันกล้าขึ้นเสียงกับเขาได้ไง ถ้าโดนอัดติดฝาผนังจะทำยังไง ไม่รู้ทำไมแต่ฉันรู้สึกหงุดหงิดชะมัด ยิ่งเห็นหน้าเขาก็ยิ่งหงุดหงิด จะเมินก็ไม่ได้เดี๋ยวอีกฝ่ายจะหาว่าเกลียด

    “เอ่อ อันนาใจเย็นนะ ผมไม่ได้จะว่าอะไรเลย” น่าแปลกที่เขาไม่โกรธ แต่กลับเอื้อมมือมาจับแขนฉันเบาๆ เป็นเชิงบอกให้ใจเย็น “อันนาเอาอีกไหม เดี๋ยวผมจะไปอุ่นมาให้นะ ไม่สิ อาหารพวกนี้ไม่ค่อยมีประโยชน์งั้นเดี๋ยวผมจะไปซื้อใหม่ ดีไหม”

    “ไม่เอาแล้ว ว่าแต่นายเห็นถุงยาฉันไหม” ฉันถามเมื่อนึกอะไรขึ้นได้

    “น่าจะอยู่ในรถผมนะ เดี๋ยวผมไปเอาให้” พูดจบฮารุโตะก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าประตู แต่ยังไม่ทันไปถึงเสียงบางอย่างคล้ายระเบิดก็ดังขึ้น

    ตูม! เสียงมันดังมากจนฉันถึงกับสะดุ้ง ฮารุโตะที่ตอนแรกกำลังจะออกไปก็ดึงฉันไปกอดแทน เขาลูบผมฉันเบาๆ อย่างคนต้องการปลอบใจ

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

    “ฮารุโตะมีคนมาเคาะประตู” บอกออกไปพร้อมกับพยายามสะกิดไหล่ ร่างสูงตรงหน้าฉันเอาแต่ยืนนิ่ง สักพักถึงได้ยอมเดินออกไปเปิดประตู ถึงได้รู้ว่าคนที่มาคือเพื่อนเขาเอง แถมยังมากันเกือบครบ ยกเว้นพี่เบย์ที่น่าจะอยู่กับขนมเทียน

    “คุณชายโตะ มีคนวางระเบิดหอเราว่ะ” ฉันเบิกตากว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่คิงพูด ระเบิดเนี่ยนะ แวมไพร์พวกนี้ถึงกับเล่นแรงขนาดนี้เลยหรอ

    “สงสัยพวกมันคงคิดที่จะเอาคืน วันก่อนเราเล่นสองฝั่งนั้นบาดเจ็บไป 20กว่า คน คราวนี้มันเล่นใช้ระเบิด กะจะถล่มให้ถึงครึ่งหอเลยมััง โชคดีที่ระเบิดไม่ค่อยแรงเท่าไหร่เลยมีคนบาดเจ็บไม่เยอะ”

    ฉันกับฮารุโตะเดินตามพี่คราวน์ไปทางบันไดหนีไฟ หูก็ฟังสิ่งที่พวกเขากำลังคุยไปด้วย ฉันสังเกตเห็นแวมไพร์ที่เดินสวนกับตัวเองไปเมื่อกี้ เนื้อตัวเขามีแต่รอยแผลไฟลวกจนน่ากลัว และเพียงไม่กี่วิบาดแผลก็หายเป็นปกติ

    “ฮารุโตะ ผู้ชายคนเมื่อกี้” ฉันเบิกตากว้าง มองตามหลังของแวมไพร์คนดังกล่าว มือสะกิดเรียกฮารุโตะไม่หยุดเพื่อให้เขาหันมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

    “ปกติครับอันนา” ฮารุโตะพูดขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของฉัน

    “ถ้างั้นพวกนายก็เป็นอมตะเหรอ” ถามออกไปด้วยความตกใจ

    “เปล่าหรอกครับ ถ้าแผลไม่สาหัสมากก็สามารถรักษาได้ง่ายๆ แบบนี้กันทุกคน แต่ถ้าสาหัสมากก็ต้องใช้เวลาหลายวันอยู่ครับ”

    “คุณชายโตะ มีสายเรารายงานมาว่าพวกตละกูล 4 มันลอบเข้ามาในหอนี้แล้วว่ะ” พี่คิงพูดขึ้น ส่วนมือที่ว่างก็เห็นว่าเขากำลังคุยโทรศัพท์กับใครสักคน

    “รู้ไหมว่ากี่คน” ฮารุโตะถาม จากนั้นเขาก็รวบตัวฉันไปอุ้มแทน พร้อมกับสาวเท้าเร็วขึ้นจนฉันตกใจ คือมันไวมากดังนั้นฉันเลยต้องกอดคอร่างสูงไว้แน่นเพราะกลัวตก ใช้เวลาแป๊บเดียวเราก็มาถึงลานจอดรถข้างล่าง

    “เห็นว่าประมาณ 5-6 คน แต่มึงไม่ต้องลนคุณชายโตะ ที่มาไม่น่าใช่ตัวท็อปฝีมือคงไม่เท่าไหร่ เด็กในหอเราน่าจะจัดการได้สบาย กูว่าฝั่งนั้นมันคงอยากเห็นดอกไม้ของมึงมากกว่า”

    พี่คิงพูดขึ้นพร้อมกับหันมาทางฉัน ฮารุโตะเองพอมาถึงก็เปิดประตูรถแล้ววางฉันลงบนเบาะทันที

    เขาหยิบเสื้อกันหนาวขนสัตว์มาให้ แน่นอนว่าฉันรับมาใส่แต่โดยดี ถึงจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่ฟังจากที่พี่คิงพูดก็พอรู้เรื่องบ้างแล้ว

    “ช่างมัน โชคดีที่พวกมันโง่มาระเบิดหอเรา” ฮารุโตะพูดขึ้น มุมปากเขากระตุกยิ้มร้ายออกมานิดๆ ใบหน้าหล่อเหลาดูเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที

    “นี่มึงหมายความว่า” เอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนที่พี่คราวน์จะกระตุกยิ้มร้ายอีกคน

    “ใช่ ตอนนี้เราก็มีพื้นที่วิ่งเล่นมากกว่าตละกูลอื่นแล้ว” จบคำพูดนั้นฮารุโตะก็เดินขึ้นรถมาฝั่งคนขับ

    ฉันมองคนอื่นที่เหลือ เห็นว่าทุกคนต่างแยกย้ายไปขึ้นรถของตัวเอง จะว่าไปก็ไม่เห็นผู้ชายที่ชื่อยูตะตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ตอนแรกยังอยู่กับพวกฮารุโตะอยู่เลย เห็นว่าเขาค่อนข้างเงียบมาก คนคนนั้นคงไม่เป็นไรหรอกนะ

    “อันนามองหาอะไรอยู่ครับ” ฮารุโตะถามขึ้น เมื่อเห็นฉันเอาแต่มองซ้ายขวา

    “เพื่อนนายที่ชื่อยูตะไง ตอนแรกยังอยู่กับพวกเราอยู่เลย”

    “หึ! มันคงไปตามดูแลดอกไม้ของตัวเอง ถึงปากจะบอกว่าเกลียดก็เถอะ” อธิบายจบฮารุโตะก็ขับรถออกไป

    แน่นอนว่าฉันไม่รู้ว่าเขากำลังจะไปไหน แต่จากที่เดาก็น่าจะเป็นพวกโรงแรมที่ไหนสักแห่งในเกาะ แถมยังมีแค่ฉันกับฮารุโตะด้วย คนที่เหลือเห็นว่าขับกันไปคนละทางเลย

    “ฮารุโตะ ทำไมถึงต้องขับไปคนละทางด้วยล่ะ” พอขับมาได้สักพักฉันก็ถาม

    “พวกนั้นจะได้สับสนไงครับ อีกอย่างพวกนั้นมันก็มีงานต้องทำด้วย”

    “แล้วหอพักระเบิดแบบนี้จะไม่เป็นไรเหรอ” ถามออกไปด้วยความกังวล หวังว่าเรื่องนี้คงจะไม่เกี่ยวพันไปถึงขนมเทียน ยัยนั่นไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ

    “พรุ่งนี้ก็คงจะเป็นข่าว ว่าหอที่อยู่ข้างมหาลัยถูกวางระเบิดโดยไม่ทราบถึงผู้ก่อเหตุ นักเรียนที่อยู่ในหอเลยต้องย้ายออกกะทันหัน ดีไม่ดีทางมหาลัยอาจจะสั่งให้หยุดเรียนชั่วคราว หลังจากนี้พวกแวมไพร์ตละกูลอื่น รวมถึงพวกผมก็คงทำอะไรได้ง่ายขึ้น ราชินีเองก็คงต้องหัวหมุนน่าดู ป่านนี้ควันน่าจะออกจากหูแล้ว”

    ฮารุโตะพูดออกมายิ้มๆ ฉันสัมผัสได้ว่าคนตรงหน้ากำลังรู้สึกสนุกกับอะไรบางอย่าง สุดท้ายเลยถามออกไปด้วยความสงสัย “ราชินีที่ว่าคือใครเหรอฮารุโตะ มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยเหรอ” คือฉันสงสัยมากๆ เลย โลกของแวมไพร์ก็มีราชินีด้วยเหรอ

    “ก็เจ้าของมหาลัยนี้ไงครับราชินี อันนารู้ไหมว่านักศึกษาที่นี่ 80% คือแวมไพร์นะ ส่วนอีก 20% ก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น เพราะงั้นเวลาเกิดเรื่องแปลกๆ พวกเราถึงสามารถควบคุมมันได้เพราะจำนวนประชากรที่เยอะกว่าไง”

    จบคำพูดนั้นฉันก็เงยหน้ามองฮารุโตะด้วยความตกใจ นี่ฉันอยู่ในดงของพวกแวมไพร์ตลอดเลยเหรอ ไม่รู้สึกตัวแม้แต่น้อย แวมไพร์พวกนี้ใช้ชีวิตได้เหมือนกับมนุษย์มากๆ

    ไม่นานเราทั้งคู่ก็มาถึงโรงแรมแห่งหนึ่ง ชื่อว่า The Holiday เป็นที่ค่อนข้างหรูเอามากๆ ฮารุโตะจูงมือฉันเข้าไปข้างใน พร้อมกับเดินไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

    “อ้ะ! สวัสดีค่ะคุณฮารุโตะ เราเตรียมห้องที่คุณต้องการไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนนี่คีย์การ์ดค่ะ ถ้ามีอะไรไม่สะดวกสามารถแจ้งทางพนักงานได้เลยนะคะ” พนักงานสาวทักทายอย่างเป็นทางการ แถมยังดูเกร็งเล็กน้อยด้วย

    “ไม่ต้องให้คนพาไป แค่นี้ฉันไปเองได้” ร่างสูงหยิบคีย์การ์ดที่อยู่ในมือจากพนักงานสาว ก่อนจะเอ่ยขัดเมื่อมีพนักงานอีกคนกำลังยืนรออยู่หน้าลิฟต์ ฉันว่ามันแปลกๆ ยังไงไม่รู้นะ พออยู่ในลิฟต์กันสองเลยอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

    “ฮารุโตะฉันว่าไม่ได้คิดไปเองนะ แต่พนักงานคนเมื่อกี้ดูเกร็งๆ แถมยังปฏิบัติกับนายแบบพิเศษยังไงไม่รู้ นายเป็นลูกเจ้าของโรงแรมนี้เหรอ”

    “เปล่า ผมแค่มีหุ้นอยู่ที่นี่ 50% น่ะ” ร่างสูงตอบกลับด้วยน้ำเสียงสบายๆ เขาดึงฉันเข้าไปกอดเบาๆ เมื่อเห็นใบหน้าตกใจของฉัน อะไรจะเพอร์เฟคขนาดนี้ เชื่อแล้วล่ะว่ารวยจริงๆ คนอะไรกันยังไม่ทันจะเรียนจบก็มีหุ้นในโรงแรมใหญ่ซะแล้ว ไม่สิ…ผู้ชายตรงหน้าฉันเป็นแวมไพร์นี่นา เรื่องแบบนี้คงง่ายสำหรับเขา

    “อันนาไม่ต้องห่วงนะ จากนี้ไปผมจะดูแลปกป้องเธอเอง”

    จบคำพูดนั้นร่างสูงก็กระชับอ้อมกอดแน่น เขาเชยคางฉันขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับประกบจูบลงมา เป็นรสจูบที่หอมหวานและวาบหวามอย่างที่ไม่เคยได้สัมผัส 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×