ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of Vampire พิษรักแวมไพร์

    ลำดับตอนที่ #10 : EPISODE 09

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 67


    EPISODE 09

    “หมายความว่าไงฮารุโตะ” ฉันถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ สงครามที่ว่าคือการต่อสู้กัน ระหว่างแวมไพร์กับแวมไพร์เหรอ ถ้างั้นมันก็เป็นต้องเป็นเรื่องใหญ่น่ะสิ แล้วมนุษย์ปกติจะโดนลูกหลงด้วยไหม จะเป็นข่าวหรือเปล่า ไม่รู้ว่าเพราะอ่านสีหน้าฉันออกหรือเปล่าฮารุโตะถึงได้ดึงตัวฉันเข้าไปกอดซะจมอก หายใจไม่ออกอ่ะ

    “อะแฮ่มๆ” ฉันรีบดันฮารุโตะให้ออกห่างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่ได้มีแค่เราสองคน ตอนนี้มีทั้งพี่คิง พี่คราวน์อยู่ด้วย แน่นอนว่าฮารุโตะทำหน้าหงิกเล็กน้อยเมื่อถูกขัด

    “ใจเย็นนะครับน้องอันนา มันไม่ได้เวอร์เหมือนที่คุณชายโตะบอกหรอก” เป็นพี่คิงที่อธิบายต่อ เขาบอกว่าที่จริงก็เป็นแค่การเล่นสนุกๆ ของพวกแวมไพร์ชนชั้นสูงเท่านั้น ด้วยความที่แวมไพร์พวกนี้อยู่กันมานานจนเบื่อ ทุกๆ 10 ปีจึงมีการเล่นเกมล่าเกิดขึ้น เกมล่าที่ว่าคือแวมไพร์ชนชั้นสูงทั้ง 6 เผ่าจะทำการแย่งชิงธงของแต่ละตระกูล

    “งั้นสรุปแล้วก็คือการแย่งธงกันสินะ” ฉันพยักหน้าเข้าใจหลังจากฟังพี่คิงเล่าจนจบ “แต่รู้สึกเหมือนครั้งนี้พวกเบื้องบนจะเปลี่ยนกฎ” พี่คราวน์พูดขึ้น

    “เปลี่ยนตอนไหนวะ ทำไมกูไม่รู้” คราวนี้พี่คิงเลยเป็นฝ่ายถาม

    “ตาแก่พวกนั้นมันเปลี่ยนให้ใช้ดอกไม้ของแต่ละตระกูลแทน นานๆ ทีพวกแวมไพร์ชั้นสูง จะบังเอิญเจอดอกไม้ของตัวเอง พวกนั้นคงอยากเห็นพวกเราออกกำลังบ้าง”

    ฮารุโตะเอ่ยมาด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆ แววตาที่เคยฉายแต่ประกายสดใส ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรังสีอำมหิตมากมาย คล้ายว่าเขาพร้อมจะเชือดคนที่เข้ามาขวางทางทุกเมื่อ

    “แล้วดอกไม้ของตระกูลที่พวกนายอยู่คืออะไรล่ะ?” เนื่องจากสถานการณ์ตอนนี้เริ่มตึงเครียดฉันจึงเป็นฝ่ายถามขึ้น เพื่อจะช่วยทำลายบรรยากาศมาคุนี้

    “เธอไงอันนา” พูดจบฮารุโตะก็ชี้มาที่ฉันเพื่อยืนยัน

    “ฉันเนี่ยนะ?” ชี้มาที่ตัวเองด้วยความงุนงง ทำไมถึงเป็นฉันล่ะ

    “ถึงจะยังไม่ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ แต่ไอ้คุณชายโตะนี่แหละว่าที่หัวหน้าตละกูลที่ 1 คนต่อไป น้องอันนาที่เป็นดอกไม้ของมันเลยถูกดึงมาร่วมวงอย่างไม่มีทางเลือก เรื่องในครั้งนี้มันเกี่ยวพันถึงคนรอบข้างน้องอันนา พวกพี่เลยส่งไอ้เบย์ไปคุ้มครองขนมเทียนเพื่อเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น”

    คำอธิบายที่ยาวเหยียดของพี่คราวน์ทำให้ฉันได้แต่ลอบกลืนน้ำลายลงคอ ทำไงดีฉันเป็นแค่มนุษย์ธรรมดานะ

    “ไม่ต้องห่วงผมจะปกป้องอันนาเอง” ฮารุโตะพูดปลอบใจฉันอีกครั้ง เขายังคงกุมมือฉันแน่นเหมือนเดิม คล้ายจะตอกย้ำคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับฉันเมื่อครั้งก่อน

    “ตอนนี้ทั้ง 6 ตระกูลผู้นำที่เจอดอกไม้ของตัวเองแล้วมีอยู่ 3 ตระกูล คนแรกเลยคือมึงคุณชายโตะ คนที่สองก็ไอ้แซ็ก คนที่สามไอ้เด็กนรกกวิน ที่เหลืออีก 3 ตระกูลยังไม่มีดอกไม้ เบื้องบนให้เป็นฝ่ายล่าว่ะ กำหนดการคือหนึ่งอาทิตย์เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ พวกมึงมีอะไรสงสัยอีกไหม” อธิบายจบพี่คราวน์ก็เป็นฝ่ายถามคนที่เหลือ

    “ของรางวัลคราวนี้คืออะไร” ฮารุโตะที่นั่งฟังมานานถามขึ้น

    “ดอกไม้ที่ยึดมาได้กับกองกำลังของตระกูลนั้นอีกครึ่งหนึ่ง”

    เพล้ง! ฉันสะดุ้งเฮือก มองแก้วที่ถูกปัดลงบนพื้น มันแตกละเอียดเป็นเสี่ยงๆ ดวงตาของร่างสูงตรงหน้า กลายเป็นสีทองอร่าม คล้ายกับสัตว์ดุร้ายที่อารมณ์ดำดิ่งจนถึงขีดจำกัด ฉันไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยชื่อฮารุโตะออกมา

    “พวกไอ้แก่นั่นจงใจให้เราฆ่ากันเองชัดๆ เห็นอยู่ว่าพวกที่มีดอกไม้เสียเปรียบ” พี่คิงที่ตั้งสติได้ก่อนใครพูดขึ้นมา “ไม่อย่างนั้นมันก็คงต้องการหนุนใครสักคน” พี่คราวน์พูดเสริม เขาเดินเข้ามาบีบไหล่ฮารุโตะเบาๆ คล้ายจะบอกว่าให้ใจเย็น

    “งั้นกูคงต้องพาอันนาไปซ่อน” พูดจบฮารุโตะก็รีบจูงมือฉันออกไป แต่ก็เป็นพี่คราวน์ที่มาขวางไว้ก่อน “มึงต้องทำตัวให้ปกติ อาณาเขตคือภายในมหาลัย”

    “Shit! Damn! เวรเอ้ย!” ฮารุโตะตวาดออกมาลั่น เขาทั้งสบถคำหยาบออกมารัวทั้งอังกฤษและไทยปนกันมั่วไปหมด เห็นดังนั้นฉันจึงอดตัวสั่นน้อยๆ ไม่ได้ สองเท้าก็ค่อยๆ ถอยห่างออกไป ฮารุโตะในตอนนี้น่ากลัวกว่าทุกที

    “ไอ้โตะใจเย็น มึงกำลังทำให้น้องอันนากลัว” พี่คิงเอ่ยเตือนเบาๆ เมื่อหันมาเห็นสภาพฉันในตอนนี้ ฮารุโตะเองพอได้ยินดังนั้นจึงชะงักไปเล็กน้อย ฉันเห็นเขากำหมัดตัวเองแน่นพร้อมกับถอนหายใจออกมารัวๆ ราวกับกำลังตั้งสติใหม่

    “จะ ใจเย็นนะฮารุโตะฉันจะไม่เป็นไร” ยืนรวบรวมความกล้าอยู่สักพัก ก่อนทฉันจะเป็นฝ่ายเขยิบเข้าไปใกล้ร่างสูงพลางกุมมืออีกฝ่ายไว้เบาๆ

    “วันนี้มึงกลับไปสงบสติตัวเองก่อนคุณชายโตะ พรุ่งนี้ค่อยทำตามแผนที่วางไว้” ฮารุโตะที่เริ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองได้แล้วพยักหน้ารับนิดๆ เขาจูงมือฉันออกมาที่รถของตัวเองโดยไม่พูดอะไรสักคำ ฉันคิดว่าเขาคงกำลังใช้ความคิด แม้แต่ตอนที่เขากำลังขับรถกลับหอพักก็ยังไม่เปิดเพลงเหมือนอย่างทุกที

    ถึงฉันจะเข้าใจอารมณ์ของอีกฝ่ายแต่ก็อดรู้สึกอึดอัดไม่ได้ ทำไมกันนะฉันถึงได้รู้สึกว่าเวลาที่เราอยู่ในรถมันนานมากกว่าปกติ

    ในที่สุดเราก็มาถึงหอพักแล้ว ขณะที่ฉันกับฮารุโตะกำลังจะก้าวเข้าไปในลิฟต์ ผู้ชายที่สูงประมาณ 180 ได้ก็เดินเข้ามาหาเราทั้งคู่ ใบหน้าหล่อเหลามองมาที่ฉันแวบเดียวก่อนจะหันกลับไปมองที่ฮารุโตะ เขายิ้มให้ร่างสูงพร้อมกับโค้งตัวลงเล็กน้อย

    “คุณฮารุโตะไม่ต้องห่วงนะครับ ดอกไม้ของคุณพวกผมที่เหลือจะช่วยปกป้องอย่างเต็มที่ คราวนี้ตระกูลที่ 1 อย่างพวกเราจะต้องชนะให้ได้ครับ”

    ชายตรงหน้าฉันเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ หลังจากนั้นคนอื่นที่ฉันไม่รู้จักอีกหลายคน ก็เดินเข้ามาพูดประโยคนี้เรื่อยๆ ทำเอาฉันมึนและสับสนไปหมด ไม่ใช่ว่ารู้แค่พวกฮารุโตะสินะ แต่คนทั้งตระกูลก็รู้ด้วย ฉันคิดว่านี่น่าจะเรียกว่าสงครามระหว่างตระกูลนะ พวกเขาดูต้องการที่จะชนะมาก ฉันเดาว่า มันคงเป็นเรื่องของศักดิ์ศรีมั้ง

    “อันนาถอดชุดออก” ทันทีที่ฮารุโตะพาฉันมาถึงห้องเขาก็เอ่ยคำสั่งที่น่าตกใจออกมา ฉันส่ายหน้าไม่เข้าใจ ทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้พูดแบบนี้ออกมา ด้วยสีหน้าเรียบเฉยแบบนั้นล่ะ

    “คะ คือ ทำไมเหรอไหนนายบอกว่าจะไม่ทำ…” ยังไม่ทันได้พูดจบ ร่างสูงตรงหน้าฉันก็ตรงเข้ามาปลดกระดุมเสื้อฉันออกอย่างรวดเร็ว

    “กลิ่นเธอมันหอมเกินไป ฉันต้องกลบกลิ่นให้จางลง” ฮารุโตะยังคงพูดต่อเรื่อยๆ โดยไม่สนฉันที่ยืนปิดหน้าอกอยู่ตอนนี้ มือหนาเลื่อนมายังกระโปรงฉันก่อนจะกระชากมันออกไปเล่นเอาฉันผวาเข้าไปกอดเขาแทบไม่ทัน ขอร้องล่ะสภาพฉันในตอนนี้น่าอายมาก

    “ดะ เดี๋ยวก่อนฮารุโตะ บะ บลาด้วยเหรอ” ฉันร้องถามด้วยความตกใจเมื่อนิ้วร้อนๆ นั่นลากมายังตะขอบราเซีย

    “ทั้งหมด” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบ

    “ยะ อย่ามองนะฮารุโตะ” ร้องบอกออกไปด้วยความอาย ก่อนที่จะรีบวิ่งไปคว้าผ้าห่มที่อยู่บนเตียงมาคลุม พร้อมกับนั่งกอดตัวเองด้วยร่างสั่นเทา

    “อันนามานี่” เขาเอ่ยเรียกชื่อฉัน แต่ฉันก็ทำเพียงส่ายหน้ารัว พร้อมกับกอดผ้าห่มไว้แน่น “ผมบอกให้มา!” เสียงของฮารุโตะเริ่มเข้มขึ้น บ่งบอกว่าเจ้าตัวเริ่มหงุดหงิดแล้ว

    สวบ! ฉันได้ยินเสียงเตียงนอนยุบ คล้ายกับว่าเขากำลังขยับตัวเข้ามาใกล้สัมผัสเปียกชื้นแถวซอกคอทำให้ฉันสั่นราวกับลูกนกตัวน้อย ไม่ว่าจะกี่ครั้งก็ไม่เคยชินกับการรุกล้ำของเขา “อึก! ฮารุโตะฉัน…” เสียงของฉันขาดหายเมื่อนิ้วร้อนๆ ขยับมาบีบเคล้นทรวงอกทั้งสองข้าง

    “ใจเย็นๆ ครับอันนาผมจะไม่รุนแรง”

    คล้ายกับต้องการปลอบใจ พูดจบฮารุโตะก็กดจูบลงบนหน้าผากฉันเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนไปที่อื่นทั่วทั้งใบหน้าและต่ำลงมาเรื่อยๆ เขาดุนหลังฉันให้นอนราบลงกับเตียง แม้จะบอกว่าจะไม่ทำรุนแรงแต่ก็อดที่จะตื่นกลัวไม่ได้

    “มะ ไม่ทำได้ไหมฮารุโตะ แค่กอดหรือจับมือกันไม่ได้เหรอ ฮึก!”

    ฉันร้องถามออกมาทั้งน้ำตาเมื่ออีกฝ่ายจับเรียวขาตัวเองแยกออก ความรู้สึกครั้งแรกที่เขานำสิ่งนั้นเข้ามาในร่างกายยังฝังอยู่ในหัว มันทั้งจุกและเจ็บจนร้าวไปทั้งตัว “ฉะ ฉันพึ่งกินยาเม็ดแรกไปเองถ้านายทำมันต่อ…”

    “ขอโทษด้วยนะอันนา แต่ผมคงยอมให้เธอไปเป็นของคนอื่นไม่ได้”

    “ยะ อย่างน้อยก็ใส่ถุงยางนะ ฮึก อื้อออ”

    จบคำพูดนั้นฉันก็รู้คำตอบของฮารุโตะทันที กายแกร่งสอดแทรกเข้ามาในร่างกาย ถึงจะไม่เจ็บเท่าครั้งแรก แต่ความรู้สึกจุกๆ ปนอึดอัดก็ยังคงอยู่ ฉันจิกเล็บลงกับแผ่นหลังของร่างสูงเต็มแรง หูอื้อตาลาย คล้ายจะอาเจียนออกมา ได้ยินเขาพูดอะไรบางอย่างออกมาพร้อมกับสบถคำหยาบคาย

    “บ้าฉิบ อันนาใจเย็นๆ เธอรัดฉันแน่นเกินไปมันเข้าไม่หมดเห็นไหม”

    “ฮึกฮื่อ ฉันไม่เข้าใจ นะ นายพูดอะไร” บอกออกไปทั้งน้ำตาพร้อมกับเงยหน้ามองร่างสูงที่ยังคงดันส่วนนั้นเข้ามาในช่องทาง ไม่ใช่ว่าเขาทำมันไปแล้วเหรอ คราวนี้ฉันหน้าซีดลงกว่าเดิมเมื่อเหลือบไปเห็นสิ่งที่กำลังค้างอยู่กับส่วนนั้น

    “อันนาใจเย็นนะครับสูดหายใจเข้าลึกๆ นั่นแหละครับคนดี” ฉันทำตามที่ฮารุโตะบอก รู้สึกว่ามันเริ่มได้ผล ความจุกเริ่มหายไปแล้ว จากนั้นฉันก็รับรู้ได้ว่ามีบางอย่างกำลังสอดใส่เข้าไปในกายลึกขึ้นกว่าเมื่อครู่ ความรู้สึกบางอย่างกำลังทำให้ฉันปั่นป่วนหลังจากที่ฮารุโตะเริ่มขยับกายเร็วขึ้น

    “มะ มันแปลกๆ อะอึ้มมม” เอ่ยออกไปได้แค่นั้นก่อนน้ำเสียงจะถูกกลืนลงคอ เมื่อฮารุโตะจงใจโน้มใบหน้าลงมาบดจูบอีกครั้ง ลิ้นร้อนๆ กำลังหยอกเย้าไปทั่วโพลงปาก ริมฝีปากบางขบเม้มริมฝีปากล่างฉันจนเจ็บจี๊ด ก่อนที่จะค่อยๆ รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฉันกรีดเล็บลงบนแผ่นหลังเป็นทางยาวเมื่อรู้สึกถึงความเสียวซ่านที่มันปะทุขึ้นมาไม่หยุด

    เอี้ยด! เอี้ยด! ใบหูฉันได้ยินเสียงของเตียงกำลังสั่นไปมา ตามแรงกระแทกของฮารุโตะ ร่างสูงโน้มลงมาจูบขมับฉันอีกครั้ง เหงื่อหยดเล็กๆ หล่นมากระทบปลายจมูก

    “อะ อื้ออ ฮารุโตะฉัน” จะเอ่ยออกไปว่าไม่ไหวแล้ว แต่ฉันก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกไปได้หมด เนื่องจากแรงในตอนนี้แทบจะไม่เหลือ แผ่นหลังฉันเสียดสีเข้ากับเตียงนอนจนร้อนวาบ

    ฮารุโตะจับหัวเข่าฉันดันขึ้นมาแนบหน้าท้อง เขายืดตัวเต็มความสูงพร้อมกับโถมแกนกายเข้ามาเต็มแรง อีกครั้ง และอีกครั้ง จนกระทั่งฉันรับรู้ได้ถึงความอุ่นวาบที่ไหลเข้ามาในกาย มันกำลังเอ่อล้นทะลักออกมา ไม่นะ…เขาปล่อยใน

    ฉันไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว รู้แค่ว่าสภาพร่างกายตัวเองในตอนนี้ เกินกว่าจะรับไหวแล้ว ร่างสูงตรงหน้ายังคงกระแทกกายสอดใส่เข้ามาโดยไม่คิดจะหยุด แม้จะไม่ได้รุนแรงเหมือนที่ผ่านแต่ก็ไม่ได้อ่อนหวาน เปลือกตาที่ลืมอยู่ค่อยๆ หลับลงไปในที่สุดเนื่องจากความอ่อนล้าที่สะสมมายาวนาน

    : บันทึกพิเศษฮารุโตะ

    ในที่สุดอันนาก็สลบคาอกผม ใบหน้าหวานตรงหน้านิ่งสงบราวกับภาพวาด มีเพียงหน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงเล็กน้อยเท่านั้น ที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้นแค่หลับไป บางทีผมอาจจะเล่นเธอหนักไปจริงๆ

    แต่จะให้ทำไง เธอทั้งบอบบาง น่าถนุถนอม ผมพยายามเต็มที่แล้วที่จะไม่รุนแรงเพราะกลัวเธอแตกหัก แต่มันก็ช่างยากเย็น ทั้งกลิ่นกาย น้ำเสียง และใบหน้าของเธอ มันปลุกเร้าสัญญาณดิบเถื่อนที่อยู่ในตัวผมออกมา สาบานว่าน้ำเสียงหวานๆ ตอนครางเรียกชื่อผมเมื่อครู่เล่นเอาสติผมแทบแตก

    แน่นอนว่าผมปรารถนาที่จะปกป้องอันนา จากพวกแมลงหวี่แมลงวันทั้งหลายที่จ้องดอมดมกลิ่นหอมนี้ ไม่อยากให้ความบริสุทธิ์ของเธอต้องแปดเปื้อน แต่ใครจะรู้ล่ะว่าลึกๆ แล้วเป็นผมเองที่อยากจะทำลาย เหยียบย่ำความบริสุทธิ์นี้ให้แหลกคามือ

    “กระหายที่จะปกป้องแต่ก็กระหายที่จะทำลาย”

    ผมก้มลงสูดดมความหอมจากร่างกายตรงหน้า กลิ่นหอมชวนหลงใหลเริ่มจางลงบ้างแล้ว แต่ก็ยังคงได้กลิ่นชัดเจน ไม่ได้ ผมต้องทำให้มันจางกว่านี้ คล้ายกับรู้หน้าที่ตัวเอง ส่วนที่แข็งขืนยังเชื่อมอยู่กับร่างบาง มันเริ่มขยายขึ้นอีกครั้ง ผมลงมือทำมันทั้งๆ อย่างนั้น

    แม้ว่าร่างบางตรงหน้าจะไม่ได้สติ เสียงกระแทกกระทั้นที่รุนแรงยังคงดังต่อเนื่อง เห็นทีว่าเสร็จภารกิจครั้งนี้ผมคงต้องซื้อเตียงใหม่

    4 ชม. ต่อมา

    “ตละกูลไหนเริ่มเคลื่นไหวแล้วบ้างไอ้คราวน์” ผมกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์ พร้อมกับเริ่มคุยแผนการที่ตกลงกันไว้ มันมีทุกปีอยู่แล้วที่ทุกตระกูล จะส่งลูกน้องเข้าไปแทรกซึมในตระกูลนั้นๆ

    ตระกูลผมก็เช่นกัน แต่ส่วนมากผมจะส่งพวกที่อยู่ระดับล่างไปสืบแทน ถึงพวกนั้นมันจะไม่เก่งมาก แต่ก็ไม่ตกเป็นเป้าสายตาได้ง่าย

    “4 กับ 6 ตอนแรกเห็นว่าพวกมันเล็งน้องอันนา แต่พอมันยังไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใคร สองตระกูลนั้นมันเลยหันไปเล็งดอกไม้ของไอ้เด็กกวินแทน” ไอ้คราวน์บอก ผมลืมบอกไป แต่ละตระกูลจะถูกเรียกด้วยชื่อตัวเลข ตามความสำคัญ อย่างตระกูลผมมีความสำคัญที่สุด ก็จะถูกเรียกว่า ตระกูลที่ 1 รองมาก็ไอ้แซ็ก ตระกูลที่ 2 แล้วก็เด็กกวิน ตระกูล 3 ประมาณนี้

    “กูยังไม่อยากชะล่าใจ ยังไงก็ระวังไว้ก่อน” บอกออกไปตามที่คิดไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแผน พวกนั้นยังไม่รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของอันนา เพราะก่อนหน้านี้ผมคอยระวังให้เธอทุกฝีก้าว เรียกได้ว่าสัตว์เพศผู้ไม่มีสิทธิ์เฉียดเข้าใกล้เธอแม้ปลายเส้นผม

    “ตระกูล 5 ไม่มีเคลื่อนไหวเหรอวะ” ผมถามต่อ รู้สึกว่าฝ่ายนั้นมันจะนิ่งเกินไป

    “เห็นบอกว่าไร้สาระว่ะ กูว่ามันคงไม่เอาด้วย แต่ก็อย่างที่มึงว่าอย่าพึ่งชะล่าใจ แล้วนี่มึงจะเอายังไงคุณชายโตะ ตามแผนเลยไหม”

    “พรุ่งนี้มึงจัดเลยตามนั้น” ผมกรอกเสียงลงไป

    ใครว่าผมจะเอาแต่เป็นฝ่ายตั้งรับ สิ่งที่ตระกูลที่ 1 ถนัดที่สุดคือการลอบโจมตี ผมจะเอาให้พวกมันเจ็บ ให้พวกมันจำ ว่าอย่าแม้แต่จะคิดมายุ่งกับอันนา คราวนี้จะเอาให้พวกมันขวัญหนีดีฝ่อจนไม่กล้าคิดมาแหยม

    ผมเหยียดยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับเดินเข้าไปห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายของตัวเอง ผมยืนมองตัวเองในกระจก อดยิ้มอารมณ์ดีไม่ได้เมื่อเห็นรอยเล็บเป็นทางยาวอยู่บริเวณหน้าท้องตัวเอง

    คาดว่าที่หลังก็น่าจะมีรอยด้วยเพราะรู้สึกแสบๆ คันๆ ที่จริงผมจะใช้พลังของตัวเองรักษาก็ได้ แต่ไม่รู้ทำไมผมไม่อยากให้รอยนี้จางหาย รอยที่แสดงว่าผมเป็นของเธอ รอยที่บ่งบอกว่าเราทั้งคู่ได้รวมเป็นหนึ่งกันแล้ว

    อาบน้ำเสร็จผมก็เดินมาสวมกางเกง แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูเล็กๆ มาผืนหนึ่ง ถ้าจำไม่ผิดก็แค่ชุบมันลงน้ำ แล้วบิดหมาดๆ แบบนี้ เสร็จแล้วก็เช็ดไปที่ใบหน้าที่ชื้นเหงื่อตรงหน้า ผมยิ้มออกมานิดๆ จ้องน้ำที่ไหลเยิ้มออกมาจากส่วนนั้นของร่างกายอันนา พลางใช้ผ้าเช็ดมันออกเบาๆ อันนาจะได้สบายตัว

    ผ่านมาครึ่งชั่วโมง อันนายังไม่ตื่น น่าแปลกที่ผมสามารถนั่งมองเธอได้เป็นชั่วโมง ไม่สิไม่ใช่นั่งมอง บางทีผมก็นอนมอง เดินมอง หมุนตัวมอง พอมองเธอมากๆ อารมณ์ที่พึ่งสงบลงก็เริ่มปะทุขึ้นมาใหม่ ผมกัดปากแน่นเพื่อข่มความต้องการของตัวเอง “อ่า…แค่นิดเดียวคงไม่ถือว่าเป็นการรังแกเธอหรอก

    ผมพึมพำกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับประกบริมฝีปากบาง ก่อนจะค่อยๆ สอดปลายลิ้นของตัวเองเข้าไปเพื่อชิมความหวานจากโพลงปาก ขบเม้มกัดริมฝีปากเบาๆ สองมือก็ลูบไล้ไปตามร่างบางที่นุ่มนิ่มและลื่นมือ อ่า…ผมไม่ไหวแล้ว

    สุดท้ายผมก็ต้องใช้นิ้วทั้งห้าเข้าช่วย โดยที่สายตายังจับจ้องไปยังร่างบางพร้อมจิตนาการณ์ถึงการร่วมรักที่แสนจะดุเดือดยิ่งกว่าเมื่อครู่ “ซี๊ดดด อันนาของผมเธอสุดยอดที่สุดเลย”

    ผมหลับตาลงพร้อมกับร้องเรียกชื่อเธอออกมา กว่าจะทำให้ฮารุโตะน้อยลูกรักสงบลงได้ก็เล่นเอาซะเมื่อยนิ้ว ถึงอย่างนั้นร่างบางก็ยังไม่ตื่น

    “ขี้เซาจริงๆ นะอันนา” เอ่ยออกมาเบาๆ แล้วเกลี่ยเส้นผมที่ปรกอยู่ตรงหน้าออก

    ก๊อกๆ ก๊อกๆ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมยังคงจ้องใบหน้าของอันนาอยู่ ไม่สนใจเสียงที่ยังคงดังซ้ำๆ แต่ด้วยความที่คิดว่าอาจจะเป็นเรื่องสำคัญ ในที่สุดผมก็ตัดใจผละจากใบหน้าเธอแล้วไปเปิดประตู ทันทีที่เปิดประตูหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้มก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า เธอเม้มริมฝีปากแน่นพร้อมกับพยายามกวาดสายตามองมาในห้อง

    “เธอมีอะไรยูริ” ผมถามเธอ ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องแล้วปิดประตู ยูริที่ว่าก็คือสายสิญจน์ที่อันนารู้จักนั่นแหละครับ

    “คะ คืออันนาเป็นอะไรมากไหมคะคุณชาย”

    “สบายดีเธอไม่ต้องห่วง” ผมตอบกลับไปรู้สึกหงุดหงิดยังไงชอบกล

    “อ้อค่ะ แล้วคุณชายไม่ต้องการ…” น้ำเสียงหวานเอ่ยออกมาแค่นั้นก่อนจะเจ้าตัวจะเริ่มปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกทีละเม็ด จนกระทั่งเหลือแต่บราเซียลูกไม้สีชมพู ผมกลืนน้ำลายอึกหนึ่งลงคอ

    กระตุกยิ้มออกมาเล็กน้อย พร้อมกับสาวเท้าตามร่างบางตรงหน้า ยอมรับว่าเมื่อก่อนเคยลึกซึ้งกับเธอมาพักใหญ่จนกระทั่งได้มาเจออันนา และตอนนี้อันนาของผมก็หลับอยู่ เพราะงั้นตอนนี้ถึงได้เป็นโอกาสดี 

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    ดูอีบุ๊ก

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×