ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Deux side | สองมุม #kookmin

    ลำดับตอนที่ #4 : sense

    • อัปเดตล่าสุด 24 ต.ค. 64


     

    4

     

         อากาศรอบตัวที่ดูอบอ้าวขึ้นเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าบัดนี้ร่างสูงได้ลงมาถึงเมืองนรกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฝีเท้าก้าวอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับสายตาคมที่มองบรรยากาศรอบข้าง ท้องฟ้ามีสีแดงกล่ำและเมฆที่ควรจะเป็นสีขาวกับมีสีดำ ซึ่งที่ที่ร่างสูงยืนอยู่ตอนนี้เป็นเพียงพื้นดินแห้งโล่งๆที่ถูกผ่ากลางด้วยแม่น้ำเล็กๆเส้นหนึ่งและมีเสาหินล้มอยู่หลายพันเสาเป็นแนวยาวรับกับเส้นทางของแม่น้ำ ร่างสูงจึงตัดสินใจคิดว่าจะเดินตามแม่น้ำเส้นเล็กๆนี้ไป ซึงจองกุกรู้สึกแปลกใจที่ถูกอย่างดูจะต่างจากที่เขาคิดไว้มากโขเพราะรอบตัวของเขาดูเงียบสงบผิดปกติ 

         ร่างสูงเดินตามทางมาเรื่อยๆเส้นทางก็เปลี่ยนไปเพราะแม่น้ำในตอนแรกที่ร่างสูงคิดว่าจะเดินทางตามมันกับโค้งไปทางซ้ายและทางขวาก็ปรากฎเป็นถ้ำขนาดใหญ่ ร่างสูงยืนมองปากถ้ำอยู่ครู่ก็ต้องหลบเข้ามุมเสาหินที่ล้มอยู่ด้านข้างทาง เบื้องหน้าที่ร่างสูงเห็นก็คือผู้คุมวิญญาณกำลังพาวิญญาณบางส่วนเข้าถ้ำนั้นไปแต่บางตนมีหยุดชะงักซ้ายขวาอยู่บ้างคล้ายว่ารู้ถึงการมีผู้มาเยือน…แต่ไม่นานพวกผู้คุมวิญญาณกลุ่มนั้นก็กลับเขาถ้ำไป ร่างสูงจึงเปลี่ยนการเดินและร่ายเวทย์บังกายตัวเองไว้

     

         บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยเหล่่าวิญญาณมากมากมายซึ่งถ้าขึ้นชื่อว่านรกก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้สร้างกรรมหนักทั้งนั้น บางตนดูจะทำกรรมไว้หนักหนาถึงได้มีโซ่ตรวนเท้าเส้นโตคล้องอยู่ ร่างสูงถึงแม้จะหดหู่อยู่บ้างที่เห็นการกระทำเหล่านั้นแต่การอ่อนข้อให้แกพวกคนบาปไม่ใช่หน้าที่ของชาวนรกอยู่แล้วนั้นชื่อสิ่งที่ใครๆต่างย่อมรู้

         จองกุกเดินมาทางมาเรื่อยๆจนถึงจุดหนึ่งที่คาดว่าน่าจะเป็นที่สูงสุดของถ้ำนี้ เพราะเขาสามารถกวาดมองไปได้ทั่วบริเวณของถ้ำแห่งนี้และถ้าเดินไปอีกหน่อยจะเป็นผากว้างที่มองลงไปจะเห็นทั้งหมดที่นี้ เส้นผมดำขับพริ้วตามสายลมอุ่นๆปะทะเข้ากับใบหน้าที่ยากจะเดาอารมณ์ในตอนนี้ สายตาคมค่่อยๆหลับตาลงปล่อยให้ลมพัดเข้ามาอยู่อย่างงั้น หากแต่การรับรู้ในโสทประสาทกำลังมีบางอย่างทำให้รู้สึกเปลี่ยนไป

         พรึบ!!!

         “เป็นคนจากสวรรค์แต่ลงมาข้างล่างแบบนี้…ท่านไม่กลัวตายหรอกลือ

         สายตาคมเปิดขึ้น เผยให้เห็นคนที่เป็นสาเหตุทำให้เขาต้องมาที่แห่งนี้ ร่างบางลอยอยู่กลางอากาศด้วยปีกสีดำขลับเหนือหัวของร่างสูง ใบหน้าคมเชยขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างใจเย็นและยิ้มให้อ่อนๆหากแต่เวลานี้ไม่ต่างกับการยั่วให้อีกฝ่ายโมโหสักเท่าไหร่ ร่างสูงเดินเข้าไปไกลริมผามากขึ้นเรื่อยๆเพื่อที่จะเข้าใกล้ร่างบางที่ในยามนี้บินลงต่ำเกือบติดพื้นแล้ว

         “ตายลือ” ร่างสูงพูดก่อนเอียงหน้าและขมวดคิ้ว

         “…”

         “งั้นรึ...แต่ตัวข้าไม่เห็นจักเป็นไรเลยหนา :)

        

          พรึบ!

         จบประโยตพูดจองกุกร่าบางก็หุบปีกเข้าที่แผ่นหลังของตนจนก่อให้เกิดเสียงดังกังวาล 

         “หึ ข้าชอบให้ความกล้าหาญของท่านนัก” 

         ร่างบางเดินเข้ามาประชิดตัวของจองกุก ชนิดที่ว่าอากาศนั้นยังไม่สามารถลอดผ่านตัวของทั้งคู่ไปได้ มือเล็กถูกส่งไปจับที่แก้มซากก่อนที่เจ้าตัวจะออกแรงลูบอย่างเบามือ โดยที่มีสายตาของร่างสูงจับจ้องการกระทำอยู่ สายตาของร่างบางค่อยๆไล้ขึ้นมาตามความสูงที่แตกต่างกันจนกระทั่งตาของทั้งคู่นั้นสบกันในที่สุด

         “…”

         “แต่ท่านรู้ลือไม่…หากบ้างที่ความกล้าก็อาจนำให้ท่านต้องเจ็บได้เหมือนกัน”

         ร่างบางมองร่างสูงอยู่อีกครู่ก็ละสายตาออกจากอีกฝ่ายและเดินไปทางด้านหลังของร่างสูง 

         “แต่ก็เอาเถอะ ท่านก็ยังไม่ถือว่าเป็นศัตรูของข้าซะทีเดียว”

         “…”

         “ท่านอยากรู้จักนามของข้าลือไม่

         

         หากเป็นที่รู้กันดีว่าการเผยชื่อของผู้ซึ่งมากจากนรกนั้นไม่เป็นการดีต่อตัวคนที่บอก นั้นเลยเป็นสิ่งที่ทำให้จองกุกตะหงิดใจอยู่เล็กน้อยที่ร่างบางพูดแบบนั้นออกมา แต่ความจริงทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งง่ายสำหรับจองกุก…เพียงแค่ชื่อของอีกฝ่ายถ้าเขาไม่รู้คงไม่ได้เป็นรัชทายาทองค์ต่อไปเป็นแน่ เพียงแต่ที่เขานั้นไม่พูดเป็นเพราะอาจจะเป็นการเผยความรู้สึกตัวเองมากเกินไปว่าเขานั้นสนใจในการกระทำอีกคนอยู่

         “…”

         “นามของข้ามะ…”

         “จีมิน

         “….”

         “เพียงแค่นาม…ขนาดเจ้าเจอข้าเพียงแรกเห็นยังรู้ หากข้าไม่รู้คงเป็นการเสียมารยาทใช่ลือไม่” ร่างสูงตอบ

         “หึ…ดูเหมือนข้าคงมองท่านผิดไปหน่อย…เป็นดังท่านว่า…นามของข้าคือจีมิน” จีมินตอบพลางลูบหลังคอเล็กน้อย

         “…”

         “เอาเป็นว่าข้าคงไม่ต้องปิดท่านแล้วกะมั้ง…เพราะถ้านามข้าท่านยังรู้อีกเรื่องของข้าท่านก็คงรู้” ร่างบางพูด

         “แน่นอน…ถึงจะรู้ความช้าไปหน่อยแต่ก็ทำเอาข้าตกใจมิใช่น้อย” จองกุกตอบ

         ใช่ เขาคือคนที่ร่างสูงสงสัยว่าจะเป็นบุคคลที่ต้องลงไปโลกมนุษย์พร้อมกัน แต่ถึงแม้ความจะเฉลยออกมาแล้วว่าเป็นจริง แต่หน้าที่ยังคงเป็นหน้าที่ โลกมนุษย์ที่จะไปในครั้งนี้ทั้งคู่ก็ยังคงต้องเก็บวิญญาณของตัวเองเท่านั้น

         “หากเป็นเช่นนั้นข้าหวังว่าท่านคงจะไม่มาขัดขวางการของข้า…เพราะหากเป็นเช่นที่ข้ากล่าวข้าเองคงไม่อาจอยู่เฉยได้” ร่างบางตอบ

         “ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเจ้าเองแน่นอนข้าจักมิก้าวก่าย…แต่หากการที่กล่าวมาเกี่ยวข้องกับสวรรค์ ข้าไม่รับปาก”

         จองกุกคิดไว้ในใจอยู่แล้วถึงปฏิกิริยาที่จะได้รับกลับจากจีมิน อีกฝ่ายเบิกกตาขึ้นเล็กน้อยเมื่อจองกุกพูดเหมือนจะรู้ทันในสิ่งที่เขานั้นคิดไว้

         หลังจากพูดจบขายาวของร่างสูงก็ถอยออกมาทีละนิดจนมาสุดที่ริมผาที่ร่างสูงยืนอยู่ในตอนแรก ระยะห่างของทั้งคู่ในตอนนี้ถือว่าห่างกันพอสมควร มือหนาของจองกุกถูกส่งไปหยิบแอปเปิ้ลที่ตัวเขานั้นได้เก็บมาตั้งแต่ในงานออกมา จองกุกมองไปที่จีมินอีกครั้งก่อนจะบังคับให้ลูกแอปเปิ้ลนั้นลอยไปที่มือของร่างบาง

         “ข้าคืน…”จองกุกพูด

         “…” 

          จีมินไม่ได้ตอบอะไรจองกุกเพียงแต่แบมือให้ลุกแอปเปิ้ลนั้นตกลงบนฝ่ามือ แต่ทันทีที่แอปเปิ้ลลูกนั้นถึงมือของร่างบาง แอปเปิ้ลที่ถูกกัดและแกะสลักไว้ว่าmalusก็ผันเปลี่ยนเป็นแอปเปิ้ลสีขาว เนื้อส่วนที่ขาดหายไปในตอนแรกถูกเติมเต็ม ร่างบางเห็นดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมาแต่หากในตอนนี้ไม่พบอีกนอกจากความว่างเปล่า จีมินจึงเดินไปที่หน้าผาจุดที่ร่างสูงยืนเมื่อครู่ สายตาเฉี่ยวมองลูกแอปเปิ้ลอย่างพินิจในความหมายที่อีกฝ่ายจะสื่อ

         ฟู่วว

         หยุดคิดได้ไม่นานก็มีแรงลมอุ่นปะทะเข้ากับใบหน้าของร่างบางทำไมเขาต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งลมนั้นไม่เพียงแต่จะเป็นแค่ลม…แต่มันมาพร้อมกับเสียงของบุคคลที่พึ่งหายตัวไปเมื่อสักครู่

         

         

     

         ‘ครั้งนี้และครั้งไหนข้าก็จักไม่มาร้าย แต่โปรดเถิดจีมิน สิ่งที่เจ้าและข้าเป็นอยู่ตอนนี้จะจบได้ลือไม่ อาจเป็นเราทั้งสองที่ตัดสิน

     

         

     

         กลับมาที่ประตูโอทิส

         พรึบ!

         “จองกุก!…เจ้ากลับมาแล้ว! เป็นอย่างไร! ได้ความมาเช่นไรบ้าง” โฮซอกเป็นคนแรกที่พุ่งตัวเข้ามาถาม ก่อนที่พี่ๆคนอื่นจะตามมาอื่นสมทบด้วยเหมือนกัน

         “ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติมไปจากเดิมนัก” ร่างสูงตอบกับพี่ๆ

         “งั้นลือ...ข้านึกว่าเจ้าจะได้ความดีมาบอกข้า” โฮซอกทำหน้าหงอยลงราวกับเด็กที่ถูกคัดใจ

         “เหตุใดท่านพี่ถึงทำหน้าเช่นนั้น” จองกกุมองไปที่โฮซอกก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อยที่เห็นที่ทำกิริยาที่น้อยครั้งจะได้เห็น

         “หืม ทำไมหน้าข้าเป็นเช่นไร” โฮซอกพูดแล้วจับๆหน้าของตัวเองก่อนจะขมวดคิ้วใส่จองกุกเพราะไม่เข้าใจว่าตัวเองทำหน้าอย่างไร

         “หน้าขัน” จองกุกพูดจบก็เดินผ่านโฮซอกไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่วายมีเสียงตะโกนตามหลังมา

         

         ระหว่างทางจองกุกก็เดินไปพลางคิดถึงใบหน้าของจีมิน ใบหน้าที่ดูเหมือนจะเข็มแข็งแต่หากสายตามีแต่ความอ่อนแอไปเสียจนเขารู้สึกได้ นั้นจึงทำให้ร่างสูงคิดไปก่อนแล้วว่าสิ่งที่เขาคิดจะเปลี่ยนแปลงอาจไม่ยาก...แต่นั้นเป็นเพียงแค่ไม่กี่นาทีคงต้องรอดูไปอีกสักหน่อย ซึ่งแน่นอนการไปครั้งนี้ของเขาไม่สูญเปล่า

         "เพลิงหากไม่มีเชื้อจะลุกโชนแบบนี้ได้เช่นไร"

        นั้นคือสิ่งที่ร่างสูงคิดได้อีกอย่างหลังจากที่ได้พบกับร่างบาง 

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    TBC

       

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×