คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : perceive
3
พิธียังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆโดยผลโหวตส่วนใหญ่คือต้องการให้จองกุกลงไปศึกษาที่โลกมนุษย์ ซึ่งเอาเข้าจริงมันเป็นเรื่องที่สมควรทำโดยไม่ต้องปรึกษาหาลือกันใหญ่ต่อเพียงนี้ แต่เพราะการแบ่งแยกครั้งใหญ่จึงอาจเกรงว่าการส่งทายาทลงไปโลกมนุษย์โดยลำพังก็คงไม่ต่างจากโยนกวางทองเข้าหาสิงโต อันตรายมีอยู่รอบตัวไปหมดนั้นคือสิ่งที่พระราชาเกรงแต่ก็ไม่อาจขัดกฎได้
‘ท่านเองหรอกหรือที่ชื่อจองกุก’
เสียงใคร
‘ท่านมองใครลือ…ข้าเอง…ข้าอยู่ทางนี้'
จองกุกตั้งสติตัวเองทันทีหลังจากได้ยินเสียงปริศนาที่เหมือนจะมีเพียงเขาที่ได้ยิน…และที่ร่างสูงมองเป็นที่แรกก็คือคนที่เขาสงสัยตั้งแต่แรกเห็น
เมื่อสายตาของทั้งคู่ผสานกันริมฝีปากอิ่มของชายชุดดำก็ยกขึ้นเล็กน้อยแสดงให้เห็นความพอใจที่ปิดไม่มิด
‘เก่งหนิท่าน รู้ด้วยลือว่าเป็นข้า’
‘เจ้าเป็นใครเข้ามาในที่นี้ได้อย่างไร’
‘อืมมม ข้าเป็นใครหนะหรอ…อันนี้ข้าคงบอกท่านไม่ได้ข้าเสียใจ’
‘…’
‘ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ข้ามาที่นี้ได้อย่างไร…ข้าก็จะบอกว่าข้าก็เข้ามาในทางเดียวที่ข้าเข้าได้ :) ’
‘…’
‘หึหึ’
‘…’
‘ประตูโอทิสอย่างไรเล่า’
คำตอบนั้นทำให้ร่างสูงรู้ได้เลยว่าเขาคนนั้นเป็นคนจากนรกและหากไม่ผิดชายคนนนั้นก็น่าจะแอบเข้ามาในตอนที่แม่ของเขาได้ร่ายมนต์ปิด ไม่เช่นนั้นทางอื่นที่จะเข้ามาในวังนี้ได้เห็นที่คงจะยากเพราะแต่ละจุดได้ลงมนต์ปกป้องไว้หมด
ปกติร่างสูงไม่ใช่คนใจร้อนพลีพล่ามจะทำอะไรโม่คิดแต่เวลานี้นั้นช่างต่างกันลิบลับ ร่างสูงทำได้แต่ยืนนิ่งฟังอภิปายของพ่อตัวเองนิ่งๆแต่หารู้ไม่กายหยาบของเขายามนี้อยากจะเดินไปหาบุคคลปริศนาเหลือเกิน
จนเมื่อการอภิปายดำเนินมาจนถึงช่วงสุดท้ายจองกุกมองไปที่อีกฝ่ายอีกครั้ง ร่างบางที่เห็นก็ทำเพียงส่งยิ้มบางและโค้งตัวให้เล็กน้อยก่อนที่เขาจะค่อยเดินไปทางประตูหลัง ทุกการกระทำของร่างบางอยู่ในสายตาของจองกุกหมดทุกอย่าง ร่างบางเดินผ่านทหารองครักษ์ทั้งห้าคนที่ยืนห่างเพียงแค่แผ่นกระดาษกั้นไปอย่างง่ายดายโดยที่พวกเขาไม่ได้สนใจเลย ซึ่งมันทำให้ร่างสูงสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมเพราะเป็นการยากที่จะรอดสัญชาตญาณทหารองครักษ์ไปได้
พอร่างบางเดินถึงประตูหลังที่มีทหารยืนอคุมยู่สองฝั่งอีกฝ่ายก็หันกลับมามองที่จองกุกอีกครั้ง…ก่อนที่มือเรียวจะหยิบบางอย่างออกมาจากออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านใน และพอจองกุกเห็นสิ่งที่อีกฝ่ายหยิบออกมาทุกอย่างที่ตึงก็หย่อนยานลงและเป็นตัวร่างสูงเองที่ยิ้มมุมปากออกมา
มันคือแอปเปิ้ล
ร่างบางเองเห็นอย่างนั้นก็หัวเราะที่อีกฝ่ายรู้ตัวตนเขาเร็วเช่นนี้และยกแอปเปิ้ลในมือขึ้นกัดหนึ่งคำก่อนจะปล่อยให้มันหล่นลงที่พื้น ขาวเรียวหมุนตัวหันหลังก่อนจะยกมือเป็นการโบกอำลาและเดินทะลุผ่านประตูออกไป จองกุกจึงได้หลุดตาจากทางด้านหลังกลับมาที่การอภิปายเหมือนเดิมด้วยอารมณ์ที่ปกติเฉกเช่นเดิม
“ข้าขอบใจทุกท่านมาก หลังจากนี้ขอให้เชิญตามอัธยาศัย ส่วนใครที่จะเดินทางกลับข้าขอขอบใจและขอให้ปลอดภัย”
เสียงของโฮยอนพูดเสริมขึ้นหลังที่การอภิปายเหมือนจะจบแล้ว เธอหันมามองหน้าจองกุกเป็นเชิงว่าไปได้ จองกุกจึงโค้งหัวให้บรรดาแขกในงานและเดินไปทางประตูหลังที่เมื่อกี้ได้มีคนทิ้งบ้างอย่างไว้ ร่างสูงเดินผ่านของกลุ่มพี่ทั้งห้าคนไปทำให้พวกเขาสงสัยกันเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไรและปล่อยจองกุกให้เดินผ่านไป ร่างสูงเดินมาหยุดที่หน้าแอปเปิ้ลลูกที่บุคคลปริศนาได้ทิ้งไว้ เขามองมันอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะก้มตัวหยิบมันขึ้นมา
และเมื่อพอร่างสูงหยิบในด้านที่มีรอยกัดขึ้นมานิ้วที่จับผิวสัมผัสทางด้านหลังของแอปเปิ้ลของเขาก็รู้สึกได้ถึงรอยบางอย่าง จองกุกจึงหมุนแอปเปิ้ลอีกด้านหันมาดูก็พบตัวอักษรละตินที่เริ่มจะเป็นสีน้ำตาลแล้วเป็นคำว่า
“ malus ”
งั้นหรอ…จะแค่ไหนกันเชียว
ร่างสูงจึงเสกให้แอปเปิ้ลลูกนี้หยุดการเหี่ยวเฉาและใส่มันเข้ากระเป๋าเสื้อตัวเองเพื่อรอวันที่มันควรจะถูกส่งกลับไปหาเจ้าของ :)
ทางด้านองครักษ์
เมื่อจองกุกเดินกลับมาที่กลุ่มก็ถูกรุ่นพี่ถามนิดหน่อยว่าไปไหนมา จองกุกจึงตอบปัดๆไปและพวกเขาก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรต่อจนกระทั่งแทฮยองเปิดประเด็นขึ้นมา
“นี้พวกท่านพี่รู้กันรึยังว่าเมื่อคืนมีเรื่องแปลกๆเกิดขึ้นด้วยนะท่าน” แทฮยองพูด
“แปลกอย่างไรรึ” นัมจุนถาม
“เรื่องนี้ข้าได้ยินมาจากพ่อข้า ท่านบอกว่าเมื่อคืนที่ประตูเชื่อมสองโลกมีแสงแปลกๆปรากฏออกมาและทหารผู้คุมก็บาดเจ็บไม่รู้สาเหตุอีกด้วย”
จองกุกขมวดคิ้วพลางคิดไปถึงหน้าบุคคลเมื่อครู่ที่พึ่งได้เจอว่าเป็นสาเหตุของเรื่องรึเปล่า
“หรือว่าทางนรกอาจจะกำลังอะไรบ้างอยู่ก็ได้นะท่านพี่” วีพูดไปทางนัมจุน
“อืม” จองกุกคราง
“หืม เจ้ามีความเห็นกับเรื่องนี้อย่างไรหรือจองกุก” นัมจุนถามและมองไปที่จองกุก
“ข้าพอจะจับต้นสายปลายเหตุได้…..อีกไม่นานอาจเกิดเรื่องใหญ่กะมั้ง”
สิ้นคำพูดของจองกุกทุกคนต่างนิ่งเงียบรอฟังคำอธิบายจากร่างสูง
“ข้าอยากให้ท่านพี่ทุกคนเตรียมตัวให้ดีเป็นพอ การลงไปโลกมนุษย์ครั้งอาจไม่ง่ายดั่งคิดไว้…ส่วนเหตุผลตัวข้าจะบอกพวกท่านในเร็ววันก่อนการ”
“…”
“ที่เห็นจะบอกได้คงเป็น…เรื่องที่สวรรค์ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงพวกเรา” ร่างสูงเว้นวรรคเล็กน้อยก่อนพูดออกไป
“เจ้าหมายความอย่างไร”เป็นจินที่ถามขึ้น
“ข้าเพียงพบคนน่าสงสัยว่าเขาอาจมาจากนรก”จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“จองกุก เรื่องใหญ่เพียงนี้ทำไมเจ้าหาไม่บอกพวกพี่” โฮซอกพูดด้วยความจริงจังปนร้อนใจ
“ท่านพี่โฮซอก…หากเร่งรีบเกินเหตุอาจเกิดภัย ยิ่งข้ารู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้พวกเรายิ่งต้องรอบคอบ…ส่วนคนที่ข้าเจอเขายังไม่ได้ทำอะไรเพียงแต่ข้าต้องหาเหตุผลว่าเข้าขึ้นมาเพื่ออะไร” จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเพื่อต้องการที่จะให้โฮซอกว่างใจให้เย็นลง
“หากเช่นนั้นเจ้าจะทำอย่างไร” โฮซอกถาม
“…”
“ให้พวกข้าช่วยได้หรือไม่” โฮซอกพูด
“…”
“…”
กลางดึกคืนนั้น
“นี้หนะหรือประตูที่เจ้าบอกข้าจองกุก”
ท้องฟ้าของสวนหย่อมเปลี่ยนไปจากที่ร่างสูงมาในตอนเช้า แสงสว่างยามนี้ถูกปกคุมไปด้วยสีดำทะมึน แสงสว่างเดียวที่เห็นจะมีก็คือแสงในคืนพระจันทร์เต็มดวง ทั้งหกคนยืนรวมกันท่ามกลางวงแหวนที่คิรินเป็นคนใช้พลังเปิดเพียงคนเดียว…เหตุการณ์ทุกอย่างเหมือนตอนเช้าทั้งหมด แต่ที่ต่างดูเหมือนคิรินจะอ่อนแอลงอย่างมาก พอประตูปรากฏร่างเล็กก็ดูจะฝืนตัวเองไม่ไหวจนจินต้องเอาฝ่ามือเข้าไปลองรับร่างบางไว้ไม่ให้ตกสู่พื้น
“ข้าไม่เป็นท่าน…แต่หากไปแล้วมีภัยขอให้รีบกลับมา”
ร่างเล็กพูดจบก็พร่อยหลับไปบนมือหนา จินเลยต้องพาร่างเล็กไปนอนบนเมฆก่อนที่จะมีภูตอีกสามตนมาพา
คิรินไป ทั้งหกคนมองตามไปจนสุดสายตาก่อนจะหันกลับมาที่ประตูอีกครั้ง
“พวกท่านพี่” เป็นจองกุกที่พูดขึ้นมากลางความเงียบ
“…”
“มาถึงขั้นนี้…ที่ข้าพูดไปอาจจะขัดหูพวกท่านสักหน่อย”
“…”
“ข้าขอไปเพียงคนเดียวได้หรือไม่”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
TBC;
ความคิดเห็น