คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : prance
2
“แม่อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม”
คำพูดที่ออกจากปากของโฮยอนดูจะแฝงไปด้วยความหวังมากมาย ที่ผ่านมานรกกับสวรรค์ไม่เคยมีเรื่องราวให้บาดหมางใจกันมาก่อนโฮยอนจึงได้ลงไปเที่ยวเล่นนรกอยู่บ่อยๆ หญิงสาวมีความสุขในทุกครั้งเพราะเธอมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่อยู่ข้างล่าง ครั้นยังเด็กเธอจะได้เจอกันตอนที่ลุงได้พาลงไปเยี่ยมพ่อของเธอที่ทำงานเป็นผู้คุมวิญาณอยู่นรก โฮยอนกับเพื่อนสนิทโตมาพร้อมๆกันจนเมื่อจะเข้าใกล้วัยผู้ใหญ่ เพื่อนของเธอได้แต่งงานและตั้งครรภ์ นั้นจึงทำให้ช่วงนั้นทั้งสองจึงต้องห่างๆกันไป
พอหลังจากนั้นไม่นานโฮยอนก็ได้เจอกับสามีของเธอเช่นกัน ซึ่งในตอนนั้นถึงสามีของเธอจะยังไม่ได้ครองบัลลังก์ก็ตามแต่เธอก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นว่าที่ราชินีไปแล้ว กลายเป็นว่าการเดินทางไปไหนมาไหนไม่ได้สะดวกเช่นเดิม เธอต้องเรียนรู้หน้าที่ของราชินีอีกมากมายและไม่นานก็เกิดสงคราม โฮยอนที่ตอนนั้นที่ได้รู้ข่าวมาจากทหารในวังจึงได้สร้างประตูโอทิสไว้อย่างลับๆ…แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ไม่ได้สมบูรณ์
“…”
“หากเจ้าไม่มั่นใจแม่ก็จะไม่บังคะ…”
“ข้าไม่ปฏิเสธ”
หญิงสาวตกใจเล็กน้อยกับสิ่งที่ลูกชายพูด เขาไม่ได้หวังให้จองกุกทำตามในสิ่งที่ขอ หากแต่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะได้คำตอบแบบนี้
“แต่ข้าก็ไม่รับปากท่านว่ามันสำเร็จ” จองกุกพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆแต่เต็มไปด้วยความมั่นคง
“แค่นี้แม่ก็ไม่รู้จะขอบคุณเจ้ายังไงแล้ว”
“ข้ารับน้ำใจ”
“แต่ข้าว่าท่านยังมีสิ่งที่ท่านพูดมาไม่หมด”
จองกุกมองหน้าแม่ของตนเองแบบนิ่งๆ ที่เขาพูดแบบนั้นออกมาถ้าไม่มีมูลเขาคงไม่พูด เพราะเขาได้สังเกตแม่ของตัวเองอยู่ตลอดหลังจากที่ประตูบานนี้ได้ปรากฎออกมา แม่เริ่มมีอาการคล้ายหอบเล็กๆและมีเหงื่อซึมที่ขมับตามบริเวณลูกผม แถมตัวคิรินเองก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เจ้าตัวเหมือนจะออกแรงบินไม่ไหวจึงได้เรียกก้อนเมฆมานั่งแบบนั้น ตัวร่างสูงจึงคิดว่าอาจจะเป็นเพราะการที่แม่ของตนทำแบบนี้รึเปล่าจึงทำให้มีอาการแบบนี้ ยิ่งเมื่อถามคำถามนั้นไปแล้วได้รับปฎิกริยาแบบนั้นตัวร่างสูงเองก็ยิ่งมั่นใจว่ามีส่วนเกี่ยวข้องเป็นแน่
โฮยอนเมื่อรู้ว่าปกปิดไปก็ไม่ได้เป็นผลดีจึงสูดลมหายใจเข้าแรงๆหนึ่งครั้งก่อนจะมองหน้าลูกชายตรงๆและยิ้มออกมาเล็กน้อยที่ไม่สามารถบิดบังเรื่องนี้ได้
“จองกุก…เจ้านี้ไม่ต่างจากพ่อเจ้าเลยสักนิด”
“…”
“ทุกครั้งที่ใช้พลังเปิดม่านพลัง ตัวแม่เองกับคิรินจะอ่อนแรงลงเพราะได้ใช้เปิดไปหมดแล้ว…อีกอย่างมันก็น่าจะเป็นเพราะปู่กับพ่อเจ้าได้ร่ายเวทย์ปกป้องไว้ด้วยแม่กับคิรินจึงเป็นแบบนี้”
“แต่เจ้าไม่ต้องห่วงหรอกนะพอร่ายมนต์ปิดแม่ก็จะค่อยๆดีขึ้น”
“…”
“เจ้าอยากลองลงไปหรือไม่” โฮยอนพูด
จองกุกค่อยๆละสายตาจากผู้เป็นแม่หลังจากที่เธอพูดจบพลางมองไปที่ประตูบานนั้น ขายาวก้าวไปอย่างไม่รีบร้อน สายตาจ้องมองที่กลางประตู เมื่อปลายเท้าหยุดในตำแหน่งด้านหน้าประตู มือหนาของเขาค่อยๆยืนเข้าไปข้างหนึ่งก่อนจะค้างอยู่แบบนั้น
ความรู้ทันทีที่รู้สึกได้หลังจากที่เขาได้ยืนมือเข้าไปคือความอุ่นที่ค่อนไปทางร้อน หากแต่ก็มีความรู้สึกเหมือนว่ามันยังไม่ใช่เวลาที่ควร ร่างสูงจึงค่อยๆดึงแขนตัวเองกลับมา
“ทำไมหรอลูก เจ้าเป็นอะไรหรือ” โฮยอนเห็นแบบนั้นจึงถามด้วยความเป็นห่วง
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเพียงแต่ข้ารู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ตอนนี้”
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรต่อเธอเพียงแค่พยักหน้าให้ลูกชายและใช้แรงที่เหลือร่ายเวทย์กลับ ประตูที่เคยอยู่ก็ค่อยๆจางไปที่ละน้อยและหายไป
“งั้น…เรากลับไปเตรียมประชุมกัน เอาจริงแม่ว่าท่านพ่อเจ้าก็น่าจะหาตัวเราสองคนอยู่นะ” โฮยอนตอบด้วยรอยยิ้ม
“ครับ”
“ไว้ครั้งไหนข้าจะกลับมาใหม่นะคิริน ดูแลตัวเองด้วยนะ”
กลับมาที่โถงใหญ่
ตอนนี้ดูเหมือนว่าบรรดาคณะกรรมการสวรรค์จะได้ถยอยกันมาเกือบหมดแล้วหลังจากที่ทั้งสองแม่ลูกได้ไปที่สวนลับนั้นมา เสียงพูดคุยเป็นปกติตามภาษาผู้ใหญ่ชั้นสูงได้มาเจอกันในนานครั้ง โฮยอนจึงจำเป็นต้องแยกกับจองกุกไปรับแขก จองกุกจึงตีตัวออกมาอีกทาง ร่างสูงกวาดสายตามองทั้งห้องโถงอยู่ที่มุมหนึ่งนิ่งๆไม่ได้ไปไหน แต่หารู้ไม่ในหัวเขาคิดแต่เรื่องที่พึ่งได้รับรู้เมื่อไม่นานมาจนกระทั่งมีเสียงหนึ่งที่ทำให้เขาหลุดจากภวัง
“นี่จองกุก!”
สายตาคมหันไปมองยังตนเสียงก็พบว่าไม่ใช่คนอื่นไกลและที่สำคัญคือไม่ได้มีเพียงคนเดียว
“ท่านพี่จิน”
“ใช่ข้าเอง ทำไมเจ้าถึงมายืนอยู่ที่มุมอับคนเดียวแบบนี้หละ”
ผู้ที่พึ่งมาถึงพูดทักทายก่อนจะเข้าเอาแขนมาคล้องที่คอร่างสูงและดึงเข้าหาตัวทำให้จองกุกเสียหลักนิดๆ กลายเป็นว่าจองกุกเข้ามาอยู่กลางวงที่มีรุ่นพี่ของเขาอีกสี่คนที่ยืนกอดอกยิ้มอยู่ ซึ่งประกอบไปด้วย นัมจุน ยุนกิ โฮซอกและแทฮยอง ทั้งหมดเป็นลูกของขุนนางชั้นสูงที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการครั้งนี้ไม่แปลกที่พวกเขาจะได้เจอกันพร้อมหน้า ซึ่งอันที่จริงไม่จำเป็นต้องมีงานใหญ่พวกเขาก็เจอกันอยู่เกือบทุกวันเพราะพระราชาได้วางใจให้พวกเขาทั้งห้าคนเป็นทหารองครักษ์ของร่างสูงอยู่แล้ว เพราะท่านได้เล็งเห็นว่าการเป็นองครักษ์ต้องมีความรู้ใจในตัวผู้สืบทอด จองกุกกับพี่อีกห้าคนจึงได้โตมาและเรียนศัสตราวุธหรืออะไรก็ตามแต่เหมือนกันทั้งหมดทุกคน
“จิน เจ้าปล่อยคอจองกุกเถอะ…คนมองกันหมดแล้วหนา”และก็เป็นโฮซอกที่เข้ามาเตือนเพราะสองพี่น้องคู่นี้ชอบเล่นกันแรงๆ
“หรอ” ซอกจินหันไปมองก็ปรากฏว่าเป็นอย่างที่โฮซอกพูดจึงค่อยๆปล่อยและปัดไหล่ของคนน้องให้เข้าที่เพื่อแก้เขิน จองกุกจึงยิ้มให้เพราะเอ็นดู
“แล้วทำไมพวกท่านพี่ถึงมากันช้าเพียงนี้” จองกุกถามยุนกิ
“ถามเจ้าตัวดีคนนี้เถอะจะได้ความมากว่า” เป็นยุนกิที่พูดด้วยน้ำเสียงติดเล่นพยักหน้าไปทางแทฮยอง
“แหะๆ พอดีข้าลืมเข็มกลัดองครักษ์หนะ…เลยต้องเสียเวลาให้รถม้าพากลับไปเอา”
หลังจากจบประโยคของแทฮยองก็เกิดเสียงหัวเราะขึ้นก่อนจำต้องหยุดเพราะตอนนี้ราชาหรือพ่อของจองกุกได้เข้ามาในโถงแล้ว…เสียงทุกเสียงเงียบลงทันตา ทุกคนกลับเข้านั่งประจำที่ตัวเองส่วนคนที่ไม่จำเป็นต้องนั่งก็ยืนอย่างเป็นระเบียบ
“ข้าขอบคุณทุกท่านที่สละเวลาอันมีค่ามา เรืื่องที่จะหาลือกันวันนี้คือข้าจะส่งตัวลูกชายข้า…จองกุก”
ราชาที่พึ่งเข้ามาถึงไม่ได้พูดพร่ำทำเพลงเปิดเด็นเรื่องของวันนี้ขึ้นมาทันที โดยท่านได้ส่งสายตาเป็นการเรียกลูกชายให้เดินมาแนะนำตัว ร่างสูงเองก็รู้งานจึงเดินออกมาจากกลุ่มหนึ่งก้าวและโค้งหัวให้ผู้ใหญ่ในงานก่อนจะดินไปหาราชาที่รอยู่
!!!!!!
‘นั่นใคร’
ร่างสูงเกิดความสงสัยทันทีที่ก้าวออกมา หางตาซ้ายดันไปสะดุดตากับชายร่างขาวเพียงคนเดียวที่ใส่ชุดสีดำในงานเข้า ด้วยความที่ยืนในระนาบเดียวกันทำให้เขาไม่ได้เห็นตั้งแต่แรกเลยไม่รู้ว่าเขานั้นเป็นใคร ร่างสูงเพ่งดูแล้วแต่นั่นไม่คล้ายคนของสวรรค์แม้แต่น้อย
ร่างสูงเดินมาหยุดทางด้านหน้าสุดทางห้องโถงแต่สายตายังไม่หยุดจ้องชายคนนั้น ซึ่งเหมือนเจ้าตัวก็จะรู้แล้วว่าถูกทายาทสวรรค์จ้องอยู่หากแต่สายคู่นั้น…..ดูหยิ่งผยองสะเหลือเกิน
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
TBC ;
ความคิดเห็น