คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : hope
1
ยามท้องฟ้าเหนือเมฆมีแสงทองสว่าง เหล่านางฟ้าน้อยใหญ่ต่างทำงานด้วยความเบิกบาน ภายในวังที่ตั้งสง่าอยู่กลางนภาก็เช่นกัน เหล่านางฟ้าก็ต่างตักเตรียมปัดกวาดเช็ดถูให้ดูสะอาดตา เพราะวันนี้จะมีการประชุมของเหล่าเทพมากมายในเรื่องของทายาทรุ่นต่อไปที่จะต้องลงไปยังโลกมนุษย์เพื่อศึกษาดูงาน
หญิงสาวที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยาของท่านผู้ดูแลสวรรค์ก็ได้มาตรวจตาดูความเรียบร้อยด้วยตัวเอง กลางห้องโถงใหญ่แห่งนี้โต๊ะหินสีขาวถูกมือเรียวลูบเป็นทางยาว พลางสายตาของเธอก็จ้องออกไปทางด้านข้างที่เป็นกระจกใส เธอเดินไปมองไปจนไม่ได้สังเกตว่าภายในห้องนี้ ณ ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เธอคนเดียวเท่านั้น…ขาสองขายังคงเดินต่อไปก่อนจะต้องหยุดเพราะปะทะเข้ากับอกแกร่งของใครบางคน เธอเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของอกแกร่งก่อนจะยิ้มออกมาและซบลงเหมือนเดิมเพราะนั้นไม่ใช่ใครแต่เป็นลูกชายของเธอเอง
“ทำไมเจ้าเข้ามาไม่ให้ซุ่มให้เสียงบ้างละลูก…หื้ม จองกุก”
“ถ้าข้าเข้ามาโดยให้เสียงก่อน”
“…”
“ข้าจะรู้ไหมว่าท่านเหม่อแบบนี้อีกแล้ว”
“โถ่…ลูกก็…แม่ไม่เคยห่างเจ้านานเพียงนี้นะ”
“ข้าเข้าใจว่าท่านเป็นห่วงข้า”
“…”
“แต่ข้าไม่ได้จักไปในเร็ววันนี้ อีกตั้งหลายเดือน ข้าอยากให้ท่านวางใจ ข้ามิใช่เด็กน้อยที่ดูแลตัวเองไม่ได้” ร่างสูงก้มมองมารดาของตนที่ตอนนี้กอดเขาไว้แน่นราวกลับกลัวว่าลูกชายของเธอนั้นจะหายไปไหน
และร่างสูงรู้ดีว่าควรต้องทำอย่างไร
‘ท่านแม่ ท่านพ่อมา’ ร่างสูงกระซิบข้างหูผู้เป็นแม่
หญิงสาวเมื่อได้ยินลูกชายบอกดังนั้นจึงรีบปล่อยอ้อมกอดออกจากลูกชายและใช้หลังมือปาดที่หางตาเล็กน้อย ซึ่งนั้นคือสิ่งที่ร่างสูงรู้ดีว่าแม่ของตนนั้นจะไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้สามีของเธอเห็นเด็ดขาด พอปาดน้ำตาเสร็จหญิงสาวก็หันไปทางด้านหลังตามที่ลูกชายบอก…แต่ถ้าหากพบใครนั้นคงไม่เรียกว่าการหลอก
“นี้เจ้าแกล้งแม่อีกแล้วนะ”
“ไม่งั้นข้าจะรู้ได้อย่างไร ว่าแม่ข้าร้องไห้”
“เดี๋ยวเถอะลูกคนนี้”
“…”
ร่างสูงยิ้มเล็กน้อยมองแม่ของตัวเองทำหน้าง้ำหน้างอก่อนที่เธอจะเหมือนจะนึกอะไรออกบ้างอย่าง และนั้นก็ทำให้หน้าของเธอเข้าสู่โหมดจริงจัง
“จองกุก มีอีกเรื่องที่แม่ยังไม่ได้บอกเจ้า”
“…”
“ที่จริงมันเป็นเรื่องที่แม่ไม่สมควรจะบอกเจ้า”
“…”
“หากเจ้ารู้ความนี้ไป เจ้าห้ามบอกผู้ใดโดยเฉพาะท่านพ่อรู้ไหม”
“ครับ”
“งั้นเจ้าก็ตามแม่มา”
หญิงสาวเดินสวนกลับลูกชายของตนไปทางด้านหลังซึ่งเป็นประตูทางออกโถงใหญ่ ร่างสูงที่เดินตามได้แต่คิดในใจว่ามีที่แบบนี้ในบ้านของตนด้วยหรือ อาจจะเป็นเพราะตอนที่หลับไปรึเปล่าถึงได้มีการต่อเติมเพิ่มโดยที่เขาไม่รู้
เธอเดินนำลูกชายมาจนมาหยุดที่หน้าประตูไม้บานหนึ่ง จองกุกสังเกตว่าแม่ของตนนั้นจ้องมองและท่องอะไรบ้างอย่างกับประตู ไม่นานประตูบานนั้นก็เปิดออก เผยให้เห็นสวนหย่อมที่มีภูตตัวเล็กๆเล่นกันอยู่บนก้อนเมฆ เมื่อภูตรับรู้ได้ถึงการมีผู้มาเยือนจึงหยุดการกระทำและกลับมามองทางสองแม่ลูก ก่อนจะมีภูตตัวหนึ่งบินออกมาที่หญิงสาวและหยุดอยู่ตรงหน้าหล่อน
“เจ้าจำข้าได้หรือไม่คิริน”
หญิงสาวเหมือนจะรู้ว่าภูตตัวน้อยตรงหน้าจำเขาไม่ได้แน่นอน เธอจึงยกมือเรียวขาวให้ภูตตนนั้น ปีกเล็กจึงได้พาเจ้าของโน้มตัวลงสูดดมกลิ่นจากหลังมือที่ถูกส่งมา
ฟุด ฟิด
ดวงตาเล็กๆเมื่อนึกออกว่าเจ้าของกลิ่นนั้นคือใครแววตาสงสัยในตอนแรกแปลเปลี่ยนเป็นประกายวิบวับทันที
“โฮจัง!!!”
“หึๆใช่ข้าเอง จำได้แล้วใช่ไหม” เธอยิ้มออกมาให้กับความน่ารัก
“โฮจัง ข้าเกือบจำท่านไม่ได้ ข้าขออภัยท่านด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกคิริน”
“ข้าคิดถึงโฮจังมากๆเลยนะ”
“คิริน ข้าโตจนมีลูกแล้วนะ เจ้าเลิกเรียกข้าว่าโฮจังได้แล้ว…ข้าเขิน” ร่างบางกระซิบในคำสุดท้ายกับคิริน
“ก็โฮยอนมันไม่น่ารักเท่าโฮจังนี่”
ร่างบางหัวเราะเล็กน้อยให้กับความน่ารักก่อนจะแบมือให้คิรินมานั่งและเรียกเมฆก้อนหนึ่งให้ลอยมาตัวเธอ จึงกลายเป็นว่าทั้งสามคนตอนนี้ได้ลอยตัวเหนือสวนหย่อมเล็กน้อย
“ข้าเข้าเรื่องเลยนะคิริน”
“อื้ม ข้ารอฟังท่านอยู่” ภูตตัวน้อยยิ้มตอบ
“ก่อนอื่นเลยคิริน นี้ลูกชายข้าจองกุก”
“…”
“อีกไม่กี่เดือนเขาจะต้องไปโลกมนุษย์ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าจะไม่ได้มีเพียงเขาที่ไป”
“ข้ารู้โฮจัง”
“อืม…ข้าก็ไม่รู้หรอกทำไมข้าถึงคิดเช่นนี้ แต่ข้าอยากให้เขาเห็นสิ่งนั้นคิริน”
“โฮจัง ท่านรู้ใช่ไหมว่ามันจะเป็นอันตรายต่อตัวเขานะ” คิรินมองไปยังจองกุกที่ฟังอยู่เงียบๆ
“ข้ารู้…เจ้าจะว่าข้าบ้าก็ได้คิริน แต่หากเขาไม่ได้รู้อะไรเลยเกี่ยวกับเรื่องนั้น ข้าว่านั้นอาจจะอันตรายยิ่งกว่า” หญิงสาวพูดน้ำเสียงติดเศร้า
“ถ้าโฮจังคิดดีแล้วข้าก็ไม่อาจขัดได้”
คิรินลุกออกจากฝ่ามือขาวก่อนจะบินไปยังกลุ่มภูตที่อยู่ไม่ไกล จองกุกที่ดูสถานการณ์อยู่ตั้งแต่ต้นหันไปมองผู้เป็นแม่ โฮยอนที่รับรู้ได้ว่าลูกชายนั้นมองตนอยู่จึงหัน และแน่นอนเธอได้รับสายตาจากลูกชายในเชิงที่ต้องการคำอธิบาย โฮยอนจังเอามือจับใบหน้าของจองกุกและใช้นิ้วโป้งเรียวลูบผ่านแก้มสากอย่างเบามือ
“อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้ในสิ่งที่แม่อยากให้รู้ ถึงครานั้น…เจ้าก็จงตัดสินใจ”
หลังจากโฮยอนพูดจบทั้งคู่หันกลับไปยังทางคิริน บัดนี้บรรดาภูตทั้งหมดที่อยู่ ณ ที่นี้ได้รวมกลุ่มเป็นวงกลมใหญ่อยู่กลางสวนหย่อมโดยมีคิรินที่อยู่ตรงกลางวงกลมนั้น ก่อนที่ภูตทั้งหมดจะเริ่มหมุนวงกลมไปทางซ้าย คิรินมองโฮยอนอีกครั้งเพื่อขอการยืนยันว่าต้องการให้เขาอย่างนี่จริงหรือ ซึ่งแน่นอนตอบยังคงเป็นสายตาที่แน่วแน่ คิรินจึงหลับแต่และเริ่มพิธี
“ด้วยเวทมนตร์ทั้งหมดของตัวข้า ผู้เป็นดั่งคนปกป้องม่านพลังแห่งนี้ ขอให้ประตูศักดิ์สิทธิ์นามโอทิส เผยต่อหน้าองค์รัชทายาทแห่งสวรรค์บัดเดี๋ยวนี้เทอญ”
หลังจบคำพูดของคิรินก็ปรากฎวงแหวนสีทองที่พื้นหญ้าเป็นวงใหญ่ เหล่าภูตที่ตอนแรกหมุนอยู่เป็นวงก็หยุดและบินออกมาทางที่โฮยอนยืนอยู่เหลือเพียงแค่คิรินเพียงตนเดียวเท่านั้น คิรินพยามเพ่งไปที่วงแหวนยังตั้งใจจนกระทั่งเกิดลำแสงสีขาวพุ่งออกจากวงบดบังคิรินจนมองไม่เห็น
“จองกุก”
“…”
“ที่ลูกจะได้เห็นต่อไปนี้มันคือชะตาของลูก”
แสงสีขาวค่อยๆจางหายไปทำให้เห็นประตูบานหนึ่งที่มีบางอย่างคล้ายน้ำอยู่ตรงกลางแต่เป็นน้ำที่มองไปอีกฝั่งแล้วจะไม่เห็นอะไร โฮยอนจึงได้จึงมือของลูกชายตนเองไปใกล้ๆกับประตูบานนั้น พอมายืนถึงตรงนี้คิรินก็บินออกมาจากประตูบานนั้นก่อนจะพยักหน้าให้โฮยอนและหลีกทางให้เธอ
“นี้คือสิ่งที่แม่ไม่เคยบอกเจ้า”
“…”
“นี้คือประตูไปสู่ขุมนรก”
“…”
“มันอาจจะไม่เหมือนกับที่ถูกพ่อกับปู่ของเจ้าปิดตายไป แต่นี้เป็นพลังของแม่กลับคิรินที่ช่วยกันสร้างไว้”
“…”
“แม่…แม่ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้”
“ท่านแม่ ท่านอยากจะสื่ออะไรกับข้า” จองกุกกถามด้วยเสียงนิ่ง
“จองกุก” หญิงสาวมองหน้าลูกชายด้วยความไม่มั่นใจ
“หากไม่เกินกำลัง…ข้าจะทำให้”
“…”
“…”
“แม่อยากให้ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมได้ไหม”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
TBC ;
ความคิดเห็น