คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : :::: Vampire THE Series :::: If we ever meet again
I
If we ever meet again…
แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก
มือบางวางลงบนผนังปูนชื้นพร้อมกับหอบจนตัวโยน หญิงสาวพลิกตัวเอาหลังพิงผนังแทนแล้วเสยผมยาวสลวยของตนเอง
กึก...กึก...กึก
เสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นคอนกรีตดังก้องไปทั่วตรอกเล็กที่หญิงสาวยืนอยู่ ร่างบางหันควับไปตามที่มาของเสียงก่อนจะเริ่มวิ่งไปตามตรอกทางเดินอีกครั้ง
ร่างเล็กลัดเลาะไปตามซอกตึกที่เชื่อมกันอย่างเป็นระเบียบของนครลอนดอน แต่เพียงไม่นานร่างเล็กถึงกับต้องชะงักฝีเท้าเมื่อเบื้องหน้าของเธอเป็นกำแพงปูน รอบข้างไร้หนทางให้ไป แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงอยู่คือเสียงฝีเท้าที่ยังคงระดับเดิม ไม่มีการเปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้น ราวกับว่าไม่เร่งรีบจัดการกับ ‘เหยื่อ’ ที่วิ่งวุ้นเป็นหนูติดจั่นอย่างเธอเลย
หญิงสาวหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางรอดแต่เหมือนว่าจะไม่ทันเสียแล้ว...
ร่างสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนเดินเอื่อยๆเข้ามาหาเธอพร้อมกับสายลมที่ทำเอาร่างบางเย็นเยือกราวกับอยู่ในฤดูหนาว ภายในตรอกมีแต่ความมืดแต่หญิงสาวกลับเห็นนัยน์ตาสีแดงเรืองและเขี้ยวเงาวับที่เผยออกมาจากริมฝีปากหนาของอีกคนได้อย่างเด่นชัด ร่างบางถอยรูดมาจนแผ่นหลังชนกับผนังปูน มือน้อยที่สั่นระริกกำไม้กางเขนที่ห้อยคอไว้แน่น ปากก็พึมพำถึงพระผู้เป็นเจ้าให้เมตตาลูกแกะผู้หลงทางอย่างเธอ
ในที่สุดคำสวดอ้อนวอนของหญิงสาวก็สัมฤทธิ์ผล ร่างของผู้คุกคามตรงหน้าชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะแสยะยิ้มร้ายมาทางหญิงสาว
“แกอย่ามายุ่งเรื่องของฉัน” ร่างสูงไม่ได้มองมาที่หญิงสาวแต่นัยน์ตาสีเรืองกลับมองผ่านไปยังด้านหลังของเธอแทน
“นอสเฟอราตู* อย่างแกมากกว่ามั้งที่อย่ามายุ่ง” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นเหนือหัวของร่างบาง หญิงสาวหันไปมองเหนือหัวของตนเอง ร่างสูงของชายหนุ่มยืนอยู่บนแผ่นคอนกรีต เช่นเดียวกับผู้คุกคาม นัยน์ตาของเขานั้นก็เรืองแสงเช่นกันแต่เป็นสีน้ำเงินแซฟไฟต์แทน
“หึ...กลับไปนอนในโรงศพไปไอ้ลูกหมา”
“พูดอย่างนี้ไม่รู้รึไงว่าฉันเป็นใคร!!”
“เลือดบริสุทธิ์อย่างพวกแกเดาไม่ยากหรอ”
“อย่างนั้นหรอ...งั้นบอกหน่อยซิว่าฉันเป็นใคร” ร่างสูงของชายหนุ่มกระซิบเสียงรอดไรฝันออกมาอย่างสะกดกลั้นอารมณ์
“หนึ่งในทายาทแห่งตะวันออก ‘เวเนิร์น ไมนอฟ’” ร่างของชายหนุ่มกระโดดมาจากผนังคอนกรีตสูงมาอยู่ด้านหน้าของร่างหญิงสาวที่มองเหตุการณ์ข้างหน้าด้วยความสับสน
“รู้ก็ดีงั้นก็ไสหัวไปได้แล้ว!!”
“โทษทีว่ะ ฉันยังกลับไม่ได้ตราบใดที่ยังไม่ได้ผู้หญิงคนนั้น”
“หึ...เดี๋ยวนี้พวกนั้นมันตกต่ำขนาดให้นอสเฟอราตูอย่างแกมาทำงานให้เลยหรอวะ น่าสมเพสสิ้นดี” ชายหนุ่มแสยะยิ้มกลับไปให้ชายตรงหน้าที่ตอนนี้มือใหญ่กำหมัดแน่นจากคำยั่วยุของชายหนุ่ม
“เดี๋ยวแกก็รู้ว่านอสเฟอราตูอย่างฉันมีดีอะไร” สิ้นคำประกาศกร้าว อมนุษย์ทั้งสองก็กระโจนใส่กันอย่างรวดเร็ว นอสเฟอราตูกางกรงเล็บที่เปรียบเสมือนอาวุธประจำกายของตนออกแล้วตวัดใส่ศัตรูตรงหน้าไม่ยั้ง แต่ในทางกลับผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสายเลือดบริสุทธิ์อย่างเวเนิร์นกลับไม่ใช่อาวุธใดเลยนอกจากมือเปล่า ร่างสูงสามารถหลบกรงเล็บของอีกฝ่ายได้ด้วยความรวดเร็วก่อนจะฉวยโอกาสปล่อยหมัดเข้าเต็มหน้าท้องของอีกฝ่ายจนนอสเฟอราตูเสียหลักล้มลงกับพื้น
อึก
“ไหนล่ะของดีที่แกว่า นอสเฟอราตูอย่างแกอย่าริอาจมาต่อกรกับเลือดบริสุทธิ์อย่างฉันอีก เข้าใจไหม!”เวเนิร์นลงส้นเท้าไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายอย่างแรง
“ฝาก...ไว้ก่อน...เหอะ...แก” ร่างใต้เท้าพูดออกมาด้วยเสียงที่ลอดไรฟัน ตนรู้ว่าการเอาชนะเลือดบริสุทธิ์นั้นไม่ใช้เรื่องง่าย แต่ก็ไม่คิดว่าจะแพ้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
“ดูเหมือนว่าแกกับฉัน...คงไม่ได้เจอกัน....อีกแล้วมั้ง” นอสเฟอราตูถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างสูงดึงเอาลิ้มโลหะที่ได้รับการออกแบบอย่างงดงามออกมาจากข้างลำตัว แล้วบรรจงไล้นิ้วเรียวไปตามสันของมันก่อนจะแสยะยิ้มออกมา
“ดะ...เดี๋ยว! ถ้าแกฆ่าฉัน แกก็ไม่มีวันรู้ที่อยู่ของพวกนั้น”
“หึ...แต่ฉันไม่อยากรู้ว่ะ”
อ๊ากกกกก
สิ้นคำตอบของเวเนิร์นลิ่มโลหะก็ถูกปักลงตรงหน้าอกของนอสเฟอราตูอย่างแรงจนเลือดสีดำสนิทไหลออกมาจากปากแผลนองไปทั่วบริเวณ นอสเฟอราตูดิ้นพล่านด้วยความเจ็บปวด ร่างสูงจึงกดลิ่มโลหะเข้าไปให้ลึกกว่าเดิมอีกเพียงไม่นานร่างนั้นก็นิ่งสนิท นัยน์ตาที่เคยเป็นสีแดงเรืองกลับกลายเป็นสีดำอย่างมนุษย์ทั่วไป เวเนิร์นดึงลิ่มโลหะออกจากหน้าอกของนอสเฟอราตูก่อนจะเก็บเข้าฟักที่เหน็บไว้ข้างตัวตามเดิม นัยน์ตาคมจ้องไปที่ศพตรงหน้าก่อนจะยิ้มให้กับผลงานของตัวเอง
เปาะ
“ไงล่ะแม่ลูกเกะผู้หลงทาง” ร่างสูงหันไปเอ่ยกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลังก่อนจะดีดนิ้วของตนเองหนึ่งครั้ง ร่างไร้วิญญาณด้านหลังก็หายไปเหลือไว้เพียงแต่เศษเถ้าธุลีเท่านั้น
หญิงสาวยืนตัวสั่นออกอาการหวาดกลัวกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า วงหน้าสวยหันซ้ายหันขวาเพื่อหาทางหนีอีกครั้งทั้งที่รู้ว่าหนีไหนไม่ได้
“ฉันยกออสการ์ปีนี้ให้เธอเลย แสดงเก่งจริงๆ”
“หึ...ก็นิดหน่อยถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้นายก็คงไม่โผล่หัวออกมาหรอก” เมื่อถูกจับได้หญิงสาวก็เปลี่ยนบุคลิกของตนทันที จากที่เคยแสร้งเป็นกลัวก็กลายเป็นยืนกอดอกหลังพิงกำแพงสนทนากับชายหนุ่มอย่างสบายใจ
“เธอคิดจะล่าฉันรึไง”
“หึ...ฉันไม่ล่าเลือดบริสุทธิ์ นายเองก็น่าจะรู้นี่”
“เธอดูจะมั่นใจจังนะว่าฉันจะมา” ร่างบางยกยิ้มก่อนจะปรายตามองเวเนิร์น
“ก็ไม่แน่ใจหรอกแค่เสี่ยงดู” ร่างสูงเดินเข้าไปประชิดตัวของหญิงสาว เวเนิร์นยกมือขึ้นไล้เรียวหน้าสวยช้าๆ
“เธอไม่น่าเกิดเป็นนักล่าเลยจริงๆ เสียดายหน้าสวยๆ” มือเรียวเปลี่ยนทิศทางไปเป็นยกมือเนียนของอีกฝ่ายขึ้นมาลูบเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปจุมพิตมือของเจ้าหล่อน “เสียดายมือนิ่มๆของเธอ”
“อย่ามากะล่อนกับฉัน!” หญิงสาวสะบัดมือออกจากการเกาะกุมอย่างแรง “จริงอยู่ที่ฉันไม่ล่าเลือดบริสุทธิ์ ...แต่ฉันก็ทำได้นะ...หากจำเป็น” หญิงสาวหยิบสร้อยที่ถูกเสื้อยืดสีดำปิดอยู่ออกมา จี้ของสร้อยเส้นนี้ทำจากเขี้ยวหมาป่าที่ถูกลับจนคมกริบ อาวุธสิ่งเดียวที่จะใช้ฆ่าเลือดบริสุทธิ์ เธอพกมันไว้เพราะเพื่อนรักของเธอขอร้องถึงแม้เธอจะรู้สึกรำคาญมันก็ตาม
“โอเคๆ ฉันขอโทษแล้วกัน...ว่าแต่เธอมีธุระอะไรกับฉัน” เวเนิร์นถอยห่างออกมาจากหญิงสาวเล็กน้อยเพื่อให้เธอเก็บอาวุธอันตรายนั้นไปก่อนจะยิงคำถามใส่หญิงสาว
“ฉันต่างหากที่ต้องถามว่าพวกนายเข้ามาในเขตตะวันตกทำไม”
“นี่เธอไม่รู้อะไรเลยหรอ”
“รู้อะไร” หญิงสาวขมวดคิ้วเป็นปมเมื่อเจอชายหนุ่มย้อนถามกลับ
“พวกฉันมาลอนดอนก็เพราะเพื่อนรักเธอนั่นแหละ” เวเนิร์นพูดด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ ไม่คิดว่าแม่นักล่าสาวจะไม่รู้ข่าวคราวของเพื่อนรักเลย
“เพื่อนรัก...ยะ ยัยโอริวเป็นอะไร ฉันจะไปหามัน” เมื่อสมองสั่งการร่างบางก็ตั้งท่าจะไปหาเพื่อนรักทันที
“ถึงเธอไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก” ร่างบางชะงักก่อนจะหันมาหาเวเนิร์นช้าๆ “เพื่อนเธอไม่เป็นอะไรหรอกไอ้เวสกับท่านพ่อกำลังช่วยอยู่”
เมื่อได้อย่างนั้นหญิงสาวก็โล่งใจ เธอค่อนข้างจะไว้ใจเจอร์ราจเพราะเขาเป็นที่นับหน้าถือตาของเหล่าเลือดบริสุทธิ์ทั้งปวงและยังเชี่ยวชาญด้านตำนานการรักษาต่างๆไม่ว่าใครจะเป็นอะไร ถ้าถึงมือเจอร์ราจก็ถือว่าหายห่วง
“ว่าแต่ ยัยโอริวเป็นอะไร”
“เธอรู้จักตำนานของลูซิเฟอร์ไหม” เวเนิร์นหันหลังให้หญิงสาวก่อนจะเดินเอื้อยๆไปตามตรอกที่ตนอยู่มุ่งหน้าออกไปยังมหานครเบื้องหน้า
“...”
ร่างบางนิ่งเงียบรอฟังตำนานที่เวเนิร์นกำลังจะเล่าให้ฟัง สองขาก็เดินตามเวเนิร์นออกไป
“"ลูซิเฟอร์เคยเป็นเทวดาอยู่บนสวรรค์ แต่หลงใหลในอำนาจและรูปลักษณ์ของตัวเองจนมากเกินพอดี ริอาจเอาตัวเองไปเปรียบกับพระเจ้า ทำให้พระองค์ขับไล่ลูซิเฟอร์ออกจากสวรรค์ ลูซิเฟอร์โกรธแค้นมากถึงแม้ว่าจะถูกขับไล่ออกมาแล้วแต่ก็ยังไม่สำนึกและคิดตั้งตนเป็นอริต่อพระเจ้า"
"..."
"บนพื้นโลกลูซิเฟอร์ได้รวบรวมเหล่าซาตานและอมนุษย์ทั้งหลายเข้าเป็นพวก เพื่อเริ่มลัทธิต่อต้านพระเจ้าซึ่งแน่นอนที่เหล่าเลือดบริสุทธิ์จะถูกชักชวน แต่บรรพบุรุษของเราเข้มแข็งพอที่ปฏิเสธและตั้งตนเป็นปรปักษ์กับลูซิเฟอร์พร้อมทั้งรวบรวมเหล่าพันธ์ที่สูงส่งจากทั่วมุมโลกเข้าด้วยกัน แผนการรวบรวมเหล่าพันธ์บนโลกมนุษย์จึงเป็นอันไม่สำเร็จ ขาดเผ่าพันธุ์บนผืนโลกก็เหมือนกับตัดกำลังตัวเองไปมากกว่าครึ่ง ลูซิเฟอร์จึงพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันเกิดสงคราม คำสาปจึงเกิดขึ้น”
“ใช่คำสาปที่ว่าทุกห้าร้อยปีจะมีทายาทแห่งลูซิเฟอร์กำเนิดขึ้นบนโลกใช่ไหม”
“ใช่...และมันก็ครบกำหนดเมื่อ 23 ปีที่แล้ว”
“อย่าบอกนะว่า...”
“โอริวเป็นทายาทแห่งลูซิเฟอร์” คำตอบของเวเนิร์นทำเอาร่างบางชะงัก เธอไม่เคยคิดว่าเพื่อนรักของตนจะเป็นทายาทแห่งด้านมืด
“โอริวรู้เรื่องนี้ไหม”
“รู้คืนนี้”
“หมายความว่ายังไง”
“ทายาทแห่งลูซิเฟอร์จะเกิดในคืนพระจันทร์เต็มดวง และเมื่อเขาหรือเธออายุครบ 23 ปี สัญชาตญาณดิบของแต่ละเผ่าพันธุ์จะถูกปลุกขึ้นมา” ร่างสูงหยุดฝีเท้าลงเมื่อเดินออกมาจนเจอกันถนนใหญ่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองดวงจันทร์ยามรัตติกาลที่ทอแสงนวลให้หมู่มวลสรรพสัตว์ใช้ชีวิตในยามค่ำคืน
“คืนนี้...โอริวจะควบคุมตัวเองไม่ได้ นี่หรือคือเหตุผลที่ทำให้ฉันถูกกันออกจากโอริว” หญิงสาวพูดออกมาอย่างแผ่วเบา ในใจคอยแต่จะกังวลเรื่องของเพื่อนตัวเอง
“ใช่ พวกฉันเลยมาอยู่ที่นี่ไง”
ÿ ÿ ÿ ÿ ÿ ÿ ÿ ÿ ÿ ÿ
St. James, London
ประตูไม้ที่ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรถูกเปิดออกช้าๆ พร้อมกับร่างสูงของผู้มาเยือนต่างวัยทั้งสองคนที่แทรกตัวเข้ามาภายในวิหารศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์
“ผมรอคุณตั้งนานนะเจอร์ราจ” เสียงของชายวัยกลางคนผู้ครอบครองตำแหน่งประมุขแห่งสายเลือดบริสุทธิ์ตะวันตก ผู้ปกครองมหาครองลอนดอนเอ่ยขึ้นกับผู้มาเยือน
“ถ้าผมไม่มาแล้วคุณจะเสียใจคริสเตียน” ประมุขแห่งสายเลือดบริสุทธิ์ตะวันออก ผู้ปกครองนครมอสโกตอบกลับ ทั้งสามคนพูดกันอีกสองสามประโยคก่อนจะเดินไปหาโอริวที่หลับตาพริ้มอยู่บนแท่นศิลากลางวิหาร ร่างบางถูกพันธนาการไปด้วยสายหนังรัดอย่างแน่นหนา
เจอร์ราจมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เห็นผ่านกระจกใสแผ่นใหญ่ที่ติดอยู่บริเวณหลังคาโดม ดวงจันทร์สีนวลเริ่มโผล่พ้นกลีบเมฆมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับหญิงสาวที่เริ่มคืนสติสัมปชัญญะมากขึ้นตามแสงของศศิธรที่สาดส่องเข้ามากระทบร่างบาง
“เวสเริ่มเตรียมพิธีได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน” เจอร์ราจหันมาบอกลูกชายของตนเอง เวสเทิร์นพยักหน้ารับก่อนจะเดินไปนั่งบนแท่นศิลาข้างร่างบาง ในมือปรากฏถ้วยสำริดโบราณหนึ่งใบและเขี้ยวของหมาป่าที่ถูกลับจนขึ้นเงา
เขี้ยวหมาป่าเป็นเหมือนเหรียญที่มีสองหน้า ด้านหนึ่งของเขี้ยวหมาป่าจะถูกใช้เพื่อการรักษา ใช้ในการประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ที่จะปรากฏแต่ในเหล่าเลือดบริสุทธิ์ หรืออีกด้านหนึ่งที่เขี้ยวหมาป่าถูกใช้ในกรณีของความชั่วร้าย ถูกใช้เป็นลิ่มในการสังหารเลือดบริสุทธิ์ที่สูงส่งเหล่านี้
จันทราโผล่พ้นกลีบเมฆออกมาครบดวง เมื่อแสงนวลกระทบเข้ากับร่างบางได้อย่างเต็มที่ นัยน์ตาสีแซฟไฟต์ก็เบิกโพล่ง ร่างบางกระตุกขึ้นมาจนแทบจะลุกขึ้นนั่งหากไม่ติดสายหนังที่รัดตนเองไว้ เขี้ยวสีเงินเริ่มงอกออกมามากกว่าปกติ เจอร์ราจและคริสเตียนตรงเข้าไปจับไหล่และเท้าทั้งสองข้างของหญิงสาวกดลงกับแท่นศิลาเพื่อที่เวสเทิร์นจะได้ทำพิธีได้สะดวก
เขี้ยวคมของหมาป่าถูกจรดลงบนข้อมือของเวสเทิร์นก่อนจะออกแรงกรีดจนได้เลือดขณะที่ปากก็ยังบริกรรมบทสวดต่างๆ ข้อมือหนายกขึ้นก่อนจะเทเลือดที่ไหลออกมาลงในถ้วยสำริด จากนั้นเวสเทิร์นก็กรีดข้อมือของร่างบางตรงหน้าแล้วเทเลือดที่ได้ลงในถ้วยสำริดนั้น
ถ้วยสำริดถูกนำไปวางบนแท่นหน้าองค์พระบิดาท่ามกลางวงเวทที่ถูกวาดไว้อย่างวิจิต เลือดสีแดงสดของเวสเทิร์นและเลือดสีดำสนิทของโอริวยังไม่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันจนกระทั่งปลายเขี้ยวคมสัมผัสกับเลือดของทายาททั้งสอง ของเหลวในถ้วยสำริดกลายเป็นสีแดงสดก่อนที่ร่างสูงจะดื่มเลือดนั้นลงไป
เวสเทิร์นเดินกลับมาทีแท่นศิลาที่ร่างบางนอนอยู่อีกครั้ง
“พร้อมนะเวส” เจอร์ราจถามย้ำกับลูกชาย
“ครับ” เวสเทิร์นตอบกลับ เจอร์ราจและคริสเตียนจึงปล่อยมือจากโอริวและปลดสายหนังออกทำให้ร่างบางกระตุกพยายามจะลุกขึ้นเพื่อไป ‘ล่า’ อย่างที่เธอต้องการ
เขี้ยวเงาวับของหญิงสาวฝังลงบนต้นของเวสเทิร์น กลิ่นเลือดมนุษย์ที่เจืออยู่ในร่างของชายหนุ่มเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างบางตอบรับได้เป็นอย่างดี ร่างของเวสเทิร์นกระตุกวูบเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับจากเขี้ยวที่แทรกอยู่ในร่างกายตน
เพียงไม่นานเมื่อโอริวได้สัมผัสกับเลือดที่ผ่านการทำพิธีมา ร่างบางก็สงบลงพร้อมกับสติที่หายไปอีกครั้ง
* นอสเฟอราตูเป็นแวมไพร์ชนิดหนึ่งที่มีนิสัยค่อนข้างเก็บตัว เป็นสายพันธ์ที่จะเกิดขึ้นได้เพียงเหตุผลเดียวเท่านั้นคือพ่อแม่ของตนต้องเป็นบุตรนอกสมรส และตรก็ต้องเป็นบุตรนอกสมรสด้วย
Talk :
ก็แค่อยากรีไรท์แค่นั้นเองงง ไม่มีอะไรทำแค่นั้น ขอโทษนะครับที่หายไปเลย หึหึ
หายไปปั่นฟิคมา
อย่าว่ากันน้าาา
ความคิดเห็น