ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Vanilla House! เพราะรักเรากลิ่นวานิลลา! [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #1 : First Recipe : Welcome to Vanilla Bakery

    • อัปเดตล่าสุด 9 เม.ย. 52



    “ ขอบคุณมากคร้าบบบบบ ”

    “ โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ. . . . ”


    ผมยิ้มให้คุณแม่และลูกสาวตัวน้อยที่เพิ่งเดินออกจากประตูหน้าร้าน

    ผมมักจะทำอย่างนี้เสมอๆ  โดยเฉพาะกับลูกค้าคนสุดท้าย  


    แต่ไม่ใช่แค่ลูกค้าคนสุดท้ายที่สำคัญหรอกนะครับ

    เวลาต่างหากที่สำคัญกว่า  ถ้ามีเวลาพอลูกค้าทุกคนก็สำคัญเท่ากันหมดนั่นแหละน่า

     

    ผมยืนมองสองแม่ลูกจูงมือกันไปทางรถคันหนึ่ง  มีผู้ชายเดินลงมารับสองคนแม่ลูกขึ้นไปบนรถ  โดยที่ไม่ต้องอธิบายผมก็รู้ได้ทันทีว่า ผู้ชาย คนนั้นคือใคร


    รถขับเลยบริเวณร้านไปไกลแล้วแต่ผมยังคงยืนเหม่ออยู่ตรงบานหน้าต่างหน้าร้าน

    ความมืดทอดตัวปกคลุมภายนอกไว้หมด

     

    “เฮ้อออ . . . หมดไปอีกวันแล้วสินะ”  ผมครางออกมาด้วยความเหนื่อย

    ผ้ากันเปื้อนสีขาว  หรืออาจเรียกว่าเคยสีขาว . . . . ถูกโยนลงไปในถังเครื่องซักผ้าซึ่งหมุนฉวัดเฉวียนไปมาอย่างน่าเวียนหัว



    “ดูสิเนี่ย  ลูกตัวแสบ . . . .  ไปซื้ออะไรมาไม่ปรึกษาแม่เลยนะเรา  ผ้าหมุนไปหมุนมาอย่างนี้มันจะสะอาดได้วันไหนล่ะ ฮึ”


    ผมยิ้มออกมาอีกครั้ง   

    ผมจำได้เสมอ  แม่เคยพูดประโยคนี้หลายครั้งเวลาใช้เจ้าเครื่องซักผ้านี่

    ภาพที่แม่เอามือลงไปกวนในเครื่องซักผ้าไม่เคยหายไปจากความคิดผมเลย

    นั่นทำให้ผมอดจะหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

     

    “ถ้าเป็นเวลาอย่างนี้คนปกติเค้าจะทำอะไรกันนะ” ผมคิด

    จานชามตรงหน้าถูกขัดถูด้วยฟองน้ำที่ปกคลุมไปด้วยฟองสบู่ฟูฟ่อง

    แน่นอนผมรู้อยู่หรอก  ถ้าเป็นเวลาอย่างนี้หลายคนก็ต้องอยู่ที่บ้านสิ  นอนอยูบนเตียง  เปิดแอร์  เปิดทีวี  หลับบนหมอนใบใหญ่นุ่มๆ

    “ฟ่อดๆ. . .ฟ่อด”

    เสียงอากาศแทรกตัวผ่านรูเล็กๆของขวดน้ำยาล้างจานเป็นสัญญาณ

    “เฮ้อ  หมดแล้วเหรอ. . .  เพิ่งซื้อมาสัปดาห์ที่แล้วเองนะ  ต้องซื้อใหม่อีกแล้วสิ” ผมคิด


    หลังจากจัดการทุกอย่างในร้านเรียบร้อย  อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาผมทิ้งตัวลงบนที่นอน

    มันส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดคล้ายกับไม่พอใจสักพักก็เงียบไปตามจังหวะขยับตัว



    “ราตรีสวัสดิ์คับแม่ ราตรีสวัสดิ์ครับพ่อ จุ๊บบบ”

    ผมจูบรูปภาพของพ่อกับแม่ก่อนจะเอื้อมไปปิดโคมไฟข้างเตียง

    ไม่รู้เหมือนกันนะว่าทำไมต้องจูบด้วย  แต่ทำอย่างนี้แล้วมันนอนหลับนี่นา


    แล้วผมก็จะทำอย่างนี้เสมอเวลาอยู่คนเดียว  ความจริงผมก็อยู่คนเดียวมาตลอดนั่นแหละ ตลกจัง

    หมายความว่าทำอย่างนี้ทุกวันน่ะนะ

    ความเงียบทอดตัวไปรอบๆ ผสมกันกับความมืด

    ผมหลับตาลงแล้วเผลอหลับไปโดยง่ายโดยไม่ต้องพึ่งแกะหรือยานอนหลับเลย

    “ขอให้พรุ่งนี้เป็นวันที่ดีอีกวันนึงด้วยเถอะ....” ผมคิด

    แล้วทุกอย่างก็วูบไป~~~~

     *******************************************************************************************

    “อ้าวเชน  วันนี้มาเช้าจังนะ”

    ผู้หญิงน้ำเสียงร่าเริงทักผม  เป็นประจำเหมือนทุกวัน

    ผมไม่ทำอะไรนอกจากยิ้มตอบ  มือหยิบดอกกุหลาบสีชมพูบานๆดอกหนึ่ง

    “นี่ๆๆๆ เชน...... จะบอกอะไรให้นะ ถ้าไปเจอใครเค้าน่ะอย่าไปยิ้มอย่างนี้เชียวนะ  
    ไปทำใครหัวใจวายตายแล้วจะมาหาว่าเราไม่เตือน ฮึฮึฮึ”

    น้ำเสียงร่าเริงปนหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

    “ก็จะให้ทำหน้าบึ้งเหรอไงเล่า. . . .  เอ้านี่”

    กระดาษสีเขียวในมือถูกส่งไปให้แม่ค้าสาว  แลกกับดอกกุหลาบสีชมพูหนึ่งกำมือ

    “แล้วมาใหม่นะจ๊ะเชน”

    ผมพยักหน้าตอบแล้วเดินออกมาจากร้านจากดอกไม้  ไม่กี่นาทีผมก็มาหยุดที่หน้าสิ่งก่อสร้างหลังหนึ่ง


    ตึกสีน้ำตาลครีม มีโต๊ะสีน้ำตาลเข้มวางเรียงรายอยู่บริเวณชานข้างหน้า

    ต้นไม้ใหญ่หลายต้นถูกลมพัดใบโอนเอียงใบมา  มันช่วยบังแดดได้เป็นอย่างดี

    ที่ป้ายไม้เขียนด้วยตัวอักษรใหญ่

    “ V A N I L L A   H O U S E ”

     

    “อืมมม. . . ร้านโทรมเหมือนที่เค้าพูดกันจริงๆแฮะ” ผมคิด

    “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า......” แล้วก็หัวเราะออกมา ทำไม? ไม่รู้

    ขณะที่กำลังคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย  ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่น...


    “ตายแล้วเชนนน!! ลืมเอาขนมปังออกจากเตาอบเมื่อเช้านี่นา!!!”

     

    อีก 2 ชั่วโมงต่อมา . . . .


    ผมแงะเอาเศษขนมปังออกจากเตาและเขวี้ยงลงถังขยะเรียบร้อยแล้ว

    ได้แผลจากเตามาหลายแผลอยู่  ก็ใครจะไปรู้เล่าว่ามันร้อนขนาดนั้น
    ตายแน่เดือนนี้  ได้กินมาม่าทั้งเดือนล่ะสิเรา  ฮือออ ชีวิต..... อุบอิบๆ

    ขณะที่ผมบ่นอุบอิบอยู่คนเดียวก็ได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตูร้านดังรัวๆ

    เป็นสัญญาณว่าได้เวลาทำงานซะที

     

    “VANILLA HOUSE ยินดีต้อนรับครับ  เชิญด้าน . . .นะ”

    ผมสะดุดคำพูดเล็กน้อยเมื่อเห็นลูกค้าในร้าน

    อา.... คนนี้แหละครับ  ผู้ชายคนนี้ชื่อพี่น้ำ  

    เป็นคนที่ผมรู้จักมาตั้งแต่ตอนยังเด็กๆ  สมัยนั้นผมเพิ่งย้ายบ้านมาใหม่ๆ เลยไม่รู้จักใคร ก็มีพี่น้ำเนี่ยแหละเป็นเพื่อนเล่น  แถมตอนที่อยู่ในโรงเรียนพี่น้ำยังช่วยไล่พวกที่มาแกล้งผมจนกระเจิงไปหมดเลย  
    พี่น้ำคนเนี้ยะแหละฮีโร่ผมเลยหละ   

    นอกจากพ่อกับแม่แล้วก็มีพี่น้ำอีกคนที่ผมมีความรู้สึกดีๆด้วย   

    ผมก็เลย. . . .. . . ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า  เอาเป็นว่าไม่อธิบายมากนะครับ



    “ เชน เชน . . . . เป็นอะไรรึป่าว ”

    “ หึ หือ ... . .อ๋อ ครับๆ ” ผมหลุดจากความคิดอันเรื่อยเปื่อย


    “ ดีแล้ว  อย่าทำงานหนักมากนะเดี๋ยวจะไม่ไหวพี่เป็นห่วง ” พี่เชนพูดไปก็ยิ้ม  เวลาพี่เชนยิ้มมันช่างง . . . .

    “ น่ารักจัง ” ผมหลุด

    “ หือ อะไรนะเชน ” 

    “ อะ  อ๋อ  ปะ เปล่าครับ    เมื่อกี้จะบอกวะ ว่า อ๋อ เนกไท เนกไทพี่น้ำน่ารักดี ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ”

    “ เหรอเชน อือ แปลกคนจังเรา ฮะฮ่าฮ่าฮ่า ... . . อ้อ วันนี้พี่เอาเหมือนเดิมนะ  เพิ่มครัวซองค์ให้พี่อีกอันนึงด้วยล่ะ ”

    “ คร้าบบ แต่ระวังน้ำหนักหน่อยนะพี่น้ำ หมู่นี้รู้สึกพี่จะอวบๆขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะคับ ฮึฮึฮึฮึ ”


    “ จริงเหรอเชน  ไม่รู้หละ ความผิดเชนนั่นแหละ ”

    “ ซะงั้นน่ะพี่ ”

    เราสองคนหัวเราะออกมาพร้อมกัน  อา...อยากหยุดเวลาให้อยู่อย่างนี้ไปนานๆจังเลยครับ

    แต่เคยได้ยินมั้ยเอ่ยความสุขอยู่กับเราไม่นานนัก  ไอ้ที่ตามหลังมาติดๆก็


    “ พี่น้ำ  นี่มันจะสายแล้วนะครับบบบบ   อืม .. . . เองหิวแล้วด้วย เราไปกินข้าวที่ฟู้ดคอร์ทบริษัทกันดีกว่านะ ”


    ผมละไม่ช๊อบบบบบ ไอ้นายคนนี้เลยจริงๆให้ตายเถอะ  . . . . .

    หนุ่มน้อยคนนี้ชื่อเอง แต่ผมมักจะแอบเรียกว่าเอ็ง เสมอๆ ฮ่าฮ่าฮ่า 

    เพื่อนร่วมงานของพี่น้ำซึ่งตอนนี้ไม่รู้คิดอะไร นับวันยิ่งทำตัวติดกับพี่น้ำเรื่อยๆ  พันติดพี่น้ำหยั่งกับปลาหมึกยังไงอย่างงั้น 

    ถ้าไม่ติดว่าต้องทำดีกับลูกค้าทุกคน ผมคงจะเอาที่นวดแป้งไปนวดหน้าเขาเข้าให้แล้ว


    “นี่ครับพี่น้ำ  วันนี้ขนมปังไม่มีเชนเอาช็อกโกแลตชิฟฟอนให้ไปแทนนะครับ”

    “งั้นพี่ไปแล้วนะเชน เดี๋ยวสายน่ะ”


    พี่น้ำเดินออกไปโดยมีนายเองเดินตามหลัง  หางตานายเองกวาดที่ผมก่อนจะสะบัดหน้าออกไปจากร้านในที่สุดทิ้งผมให้ยืนอารมณ์ค้างอยู่ตรงหน้าเคาเตอร์

    โฮกกกกกกกกกกกกกก  ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้ปลาหมึกกล้วย” ผมคิดในใจ

    “ฮึ่ม  ซักวันเราจะได้เห็นดีกัน”


    “แบ็กๆๆ แบ็ก แบ็ก”

    หือ. . . .  อ้าว โทษทีนะปุ่มกด ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั้ยเรา  รอแป๊ปนึงนะ

    ผมส่งภาษาให้เจ้าตัวเล็กบนพื้น

    เจ้า  Chihuahua  ตัวน้อยนี่ชื่อปุ่มกดคับ  เราร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายครั้งแล้ว  

    ตอนที่ผมทดลองสูตรเค้กก็ได้เจ้าปุ่มกดเนี่ยแหละเป็นกรรมการ ฮ่าฮ่าฮ่า  

    ผมยังจำช่วงที่เจ้าปุ่มกดอ้วนลงพุงได้อยู่เลย  มันนอนอืดอยู่ได้ทั้งวัน ตลกดี

    ผมเดินออกไปข้างนอกร้าน เห็นเจ้าตัวดีนั่งทำตาปริบๆอยู่หน้าประตู


    “เอ้านี่ . . . .  วันนี้พุดดิ้งกล้วยหอม กินซะไอ้ตัวน้อยยยยยย   แล้วรีบๆโตเป็นเชพเพิร์ดเร็วๆซะล่ะ”  ผมยิ้ม


    “แบ๊ก” 

    ปุ่มกดเห่ารับผมสั้นๆ แล้วจัดการกับพุ้ดดิ้งอย่างรวดเร็ว~~~

     BB Continue        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×