ลำดับตอนที่ #29
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #29 : :>>: บทที่ 26 :
ความเดิมตอนที่แล้ว >>>
“ล้อเล่นน่ายัยอบเชย ...ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ผมตัดสินใจนั่งข้างๆ หล่อนอย่างไม่ขอความคิดเห็น น้ำอบมองค้อนผมแวบนึง ก่อนที่จะเมินหน้าหนีในขณะที่ผมอมยิ้มให้เธออย่างเปิดเผย
“เรื่องอะไรก็รีบๆ เล่ามา ฉันไม่ว่างพอที่จะฟังนายจนกระทั่งหมดคาบเรียนนี้โดยไม่ได้อะไรหรอกนะ”
น้ำอบทำท่าเมินรอยยิ้มของผม ในขณะที่ผมอดที่จะรู้สึกน้อยใจกับท่าทีของเธอที่แสดงออกมาราวกับว่าเกลียดผม ไม่ได้ แต่ผมก็ทำเหมือนไม่ใส่ใจ แล้วยื่นขวดน้ำที่เพิ่งจะแปะกับแก้มเธอให้อย่างเอาใจ
“เอาน่า ขอเวลาแค่แป๊บเดียว ...อ่ะ น้ำนี่ฉันซื้อให้ ดื่มซะยัยอบเชย”
“มีเวลาว่างถึงขนาดเดินไปซื้อน้ำมาให้ฉันแบบนี้...ใจดีเกินไปรึเปล่ายะ?”
เธอค้อนผมตาปะหลักปะเหลือก และจ้องมองขวดที่ผมถืออยู่ราวกับถูกใส่ยาพิษเอาไว้ ผมหมั่นไส้ จึงได้กระชากมือเธอแล้วยัดขวดใส่ซะ
“คนเขาอุตส่าห์ซื้อมาให้ก็เอาๆ ไปเถอะน่า เดี๋ยวมันจะเสียน้ำใจ - -^!”
“เอ้ย!...นี่นาย! O_O!” น้ำอบมองตาผมเหมือนจะตกใจที่ผมกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนี้ แต่พอผมสบตาเธอบ้าง หล่อนก็ชะงักเหมือนกดปิดสวิตซ์ ณ ตอนนั้นเองผมถึงได้รู้ว่านัยน์ตาของเธอมีสีน้ำตาลอ่อนจนเหมือนสีของ ช็อกโกแลต และใบหน้าของเธอยังขาวใสไร้ที่ติอีกด้วย
...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดูเหมือนจะมีผู้ชายมาขายขนมจีบกับยัยนี่เยอะ! -_-*!...
เธอค่อยๆ ดึงมือนุ่มนิ่มออกจากการเกาะกุมของผมที่ลืมตัวยังจับค้างเอาไว้ ก่อนที่น้ำอบจะหลบตาผมเหมือนจะเขินอาย...เอาใหม่ เหมือนจะไม่พอใจกับการกระทำของผมตั้งหากล่ะ =_=* เธอทำท่าทีเสหน้าไปทางอื่น ก่อนที่จะพูดพึมพำออกมาเบาๆ
“...ขอบใจนะ...”
“หะ...หา!!?” ผมครางออกมาอย่างไม่เชื่อหู เออเว้ย หลอนไปเองรึเปล่า!?!
“ฉันบอกว่า...ขอบใจนะ ...สำหรับน้ำขวดนี้ไง” เธอยอมสบตาผมด้วยแววตาดุๆ แต่แลดูเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะชักสีหน้าเหมือนไม่พอใจผมก็ตามทีเถอะ
ให้ตายเถอะครับ! ผู้หญิงคนนี้จะน่ารักไปไหนกันเนี่ยยยยยย โอ๊ยยยยย ไม่จริงน่าเทียนหอม นี่แกใจเต้นตูมตามกับยัยร้อยเล่ห์ (แถมหื่น) นี่น่ะเหรอ ตลกเกินไปรึเปล่าเนี่ย!? >_<!!!
“อ๋อ... อืม =//////=”
ผมไปไม่เป็นแล้วแหละ T^T เอ่อ...ผมรู้สึกเหมือนหน้าจะไหม้! อ๊ากกกกก
“หนะ...หน้าแดงทำไมกันเล่า งี่เง่าชะมัดเลย ตาบ้าเอ้ย!”
น้ำอบแหวใส่ผมเสียงเข้ม ในขณะที่ผมกลับรีบหันขวับไปหาเธอด้วยสีหน้าที่ยังแดงไม่หาย
“หน็อยแน่ ยัย...!!! O_O/////!!!!” พอผมจะพ่นคำเอ็ดแกมเหน็บแนมใส่เธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าน้ำอบที่เปิดขวดน้ำดื่มอยู่นั้น กลับมีรอยริ้วแดงๆ ที่แก้มราวกับเขินอายไม่ต่างจากผม อุแม่จ้าววววว พรายกระซิบช่วยผมด้วย ผมจะเป็นลม! ผมรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจแล้ววว อ่อกกกกก +O+////
เอ่อ...เหมือนช่วงนี้ผมจะเริ่มเป็นเอามากเหมือนที่เคยปรามาสยัยอบเชยตอนหลง พริกหวานเลยแหะ -_-’ (ผมไม่ยอมเรียกพริกหวานว่า ‘พี่’ ตั้งแต่เขาตั้งตัวเป็นศัตรูหัวใจของผมแล้ว หมั่นไส้! -p-!)
“นี่เธอ...ก็หน้าแดงไม่ต่างจากฉันหรอกน่า”
ผมรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้ากล ก่อนที่ทำทีดึงแก้มนิ่มๆ ของเธอให้ยืดอย่างหมั่นเขี้ยวสุดๆ ฮะๆๆ แก้มยัยนี่ทำด้วยสำลีรึไงนะ นิ่มจนรู้สึกดีจริงๆ >_< (รู้สึกเหมือนคนอ่านจะบอกว่าผมโรคจิตนะ T^T)
“โอ๊ยยยยยย นี่แก้มคนนะไม่ใช่หนังสติ๊ก ยืดอยู่ได้! >_<*!”
เธอโวยวายเสียงดังพร้อมกับปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่อาการของน้ำอบแบบนี้เล่นเอาผมใจเสีย และพาลนึกไปถึงเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อพีของเธอเสียไม่ได้
“อ๋อ! ฉันคงจะจับแก้มเธอไม่ดีเท่าไอ้คนที่ชื่อพีสินะ ชิ!” ผมกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีด้วยความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก น้ำอบหันขวับมามองผมเหมือนจะตามอารมณ์ผมไม่ทัน ก่อนที่เธอจะถามด้วยสีหน้าที่งงๆ
“พี?...พีทำไม? อ๋อ...”
เธอทำท่าเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอได้สร้างวีร (เวร) กรรมให้กับคนที่ชื่อพีโดยการอันเดอร์ลูกวอลเล่ย์บอลจนไปกระแทกใส่หัว และไอ้คุณพีก็ดันมาหลอกจับแก้มน้ำอบของผมซะงั้น -_-^! ชิๆๆ หงุดหงิดๆ!
เอ่อ...เมื่อกี๊ผมคิดว่าอะไรนะ!!? ‘น้ำอบของผม’ งั้นเรอะ!!! =[ ]=!!!
“ในกรณีนั้นฉันทำให้เขาเจ็บตัวก่อนนี่นา ก็เลยหยวนๆ กันได้ แต่กับนายที่มาจับแก้มฉันอย่างไม่มีที่มา ฉันไม่ค่อยจะชอบนักหรอกนะ”
“งั้นแสดงว่าถ้ามีเหตุผล เธอก็จะชอบ?”
“ไอ้บ้า!” น้ำอบแว๊ดใส่ผมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดออกมา “เอาเป็นว่าในกรณีไหนฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้น ยกเว้นตอนฉันเผลอตัวหรือโต้กลับไม่ทัน -_-!”
ถ้าอย่างนั้น...ผมก็ต้องฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอบ่อยๆ สินะ อะฮุๆ >O<
“คิดเบาๆ ดีกว่าอีตาเพี้ยน เพราะฉันรู้นะ สีหน้านายออกมาจนฉันรู้ทันเลยแหละว่านายคิดอะไรอยู่ = =!”
ฉันเกลียดเธอ...ยัยร้อยเล่ห์! -_-^!
“ฉันไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย ฮึ...”
ผมยังมิวายสะบัดเสียงใส่เพราะยังยัวะเรื่อง (คนอื่น) จับแก้มน้ำอบไม่หาย -^-
“เหรอยะ ...ฮึ” น้ำอบทำแววตาล้อเลียนเหมือนจะจับจุดอ่อนว่าผมมีท่าทีจะหึงเธอได้ -_-; และผมก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากมุมปากเธอได้เพียงแค่แวบเดียว น้ำอบก็ดื่มน้ำต่อ ในขณะที่ผมก็ปิ๊งไอเดียเรื่องที่จะทำ (ชั่ว) อะไรบางอย่างขึ้นมาได้ -.,-
“ยัยอบเชย พ่อเธอเดินอยู่ตรงโน้นแน่ะ”
“จริงอ่ะ!? ไหนเหรอ?? O_o!!?”
ผมชี้โบ้ชี้เบ้ให้เธอหันหน้าไปทางอื่น และก็ได้ผล! เธอหันขวับไปมองทางที่ผมชี้ ในขณะที่ผมก็โคตรจะเนียนด้วยการยื่นหน้ากะจังหวะให้เธอหันหน้ามาหอมแก้มผมพอ ดิบพอดี เหอๆๆ!
นับพร้อมกับนะครับ เอ้า! หนึ่ง...สอง...สาม!
“ไหนกันพ่อฉะ...”
CHU!!!~
“ว้ายยยย!!!!”
อ่ะเหร้ยยยยยย เท่านี้พ่อก็ฟินแหลกแบบบุฟเฟ่ห์แล้วล่ะคร้าบ >,,<////
“อ๊ายยยยยย นี่เธอทำอะไรเค้าง่ะ บ้าๆๆ”
ผมทำท่าดัดเสียงให้เป็นเสียงเล็กๆ ก่อนที่จะจับแก้มตัวเองที่เพิ่งจะถูกริมฝีปากนิ่มๆ ของเธอประทับตราเมื่อครู่นี้อย่างกับว่าตกใจที่เธอทำอะไรเกินเลยกับผม แต่ตาของผมกลับกระพือพรึ่บพั่บเป็นการหยอกล้อที่ได้กำไรพอสมควร ฮ่าๆๆ!
“นะ...นี่! นี่นาย...!!! =[ ]=////+!!!”
น้ำอบทำท่ากำหมัดเตรียมจะโวยวายผมจนดูเหมือนเธอจะอกระเบิดตายเสียก่อน ในขณะที่ผมกลับหัวเราะร่าเพราะรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ่าๆๆๆ แหย่เธอเล่นแล้วสนุกมากเลย เอาล่ะ เรากลับมาเข้าเรื่องของเรากันก่อนที่เธอจะเลิกเรียนคาบนี้เหอะนะ” ผมวกกลับเข้าเรื่องอย่างจริงๆ จังๆ จนน้ำอบแทบจะทำท่าหน้าหงายเพราะตามอารมณ์ผมไม่ทัน เธอทำท่าค้อนตาขวางอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะกระแทกเสียงถามแบบห้วนๆ
“...เหอะ! งั้นก็เล่ามา!”
หลังจากที่ผมเล่าเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งจะเจอมาแบบสดๆ ร้อนๆ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคน 2 คนที่ผมเห็น วิญญาณที่เรียกชื่อเล่นของรองผอ. และเรื่องที่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นเพียงแค่ความฝันที่ละม้ายคล้าย เรื่องจริง น้ำอบก็ถึงกับลอบมองหน้าผมด้วยแววตาที่เหมือนจะไม่อยากเชื่อ ผมได้แต่ลอบมองหน้าเธอและภาวนาว่าเรื่องพรรค์นี้จะไม่ทำให้เธอตีตัวห่างออก ไปจากผม และผมก็ได้ลอบสังเกตไอดำที่เริ่มเป็นม่านหมอกสีเทาจางๆ ติดอยู่ข้างหลังเธอที่ดูเหมือนจะเริ่มดำขึ้นมากกว่าเดิม แต่ผมก็ไม่คิดจะบอกอะไรเธอมาก
“นี่เธอ...เชื่อฉันไหม?”
ผมกลั้นใจถามเธอออกมา ในขณะที่น้ำอบนั่งเงียบเหมือนกับกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ผมได้แต่ลอบมองหน้าเธอเหมือนจะคาดคั้นคำตอบ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากพื้นหญ้า
“...เดี๋ยวฉันมานะ”
“น้ำอบ นี่เธอจะไปไหน” ผมถามเธอดีๆ แต่น้ำอบกลับเดินจากผมไป ในขณะที่ผมใจเริ่มจะหดหู่
อย่าบอกนะว่าเธอจะเดินหนีผมไปแล้วไม่ยอมกลับมา...?
กระทั่งผมเห็นว่าเธอไปไหนซักทีแล้วไม่กลับมาซักที ผมก็ถึงกับใจแป้วเมื่อรู้สึกว่าตัวผมเองไม่น่าที่จะเล่าเรื่องพรรค์นี้ออกไป เลย
โธ่เอ้ย รู้งี้เก็บเอาไว้คนเดียวซะตั้งแต่แรกก็คงจะดี ไม่น่าปากพล่อยเล่าให้เธอรู้เรื่องนี้เลย พับผ้าให้เรียบสิ
ผมก้มหน้ามองพื้นด้วยความรู้สึกที่โคตรเซ็ง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองอีกที ก็เห็นน้ำอบกำลังวิ่งมาทางนี้...ทางที่ผมนั่งอยู่ ร่างของเธอจากเล็กๆ ก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะมาใกล้ๆ จนกระทั่งเธอวิ่งมาถึงผม เธอจึงได้หอบแฮ่กๆ เหงื่อแตก ก่อนที่จะยื่นอะไรบางอย่างให้ผมในขณะที่เธอกำลังหอบอยู่
“แฮ่ก...แฮ่ก อ่ะ ...ฉันให้”
“เอ๋!? O_o!!!” ผมทำเสียงสงสัย แต่ก็ยอมยื่นมือไปรับสิ่งที่เธอถือมาแต่โดยดี เมื่อผมเอื้อมมือรองรับสิ่งของที่อยู่ในมือน้ำอบมาดูให้เห็นจะๆ ตา ผมก็ถึงกับอุทานอย่างงงๆ
“เฮ้ย...ตุ๊กตาสาปแช่ง? = =!”
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่เอาของพรรค์นั้นมาให้นายหรอก เดี๋ยวเกิดนายสาปแช่งใครเขาขึ้นมาล่ะจะยุ่ง เฮ้อออ!”
น้ำอบปาดเหงื่อที่ชื้นตามผิวหน้าอย่างลวกๆ ก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักตัวลงนั่งข้างๆ ผม ผมได้แต่มองตุ๊กตาคุณไสยสลับกับใบหน้าขาวใสอมชมพูของเธอ
“หมายความว่าไง?”
“ก็ฉันเพิ่งวิ่งขึ้นไปบนอาคารไปเอา ‘ของ’ มาน่ะสิ”
‘ของ’ ที่ว่า = ตุ๊กตาคุณไสย =_=! นี่คุณเธอจะลงทุนเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
“เอ่อ...ขอเหตุผลหน่อยสิ” ผมถามตรงๆ น้ำอบหันหน้ามามองผมแวบนึง ก่อนที่เธอจะหันหน้าหนีไปทางอื่นแล้วก้มหน้างุด
“ ‘ตุ๊กตารับเคราะห์’ นายเคยได้ยินไหม?”
“ไม่อ่ะ (- - )( - -) มันคืออะไรเหรอ?”
“มันเป็นตุ๊กตาปลุกเสกที่สามารถรับเคราะห์กรรมแทนผู้ที่ครอบครองได้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องพกติดตัวเอาไว้เสมอ ...เข้าใจนะ?”
“...” ผมมองตุ๊กตารับเคราะห์ที่เธอเพิ่งให้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนที่ผมจะชมออกมาจากใจ “เธอนี่...เจ๋งว่ะ”
“ฮ่าๆๆ ฉันลูกใคร >_<~ ...เอ้ย! ฉันก็ได้มาจากพ่อนั่นแหละ ก็พ่อฉันน่ะ...เก่งเรื่องพรรค์นี้ที่สุดเลย”
ดูเหมือนว่าน้ำอบจะชื่นชมผอ.เอามากๆ เลย เพราะในขณะที่เธอพูดถึงพ่อของเธอ เธอก็ยิ้มออกมาราวกับเทิดทูนพ่อแบบสุดๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมอมยิ้มไปกับรอยยิ้มของเธอเสียไม่ได้ และก็รู้สึกหนักใจไปพร้อมๆ กับเรื่องที่ได้ยินมา
เรื่องพรรค์นี้ที่ว่า...คงไม่แคล้วคุณไสยต่างๆ นานาสินะ TT_TT
“เอ่อ...ไอ้คุณไสยที่ว่านี่เป็นพวกประเภทเสกของใส่ตัว หรือแบบประมาณว่ามีควายธนูและกุมารทองเป็นทาสรับใช้อะไรเทือกๆ นั่นน่ะเหรอ = =;”
“อ๋อใช่ แบบนั้นแหละ สนุกนะจะบอกให้ ^^”
สนุกกับผีไปคนเดียวเถอะ ยัยอบเชย =_=!!!
“แล้ว...ไอ้ที่พ่อของเธอดึงเส้นผมฉันไปนี่ล่ะ จะเกี่ยวกันไหม?”
“...”
โอ้ตายแหละ น้ำอบทำหน้าเครียดขึ้นมาทันทีเลย YOY
“นายเตรียมใจไว้ได้เลย...”
“ว่ามันจะไม่เกี่ยวกันเลย พ่อเธอแค่ขู่ฉันสินะ *O*?”
“ฮะๆๆ เปล่าย่ะ นั่นน่ะเกี่ยวเต็มๆ เลย =_=!”
“=[ ]=!!!” ผมถึงกับเผลออ้าปากกรามค้างอย่างตกใจ ก่อนที่น้ำอบจะพูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้ววิ่งไปเข้าแถวเลิกคาบเรียน “เพราะฉะนั้นนายก็เตรียมรับมือเอาไว้ให้ดีนะ ถ้านายมีสัมผัสที่ 6 ล่ะก็ใช้สัมผัสที่ 6 ให้เป็นประโยชน์ก็แล้วกัน เชื่อฉันสิ!”
บางทีผมก็เป็นพวกประเภท ‘ปลาหมอตายเพราะปาก’ จริงๆ นะ TOT!
“ล้อเล่นน่ายัยอบเชย ...ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
ผมตัดสินใจนั่งข้างๆ หล่อนอย่างไม่ขอความคิดเห็น น้ำอบมองค้อนผมแวบนึง ก่อนที่จะเมินหน้าหนีในขณะที่ผมอมยิ้มให้เธออย่างเปิดเผย
-------------------------------------------------------------------
:>>: บทที่ 26 :<<:
อ่ะ ...ฉันให้
“เรื่องอะไรก็รีบๆ เล่ามา ฉันไม่ว่างพอที่จะฟังนายจนกระทั่งหมดคาบเรียนนี้โดยไม่ได้อะไรหรอกนะ”
น้ำอบทำท่าเมินรอยยิ้มของผม ในขณะที่ผมอดที่จะรู้สึกน้อยใจกับท่าทีของเธอที่แสดงออกมาราวกับว่าเกลียดผม ไม่ได้ แต่ผมก็ทำเหมือนไม่ใส่ใจ แล้วยื่นขวดน้ำที่เพิ่งจะแปะกับแก้มเธอให้อย่างเอาใจ
“เอาน่า ขอเวลาแค่แป๊บเดียว ...อ่ะ น้ำนี่ฉันซื้อให้ ดื่มซะยัยอบเชย”
“มีเวลาว่างถึงขนาดเดินไปซื้อน้ำมาให้ฉันแบบนี้...ใจดีเกินไปรึเปล่ายะ?”
เธอค้อนผมตาปะหลักปะเหลือก และจ้องมองขวดที่ผมถืออยู่ราวกับถูกใส่ยาพิษเอาไว้ ผมหมั่นไส้ จึงได้กระชากมือเธอแล้วยัดขวดใส่ซะ
“คนเขาอุตส่าห์ซื้อมาให้ก็เอาๆ ไปเถอะน่า เดี๋ยวมันจะเสียน้ำใจ - -^!”
“เอ้ย!...นี่นาย! O_O!” น้ำอบมองตาผมเหมือนจะตกใจที่ผมกล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอย่างนี้ แต่พอผมสบตาเธอบ้าง หล่อนก็ชะงักเหมือนกดปิดสวิตซ์ ณ ตอนนั้นเองผมถึงได้รู้ว่านัยน์ตาของเธอมีสีน้ำตาลอ่อนจนเหมือนสีของ ช็อกโกแลต และใบหน้าของเธอยังขาวใสไร้ที่ติอีกด้วย
...ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมดูเหมือนจะมีผู้ชายมาขายขนมจีบกับยัยนี่เยอะ! -_-*!...
เธอค่อยๆ ดึงมือนุ่มนิ่มออกจากการเกาะกุมของผมที่ลืมตัวยังจับค้างเอาไว้ ก่อนที่น้ำอบจะหลบตาผมเหมือนจะเขินอาย...เอาใหม่ เหมือนจะไม่พอใจกับการกระทำของผมตั้งหากล่ะ =_=* เธอทำท่าทีเสหน้าไปทางอื่น ก่อนที่จะพูดพึมพำออกมาเบาๆ
“...ขอบใจนะ...”
“หะ...หา!!?” ผมครางออกมาอย่างไม่เชื่อหู เออเว้ย หลอนไปเองรึเปล่า!?!
“ฉันบอกว่า...ขอบใจนะ ...สำหรับน้ำขวดนี้ไง” เธอยอมสบตาผมด้วยแววตาดุๆ แต่แลดูเขินอายอย่างบอกไม่ถูก ถึงแม้ว่าในตอนแรกจะชักสีหน้าเหมือนไม่พอใจผมก็ตามทีเถอะ
ให้ตายเถอะครับ! ผู้หญิงคนนี้จะน่ารักไปไหนกันเนี่ยยยยยย โอ๊ยยยยย ไม่จริงน่าเทียนหอม นี่แกใจเต้นตูมตามกับยัยร้อยเล่ห์ (แถมหื่น) นี่น่ะเหรอ ตลกเกินไปรึเปล่าเนี่ย!? >_<!!!
“อ๋อ... อืม =//////=”
ผมไปไม่เป็นแล้วแหละ T^T เอ่อ...ผมรู้สึกเหมือนหน้าจะไหม้! อ๊ากกกกก
“หนะ...หน้าแดงทำไมกันเล่า งี่เง่าชะมัดเลย ตาบ้าเอ้ย!”
น้ำอบแหวใส่ผมเสียงเข้ม ในขณะที่ผมกลับรีบหันขวับไปหาเธอด้วยสีหน้าที่ยังแดงไม่หาย
“หน็อยแน่ ยัย...!!! O_O/////!!!!” พอผมจะพ่นคำเอ็ดแกมเหน็บแนมใส่เธอก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นว่าน้ำอบที่เปิดขวดน้ำดื่มอยู่นั้น กลับมีรอยริ้วแดงๆ ที่แก้มราวกับเขินอายไม่ต่างจากผม อุแม่จ้าววววว พรายกระซิบช่วยผมด้วย ผมจะเป็นลม! ผมรู้สึกเหมือนจะขาดอากาศหายใจแล้ววว อ่อกกกกก +O+////
เอ่อ...เหมือนช่วงนี้ผมจะเริ่มเป็นเอามากเหมือนที่เคยปรามาสยัยอบเชยตอนหลง พริกหวานเลยแหะ -_-’ (ผมไม่ยอมเรียกพริกหวานว่า ‘พี่’ ตั้งแต่เขาตั้งตัวเป็นศัตรูหัวใจของผมแล้ว หมั่นไส้! -p-!)
“นี่เธอ...ก็หน้าแดงไม่ต่างจากฉันหรอกน่า”
ผมรีบปรับสีหน้าเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์เจ้ากล ก่อนที่ทำทีดึงแก้มนิ่มๆ ของเธอให้ยืดอย่างหมั่นเขี้ยวสุดๆ ฮะๆๆ แก้มยัยนี่ทำด้วยสำลีรึไงนะ นิ่มจนรู้สึกดีจริงๆ >_< (รู้สึกเหมือนคนอ่านจะบอกว่าผมโรคจิตนะ T^T)
“โอ๊ยยยยยย นี่แก้มคนนะไม่ใช่หนังสติ๊ก ยืดอยู่ได้! >_<*!”
เธอโวยวายเสียงดังพร้อมกับปัดมือผมทิ้งอย่างไม่ใยดี แต่อาการของน้ำอบแบบนี้เล่นเอาผมใจเสีย และพาลนึกไปถึงเพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อพีของเธอเสียไม่ได้
“อ๋อ! ฉันคงจะจับแก้มเธอไม่ดีเท่าไอ้คนที่ชื่อพีสินะ ชิ!” ผมกอดอกแล้วสะบัดหน้าหนีด้วยความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก น้ำอบหันขวับมามองผมเหมือนจะตามอารมณ์ผมไม่ทัน ก่อนที่เธอจะถามด้วยสีหน้าที่งงๆ
“พี?...พีทำไม? อ๋อ...”
เธอทำท่าเหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอได้สร้างวีร (เวร) กรรมให้กับคนที่ชื่อพีโดยการอันเดอร์ลูกวอลเล่ย์บอลจนไปกระแทกใส่หัว และไอ้คุณพีก็ดันมาหลอกจับแก้มน้ำอบของผมซะงั้น -_-^! ชิๆๆ หงุดหงิดๆ!
เอ่อ...เมื่อกี๊ผมคิดว่าอะไรนะ!!? ‘น้ำอบของผม’ งั้นเรอะ!!! =[ ]=!!!
“ในกรณีนั้นฉันทำให้เขาเจ็บตัวก่อนนี่นา ก็เลยหยวนๆ กันได้ แต่กับนายที่มาจับแก้มฉันอย่างไม่มีที่มา ฉันไม่ค่อยจะชอบนักหรอกนะ”
“งั้นแสดงว่าถ้ามีเหตุผล เธอก็จะชอบ?”
“ไอ้บ้า!” น้ำอบแว๊ดใส่ผมด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยจะสบอารมณ์ ก่อนที่เธอจะถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดออกมา “เอาเป็นว่าในกรณีไหนฉันก็ไม่ชอบทั้งนั้น ยกเว้นตอนฉันเผลอตัวหรือโต้กลับไม่ทัน -_-!”
ถ้าอย่างนั้น...ผมก็ต้องฉวยโอกาสตอนที่เธอเผลอบ่อยๆ สินะ อะฮุๆ >O<
“คิดเบาๆ ดีกว่าอีตาเพี้ยน เพราะฉันรู้นะ สีหน้านายออกมาจนฉันรู้ทันเลยแหละว่านายคิดอะไรอยู่ = =!”
ฉันเกลียดเธอ...ยัยร้อยเล่ห์! -_-^!
“ฉันไม่ได้คิดอะไรซะหน่อย ฮึ...”
ผมยังมิวายสะบัดเสียงใส่เพราะยังยัวะเรื่อง (คนอื่น) จับแก้มน้ำอบไม่หาย -^-
“เหรอยะ ...ฮึ” น้ำอบทำแววตาล้อเลียนเหมือนจะจับจุดอ่อนว่าผมมีท่าทีจะหึงเธอได้ -_-; และผมก็เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์จากมุมปากเธอได้เพียงแค่แวบเดียว น้ำอบก็ดื่มน้ำต่อ ในขณะที่ผมก็ปิ๊งไอเดียเรื่องที่จะทำ (ชั่ว) อะไรบางอย่างขึ้นมาได้ -.,-
“ยัยอบเชย พ่อเธอเดินอยู่ตรงโน้นแน่ะ”
“จริงอ่ะ!? ไหนเหรอ?? O_o!!?”
ผมชี้โบ้ชี้เบ้ให้เธอหันหน้าไปทางอื่น และก็ได้ผล! เธอหันขวับไปมองทางที่ผมชี้ ในขณะที่ผมก็โคตรจะเนียนด้วยการยื่นหน้ากะจังหวะให้เธอหันหน้ามาหอมแก้มผมพอ ดิบพอดี เหอๆๆ!
นับพร้อมกับนะครับ เอ้า! หนึ่ง...สอง...สาม!
“ไหนกันพ่อฉะ...”
CHU!!!~
“ว้ายยยย!!!!”
อ่ะเหร้ยยยยยย เท่านี้พ่อก็ฟินแหลกแบบบุฟเฟ่ห์แล้วล่ะคร้าบ >,,<////
“อ๊ายยยยยย นี่เธอทำอะไรเค้าง่ะ บ้าๆๆ”
ผมทำท่าดัดเสียงให้เป็นเสียงเล็กๆ ก่อนที่จะจับแก้มตัวเองที่เพิ่งจะถูกริมฝีปากนิ่มๆ ของเธอประทับตราเมื่อครู่นี้อย่างกับว่าตกใจที่เธอทำอะไรเกินเลยกับผม แต่ตาของผมกลับกระพือพรึ่บพั่บเป็นการหยอกล้อที่ได้กำไรพอสมควร ฮ่าๆๆ!
“นะ...นี่! นี่นาย...!!! =[ ]=////+!!!”
น้ำอบทำท่ากำหมัดเตรียมจะโวยวายผมจนดูเหมือนเธอจะอกระเบิดตายเสียก่อน ในขณะที่ผมกลับหัวเราะร่าเพราะรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“ฮ่าๆๆๆ แหย่เธอเล่นแล้วสนุกมากเลย เอาล่ะ เรากลับมาเข้าเรื่องของเรากันก่อนที่เธอจะเลิกเรียนคาบนี้เหอะนะ” ผมวกกลับเข้าเรื่องอย่างจริงๆ จังๆ จนน้ำอบแทบจะทำท่าหน้าหงายเพราะตามอารมณ์ผมไม่ทัน เธอทำท่าค้อนตาขวางอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะกระแทกเสียงถามแบบห้วนๆ
“...เหอะ! งั้นก็เล่ามา!”
หลังจากที่ผมเล่าเหตุการณ์ที่ผมเพิ่งจะเจอมาแบบสดๆ ร้อนๆ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับคน 2 คนที่ผมเห็น วิญญาณที่เรียกชื่อเล่นของรองผอ. และเรื่องที่ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าเป็นเพียงแค่ความฝันที่ละม้ายคล้าย เรื่องจริง น้ำอบก็ถึงกับลอบมองหน้าผมด้วยแววตาที่เหมือนจะไม่อยากเชื่อ ผมได้แต่ลอบมองหน้าเธอและภาวนาว่าเรื่องพรรค์นี้จะไม่ทำให้เธอตีตัวห่างออก ไปจากผม และผมก็ได้ลอบสังเกตไอดำที่เริ่มเป็นม่านหมอกสีเทาจางๆ ติดอยู่ข้างหลังเธอที่ดูเหมือนจะเริ่มดำขึ้นมากกว่าเดิม แต่ผมก็ไม่คิดจะบอกอะไรเธอมาก
“นี่เธอ...เชื่อฉันไหม?”
ผมกลั้นใจถามเธอออกมา ในขณะที่น้ำอบนั่งเงียบเหมือนกับกำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง ผมได้แต่ลอบมองหน้าเธอเหมือนจะคาดคั้นคำตอบ ก่อนที่เธอจะลุกขึ้นจากพื้นหญ้า
“...เดี๋ยวฉันมานะ”
“น้ำอบ นี่เธอจะไปไหน” ผมถามเธอดีๆ แต่น้ำอบกลับเดินจากผมไป ในขณะที่ผมใจเริ่มจะหดหู่
อย่าบอกนะว่าเธอจะเดินหนีผมไปแล้วไม่ยอมกลับมา...?
กระทั่งผมเห็นว่าเธอไปไหนซักทีแล้วไม่กลับมาซักที ผมก็ถึงกับใจแป้วเมื่อรู้สึกว่าตัวผมเองไม่น่าที่จะเล่าเรื่องพรรค์นี้ออกไป เลย
โธ่เอ้ย รู้งี้เก็บเอาไว้คนเดียวซะตั้งแต่แรกก็คงจะดี ไม่น่าปากพล่อยเล่าให้เธอรู้เรื่องนี้เลย พับผ้าให้เรียบสิ
ผมก้มหน้ามองพื้นด้วยความรู้สึกที่โคตรเซ็ง ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมามองอีกที ก็เห็นน้ำอบกำลังวิ่งมาทางนี้...ทางที่ผมนั่งอยู่ ร่างของเธอจากเล็กๆ ก็เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เพราะมาใกล้ๆ จนกระทั่งเธอวิ่งมาถึงผม เธอจึงได้หอบแฮ่กๆ เหงื่อแตก ก่อนที่จะยื่นอะไรบางอย่างให้ผมในขณะที่เธอกำลังหอบอยู่
“แฮ่ก...แฮ่ก อ่ะ ...ฉันให้”
“เอ๋!? O_o!!!” ผมทำเสียงสงสัย แต่ก็ยอมยื่นมือไปรับสิ่งที่เธอถือมาแต่โดยดี เมื่อผมเอื้อมมือรองรับสิ่งของที่อยู่ในมือน้ำอบมาดูให้เห็นจะๆ ตา ผมก็ถึงกับอุทานอย่างงงๆ
“เฮ้ย...ตุ๊กตาสาปแช่ง? = =!”
“จะบ้าเหรอ ฉันไม่เอาของพรรค์นั้นมาให้นายหรอก เดี๋ยวเกิดนายสาปแช่งใครเขาขึ้นมาล่ะจะยุ่ง เฮ้อออ!”
น้ำอบปาดเหงื่อที่ชื้นตามผิวหน้าอย่างลวกๆ ก่อนที่จะทิ้งน้ำหนักตัวลงนั่งข้างๆ ผม ผมได้แต่มองตุ๊กตาคุณไสยสลับกับใบหน้าขาวใสอมชมพูของเธอ
“หมายความว่าไง?”
“ก็ฉันเพิ่งวิ่งขึ้นไปบนอาคารไปเอา ‘ของ’ มาน่ะสิ”
‘ของ’ ที่ว่า = ตุ๊กตาคุณไสย =_=! นี่คุณเธอจะลงทุนเกินไปรึเปล่าเนี่ย?
“เอ่อ...ขอเหตุผลหน่อยสิ” ผมถามตรงๆ น้ำอบหันหน้ามามองผมแวบนึง ก่อนที่เธอจะหันหน้าหนีไปทางอื่นแล้วก้มหน้างุด
“ ‘ตุ๊กตารับเคราะห์’ นายเคยได้ยินไหม?”
“ไม่อ่ะ (- - )( - -) มันคืออะไรเหรอ?”
“มันเป็นตุ๊กตาปลุกเสกที่สามารถรับเคราะห์กรรมแทนผู้ที่ครอบครองได้ แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องพกติดตัวเอาไว้เสมอ ...เข้าใจนะ?”
“...” ผมมองตุ๊กตารับเคราะห์ที่เธอเพิ่งให้ด้วยความรู้สึกหลากหลาย ก่อนที่ผมจะชมออกมาจากใจ “เธอนี่...เจ๋งว่ะ”
“ฮ่าๆๆ ฉันลูกใคร >_<~ ...เอ้ย! ฉันก็ได้มาจากพ่อนั่นแหละ ก็พ่อฉันน่ะ...เก่งเรื่องพรรค์นี้ที่สุดเลย”
ดูเหมือนว่าน้ำอบจะชื่นชมผอ.เอามากๆ เลย เพราะในขณะที่เธอพูดถึงพ่อของเธอ เธอก็ยิ้มออกมาราวกับเทิดทูนพ่อแบบสุดๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมอมยิ้มไปกับรอยยิ้มของเธอเสียไม่ได้ และก็รู้สึกหนักใจไปพร้อมๆ กับเรื่องที่ได้ยินมา
เรื่องพรรค์นี้ที่ว่า...คงไม่แคล้วคุณไสยต่างๆ นานาสินะ TT_TT
“เอ่อ...ไอ้คุณไสยที่ว่านี่เป็นพวกประเภทเสกของใส่ตัว หรือแบบประมาณว่ามีควายธนูและกุมารทองเป็นทาสรับใช้อะไรเทือกๆ นั่นน่ะเหรอ = =;”
“อ๋อใช่ แบบนั้นแหละ สนุกนะจะบอกให้ ^^”
สนุกกับผีไปคนเดียวเถอะ ยัยอบเชย =_=!!!
“แล้ว...ไอ้ที่พ่อของเธอดึงเส้นผมฉันไปนี่ล่ะ จะเกี่ยวกันไหม?”
“...”
โอ้ตายแหละ น้ำอบทำหน้าเครียดขึ้นมาทันทีเลย YOY
“นายเตรียมใจไว้ได้เลย...”
“ว่ามันจะไม่เกี่ยวกันเลย พ่อเธอแค่ขู่ฉันสินะ *O*?”
“ฮะๆๆ เปล่าย่ะ นั่นน่ะเกี่ยวเต็มๆ เลย =_=!”
“=[ ]=!!!” ผมถึงกับเผลออ้าปากกรามค้างอย่างตกใจ ก่อนที่น้ำอบจะพูดทิ้งท้ายเอาไว้ แล้ววิ่งไปเข้าแถวเลิกคาบเรียน “เพราะฉะนั้นนายก็เตรียมรับมือเอาไว้ให้ดีนะ ถ้านายมีสัมผัสที่ 6 ล่ะก็ใช้สัมผัสที่ 6 ให้เป็นประโยชน์ก็แล้วกัน เชื่อฉันสิ!”
บางทีผมก็เป็นพวกประเภท ‘ปลาหมอตายเพราะปาก’ จริงๆ นะ TOT!
::: ~~~ To be continues ~~~ :::
-------------------------------------------------------------------
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น