คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ 7 บุคคลผู้มีใบหน้าเหมือนกัน
หลังจากที่กลับมาจากการเยือนตรวจตามแคว้นต่าง ๆ ในที่สุดทุกอย่างก็กลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง
ฮันเกิงก็กลับมาอยู่ในห้องสีเหลี่ยมกว้าง ๆ อยู่เช่นเคย เพราะว่าจ้าวปีศาจนั้นตั้งแต่กลับมาจาก
การตรวจแคว้น ทั้งวันก็เอาแต่วุ่นยุ่งอยู่แต่กับงาน
และการประชุมของสภาปีศาจทุกวี่วัน
" เฮ้อ...เบื่อง่ะ อยากกลับบ้านง่ะ " ฮันเกิงก็เอาแต่บ่นอยู่อย่างนั้น จนชางมินที่มองดูเขาอยู่นานก็
ต้องเอ่ยขึ้น
" นี้...วัน ๆ เจ้าจะไม่พูดคำอื่นบ้างหรือไง ฮันเกิง " ฮันเกิงยังคงทำหน้าเบื่อหน่ายชีวิต แล้วหันมามองชางมิน
ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โฟซาตัวใหญ่สีดำ
" ก็มันเบื่อจริง ๆ นี้น่า เมื่อไรคุณซีวอนจะให้ฮันกลับบ้านเสียทีล่ะ " ฮันเกิงยอมรับว่าตอนนี้เขาคิดถึง
พ่อและแม่ของเขาเหลือเกิน อยากกลับขึ้นไปบนโลกมนุษย์เร็ว ๆ จัง หรือว่าเขานั้นเบื่อที่จะอยู่โลกปีศาจ
ที่ไร้ซึ่งมนุษย์แบบเขาอยู่แล้วอย่างนั้นหรือ
" เมื่อถึงเวลาสมควร ท่านจ้าวปีศาจก็จะพาเจ้ากลับเองนั้นแหละ " ชางมินก็ได้แต่เอ่ยกับคำตอบเดิม ๆ
กับคำถามเดิม ๆ และแน่นอนฮันเกิงนั้นก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยถามกับท่านจ้าวปีศาจโดยตรงเช่นกัน
เพราะว่าภารกิจที่ต้องทำแต่ละวันนั้นก็มากมายเสียจนไม่มีเวลา แถมสีหน้านั้นก็เหนื่อยกับงานที่ต้องทำ
และนี้ก็เป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้ฮันเกิงไม่กล้าที่เอ่ยถามแล้ว
แต่แล้วฮันเกิงก็ได้ยินเสียงดังอึกทึก ครึกโครมมาจากด้านนอกปราสาท เสียงแตรเป่าดัง
พร้อมกองทัพขบวนปีศาจเดินหน้ามายังปราสาทรัตติกาลหลายร้อยนาย ฮันเกิงรู้สึกตื่นตา
กับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า และแน่นอนชางมินนั้นก็ยืนดูกับเขาด้วย แต่แล้วฮันเกิงก็ไปสะดุดตาบุคคลหนึ่ง
ที่นั่งอยู่บนเกี๊ยวราชรถ
" ชางมิน ผู้หญิงคนนั้นคือใคร "
" คนไหน " ชางมินหันไปถาม
" ก็คนที่นั่งอยู่บนราชรถ ตรงกลางขบวนนั้นไง สวยมากเลยนะ " ว่าแล้วชางมินก็มองไปยังเกี๊ยวราชรถ
" นั้นคือบุตรของเจ้าเมืองแคว้นที่สิบสาม มีนามว่า ฮีชอล อีกอย่างบุคคลที่เจ้าเห็นนั้น คือ
บุรุษหาใช่สตรี " เมื่อฮันเกิงรู้ว่าบุคคลที่อยู่บนเกี๊ยวขบวนนั้นเป็นผู้ชาย ก็ถึงกับอึ้งทันที
เป็นไปได้อย่างนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่ออกจะสวยเหมือนนางฟ้าขนาดนั้น ขนาดผู้หญิงบางคนนั้นยังหา
ที่เปรียบมิได้เลย
" แต่นั้น จะทำให้เจ้าเข้าใจผิดก็ไม่ใช่เลยแปลกอย่างไรหรอก เพราะตอนที่ข้าเจอเขาครั้งแรกข้ายัง
นึกว่าเขาเป็นสตรีเลย แต่...นี้มิใช่เวลาที่แคว้นที่สิบสามจะส่งเครื่องบรรณาการนี้น่า แล้วแคว้นที่สิบสาม
มีเรื่องอะไรถึงได้มาเข้าเฝ้าท่านจ้าวปีศาจนะ " ชางมินเอ่ยอย่างใช้ความคิด ส่วนฮันเกิงก็ได้แต่นั่ง
มองหน้าบุคคลที่มาใหม่อย่างไม่วางตา
ภายในท้องพระโรงขบวนแคว้นที่สิบสามได้ต่างมาเข้าเฝ้าจ้าวปีศาจ ฮีชอลชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเหมือนสตรี
ได้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าจ้าวซีวอนครั้งแรก ในครั้งแรกที่ได้เห็นก็ถึงขนาดทำให้ฮีชอลนั้นแทบจะลืมที่จะ
หายใจใบหน้าที่หล่อเหลาร่างกายที่กำย่ำแทบ ทำให้บุคคลที่พบเห็นนั้นแทบจะละลายได้ สายตาที่ดุดันดู
แล้วชั่งเป็นคนที่ดูตรงไปตรงมา และเที่ยงธรรม ฮีชอลตกหลุมรักจ้าวปีศาจตั้งแต่แรกเห็นเสียแล้ว
บังลังก์องค์รานีที่จะอยู่เคียงข้างพระองค์นั้นก็ยังคงว่างเปล่า มันชั่งเมาะสมเหลือเกินที่เขาจะไปนั่งอยู่
บนบังลังก์เคียงข้างพระองค์
" ข้าน้อยมีนามว่า ฮีชอลขอรับ ท่านจ้าวปีศาจ เป็นบุตรชายของท่านเจ้าเมืองแคว้นที่สิบสาม
การที่ข้ามาที่นี้นั้น ก็เพื่อที่จะขอประทานอภัยเรื่องการที่ท่านพ่อของข้านั้นละเลย หน้าที่ต่อบ้านเมืองจึง
ขอให้ท่านจ้าวปีศาจโปรดอภัยด้วย " ซีวอนมองผู้สนทนาด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอาการแต่อย่างใด
บุตรชายท่านเจ้าเมืองที่สิบสาม มาถึงที่ปราสาทรัตติกาลแห่งนี้ ต้องการอะไรกันแน่ จ้าวซีวอนก็มิอาจที่
จะล่วงรู้ได้ แต่ที่แน่ ๆ คงมิได้มาเพื่อขออภัยโทษพ่อของตัวเองอย่างเดียวเป็นแน่
" เรื่องนั้นข้าไม่ใส่ใจหรอก แต่ห้ามมีคราวหลังไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ให้อภัย "
" ขอบพระทัย ที่เมตตาขอรับท่านจ้าวปีศาจ " สายตาของฮีชอลมองมายังร่างของจ้าวซีวอน
ด้วยสีหน้าที่หยาดเยิ้ม ถ้าเป็บบุรุษอื่นคงจะคล้อยตามสายตาหวานนั้น แต่วิธีนี้ใช่ไม่ได้กับจ้าวปีศาจผู้นี้
" เจ้ามีเพียงแค่นี้ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ก็จงกลับไปเสียเทอญเพราะว่าข้ามีงานที่จะต้องสะสางอีกมาก "
" เอ่อ... " คำพูดที่เย็นชานั้น ทำให้ฮีชอลพูดไม่ออกเลยที่เดียว น้ำเสียงที่เย็นชาแม้แต่หน้าก็แทบจะ
ไม่มองเขาเสียด้วยซ้ำ บุคคลนี้อยู่ตรงหน้านี้เป็นรูปปั้นหรืออย่างไรกันนะ ถึงจะไม่ใส่ใจก็น่าจะ
มองบรรยากาศรอบนอกเสียบ้างว่ามันอันตรายขนาดไหน
" เอ่อ...แคว้นของข้าอยู่ถึงชายแดนสุดของเมืองปีศาจ ถ้าท่านจ้าวปีศาจจะกรุณาเมตตาอีกสักครั้ง
ขอให้ข้าและบริวารของข้า พักอยู่ที่นี้สักคืนได้หรือไม่ ขอรับ "
สีหน้าของซีวอนชั่งใจเล็กน้อย เพราะว่าปราสาทรัตติกาลของเขามิเคยรับบุคคลภายนอกเข้าปราสาทมาก่อน
ยุนโฮจึงเอ่ยขึ้นว่า
" ท่านจ้าวปีศาจ บรรยากาศบริเวณรอบนอกตอนนี้กำลังจะมีพายุมา ขอรับ " จ้าวซีวอนจึงหลับตา
แน่นเพียงครู่แล้วเอ่ยว่า
" ก็ได้ ข้าให้เจ้าพักที่นี้ แต่...เพียงคืนเดียวเท่านั้นห้ามมากไปกว่านี้ "
" คืนเดียวก็เมตตาพวกข้ายิ่งแล้ว ขอรับ " ฮีชอลโค้งคำนับให้จ้าวปีศาจอย่างสุภาพก่อนที่จะ
มีทหารนำทางไปยังห้องพักของปราสาท
เมื่อซีวอนเสร็จจากงานต่าง ๆ จึงเดินไปยังห้องที่ใจของเขานั้นร่ำร้องมาตลอดเวลาไม่รู้ว่าคน ๆ นั้น
จะเหงาบ้างรึปล่า และแล้วจ้าวซีวอนก็เดินมายังหน้าห้องของฮันเกิง พร้อมกับเปิดประตูเข้าไป
แต่เมื่อเปิดประตูออกจ้าวซีวอนก็ต้องตะลึงกับภาพที่อยู่ตรงหน้า แผ่นหลังเนียนขาวสะโพกกลมมนตอน
นี้ฮันเกิงเปลือยผ้าไร้ซึ่งอาภรณ์ทั้งเรือนร่างประจักษ์อยู่ตรงหน้าของเขาเป็นที่เรียบร้อย ฮันเกิงเมื่อเห็น
จ้าวซีวอนถือวิสาสะเข้ามาในห้องอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง แถมมองเห็นเขาในสภาพแบบนี้
" เฮ้ย ! เข้ามาทำไมออกไปนะ " ฮันเกิงตะโกนไล่สุดเสียงด้วยสีหน้าที่แดงระเรื่อ ทำให้คนร่างสูง
ต้องออกไปข้างนอกด้วยสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูก
หลังจากนั้น 5 นาทีต่อมา ฮันเกิงเปิดประตูห้องออกมาแต่สีหน้าของเขานั้นก็ยังคงแดงไม่เปลี่ยนแปลง
" คุณซีวอนมีธุระอะไรกับฮัน เหรอครับ " จ้าวซีวอนก็ยังคงอ่ำอึ้งเอ่ยด้วยท่าทางตะะกุกตะกัก
ชางมินเพิ่งเคยเห็นพฤติกรรมของเจ้านายตนเองแบบนี้เป็นครั้งแรก ทำให้ชางมินนั้นอดที่จะยิ้มกริ่มไม่ได้
" ทั้งสองคงอยากจะอยู่กันตามลำพัง ยังไงข้าขอตัวก่อนนะ ขอรับ " ชางมินเอ่ยก่อนที่จะหลีกตัวออกมา
ตอนนี้จ้าวซีวอนและฮันเกิงจึงอยู่กันเพียงลำพัง
" เข้ามาก่อนสิ ครับ " ฮันเกิงเริ่มเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน ซีวอนจึงเดินเข้าไปในห้อง
" ตอนนี้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหงาบ้างมั้ย "
" ไม่ครับ เพราะชางมินก็อยู่เป็นเพื่อนและพูดคุยกับฮันบ้าง แต่เบื่อมากกว่า คึดถึงคุณพ่อคุณแม่
และน้องชายด้วย " ฮันเกิงพูดเกริ่น ๆ ออกมาเพื่อให้อีกฝ่ายรู้ว่าเขาอยากขึ้นไปอยู่บนโลกมนุษย์บ้างแล้ว
แต่อีกฝ่ายก็ยังคงนิ่งเฉยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา ก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่องพูด
" จริงสิ เด็กน้อย เจ้าจำตอนที่เราไปแคว้นที่หนึ่งได้หรือมั้ย ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองเขาได้ส่งผลไม้ของชอบมา
ให้เจ้าด้วย อยากจะทานมั้ย " เมื่อพูดถึงของกินฮันเกิงก็ถึงกับลืมสิ้นเสียทุกสิ่ง อยากจะทานผลไม้ลูก
สีแดงเพลิงที่เจ้าเมืองที่หนึ่งเอามาให้เสียจน จ้าวซีวอนต้องยิ้มออกมาอย่างน่าเอ็นดู
" ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้ชางมินเตรียมผลไม้มาให้เจ้า ตอนทานอาหารเช้าดีมั้ย เพราะข้าก็อยากจะ
ทานอาหารเช้ากับเจ้าด้วย " จ้าวซีวอนเอ่ยด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
" ดีจังที่คุณซีวอนมาทานเป็นเพื่อน จริง ๆ แล้วฮันอยากทานข้าวรวมโต๊ะกับคุณซีวอนมานานแล้ว
แต่ไม่กล้าพูด เพราะฮันเห็นคุณเหนื่อยกับงานมาทั้งวันเลยไม่อยากกวน " ฮันเกิงยิ้มกว้าง ในสายตา
ของจ้าวซีวอน เข้ารู้สึกว่าคนตรงหน้านั้นน่ารักจนไม่มีคำบบรรยายเลย อยากจะจับกดลงเตียงให้รู้แล้วรู้รอดไป
แต่เขาก็ไม่สามารถทำได้เพราะเหตุการณ์ในถ้ำตอนนั้น ถ้าเขาไม่ใจร้อนทำให้คนตรงหน้าร้องไห้
จ้าวซีวอนจึงถือคำสัตย์กับตัวเองว่าถ้าเด็กน้อยผู้นี้ไม่ยอม เขาจะไม่เตะต้องหรือทำให้เสียใจด้วยน้ำมือ
ของตนเป็นอันขาด
" อย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นข้าจะมากินข้าวกับเจ้าทุกวันเลยก็แล้วกัน " ฮันเกิงยิ้มพยักหน้าอย่างดีใจ
การสนทนาก็ยังคงดำเนินไปเรื่อย ๆ ในที่สุดจ้าวซีวอนจึงปล่อยให้ฮันเกิงได้พักผ่อน
และแล้วก็มาถึงห้องสีนิลกาฬ จ้าวซีวอนนั่งลงบนเก้าอี้โซฟาสีดำสนิท พลางถอนหายใจอย่างคิดหนัก
" ข้าจะทำอย่างไรดี เด็กน้อย เจ้าคงอยากจะขึ้นไปบนโลกมนุษย์ เขาคงจะเริ่มคิดถึงครอบครัวของเขาที่นั้น
แต่...ข้าไม่อยากให้เขา...ข้าจะทำอย่างไรดี "
" ก็ให้เขามาเป็น รานีของเจ้าเสียสิ " จ้าวซีวอนมองไปยังเสียงปริศนาที่เอ่ยมาจากด้านหลัง
ทำให้สีหน้าของเขานั้นถึงกับตึงเครียดดุดันขึ้นมาทันที
" มาที่นี้ทำไม ข้าไม่ต้องการเห็นหน้าท่าน "
" แหม ๆ พี่ชายจะมาเยี่ยมน้องชายทั้งที อย่าทำมาเป็นแล้งน้ำใจกับข้าอย่างนั้นสิ " อีกฝ่ายเอ่ย
ด้วยน้ำเสียงเจ้าเหล์พร้อมกับเลื่อนร่างเข้าไปใกล้ จ้าวซีวอนพร้อมกับเกยคางของเขาขึ้น
แต่จ้าวซีวอนนั้นกลับสะบัดมันออกอย่างไม่มีเยื่อใย
" ละเลยหน้าที่แบบนี้มันสมควรอย่างนั้นหรือ องค์อัคคี "
จ้าวซีวอนมองหน้าบุคคลที่อยู่ตรงหน้า ใบหน้าที่เหมือนกันกับเขาไม่มีผิดเพี้ยน พี่ชายฝาแฝดซึ่งเป็นเทพอัคคี
แต่ทั้งสองแตกต่างกันตรงที่ ผิวของจ้าวซีวอนจะเป็นผิวขาวออกเหลือง และนัยน์ตาสีนิลและผมสีดำสนิท
เหมือนคืนรัตติกาล ผิดกับองค์อัคคีชีวอน มีผิวกายคล้ำออกแดงเหมือนเปลวไฟ ดวงตาสีแดงที่เหมือน
ดวงอทิตย์ยามอัสดง ผมสีแดงเพลิงสว่าง ที่หน้าผากมีสายรัดเกล้าสีทองแดง
ใบหน้าออกแนวขี้เล่นมากกว่า จ้าวซีวอนที่มีใบหน้าดุดันตลอดเวลา
" แหม...เรียกแบบนี้ฟังแล้วดูห่างเหินจัง เรียกชีวอนสิ "
" พูดธุระของท่านมาดีกว่า องค์อัคคี " จ้าวซีวอนยังคงทำหน้านิ่งเรียบ ไม่ใส่ใจกับคำพูดของอีกฝ่าย
องค์อัคคียิ้มให้ก่อนที่จะลงไปนอนบนเตียงสีดำโดยที่เจ้าของห้องยังมิได้เอ่ยอนุญาต พร้อมกับเอ่ยว่า
" ก็เด็กน้อยที่เจ้าเก็บมาเล่นนะ เริ่มที่สิ้นอายุขัยของความเป็นมนุษย์แล้วนี้น่า ถ้าไม่รีบทำอะไร
สักอย่างระวังจะเสียเขาไปนะ "
" ข้าคิดว่าท่านเอาเวลาไปสลับรางรถไฟของท่านเถอะ อย่ามาเป็นห่วงข้าเลย
เรื่องของข้า ๆ จัดการเองได้ " จ้าวซีวอนเอ่ยอย่างเหนื่อยหน่าย
" ข้าก็แค่เป็นห่วงน้องชายผู้น่ารักของข้าก็เท่านั้น " องค์อัคคียิ้มให้จ้าวซีวอน แต่อีกฝ่ายกลับ
ทำหน้าตึงเครียดมากว่าเดิม
" เอาล่ะ ๆ ข้าแกล้งเจ้าพอสนุกแหละ ข้ากลับก่อนดีกว่า " ว่าแล้วร่างขององค์อัคคีก็ค่อย ๆ อันตรธาร
หายไป เมื่อจ้าวซีวอนเห็นว่าอีกฝ่ายไปแล้วจึงได้แต่คิดอย่างเงียบ ๆ โดยมิได้สนใจเลยว่ามีเงาดำ
ของใครบางคนได้ฟังเรื่องราวทุกอย่างตั้งแต่ตนจนจบ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เฮ้อ....ได้ลงเสียที่พ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ซู่ลงตอนใหม่ได้แล้วจร้า จากการที่หายไปเลี้ยงหลายชายคนเล็กเสียนาน
อิอิอิ คิดถึงทุกคนที่ติดตามฟิคของซู่มากเลยจร้า ใครต้องการ NC รอหน่อยนะ ทั้งสามซีรีย์นั้นมีแน่นอน
เหอ ๆๆ ตอนนี้องค์อัคคี ออกโรงแล้ว เหอ ๆๆ ติดตามหน่อยนะจร้า
ป.ล ช่วงนี้ใกล้สอบของใคร ๆ อีกหลายคน ยังไงก็อ่านหนังสือกันเยอะ ๆ นะจร้า เป็นกำลังใจให้
ใครปิดเทอมแล้วก็ดีใจด้วยจร้า ^^
ความคิดเห็น