คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 'Chapter II : Me You'
[TFBOYS] MY Luvly Butler ‘KaiYuan’
- Chapter
II : Me You -
เช้าวันต่อมา ผมเดินลงมาหลังจากอาบน้ำแต่งตัวพร้อมไปโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
เดินเข้าไปในห้องอาหารเพื่อดูว่ามีอะไรกินมั้ย เพราะปกติลุงเฉินจะทำอาหารเช้าไว้รอทุกวัน
“อรุณสวัสดิ์ครับลุงเฉิน วันนี้มีอะไรกินอ่ะครับ”
ผมเดินไปเท้าคางกับเคาน์เตอร์บาร์อย่างที่ชอบทำทุกวันตอนรออาหารที่ลุงเฉินทำ
“วันนี้เป็นข้าวต้มกุ้ง ของโปรดคุณหนูจุนไคหน่ะ
ส่วนของแกลุงเตรียมไว้แล้ว เอ่า” ลุงเฉินยกชามข้าวต้มมาไว้ที่เคาน์เตอร์ก่อนจะเอากล่องข้าวส่งให้ผมต่อมา
“งั้นผมไปเรียนก่อนนะ สวัสดีครับ”
ผมเตรียมตัวจะไปโรงเรียน
“เดี๋ยวก่อนสิ นายจะรีบไปไหน
กินข้าวเช้าด้วยกันก่อน” จุนไคที่เดินมาพร้อมคุณนายหวัง ทักผมขึ้นขณะกำลังจะเดินสวนกัน
“ได้ไงลูก คนใช้ก็ให้อยู่ส่วนคนใช้ไปสิ
เราก็อยู่ส่วนของเรา มาๆกินข้าวลูกจะได้รีบไปโรงเรียน”
แต่คุณนายหวังขัดขึ้นมาซะก่อน ต้อนรับมื้อเช้า
“แต่ หยวนเค้าเป็น...”
“ไม่เป็นไรดีกว่า
เดี๋ยวฉันไปกินที่โรงเรียนดีกว่า นายกินไปเลย” ผมบอกเค้าไปเพื่อให้สบายใจด้วยกันทั้งคู่
“รู้ตัวเองก็ดี แล้วต่อไปช่วยใช้คำที่สุภาพกับลูกชายฉันด้วย
ต่อไปให้เรียกเค้าว่า ‘คุณหนู’ เข้าใจมั้ย?”
ยังไม่วายผมก็ถูกคุณนายหวังจัดให้อีกดอก
“ค..ครับ”
ผมรับคำก่อนจะรีบปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น
“หวังหยวน งั้นเดี๋ยวรอพี่ก่อนแป๊บนึง”
จุนไคลุกขึ้นจากโต๊ะอาหาร
“งั้นผมไปโรงเรียนก่อนนะครับ ม๊า สวัสดีครับ”
จุนไครีบวิ่งออกมาไม่ทันคุณนายหวังได้เรียกเอาไว้
“ป่ะไปโรงเรียนก่อน” จุนไครีบวิ่งออกมาหน้าบ้านพร้อมกับผม
ผมที่ยังงงๆอยู่ว่าเค้าต้องการจะสื่อถึงอะไร
“ก็พี่อยู่โรงเรียนเดียวกับนายไง” ผมก้มลงสำรวจเครื่องแบบของจุนไค
ก่อนจะร้อง ‘อ๋อ’ เค้าอยู่โรงเรียนเดียวกับผมนี่เอง
“ไปทางเดียวกันก็ไปด้วยกันเลย จะได้ประหยัด
นั่นไงลุงเฉินเอารถมาแล้ว” เป็นจังหวะเดียวกับที่ลุงเฉินเอารถมาจอดเทียบกับบันไดทางขึ้นพอดี
“ขึ้นรถสิ” เค้าหันมาบอกผม
“ไม่เป็นไรดีกว่าครับคุณหนู
เดี๋ยวผมปั่นจักรยานไปเองก็ได้”
“พี่บอกว่าไง เวลาอยู่กับพี่ให้ทำตัวตามปกติ
แล้วก็พี่บอกให้ขึ้นรถจะขัดคำสั่งพี่หรอ” ผมเริ่มงงแล้วนะ
ปากก็บอกว่าให้ทำตัวตามปกติแต่ก็ยังใช้คำสั่งเหมือนเดิม
ตกลงผมควรจะทำยังไงเนี่ยครับ
“ค..ครับ”
ผมที่ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยได้แต่ทำตามที่เค้าสั่งไปอย่างนั้น
ตอนแรกผมว่าจะขึ้นไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ
แต่ก็ถูกเค้าบอกให้มานั่งเบาะหลังด้วยกัน บอกว่านั่งคนเดียวมันเหงา เลยให้ผมไปนั่งเป็นเพื่อน
แล้วรถของเราก็เคลื่อนตัวมาจอดที่หน้าโรงเรียน
ผมกับเค้าลงจากรถพร้อมกับก่อนจะบอกลาลุงเฉินแล้วเดินเข้าไปโรงเรียนพร้อมกัน
“เอ่อ...คุณหนูต้องไปที่ห้องพักครูก่อนนะครับ”
ผมที่ไม่รู้จะเรียกแทนเค้าว่าอะไรดีเลยเรียกคุณหนูนั่นแหล่ะง่ายสุด
บอกทางไปยังห้องพักครูให้เค้าไป
“พี่บอกแล้วไง ให้เรียกตามปกติ”
เค้าทำหน้าดุใส่ผม
“งั้นฉันเรียกนายเหมือนเดิมนะ”
ผมเปลี่ยนสรรพนามทันที
“ดีมาก” เค้าพูดพร้อมกับลูบหัวผมอย่างที่ชอบทำ
ที่จริงผมก็ไม่ชอบหรอกที่เค้าทำแบบนี้ แต่ก็ไม่กล้าจะค้าน
“งั้นฉันไปก่อนนะ เจอกัน”
ผมโบกมือลาก่อนจะเดินไปที่ห้องของตัวเอง เพื่อวางกระเป๋า
อันที่จริงก็ไม่อยากจะเข้าไปในห้องตัวเองเท่าไหร่หรอกครับ
เพราะว่าเพื่อนร่วมห้องเรียนของผมทุกคนน่ะ เอ่อ..พวกคุณอาจจะคิดว่ามันแปลก แต่มันก็เป็นเรื่องจริงอ่ะครับ
ขนาดผมยังลำบากใจเลย คือ ห้องผมมีนักเรียน 39 คน
เป็นนักเรียนหญิงอยู่เกินครึ่งห้องอ่ะครับ จำนวนก็ประมาณ 38 คน น่ะครับ
ฟังไม่ผิดหรอกครับ สาม-สิบ-แปด คนถ้วนครับที่เป็นผู้หญิง
ส่วนอีกคนสุดท้ายก็ผมนี่แหล่ะครับ
ม.ปลาย ปี 2 ห้อง 3 นั่นแหล่ะครับคือห้องของผม
ไม่รู้ว่าใครเป็นคนจัดห้องแบบนี้เหมือนกัน ถ้าผมรู้นะผมจะตามไปถามถึงที่เลย
ว่าทำไมถึงจัดห้องแบบนี้ ที่จริงอาจารย์ก็บอกว่าย้ายได้นะครับ แต่ต้องให้ผู้ปกครองมาทำเรื่อง
แต่ผู้ปกครองตามกฎหมายของผมก็คือคุณนายหวังไงครับ ผมก็เลยไม่อยากรบกวนท่านดีกว่า
อาจารย์บอกว่า ห้อง 3 เนี่ย เป็นห้องคิงเลยนะ
คือผมควรดีใจมั้ยครับ กับการที่ต้องอยู่คนเดียวท่ามกลางผู้หญิงอีกเกินครึ่งห้อง
แต่ผมก็เริ่มชินแล้วล่ะครับ เพราะตั้งแต่ม.ต้น ห้องผมก็มีผู้ชาย 4 คนเหมือนกัน
แล้วไอ้เพื่อนพวกนั้นมันก็ทิ้งผม พากันตกห้องไป ปล่อยให้เหลือผมอยู่คนเดียว
ผมเดินเข้าไปในห้องก่อนจะเดินไปด้านหลังสุดของห้องที่มีโต๊ะตัวเดียวตั้งอยู่ซึ่งเป็นที่นั่งของผมเอง
“อรุณสวัสดิ์จ้า หยวน”
“ครับ”
เอ่อ ลืมบอกไปอีกอย่าง ไม่รู้สำคัญรึเปล่า แต่นั่นก็ทำให้ผมไม่ค่อยสนิทกับเพื่อนในห้อง
แล้วก็ต้องคอยพูดจาสุภาพด้วยกับเพื่อนๆทุกคน เพราะผมอายุน้อยกว่าเพื่อนคนอื่น 1 ปี
แต่ผมสอบเลื่อนขั้นขึ้นมาได้ เลยทำให้เรียนเร็วกว่าเพื่อนคนอื่น 1 ขั้น
“วันหยุดสนุกมั้ยจ๊ะ?”
“ครับ ก็โอเค”
“กินข้าวมายัง?”
“ยังครับ กำลังจะกินพอดี”
นี่แหล่ะครับ ก็จะเป็นบรรยากาศแบบนี้ในห้องเรียน
ผมก็จะถูกพวก..เรียกว่าเพื่อนดีกว่าเนาะ เพราะอยู่ชั้นเดียวกัน
เค้าดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ คอยถามไถ่สารทุกสุกดิบเสมอๆ
“นี่หยวน ฉันได้ข่าวมาว่า
พี่ชายนายกลับมาจากต่างประเทศแล้วหรอ”
“จะว่าใช่ก็ใช่ จะว่าไม่ใช่มันก็ไม่ใช่อ่ะครับ
เพราะจุนไคเค้ากลับมาแล้ว แต่เค้าไม่ใช่พี่ชายผม”
“ได้ข่าวมาอีกว่าเค้าจะมาเรียนที่โรงเรียนเราจริงป่ะ?”
“ใช่ครับ วันนี้เค้าก็มาแล้ว แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าอยู่ห้องไหน”
ผมเห็นเชียนซีเดินมากวักมือเรียกผมอยู่หน้าห้องก็เลยขอปลีกตัวออกไปหาเพื่อน
เพื่อนผมเป็นแบบนี้ทุกคนครับ เวลามาที่ห้องผมทีไร
ก็ต้องเรียกผมแบบเงียบๆ ไม่ให้เพื่อนในห้องผมเห็น เพราะด้วยความเป็นหญิงล้วนเลยทำให้พอเห็นผู้ชายผ่านมาก็เหมือนเป็นอาหารตาอะไรอย่างงี้
“เกือบแล้วมั้ยล่ะ รอดตัวไป”
เชียนซีถอนหายใจกับผม
“มึงรู้ยังว่าต่อไป ห้อง 3
จะไม่เป็นห้องหญิงล้วนอีกต่อไปแล้ว” อ้าวไอ้นี่
“ห้องหญิงล้วนพ่อง กูไงชายเดียวในห้องนั้น”
“ยังกล้าบอกว่าตัวเองเป็นผู้ชายอีกหรอ
มึงควรจะส่องกระจกบ้างอะไรบ้างนะ”
“ทำไม กูออกจะหล่อ แมน แฮนซัม ขนาดนี้”
“เอาจริงๆมั้ย ที่มึงพูดมาเมื่อกี้
มันตรงข้ามกับมึงทุกอย่าง อย่างมึงต้อง สวย น่ารัก น่าจับกด อะไรแบบนี้มากกว่า”
“พูดงี้ต่อยกันเลยมั้ยมึง?”
ไอ้เชียนซีทำไมมันปากหมาอย่างนี้ ผมทนคบมันเป็นเพื่อนกับมันได้ยังไง
“เออเล่าต่อๆ วันนี้มีนักเรียนย้ายมาใหม่
เป็นผู้ชายและอยู่ห้องกับมึง จบ”
“เห้ยจริงป่ะ!!” ผมร้องเสียงดัง จะว่าดีใจ
ก็ดีใจเพราะผมจะได้มีเพื่อนคุยบ้างเวลาอยู่ในห้องเรียน จะว่าแปลกใจมันก็ใช่
คงไม่มีผู้ชายสติดีคนไหนเข้ามาอยู่ห้อง(เกือบ)หญิงล้วนหรอก
“เดี๋ยวมึงก็เจอแล้ว”
อ๊อดดดดดดดดดดดด
เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น นักเรียนทั้งหลายแหล่ต่างพากันเข้าห้องเรียนของตัวเอง
“งั้นกูไปก่อนนะ ตอนเที่ยงที่เดิม”
ผมเดินเข้าห้องตัวเองไปเหมือนกัน
ไม่นานนัก
อาจารย์ที่ปรึกษาก็เดินเข้ามาในห้องเรียน
“นักเรียนทุกคนเงียบนะคะ วันนี้ครูมีเพื่อนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก”
อาจารย์อี้หลิน อาจารย์ที่ปรึกษาของห้องผมเกริ่นนำ
“ผู้หญิงผู้ชายคะอาจารย์?” เพื่อนคนนึงถามขึ้น
“ผู้....”
อาจารย์ลากเสียงยาวเพื่อให้เพื่อนทุกคนลุ้น
“หญิงค่ะ”
“หา..อีกแล้วหรอ”
“โห่!!!!”
“ไม่อ้าวววววววว”
นั่นคือรีแอ๊คชั่นทั้งหมดที่เกิดขึ้น ผมไม่แต่หัวเราะแฮะๆ อยู่ในใจ
รู้สึกเพลียเพื่อนในห้องตัวเองเหลือเกิน
“ครูล้อเล่น...เป็นผู้ชายค่ะ”
“ห๊ะ..จริงมั้ยคะ”
“ว้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
“รีบๆแนะนำสิคะอาจารย์”
“เงียบก่อนนะคะทุกคน เก็บอาการนิสนึง อย่าทำตัวเป็นชะนีแตกรังอย่างนี้
มันไม่งามนะลูก...อ่ะเข้ามาได้” อาจารย์อี้หลินเรียกให้นักเรียนใหม่เข้ามา
“กรึ๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
เสียงจากนักเรียนหญิงในห้องดังตั้งแต่เค้าก้าวขาเดินเข้ามาในห้องยาวมาจนเค้าเดินมายังกลางห้อง
ก่อนจะเงียบลงเมื่อเค้าเอ่ยปากพูด
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘หวังจุนไค’ พึ่งกลับมาจากอังกฤษ ฝากตัวด้วยนะครับ” จุนไคนั่นเองครับ เพื่อนใหม่ของผม
“งั้นจุนไคนั่งไหนดี”
“ข้างหนูว่างค่ะ”
“ข้างหนูก็ว่างค่ะอาจารย์”
“เงียบ!!! งั้นจุนไคเลือกเองดีกว่าจ่ะ”
“ผมนั่งข้างหยวนได้มั้ยครับ”
ซึ่งผมก็คาดไว้อยู่แล้ว เหอะๆ
“เจอกันอีกแล้วนะ”
หลังจากเค้าเดินมานั่งที่ข้างๆผมแล้วก็ทักผมขึ้น
“อืม” เอาจริงๆมั้ยครับ
ผมก็เบื่อหน้าหมอนี่แล้วเหมือนกัน
ความคิดเห็น