ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ผู้นำทางตัวแสบ
.
.
.
.
ดวงอาทิตย์ทรงกลมที่เคยเปล่งประกายสดใสเริ่มหม่นหมองลงไปตามธรรมชาติ เป็นสัญญาณการมาเยือนของยามเย็น ตะวันเฉิดฉายสีแดงเริ่มเลือนลาง เมื่อทอดสายตามองออกไปตรงทะเลสีส้มที่สะท้อนแสงอาทิตย์ จะเห็นได้ว่าดวงอาทิตย์ที่เคยเป็นทรงกลม ได้ผ่าครึ่งซีกไปเสียแล้ว อีกซีกหนึ่ง ราวกับว่าถูกแผ่นน้ำอันสงบนิ่งในยามโพล้เพล้กลืนกิน หญิงสาวคิดขณะมองออกไปไกลแสนไกลในทะเลยามเย็น
จะเรียกว่าหญิงสาว ก็เรียกได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก เพราะสิ่งที่หล่อนสวมใส่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า คืออาภรณ์ของผู้ชายทั้งสิ้น จากการแปลงโฉมอันน่าอัศจรรย์ของเจนนิเฟอร์ในช่วงโค้งสุดท้าย ทำให้วิเอล่าเริ่มมีเคล้าความเป็นชายมากขึ้น นี่อาจต้องขอบคุณ ที่สาวประเภทสองคนเก่งขยั้นขะยอเต็มที่เพื่อไปเดินเลือกซื้อชุด “สมชาย” จากร้านค้าชื่อดังต่างๆเท่าที่คาธอเรียจะกลั่นกรองความคิดออกมาได้ ทำให้เขามีเวลาจัดทรงผมและเติมแต่งให้ลูกค้าประจำปากจัดครั้งสุดท้ายก่อนที่ทั้งสองจะปล่อยหล่อนเดินไปตามทางริมทะเลดังเช่นตอนนี้
วิเอล่าถอดหมวกแก็ปสีดำจากการคัดเฟ้นของคาธอเรียออก แล้วยกมือขึ้ขยี้วิกผมสั้นสีน้ำตาลอ่อนด้วยความอึดอัดเล็กน้อย สีนั้นต้องประกายแสงจากอาทิตย์แสด ดูเข้ากันอย่างประหลาด ยิ่งใบหน้าของเธอตอนนี้ เรียกได้ว่าเป็นชายหน้าหวาน ทั้งเสื้อแขนสั้นลายสวยด้านใน ทับด้วยแจ็คเก็ตแขนกุด กางเกงขายาวตามสไตล์ร็อคหน่อยๆ ทุกตัวเน้นโทนสีดำ ผสมสีขาวและสีแดง เพื่อนรักและพี่(เกือบ)สาวที่เคารพปรบมือเสียงดังกันใหญ่เมื่อหล่อนออกมาจากห้องลองเสื้อ มิใช่แค่ร้านเดียว แต่พวกเขาตระเวน 5-6 ร้านเพื่อเลือกชุดที่ดีที่สุดให้กับวิเอล่า
“คุณน้องวีล่าขา ใส่แล้วแมนมากค่า!!!!” วิเอล่านึกถึงเสียงแหลมๆที่ดัดให้สูงขึ้นไปอีก “เจ๊อยากเห็นเจอัสจังใส่ชุดนี้บ้างจังเลย”
สรุป......นี่เขาเลือกเพื่อลูกค้าประจำผู้เป็นน้องสาว หรือเลือกเพื่อตัวเองได้เห็นผู้เป็นพี่ชายสุดที่รักใส่กันแน่
“วีล่า พวกนั้นต้องชอบเธอแน่เลย ออกจะเท่ห์ปานนี้ ถึงหน้าจะออกชายหวานไปหน่อย แต่แบบนี้ก็ไม่เลว!!! เธอต้องป๊อบปูล่าแน่ๆ” สาวสวยผู้ชาญฉลาดเจ้าของดวงตาเป็นประกายแรงกล้าสีดำขลับวิจารณ์อย่างพึงพอใจในผลงานร่วมสร้างสรรค์กับเจนนิเฟอร์
ยัยคาธอเรีย ไม่ทราบว่าฉันไปเพื่อยั่วเสน่ห์พวก เคิร์ซ หรือไงยะ จะให้ฉันป๊อบปูล่า ฉันไม่เข้าพวกกับเจ้าปัญญาอ่อนสมองกลวงที่ตั้งชื่อตัวเองว่า คาออส แน่นอน
คิดไปเพลินๆ รองเท้าดำขลับเป็นมันวาวก็มาหยุดยืนอยู่ตรงพื้นที่ว่างเปล่า แม้ถนนคอนกรีตริมทะเลจะทอดยาวออกไปอีกไกลแสนไกล แต่บรรยากาศตรงนี้ และต่อจากนี้ไปอีก ไม่ใช่สิ่งที่คนเดินดินไม่ว่าใครก็ตามจะกล้าเหยียบย่างถลำไปไกลมากกว่าจุดที่วิเอล่าพึ่งเดินมาประมาณ 50 เมตร แม้คลื่นทะเลจะซัดเข้าหาฝั่งตลอดเวลา แต่เสียงคลื่นดูเหมือนจะถูกกลบโดยสิ้นเชิงจากอะไรบางอย่าง ใบไม้แห้งปลิวตกพื้นหลายใบนับไม่ถ้วน อีกทั้งยังมีลมพัดมาเป็นระยะ แม้ส่วนนี้คือทางริมทะเลเหมือนกัน แต่ความรู้สึกที่อยู่ในอกของเธอตอนนี้ ช่างต่างกันสิ้นดีเมื่อเทียบกับตรงที่มีผู้คนคับคั่ง
หล่อนยืนอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีเสียงของรถยนต์คันใหญ่ มีเพียงแค่เสียงใบไม้ครูดกับพื้นคอนกรีตสีขาวขุ่นมัว และเสียงลมทะเลพัดเท่านั้น
“ตรงนี้มันเฮี๊ยนอะไรหรือเปล่าเนี่ย” วิเอล่ายิ้มกระตุกที่ดูแห้งๆ หางตาตกและหรี่ลงแสดงถึงความกลัวเล็กน้อยในจิตใจ เธอถอดหมวกแก็ปออกและถือมันไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้โดนพัดไปเนื่องจากลมทะเล
“รังสีน่าหมั่นไส้ของพวกเคิร์ซแน่ๆ ที่ทำให้ตรงนี้แปลกประหลาดกว่าเพื่อน” วิเอล่าพึมพำต่อไป ยิ่งคิดไปอีกว่าพวก “เคิร์ซ” ต้องประหลาดอย่างถึงที่สุด บางครั้งถึงกับจินตนาการเล่นๆว่าหนึ่งในนั้นอาจเป็นมนุษย์ต่างดาวหน้าปลาหมึก มีหนวดยาวๆขยะแขยง มือเป็นตะขอเหมือนโจรสลัดที่เธอเคยอ่านเจอ และคงแต่งตัวด้วยชุดบ้าๆบอๆอย่างที่เธอไม่มีวันแม้จับเด็ดขาด
วิเอล่าลั่นเสียงหัวเราะออกมาดังลั่น ขำจนต้องกุมท้องของตน เมื่อนึกสภาพของหัวหน้ากลุ่ม “คาออส” ใส่กระโปรงลูกไม้ฟูฟ่องสีชมพู ใส่หูกระต่ายมีโบว์ผูก แต่งหน้าเหมือนสาวทิฟฟานี่เตรียมประกวด ทาปากสีแดงจัด ความคิดเหล่านี้ช่างวิปริตสิ้นดี แต่เธอก็ยิ่งสนุกมากขึ้นเมื่อภาพความคิดหลั่งใหลมาไม่มีที่สิ้นสุด
ชายหน้าสวยวัย 18 ปีแทบเดินต่อไม่ไหวเพราะหัวเราะมากเกินไป ก้มหน้าลงอย่างต่ำมาก จนไม่ทันสังเกตุว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป
“บ้าหรือเปล่า หัวเราะดังจนนกมันแตกตื่นบินพั่บๆไปหมด”
เสียงของเด็กผู้ชาย ใช่ ยังเด็กอยู่ เสียงไม่แตกเนื้อหนุ่ม เต็มไปด้วยความสดใสและความทะเล้น เสียงหยอกล้อนั่นไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเขาโกรธที่นกบินหายไป เพราะแฝงด้วยอาการหัวเราะชอบใจ ขบขันมากมายนัก วิเอล่าหยุดกึก พร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมาด้วยความสงสัย
ต้นตอเสียงนั่งอยู่บนบล็อคอิฐสีขาวที่ทำอย่างเตี้ยๆเพื่อมองไปในทะเลได้ ดูก็รู้ทันที เขาเป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่น น่าจะอ่อนกว่าเธอเล็กน้อย ไม่เฉพาะเสียงที่เป็นตัวบอกใบ้ แต่ทั้งดวงหน้า ร่างกายเล็กๆผอมๆ ทุกส่วนของเขาดูจะน่ารักน่าชังเสียไปหมด เขายิ้ม ยิ้มแย้มอย่างบริสุทธิ์ ดูขี้เล่น แต่ด้วยอะไรบางอย่าง วิเอล่าฉุกใจคิด หมอนี่ต้องเป็นหนึ่งในกลุ่ม เคิร์ซ อย่างแน่นอน
“งงอีก เอ้า!!” เด็กหนุ่มเอ่ยอย่างขับขัน เขาพาดขามาทางฝั่งถนน และยืนขึ้นด้วยความรวดเร็ว หลังจากปัดฝุ่นที่
กางเกง เด็กปริศนาหันหน้ามาหาวิเอล่าอีกครั้ง รอยยิ้มใสยังไม่จางหายไป
“เธอมาจากไหนน่ะ” เขาเอ่ยตะโกนถาม แม้จะอยู่ไกลแต่เสียงของเขาชัดเจนราวกับอยู่ใกล้ๆกัน ไม่กี่ชั่วอึดใจ สาวในคราบชายหน้าหวานต้องสะดุ้ง เมื่อรู้ตัวว่าพวกเขากำลังคุยกันแบบปกติ จับสัมผัสมนุษย์ไม่ได้เลยว่าเจ้าเด็กนี่เดินมาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่
“เอ่อ.......” วิเอล่าทำท่าจะตอบกลับไป แต่เธอต้องชะงักกึกทันที เมื่อทบทวนคำถามของเด็กหนุ่มหน้าใสคนนี้
เธอมาจากไหน...................?
เธอ..................
เธออย่างนั้นเหรอ?.......................
ราวกับว่าความคิดของวิเอล่าถูกอ่าน เสียงแจ้วๆสดใสดังขึ้น “ใช่.......เธอนั่นล่ะ”
คิ้วสีน้ำตาลเข้มที่ถูกตัดแต่งแล้วเลิกขึ้นด้วยความตกใจสุดขีด ลืมไปเสียสนิทว่าต้องวางตัว ปากกว้างอ้าเผยอ หมวกแก็ปสีดำตกลงสู่พื้นทันที ตัวชาไปหมดเหมือนคิดอะไรไม่ออก เมื่อถูกจับได้ว่าเธอนั้นปลอมตัวมา
“เฮ้ยๆ ตกใจอะไรขนาดนั้น” คนมองออกหัวเราะอารมณ์ดี พลางก้มตัวลงเก็บหมวกให้ ยื่นส่งด้วยมือที่ใส่แหวนวงใหญ่สไตล์ฮิปฮ็อป เห็นได้เด่นชัดมาก แต่ไม่เพียงพอ สำหรับผมทองสว่างแรงกล้าที่ดูยุ่งเหยิงเกือบเป็นทรง อุปนิสัยของเขาสะท้อนผ่านลักษณะภายนอกได้อย่างดีเยี่ยม
“นายรู้?” วิเอล่ากระซิบอย่างจนตรอก รับหมวกมาพร้อมกับปัดฝุ่น สายตาเสียดสีไปยังคนรู้ทัน
“แหงล่ะ” เขากระซิบตอบ ล้อเลียนกันชัดๆ “เสียงหัวเราะผู้หญิง หน้าตาผู้หญิง รูปร่างผู้หญิง นิสัยก็ผู้หญิง สรุปว่าเธอคือ ผู้หญิง” เขายิ้มกว้างสุดขีดอีกครั้ง ดวงเนตรสีเขียวใสที่มีแต่ความร่าเริงดูเหมือนไม่เคยโกหกอะไรเลย
ในใจของคนวางแผนมาอย่างดิบดีเริ่มพังทลาย เธออยากจะก้มหน้าลงพื้นแล้วเอาหัวโขกให้เลือดซิบๆจนไหลนองให้หมดตัวด้วยความอับอาย เธอก็รู้ว่าคงปิดไม่ได้ตลอดรอดฝั่ง แต่ไม่นึกเลยว่าจะถูกมองออกอย่างง่ายดายปานนี้ แผนการที่เธออุตส่าห์คิดมาทั้งหมด รวมทั้งเงินที่เสียไปกับค่าวิก เธอต้องกลับไปเรียกร้องให้ได้
“นี่......นี่.....” เสียงเล็กๆใสๆเอ่ยอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปถนัดตา มือขาวๆโบกไหวๆเรียกสติ แต่ดูเหมือนว่าไม่ได้ผล เขาถอนหายใจ ถอดหูฟังสีขาวที่เสียบหูเขาอยู่ออกมาเพื่อเสียบเข้ากับหูของหญิงสาวเบื้องหน้า ยกเครื่องเล่นเพลงเล็กกระทัดรัดสีขาวขึ้น และเริ่มกดปุ่มเปิดเสียงอย่างรัวๆ........
“อ๊ายยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!”
ได้ผล เด็กหนุ่มไฮเทคยิ้มยิงฟันด้วยความสะใจ เรียกสติกลับคืนมาได้แล้ว แต่ไม่รับประกันเรื่องแก้วหูจะแตกหรือเปล่า เขามองหญิงผู้น่าสงสารรีบปัดหูฟังทิ้ง คลึงหูน้อยๆของตัวเองพร้อมค้อนขวับอย่างน่ากลัวมาหาต้นเหตุ
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย อยากให้แก้วหูฉันเต้นฮูล่าแดนซ์มากนักหรือไง” วิเอล่าโวยวายทันที หน้าหวานนั้นบูดบึ้งเต็มไปด้วยความเจ็บใจ วันนี้เธอถูกแกล้งมาทั้งวัน ทั้งๆที่ควรจะเป็นวันเกิดครบ 18 ปีอันแสนสนุกแท้ๆ
“ไม่ได้ทำบ้าอะไร แค่ปลุกเจ้าหญิงจากห้วงฝัน” หลังจากหยอดคำพูดเลี่ยนหูแล้ว เขาก็ยิ้มอีกครั้ง
หมอนี่เพี้ยนแน่ๆ วิเอล่าเหงื่อตกในใจ เหมือนกับไม่ใช่หนึ่งในสมาชิกกลุ่ม เคิร์ซ เลย
คราวนี้ หล่อนสามารถมองคนตรงหน้าได้อย่างถนัดตาแล้ว ผมสีทองสว่างเตะตาเป็นอย่างแรกเลย และที่มาเคียงคู่กัน คือดวงเนตรสีเขียวแบบมรกตที่เต็มไปด้วยประกาย มองแล้วรู้สึกว่าเด็กคนนี้ช่างสดใส แก้มขาวไร้ซึ่งรอยใดๆนั้นน่าอิจฉานัก สตรีใดก็ตามคงอยากจับหน้าของหนุ่มน้อยคนนี้แล้วเอาแก้มตนแนบ เนื่องจากว่าผิวของเขาดูนุ่มนิ่ม ไร้เดียงสา เป็นนายหน้าใสตัวจริง
ขนาดหญิงใจแกร่งของวิเอล่า เอเคิล ก็อดตะลึงความงดงามไม่ได้ หากเขาเป็นหญิง คงสวยแลดูน่ารักผุดผ่องอย่างไม่ต้องสงสัย
“น่ารักใช่ไหมล่ะ” เสียงซุกซนเรียกให้วิเอล่าตื่นจากห้วงความนึกคิด ดวงหน้าแรกแย้มเอียงศีษระเล็กๆนั่น มือทั้งสองข้างประสานไพล่อยู่ที่ด้านหลัง ท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้เขาดูกลายเป็นเด็กน้อยๆน่ารักน่ากอดเพิ่มขึ้นอีกโข
แต่คำพูดของเขา ช่างรู้ดียิ่งนัก ราวกับอ่านใจหล่อนออกทะลุปรุโปร่ง ทว่า หญิงสาวงามผู้ดัดแปลงไม่สมบูรณ์มิใช่คนที่จะยอมก้มหัวยอมรับกับอะไรง่ายๆ แม้สิ่งนั้นจะประจักษ์ให้เห็นกับตาแล้วก็ตาม
“ทำเป็นหลงตัวเองไปได้ เปล่าย่ะ ฉันแค่ช็อคที่นายดูตัวจริงฉันออก” วิเอล่าหลบสายตา แต่ก็นั่นล่ะ ใช่ว่าเนตรมรกตสุกสว่างนั่นไม่รู้เท่าทัน เด็กน้อยหน้าใสยังคงยิ้มพรายงดงาม เสหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเขา
“ไม่หรอกหน่า ฉันดูเธอออกมาแล้ว ครั้งนี้ก็อย่าทำเป็นปิดเลย” มือขาวน้อยๆที่สวมแหวนวงใหญ่ไม่เข้ากับนิ้วเล็กจ้อยล้วงเข้าไปในกระเป๋าสีดำคาดเอว ลูกอมที่มีรูปร่างเหมือนโลลี่ป๊อบโผล่ขึ้นมา เขาแกะพลาสติกหุ้มออก ขยำไว้ในมือ แล้วอมแท่งลูกอมหลากสีนั่นไว้
หนุ่มวัยใสเดาะลิ้นเล่นกับลูกอมเชิงล้อเลียน มือชี้เป็นรูปปืนหันมาทางวิเอล่า คิ้วได้รูปกระตุกยักขึ้น ขยิบตาให้ด้วยท่าทางน่ารักอย่างที่เรียกได้ว่า เป็น “ท่าไม้ตาย” เขาโดยแท้
“ไม่สำเร็จหรอกหน่า เด็กน้อยเอ๊ย” ด้วยน้ำเสียงแสดงความเอ็นดู แถมด้วยเสียง จุ๊ๆ หลายๆครั้ง
เด็กน้อย หรือตามที่คนอายุน้อยกว่าเรียก สะดุดหู แม้ท่าทางที่น่ารักนั่นทำให้หล่อนอยากจะกรี๊ดออกมาดังๆด้วยความชอบอกชอบใจ แต่การที่ถูกใครก็ไม่รู้(ดูเหมือน)อายุน้อยกว่าตัวเองมาเรียกว่า “เด็กน้อย” แถมพูดด้วยความกวนประสาทมากล้นเหลือนัก อย่างนี้เขาเรียกว่า ดูถูกกันชัดๆ โดนมองออกไม่พอ ยังโดนเรียกด้วยคำแบบนั้นอีก มีหรือ ที่ผู้ไม่เคยอ่อนข้อให้ใครอย่าง วิเอล่า เอเคิล จะปล่อยให้ผ่านเฉยๆ
“นี่นาย!!!” คนที่เริ่มเดือดดาลแว้ดเสียง “อายุเท่าไหร่กันยะ!!! ถึงเรียกฉันแบบนั้น ทำเป็นเดาะลิ้นขยิบตา นึกว่าตัวเองน่ารักมากนักหรือไง ที่แท้ก็เด๊กเด็กแล้วกระแดะทำเป็นผู้ใหญ่ ทุเรศหน่า”
วิเอล่าฉุกคิด เธฮพูดแรงไปหรือเปล่า? แม้ว่าจริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะต่อว่าต่อขานขนาดนั้น บางส่วนเธอก็รู้ดี ว่าแฝงไปด้วยอาการทีเล่นทีจริงของเธอ สิ่งที่หญิงสีตางามคาดไว้คือ เขาต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และหากเป็นสมาชิก เคิร์ซ จริงๆ ก็คงเริ่มเรียกพวกตัวเองออกมาแล้วต่อจากนั้นเธอคงเดาอนาคตไม่ออก แต่สิ่งที่ไม่ได้คาดหวังไว้เลย คนที่โดนว่าไปหยกๆกลับมีสีหน้าเบิกบาน ยิ้มแผ่กระจายกว้างมากกว่าเดิม และเริ่มหัวเราะตัวงอ
“ฮะๆๆๆๆ!!!!! ฮ่าๆๆๆๆๆ!!!!!” เขาหัวเราะไม่หยุด ขำจนวิเอล่าทำอะไรไม่ถูก นายนี่ต้องเพี้ยนไปแล้วแหง หรือไม่ก็เป็นพวกมาโซคิสม์ ที่ชอบให้ตัวเองเจ็บปวดจากคนอื่น ขณะนี้ คนที่ตะโกนเสียงกลับต้องเป็นคนยืนงงและรู้สึกผิดแทน
“ขำอะไรยะ!!” วิเอล่าตะโกนแข่งกับเสียงหัวเราะ ตอนนี้หล่อนรู้สึกเหมือนว่าตัวเองเป็นตัวตลกผู้น่าขบขันของหนุ่มน้อยหน้าใส ใบหน้าขาวเนียนของวิเอล่าเริ่มมีเลือดฝาดบริเวณแก้มใส แน่นอนว่าเทียบกันไม่ได้เลยกับความแดงเปล่งปลั่งดั่งดวงตะวันยามเย็นของเด็กหนุ่ม และที่ไม่อยากยอมรับ กิริยาท่าทางอันสดใสราวเด็กรุ่นๆผู้เปล่งประกายด้วยเสียงหัวเราะเบิกบานช่างดูน่ารักน่าถนุถนอม ร่างเล็กนั่นสั่นระริก หัวเราะมากเกินไปจนน้ำตาซึม
“ฮะๆๆๆๆ ปะ....เปล่าหรอก หึๆๆ” เขาเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ดวงหน้าอ่อนล้าเล็กน้อยจากอาการหัวเราะร่วนติดกัน นิ้วปาดน้ำตาออก ด้วยความที่เขาเป็นเด็กชายหน้าใสหวานดั่งสตรีเพศ เวลานี้เขาดูจะเหมาะสมกับคำบรรยายนั้นมากที่สุด
“เธอน่ะ ท่าจะเข้ากันได้กับพวกพี่คาออส” คนน่ารักยิ้มด้วยใจจริง น่าประหลาดนัก รอยยิ้มที่สกัดมาจากอารมณ์และใบหน้าของเขาเหมือนจะละลายทั้งโลกแล้วแปรเปลี่ยนให้มีแต่บรรยากาศดอกไม้งดงามและสายรุ้งหลากสี
หญิงคราบชายหน้าสวยคิด นี่ล่ะ!!! ยิ้มกระชากใจ หนึ่งใน “ท่าไม้ตาย” ของนายหน้าใสคนนี้!!!
เอ๊ะ แต่เดี๋ยวก่อน เขาเอ่ยชื่อ “พี่คาออส” อย่างนั้นเหรอ ความคิดของหล่อนถูกต้องแล้ว นายคนนี้ก็คือ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มผู้โอหัง “เคิร์ซ” นั่นเอง แต่กลับผิดคาดไปนิดหน่อย ไม่นึกว่าจะมีคนที่ดูอายุน้อยกว่าเธอรวมอยู่ด้วย แต่ท่าทางกวนชาวบ้านแบบนั้น คงจะไม่ผิดนัก
“นายเป็นกลุ่ม “เคิร์ซ” อย่างนั้นสิ” วิเอล่าเอ่ยปากถามเพื่อความมั่นใจ สิ่งทีได้รับกลับมา คืออาการพยักหน้าขึ้นๆลงๆอย่างรวดเร็ว
“ที่จริง พวกเราไม่มีชื่อเรียกหรอกนะ ไอชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกกันว่า “เคิร์ซ” มันก็แค่ชื่อที่พวกคนแถวๆนี้เอาไปตั้งให้มันดูน่ากลัวพิลึก แล้วสุดท้ายมันก็แพร่กระจายออกไป แค่นั้นเอง” เด็กหนุ่มหนึ่งในกลุ่ม “เคิร์ซ” บอกเล่าความเป็นมาด้วยอาการไม่แยแส เหมือนว่าเขาสนใจการเล่นเดาะลิ้นกับลูกอมเขามากกว่า
“ฉันก็พอจะเดาได้ ว่าเธอลงทุนปลอมตัวเป็นชายเพื่อเข้าใกล้กลุ่มพวกเรา และเธอก็ทำถูกด้วย.......” ผมยุ่งเหยิงสีทองสว่างขยับเป็นจังหวะเมื่อเขาก้มๆเงยๆสำรวจลักษณะการปลอมตัวของวิเอล่า ซึ่งตอนนี้ยังคงอยู่ในสภาพดีแม้เสื้อจะยับยู่ยี่ไปแล้วก็ตาม
“ปลอมมาดีนี่ จริงๆนะ ถ้าเธอไม่หัวเราะออกมา ฉันคงคิดไปแล้วว่าเธอเป็นผู้ชายหน้าหวานคนหนึ่ง” พูดจบ สัญลักษณ์ละลายโลกของเขาก็ลอยมาเตะตาอีกครั้ง ยิ้มแต่ละทีช่างกินใจ คงไม่มีอีกแล้วที่หล่อนจะได้พบเจอกับใครที่มีรอยยิ้มน่ารักแบบนี้
“นั่นสินะ รู้ไหม ฉันเสียไปตั้งสองพันแปด แพงนะไม่ใช่ถูกๆ ทั้งๆที่ฉันบอกไปว่าเป็นวันเกิดฉันแล้วแท้ๆ ควรจะให้ฟรีๆมากกว่า” ได้ที วิเอล่าใส่ความมือมายาเจนนิเฟอร์ บ่นกระปอดกระแปดหัวเสียน้อยๆ อันที่จริงก็ไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย เพราะคุณภาพต้องยกให้ร้านของพี่สาวเทียม แต่ทำอย่างไรได้ ในเมื่อยกขึ้นมาพูดแล้วก็ขอบ่นหน่อยคงไม่เสียหาย
“เธอหมายถึงวิกนี่สินะ” เด็กหนุ่มหน้าผุดผ่องเอื้อมมือไปจับวิกผมสั้นสีน้ำตาลอ่อน เขาพิจารณาอยู่ครู่ด้วยความสนใจ ก่อนที่จะใช้มือกระตุกดึงเพื่อตรวจสภาพความทนทาน......
แน่นอนว่าเสียงร้องโอดโอยต้องตามมา เพราะวิธีการ “ยึดวิก” ของเจนนิเฟอร์ช่างร้ายกาจนัก ทำหล่อนต้องหลั่งน้ำตา กลายเป็นศพขึ้นอึดหน้าเขียวหน้าม่วงอยู่บนเก้าอี้มาแล้ว
“อ้าว เจ็บด้วยเหรอ ฮะๆๆๆ ขอโทษคร๊าบบบบ” แล้วคนตัวดีผู้รักสนุกก็ออกแรงเพื่อดึงๆอีกครั้งด้วยความสะใจ
วิเอล่าคิดด้วยความคับแค้น หมอนี่ต้องเคืองบ้างล่ะเรื่องที่เธอไปด่าว่าเขาไว้ และนี่คงจะเป็นการเอาคืนที่เจ็บแสบ ด้วยสีหน้าไม่รู้สำนึกกับรอยยิ้มชวนฝัน แต่ก็ปิศาจนักเมื่อควบคู่กับการกระทำอันไร้ปราณี
“พอแล้ว!!!!! เจ็บ!!!!! ฉันทนมาตั้งนานตอนทำ ไม่รู้ใช้ที่หนีบผ้าหรือเปล่า นายอย่ามาดึงอีกคนนะยะ!!!!!” วิเอล่าปัดมือทั้งสองข้างของหนุ่มน้อยผู้เค้นเสียงหัวเราะออกแล้วลูบหนังศีษระตนให้ความปวดสงบลง สายตาค้อนลึกหวาดระแวงส่งไปให้นายตัวยุ่ง ที่จัดหูฟังตนเองให้กลับเข้าไปในสภาพเสียบที่หูทั้งสองข้าง ส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี
“น่า พี่สาว อย่าโกรธเลยนะครับ แค่ล้อเล่นต้อนรับทักทายสู่ “รัง” ของพวกเราเท่านั้นเอง” เขาก้มโค้งตัวลงด้วยความนอบน้อม ยื่นมือซ้ายออกมา เสียงเดาะลิ้นยังคงกระซิบเป็นระยะ ท่าทางของเขาตอนนี้เหมือนพ่อบ้านรุ่นเด็กที่พึ่งถูกฝึกกิริยามาอย่างไรอย่างนั้น
“เคียร์แม็กซ์” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส และนั่นคือชื่อของเขาที่วิเอล่าจะจดจำไปตลอดกาล “อายุ 16 ไม่มากไม่น้อย แต่เด็กกว่าพี่สาวอยู่แล้ว” เคียร์แม็กซ์ยิ้มร่าฉายตะวันที่กำลังลับแสง
“พูดได้น่ารักน่าถีบดีนะ เคียร์แม็กซ์” วิเอล่ายิ้มแฉ่ง เป็นรอยยิ้มงามแต่แผ่รังสีอันตรายออกมาเต็มไปหมด หล่อนยื่นมือซ้ายออกไปด้วยความสนิทสนม ชักชอบเด็กคนนี้แล้วสิ หล่อนคิดอยู่ในสมอง
“วิเอล่า ยินดีที่ได้รู้จักนายนะ เด็กน้อย” หญิงร่างชายสวยยิ้มแย้มให้อย่างเป็นมิตร แต่คำพูดยอกย้อนเอาคืน แน่นอนว่าคนที่มองทุกอย่างโปร่งใสไปหมดย่อมรู้ทัน “อย่างที่นายว่า ฉันพึ่งจะแก่กว่านาย 2 ปีเต็มวันนี้”
“วันเกิดเธอ?” เจ้าของยิ้มละลายโลกเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีเลสนัย โดยมีสีหน้าเริงรื่นส่งผ่านมาจากวิเอล่า “สุขสันต์วันเกิดครับ” เขาต่อประโยนทันทีโดยผ่านน้ำเสียงขี้เล่นและใบหน้าสดใสเปล่งประกาย วิเอล่าแกล้งท้าวสะเอวยิ้มกระหย่องรับมุขที่เด็กน้อยผมทองอุตส่าห์ปล่อยออกมา
แม้หล่อนจะแก่กว่าเขาถึง 2 ปี แต่สรรพนามเรียกยังคงเป็น “เธอ” เช่นเคย
“ชักถูกใจเธอแล้วล่ะสิ” เคียร์แม็กซ์เดาะลิ้นเล่นพลางเอ่ยด้วยความยินดี สีหน้าของเด็กน้อยช่างดูไร้เดียงสาน่ารักเหมือนเด็กเล็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ “เอาอย่างนี้ละกัน จะพาไปที่ “เคิร์ซ” เพื่อแนะนำคนอื่นๆด้วย” เขาต่อประโยคพร้อมคว้าข้อมือของวิเอล่า
“งั้นเหรอ ก็ดีน่ะสิ ช่วยทุ่นแรงได้เยอะเลยนะนาย” วิเอล่ายิ้มอย่างมีชัย สีหน้าโล่งอกเหลือเกินที่เธฮไม่ต้องเปลืองแรงและพลังงานเพื่อเดินตามมาถิ่นกบดานของ “เคิร์ซ” ในเมื่อหล่อนได้กระต่ายนำทางตัวดีมาอยู่ในกำมือแล้ว
หญิงสาวร่างแปลงปล่อยให้เด็กหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่าเดินจูงไปเรื่อยๆ แต่ท้ายที่สุด วิเอล่าก็ได้รับรู้ถึงสัจธรรมที่แท้จริง สมาชิก “เคิร์ซ” ที่อายุน้อยที่สุดคนนี้ช่างมีความกระตือรือร้นนักหนา เขาจัดการกระชากลากถูวิเอล่าเมื่อผ่านไปหนึ่งถึงสองนาที จนทำให้การเคลื่อนไหวของเธอเหมือนเป็นวุ้นใสๆ ที่คอยเด้งดึ๋งจะล้มแหล่มิล้มแหล่ตลอดทาง
‘ไม่น่าให้ไอเด็กนี่ลากเราไปเลยแฮะ มันกินยาขับเคลื่อนอวัยวะหลังอาหารสามเวลาหรือเปล่าวะเนี่ย’
วิเอล่านึกบ่นในใจ คิ้วโก่งงามสีน้ำตาลเข้มมีแววผูกขมวดกันเป็นเงื่อนตาย ปากขมุบขมิบอยู่ตลอดเวลาเหมือนกับเตรียมด่าเคียร์แม็กซ์ผู้ที่เอาแต่ลากโดยไม่รู้เรื่องราวอะไรด้วยเลย
*****************************************************************
ภายในรังซ่องสุมที่ถูกขนานนามว่า “เคิร์ซ” หรือสิ่งที่ไม่ว่าใครมาเจอก็ต้องลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า มันคือโกดังท่าเรือเราดีๆนี่เอง พื้นที่กว้างขนาดใหญ่สร้างจากคอนกรีตแข็งกระด้าง สูงขึ้นไปประมาณห้าเมตร กล่องหลากสีสันหลากขนาดนับจำนวนไม่ถ้วนวางระเกะระกะเอาไว้บนพื้นอย่างที่เจ้าของถิ่นไม่คิดที่จะจัดมันเลยสักนิด ทางเข้าออกมีเพียงอยู่ที่เดียว นั่นก็คือ ช่องข้างโกดังความกว้างเพียงแค่ให้คนสองคนลอดผ่านได้ เจาะลวกๆไว้เป็นรูปสี่เหลี่ยมที่มีขนาดไม่เท่ากัน โซ่สีเงินที่ขึ้นสนิมเขรอะเกี่ยวไว้เสมือนทางกั้น และสิ่งนี้ คือสิ่งที่วิเอล่าต้องทำหน้าขยะแขยงเมื่อเห็นโซ่สนิมเกาะนี้
บนกล่องใบใหญ่ใบน้อยมากมาย ชายหนุ่มสองคนนั่งกันคนละฟากโกดัง แต่ดูจากทวงท่าแล้ว ชายคนหนึ่งกำลังทำท่าเหมือนกับจะไขว่คว้าอะไรบางอย่างจากชายอีกคนหนึ่ง
“หน่า~~~นะ!! คุโอจ๋า ปีนข้ามกล่องจากฝั่งนู้นมาเพื่อฉันเถอะ จะได้นั่งด้วยกันไง อบอุ่นออกจะตายไป” หนุ่มหน้าคมกริบ มีแววตามาดมั่นเชือดเฉือนประกายฉายบนใบหน้าเรียกร้องคุโอโดยท่าที่เขาคิดว่าน่าเห็นอกเห็นใจที่สุดแล้ว
“อบอุ่นบ้าอะไร แค่นี้เหงื่อฉันก็แตกพลั่ก ยิ่งต้องทำเพื่อนาย ฝันไปเถอะเรสส์” ผู้ถูกอ้อนวอนตอบข้ามฟากด้วยน้ำเสียงเย็นชาตามแบบฉบับตัวเขาเอง คุโอเป็นหนึ่งเดียวที่สามารถทำสีหน้าได้นิ่งสนิท ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
ใช่.....หน้าของหนุ่มรัตติกาลทั้งร่างนิ่งสนิทจริงๆ......เมื่อสายตาของเขามองผ่านเรสส์ที่เหยียบกล่องใบหนึ่งพลาด แล้วพลัดกลิ้งตกลงไปนอนแหมะอยู่บนพื้น เหมือนกับไอศกรีมก้อนหนึ่งที่กลิ้งละลายไปทั้งโต๊ะ
“กลิ้งได้สวยดีนี่” คุโอเอ่ยชมอย่างไม่ใยดี รอยยิ้มกระตุกขึ้นมุมปากที่ดูราวกับยิ้มเย้ยหยัน เขานั่งไขว่ห้างกอดอก อยากรู้อยากเห็นจริงๆว่าเพื่อนรักคนนี้จะทำอย่างไรต่อไป
“ขอบใจที่ชม” เรสส์ขยับตัวพลางเอามือยันขึ้นจากพื้น ดูท่าว่าการที่เขากลิ้งลงมาอย่างไม่มีหยุดติดไฟจราจรจะทำให้เอวของเขาเคล็ดไปมากทีเดียว เรสส์เอามือของเขายันเอวไว้เพื่อดามความเจ็บปวด “แต่ฉันรู้ว่านายกำลังสะใจ” เขาเสริมด้วยเสียงหัวเราะแห้งๆ
“ฉลาดนี่” คุโอยิ้มกว้างยิ่งขึ้นไปอีก และทวีคูณความสะใจขึ้นไปอีกเช่นกัน ทวงท่าของเขาตอนนี้ดั่งคุณชายมาดสุขุมที่ชอบนั่งไขว่ห้างชี้นิ้วสั่งคนรับใช้อย่างไรอย่างนั้น เรสส์หัวเราะในลำคอพร้อมกับปัดฝุ่นเขรอะที่กางเกงสีน้ำตาลของเขา ผมหางม้ายาวถึงกลางหลังสีแดงเลือดสดแกว่งไปแกว่งมา สำหรับชายผู้เย็นชาดวงหน้างาม สีผมของเรสส์คือสีที่เขาชอบที่สุด
“เรสส์ นายไม่คิดจะตัดผมอีกใช่ไหม” หนุ่มหน้าสลักเอ่ยถามอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย อันเนื่องมาจากว่าเขาผมสั้นและดูท่าว่าเจริญเติบโตช้า ทำอย่างไรก็ไม่สามารถไว้ยาวได้ แค่นี้ก็เป็นบุญโขนักหนาแล้ว เขาจึงรักผมยาวของเรสส์มาก
“หือ นายถามทำไม หรือว่าอยากให้ฉันตัด” เรสส์แหงนหน้าขึ้นไปมองคู่หูของเขา ปากฉีกยิ้มกระจาย เขารู้ว่าคุโอชอบให้เขาไว้ผมยาวมากแค่ไหน หัวข้อนี้จึงชอบเอามาแหย่คนหน้างามผิวสีขาวซีดเล่นให้เจ็บตัวอยู่ร่ำไป
ได้ผลดังว่า เพียงแค่ได้ยินว่า ตัดผม เท่านั้น คุโอชักสีหน้าถมึงทึง รังสีอาฆาตแผ่กว้างกระจายทั่วทุกอณูในโกดัง แม้หนุ่มเนตรรัตติกาลยังคงนั่งอยู่กับที่ แต่ด้วยรังสีมากมายของเขา เสมือนว่าคุโอได้กระโดดลงมาแล้วบีบคอคนผมยาวสวยให้ตายคามือ
“...........นายตัดผมของนายเมื่อไหร่ ฉันจะ..........ฆ่านาย...............”
คุโอกระซิบถ้อยคำโหดด้วยแววตาเหลือกขึ้น สำหรับคนทั่วไป อาจเห็นว่าเขาคนนี้เป็นโรคจิต แต่หากอยู่ใน “เคิร์ซ” แล้วล่ะก็ เรื่องแบบนี้ช่างเป็นสิ่งขี้ประติ๋วที่ไม่มีอะไรน่าแปลก เรสส์เอง ก็เช่นกัน เขาจ้องมองผ่านเข้าไปในดวงตานิ่งสนิทของคุโอ ไม่มีแม้กระทั่งความหวาดหวั่น หรือความกลัวซ่อนอยู่แม้ลึกสักเพียงใด มีเพียงแต่ความตื้นตันใจ ที่คู่หูคนงามสมกับเป็นคนที่เขาตามติดสอยมานาน
“อ่ะ......โอ๋......โอ๋ๆๆๆอย่างอนสิจ้ะ คุโอน้อย” เรสส์กระโดดเหยียบกล่องสารพัดขึ้นไปนั่งข้างๆหนุ่มน้อยขี้งอน พลางโอบศีษระของคุโอแล้วขยี้อย่างเอ็นดู ในตอนนี้ ใบหน้าของเรสส์กำลังมีความสุขเต็มที่เมื่อเขาได้คนๆนี้มาไว้อยู่มือ เส้นผมสีดำนุ่มสลวยจับแล้วช่างเพลิดเพลินใจดีจริงๆ
“ไอบ้า โกรธเว้ย ไม่ได้งอน” คุโอตอกกลับด้วยน้ำเสียงเชือด แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรสส์สะดุ้งสะเทือนเลยแม้แต่น้อยเดียว
“แค่ล้อเล่นเองหน่า ใครมันจะกล้าตัด มีสุดที่รักบงการชีวิตอยู่” เรสส์ยิ้มยิงฟัน เขาชูนิ้วเป็นรูปตัววีให้ ดวงหน้าหล่อคมคายผลันกลายเป็นความน่ารักขี้เล่นไม่แพ้เคียร์แม็กซ์ แม้ว่าคุโอจะชอบอาการแบบนี้ของเรสส์มากเท่าใด แต่เขาก็ไม่ชอบเลยที่จะแสดงออกมาด้วยสีหน้า วาจา หรือการกระทำ
“สุดที่รัก.......” คนโดนพาดแขนเอ่ยทวนคำ “ตอนไหนฟะ”
“คุโอ........นายนี่นะ.........” เรสส์เหงื่อตก ชักมืออกจากบ่าของเพื่อนรักแล้วหันหลังกลับ แกล้งทำท่าเหมือนคนร้องไห้ “แม่ไม่เคยเห็นความจริงใจของพ่อเลยสินะ โฮฮฮฮฮฮฮ วันๆก็เอาแต่ใช้งานพ่อ สุดท้ายขนาดพ่อบอกรัก แม่ยังไม่เข้าใจพ่อเลย.......แม่ใจร้ายที่.......”
“มีคนมา” คุโอตัดบทฉับกลางคัน ก่อนที่จะปล่อยให้เรสส์แสดงละครผัวเมียละเหี่ยใจต่อไปอีกเป็นหน้ากระดาษ ใบหน้าของชายหนุ่มหันไปทางประตูโกดัง เงารางๆของสองคนที่กำลังใกล้เข้ามาทำให้คุโอต้องพินิจเพ่งอยู่ครู่ เขารู้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นเคียร์แม็กซ์แน่นอน แต่อีกหนึ่ง เขาแทบเดาไม่ออก
“ไอเคียร์น่ะสิ” เรสส์บ่น เขาฉุนขึ้นสมองเมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมชะตากรรมเป็นผู้มาขัดความสุข สีหน้าที่เคยยิ้มแย้มให้กับคนเยือกเย็นกลับกลายเป็นความบึ้งตึง สายตามองผ่านไปยังช่องประตูที่ถูกคั่นจากโลกภายนอกไว้ด้วยโซ่สนิมเขรอะเส้นเดียว
คุโอหลับตาลง แลเห็นแพขนตายาวเป็นสีดำขลับอย่างธรรมชาติ ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “คนแปลกปลอม มาทำไมกัน ขี้เกียจไปรายงานคาออส”
“เอาน่า อย่าพึ่งเซ็งเลย คุโอ นานๆทีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีเหมือนกัน อีกอย่าง......” เรสส์ตบหลังเพื่อนสนิทของเขาด้วยท่าทางอารมณ์ดีผิดแผกไปจากเมื่อครู่ สายตาเจ้าเล่ห์ประดุจหมาป่าที่พร้อมขย้ำคู่ต่อสู้ได้ทุกเมื่อปรากฎขึ้น
“ขนาดคนอย่างไอเคียร์ยังต้องยอมแพ้พามาให้เราเห็น คงไม่ใช่คนธรรมดาๆ คงจะมีเรื่องอะไรให้พวกเราได้ออกแรงกันบ้างล่ะ”
คุโอยิ้มมุมปาก ก้มหน้าลงต่ำจนกระทั่งซ่อนนัยน์ตาไว้ใต้ผมปรกได้ บัดนี้ จิตใจของมัจจุราชแห่งรัตติกาลได้ครอบคลุมทั่วทุกแห่งในกายของเขาแล้ว
+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +
ห่างหายไปนานถึงนานที่สุดคราวนี้คงจะทำให้ใครหลายๆคนคิดว่าเราล่มโปรเจคนี้แล้ว - -"" อย่าพึ่งคิดอย่างงั้นกันนะคะ ^^"" โปรเจคนี้ยังอีกไกลค่ะ ไม่วางมือง่ายๆแน่นอน และตอนต่อไปก็กำลังแต่งช่วงโค้งสุดท้ายอยู่ เพราะฉะนั้น >.< ปูเสื่อรอตอนหน้าได้เลยค่ะถ้ารู้สึกว่าอารมณ์ยังค้าง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น