ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Yours all day คนสนิทในยามบ่าย
จากเหตุการณ์ฝนตกในวันนั้น สงครามได้ดำเนินต่อไป มนุษย์ในตอนนั้นแทบไม่ได้ลงรอยกันเลย มีเพียงแต่ความขัดแย้งและการช่วงชิงซึ่งกันและกันเท่านั้น เหตุผลที่มุนษย์จะเข้าใจกันทุกฝ่ายได้ ทำให้เป็นจริงหรือเพียงแค่ความตั้งใจล้มๆแล้งๆ ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เพราะไม่นาน หลังจากเหตุการณ์สิ้นสุด สงครามในสมัยนั้นก็ได้หายไปจากหน้าประวัติศาสตร์โดยสิ้นเชิง.....
800 ปีต่อมา คัลตาก้า เมืองเทียบท่าติดทะเล ซึ่งเป็นคาบสมุทรที่ใหญ่ที่สุด ล้อมรอบปกคลุมทั้งผืนแผ่นดินของทวีป “เซเบียน”
เรือนผมยาวเงางามสีน้ำตาลเข้มจัดที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ว่าได้รับการดูแลรักษามาอย่างดีสะบัดปลิวไหว พร้อมกับร่างที่ไม่สูงมากนักของหญิงคนหนึ่งกำลังวิ่งต้านทานแรงสายลม วิเอล่า เอเคิล ในวัยครบ 18 ปี ผู้มีสีหน้ามุ่งมั่นและท้าทายอยู่เสมอ มาพร้อมกับอีกคนที่กำลังพยายามวิ่งตามหลังเธอ แม้รู้ดีว่า ไม่สามารถวิ่งตามฝีเท้า “หญิงลมกรด” ผู้คว้าเหรียญทองจากโรงเรียนมัธยมปลายได้
“นี่!!! วีล่า ไม่เห็นต้องรีบร้อนขนาดนั้นเลยนี่ ร้านเสริมสวยมันไม่หนีไปไหนหรอกนะ” เสียงที่อดกลั้นมานานถึงคราวระเบิดออก เมื่อเธอเห็นว่าอย่างไรชาตินี้ก็คงไม่สามารถวิ่งตามเพื่อนหญิงคนนี้ทัน
“ไม่ได้หรอก คาธอเรีย ตอนนี้เวลาเป็นเงินเป็นทองนะยะ ฉันไม่ยอมเสียทุกวินาทีไปโดยเปล่าประโยชน์หรอก”
วิเอล่าหันหน้ามาเพียงครึ่งเดียวเพื่อตะโกนกลับ คิ้วที่โก่งสวยได้รูปขมวดเข้าหากันจนแทบจะกลายเป็นเงื่อนเส้นเล็ก เมื่อคาธอเรียเห็น เธอแกล้งส่งเสียถอนหายใจดังๆให้คนข้างหน้ารู้สึกตัว
“ยังไงก็เถอะ เห็นใจคนข้างหลังหน่อยสิ ใช่ว่าเธอวิ่งเร็ว แล้วคนอื่นจะวิ่งได้แบบเธอนะ” คาธอเรียเอ็ด
“งั้นก็วิ่งตามฉันให้ทันสิยะ” สาวหน้าเด็กกว่าอายุตะโกนกลับมาอีกครั้งอย่างไม่ลังเลใจ เธอไม่สนสักนิดเรื่องกลัวว่าเพื่อนสนิทจะต้องเจ็บปวดกับคำพูดอันไร้เยื่อใย
“นี่หล่อนเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”
“อ้าว เป็นเพื่อนกันมานานก็น่าจะรู้อยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” คนตะโกนเป็นครั้งที่สามยิ้มหัวเราะคิกคักอย่างนึกสนุก
อยู่ๆ เสียงย่ำตอกของรองเท้าส้นสูงที่มักตามมาข้างหลังก็หยุดชะงัก ทำให้วิเอล่าต้องหยุดฝีเท้าตนเองด้วยความสงสัย เธอเห็นคาธอเรียหยุดนิ่ง นึกว่าจะโกรธกันเสียแล้ว แต่กลับได้รับรอยยิ้มกว้างอย่างขี้เล่นและร่าเริงอยู่เสมอของสาวผมดำยาวนาม คาธอเรีย เกรียกราเนส หญิงร่างบางโล่งอก
“ก็รู้อยู่แล้วน่ะสิยะ ถึงได้หยอกเล่น” คาธอเรียเอ่ยเสียงใส ราวกับว่าใบหน้าจิ้มลิ้มที่สถิตดวงตากลมโตสีดำวาวนั้นไม่เคยมีความรู้สึกเคืองคดกันเลยแม้แต่น้อย เธอมักมีนิสัยขี้เล่นและเต็มไปด้วยอารมณ์ขันเสมอๆ
และนั่นทำให้หญิงสาวหน้าคมคายผสานความหวานที่ซ่อนอยู่คลายอาการตึงเครียด และคลี่รอยยิ้มน้อยๆตรงมุมปาก ทั้งวิเอล่าและคาธอเรียต่างก็เป็นหญิงที่จัดว่าหน้าตาดีในระดับหนึ่ง เพียงแต่พวกเธอมักไขว่คว้าหาความงามเพิ่มเติมจากการแต่งองค์ทรงเครื่องสวยๆราคาแพงและหมั่นไปร้านเสริมสวยบ่อยๆ
“แล้วเธอหยุดทำไมนั่น ฉันยังต้องไปร้านเสื้ออีกนะ”
คาธอเรียยิ้มกว้างขึ้นไปอีก แต่ด้วยความขบขัน “ถ้าฉันไม่หยุด เธอก็จะวิ่งเลยเถิดจนทำให้เวลาเป็นเงินเป็นทองของเธอเสียไปโดยเปล่าประโยชน์สิ” พูดจบก็ชี้ให้เห็น ป้ายที่ติดอยู่หน้าร้านกระจกใสที่อยู่ริมทาง สลักตัวอักษรสีทองฝังลงบนพื้นหลังสีดำสนิทเป็นคำว่า ยัวร์ส ออร์ เดย์
คนไม่ดูทางจ้องมองป้ายที่เด่นสะดุดตาอึ้งๆ ทั้งๆที่เธอและคาธอเรียเคยมาร้านนี้ด้วยกันแล้ว แต่ด้วยความใจร้อนแก้ไม่หาย ทำให้ดวงเนตรโตใสสีน้ำข้าวสว่างมองข้ามความเคยชินไปได้
“แหะๆ” วิเอล่าหัวเราะแห้งๆกลบเกลื่อน “งั้นก็รีบเข้าไปกันเถอะ”
คาธอเรียใช้ขาข้างหนึ่งที่สวมกางเกงยีนส์ผ้าหนาก้าวขึ้นบันไดขึ้นหนึ่ง ก่อนที่จะใช้มือผลักประตูกระจกนั้น
เสียงแหลมกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งสามอันห้อยเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงดังขึ้น เป็นอันรู้ว่าได้มีลูกค้ามาเยือนร้านแล้ว เสียงเก้าอี้ครูดเลื่อนไปด้านหลังดังตามขึ้นมาไม่กี่อึดใจ พร้อมทั้ง ร่างสูงโปร่งของชายวัยใกล้สามสิบ แต่หน้าละอ่อนคล้ายเพิ่งวัยเบญจเพศเดินออกมาหลังโต๊ะทำงานด้านในสุด แน่นอนว่าการที่เขาสวมเสื้อบางๆรัดรูปสีดำลายทางสีม่วง ทำให้เดากันไม่ยากว่า ร่างกายเพศบุรุษ หัวใจเพศสตรี
“ตายแล้ว!!! หวัดดีจ้า คุณน้องทั้งสอง” น้ำเสียงที่รู้ว่าดัดมาเรียบร้อยเอ่ยทักอย่างยินดีเป็นที่สุด สาวประเภทสองเจ้าของร้านวิกผมเสริมสวยสำหรับบุรุษและสตรีปรี่เข้ามาและให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเองทุกครั้ง ซึ่งคุณน้องทั้งสองที่ว่าก็ยิ้มตอบทักเสียงดัง
“หวัดดีค่า เจนนิเฟอร์”
“จะมากันทั้งที ทำไมไม่กริ๊งหากันก่อนล่ะจ้ะ เจ๊จะได้เตรียมตัวถูก” ชายใจหญิงนามแปลง เจนนิเฟอร์ ร้องบอกอย่างร้อนรน วิ่งวนซ้ายวนขวาจับต้นชนปลายไม่ถูก นิ้วมือทั้งสิบจีบไปมาอย่างฝึกหัดมาแล้ว ผมสั้นกุดไฮไลท์เป็นสีสันแสบตาจนหญิงลูกค้าประจำทั้งสองคิดว่า หากเดินกับเจ้าของร้านคนนี้กลางแดดจ้า คงอดไม่ได้ที่จะต้องหลบสายตาจากสีไฮไลท์ผมนั่น วิเอล่าและคาธอเรียยิ้มแฉ่ง
“เตรียมตงเตรียมตัวอะไรกันคะ แหม อย่างไรเสียพวกเราก็เป็นลูกค้าประจำ คนกันเองคุ้นหน้ากันดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพิธีรีตรองมากหรอกค่า” คาธอเรียพูดเสียงใส เธอลากเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานสำหรับลูกค้าแล้วนั่งตามสบาย
“โอ๊ยยยยยย!! ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เจ๊เพิ่งได้คุกกี้เนยรสดีราคาแพง กับใบชากลิ่นกุหลาบห๊อมหอมมา กะว่าจะให้พวกคุณน้องชิมตังหากล่ะจ๊ะ”
วิเอล่าพ่นลมออกมาทางจมูกเมื่อเห็นท่าทางสะดีดสะดิ้งเต้นไปเต้นมาของเจนนิเฟอร์ หล่อนยิ้มแสยะ “ฮั่นแน่ กะอวดล่ะสิ แหมมมม------” สาวนัยน์ตาสวยลากเสียงยาวอย่างรู้เท่าทัน
“อะไรกันจ๊ะ คุณน้องวีล่า นี่เจ๊เจตนาดีนะจ๊ะ อยากให้ทั้งสองคนได้กินของอร่อยๆ” เจนนิเฟอร์ปฎิเสธทันควันด้วยอาการส่ายมือไปมาอย่างเกินความจำเป็น แต่ก็ไม่ทำให้คนรู้ทันหุบยิ้มได้เลย
“คงไม่ใช่ว่าเจ๊สลับคุกกี้เนยกับคุกกี้เห่ยๆแล้วทำเป็นเอากล่องคุกกี้เนยมาอวดพวกเราอย่างเดียวหรอกนะคะ ว่าไงคะ เจ๊” เห็นวิเอล่าเริ่มหยอกก่อน หญิงร่าเริงจึงเอ่ยบ้าง ทำให้ทั้งคู่หัวเราะคิกคักไม่หยุด แต่เจนนิเฟอร์ท้าวสะเอวและทำเป็นส่ายหัวอย่างอารมณ์เสีย
“ฮึ้ยยยย!!! คุณน้องขา!!! เจ๊ไม่ได้เค็มเป็นเกลือคาบสมุทรเซเบียนนะจ๊ะ ถึงได้คิดแผนชั่วแบบนั้นขึ้นมาหลอกลูกค้าของเจ๊” เจ้าของร้านหน้าอ่อนสะบัดหน้าบิดก้นเดินไปยังประตูหลังร้าน “เจ๊ว่า คุณน้องทั้งสองนั่นล่ะที่จะทำ ถ้ามีอะไรมาให้เจ๊กิน”
สองเพื่อนสนิทยังคงขำกลิ้งต่อไปและพูดถึงเจ้าตัวที่เดินหายไปหลังร้าน ประตูกระจกหนาสีดำถูกผลักออก ร่างโปร่งของเจนนิเฟอร์ก้าวออกมายังหน้าร้านพร้อมจานขาวใส่คุกกี้ที่รองด้วยผ้าระบายลูกไม้ ชาร้อนๆมีควันลอยบางๆ ส่งกลิ่นหอมของกุหลาบออกมาเมื่อลองยกขึ้นดื่ม คุกกี้เนยก็อร่อยสมกับคำบรรยาย เป็นของว่างเบาๆที่เหมาะกับช่วงเวลาน้ำชายามบ่ายโดยแท้
“จริงสิ เจนนิเฟอร์คะ ทำไมไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยล่ะคะ ปกติเห็นมาทีไรเป็นต้องมีลูกค้าผู้หญิงอย่างน้อยคนหนึ่งนี่”
เจนนิเฟอร์วางถ้วยชาลง เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคาธอเรีย หญิงสาวเจ้าของคำถาม
“คุณน้องคาเรียขา------“ สาวเทียมกรีดนิ้วไปมาในท่าไขว่ห้าง “คุณน้องคิดว่านี่มันกี่โมงกันล่ะจ๊ะ”
น้ำเสียงที่ดัดแหลมสูงอยู่แล้ว กลับยิ่งแหลมจนแสบแก้วหูเข้าไปอีกจนทำให้คาธอเรียต้องชะงักสะดุ้งตกใจ เบิกนัยน์ตาจนโตเท่าไข่ไก่ “ก็เที่ยงกว่าๆ ทำไมล่ะคะ”
“หือออ-------- แล้วคุณน้องคิดเหรอจ๊ะ!! ว่าจะมีลูกค้าคนไหนเข้ามาอุดหนุนเจ๊ตอนเที่ยงๆแบบนี้” เจนนิเฟอร์กรี๊ดเสียงแหลม ทำหน้าทำตาบูดบึ้งออกอาการหัวเสียอย่างเกินเลยความจำเป็น “เขาก็ไปกินข้าวเที่ยงกันหมดแล้วจ้ะ!!!”
“แสดงว่า กว่าร้านเจ๊จะมีลูกค้าเข้ามาเต็ม ก็ต้องรอให้ถึงตอนบ่ายโมงหรือบ่ายสองอย่างนั้นใช่ไหม”
คู่กรณีที่กำลังถกเถียงต่างก็หันหน้ามาหาอีกร่างหนึ่งซึ่งเงียบเสียงไปนานมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คิ้วที่วาดจนสวยได้รูปแต่กลับหนาปึดของสาวประเภทสองเลิกขึ้นด้วยความงุนงง คาธอเรียมองวิเอล่าด้วยสายตาประหลาดใจ
“ก็ใช่น่ะสิจ๊ะ คุณน้องวีล่า”
วิเอล่ายืนพิงโต๊ะทำงาน หล่อนกอดอกและกระตุกยิ้ม “งั้น เจ๊ก็มีเวลาพอให้ฉันได้สักชั่วโมงครึ่งสินะ”
เจ้าของร้านผู้ปราณีตยิ่งสงสัยขึ้นไปอีก เขาหมุนคออย่างรวดเร็วเพื่อหันหน้ามาสบตากับคาธอเรีย ที่ออกอาการท่าทางเช่นเดียวกัน ทั้งคู่กำลังอยู่ในภาวะสับสนกับสิ่งที่หญิงตาสวยคนนี้บอก
“จริงสินะ คุณน้องพูดอย่างนี้ แสดงว่าต้องมีอะไรหนักๆมาให้เจ๊ทำแน่เลย ใช่ไหม”
“จะพูดอย่างนั้นก็ได้ แต่คงไม่หนักไปกว่างานที่เจ๊ทำอยู่เป็นประจำทุกวันหรอก ไม่ใช่แน่ๆ” ยิ่งใบหน้าของสาวคมกริบคนนี้ฉาบด้วยรอยยิ้มเลสนัยมากเท่าใด ยิ่งเพิ่มความสงสัยให้กับอีกสองร่างที่นั่งอยู่มากเท่านั้น
“ก็บอกมาสิจ๊ะ คุณน้องขา ฝอยอยู่นั่นล่ะ ไม่รู้รายละเอียดงาน เจ๊คงทำให้ไม่ได้หรอกจ่ะ!!” เจนนิเฟอร์หรี่ตาค้อนหน่อยๆ ทั้งยังทำหน้าสะบัดเชอะไปอีกทาง แต่ด้วยความที่รู้จักกันมานาน สำหรับลูกค้าประจำทั้งสองจึงเป็นเพียงท่าทางขำๆของเจ้าของร้านเท่านั้น
“ก็จะบอกอยู่นี่อย่างไรล่ะค้า------- เจ๊ทิฟฟานี่ ใจเร็วด่วนได้จริงๆ มิน่าล่ะ เจ๊ถึงตกรอบคัดเลือกเวทีประกวดสาวงามประเภทสอง” วิเอล่าหยอกเล่นนิดหน่อย ทำให้เพื่อนสาวที่นั่งข้างๆหลุดหัวเราะพรืด แต่ดูท่าทางว่าจะไม่ใช่ประโยคตลกๆล้อเล่นสำหรับผู้ถูกกล่าวถึง
“นี่!!!! คุณน้องขา!!!! เดี๊ยะเถอะ เอาเรื่องนี้มาพูด อยากกัดปากกับเจ๊เหรอยะ!!!” เป็นไปตามคาด เจนนิเฟอร์แหวเสียงแหลมเล็กและมีน้ำโหกว่าที่เคยทำผ่านๆมา แต่วิเอล่าก็ยังล้อเลียนต่อไปไม่หยุด
“ตายแล้ว!!!!! เจ๊คะ ฉันไม่ใช่ราคีนิยมอยากกัดปากกับนางงามทิฟฟานี่ตกรอบคัดเลือกหรอกนะคะ รสนิยมฉันต้องสมชายชาตรีแท้ไม่มีแปลกปลอมนะคะเจ๊” ไม่ว่าเปล่า หล่อนยังทำหน้าทำตาล้อเลียนได้อย่างสะใจอีกด้วย หากว่าไม่ใช่รู้จักกันมานาน วิเอล่า เอเคิล คงไม่มีสิทธิ์ย่างเท้าเข้ามาเหยียบร้าน____ได้อีกแม้แต่ในรัศมี 10 กิโลก็เถอะ
“กรี๊ดดดดด!!!!! ยัยคุณน้องวีล่า ปากกล้าหน้าอายยิ่งนัก ผู้ชายของเจ๊นะยะ!!!!” คราวนี้ ร่างโปร่งถึงกับลุกขึ้นยืนแสดงความมั่นคงของตนเอง
“ไหนๆ ผู้ชายของเจ๊ ไม่เห็นมี” คนกัดไม่หยุดเอามือป้องหน้าผากพลางทำท่ามองหาอะไรบางอย่าง “อ๊ะ มีแต่ผู้ฉิง ประกวดทิฟฟานี่ก็ไม่ผ่านรอบคัดเลือก”
ด้วยเสียงทั้งดังทั้งแหลมของเจนนิเฟอร์ บวกกับท่าทางทะเล้นไม่ยอมโตของวิเอล่า ทำให้ความลำบากทั้งหมดตกมาอยู่ที่คนนั่งตรงกลางระหว่างสงครามทั้งสองราวกับเป็นผู้แบกรับความวุ่นวาย คาธอเรียสะบัดผมยาวเงางามสีดำอย่างรำคาญใจ หญิงสาวนั่งท้าวคาง แล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่พลางอยู่ในห้วงความคิด
แม้ วิเอล่า จะมีหน้าตาที่สะสวยในฐานะของสาววัย 18 ปี แต่ด้วยความที่หล่อนมีนิสัยชอบแขวะกัดคนอื่นด้วยการขุดคุ้ยหาปมด้อยของคนๆนั้น แม้เจ้าหล่อนจะไม่ได้คิดร้ายอะไรเพราะความที่ยังเป็นเด็กไม่รู้จักโต แต่ผลกระทบทำให้วิเอล่าเป็นที่ขยาดและหวาดระแวงสำหรับผู้ชายตั้งแต่เรียนชั้นมัธยม ไม่ใช่ว่าเพื่อนหญิงคนนี้พูดจาโผงผาง เพียงแต่รักสนุกจนเกินไปเท่านั้น
ยิ่งวันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ทั้งๆที่จะมาขอให้เขาช่วยแท้ๆ แต่กลับปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์ คาธอเรียชอบที่จะเห็นวิเอล่ามีปากเสียงกับเจนนิเฟอร์ก็จริง แต่มันถึงเวลาแล้ว ที่ต้องมีใครสักคนลุกขึ้นมาเพื่อเตือนสติ
“ฉันไม่ได้อยากแทรกความบันเทิงอันน่ารื่นเริงใจนี่หรอกนะ แต่ถ้าฉันปล่อยไปแบบนี้ มีหวังคงไม่จบแม้จะปาเข้าไปบ่ายสาม” คาธอเรียตบมือเข้าหากันสองสามทีเพื่อเรียกความสนใจ ทำให้คู่ทะเลาะที่กำลังถึงพริกถึงขิงหยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมด
“ขอบใจที่เตือน คาเรีย แต่ฉันยังไม่สะใจพอ” วิเอล่าพูดเย้ยหยัน ขณะนี้สีหน้าของเธอช่างเป็นนางมารร้ายเสียจริง
“เจ๊น่ะ ชอบนะจ๊ะไม่ใช่ไม่ชอบ กัดกับคุณน้องวีล่าทีไร เจ๊ได้คำศัพท์ปากด๊อกใหม่ๆมาเพียบ” คราวนี้ฝ่ายหญิงเทียมเอ่ยพร้อมเสียงหัวเราะแหลมๆ
“เหรอ รักหมาอยู่แล้วค่ะ ฉันก็ต้องขอขอบคุณเจ๊เหมือนกันนะคะ ที่สอนให้รู้ว่าสาวทิฟฟานี่ที่ตกรอบ ชอบฝันว่าตัวเองได้มงกุฎนางงามมาครอง แต่ ฝัน ยังไงก็เป็นได้แค่ ฝัน” วิเอล่าย้อนกลับด้วยท่าทางและคำพูดอย่างเหนือกว่า
คนถูกว่าเหน็บแนมกัดฟันกรอด ส่งเสียงไม่พอใจ คาธอเรียเห็นแล้วก็ต้องกุมขมับ ทั้งๆที่เธอเองก็อยากจะมีส่วนร่วม แต่ในตอนนี้ไม่ใช่เวลาสำหรับการสนับสนุนคู่ทะเลาะ
“เลิกกัดกันเสียทีเถอะ วีล่า ถ้าเธอยังอยากจะเป็นผู้ชาย”
แล้วอยู่ๆ เสียงที่ดังก้องร้านกระจกก็เงียบหายไปเสียสนิท ไร้ซึ่งเสียงใดๆนอกจากเสียงรถยนต์ข้างนอกเท่านั้น
เจ้าของร้านปากเก่งกล้าที่เมื่อครู่ยังต่อกรกับสาวหัวไวได้อย่างไม่มีหยุดพักและไม่มีมุขตัน ในตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่ากำลังอยู่ในท่าอ้าปากค้าง ทุกอิริยาบถ แม้กระทั่งนิ้วมือที่กรีดกรายยังต้องหยุดค้างกลางอากาศในท่าจีบกระจับดัดจริต แสดงให้เห็นถึงความตกใจอย่างที่สุด ยิ่งนิสัยของเจนนิเฟอร์ก็ชอบทำตัวโอเวอร์อยู่แล้ว คราวนี้ก็ยิ่งออกท่าออกทางจนเหมือนจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ วิเอล่ามองกิริยาอาการนั้นแล้วถอนหายใจหน่ายๆ
“เอาเข้าไป พูดเหมือนกับฉันผิดปกติทางจิตอย่างนั้นแหละ”
“ก็จริงนี่ ฉันพูดผิดตรงไหน”
“นี่ๆๆๆๆๆ เดี๋ยวก่อนนะคุณน้องขา” แล้วเจนนิเฟอร์ก็ตั้งสติได้อีกครั้ง น้ำเสียงบอกถึงอาการร้อนรนและกระหายอยากจะฟังรายละเอียด “คุณน้องคาเรีย บอกว่าคุณน้องวีล่าอยากเป็นผู้ชายเหรอจ๊ะ” เขาชี้ไปที่คาธอเรียที วิเอล่าที แล้วทำหน้าอย่างไม่เชื่อที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมา คาธอเรียพยักหน้าสองที
“โอ ไม่ ไม่นะๆ” เจนนิเฟอร์ส่ายหัวพรึ่บพรั่บ ก้าวถอยห่างจากคู่สนทนาผู้ถูกคิดว่าอยากแปลงเพศ “คุณน้องวีล่า นี่คุณน้องแปรพรรค คิดเป็นทอมเป็นเลสเบี้ยนแล้วเหรอจ๊ะ เจ๊นึกว่าคุณน้องไม่ชอบเสียอีก นี่มันอะไรกันนี่ เจ๊น่ะ เป็นช่างเสริมสวยนะจ๊ะ ไม่ใช่ช่างศัลยกรรม จะได้มานั่งผ่าตัดเอาไอ้นั่นออกเอาไอ้นี่เติมให้คุณน้องได้”
“โอ๊ยยยยยยยยย!!!!!! ใครบอกกันคะว่าฉันจะมาขอให้เจ๊ช่วยผ่าตัดแปลงเพศให้ฉัน!!!! แล้วเรื่องเลสเบี้ยนนั่นเลิกคิดไปได้เลย บอกแล้วไงคะว่า ฉัน---เกลียด---เลส---เบี้ยน-----“
ดวงหน้าหวานคมถึงคราวบูดบึ้ง เพียงแว่บเดียวก็มองออกได้อย่างทะลุปรุโปร่งว่าหล่อนหัวเสียมากแค่ไหน วิเอล่าสะบัดมือทั้งสองข้าง ทำท่าราวกับจะอาละวาด ลงท้ายประโยคมีเสียงแสดงถึงความไม่พอใจเอามากๆแฝงอยู่ด้วย
“อ้าว แล้วคุณน้องอยากจะเป็นชายทำไมล่ะจ๊ะ” ช่างเสริมสวยเอ่ยถาม คิ้วเข้มทั้งสองข้างขมวดย่นจนแทบจะติดกัน
“ไม่ได้อยากเป็นชาย คาเรีย พูดอะไรให้มันเคลียร์หน่อยสิยะ แบบนี้เขาก็คิดว่าฉันวิปริตพอดี” คนโดนเข้าใจผิดหันไปต่อว่าต่อพ้อกับเพื่อนผู้แสนดี ที่กำลังนั่งหัวเราะ
“ฉันก็เคลียร์แล้วนะยะ เธอก็พูดแบบนี้กับฉัน ว่า อยากเป็นผู้ชาย”
“ไม่ใช่ย่ะ!!!! คนละเรื่องกันแล้ว ฟังนะคะเจ๊” วิเอล่าหันไปคว้าไหล่กว้างทั้งสองข้างของเจนนิเฟอร์แล้วจับมาเขย่าเบาๆเพื่อเรียกสติ “ฟังอยู่จ๊ะๆ คุณน้องขา” เสียงตะกุกตะกักเล็กๆร้องบอก เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกเลยว่าตกลงลูกค้ามากเรื่องคนนี้ต้องการให้เขาทำอะไรกันแน่
สาวผมยาวที่บัดนี้คลอเคลียไปกับโต๊ะทำงานเต็มไปด้วยความตั้งใจจริง แม้ว่าสีหน้าของเธอดูดีนักในยามนี้ แต่ก็เทียบไม่ได้ กับดวงตาคู่สวยสะดุดใจ ยิ่งใกล้แบบนี้ยิ่งมองเห็นชัด สีน้ำข้าวสว่างสุกใส ดั่งต้องมนต์สะกดให้กับความงามอย่างอธิบายไม่ถูก แพขนตายาว งอนเป็นธรรมชาติก็ด้วย เข้ากันดีนักกับเจ้าของเนตรสลักนั้น
“ฉันต้องการปลอมตัวเป็นผู้ชาย”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ตอนแรกมาแล้วคะ ^^~ นี่อาจเป็นฟิคที่รู้สึกได้ว่าเขียนได้ลื่นไหลมากที่สุดเท่าที่เคยแต่งมาก็ได้ สมองปลอดโปร่งมากจริงๆค่ะ >////< (แบบนี้มีหวังแล้วสินะ ว่าจะได้แต่งจนจบ TT^TT) แต่ตัวละครชายยังไม่ออกเลยสักกะตัว......(ยกเว้นเจนนิเฟอร์ที่....-_,-"") ก็เลยต้องเพลิดเพลินไปกับตัวละครหญิงก่อนนะคะ ^[]^"" ขอบคุณทุกๆคนมากค่ะที่เข้ามาอ่าน ยินดีมากๆเลยค่ะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น