หลุด-ลอย
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมหัดเขียนนะคับผิดผลาดประการได้ ขอโทษด้วยคับ
ผู้เข้าชมรวม
432
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ตอน 1 อุบัติเหตุ
การเรียนวิชาศิลปะต้องใช่จิตใจในการวาด ต้องมีวิธีการลงสีที่ดี คํากล่าวของอาจารย์ประจําชั่นในช่วงเที่ยงภายใน
ห้องเรียนกว้างที่มีโต๊ะเรียน30ตัว กลางห้องมี่เเจกันทรงสูงสีขาวไร้สิ้นลวดลายอะไรกับดอกทิวลิปสีขาวที่ปักอยู่
กลิ่นสีที่สุดจะเหม็นน่าสะอิดสะเอียนจากนักเรียนที่ฝึกการวาดภาพ ทุกคนตั้งน่าตั้งตาสเก็ตภาพโดยใช่ดินสอ2Bเเล้วลงสี
มันชั่งเป็นสิ่งที่น่าเหนื่อยหนาใจเสียยิ่งนักช่วงเวลาที่ เเสนจะยาวนานเสียจริงเเต่วิชานี้เรียนกันเพียงเเค่1ชั่วโมง
ผมก็เป็นนักเรียนผู้หนึ่งที่ เข้าเรียนในวิชาที่เเสนน่าเบื่อไร้ซึ่งความใฝ่รู้เเละกระหายในการเรียน เมื่อไร่หนาชั่วโมงที่
น่าเหนื่อยหนานี้จะจบสิ้นเสียที ผมเพาวนาให้มันผ่านพ้นไปเสียที
ลืมไปผมชื่อ ชนิจ เพื่อนชอบเรียกว่า นิจ เป็นนักศึกษาวิชาออกเเบบภายใน มหาลัยศิลปากรตอนนี้
ผมกําลังอยุ่ในชั่วโมงที่เเสนจะเบื่อหนานี้อยากให้มันหลุดพ้นไปจากที่เเห่งนี้เสียทีห้องสีเหลี่ยมที่มีคนนั้งร้อมวงกันวาดรูป
รูปเจ้าดอกไม้ประหนึ่งเหมือนกับว่า เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต้องเก็บภาพนั้นไว้โดยไม่อยากให้หายไปจากความทรงจํากลัว
เหมือนว่าจะสูญสิ้นไปจากชีวิตนั้นละประหนึ่งเหมือนว่าดอกไม้นั้นเป็นความงามเพียงหนึ่งเดียว
เเล้วสิ่งที่รอค่อยก็มาถึงอาจารย์เดินมาใส่รองเท้าคัชชูดังภายในห้องที่เงียบไปด้วยสมาธิ
ของนักศึกษา กล่าวว่า นักศึกษาทุกคนสเก็ตภาพเสร็จรึยัง
ทุกคนมองที่อาจารย์เป็นสายตาเดียวกัน
วันนี้พอเเค่นี้ก่อนไว้คราวน่าค่อยเอางานมาส่งอีกครั้งนะ
นี่ละเป็นคําที่ผมเฝ้ารอมานาน อยากให้คํานี้มาถึงอย่างใจจดใจจ่อ
เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิตผมไว้ มันชั่งดีเสียจริง ผมตัวลอยรีบเดินออกจากห้องด้วยความ
เบิกบานใจบอกกับ ตัวเองว่าเรารอสิ่งนี้มานานเเล้วช่วงเวลาที่เเสนจะทรมานเราผ่านพ้นมันมา
ได้เเล้ว ผมเดินพร้อมกับรูปที่ตัวเอง สเก็ตภาพดอกทิวลิปสีขาวซึ่งลงรายละเอียดเสร็จสบูรณ์
เเรเงาครบท้วนเหลือเเค่ส่งเท่านั้น ผมวาดรูปเสร็จตั้งเเต่30นาทีเเล้วเเต่ไม่สามารถออกจากห้อง
ไปได้ ต้องติดอยู่ในห่วงเวลาเเห่งความเบื่อหนายจิตใจล่องลอยไปไหนต่อไหนลอยไปหา
สิ่งที่คิดจะทําในภายภาคน่า คิดว่าคืนนี้จะทําอะไรดี
คิดถึงชั่วโมงต่อไป ตอนนี้ตัวผมพ้นออกจากห้องเรียนที่เป็นห้องสีเหลี่ยมไร้ซึ่งอิสระ
ออกมาสู่ข้างนอกที่ไร้ซึ่งพันธต่างๆ
เฮ้ย! นิจ เรียนเสร็จเเล้วรึ ไอ้ต้อมเพื่อนผมทักด้วยความเยอะเย้ยเหมือนมันรู้ว่าวิชานี้ ผมเบื่อ
หนาเสียยิ่ง
มันพูดต่อ ไปข้างนอกกันไหม ข้าจะพาเเกออกไปเที่ยวหวะ ช่วงเที่ยงเองไม่มีเรียนเเล้วนี่
เออ สิไอ้ต้อม ข้าไม่มีเรียนเเล้ว เองจะชวนข้าไปไหนละ
ต้อมซะอย่าง มีที่ดีๆให้ไปละน่า สิ้นสุดคําพูดของต้อม
ผมก็เริ่ม คิดในใจว่าไอ้เพื่อนคนนี้มันจะชวนเราไปไหน
เออๆ เอาก็เอานะไปไหนไปกัน สิ้นสุดการต่อรองทางคําพูดผมเดินตามไอ้ต้อมไปด้วยความ
อยากรู้
เราทั้ง2เดินออกมาหลังมหาลัยศิลปกร อากาศที่เเสนร้อนในช่วงทําให้ผมยกเเขนซ้ายขึ้นมา
มองดูนาฟิกา จ้องมองดูที่น่าปัดบอกเวลาว่า บ่ายกว่าเเล้วรึ
เราทั้งสองเดินกันจนถึงสะพานลอย เห็นป้ายติดที่ทางขึ้นว่า "ห้ามเข้ากําลังปรับปรุง"
ต้อมพูดขึ้นว่า จะมาซ้อมอะไรกันตอนนี้เนี่ย ต้องลงเดินข้ามถนนเเล้วเพื่อนเอ้ย
เเล้วมันยังไม่ถึงอีกรึไอ้ต้อมข้าชักอยากจะกับหอเเล้วนะโว้ย ร้อนก็ร้อน เอาน่าเเกข้ามนิด
เดียว วันนี้ข้ารู้ว่าเองเจอเรื่องอะไรเบื่อมาเยอะจะพาเเกที่ที่เเกคิดไม่ถึงละจะบอกให้
เดียวก็รู้เองว่าอะไร สิ้นคําพูดของต้อม
ผมถือของชักพลุงพลังเสียนี่ทั้งกล่องใส่สีดินสอ อีกมือขาวไม่ว่างเอ้าซะเลย
เอาก็เอาเดียวไม่ได้เรื่องอะไรเเกโดนเเน่ไอ้ต้อม ผมพูดด้วยเสียงที่ขู่ว่าถ้ามันไม่เด็ดจริงๆนะ
น่าดูชมเเน่
ต้อมมองซ้ายมองขาวอย่างระมัดระวังเเล้วมันวิ่งข้ามถนนไปอีกฝากหนึ่งยืนมองดูผมถือ
ของอยู่ มันไม่เคยคิดจะรอที่จะช่วยถือของให้หรือข้ามไปด้วยกันเลยมันกับวิ่งไปด้วยความเร็ว
ผมได้เเต่มองดูมันวิ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ใจก็คิดว่าไม่เคยคิดจะรอกันเลย
ผมเลย ผมตะโกนส่งเสียงดังไปอีกฝากของถนน เรียกมันให้รอเเต่มันก็อยู่อีก มันยืนพิงกับ
ต้นมะขามเเถวสนามหลวง มันเรียกผมให้ข้ามมา เสียงของมันดังเเหวกฝ่าอากาศ
อีกฝ้ากหนึ่ง ของถนนมาหาผม
ผม มองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีเเม้เเต่รถเลยซักคันมีก็เเต่รถที่อยู่ห่างไกลผมนัก ผมตัดสินใจวิ่ง
ขณะนั้นเสียววินาทีหนึ่งผมได้ยินเสียงไอ้ต้อมพูดว่า "ไอ้นิจ ระวังรถ" ผมไม่ได้ยินอะไรเลย
กับคิดเสียอีกว่ารถ อะไรของเองหวะ เเต่ไม่ทันการเเล้วรถคันนั้นออกมาจากซอยด้วยความ
เร็วไม่มีเเม้เเต่ความ ระมัดระวัง ประจวบเหมาะกับผมวิ่งข้ามพอดิบพอดี ไอ้ต้อมเเกคิดไปเอง
ละอย่าโกหกเลย ข้ามองดีเเล้วหน้า เเต่มันไม่ใช่สิ รถเก๋งโตโยต้าพุ่งเข้ามา สายตาของผม
เห็นว่ามันเป็นเเค่วัตถุสีดําไม่เเม้เเต่รวดราย อะไรหนะ วัตถุที่มีความเร็วไร้ซึ่งความรู้สึกไร้ซึ่ง
ความนึกคิดมีเพียงมนุษร์ที่สามารถบังคับมันได้ ไม่มีเเม้กระทั้งจิตใจ
วัตถุที่เป็นสีดํามีเสียงนั้น ไม่มีการที่จะส่งเสียงเตือบอกกล่าวถึงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นอีกภาย
ในเสี่ยววินาทีหนึ่ง เครื่องจักรที่มีความเร็วเเละเเรงนั้นตอนนี้มันพุ่งเข้า
ปะทะร่างผมอย่างจังไม่มีเวลาเตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่มีเเม้เเต่คําขอร้อง สิ่งเเรกที่ความรู้สึก
คิดได้ รู้สึกเหมือนกระดูกหัก ร่างกายสัมผัสถึงเเรงอัดกระเเทกที่มหาสาร เสียงกระดูกเเตก
ละเอียดคล้ายกับโดนรถบท บททับกระดูก
ร่างกายรับรู้ถึงความเจ็บปวด ร่างที่มีความรู้สึกลอยขึ้นกระเเทกกับกระจกของรถอย่างจัง
ข้าวของที่อยุ่ในมือลอยกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ประสาทสัมผัสทั้ง5รับรู้หมดถึงสิ่ง
ที่เรียกว่าความทรมาน
เเล้วสั่งการไปยังสมองบอกผมว่า เจ็บปวด ทรมาน วินาทีนี่หรอที่เรียกว่าความเป็นความตาย
สิ้นเสียงเบรคของรถเก๋ง ร่างผมกลิ้งลงมาที่พื้น นอนหงายน่าขึ้นบนฟ้าตอนนี้ เลือดใน
ปากออกมาดวงตาเบิกกว้าง มือเเทบจะ กระดิกไม่ได้ มันชั่งเเสนทรมานวินาทีที่ชั่งไม่เคย
มาทักทายเราเลยจะมาก็มาไม่เคยส่งสัญญาอะไรเลยที่ปวดร้าว วินาทีเเห่งความเจ็บปวด
เสียงกรีดร้องของผู้คนที่พบเห็นเหตุการ เสียงผู้คนในเเถวระเเวกนั้นต่าง
บอก เร็วรีบเรียก
รถพยาบาลที
เขากําลังจะตายเเล้ว! ด่วนเลยเร็วๆช่วยคนเจ็บหน่อยเร็ว
ตอนนั้นผมรู้สึก ถึงคําว่า นี่หรือความเป็นเเละความตาย เราได้ลิ้มรสมันเข้าเเล้วหรือ จะอยุ่
หรือไปเท่านั้นหรือ นี่เราจะมาจบที่อายุเท่านี้หรอ ไม่นะไม่ มือข้างซ้ายที่ยังเคยยกนาฟิกาดู
ได้
ตอนนี้กลับใช่การไม่ได้เสียเลย นาฟิกาถูกเเรงกระเเทกเข็ดหลุกไม่เป็นชิ้นดีกลไกการทํา
งานของได้หยุดลงเเต่เพียงเท่านี้ หวนคิดว่านี้เราคงหมด เวลาสําหรับโลกใบนี้เเล้วหรือ "เเต่"
ไม่สิผมยังมีชีวิตอยู่ผมยังมีลมหายใจ เเต่จิตใต้สํานึกกําลังกดให้ผมยอดรับความจริง
ประการหนึ่ง บอกถึงความจริงว่า ผมกําลังจะตาย?
อ่านต่อตอนที่1 คับ ชื่อตอนอะไรเดียวจะมาบอกนะคับ
ผลงานอื่นๆ ของ เเก่นคอย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ เเก่นคอย
ความคิดเห็น