ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Diary ครั้งหนึ่งของความทรงจำ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 49


                    ผมอยู่ที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก คนที่นี่พากันพูดถึง ส้ม เขากล่าวดูถูกเหยียดหยามเธอ

    ว่าเป็นพวกมั่วผู้ชาย เขาว่าส้มติดยาสมควรแล้วที่ต้องจบชีวิตลง ผมฟังคำเหล่านั้นก็ขมวดคิ้วหนา

    เข้าด้วยกัน

     
                  
    "อย่าไปสนใจคนเขาพูดกันเลย"มิ้มซึ่งรู้จักผมดีบอก "เรื่องมันผ่านมาแล้วมันไม่เกี่ยวกับแก

    อีก
    "


                   
    "เธอเคยเป็นเพื่อนที่เรารัก เพื่อนที่กลายเป็นชีวิตประจำวันของเราแล้วเราก็เป็นคนฆ่าเธอ

    กับมือ แล้วแกจะว่าไม่เกี่ยวกับเราได้หรือ
    "


                   
    ผมรู้ว่ามิ้มไม่ได้ตั้งใจทำให้ผมโกรธ เพียงแต่...นั่นล่ะ ผมเองก็รู้ตัวดี รู้ดียิ่งกว่าใคร ว่าต่อ

    ให้กาลเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงไหน หรือผมจะพบเจอผู้คนมากมายเพียงใด ผมก็คงไม่มี

    ทางลืมเรื่องราวเหล่านั้นได้



                   
    .......ไม่อาจลืมได้อย่างแน่นอน........


    ............................................................

                   

                  
    เมื่อ 16 ปีที่แล้วย้อนไปสู่ช่วงเวลาในชีวิตของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อ
    "ส้ม" ตอนนี้เด็ก

    หญิงส้มอายุ4ขวบ 11เดือนกับอีก30วัน อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าก็จะเป็นวันเกิดของเธอ ส้มดีใจมาก

    จึงคิดที่จะชวนพ่อ แม่ ยาย และโต๋เพื่อนเพียงคนเดียวของเธอมาร่วมฉลองวันเกิด เด็กน้อยวิ่งจาก

    สนามกีฬาตรงดิ่งมายังบ้านเพื่อบอกความคิดของเธอให้โลกได้รับรู้ เอ้ย ให้ครอบครัวได้รับรู้ต่าง

    หาก ที่บ้าน เธอพบเพียงความว่างปล่าวเหลือเพียงยายเท่านั้นที่นั่งอยู่บนแคร่ริมต้นส้ม ต้นส้มนี้

    ปลูกวันเดียวกับวันที่เธอเกิด เธอจึงได้ชื่อนี้มา ส้มรักต้นส้มนี้มากเธอมักจะมาปีนป่ายมันกับโต๋

    เสมอและอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าต้นส้มนี้ก็จะอายุ5ปีเท่ากับเธอแล้ว แต่วันนี้มีเพียงยายเท่านั้นที่นั่ง

    รอเธอ ส้มวิ่งรี่เข้าไปหาคุณยายทันที ยายเมื่อเห็นหลานสาวสุดที่รักก็คว้าเข้ามากอดแนบอก

    ยายกอดอยู่นานจนเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนเริ่มขยุกขยิก ยายถอนหายใจยาวก่อนกระซิบเบาๆที่ข้างหู

    ส้ม


                   
    "ส้มเอ๋ย พ่อกับแม่ของหลานแยกทางกันแล้ว ต่อไปนี้ส้มจะต้องอยู่กับยายนะ"


                   
    "ทำไมพ่อกับแม่ไม่พาส้มไปเที่ยวด้วยล่ะคะ แอบไปกัน 2 คน"เด็กหญิงถามกลับด้วยความ

    ไม่รู้ แต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้น้ำอุ่นใสๆไหลซึมจากแพขนตาที่ค่อยๆปิดลงช้าๆราวกับ

    จะระลึกถึงความหลัง


                   
    วันที่ส้มอายุ 5 ปีนี่เองคือวันที่เธอได้สูญเสียที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจไป เธอไม่รู้หรอกว่าอีก

    นานแสนนานเพียงใดกว่าที่เธอจะได้พบหน้าพ่อและแม่อีกครั้ง




                   
    เวลาล่วงเลยมาจนถึงช่วงที่ส้มกำลังเลื่อนขึ้นชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ส้มเติบโตมาอย่าง

    สมบูรณ์ มีความสุขดีถึงแม้ว่าในใจลึกๆเธอจะเหงาและขาดส่วนเติมเต็มที่สำคัญไป เธอเป็นเด็ก

    เรียนดี  หน้าตาสะสวย 7 ปีมานี้ส้มมี โต๋ เพื่อนในวัยเด็กอยู่เคียงข้าง ไม่ว่าเวลาที่เธอมีความสุข เวลา

    ที่เธอท้อแท้ เวลาที่เธอเหงา เศร้าโต๋จะคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ส้มเองก็รู้สึกสบายใจเมื่อได้อยู่กับ

    โต๋ ปีนี้ส้มคิดเหมือนที่เด็กคนอื่นๆเขาคิดกัน นั่นคือการมีครอบครัวที่อบอุ่น เธอจึงปรึกษาเพื่อน

    สนิทอย่างโต๋ ซึ่งโต๋ก็เห็นด้วยโดยอาสาไปสอบถามที่อยู่ของพ่อ-แม่ส้มมาให้ หนุ่มน้อยใช้เวลา

    อาทิตย์กว่าๆในการสอบถามและก็ไม่รอดมือของโต๋ไปได้ โต๋ได้ที่อยู่มาแล้วและกำลังพาส้มไปหา

    คนที่เธอคำนึงหามากที่สุด


                   
    แม่ของส้มพักอยู่คอนโดมิเนียมใจกลางเมืองแม่สอด เป็นคอนโดสูง 10 ชั้น ทางเข้า

    ประดับด้วยดอกไม้หลากชนิด จากที่สังเกตผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนมากเป็นผู้มีอันจะกิน เพราะจาก

    สถานที่ที่ดูหรูหราประกอบกับราคาเช่าต่อเดือนที่สุดแสนจะแพงยิ่งเสริมความคิดนี้อย่างหลีกเลี่ยง

    ไม่ได้ แม่ของส้มพักอยู่ชั้นที่ 9โต๋พาส้มขึ้นบันไดจากชั้น 1ขึ้นไปถึงชั้น 9เพราะเขาใช้ลิฟต์ไม่เป็น

    โต๋ปล่อยให้ส้มเข้าไปหาแม่ของเธอเพียงลำพังโดยที่ตนเองนั่งรออยู่ด้านนอก เวลาผ่านไปซักครึ่ง

    ชั่วโมงประตูบานนั้นก็ถูกเปิดขึ้นอีกครั้ง โดยที่มีร่างบางของส้มวิ่งพ้นออกมา โตรีบวิ่งตามไปทันที

    และไถ่ถามความเป็นไป


                   
    "แม่บอกว่าส้มเป็นลูกที่แม่ไม่ต้องการ แม่ไม่ให้ส้มอยู่ด้วย แม่ไล่ส้ม..."เธอเล่าพลางสะอึก

    สะอื้น ใบหน้าสวยเปื้อนไปด้วยน้ำตา


                   
    "ไม่เป็นไรนะ ส้มยังมีเรา ยังมียาย ยังมีพ่อด้วยนะ ถ้าส้มร้องไห้อย่างนี้เราจะพาส้มไปหา

    พ่อได้อย่างไร พ่อของส้มต้องไม่ชอบใจแน่ที่เห็นลูกสาวของตัวเองร้องไห้
    "โต๋ปลอบใจพลางฉุด

    ให้ส้มลุกขึ้นมาและพาเธอไปพบพ่อคนสำคัญของส้มอีกคน


                   
    พ่อของส้มเช่าห้องพักโทรมๆอยู่นอกเมืองแม่สอด เป็นตึกเก่าๆ4ชั้น สีของผนังกระเทาะ

    ออกเป็นแผ่น ข้างๆทางมีกลุ่มวินมอเตอร์ไซด์จับกลุ่มเล่นหมากรุกกันเสียงดัง โต๋พาส้มเดิน

    ผ่านกลุ่ม    วินมอเตอร์ไซด์ตรงไปยังชั้น 2 เพื่อพาส้มไปพบพ่อของเธอ โต๋ส่งเธอหาพ่อก็นั่งรออยู่

    ข้างนอก ในใจภาวนาไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำเดิมอีก เวลาผ่านไปราวๆ 10 นาที ประตูก็ถูกเปิดออก

    คราวนี้ส้มไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายเหมือนครั้งแรก แต่บนใบหน้าเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตาที่กำลังไหล

    รินเงียบๆ โต๋รีบฉุดแขนส้มไปยังสนามเด็กเล่นของโรงเรียนประจำหมู่บ้านซึ่งไม่มีวี่แววของเด็ก

    นักเรียนเพราะโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก ชุดอุปกรณ์การเล่นมีน้อยและมีสภาพทรุดโทรม

    โต๋พาส้มไปนั่งชิงช้าตัวเดิมที่พวกเขามักจะมานั่งเล่นกันเป็นประจำพลางโอบกอดเด็กสาวเอาไว้

    ในอ้อมแขน ปล่อยให้เด็กหญิงร้องไห้ออกมาให้พอ


                   
    "พ่อบอกว่า พ่อลืมไปแล้วว่ามีส้มอยู่ พ่อบอกให้ส้มไปอยู่กับแม่...."เด็กหญิงเล่า น้ำตาที่

    เหือดแห้งไปกลับรื้นมาอีกครั้ง


                   "ส้มยังมียายนะ ยังมีเรา มีพ่อแม่ของเรานะ เราจะอยู่กับส้มตลอดไปนะ"โต๋เอ่ยขึ้นพลางซับน้ำตาให้เด็กหญิง


                   
    "โต๋จะอยู่กับส้มตลอดไปใช่ไหม?"


                  "ใช่..โต๋สัญญานะ แต่ว่าตอนนี้เราหิวแล้วล่ะ เราไปหาอะไรกินกันดีกว่านะ เราว่ายายของ

    ส้มต้องทำอาหารอร่อยๆไว้รอแน่ๆเลย
    "ไม่ว่าปล่าวรีบฉุดแขนของเด็กหญิงวิ่งไปจนถึงบ้าน


                   
    เหมือนฟ้ากลั่นแกล้ง ที่บ้านเมื่อทั้งสองกลับไปถึงก็ได้ทราบข่าวใหม่ พ่อกับแม่ของโต๋จะ

    ย้ายบ้านวันนี้ ตอนนี้เก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงแค่โต๋เดินขึ้นรถไปเท่านั้นก็จะทำลายสิ่ง

    ที่เคยสัญญาไว้ทันที แม่เดินมาจูงมือโต๋ขึ้นรถ  กล่าวลายายและส้มก่อนจะออกรถไป ส้มตอนนี้ไม่มี

    ทั้งพ่อและแม่ที่เป็นที่ต้องการเธอหวังจะยึดโต๋เพื่อนรักเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางใจแต่ตอนนี้หลักพิง

    ของเธอกำลังจะจากเธอไปไกลแสนไกลโดยที่ไม่มีโอกาสได้พูดร่ำลากันสักคำ ส้มร้องไห้พลาง

    ตะโกนถึงสัญญาที่เคยให้ไว้ ตะโกนถึงความรู้สึกของเธอ จนเสียงของเธอไปไม่ถึงเด็กผู้ชายอัน

    เป็นที่รัก



                   
    โต๋นั่งในรถน้ำตาไหลพราก แต่ก็มิได้หลุดสะอื้น เขาเพียงปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆ ไหล

    จนกว่าความเศร้าเสียใจจะหมดไป




                   
    ......อีกนานเหลือเกินกว่าที่พวกเขาจะพบกันอีกครั้ง

                   


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×