คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : : 1 : 'เธอต้องคุกเข่าขอโทษฉัน'
บทที่ 1
“รายงาน ?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงในขณะที่เจ้าตัวกำลังพูด
ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มระรื่นเบิกบานใจ พร้อมกับมือเรียวที่แบราบและยื่นมาตรงหน้ารอรับสิ่งที่ต้องการ
ทำให้ฉันต้องส่งรายงานเล่มหนาที่นั่งปั่น(อย่างลวกๆ)ตั้งแต่หัวค่ำยันเที่ยงคืนให้เพื่อนสาวที่บัดนี้หน้าระรื่นอยู่ข้างๆ
รายงานปึกใหญ่คล้ายจะเป็นตัวแทนแห่งความซวยอย่างไรอย่างนั้น
ลองคิดดูสิ.. ถ้าไม่มีรายงานเล่มนั้น เปียโนคงไม่ต้องไปซื้อข้าวให้ฉันและคงไม่ซุ่มซ่ามไปทำน้ำหกใส่คนอื่นแบบเมื่อวาน
ฉันจะได้ไม่ต้องไปยืนทำสงครามกลางโรงอาหารท่ามกลางสายตาประชาชีและมิตรสหายทั้งหลาย
ฉันมีเรื่องกับไอ้หัวแดงนั่นเพราะรายงานของอาจารย์แท้ๆ - -^
“อย่าลืมนะ เลี้ยงข้าวหนึ่งอาทิตย์”
“จ้าๆ ไม่ลืมหรอกน่า ~” เปียโนตอบเสียงใสก่อนจะรับรายงานไปเก็บใส่กระเป๋าเป้สีทองวิ้งวับของเจ้าหล่อนอย่างรื่นเริงบันเทิงจิต
ก่อนจะหันมาทางฉันพร้อมกับใบหน้าฉงนสงสัย “ว่าแต่เช้านี้แกกินอะไรมายัง
?”
“...” ฉันไม่ได้ตอบเป็นคำพูดแต่ส่ายหน้าปฏิเสธไปมา ด้วยความที่ฉันตั้งเวลานาฬิกาผิด
ทำให้มันเดินเร็วไปหนึ่งชั่วโมง ตอนตื่นขึ้นมาฉันคิดว่าสายแล้วจึงรีบวิ่งแจ้นมาโรงเรียนโดยไม่ได้กินอะไรก่อนออกมาจากบ้าน
แต่เมื่อมาถึงโรงเรียนถึงได้รู้ตัวว่าตั้งนาฬิกาผิด เฮ้อ..
เหนื่อยใจกับตัวเองจริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น.. เดี๋ยวฉันเลี้ยง !
เคป้ะ ? ^^” ไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร
เปียโนก็คว้าข้อมือฉันและลากให้เดินตามไปที่โรงอาหารทันที
แล้วหล่อนจะถามทำไม(วะ)คะ
!?
ระหว่างทางที่เดินเนิบๆไปที่โรงอาหาร
มีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมองมาตลอด
ถ้าให้เดาก็คงเรื่องสงครามของฉันกับไอ้หัวแดงเมื่อวานนั่นแหละ แล้วพวกเธอจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้นจ๊ะ
?
โอ๊ะ
! ลืมไป
หมอนั่นมันหล่อลากสากกระเบือนี่หว่า
คาดว่าสายตาทิ่มแทงคงมาจากสาวๆน้อยใหญ่ที่อาจจะคลั่งไคล้ ชอบ
หรืออะไรสักอย่างกับหมอนั่น ชีวิตฉันนี่เริ่มไม่ปลอดภัยจริงๆนั่นแหละ
เมื่อมาถึงจุดหมายนั่นก็คือโรงอาหารที่แน่นอนว่าเต็มไปด้วยอาหารมากมายหลากหลายชนิด
เปียโนจึงทำการกดไหล่ฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ประจำก่อนจะพูดด้วยกิริยาอ่อนช้อยเหมือนต้องเอาอกเอาใจ
“เช้านี้รับอะไรดีคะ ?”
“ขอเป็นของว่างก็พอนะ” ฉันสั่งอาหารราวกับอยู่ในร้านอาหารตามสั่งก็ไม่ปาน มือเรียวยกขึ้นทำสัญลักษณ์
‘โอเค’ ส่งมาให้
ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวฉับๆไปทางโซนร้านขนมที่เรียงรายกันอยู่สี่ห้าร้านทันที
มีขนมก็ต้องมีน้ำ
ถ้าอย่างนั้น.. ฉันไปซื้อน้ำดีกว่าเนอะ !
“20 จ้า” น้ำเสียงนุ่มนวลติดจะแหบแห้งเล็กน้อยดังขึ้น
ทำให้ฉันละสายตาจากสิ่งแวดล้อมรอบกายและหันมาสนใจคุณป้าประจำร้านขายน้ำที่กำลังยื่นถุงพลาสติกซึ่งข้างในมีน้ำเปล่าอยู่สองขวดให้ฉัน
ฉันยื่นธนบัตรใบสีเขียวให้ก่อนจะรับถุงพลาสติกใสมาถือไว้เตรียมจะเดินกลับไปที่โต๊ะ
แต่แล้ว.. สายตาดันไปสะดุดเข้ากับ..
ไอ้หัวแดงอีกแล้ว
!
เขายืนอยู่ห่างจากฉันไปไม่ถึงเมตรเพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะกำลังซื้อน้ำปั่นร้านข้างๆอยู่
เฮ้อ.. โชคยังดีที่เขาดูเหมือนจะมองไม่เห็นฉัน
..
รึเปล่านะ ?
อะ ! เฮ้ย
!
ฉันรีบสะบัดหน้าหนีทันควันเมื่อจู่ๆไอ้หัวแดงก็หันขวับมาทางฉันเสียอย่างนั้น
เขาคงไม่เห็นหน้าฉันหรอกใช่ไหม ฉันไม่อยากสร้างเรื่องกลางโรงอาหารรอบสองนะ -
-;
ฉันรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็วแต่ทว่า..
หมับ
!
“เฮ้ย !” ฉันอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ข้อมือ
เมื่อหันกลับไปมองจึงได้รู้สาเหตุ ไอ้หัวแดงมันตามมาจับข้อมือฉันทำไมฟระ =[]=
“ยัยเตี้ย !”
ว้อทเดอะยัยเตี้ย ? แถวนี้ไม่มีใครเตี้ยนะ
ไม่มีจริงจริ๊งงงงงงงงงงงง ! (เสียงสูง - -”)
“...”
“เธอต้องชดใช้สิ่งที่ทำกับฉันเมื่อวาน
!” เป๊ะ ! อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เขาตามมาหาเรื่องฉันเพราะเรื่องเมื่อวาน
หมอนี่ก็ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นนะจริงไหม ?
แต่จะให้ฉันชดใช้อะไรวะ ฉันไม่ผิดนะโว้ย ฉันแค่ปกป้องเพื่อนรักจากศัตรูพืช(?)เท่านั้นแหละ !
“ทำไมฉันต้องชดใช้ในเมื่อฉันไม่ผิด
?” คิ้วเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงตั้งคำถามก่อนจะพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกเกาะกุมออกแต่ก็ไม่เป็นผล
“ผิดเต็มประตูเลยเธอน่ะ..
ไม่มีใครที่ด่าฉันแล้วจะมีชีวิตรอดต่อไปหรอกนะรู้ไหม” เขาพูดอย่างดุดันราวกับกำลังข่มขวัญศัตรู
พร้อมกับริมฝีปากได้รูปที่แสยะยิ้มเย็นน่าขนลุกออกมา
ฝ่ามือข้างขวาบีบข้อมือฉันอย่างไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ถึงจะรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเล็กน้อย
แต่ฉันก็ยังคงสีหน้ากวนพระบาทาเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย
“เฮอะ กลัวจัง”
“นี่เธอ !” ไอ้หัวแดงเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือมากขึ้นกว่าเดิม
เขากัดฟันกรอดๆ สีหน้าแสดงถึงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด มือหนาอีกข้างที่ไม่ได้จับข้อมือฉันไว้
ชี้ลงไปที่พื้นโรงอาหารก่อนเจ้าตัวจะออกคำสั่งเสียงแข็ง “เธอต้องคุกเข่าขอโทษฉันตรงนี้
เดี๋ยวนี้ด้วย !!”
ฉันสะบัดมือออกจากการเกาะกุมอย่างแรงจนมือหนายอมปล่อยข้อมือฉันได้สักที
“ฝันไปเหอะ !” ปฏิเสธไม่พอ ฉันยังไม่วายหันไปแลบลิ้นล้อเลียนใส่ไอ้หัวแดงก่อนจะรีบวิ่งโกยออกมาจากบริเวณนั้นและสาวก้าวไปหาเปียโนเพื่อนรักทันที
15:10
น.
“อารดา ! รองเท้าเธอหายไปไหน ?” อาจารย์ประจำวิชาพละหรืออาจารย์จันทร์เพ็ญถามขึ้นทันทีที่สังเกตว่าฉันใส่เสื้อพละและกางเกงพละ
แต่ทว่ากลับใส่รองเท้านักเรียนซึ่งมันไม่โอเคอย่างแรง
“หาไม่เจอค่ะ T^T” ฉันสารภาพไปตามคำจริงด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
ชีวิตฉันนี่มันยังไงกัน
จู่ๆอยากจะซวยก็ซวยซ้ำซ้อน ส่วนสาเหตุที่ฉันต้องอินดี้ใส่เสื้อพละแต่ใส่รองเท้านักเรียนน่ะหรอ..
ย้อนกลับไปเมื่อ
10 นาทีก่อน..
กริ๊ง~
กริ๊ง~~
ด้วยเสียงออดอันดังก้องที่มักจะดังขึ้นทุกๆชั่วโมง
บ่งบอกถึงเวลาเริ่มเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คือวิชาพละนั่นเอง !
และด้วยเหตุนี้ทำให้ฉันและผองเพื่อนทั้งหลายต้องไปที่ล็อกเกอร์ของตนและหยิบนำชุดพละและรองเท้าพละไปเปลี่ยนที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ
ทว่า..
ทันทีที่เปิดตู้ล็อกเกอร์ออกมา ฉันกลับพบเพียงเสื้อและกางเกงพละ
..
แล้วรองเท้าของฉันอยู่ไหนฟระ !?
‘เป็นอะไรยัยอารา ?’ ในขณะที่ยืนขมวดคิ้วอย่างนึกฉงนสงสัยอยู่
ใบหน้าสวยก็ชะโงกเข้ามาดูในล็อกเกอร์ของฉันอย่างสงสัยไม่แพ้กัน
‘ฉันหารองเท้าไม่เจอ’
‘แกลืมไว้ที่บ้านหรือเปล่า ?’
เอ..ที่บ้านหรอ ? ไม่มีทางอ่ะ ! ในเมื่อฉันเอารองเท้าไว้ในล็อกเกอร์และไม่ได้เอากลับบ้านนี่ หรือว่า..
มีคนแกล้งฉัน
ชัวร์ !
กลับมาที่ปัจจุบัน..
“แฮ่กๆ” จากการวิ่งรอบสนามโรงเรียนอันกว้างขวางมาเกือบ
3 รอบด้วยรองเท้านักเรียน ทำให้ฉันต้องพักหอบแฮ่กๆเพื่อพักเหนื่อย
สาเหตุที่ฉันต้องมาวิ่งในขณะที่คนอื่นเล่นกีฬากันอย่างสนุกสนานน่ะหรอ
อาจารย์ทำโทษเพราะฉันทำรองเท้าพละหายไงเล่า !
คิดแล้วเดือดปุดๆ
-*- ใครมันช่างกล้ากลั่นแกล้งอาราคนนี้กัน
ถ้าจับได้ว่าเป็นใคร..มันไม่รอดแน่ ! ยัยเปียโนนี่ก็รักฉันเหลือเกิน ไม่คิดจะมาให้กำลังใจฉันเลยนะจ๊ะ !
“ฮายยย ^^” ในขณะที่เตรียมตัวจะวิ่งต่อ
สองขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมาขัด ทำให้สายตาต้องเบนไปทางต้นเสียงทันที
ไอ้หัวแดง
.. ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังอารมณ์ไม่ดี !
‘ฮายยย’ หรอ ? ฟังแล้วหมั่นไส้นะรู้ป้ะ
หมอนี่ไปอารมณ์ดีมากจากไหนกัน ถ้าเป็นเวลาปกติจะต้องเป็น ‘ยัยเตี้ย !’ หรือ ‘นี่เธอ !’ ไม่ใช่รึไง
“อะไร ? ถ้าจะมากวนประสาท
เยาะเย้ย ถากถาง หรืออะไรที่มันน่าตบ ก็ช่วยไปไกลๆจากตรงนี้ทีนะ - -^”
“หืม~ ขอโทษที่มารบกวนแล้วกันนะ.. นึกว่าเธอกำลังหารองเท้าอยู่เสียอีก”
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาตีสีหน้าสลดลงทันที
แต่มือหนากลับแกว่งรองเท้าพละคู่หนึ่งไปมาอย่างอารมณ์ดี
นั่นมัน..
“รองเท้าฉัน !!” ทันทีที่รู้ว่ารองเท้าที่เขาถืออยู่เป็นรองเท้าของตัวเอง
ฉันจึงรีบคว้ามันไว้แต่ดันพลาด เพราะเขายืดแขนข้างที่ถือรองเท้าของฉันไปจนสุดแขน
และด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้ฉันไม่สามารถเอื้อมไปหยิบได้
ฉันกระโดดเหยงๆเพื่อที่จะคว้ารองเท้าอยู่สักพักด้วยความพยายามแต่ก็ไม่สำเร็จ
ทำให้เจ้าของมือหนาที่ถือรองเท้าอยู่ขำออกมา
เหอะ
อย่าให้ฉันสูงบ้างแล้วกัน !
“โอ๊ะ ! ดูเหมือนจะได้เวลากลับบ้านแล้ว.. ไปล่ะ บรั๊ยยส์~” เมื่อขำจนพอใจ
จู่ๆเขาก็โพล่งขึ้นมาอย่างกระทันหัน ก่อนจะรีบชิ่งหนีไปพร้อมกับรองเท้าสุดที่รักและล้ำค่าของฉันอย่างรวดเร็ว
“ฮะ..เฮ้ย ! ไอ้หัวแดง !” ฉันตะโกนเรียกเขาแต่กลับไม่มีทีท่าว่าเขาจะเอารองเท้ากลับมาคืน
ฉันจึงต้องวิ่งตามไป
ทว่า..
ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไปสักข้าง...
“เธอจะไปไหนอารดา ! เธอเพิ่งวิ่งได้ 3 รอบ ฉันบอกให้เธอวิ่ง 5 รอบไม่ใช่หรือไง ?” เสียงแหลมอันปวดประสาทดังขึ้นจากอีกฟากของสนามทำให้ฉันจำเป็นต้องหยุดความคิดที่จะวิ่งตามไอ้หัวแดงไปทันที
“..และโทษจากการที่เธอพยายามจะหนีกลับบ้านก่อน เพิ่มจาก 5
รอบเป็น 10 รอบ ! ปฏิบัติ !!”
เพราะไอ้หัวแดงแท้ๆเลยว้อย ! ทำให้รอบสนามที่ฉันต้องวิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีก
ฝากไว้ก่อนเหอะ ! - -^
TO BE CONTINUED

ความคิดเห็น