ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    、Sweet Rival ถึงจะร้าย สุดท้ายก็รัก ❤

    ลำดับตอนที่ #2 : : 1 : 'เธอต้องคุกเข่าขอโทษฉัน'

    • อัปเดตล่าสุด 3 ส.ค. 58





    บทที่ 1

     

                    รายงาน ?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงในขณะที่เจ้าตัวกำลังพูด ริมฝีปากบางคลี่รอยยิ้มระรื่นเบิกบานใจ พร้อมกับมือเรียวที่แบราบและยื่นมาตรงหน้ารอรับสิ่งที่ต้องการ ทำให้ฉันต้องส่งรายงานเล่มหนาที่นั่งปั่น(อย่างลวกๆ)ตั้งแต่หัวค่ำยันเที่ยงคืนให้เพื่อนสาวที่บัดนี้หน้าระรื่นอยู่ข้างๆ

                    รายงานปึกใหญ่คล้ายจะเป็นตัวแทนแห่งความซวยอย่างไรอย่างนั้น ลองคิดดูสิ.. ถ้าไม่มีรายงานเล่มนั้น เปียโนคงไม่ต้องไปซื้อข้าวให้ฉันและคงไม่ซุ่มซ่ามไปทำน้ำหกใส่คนอื่นแบบเมื่อวาน ฉันจะได้ไม่ต้องไปยืนทำสงครามกลางโรงอาหารท่ามกลางสายตาประชาชีและมิตรสหายทั้งหลาย ฉันมีเรื่องกับไอ้หัวแดงนั่นเพราะรายงานของอาจารย์แท้ๆ - -^

                    อย่าลืมนะ เลี้ยงข้าวหนึ่งอาทิตย์

                    “จ้าๆ ไม่ลืมหรอกน่า ~เปียโนตอบเสียงใสก่อนจะรับรายงานไปเก็บใส่กระเป๋าเป้สีทองวิ้งวับของเจ้าหล่อนอย่างรื่นเริงบันเทิงจิต ก่อนจะหันมาทางฉันพร้อมกับใบหน้าฉงนสงสัย ว่าแต่เช้านี้แกกินอะไรมายัง ?”

                    “...ฉันไม่ได้ตอบเป็นคำพูดแต่ส่ายหน้าปฏิเสธไปมา ด้วยความที่ฉันตั้งเวลานาฬิกาผิด ทำให้มันเดินเร็วไปหนึ่งชั่วโมง ตอนตื่นขึ้นมาฉันคิดว่าสายแล้วจึงรีบวิ่งแจ้นมาโรงเรียนโดยไม่ได้กินอะไรก่อนออกมาจากบ้าน แต่เมื่อมาถึงโรงเรียนถึงได้รู้ตัวว่าตั้งนาฬิกาผิด เฮ้อ.. เหนื่อยใจกับตัวเองจริงๆ

                    ถ้าอย่างนั้น.. เดี๋ยวฉันเลี้ยง ! เคป้ะ ? ^^” ไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธอะไร เปียโนก็คว้าข้อมือฉันและลากให้เดินตามไปที่โรงอาหารทันที

                    แล้วหล่อนจะถามทำไม(วะ)คะ !?

                    ระหว่างทางที่เดินเนิบๆไปที่โรงอาหาร มีสายตาหลายคู่ที่จับจ้องมองมาตลอด ถ้าให้เดาก็คงเรื่องสงครามของฉันกับไอ้หัวแดงเมื่อวานนั่นแหละ แล้วพวกเธอจะสนใจอะไรมากมายขนาดนั้นจ๊ะ ?

                    โอ๊ะ ! ลืมไป หมอนั่นมันหล่อลากสากกระเบือนี่หว่า คาดว่าสายตาทิ่มแทงคงมาจากสาวๆน้อยใหญ่ที่อาจจะคลั่งไคล้ ชอบ หรืออะไรสักอย่างกับหมอนั่น ชีวิตฉันนี่เริ่มไม่ปลอดภัยจริงๆนั่นแหละ

                    เมื่อมาถึงจุดหมายนั่นก็คือโรงอาหารที่แน่นอนว่าเต็มไปด้วยอาหารมากมายหลากหลายชนิด เปียโนจึงทำการกดไหล่ฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ประจำก่อนจะพูดด้วยกิริยาอ่อนช้อยเหมือนต้องเอาอกเอาใจ เช้านี้รับอะไรดีคะ ?”

                    ขอเป็นของว่างก็พอนะฉันสั่งอาหารราวกับอยู่ในร้านอาหารตามสั่งก็ไม่ปาน มือเรียวยกขึ้นทำสัญลักษณ์ โอเคส่งมาให้ ก่อนที่เจ้าตัวจะก้าวฉับๆไปทางโซนร้านขนมที่เรียงรายกันอยู่สี่ห้าร้านทันที

                    มีขนมก็ต้องมีน้ำ ถ้าอย่างนั้น.. ฉันไปซื้อน้ำดีกว่าเนอะ !

                   

                    “20 จ้าน้ำเสียงนุ่มนวลติดจะแหบแห้งเล็กน้อยดังขึ้น ทำให้ฉันละสายตาจากสิ่งแวดล้อมรอบกายและหันมาสนใจคุณป้าประจำร้านขายน้ำที่กำลังยื่นถุงพลาสติกซึ่งข้างในมีน้ำเปล่าอยู่สองขวดให้ฉัน ฉันยื่นธนบัตรใบสีเขียวให้ก่อนจะรับถุงพลาสติกใสมาถือไว้เตรียมจะเดินกลับไปที่โต๊ะ แต่แล้ว.. สายตาดันไปสะดุดเข้ากับ..

                    ไอ้หัวแดงอีกแล้ว !

                    เขายืนอยู่ห่างจากฉันไปไม่ถึงเมตรเพราะดูเหมือนเจ้าตัวจะกำลังซื้อน้ำปั่นร้านข้างๆอยู่ เฮ้อ.. โชคยังดีที่เขาดูเหมือนจะมองไม่เห็นฉัน

                    .. รึเปล่านะ ?

                     อะ ! เฮ้ย !

                    ฉันรีบสะบัดหน้าหนีทันควันเมื่อจู่ๆไอ้หัวแดงก็หันขวับมาทางฉันเสียอย่างนั้น เขาคงไม่เห็นหน้าฉันหรอกใช่ไหม ฉันไม่อยากสร้างเรื่องกลางโรงอาหารรอบสองนะ - -;

                    ฉันรีบเร่งฝีเท้าเพื่อเดินกลับไปที่โต๊ะอาหารอย่างรวดเร็วแต่ทว่า..

                    หมับ !

                    “เฮ้ย !” ฉันอุทานเสียงหลงด้วยความตกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงสัมผัสที่ข้อมือ เมื่อหันกลับไปมองจึงได้รู้สาเหตุ ไอ้หัวแดงมันตามมาจับข้อมือฉันทำไมฟระ =[]=

                    ยัยเตี้ย !”

                    ว้อทเดอะยัยเตี้ย ? แถวนี้ไม่มีใครเตี้ยนะ ไม่มีจริงจริ๊งงงงงงงงงงงง ! (เสียงสูง - -”)

                    ...

                    เธอต้องชดใช้สิ่งที่ทำกับฉันเมื่อวาน !” เป๊ะ ! อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด เขาตามมาหาเรื่องฉันเพราะเรื่องเมื่อวาน หมอนี่ก็ช่างเจ้าคิดเจ้าแค้นนะจริงไหม ? แต่จะให้ฉันชดใช้อะไรวะ ฉันไม่ผิดนะโว้ย ฉันแค่ปกป้องเพื่อนรักจากศัตรูพืช(?)เท่านั้นแหละ !

                    ทำไมฉันต้องชดใช้ในเมื่อฉันไม่ผิด ?” คิ้วเลิกขึ้นสูงเป็นเชิงตั้งคำถามก่อนจะพยายามสะบัดข้อมือที่ถูกเกาะกุมออกแต่ก็ไม่เป็นผล

                    ผิดเต็มประตูเลยเธอน่ะ.. ไม่มีใครที่ด่าฉันแล้วจะมีชีวิตรอดต่อไปหรอกนะรู้ไหมเขาพูดอย่างดุดันราวกับกำลังข่มขวัญศัตรู พร้อมกับริมฝีปากได้รูปที่แสยะยิ้มเย็นน่าขนลุกออกมา ฝ่ามือข้างขวาบีบข้อมือฉันอย่างไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ถึงจะรู้สึกเจ็บที่ข้อมือเล็กน้อย แต่ฉันก็ยังคงสีหน้ากวนพระบาทาเอาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย

                    เฮอะ กลัวจัง

                    “นี่เธอ !” ไอ้หัวแดงเพิ่มแรงบีบที่ข้อมือมากขึ้นกว่าเดิม เขากัดฟันกรอดๆ สีหน้าแสดงถึงอาการไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด มือหนาอีกข้างที่ไม่ได้จับข้อมือฉันไว้ ชี้ลงไปที่พื้นโรงอาหารก่อนเจ้าตัวจะออกคำสั่งเสียงแข็ง เธอต้องคุกเข่าขอโทษฉันตรงนี้ เดี๋ยวนี้ด้วย !!”

                    ฉันสะบัดมือออกจากการเกาะกุมอย่างแรงจนมือหนายอมปล่อยข้อมือฉันได้สักที

                    ฝันไปเหอะ !” ปฏิเสธไม่พอ ฉันยังไม่วายหันไปแลบลิ้นล้อเลียนใส่ไอ้หัวแดงก่อนจะรีบวิ่งโกยออกมาจากบริเวณนั้นและสาวก้าวไปหาเปียโนเพื่อนรักทันที

     

     


                    15:10 น.


                    “อารดา ! รองเท้าเธอหายไปไหน ?” อาจารย์ประจำวิชาพละหรืออาจารย์จันทร์เพ็ญถามขึ้นทันทีที่สังเกตว่าฉันใส่เสื้อพละและกางเกงพละ แต่ทว่ากลับใส่รองเท้านักเรียนซึ่งมันไม่โอเคอย่างแรง

                    หาไม่เจอค่ะ T^T” ฉันสารภาพไปตามคำจริงด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

                    ชีวิตฉันนี่มันยังไงกัน จู่ๆอยากจะซวยก็ซวยซ้ำซ้อน  ส่วนสาเหตุที่ฉันต้องอินดี้ใส่เสื้อพละแต่ใส่รองเท้านักเรียนน่ะหรอ..

     

                    ย้อนกลับไปเมื่อ 10 นาทีก่อน..


                    กริ๊ง~ กริ๊ง~~

                    ด้วยเสียงออดอันดังก้องที่มักจะดังขึ้นทุกๆชั่วโมง บ่งบอกถึงเวลาเริ่มเรียนวิชาสุดท้ายของวันนี้ นั่นก็คือวิชาพละนั่นเอง ! และด้วยเหตุนี้ทำให้ฉันและผองเพื่อนทั้งหลายต้องไปที่ล็อกเกอร์ของตนและหยิบนำชุดพละและรองเท้าพละไปเปลี่ยนที่ห้องเปลี่ยนเสื้อ

                    ทว่า.. ทันทีที่เปิดตู้ล็อกเกอร์ออกมา ฉันกลับพบเพียงเสื้อและกางเกงพละ

                    .. แล้วรองเท้าของฉันอยู่ไหนฟระ !?

                    ‘เป็นอะไรยัยอารา ?’ ในขณะที่ยืนขมวดคิ้วอย่างนึกฉงนสงสัยอยู่ ใบหน้าสวยก็ชะโงกเข้ามาดูในล็อกเกอร์ของฉันอย่างสงสัยไม่แพ้กัน

                    ฉันหารองเท้าไม่เจอ

                    ‘แกลืมไว้ที่บ้านหรือเปล่า ?’

                    เอ..ที่บ้านหรอ ? ไม่มีทางอ่ะ ! ในเมื่อฉันเอารองเท้าไว้ในล็อกเกอร์และไม่ได้เอากลับบ้านนี่ หรือว่า..

                    มีคนแกล้งฉัน ชัวร์ !

     

                    กลับมาที่ปัจจุบัน..


                    แฮ่กๆจากการวิ่งรอบสนามโรงเรียนอันกว้างขวางมาเกือบ 3 รอบด้วยรองเท้านักเรียน ทำให้ฉันต้องพักหอบแฮ่กๆเพื่อพักเหนื่อย

                    สาเหตุที่ฉันต้องมาวิ่งในขณะที่คนอื่นเล่นกีฬากันอย่างสนุกสนานน่ะหรอ อาจารย์ทำโทษเพราะฉันทำรองเท้าพละหายไงเล่า !

                    คิดแล้วเดือดปุดๆ -*- ใครมันช่างกล้ากลั่นแกล้งอาราคนนี้กัน  ถ้าจับได้ว่าเป็นใคร..มันไม่รอดแน่ ! ยัยเปียโนนี่ก็รักฉันเหลือเกิน ไม่คิดจะมาให้กำลังใจฉันเลยนะจ๊ะ !

                    ฮายยย ^^” ในขณะที่เตรียมตัวจะวิ่งต่อ สองขาก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีเสียงอันไม่พึงประสงค์ขึ้นมาขัด ทำให้สายตาต้องเบนไปทางต้นเสียงทันที

                    ไอ้หัวแดง .. ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังอารมณ์ไม่ดี  !

                    ‘ฮายยยหรอ ? ฟังแล้วหมั่นไส้นะรู้ป้ะ หมอนี่ไปอารมณ์ดีมากจากไหนกัน ถ้าเป็นเวลาปกติจะต้องเป็น  ยัยเตี้ย !’ หรือ นี่เธอ !’ ไม่ใช่รึไง

                    อะไร ? ถ้าจะมากวนประสาท เยาะเย้ย ถากถาง หรืออะไรที่มันน่าตบ ก็ช่วยไปไกลๆจากตรงนี้ทีนะ - -^”

                    “หืม~ ขอโทษที่มารบกวนแล้วกันนะ.. นึกว่าเธอกำลังหารองเท้าอยู่เสียอีกใบหน้าเกลี้ยงเกลาตีสีหน้าสลดลงทันที แต่มือหนากลับแกว่งรองเท้าพละคู่หนึ่งไปมาอย่างอารมณ์ดี

                    นั่นมัน..

                    รองเท้าฉัน !!” ทันทีที่รู้ว่ารองเท้าที่เขาถืออยู่เป็นรองเท้าของตัวเอง ฉันจึงรีบคว้ามันไว้แต่ดันพลาด เพราะเขายืดแขนข้างที่ถือรองเท้าของฉันไปจนสุดแขน และด้วยความสูงที่ต่างกันทำให้ฉันไม่สามารถเอื้อมไปหยิบได้

                    ฉันกระโดดเหยงๆเพื่อที่จะคว้ารองเท้าอยู่สักพักด้วยความพยายามแต่ก็ไม่สำเร็จ ทำให้เจ้าของมือหนาที่ถือรองเท้าอยู่ขำออกมา

                    เหอะ อย่าให้ฉันสูงบ้างแล้วกัน !

                    “โอ๊ะ !  ดูเหมือนจะได้เวลากลับบ้านแล้ว.. ไปล่ะ บรั๊ยยส์~เมื่อขำจนพอใจ จู่ๆเขาก็โพล่งขึ้นมาอย่างกระทันหัน ก่อนจะรีบชิ่งหนีไปพร้อมกับรองเท้าสุดที่รักและล้ำค่าของฉันอย่างรวดเร็ว

                    “ฮะ..เฮ้ย ! ไอ้หัวแดง !” ฉันตะโกนเรียกเขาแต่กลับไม่มีทีท่าว่าเขาจะเอารองเท้ากลับมาคืน ฉันจึงต้องวิ่งตามไป

                    ทว่า.. ยังไม่ทันจะก้าวขาออกไปสักข้าง...

                    เธอจะไปไหนอารดา ! เธอเพิ่งวิ่งได้ 3 รอบ ฉันบอกให้เธอวิ่ง 5 รอบไม่ใช่หรือไง ?” เสียงแหลมอันปวดประสาทดังขึ้นจากอีกฟากของสนามทำให้ฉันจำเป็นต้องหยุดความคิดที่จะวิ่งตามไอ้หัวแดงไปทันที ..และโทษจากการที่เธอพยายามจะหนีกลับบ้านก่อน เพิ่มจาก 5 รอบเป็น 10 รอบ ! ปฏิบัติ !!”

                    เพราะไอ้หัวแดงแท้ๆเลยว้อย ! ทำให้รอบสนามที่ฉันต้องวิ่งทวีคูณเพิ่มขึ้นไปอีก

                    ฝากไว้ก่อนเหอะ ! - -^

                  

                 TO BE CONTINUED






    。SYDNEY♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2025

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×