ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHINee - minkey short fiction warehouse

    ลำดับตอนที่ #4 : [SF] Besides - 1/3

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ค. 56







    “คีย์ ไปเก็บแจกันหน่อย”


    “ครับพี่”


    ร่างเล็กในเสื้อยืดลายวงร็อคโซนยุโรปรีบผุดลุกขึ้นจากพื้นทันทีที่ถูกเรียกใช้งาน วิ่งข้ามเทปกระดาษที่ติดพื้นเข้าไปในพื้นที่ที่คนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนบ่นพึมพำกันอยู่ ตาเรียวเหลือบมองหญิงสาวผมยาวที่เต้นเร่าๆ อยู่บนผ้าเช็ดพื้นที่มีคนโยนเข้าไปให้ก่อน กางเกงขาสั้นลายกราฟฟิคเปียกชื้นเพราะเมื่อยี่สิบวินาทีก่อนเพื่อนอีกคนเผลอมือไปโดนแจกันที่ใช้ประกอบฉากตกลงมาแตกละเอียด พร้อมน้ำที่สาดกระจาย ซ่า


    “ทำไมไม่ติดสก็อตเทปให้เรียบร้อย” เสียงแหลมของคริสตัลหวีดโวยวาย คีย์ไม่ได้แสดงสีหน้ายินดียินร้าย เอ่ยตอบเบาๆ


    “ขอโทษนะ พร็อพใหม่เพิ่งเอามาเพิ่มวันนี้” พลางย่อตัวลงก้มมองเศษเล็กเศษน้อยที่กระจายอยู่รอบตัว


    “ไม่ได้เรื่องเลย”


    ยังคงทำหน้าบูดหันไปบ่นกับรุ่นน้องอีกคนที่ทำแค่ยิ้มแหยๆ คีย์ส่ายหน้าเบาๆ กับตัวเองโดยก็ไม่รู้ความหมายของกิริยานั้นของตัวเอง รีบหยิบเศษกระเบื้องใส่ที่โกยผงที่เพื่อนเอามาให้ก่อนจะโดนบ่นอีกรอบ


    งานที่เขาทำอยู่เรียกว่าแบ็คสเตจ อารมณ์เบ๊นั่นแหละ คอยช่วยหยิบจับนั่นนี่ ดูแลเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ของการซ้อมละครเวที ตั้งแต่ทำความสะอาดห้องซ้อมยันซื้อข้าวกลางวันหรือข้าวเย็น พอถึงวันแสดงจริงก็ทำหน้าที่ย้ายของย้ายนักแสดงเข้าออกเวที ประมาณนั้น เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวงานลึกซึ้งเพราะนี่ก็ครั้งแรก


    พี่คยูฮยอนกลิ้งเทปกระดาษเข้ามาชนหัวแม่โป้งเท้า เขารู้ดีว่าต้องทำอะไรกับมัน เอามาแปะพื้นเก็บเศษกระเบื้องที่เล็กเกินเก็บได้


    ขณะที่กำลังหันซ้ายหันขวาจัดการผลของความซุ่มซ่าม เงาของคนคนหนึ่งก็ขยับใกล้เข้ามาแล้วเจ้าของเงาก็นั่งลงอยู่ในระดับเดียวกัน จังหวะนั้นคีย์เผลอขยับถอยหลังนิดหน่อยตามสัญชาตญาณ ตัวชาๆ หน้าร้อนๆ เมื่อรู้ว่าเป็นใคร ตาโตคู่นั้นกวาดไปทั่วพื้นแล้วส่งมือที่ใหญ่กว่ามาช่วยอีกแรง


    มินโฮเป็นพระเอก เป็นถึงพระเอกละครเชียวนะ เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่เรียนคนละภาควิชา เป็นนักกีฬาฟุตบอลของคณะ เป็นคนที่พอจะเล่นกลองชุดได้ เป็นคนที่ทำแซนวิชธรรมดาๆ ได้อร่อยมาก เป็นคนโปรดของอาจารย์ประจำภาคการแสดง เป็นนายแบบที่ใครๆ ชอบเรียกไปใช้งานฟรีๆ ตอนต้องส่งงานถ่ายภาพ เป็นหนุ่มป๊อปขวัญใจสาวๆ หนุ่มๆ และเป็นอะไรอีกมากมายหลายตำแหน่งหลายสถานะ


    “ไม่เป็นไรมินโฮ เดี๋ยวบาดมือ” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นครู่เดียวและพบว่ามินโฮขยับเข้ามาใกล้กันอีก


    “แล้วมันไม่บาดมือคีย์เหรอ”


    “บาดมือฉันไม่เป็นไร บาดมือมินโฮจะแย่เอา”


    ที่สำคัญ ก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่ง


    “อย่าเวอร์ ไม่ใช่ว่าจะเล่นละครไม่ได้ซักหน่อย”



    เป็นคนที่คีย์ชอบเผลอมองบ่อยๆ เรียกว่าสำคัญได้มั้ยนะ



    “ก็ต้องระวังอยู่ดี” เขาปัดมือของอีกคนออกแล้วก็ตกใจเองจนเกือบสะดุ้ง ตกใจกับระบบอัตโนมัติของร่างกายที่สมองไม่ได้สั่ง สมองไม่มีทางสั่งให้เขาไปโดนตัวมินโฮเองแน่ๆ อาจจะมีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการทำงานของกล้ามเนื้อบางส่วนทำให้มือมันไปเองแบบนั้น


    มินโฮแอบเหลือบมองคีย์ที่ดึงม้วนเทปออกมาไล่แปะทั่วพื้นไม้รอบๆ ช่วยอะไรไม่ได้แล้วเพราะเหลือแต่เศษเล็กๆ แล้วอีกคนก็เอาม้วนเทปไปคล้องข้อมือไว้เหมือนเป็นกำไล หวงมาก พระเอกเลยได้แต่มองแบ็คสเตจนั่งยองๆ ทำหน้าที่ไป เจ้าของผมสีทองประหม่าไม่นิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยไล่เพราะรู้ว่าคนคนนี้ไล่ยากยิ่งกว่ายุง


    “มินโฮ เล่นต่อจากเมื่อกี้เลย คีย์เร็วหน่อย” จนพี่ยุนโฮครวญครางด้วยเสียงง่วงๆ คนอยากช่วยถึงได้ลุกไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ


    “ครับ/โอเค”


    คีย์แตะเท้าตัวเองเบาๆ เช็คพื้นที่รอบๆ แล้วก็รีบย่อตัววิ่งออกไปากพื้นที่ที่เซ็ตให้เป็นฉากละครชั่วคราว สไลด์แผ่นหลังตามกำแพงลงมานั่งพิงหลังกอดเข่าท่าเดิมก่อนที่จะลุกไปเมื่อครู่ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มจับจ้องที่คนที่มันชอบจับจ้อง


    กล้ามเนื้อตาก็อาจจะทำงานผิดพลาด แต่เคสแบบนี้คีย์ก็ชินแล้ว มันไม่ได้ร้ายแรงอะไร ก็เลยปล่อยให้ตาของตัวเองจ้องไป ตอนเขาเล่นละครกันคนจะมองพระเอกก็ไม่แปลกนี่


    อาจจะแปลกนิดหน่อยตรงที่ว่าข้างหน้ามีนักแสดงตั้งหลายคน แต่คีย์มองอยู่คนเดียว



    สำคัญจริงๆ




















    “ไม่ต้องอยู่ต่อเหรอ” เอียงหน้าหันมาถามขณะสไลด์ตัวลงตามราวจับบันได เท่มากจริง จนคีย์ไม่กล้ามอง เมื่อลงไปถึงที่พักบันไดระหว่างชั้นอีกคนก็รอให้คีย์เดินลงไปถึงแล้วเดินต่อไปด้วยกัน


    “อืม วันนี้ไม่มีประชุม”


    ทั้งๆ ที่ปกติมินโฮจะชอบไหลลงไปเรื่อยๆ ทุกช่วงของบันได แต่พอคีย์ลงจากห้องซ้อมมาด้วยกันมินโฮก็ก้าวลงทีละขั้นแบบปกติ


    รู้ว่าแค่นี้จะเอาไปคิดเข้าข้างตัวเองไม่ได้หรอก แต่พอเจอเข้าบ่อยๆ ก็เผลอคิดไง


    คีย์ก้าวออกจากเงาตึกพร้อมกับอีกคนที่นำหน้าอยู่ไม่ห่าง พ่อพระเอกผิวปากอย่างอารมณ์ดี ทักทายดวงจันทร์ไม่เต็มดวงที่แอบอยู่หลังควันเมฆ รองเท้าผ้าใบไนกี้กับด็อกเตอร์มาร์ตินให้เสียงที่แตกต่างกันแต่ก็ฟังเข้ากันได้ คีย์พยายามก้าวเท้าในจังหวะที่ช้ากว่าหรือเร็วกว่าอีกคนนิดหน่อยเพราะชอบที่จะฟังเสียงแบบสะเปะสะปะของมัน


    “เป็นอะไร” มินโฮถามขำๆ เมื่อคีย์ย่ำเท้าแรงและหนักขึ้นหนีเสียงไนกี้ คีย์ไม่ได้ตอบ ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองด้วยซ้ำ รู้สึกเหมือนเป็นเด็กประถมที่เขินคุณครูประจำชั้น


    อากาศเย็นแปลกๆ เหมือนว่าฝนจะตก มินโฮบ่นพึมพำเมื่อเดินกันออกมาถึงหน้าถนนใหญ่ ไม่ทันจะเงยหน้ามองฟ้าจมูกก็เปียกแล้ว ฝนเม็ดแรกตกใส่คีย์ เม็ดที่สองใส่มินโฮแล้วก็พากันซ่าลงมาทันที


    “ฝนตกทำไมตอนสี่ทุ่ม” คนตัวผอมบ่นพึมพำแล้วก็ล้วงเอาแฟ้มพลาสติกสีใสขึ้นบังหัวไม่ให้เปียก


    แต่พอเงยหน้าทำท่าจะเดินต่อก็ไม่ได้เดินต่อ มินโฮส่ายหน้าเบาๆ พร้อมกับดันร่มสีน้ำเงินเข้มให้กางออก ยกขึ้นเหนือหัวแล้วมือข้างที่ว่างของคนตัวใหญ่ก็ดึงไหล่เล็กให้มาอยู่ใต้ร่มด้วยกัน ซึ่งร่มก็ไม่ได้เล็ก แต่ผู้ชายสองคนไม่สามารถอยู่ร่วมกันโดยไม่มีใครไม่เปียกเลยได้ มินโฮก็ดูพยายามเหลือเกิน


    “เอ่อ...”


    “เมื่อไหร่จะหายขี้ลืม”


    ตื่นเต้น จนรู้สึกว่าถ้าร่างกายระเบิดได้อาจจะแหลกเหลวเป็นละอองยิ่งกว่าแจกันกระเบื้องที่แตกไปเมื่อตอนสองทุ่ม


    ตื่นเต้นจริงๆ ไม่เคยมีใครได้ยินเสียงหัวใจของคนอื่นเต้นหรอกพูดกันตามตรง แต่หัวใจมันก็แรงจนน่าสงสัยจริงๆ ว่าอีกฝ่ายอาจจะได้ยิน เพียงแต่ไม่มีใครเคยพูดว่าได้ยิน


    ไหล่ของคีย์แตะเบาๆ ที่ต้นแขนของมินโฮโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วก็รู้สึกว่าลมหายใจร้อนกว่าปกติ พยายามห่อตัวให้เล็กลีบลงแต่พอหดแขนแล้วมินโฮก็ขยับเข้ามาชนอีก คีย์เผลอกัดกระพุ้งแก้มเพราะตกใจ


    “เดี๋ยวเดินไปส่งที่บ้าน”


    “ไม่ต้องก็ได้”


    “ไม่เป็นไรหรอก ฝนตกไม่เห็นเหรอไง”


    “แต่ว่า...”


    “วันหลังก็อย่าลืมสิ”


    ไม่รู้จะปฏิเสธด้วยเหตุผลอะไรก็เลยยอมทั้งๆ ที่รู้สึกแขนขาเกะกะไปหมด บ้านของพวกเขาอยู่ห่างกันสี่ซอย ของมินโฮอยู่ใกล้กว่าถ้าไปจากมหาวิทยาลัย พวกเขาเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวันซึ่งฝนไม่เคยตกและมินโฮก็ยังไม่เคยเดินไปบ้านคีย์ ครั้งนี้ครั้งแรก และบรรยายไม่ถูกเลยว่าคีย์ประหม่าขนาดไหน


    “แก้วไม่บาดใช่มั้ยวันนี้”


    “ไม่อะ”


    “คีย์เริ่มสอบเมื่อไหร่”


    “ใกล้แล้วแหละ พฤหัสหน้าสอบตัวแรก”


    “อ่านหนังสือทันมั้ยเนี่ย”


    “ไม่ทัน”


    ฝนไม่ได้ตกหนักแต่ลมค่อนข้างแรงและถึงมีร่มฝนก็พัดเข้ามาใต้ร่มอยู่ดี มินโฮเบี่ยงตัวบังฝนให้และทำให้ชิดใกล้กันมากกว่าเดิม กลิ่นบุหรี่อ่อนๆ ที่มินโฮสูบผสมกับกลิ่นเหงื่อ กลิ่นฝนและกลิ่นด้ามร่ม รวมกันแล้วก็แปลกแต่ไม่แย่ มินโฮชวนคุยเรื่อยๆ เรื่องทั่วไป ถามมาคีย์ก็ตอบ หัวเราะกันบ้างเบาๆ ไม่มีอะไรน่าประทับใจกว่าปกติ



    อาจจะเพราะมินโฮน่าประทับใจอยู่ทุกๆ ปกติ และแค่นี้คีย์ก็เขินจะแย่แล้ว แค่เก็บเก่งเท่านั้นแหละ



    นึกอยากให้บ้านของคีย์ไกลออกไปอีก ซักเจ็ดแปดซอย



    จนหยุดเท้าที่หน้ารั้วไม้ถลอกๆ สีขาว คีย์ยกแฟ้มของตัวเองขึ้นบังฝนอีกครั้งแล้วรีบวิ่งเข้าไปใต้กันสาดหน้าประตูบ้านก่อนจะโบกมือลา มินโฮโบกมือกลับ ยิ้มรับแบบที่เห็นฟันหน่อยๆ ไม่รู้เลยว่าคีย์แพ้เวลามินโฮยิ้มแบบนี้ เหมือนใครมายืนซ้อนหลังแล้วเอาเข่าดันเข่าเลย แทบทรุด


    “อ่า... ขอบคุณนะ”


    “ไม่เป็นไร เข้าบ้านเถอะดึกแล้ว”


    “กลับดีๆ” คีย์หมุนตัวเหวี่ยงประตูเปิดและปิดทันทีที่เข้ามาในตัวบ้าน แหวกม่านที่กระจกเล็กๆ บนบานประตูดูคนข้างนอกที่ค่อยๆ ก้าวกลับไปตามทางเดิม


    โขกหน้าผากตัวเองกับบานไม้เนื้อดีแล้วก็หลับตาลง หัวเราะเสียงเบาขณะที่หัวใจก็ค่อยๆ กลับมาเต้นในจังหวะธรรมดา ส่ายหน้าแนบชิดกับประตูแบบไม่กลัวสิวขึ้น


    ทำไมเรื่องธรรมดาๆ ถึงกลายเป็นพิเศษได้มากมายขนาดนี้











    LITTLE  SWEET
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×