ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Inert 3
Inert 3
ตื่นมา..เพียงลำพัง
หนาว…
สิ่งที่ทิ้งไว้ให้เห็นคือผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ เปื้อนคราบสีขาวขุ่นเต็มไปหมด ไม่รู้จะจัดการยังไงด้วยตัวคนเดียว เพราะผ้าปูที่นอน แม่จะเป็นคนเอาเข้าเครื่องซัก จึงดึงผ้าปูที่นอนออกทั้งผืน ยัดเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนแล้วล็อกเก็บไว้ ยังไงเวลานี้คงต้องเตรียมตัวไปเรียนก่อน
เจ็บสะโพก
เป็นความรู้สึกเหมือนบางอย่างฉีดขาด แต่พยายามอดทน
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าระหว่างผู้ชายด้วยกันก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้เหมือนกัน
นึกไม่ออก..ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
รู้สึกคล้ายๆกับฤทธิ์ยากล่อมประสาท ที่ทำให้ขาดสติไปช่วงหนึ่ง หลงมัวเมาไปกับสิ่งเร้า…แต่อาจจะแค่คิดไปเอง
ยืนจ้องตัวเองในกระจก… คล้ายกับไปมีเรื่องชกต่อยกับใครมา
ตอนนี้แว่นอยู่บนหน้า ให้ความรู้สึกโล่งใจ เมื่อคืนถูกถอดแว่นออก มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แม้แต่ภาพคนที่โอบกอดตัวเองไว้ยังเห็นแค่ลางๆ
อาบน้ำเสร็จ แปะพลาสเตอร์ไว้ที่คอ ปิดรอยสีแดงเป็นจ้ำๆ บางรอยใหญ่ จนคิดว่าข้ออ้างยุงกัดฟังดูไม่ขึ้น ออกมานอกห้อง ดูเหมือนแม่จะสังเกตเห็น “รอยอะไรบนคอแกนะ”
“ยุงกัดครับ”
“เปิดหน้าต่างทิ้งไว้หล่ะสิ…บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้ปิดหน้าต่าง”
“…แม่เห็น…อีกคนไหม?”
เพื่อน?
ไม่กล้าพูดคำนี้ออกไป
ตอนนี้ความสัมพันธ์มันอยู่ที่ตรงไหนกัน ก่อนวินาทีนี้ย้อนกลับไปเก้าชั่วโมง ยังอยู่ก่ำกึ่งระหว่างคนแปลกหน้ากับเพื่อน แล้ว ณ วินาทีหล่ะ มันเลื่อนไปอยู่ตรงไหน
“กลับไปตั้งแต่เมื่อคืน ฝากบอกว่าพรุ่งนี้คงมารับไผ่ไม่ได้”
“…หรอครับ”
“ทำอะไรกันหน่ะ ติวหนังสือหรอ?”
“ครับ”
“…อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระให้มากนะ ก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ต้องสนใจเรื่องอะไรมากที่สุด”
อนาคตในรั้วมหาลัย ฟังดูน่าเบื่อ
ไม่อยากจะพูดคุยต่อ จึงยกมือลาแล้วเดินออกจากบ้าน ระหว่างที่กำลังปิดประตูรั้วก็เห็นรถแท็กซี่คันนึงขับผ่านมาพอดี
ไม่ได้นั่งรถแท็กซี่มาโรงเรียนเองสักพักแล้ว…
ในเวลาที่ยื่นมือออกไปกวักเรียก..ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังกระซิบเสียงบางเบาจนฟังไม่รู้เรื่องอยู่ในหัว
………………………..
………………….
“…ไผ่ วันนี้อยู่ช่วยทำรายงานตอนเย็นด้วยนะ”
“กี่โมง”
“อืม..ก็เสร็จคาบชีวะแล้วทำต่อหน่ะ..”
“บางทีเราอาจจะต้องกลับก่อน แบ่งงานมาเลยก็ดี”
“เฮ้ย งานกลุ่มนะ ช่วยกันดิ” เพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งยื่นหน้าเข้ามาพูด ไม่อยากจะคุยด้วย เลยหยิบหนังสือจากใต้โต๊ะขึ้นมาอ่าน ตั้งเป็นเหมือนป้อมเล็กๆกันผู้คนเหล่านั้นออกไปจากโลกตัวเอง
“ถ้าพูดแบบนั้น..แบ่งงานให้เราเยอะกว่าคนอื่นก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”
“…ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ไผ่ พวกเรารู้สึกไม่ดีที่นายทำงานเยอะอยู่คนเดียวหน่ะ” ผู้หญิงที่จำชื่อไม่ได้ทำหน้าหงอยๆสารภาพอยู่เก้าอี้ข้างๆ ไม่ได้หันหน้าไปมอง แต่เห็นภาพนั้นผ่านกระติกน้ำแสตนด์เลสที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
“…ไม่เป็นไรหรอก เราไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว”
ไม่รู้สึกอะไร…จริงๆ
ชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกถึงช่องว่างในตัวกำลังขยายขนาดขึ้นอีก..
……………………………..
……………………..
มื้อกลางวัน
โรงอาหารไม่ใช่เล็กๆ ไม่ได้มองหา แต่ก็กวาดสายตาไปรอบๆ
เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น..
จอห์นนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน เสียงดังเฮฮามาถึงตรงนี้ ตรงที่ยืนอยู่ ในมือถือช้อนกับซ้อม ดูก็รู้ว่ายังไม่มีที่นั่ง
เห็นจอห์นมองมาทางนี้ เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะตวัดสายตากลับไปยังโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่
ไม่ได้สนใจ…มองผ่านเหมือนเป็นแค่อากาศโปร่งแสง
ถึงได้ตระหนักขึ้นได้ว่า…คงจะถูกหลอกเข้าซะแล้ว
………………………………………..
………………………….
“…ไผ่ ทำอะไรอยู่”
เหลือบตามองขึ้นจากกระดาษที่กำลังตัดตามรอยดินสอ จอห์นยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้นึกถึงไอศครีมเมื่อวาน
“ทำงานกลุ่ม”
“หรอ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว”
“จะเอาไปทำต่อที่บ้านหรอ?”
ไม่ได้ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงแค่สองคนที่นั่งอยู่ตรงนี้
ดูเหมือนคนอื่นๆจะวิ่งลงไปดูคอนเสริต์ที่รุ่นพี่จัด ได้ยินเสียงมาถึงตรงนี้ น่ารำคาญ แต่เพราะว่ามือถือที่มีไม่ได้ใส่เพลงอะไรลงไปเลย จึงไม่รู้จะทำยังไง
“…ตอนกลางวันเราเห็นนาย”
“ห้ะ? แต่ผมไม่เห็นจะเห็นไผ่เลย”
..ไม่เห็นหรอ?
จะเชื่อได้หรือเปล่า คำพูดของคนๆนี้
เงยหน้าขึ้นมามองตรงๆ ก็เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องกลับมา อ่านสายตาไม่ออก เพราะไม่มีความสามารถในเรื่องนี้อยู่แล้ว รู้ว่าตนเองเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย ตัดสินใครไปก่อน แต่นั้นก็เพื่อปกป้องความรู้สึกอันแสนว่างเปล่าของตนเองทั้งนั้น
มือถูกคว้าไปจับ ตกใจจนทำกรรไกรในมือหล่นออก กำลังจะก้มลงเก็บ เขาก็เก็บมันให้ก่อน
“เมื่อวาน ขอโทษนะที่ผมกลับไปก่อน”
“…ไม่ได้เป็นอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย”
“หรอ…ไม่รู้สึกอะไรเลย? แต่ผมรู้สึกดีนะ”
“นายเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหรอ?”
“เปล่า ไผ่คนแรก”
ช่ำชอง..
ดูก็รู้ว่าผ่านมามากขนาดไหน…
ผู้ชายคนแรก แต่ถ้านับสัตว์สองขาที่เรียกว่ามนุษย์ คงมากกว่าหนึ่งคนสินะ
“…ทำไมไผ่ทำหน้าแบบนั้น”
“เปล่า…ไม่ได้คิดอะไร”
“จะกลับบ้านแล้วหรอ?”
“ใช่ ไม่ต้องไปส่ง”
“ทำไมเย็นชากับผมจัง”
“แม่สั่งห้ามกลับดึก…แล้วแม่ก็บอกว่านายไม่น่าไว้ใจ”
ข้อความข้างหลังเติมท้ายลงไปเอง อยากรู้ว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไง
…หน้าเสีย
สองคำที่บรรยายได้
อย่างน้อยก็คงจะรู้สึกถึงข้อความเสียดแทงที่ส่งไป ทำหน้าอึกอักพูดไม่ถูกอยู่สักพักก็ลุกตามออกมา “แม่ไผ่ไม่ได้รู้จักผมนิ ทำไมถึงพูดแบบนั้นหล่ะ?”
“…นายดูเป็นคนน่าไว้ใจหรอ?”
“ไผ่…ไม่เห็นความจริงใจของเราเลยหรอ?”
“นายนอนกับคนที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงอาทิตย์ แถมยังเป็นผู้ชายน่าเบื่อแบบเรา คิดว่ามันปกติไหมล่ะ”
“…เพราะว่าไผ่น่าสนใจ”
ทางเดินเงียบกว่าปกติ
เศษกระดาษที่ตัดอยู่เมื่อกี้ ปลิวไถลตามแรงลมออกมาจากห้อง วิ่งเฉียดผ่านรองเท้าไป
“…ไผ่มีสเน่ห์ในแบบของตัวเอง”
“ยังไง”
“บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้”
ความรู้สึกในตอนนี้..
ก็บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้เหมือนกัน..
“…อย่าวิ่งหนีผมไปไหนเลยนะ”
เหมือนจะเห็นหิ่งห้อยตัวเล็กๆในอุโมงค์ที่มืดสนิท จึงเผลอเดินตามมันไปไม่รู้ตัว…
…………………………………….
………………………….
ขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน ก่อนลงจากรถก็ถูกดึงมือไว้ จึงต้องกลับเข้ามานั่งในรถใหม่
“เมื่อวานผมขอโทษจริงๆนะที่กลับไปก่อน พ่อโทรเรียกหน่ะ”
“…อืม”
“แล้วก็ขอโทษที่กลางวันไม่ได้ทักด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร…”
“ไม่ได้โกรธผมใช่ไหม?”
“ไม่ได้โกรธ”
“ไผ่…”
พอจะถามว่าอะไร ก็ถูกประกบด้วยริมฝีปาก
ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร วิ่งผ่านจากสัมผัสของอีกฝ่าย ลงไปถึงช่องว่างที่กลางตัว
เหมือนจะเห็นหิ่งห้อยอีกตัวนึง บินวนเข้ามาในอุโมงค์ที่เงียบเหงานี้
“…ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ยิ้มปิดท้าย..
แสบตาเสียจนต้องหลุบตาลง
ได้แต่ปล่อยให้กรอบแว่นหนาๆบังใบหน้าของเขาออกจากการมองเห็น
…………………………………..
………………………….
เช้านี้ เขามารับ
แม่ยังบ่นเหมือนเดิม “นี่ ยังไม่เลิกยุ่งกับคนนี้อีกหรือไง” มองไปไม่เห็นพ่อ คงจะไปทำงานแล้ว
“…ทำไมผมต้องเลิกยุ่งกับเขาด้วย”
“เห็นไหม? พอไผ่คบกับเขาแล้วเป็นไง ยอกย้อนใส่แม่ นี่ เดินหนีแบบนี้หมายความว่าไง”
พูดทับกลับไป ไม่สนใจฟังต่อ “ผมไปเรียนแล้วนะครับ” อีกไม่กี่วันก็จะสอบ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกหวั่นวิตกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง
รถคันใหม่ไม่คุ้นตา พอจะได้ยินมาว่าจอห์นรวย แต่ยังไม่เชื่ออะไรง่ายๆจนได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
มือถือก็ใช้ของใหม่ล่าสุด กระเป๋าเงิน นาฬิกา หรือแม้แต่สร้อยคอ..
จำได้ว่าคืนนั้น จ้องมองแต่สร้อยคอของเขา ที่แกว่งไปมาอยู่ตรงหน้า เป็นสร้อยรูปอะไรบางอย่าง… เป็นแค่เศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ชัดเจน
ในโรงเรียนที่แสนวุ่นวาย หลายๆคนไม่ได้ตระหนักถึงการสอบกลางภาคที่จะมาถึง ยังเล่นกีฬากันอย่างกับโลกนี้มีแต่ความสนุกสนาน ได้ยินเสียงลูกบาสกระทบกับพื้นก็แอบที่จะระแวงไม่ได้
กลัว กลัวลูกบาสเหล่านั้นจะกระทบเข้าแผ่นหลังอีก เผลอกระชับแว่นบนใบหน้าแน่น ไม่อยากให้หล่นแตกอีกอัน
“ไผ่?”
สะดุ้งตกใจ
มือของเขาโอบไว้ที่ไหล่ คงจะเป็นเพราะความอุ่นเมื่อครู่ที่ดึงขึ้นมาจากความคิดประสาทๆแบบนั้น
เขาขมวดคิ้ว จ้องลงมาใกล้เสียจนเห็นภาพตัวเองกำลังมองกลับ
“…ไม่มีอะไร”
“อย่าพูดแบบนี้สิ คราวที่แล้วกลางห้างก็ทีนึงแล้ว”
“…..”
กำลังจะพูดต่อ แต่พอเขาเห็นเพื่อนก็รีบขอตัววิ่งไปหา
ไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกทิ้ง แต่ยังรู้สึกถึงความอุ่นที่หัวไหล่…
…เผลอเอามือเลื่อนขึ้นไปวางทับสัมผัสจางๆนั่น ท่ามกลางสนามบาสที่น่าหวาดกลัว คิดว่าอาจจะผ่านพ้นความกลัวนั่นไปได้ด้วยสัมผัสนี้..
หลับตาลง..
เห็นหิ่งห้อยเพิ่มมาอีกตัวในความมืด…
……………………………
………………….
[Inert 3 : complete]
[25.12.54]
ตื่นมา..เพียงลำพัง
หนาว…
สิ่งที่ทิ้งไว้ให้เห็นคือผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่ เปื้อนคราบสีขาวขุ่นเต็มไปหมด ไม่รู้จะจัดการยังไงด้วยตัวคนเดียว เพราะผ้าปูที่นอน แม่จะเป็นคนเอาเข้าเครื่องซัก จึงดึงผ้าปูที่นอนออกทั้งผืน ยัดเข้าไปในห้องน้ำในห้องนอนแล้วล็อกเก็บไว้ ยังไงเวลานี้คงต้องเตรียมตัวไปเรียนก่อน
เจ็บสะโพก
เป็นความรู้สึกเหมือนบางอย่างฉีดขาด แต่พยายามอดทน
ไม่เคยรู้มาก่อนว่าระหว่างผู้ชายด้วยกันก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้เหมือนกัน
นึกไม่ออก..ว่าเมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง
รู้สึกคล้ายๆกับฤทธิ์ยากล่อมประสาท ที่ทำให้ขาดสติไปช่วงหนึ่ง หลงมัวเมาไปกับสิ่งเร้า…แต่อาจจะแค่คิดไปเอง
ยืนจ้องตัวเองในกระจก… คล้ายกับไปมีเรื่องชกต่อยกับใครมา
ตอนนี้แว่นอยู่บนหน้า ให้ความรู้สึกโล่งใจ เมื่อคืนถูกถอดแว่นออก มองอะไรไม่ชัดสักอย่าง แม้แต่ภาพคนที่โอบกอดตัวเองไว้ยังเห็นแค่ลางๆ
อาบน้ำเสร็จ แปะพลาสเตอร์ไว้ที่คอ ปิดรอยสีแดงเป็นจ้ำๆ บางรอยใหญ่ จนคิดว่าข้ออ้างยุงกัดฟังดูไม่ขึ้น ออกมานอกห้อง ดูเหมือนแม่จะสังเกตเห็น “รอยอะไรบนคอแกนะ”
“ยุงกัดครับ”
“เปิดหน้าต่างทิ้งไว้หล่ะสิ…บอกตั้งกี่ครั้งแล้วว่าให้ปิดหน้าต่าง”
“…แม่เห็น…อีกคนไหม?”
เพื่อน?
ไม่กล้าพูดคำนี้ออกไป
ตอนนี้ความสัมพันธ์มันอยู่ที่ตรงไหนกัน ก่อนวินาทีนี้ย้อนกลับไปเก้าชั่วโมง ยังอยู่ก่ำกึ่งระหว่างคนแปลกหน้ากับเพื่อน แล้ว ณ วินาทีหล่ะ มันเลื่อนไปอยู่ตรงไหน
“กลับไปตั้งแต่เมื่อคืน ฝากบอกว่าพรุ่งนี้คงมารับไผ่ไม่ได้”
“…หรอครับ”
“ทำอะไรกันหน่ะ ติวหนังสือหรอ?”
“ครับ”
“…อย่าเสียเวลาไปกับสิ่งไร้สาระให้มากนะ ก็น่าจะรู้ว่าตอนนี้ต้องสนใจเรื่องอะไรมากที่สุด”
อนาคตในรั้วมหาลัย ฟังดูน่าเบื่อ
ไม่อยากจะพูดคุยต่อ จึงยกมือลาแล้วเดินออกจากบ้าน ระหว่างที่กำลังปิดประตูรั้วก็เห็นรถแท็กซี่คันนึงขับผ่านมาพอดี
ไม่ได้นั่งรถแท็กซี่มาโรงเรียนเองสักพักแล้ว…
ในเวลาที่ยื่นมือออกไปกวักเรียก..ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่างกำลังกระซิบเสียงบางเบาจนฟังไม่รู้เรื่องอยู่ในหัว
………………………..
………………….
“…ไผ่ วันนี้อยู่ช่วยทำรายงานตอนเย็นด้วยนะ”
“กี่โมง”
“อืม..ก็เสร็จคาบชีวะแล้วทำต่อหน่ะ..”
“บางทีเราอาจจะต้องกลับก่อน แบ่งงานมาเลยก็ดี”
“เฮ้ย งานกลุ่มนะ ช่วยกันดิ” เพื่อนผู้ชายอีกคนหนึ่งยื่นหน้าเข้ามาพูด ไม่อยากจะคุยด้วย เลยหยิบหนังสือจากใต้โต๊ะขึ้นมาอ่าน ตั้งเป็นเหมือนป้อมเล็กๆกันผู้คนเหล่านั้นออกไปจากโลกตัวเอง
“ถ้าพูดแบบนั้น..แบ่งงานให้เราเยอะกว่าคนอื่นก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก”
“…ไม่ใช่อะไรหรอกนะ ไผ่ พวกเรารู้สึกไม่ดีที่นายทำงานเยอะอยู่คนเดียวหน่ะ” ผู้หญิงที่จำชื่อไม่ได้ทำหน้าหงอยๆสารภาพอยู่เก้าอี้ข้างๆ ไม่ได้หันหน้าไปมอง แต่เห็นภาพนั้นผ่านกระติกน้ำแสตนด์เลสที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
“…ไม่เป็นไรหรอก เราไม่รู้สึกอะไรอยู่แล้ว”
ไม่รู้สึกอะไร…จริงๆ
ชั่วขณะหนึ่ง รู้สึกถึงช่องว่างในตัวกำลังขยายขนาดขึ้นอีก..
……………………………..
……………………..
มื้อกลางวัน
โรงอาหารไม่ใช่เล็กๆ ไม่ได้มองหา แต่ก็กวาดสายตาไปรอบๆ
เห็นเขานั่งอยู่ตรงนั้น..
จอห์นนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อน เสียงดังเฮฮามาถึงตรงนี้ ตรงที่ยืนอยู่ ในมือถือช้อนกับซ้อม ดูก็รู้ว่ายังไม่มีที่นั่ง
เห็นจอห์นมองมาทางนี้ เป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะตวัดสายตากลับไปยังโต๊ะที่ตัวเองนั่งอยู่
ไม่ได้สนใจ…มองผ่านเหมือนเป็นแค่อากาศโปร่งแสง
ถึงได้ตระหนักขึ้นได้ว่า…คงจะถูกหลอกเข้าซะแล้ว
………………………………………..
………………………….
“…ไผ่ ทำอะไรอยู่”
เหลือบตามองขึ้นจากกระดาษที่กำลังตัดตามรอยดินสอ จอห์นยืนอยู่ตรงนั้น ยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้นึกถึงไอศครีมเมื่อวาน
“ทำงานกลุ่ม”
“หรอ มีอะไรให้ผมช่วยไหม?”
“ไม่ต้อง เดี๋ยวก็จะกลับบ้านแล้ว”
“จะเอาไปทำต่อที่บ้านหรอ?”
ไม่ได้ตอบ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
ทั้งห้องเงียบกริบ มีเพียงแค่สองคนที่นั่งอยู่ตรงนี้
ดูเหมือนคนอื่นๆจะวิ่งลงไปดูคอนเสริต์ที่รุ่นพี่จัด ได้ยินเสียงมาถึงตรงนี้ น่ารำคาญ แต่เพราะว่ามือถือที่มีไม่ได้ใส่เพลงอะไรลงไปเลย จึงไม่รู้จะทำยังไง
“…ตอนกลางวันเราเห็นนาย”
“ห้ะ? แต่ผมไม่เห็นจะเห็นไผ่เลย”
..ไม่เห็นหรอ?
จะเชื่อได้หรือเปล่า คำพูดของคนๆนี้
เงยหน้าขึ้นมามองตรงๆ ก็เห็นดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจ้องกลับมา อ่านสายตาไม่ออก เพราะไม่มีความสามารถในเรื่องนี้อยู่แล้ว รู้ว่าตนเองเป็นพวกมองโลกในแง่ร้าย ตัดสินใครไปก่อน แต่นั้นก็เพื่อปกป้องความรู้สึกอันแสนว่างเปล่าของตนเองทั้งนั้น
มือถูกคว้าไปจับ ตกใจจนทำกรรไกรในมือหล่นออก กำลังจะก้มลงเก็บ เขาก็เก็บมันให้ก่อน
“เมื่อวาน ขอโทษนะที่ผมกลับไปก่อน”
“…ไม่ได้เป็นอะไรอยู่แล้ว ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย”
“หรอ…ไม่รู้สึกอะไรเลย? แต่ผมรู้สึกดีนะ”
“นายเคยมีอะไรกับผู้ชายมาก่อนหรอ?”
“เปล่า ไผ่คนแรก”
ช่ำชอง..
ดูก็รู้ว่าผ่านมามากขนาดไหน…
ผู้ชายคนแรก แต่ถ้านับสัตว์สองขาที่เรียกว่ามนุษย์ คงมากกว่าหนึ่งคนสินะ
“…ทำไมไผ่ทำหน้าแบบนั้น”
“เปล่า…ไม่ได้คิดอะไร”
“จะกลับบ้านแล้วหรอ?”
“ใช่ ไม่ต้องไปส่ง”
“ทำไมเย็นชากับผมจัง”
“แม่สั่งห้ามกลับดึก…แล้วแม่ก็บอกว่านายไม่น่าไว้ใจ”
ข้อความข้างหลังเติมท้ายลงไปเอง อยากรู้ว่าคนตรงหน้าจะรู้สึกยังไง
…หน้าเสีย
สองคำที่บรรยายได้
อย่างน้อยก็คงจะรู้สึกถึงข้อความเสียดแทงที่ส่งไป ทำหน้าอึกอักพูดไม่ถูกอยู่สักพักก็ลุกตามออกมา “แม่ไผ่ไม่ได้รู้จักผมนิ ทำไมถึงพูดแบบนั้นหล่ะ?”
“…นายดูเป็นคนน่าไว้ใจหรอ?”
“ไผ่…ไม่เห็นความจริงใจของเราเลยหรอ?”
“นายนอนกับคนที่พึ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงอาทิตย์ แถมยังเป็นผู้ชายน่าเบื่อแบบเรา คิดว่ามันปกติไหมล่ะ”
“…เพราะว่าไผ่น่าสนใจ”
ทางเดินเงียบกว่าปกติ
เศษกระดาษที่ตัดอยู่เมื่อกี้ ปลิวไถลตามแรงลมออกมาจากห้อง วิ่งเฉียดผ่านรองเท้าไป
“…ไผ่มีสเน่ห์ในแบบของตัวเอง”
“ยังไง”
“บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้”
ความรู้สึกในตอนนี้..
ก็บรรยายเป็นคำพูดไม่ได้เหมือนกัน..
“…อย่าวิ่งหนีผมไปไหนเลยนะ”
เหมือนจะเห็นหิ่งห้อยตัวเล็กๆในอุโมงค์ที่มืดสนิท จึงเผลอเดินตามมันไปไม่รู้ตัว…
…………………………………….
………………………….
ขับรถมาส่งถึงหน้าบ้าน ก่อนลงจากรถก็ถูกดึงมือไว้ จึงต้องกลับเข้ามานั่งในรถใหม่
“เมื่อวานผมขอโทษจริงๆนะที่กลับไปก่อน พ่อโทรเรียกหน่ะ”
“…อืม”
“แล้วก็ขอโทษที่กลางวันไม่ได้ทักด้วยนะ”
“ไม่เป็นไร…”
“ไม่ได้โกรธผมใช่ไหม?”
“ไม่ได้โกรธ”
“ไผ่…”
พอจะถามว่าอะไร ก็ถูกประกบด้วยริมฝีปาก
ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร วิ่งผ่านจากสัมผัสของอีกฝ่าย ลงไปถึงช่องว่างที่กลางตัว
เหมือนจะเห็นหิ่งห้อยอีกตัวนึง บินวนเข้ามาในอุโมงค์ที่เงียบเหงานี้
“…ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
ยิ้มปิดท้าย..
แสบตาเสียจนต้องหลุบตาลง
ได้แต่ปล่อยให้กรอบแว่นหนาๆบังใบหน้าของเขาออกจากการมองเห็น
…………………………………..
………………………….
เช้านี้ เขามารับ
แม่ยังบ่นเหมือนเดิม “นี่ ยังไม่เลิกยุ่งกับคนนี้อีกหรือไง” มองไปไม่เห็นพ่อ คงจะไปทำงานแล้ว
“…ทำไมผมต้องเลิกยุ่งกับเขาด้วย”
“เห็นไหม? พอไผ่คบกับเขาแล้วเป็นไง ยอกย้อนใส่แม่ นี่ เดินหนีแบบนี้หมายความว่าไง”
พูดทับกลับไป ไม่สนใจฟังต่อ “ผมไปเรียนแล้วนะครับ” อีกไม่กี่วันก็จะสอบ เป็นช่วงเวลาที่รู้สึกหวั่นวิตกเหมือนมีผีเสื้อบินอยู่ในท้อง
รถคันใหม่ไม่คุ้นตา พอจะได้ยินมาว่าจอห์นรวย แต่ยังไม่เชื่ออะไรง่ายๆจนได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
มือถือก็ใช้ของใหม่ล่าสุด กระเป๋าเงิน นาฬิกา หรือแม้แต่สร้อยคอ..
จำได้ว่าคืนนั้น จ้องมองแต่สร้อยคอของเขา ที่แกว่งไปมาอยู่ตรงหน้า เป็นสร้อยรูปอะไรบางอย่าง… เป็นแค่เศษเสี้ยวความทรงจำที่ไม่ชัดเจน
ในโรงเรียนที่แสนวุ่นวาย หลายๆคนไม่ได้ตระหนักถึงการสอบกลางภาคที่จะมาถึง ยังเล่นกีฬากันอย่างกับโลกนี้มีแต่ความสนุกสนาน ได้ยินเสียงลูกบาสกระทบกับพื้นก็แอบที่จะระแวงไม่ได้
กลัว กลัวลูกบาสเหล่านั้นจะกระทบเข้าแผ่นหลังอีก เผลอกระชับแว่นบนใบหน้าแน่น ไม่อยากให้หล่นแตกอีกอัน
“ไผ่?”
สะดุ้งตกใจ
มือของเขาโอบไว้ที่ไหล่ คงจะเป็นเพราะความอุ่นเมื่อครู่ที่ดึงขึ้นมาจากความคิดประสาทๆแบบนั้น
เขาขมวดคิ้ว จ้องลงมาใกล้เสียจนเห็นภาพตัวเองกำลังมองกลับ
“…ไม่มีอะไร”
“อย่าพูดแบบนี้สิ คราวที่แล้วกลางห้างก็ทีนึงแล้ว”
“…..”
กำลังจะพูดต่อ แต่พอเขาเห็นเพื่อนก็รีบขอตัววิ่งไปหา
ไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกทิ้ง แต่ยังรู้สึกถึงความอุ่นที่หัวไหล่…
…เผลอเอามือเลื่อนขึ้นไปวางทับสัมผัสจางๆนั่น ท่ามกลางสนามบาสที่น่าหวาดกลัว คิดว่าอาจจะผ่านพ้นความกลัวนั่นไปได้ด้วยสัมผัสนี้..
หลับตาลง..
เห็นหิ่งห้อยเพิ่มมาอีกตัวในความมืด…
……………………………
………………….
[Inert 3 : complete]
[25.12.54]
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น