[FIC EXO] Hikari KrisHo ft.TaoHun - [FIC EXO] Hikari KrisHo ft.TaoHun นิยาย [FIC EXO] Hikari KrisHo ft.TaoHun : Dek-D.com - Writer

    [FIC EXO] Hikari KrisHo ft.TaoHun

    รักษาสัญญา

    ผู้เข้าชมรวม

    721

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    721

    ความคิดเห็น


    6

    คนติดตาม


    10
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.ค. 57 / 23:32 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    เรื่องนี้เป็นเรื่่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการล้วนๆ(อาจจะมีอะไรที่มันไม่สมเหตุสมผลบ้าง)
    เรื่องนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับศิลปินทั้งสิ้น
    เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับชช
    เป็นเรื่องแรกที่แต่ง(จบ)
    ถ้าไม่ชอบกดปิดได้นะคะ
    ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Hikari (KrisHo)

      แสงสว่างตรงปลายทางนั้นเธอเห็นมันมั้ย?

      เราจะไปพบกันที่นั้น J

       

      6ปีที่แล้ว

      โรงเรียนชายล้วนแห่งหนึ่งมีเสียงคึกคักและเสียงดนตรีคลอเบาๆทำให้ในโรงเรียนไม่เงียบเกินไป วันนี้เป็นวันที่ทุกคนภาคภูมิใจ ไม่ใช่ตัวเองที่จะภาคภูมิใจแต่เป็นพ่อแม่ของตนด้วยที่ภาคภูมิใจในความสามารถของลูก ใช่ วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของนักเรียนม.ปลายปี3 ทุกคนต่างล้วนมีความสุขในวันนี้ วันที่พวกเขาจะได้ก้าวสู่รั้วมหาลัย เปิดโลกใหม่ที่พวกเขาไม่เคยเห็น ได้ทำตามในสิ่งที่พวกเขาฝัน ทำในสิ่งที่พวกเขาอยากทำ แต่ไม่ใช่กับชายหนุ่มตัวขาว ร่างเล็ก คนนี้ เพราะถึงแม้เขาจะมีความฝันและพรสวรรค์ต่างๆมากมายพร้อมที่จะทำให้เขาตามฝันตัวเองได้อย่างง่ายๆ แต่เขาก็กำลังกังวนบางอย่าง บางอย่างที่จะทำให้ชีวิตเขาเปลี่ยนไป

      “จุนมยอน!!”เสียงทุ้มจากด้านหลังทำให้คนตัวขาวที่กำลังเหม่ออยู่สะดุ้งสุดตัวแล้วหันไปตามเสียงเรียก

      “คะ..คริส เฮ้ออ”คนตัวเล็กเรียกชื่อของคนที่อยู่ตรงหน้าพลางถอนหายใจ ตกใจแทบแย่

      “เหม่ออะไรอยู่น่ะ เพื่อนๆเขาไปรวมกันถ่ายรูปแล้วนะ”คนตัวสูงที่ยืนมองเขาอยู่พูดพร้อมระบายยิ้มออกมา ยิ้มที่เขามองแล้วไม่มีวันเบื่อเลย นานๆที่คนอย่างคริสจะยิ้ม มันยากนะที่จะทำให้คริสยิ้มได้จริงใจแบบนี้

      “ก็เรื่องเรื่อยเปื่อยหน่ะ ช่างมันเถอะ ไปถ่ายรูปกัน”คนตัวเล็กกว่าลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแต่ก็ไม่สูงเท่าคนตรงหน้าเข้าสักที จุนมยอนปัดเศษใบไม้ ใบหญ้าที่ติดตามกางเกงออกก่อนที่จะจับมือของคนตัวสูงแล้วให้เดินไปด้วยกัน คนที่ถูกลากมาก็ไม่ได้ขัดขืนอะไรยอมเดินตามมาด้วยดีๆ

       

      “คริส”คนตัวขาวที่จับมืออยู่กับคนตัวสูงเรียกชื่อแล้วหันไปมองหน้าอีกคนหนึ่ง

      “ว่าไง?”คริสมองกลับด้วความสงสัยว่าคนตัวเล็กเรียกเขาทำไม แถมยังทำหน้ากังวลอีก

      “เอ่อ.....นายจะไปจีนจริงๆหรอ”พูด พูดออกไปแล้ว คนัวเล็กพูดความในใจที่ค้างคามานานออกไปแล้ว เมื่อคนตัวสูงได้ยินก็หยุดนิ่งแล้วหันมามองหน้าจับอีกคนมาเผชิญหน้ากันจังๆแล้วมองเข้าไปในดวงตาสีดำก่อนจะพูดบางสิ่งบางอย่าง

      “จุนมยอนฟังฉันนะ ถึงฉันจะไม่อยากไปแค่ไหนก็ตามแต่ยังไงฉันก็ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันต้องตามแม่ไปนะ”ตกลงนายจะไปจริงๆใช่มั้ยคริส

      “แต่นายสัญญากับฉันได้มั้ยว่าจะรอกันก่อน รอฉันกลับมา กลับมาอยู่กับนาย”

      “....”

      “จุนมยอนจะสัญญาได้มั้ย”

      “อื้ม เราสัญญา เราจะรอนายกลับมา ฮึก คริส ฮืออออ”

       

      “คริส ซื้ออันนี้มั้ย มันเป็นคู่ด้วยนะเราจะได้ใช้คู่กัน”คนตัวเล็กผิวขาวชี้ไปที่แก้วคู่ที่ตั้งเรียงกันอยู่มีหลายแบบหลายขนาดเลยหล่ะ ตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันน่ะหรอ คิกคิก หลังจากถ่ายรูปกับเพื่อนๆเสร็จคริสก็ลากเขามาห้างใจกลางเมืองทันที คริสชวนเขาไปดูหนัง กินข้าว พาไปกินไอศครีม แล้วก็พามาเดินเล่นต่อ มันอาจจะเป็นเหมือนเดทธรรมดาทั่วไป แต่วันนี้มันพิเศษกว่าวันไหนๆนะ ซึ่งมันก็เหลื่อเวลาไม่ถึง24ชั่วโมงด้วยซ้ำที่จะอยู่กับคนที่เรารัก งั้นก็ขอเก็บความทรงจำนี้ก่อนที่คริสจะไปจีนแล้วกัน

      “เอาสิ น่ารักดีนะ นายเอาลายหมีขาวไป เดี่ยวฉันเอาหมีน้ำตาลนี่เอง”คริสหันมาตอบรับแล้วส่งยิ้มมาให้พลางหยิบแก้วคู่นั้นไปจ่ายตั้ง

      หลังจากที่เดินซื้อของกันเยอะแยะละเดินเล่นกันจยเหนื่อยแล้วคริสก็พาเขาไปที่สวนสาธารณะที่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีคนแล้วหล่ะ แต่ก็พอมีบ้างที่จะไม่ทำให้เงียบเหงาเกินไป

      “นี่ คริส เราหิวอ่ะ”

      “หื้ม?? วันนี้กินไปตั้งเยอะแล้วนะยังไม่อิ่มอีกหรอ?”

      “งื่อออ ก็ใครหล่ะที่พาเดินไปนู้นไปนี้ เหนื่อยอ่ะก็เลยหิว”

      “5555 ขอโทษครับ งั้นรออยู่ตรงนี้นะเดี่ยวไปหาซื้อไรให้กิน”

      “ไม่เอา ไปด้วยกันสิ”คนตัวเล็กจับชายเสื้อของคนตัวสูงไว้ก่อนที่จะเดินออกไปไหน ก้มหน้าพูดเสียงงุ้งงิ้งจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง

      “กลัวผีหรอ?”คนที่ตัวสูงกว่าหันหน้ามาถามกวนๆพลางก้มมองแก้มขาวที่ตอนนี้มีสีแดงระเรื่อ

      “ปะ..เปล่าซะหน่อย เราแค่...ไม่อยากให้คริสไปคนเดียว”

      “ครับๆ งั้นไปกัน”

      วันนี้เป็นวันที่มีความสุขจริงๆนะแต่ถึงแม้ว่าระยะเวลามันจะสั้นไปหน่อย ก็อย่างที่เขาบอกว่าเวลาแห่งความมสุขนั้นสั้นเสมอ

      “ถึงบ้านแล้วนะจุนมอน”คนตัวสูงพูดกับคนที่นอนหลับอยู่บนหลังของเขาแทนที่คนตัวเล็กจะตื่นกลับแค่ส่งเสียงครางรับเท่านั้นแต่ก็ไม่ยอมลืมตา

      “อื้อออ”

      “อย่าขี้เซานักสิ ฉันอยากได้ภรรยาที่ตื่นเช้ามาทำอาหารให้นะ ถ้าขี้เซาแบบนี้แล้วใครจะทำอาหารให้ฉันกินหล่ะ”

      “ก็คนมันง่วงนิ แล้วอีกอย่างคริสต่างหากที่ต้องทำให้เรากิน คิก”คนตัวเล็กบนหลังพูดเสียงงัวเงียและพยายามลืมให้เต็มตาก่อนที่จะลงจากหลังคนตัวสูง

      “จุนมอนฉันต้องไปจริงๆแล้วนะ อย่าลืมสัญญาของเราหล่ะ”คริสพูดพร้อมลูบหัวคนตรงหน้า

      “อื้ม เราไม่ลืมหรอก”คนตัวเล็กพูดพลางกลั้นน้ำตาที่มันกำลังจะไหลออกมา

      “งั้น เข้าบ้านได้แล้วนะครับ”คริสจะเดินจากไปแล้วแต่ก็โดนมือเล็กๆนั้นรั้งเอาไว้ก่อนที่คนตัวเล็กจะใจกล้าดึงตัวคนตัวสูงมาจูบ ถึงจะเป็นแค่ปากแตะปากเท่านั้นก็เถอะแต่นั้นทำให้คนตัวเล็กหน้าแดงได้แล้ว น้ำตาที่กลั้นไว้ก็ไหลออกมาอย่างเก็บไม่อยู่

      …………

      10ปีต่อมา

      กริ๊งงงง กริ๊งงงง

      “...”

      กริ๊งงงง กริ๊งงงง

      “อืม..อยู่ไหนนะ”คนที่นอนอยู๋ใต้ผ้าห่มควานหาเสียงของโทรศัพท์พลางงึมงำหา จำได้ลางๆว่าวางไว้โต๊ะข้างเตียง แต่อยู่ไหนนะ คนตัวขาวได้ผ้าห่มจึงตื่นเต็มตาหาโทรศัพท์ของตนที่ยังแผดเสียงไม่หยุด นั้น ไปอยู่ข้างล่างได้ไงนะ คนตัวขาวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับก่อนที่จะโดนคนปลายสายสาปแช่งไปมากกว่านี้

      “สวัสดีครับ จุนมยอนพูดครับ”คนตัวขาวที่พึ่งตื่นพยายามทำเสียงไม่ให้งัวเงียที่สุด

      “จุนม่า ไหนบอกว่าจะออกมาข้างนอกกับผมไง แล้วนี้พี่อยู่ไหน พี่คงไม่ปล่อยให้ผมอยู่คนเดียวนะ”

      “อ่า เทาพี่ขอโทษ พี่พึ่งตื่นน่ะ แต่รอพี่ก่อนนะ”

      “จุนม่า ถ้าผมเจอซาแซงจะทำยังไง”

      “นายก็วิ่งหนีไปก่อนแล้วกัน เดี่ยวพี่จะรีบไปหา”พูดจบก็กดตัดสายแล้วรีบเข้าห้องน้ำไปชำระร่างกายแต่งตัวเตรียมออกไปหานักแสดงชายจอมยุ่งที่เขาดูแลอยู่ อ้อ ลืมบอกไปว่าผมน่ะเป็นผู้จัดการดาราหลังจากออดิชั่นไม่ผ่านอยู่หลายรอบเลยมาเอาดีทางด้านนี้แทน รีบไปดีกว่าเดี่ยวดาราของเขาจะโดนซาแซงจับตัวไป

      ............

      “เฮ้ออออ เหนื่อยแทบแย่เพราะจุนม่าคนเดียวเลย”ดาราหนุ่มชื่อดังที่ตอนนี้พลางตัวโดยการสวมแว่นดำอย่างเดียว(?)บ่นออกมาพลางหาที่หลบพวกแฟนคลับได้แล้ว ที่เหลือก็แค่รอผู้จัดการตัวขาวมารับไปที่นั้น

      อยากไปเร็วๆจัง ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ เพราะจุนม่าคนเดียวเลยที่ทำให้เขาต้องไปสาย

      หลังจากยืนหอบจนหายเหนื่อยดาราหนุ่มร่างสูงก้ยืดตัวตรงมองไปรอบๆว่าแฟนคลับของเขาไปกันหมดแล้วรึยัง เมื่อมงว่าไม่เห็นใครเลยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก พลันสายตาก็มองไปเห็นร้านขายชาไข่มุกอยู่ตรงอีกฝั่งของถนน เขาจำได้ว่าชาไข่มุกเป็นของโปรดของเด็กคนนั้นซื้อไปฝากดีกว่า ว่าแล้วก็เดินข้ามถนนไปพลางสอดส่ายสายตาหาแฟนคลับของเขาไปด้วยว่าจะมาเห็นเขารึเปล่า แล้วตอนนี้เจ้าก็ขี้เกียจวิ่งแล้วด้วยต้องระวังตัวหน่อย

      กริ๊งงงงง

      “ฮัลโหล จุนม่า”

      “อาเทานายอยู่ไหน”

      “ผมอยู่ร้านชาไข่มุกอ่ะบอกแค่นี้คงรู้นะ ถ้าไม่รู้ก็ลาออกจากเป็นผู้จัดการผมได้เลย ฮึ่ยยย”ขอประชดสักนิดเถอะ ผู้จัดการอะไรทำไมต้องให้คอยดูแลคอยโทรตามตลอดด้วยนี่ผมเป็นดาราหรือเป็นผู้จัดการกันแน่เนี่ย

      แต่ก็อย่างว่าผมสนิทกับผู้จัดการคนนี้ไปแล้วถ้าให้เปลี่ยนคงไม่มีใครดีเท่านี้แล้วหล่ะ สนิทจนเป็นครอบครัวเดียวกันไปแล้วเพราะงั้นผมเลยเรียกผู้จัดการตัวเองว่าจุนม่าไง มีปัญหาอะไรจุนม่าจะออกรับแทนตลอดเพราะไม่อยากให้ผมเสียหายและผมก็โดนดุไปหลายรอบเหมื่อนกันทำไงได้หล่ะปํญหาเข้ามาหาผมเอง ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งเลยด้วยซ้ำ

      ปี๊น ปี๊น

      เสียงบีบแตร่รถคันหรูที่มาจอดเทียบตรงฟุตบาทจนทุกคนที่อยู่แถวนั้นต้องหันไปมอง จะไม่หันไปมองได้ไงหล่ะอยู่ๆก็ทำให้เกิดเสียงดัง ไม่โดนสาปแช่งก็ดีแค่ไหนแล้ว พอผมเห็นว่าเป็นรถของจุนม่าก็รีบจ่ายตังค์ค่าชาไข่มุกแล้วรีบเดินขึ้นรถไปทันที

      …………

       

      “เทา ใส่แว่นสิ นี่ใส่หมวกด้วย”ผมหันไปจัดการการแต่งตัวของดาราใต้ตาดำก่อนที่เขาจะลงจากรถไปแบบไม่ปกปิดอะไรเลย

      “จุนม่านี่ผมามาโรงพยาบาลนะไม่ได้จะไปปล้นร้านทองไม่ต้องแต่งให้มิดชิดก็ได้”เทาบ่นหน่อยๆก่อนจะยอมใส่หมวกดี

      “แล้วใครกันที่เมื่อเช้าวิ่งหนีแฟนคลับเพราะใส่แว่นดำแค่อย่างเดียว”อดที่จะว่าไม่ได้เป็นถึงดาราดังแบบนี้ทำไมไม่ห่วงความปลอดภัยของตัวเองเลย ยิ่งแฟนคลับเยอะเท่าไหร่ความปลอดภัยก็น้อยลงเท่านั้น อย่าพูดถึงความเป็นส่วนตัวเลย แทบจะไม่มี แล้วนี่ไม่มีตารางงานมาได้ขนาดนี่ก็ดีแค่ไหนกันแล้ว ได้แต่บ่นต้อในใจต่อให้พูดไปก็ไม่ฟังกันหรอกเด็กดื้อย่างเทาน่ะ

      “ผมลงไปก่อนนะ พี่อย่าลืมเอาของหลังรถไปหาคุณหมอปาร์คด้วยหล่ะ”

      “อืมๆ ไม่ลืมหรอก เอาไปให้แล้วจะตามไป”

      “ครับ”พอรับคำจบคนตัวสูงก็เดินออกจากรถไปทันที

      ที่เทามาโรงพยาบาลทุกครั้งที่เจ้าตัวไม่มีตารางงานแบบนี้เพราะเด็กคนนั้นที่เทาขับรถชนเมื่อ2เดือนก่อน แล้วเด็กคนนี้พึ่งจะฟื้นเมื่อ2อาทิตย์ที่แล้วเอง เทาถึงได้มาที่นี้บ่อยๆไม่รู้ว่ารู้สึกผิดหรืออะไรกันแน่ เขาว่ารู้สึกผิดก็ส่วนหนึ่งแต่อีกส่วนเขาว่าไม่ใช่

       

      ............

      “55555 เซฮุนนายกินเลอะน่ะ”

      “อ่า จริงหรอครับ”

      “มาๆ เดี่ยวฉันเช็ดให้”

      “งื่อออ”

      บทสนทนาข้างบนไม่มีอะไรมากแค่มันทำให้บรรยากาศทั้งห้องคนไข้พิเศษกลายเป็นสีชมพูเท่านั้นเอง เห็นแบบนี้แล้วนึกถึงตอนที่เขาคนนั้นยังอยู่ข้างๆกันอยู่เลย ทำไมนายยังไม่กลับมาสักทีเรารอนายอยู่น่ะรู้มั้ย ถ้านายกลับมานายจะกลับมาแบบไหนนะ นาบแบบชื่อดัง ดาราหนุ่มสุดหล่อ นักร้อง หรือว่าอะไรกัน ตั้งแต่คราวนั้นที่คริสไปจีนเขาก็ไม่ได้รับการติดต่ออีกเลย ได้ข่าวนายครั้งล่าสุดเมื่อต้นปีที่แล้ว ว่าจะมีดาราหนุ่มหน้าใหม่เข้าวงการที่จีน ซึ่งตอนนั้นเปิดไปเจอพอดีแถมคนๆนั้นยังหน้าคลายนายอีกด้วย ตั้งแต่ตอนนั้นเข้าก็ไม่รั้ข่าวอะไรอีกเลย เพราะมั่วแต่ยุ่งกับการเป็นผู้จัดการและก็เรื่องวงการบันเทิงภายในประเทศเท่านั้น เขาควรจะเปิดข่าวบันเทิงต่างประเทศให้มากกว่านี้นะ เรายังรอนายอยู่นะคริสรีบกลับมาเร็วๆหล่ะ

      “จุนม่า”

      “...”

      “จุนม่า”

      “หะ...ห๊ะ มีไรหรอ”

      “เหม่ออะไรหน่ะ”คนตรงหน้ามองด้วยความสงสัย

      “ก็เปล่า ว่าแต่มีอะไร”ผมถามออกไปด้วยความสงสัยพางมองเลยไปยังเตียงคนป่วยที่ตอนนี้กำลังนอนหลับตาพริ้มเลย

      “กลับกันเถอะ เซฮุนหลับแล้ว”เทาบอกก่อนที่จะเดินกลับไปที่เตียงอีกครั้งแล้วก้มลงมองหน้าคนป่วยที่นอนหลับตาอยู่”ฝันดีนะเซฮุน อย่าลืมฝันถึงฉันหล่ะ”เทาบอกแค่นั้นก่อนจะเดินออกไปที่ประตูแล้วเรียกให้ผมเดินตามออกไป

      “ผมอยากตัดผม”

      “หื้ม??”ผมหันไปมองหน้าเทาที่อยู่ๆก็พูดลอยๆออกมาโดยไม่เกรินนำอะไรเลย

      “เซฮุนบอกว่าทรงนี้ไม่หล่อ”

      “55555 นี่นายเชื่อเซฮุนมากกว่าเชื่อพี่อีกนะ สงสัยคงต้องให้เซฮุนมาเป็นผู้จัดการแทนแล้วหล่ะ”ทั้งที่เขาก็บอกหลายรอบแล้วว่าให้ไปตัดผม แต่เทาไม่เชื่อเขาเลย”งั้นปะ ไปตัดกัน”

      ..........

      “ซูโฮ ซูโฮ รอก่อน”เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ต้องหันไปมองว่าใครกันที่เรียกเขาไว้

      “ว่าไงครับพี่มินซอก”

      “เอ่ออ พี่ขอให้นายช่วยไรอย่างได้มั้ย”

      “ได้ครับ ว่าแต่เรื่องอะรหรอ”

      “พี่อยากให้นายไปรับดาราที่พึ่งมาจากจีนให้หน่อยสิ วันนี้พี่มีงานให้ทำจนล่นมือเลย พี่เลยอยากให้นายไปช่วยรับเขาแทนพี่หน่อยนะ”

      “ได้ครับ ว่าแต่เขาชื่อะไรหรอครับ มีรูปรึเปล่า”

      “เขาชื่อคริสน่ะ รูปตอนนี้พี่คงไม่มีหรอกแต่พี่จะบอกเขาให้แล้วกันว่านายจะไปรับแทน ฝากด้วยนะซูโฮ”

      “ครับ”เขาพยักหน้าก่อนที่จะเดินออกไปทีรถแล้วมุ้งหน้าไปที่สนามบิน คริสงั้นหรอ จะใช่คนๆคนเดียวกับที่เขารอรึเปล่านะ ก็ได้แค่หวังหล่ะนะคงจะไม่โชคดีขนาดนั้น คริสน่ะตอนนี้จะเป็นยังไงกันแน่นะ

      …………

      เมื่อมาถึงสนามบินผมก็หาคนที่คิดว่าเขาน่าจะออกมาแล้ว แต่จะว่าไปเขายังไม่รู้เลยว่าหน้าตาดาราคนนั้นเป็นแบบไหน แต่ขอหาคนตัวสูงๆไว้ก่อนหล่ะกัน ก็เขาเป็นดารานี่เนอะ ภาพลักษณ์ต้องออกมาดูดีอยู่แล้ว

      สายตาสอดส่องไปเรื่อยมองไปทุกที่ที่คิดว่าดาราคนนั้นต้องอยู่ พลันสายตาหันไปเจอผู้ชายร่างสูงกำลังยืนกดโทรศัพท์อยู่ ท่าทางแบบนั้นมัน

      แค่เห็นแผ่นหลังเขาก็จำได้แล้วว่าเป็นใคร

      คริส....

      Kris part

      หื้ม อะไรเนี่ย มารับไม่ได้แล้วไงต่ออ่ะ จะมีคนมารับแทน ชื่อซูโฮ เขาเปิดโปรแกรมแชทที่เด้งขึ้นมาอ่านก่อนที่จะคิ้วขมวดผูกกันเป็นโบว์ แล้วคนที่ชื่อซูโฮเนี่ยน่าตายังไงกัน ทำไมพี่มินซอกทำร้ายผมแบบนี้ อยากจะกรีดร้อง(?) ถ้าไม่ติดว่าผมไม่ได้อยู่ที่นี้นานจะหาทางไปเองแล้ว แต่ผมดันไม่อยู่ตั้งหลายปีอะไรๆก็พัฒนาขึ้นไม่เหมือนเค้าเดิมเลย แล้วที่นี้ต้องรอคนที่ชื่อซูโฮใช่มั้ย ผมอยากกลับไปเจอจุนมอนจะแย่ หลังจากเข้าบริษัทแล้วก็จะไปตามหาคนตัวเล็กว่าอยู่ที่ไหน จะเป็นยังไงบ้างนะ ทำงานอะไร สบายดีรึเปล่า

      เหตุผลที่ผมมาที่นี้ก็ไม่ใช่อะไร เพราะมีงานที่เป็นโปรเจคระหว่างทั้งสองค่ายซึ่งจะทำหนังสานสัมพันธ์อะไรก็ไม่รู้ผมไม่สนใจหรอก รู้แค่ว่าจะได้กลับมาเกาหลีก็ดีใจแทบแย่ อยู่นี่นั้นนับวันรอเลยหล่ะว่าจะได้มาเมื่อไหร่

      เฮ้อออ จุนมยอนนายยังรอฉันอยู่รึเปล่านะ

      ผมเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์แล้วมงหาคนที่จะมารับผม พอผมหันหลังไปก็เจอคนที่ผมคุ้นเคยกำลังจ้องมองมาทางผมอยู่ เขาจ้องผมนิ่งแล้วผมก็จ้องเขากลับเหมือนกัน ไม่อยากจะเชื่อจริงๆ นี่จุนยอนจริงๆหรอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน จุนมยอนก็ยังเหมือนเดิม ทั้งส่วนสูง สีผิว ริมฝีปากชมพูนั้น ยังเหมือนเดิมเลยนะ ก่อนที่ผมจะพูดอะไรออกไปโทรศัพท์ของจุนมยอนก็ดังขึ้นมาซะก่อน จุนมยอนรับโทรศัพท์แล้วผมก็เดิมเข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆ

      “ฮัลโหล พี่อยู่สนามบิน”

      ใครโทรมากันนะ นี่คริสไม่อยากจะรู้เลยจริงๆ แอบฟังหน่อยหล่ะกัน

      “ไปอีกแล้วหรอ นายนี่นะ”

      ใครกัน แล้วที่ไป ไปไหน ดูจุนมยอนจะเป็นห่วงคนปลายสายมากเลยนะ

      “อื้ม ดูแลตัวเองด้วยหล่ะ”

      ดูแลตัวเองงั้นหรอ งั้นคนปลายสายคงเป็นคนสำคัญสินะ คงไม่ใช่หรอกอาจจะเป็นน้องก็ได้ คริสนายคิดในแง่ดีไว้สิ

      พอคนตัวขาววางสายไปและมองมาที่เข้าแล้วทำท่าตกใจคงเพราะเขาอยู่ใกล้แล้วเจ้าตัวไม่รู้ตัวละมั้ง

      “จุนมยอน นายจริงๆใช่มั้ย”ผมถามออกไปพลางจับไหล่คนตรงหน้าแล้วเขย่าเบาๆ

      “เอ่อ...ใช่ ใช่สิ คิมจุนมยอน”

      “เป็นนายจริงๆด้วย ฉันนึกว่ากลับมาจะไม่เจอนายอีกแล้ว”ผมเข้าไปกอดคนตรงหน้าแน่นแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่สนใจเลยว่าที่ตรงนี้จะมีคนเดินผ่านแล้วมองมาที่พวกเรา

      “อื้อ คริสปล่อยก่อน เราหายใจไม่ออก”คนตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดพูดเสียงติดขัดและพยายามดิ้น

      “จุนมยอน นายยังรอฉันอยู่จริงๆด้วย”ตอนนี้บอกได้เลยว่าน้ำตาไหลจนกลั้นไม่อยู่แล้ว

      “ใครบอกว่าเราหรอนาย....”คนตรงหน้าทำหน้าเครียด

      “....”ฉึก นี่จุนมยอนไม่รอเขาแล้วหรอ งั้นคนที่คุยด้วยเมื้อกี้ก็คงเป็น....

      “เรามารับคริสต่างหาก ยินดีต้อนรับการกลับมานะ”คนตัวเล็กพูดจบก่อนที่จะระบายยิ้มออกมา เป็นยิ้มที่ไม่เห็นมานานแล้วจริงๆ

      ทั้งสองคนกอดกันท่ามกลางสายตาผู้คนมากมายที่เดินผ่านไปผ่านมา ตอนนี้คงไม่ต้องสนใจใครแล้วหล่ะ เหมือนกับว่าที่ตรงนี้ เวลานี้ มีแค่เราสองคนเท่านั้น การรอคอยที่เนินนานมันสิ้นสุดลงแล้วนะ

       

      มันยากนะที่จะมีคนที่รักษาสัญญาได้นานขนาดนี้จริงๆ แต่จะมีสักกี่คนที่รักษาศัญญากันได้ขนาดนี้จริงๆ

      ขอบคุณที่รักษาสัญญานะ

      …………

      Special part

      แสงแดดสาดส่องเข้ามาภายในห้องนอนสีขาวสะอาดตา กลิ่นลมทะเลก็พัดเข้ามาด้วยเช่นกันทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงรู้สึกตัวว่าควรจะตื่นได้แล้ว แต่คนตัวสูงที่นอนอยู่บนเตียงนั้นปัดป่ายหาคนที่นอนอยู่ข้างๆแต่ก็ไม่เจอทำให้ต้องลืมตาขึ้นมาดูว่าคนตัวเล็กที่นอนข้างๆเขาเมื่อคืนหายไปไหน

      “จุนมยอน!!”คริสผุดลุกขึ้นมองไปทั่วทั้งห้องแต่ก็ไม่เห็นว่าคนตัวเล็กอยู่ตรงไหน เขาเลยเดินออกไปนอกห้องเพื่อนหาคนตัวเล็กที่ตอนนี้เป็นห่วงว่าจะไปอยู่ไหน ก่อนที่จะได้เดินตามหาก็ได้กลิ่นอะไรแปลกๆที่ลอยออกมาจากห้องครัวก็รีบเดินเข้าไปเพื่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นในนั้น

      “จุนมยอน!!”คนตัวสูงที่เรียกชื่อคนตัวเล็กที่ตอนนี้ยืนมองกระทะด้วยสายตาละห้อย ก็จะไม่ให้แป็นแบบนั้นได้ไง ก็ในกระทะน่ะสิมีอะไรก็ไม่รู้ดำๆ มีกลิ่นไหม้อีกด้วย ควันนี่เต็มห้องครัวเลย

      “ฮึก ฮือออออ คริสสสส”คนตัวเล็กวิ่งมากอดเขาแล้วร้องไห้แทบจะตั้งหลักไม่ทันจนเกือบล้มลงไปกับพื้น

      “ร้องไห้ทำไม”คริสถามด้วยเสียงร้อนรนแล้วสำรวจร่างกายของคนที่เอาแต่ร้องไห้ว่าเป็นอะไรรึปล่า เพราะดูจากสภาพห้องครัวแล้วไม่เป็นเรื่องดีแน่ถ้าคนตัวเล็กจะไม่เกิดแผลอะไรเลย

      “ฮึก เรา เราทำห้องครัวพัง ฮือออ เราทำอาหารไม่ได้ ฮึก ฮือออ คริสคงจะเกลียดเราแล้วใช่มั้ย”ในเวลาที่คนตัวเล็กร้องไห้แบบนี้ใครๆมองคงเห็นว่าน่าเกลียด แต่ทำไมเวลาเขามองมันน่ารักนักนะ

      “โอ๋ๆ ไม่ร้องนะครับ ไม่เห็นเป็นไรเลย แล้วทำไมฉันต้องเกลียดนายด้วยหล่ะ”คริสถามด้วยความสงสัยพลางเช็ดน้ำตาให้คนตรงหน้า

      “ก็คริสบอกว่าอยากได้ภรรยาที่ตื่นมาทำอาหารเช้าให้ไม่ใช่หรอ”คริสชะงักไปเล็กน้อย นี่จุนมยอนยังจำได้อยู่อีกหรอ

      “มันก็จริงอ่ะนะ แต่นายทำไม่เป็นฉันทำให้ก็ได้ อีกอย่างฉันไม่อยากให้นายเหนื่อยหรอกนะ แค่เป็นผู้จัดการเด็กนั้นก็เหนื่อยจะแย่แล้วไม่ใช่หรอ”

      “แต่ว่านาย...”

      “ฉันไม่เป็นไรหรอกน่า ช่วงพักหลังๆนี้ฉันก็ไม่ค่อยมีงานแล้ว จะให้ฉันอยู่เฉยๆได้ไงกัน”

      “แต่ตารางอีก2เดือนหน้า งานคริสแน่นเอี๊ยดเลยนะ เราอยากให้คริสพักผ่อน”

      “งั้นนายก็ต้องไปเรียนทำอาหาร”

      “อื้อ เราจะไปเรียน”คนตัวเล็กพยักหน้ารับโดยง่าย

      “มีข้อแม้ว่าต้องเรียนกับฉันเท่านั้นนะ”

      “อื้อ”คนตัวเล็กพยักหน้าหงึกหงัก

      “ว่าแต่เช้านี้จะกินอะไรหล่ะเนี่ย”

      “เราขอโทษ เราเอามันไปทำหมดแล้ว”คนตัวเล็กทำหน้าเศร้า

      “หึหึ ถ้าวันนี้ไม่มีข้าวเช้ากิน ก็กินจุนมยอนก่อนแล้วกัน”คริสกำลังจะก้มหน้าลงไปหาอีกคนแต่ก็ถูกผลักจนเซไปด้านหลังก่อนที่คนตัวเล็กจะวิ่งหนีเข้าห้องไป คิดว่าหนีเข้าห้องจะรอดหรอนี้มันเปิดทางให้เขาชัดๆ

      บอกไว้เลยว่าผมไม่ได้หื่น แต่ก็อย่าหวังว่าคนที่หนีเข้าห้องไปจะรอด

      (END)

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×