ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ระวัง!! ไวรัสสื่อรัก

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ ๖.๒

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 48


    บทที่ 6 (ต่อ)



    หลังจากที่ทั้งอ้อน ทั้งขอร้อง ทั้งขู่ญาติผู้พี่ของเพื่อนหนุ่มได้แล้ว สรินดาก็ได้เก็บสัมภาระสิ่งของที่มีอยู่น้อยนิดใส่ลัง เตรียมจะย้ายไปอยู่กลับหลิงสมใจอยาก แต่กระนั้น..ทำไมใจถึงโหวงๆชอบกลนะ



    “ไม่ไปบอกคุณเคนเขาหน่อยเหรอ” อานนท์เอ่ยขึ้นมาเหมือนจะสั่งมากกว่าถาม และยังไม่ทันจะขาดคำ ร่างสูงของเจ้านายเพื่อนหนุ่มก็เดินมา พร้อมกับองครักษ์คู่ใจหุ่นสมบูรณ์



    “เฮ้! นี่เธอเก็บของจะไปไหน”



    นัยน์ตาสีน้ำตาลของหญิงสาว หันขวับมาที่อานนท์ทันที หากเจ้าตัวกลับมีสีหน้าเหรอหรางุนงงไม่แพ้เธอ เหมือนจะบอกให้รู้ไว้ว่าไม่ใช่ฝีมือของเขา



    “ก็.. จะไปอยู่กับหลิง” หญิงสาวพยักเพยิดไปยังเพื่อนสาวที่ยืนส่งยิ้มให้เขาเป็นการทักทายอยู่ข้างๆอานนท์



    “ฮะ!? จะไป..” เมื่อได้ฟังคำตอบ ชายร่างสูงก็หายใจสะดุดติดขัดขึ้นมากระทันหัน อารมณ์ของเขาเหมือนจะพุ่งขึ้นมาโดยไม่มีเหตุผล “ไปทำไม”



    “เฮอะ ก็เมื่อเช้านายเพิ่งจะด่าฉันไปเองนี่ เจอฉัน นายก็เจ็บตัวซะทุกที ขืนฉันเข้าใกล้นายมากกว่านี้ อาจปลิดชีวิตนายได้โดยไม่รู้ตัว ไม่เอาล่ะ ฉันไม่อยากมีบาป”



    “เรื่องแค่เนี้ย? เธอจะไปโดยไม่บอกลาฉันเลยเหรอ คำขอบคุณสักคำก็บอกไม่ได้ใช่มั้ย เธอเป็นพวกไม่เคยสำนึกบุญคุณคนถึงขนาดนี้เลยรึไงฮะ สรินดา!!”



    “วะ ก็เก็บของอยู่เนี่ย จะให้ถอดร่างถอดวิญญาณไปบอกนายได้ไง” รินตอบไปแบบเสียงดังไม่แพ้กัน “เออๆ เอาเหอะ ถือว่าเราหมดเวรหมดกรรมต่อกันก็แล้วกัน”



    “ได้ยังไง ถ้าเธอไปแล้ว.. ลูกฉันล่ะ ใครจะดูแล”



    “ฮ้า~ ก็ให้พ่อมันดูสิ”



    “นี่เธอ ฉันมีงานมีการต้องทำนะ เธอนี่ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย”



    “เฮ้ มากล่าวหากันอย่างนี้ไม่ได้นะ”



    สองคู่กัดเถียงกันเสียงดัง ปล่อยให้อีกสองคนผู้เห็นเหตุการณ์ยืนวิพากย์วิจารณ์อยู่นอกสังเวียน





    “นี่ๆ ไอ้นนท์ เจ้านายแก มีลูกแล้วหรอ ดูยังหนุ่มอยู่เลย แล้วใครเป็นแม่เด็กล่ะเนี่ย” หลิงกระซิบถามญาติผู้น้อง “คงไม่ใช่ไอ้รินหรอกนะ”



    “เฮ้ย! เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ยเจ๊” นนท์ว่า



    “อ้าว.. ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ว้า~ ของอย่างนี้มันไม่แน่นอนนี่หว่า” ญาติผู้พี่พูดด้วยท่าทางมากประสบการณ์ แต่อานนท์รู้เอาเข้าจริงเจ๊ของเขาไม่เคยมีแฟนเป็นตัวตนสักคนหรอก



    อุเหม่.. โหดก็เท่านั้น ถึกก็ปานนี้ ใครจะกล้าแหยม



    “คุณเคนเขาหมายถึงหมา เห็นมั้ยข้างๆเขาน่ะ”



    “เย้ย! เจ้านายแกไปผสมพันธุ์กับหมาเรอะ” หลิงอุทานออกมาเสียงดัง หากคนที่กำลังถูกวิจารณ์กลับไม่ได้ยิน เพราะกำลังถกเถียงกันอย่างดุเดือด



    “โอ้โฮ เจ๊ สมองเจ๊นี่บรรเจิดมากเลย” อานนท์ประชด “ แบบว่ารายนี้เขารักหมาเหมือนลูกไง”



    คำตอบที่ทำให้หลิงพยักหน้าหงึกๆปนโล่งใจ  





    “แล้วเธอจะให้ฉันทำยังไง” รัฐภูมิถาม



    “โว้ย ไอ้นนท์ก็อยู่ ก็ให้มันเลี้ยงไปดิ๊” รินขึ้นเสียงหงุดหงิด โบ้ยภาระมาให้เพื่อนสนิท



    “นายนนท์เขามีภาระหน้าที่ที่หนักพอตัวอยู่แล้ว ไหนจะต้องไปเรียนอีก เธอยังจะโยนงานให้เขาอีก ไม่ไหวเลยจริงๆ”



    “แล้วฉันไม่ต้องไปเรียนรึยังไง”



    “เฮอะ! แล้วหนี้ที่เธอติดฉันอยู่เล่า ไหนจะค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่ารักษาพยาบาล ค่าเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ มันไม่ใช่น้อยๆเลยนะ ...คิดจะชักดาบกันรึไง”



    “ก็ใครใช้ให้นายลากฉันมาอยู่กับนายด้วยเล่า นายพาฉันมาเองนะ ฉันไม่เคยขอร้องสักคำ”



    เสียงห้าวๆ กับเสียงใสๆยังคงเถียงกันไปมาไม่หยุดหย่อน ลูกพี่ลูกน้องหนุ่มสาวดูเหมือนจะกลายเป็นบุคคลที่สามและสี่ ไปโดยปริยาย เพราะไม่มีจังหวะจะแทรกคำพูดลงไปได้เลย



    ส่วนสิ่งมีชีวิตที่เป็นส่วนเกินอีกหนึ่งชีวิตในห้องนั้น ดูเหมือนจะไม่รอคอย และไม่ทำตามมารยาทเสียเท่าไหร่ เพราะเจ้าสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ถูก ผู้เรียกตัวเองว่าพ่อ ลืมมันไปชั่วขณะ และเพื่อเป็นการเรียกร้องความสนใจ..



    “โฮ่ง!! โฮ่งๆ”



    “ว๊ากกก!!” สรินดาที่ยืนเถียงฉอดๆกับเจ้าของบ้าน สะดุ้งสุดตัวหลับตาปี๋ พลางยกมือไหว้ประหลกๆ “พระเจ้าช่วยไอ้รินด้วย หมา....”



    เป็นอันว่าศึกมวยต้องหยุดลงชั่วคราว เนื่องจากมีสิ่งมีชีวิตตัวที่ 3 กระโดดขึ้นมาร่วมวงบนเวทีด้วยกะทันหัน



    ไวรัสหมาขี้เล่นยิ่งเห็นรินร้อง ก็ยิ่งคิดว่าหญิงสาวอยากจะเล่นด้วย มันกระโจนขึ้นมา ยก 2 ขาหน้าตะกายตัวหญิงสาวอย่างประจบ หวังจะให้รินลูบหัว หากเธอกลับวิ่งหนีหมาเจ้ากรรมไปหลบหลังคนที่อยู่ใกล้ที่สุด



    “แว๊กก น้องหมา ใจเย็นๆ เคนนน! ช่วยด้วย ง้า~...ช่วยฉันด้วยเซ่”



    สาวหน้าหมวยจับตามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เงียบๆ ความรู้สึกของเธอเหมือนจะบอกว่าสรินดาเปลี่ยนไป โดยไม่รอช้า สาวเจ้าก็เริ่มหาสมัครพรรคพวกมาสนับสนุนความคิดทันที



    “ไอ้นนท์แกว่าไอ้รินมันแปลกๆไปมั้ย”



    “หืม.. ก็ไม่นี่”



    “เหรอ...แกไม่ได้สังเกตเหรอ ฉันว่าแกคงได้เพื่อนเขยเร็วๆนี้แหละ”



    “บ้าดิเจ๊! ไอ้รินมันไม่ทำอย่างนั้นหรอก” อานนท์บอก หากน้ำเสียงกลับไม่ค่อยแน่ใจสักเท่าไร



    “เฮอะ! ฉันว่าชัวร์ๆเลย แกไม่เชื่อเซนส์ฉันรึไง”



    “งั้นมาพนันกันมั้ยล่ะ” อานนท์พูดขึ้นมาฉุนๆ เหมือนอยากจะให้ญาติสาวล้มเลิกความคิดไร้สาระนี้ไปเพียงเท่านั้น หากหลิงกลับตอบตกลงออกมาง่ายๆจนอานนท์กลับเป็นฝ่ายอึ้งไปแทน



    “เอาสิ...แกจะเล่นเท่าไหร่ล่ะ” หลิงปรายตามองหน้านนท์ เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ จึงตกลงราคาเองคนเดียวเสร็จสรรพ



    “งั้น..ฉันเล่นแสนนึง”



        

    “โฮ่ง!!”



    เจ้าตัวแสบยังไม่ลดละความพยายามจะเล่นกับผู้ดูแลคนใหม่ของมัน ในขณะที่รินซึ่งพยายามจะหลบแล้วหลบอีกด้วยการเอาตัวเจ้านายของตนเป็นกำบังในทุกสารทิศที่เธอคิดว่าเจ้าไวรัสจะเข้ามา



    “เฮ้! สรินดา! ปล่อยฉันสักทีเซ่ มันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ปล่อยยย!!” เคนว่า แล้วสะบัดตัวหลุดออกจากการเกาะกุมของหญิงสาว พลางหันหลังกลับไปหาแล้วจับข้อมือเธอไว้เพื่อกันไม่ให้มาจับเขาอีก



    สรินดาพยายามจะวิ่งหนี เนื่องจากมหันตภัยอันร้ายกาจกำลังคืบคลานเข้ามา พร้อมแสยะยิ้มราวกับได้เจอเหยื่ออันโอชะในสายตาของเธอ หากมันเป็นเพียงแค่ภาพสุนัขกำลังอยากเล่นกับเจ้าของเท่านั้นในสายตาของเคน



    “ยัยบ๊องเอ้ย ก็เคยเจอกันมาแล้ว ยังจะกลัวไม่เลิกอีก”



    “อย่าเข้ามานะ เฮ้ยๆ ..เคน จับมันทีสิ นะนะนะ” สรินดามองเข้าไปภายในนัยน์ตาสีเข้มคู่นั้นพลางส่งกระแสจิตอ้อนวอนอย่างสุดซึ้ง “นะนะ เคน นะ จับมันที แล้วจะเอาอะไรฉันให้หมดเลย”



    ได้ยินดังนั้น ความตั้งใจที่จะแกล้งสรินดาด้วยเจ้าไวรัสก็ถูกแทนที่ด้วยแผนใหม่ สมองของเขากำลังคิดประมวลผล แล้วเอ่ยออกมาเพื่อย้ำให้แน่ใจอีกครั้ง “ทุกอย่าง.. จริงๆเหรอ”



    “เออสิ! เร็วๆ เร๊ววว มันใกล้เข้ามาอีกแล้วววว” รินว่าพลางหลับตาปี๋เกาะแขนเคนแล้วจับมันเขย่าพลางเต้นเร่าๆด้วยความหวาดกลัวระคนจะร้องไห้อยู่แล้ว



    “งั้นก็ได้” รอยยิ้มของเคนถูกกระตุกขึ้นที่มุมปาก นัยน์ตาเป็นประกายวาววับ

        



                                                                                                                                        ~**~..::-:-::-:-::-:-::..~**~





    “เฮ้ย! อะไร ฉันเคยพูดแบบนั้นไปตั้งแต่เมื่อไหร่ห๊ะ” เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้นไม่นานหลังจากเคนจับเจ้าไวรัสไปปล่อยไว้ที่สนามหน้าบ้านเรียบร้อย พร้อมด้วยนนท์ซึ่งออกไปทำงานในสวน และหลิงที่ตามนนท์ไปและอาสาคอยช่วยดูแลไวรัสให้ระหว่างที่นนท์ทำงาน ในขณะนี้จึงเหลือเพียงรินและเคนสองคน...



    “‘เคยพูดเมื่อไหร่’ งั้นเหรอ เธอนี่สมองปลาทองรึไง ถึงได้ความจำสั้นขนาดนี้น่ะ” เคนว่า



    “ก็ถ้าฉันจะเป็นปลาทอง แล้วนายจะทำไมเล่า!” รินโต้ “จะยังไงฉันก็ว่าฉันไม่เคยพูดโว๊ย”



    “อ๋อ นี่เธอจะเบี้ยวฉันใช่ไหม” เคนเปลี่ยนวิธีการพูด “เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอมันเป็นคนอย่างนี้นี่เอง”



    “คนอย่างฉันไม่เคยเบี้ยวใครเฟ้ย!”



    “อ่าฮ้า งั้นแสดงว่าเธอจำได้แล้วว่าเธอพูด”



    “เฮ้ย! ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันจะไปจำได้ไงคนกำลังสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัว จะไปรู้ได้ไงว่าพูดไปเพื่อให้นายจับไวรัสไปที่อื่...น...น่ะ” น้ำเสียงท้ายประโยคกลับเบาลงอย่างเพิ่งรู้สึกตัวว่าอะไรเพิ่งหลุดออกจากปากตนไปเมื่อครู่



    เอื๊อก....ซวยแล้วไง!



    “นั่นไง ยอมพูดออกมาแล้ว เธอคงไม่ปฏิเสธอีกหรอกนะว่ายังจำไม่ได้” เคนประกาศชัยชนะ



    “เอ้อ...ก...ก็...เออ! ก็ได้!! ฉันพูดว่าเอาอะไรจะให้ทุกอย่าง แล้วไงล่ะ! นายต้องการอะไร” รินว่า



    “หึหึ” เคนเพียงหัวเราะแล้วเหยียดยิ้มอย่างพึงใจก็ทำให้สรินดารู้สึกถึงลางไม่ดีของคำพูดที่จะตามมา



    “เอ่อ เคน ฉัน...ฉัน...ฉันปวดฉี่อ่ะ! ไว้ค่อยคุยกันทีหลังแล้วกันนะ!!” พูดจบหญิงสาวก็ทำท่าจะวิ่งปรู๊ดออกไปทันที หากอ้อมแขนอันแข็งแกร่งของคนข้างหลังได้ถูกยื่นออกมารัดร่างของเธอไว้ไม่ให้ออกไป



    “เฮ้ย ปล่อยนะ ไอ้บ้า ฉันหายใจไม่ออก” ร่างบางซึ่งดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนเขาในตอนนี้..ช่างดูน่าแกล้งเสียเหลือเกิน....



    “อย่าดิ้นสิ”



    “ปัดโธ่โว๊ย! จะเอาอะไรก็ว่ามา แล้วก็ปล่อยฉันซะที ปวดฉี่!” รินยังยืนยันว่าตัวเองต้องการจะไปห้องน้ำมากแค่ไหน หากมันทำให้เธอออกจากอ้อมอกอุ่นที่ทำให้เธอรู้สึกวูบในท้องอย่างประหลาดนี้ได้



    “ก็กำลังจะบอกอยู่นี่ไง ฟังให้ดีล่ะ” เคนโน้มหน้ามากระซิบที่ข้างหูจากข้างหลัง กลิ่นแชมพูของรินโชยเข้าระบบหายใจ สัมผัสถึงความหอม



    “เธอต้องอยู่ที่นี่ต่อไปจนกว่าฉันจะไล่เธอออก และเธอก็ต้องดูแลไวรัสต่อไปด้วย”



    ..อึ้ง..



    รินอึ้งไปนานทีเดียว เธอนึกว่าคำขอของเขาจะออกมาในรูปแบบที่รุนแรงและซาดิสม์สมใจคนข้างหลัง แต่ด้วยคำพูดนั้น มันทำให้เธออยากแกล้งแหย่เขา จึงเอ่ยออกไปว่า



    “ทำไมล่ะ โธ่เอ๊ย ทนคิดถึงฉันไม่ไหวก็บอกมาเหอะน่า นี่แอบปิ๊งฉันอยู่ใช่ม๊า แหมทำเป็นเก๊ก” แต่ผลที่ได้กลับเกินคาด..



    “หึ อย่าสำคัญตัวไปหน่อยเลย สรินดา ฉันเพียงแค่อยากให้เธออยู่.. ให้ฉันได้ทรมานเธอนานๆ จนกว่าฉันจะพอใจต่างหากล่ะ” เคนแสยะยิ้มแล้วกระซิบที่ข้างหูเธออีกครั้งก่อนที่จะคลายอ้อมแขนแล้วเดินจากไปด้วยสีหน้าแห่งความสะใจที่เคลือบอยู่บนใบหน้า ปล่อยให้เธอยืนนิ่ง คิ้วขมวดอยู่ตรงนั้น...





                                                                                                                                         ~**~..::-:-::-:-::-:-::..~**~



    To Be Con.. Chapter 7







    โฮกกก กว่าจาลงได้ แฮ่กก ขอโต๊ดที่ให้รอนานนะก๊ะ ((แต่ดูท่าคนอ่านจาไม่รอแล้วสิเนี่ย จรจากไปไหนกานหมดง้า ซิกๆ ))



    ไรท์เตอร์ส์ แซด~ TT^TT spirit gone~



    ((รู้สึกเงียบๆ เหงาๆ แฮะ =___=;)) เก๊าะเค้าคิดถึงผู้อ่านนี่นา >w<



    ใครผ่านมาอ่านก็ช่วยเมนต์กันบ้างนะคะ ^----------^
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×