ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ ๕
บทที่ 5
อาจเป็นเพราะสวรรค์สาปแช่ง หรือนรกอวยพรอะไรก็ตาม แต่ก็เป็นเหตุให้สรินดาต้องมาซุกหัวนอนอยู่ที่บ้าน ‘วชิรานินทร์\' จนได้ พอตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่เท่าไหร่ ท้องฟ้ายังคงอึมครึมขมุกขมัว ไม่กระจ่างใสอย่างช่วงสายๆ ซ้ำเข็มสั้นของนาฬิกาเพิ่งชี้มาที่เลข 6 เท่านั้น เสียงเคาะประตูห้องของหญิงสาวก็ดังขึ้นซะแล้ว
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
“อืม.. ขออีก 10 นาทีน่า” รินพูดเสียงงัวเงีย พลางยกผ้าห่มขึ้นมานอนคลุมโปง
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
“โอ๊ย..อย่าเพิ่งเรียกได้มั้ยไอ้นนท์ ขออีก 10 นาที” หญิงสาวตะโกนเสียงดังขึ้น ด้วยคิดว่าอาคันตุกะผู้มาเยือนยามเช้าตรู่ อาจไม่ได้ยิน
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
เขาผู้นั้นยังคงไม่ละความพยายาม กลับระรัวเคาะมากขึ้นกว่าเดิม สรินดาจึงถีบผ้าห่มทิ้ง เอามือยีหัวที่ยุ่งอยู่แล้ว ให้ดูยุ่งเข้าไปใหญ่อย่างคนขัดใจ
“โว้ยย! ก็บอกว่า 10 นาทีไงเล่า”
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก   
หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนก้าวเท้าพรวดๆไปถึงประตู
แม่เจ้าเอ๊ย! ขอด่าสักคำสองคำเหอะ
แต่พอประตูเปิดออกไปเท่านั้นล่ะ คำกล่าวของ ‘แขก’ ก็พ่นออกมาเป็นชุดทันที ราวกับตระเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“สรินดา นิภาวรรณ เธอเคยรู้จักเกรงอกเกรงใจบ้างมั้ย มาอยู่บ้านคนอื่น นอกจากไม่ช่วยทำงาน ยังจะนอนตื่นสายจนตะวันส่องก้นอีก” รินหันขวับไปดูนาฬิกาบนผนังห้อง ก่อนหันมาหาชายหนุ่มอีกที ด้วยสีหน้าเหรอหรา
“6 โมงเนี่ยนะ ตะวันส่องก้น!”
“ใช่.. คนบ้านนี้เขาตื่นกันตั้งแต่ตี 5” หญิงสาวตาโต ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของรัฐภูมิ จึงเดาได้แทบจะในทันทีว่า
นี่คือการกลั่นแกล้ง!! 
ฮึ่ย! นะโม พุทโธ เย็นไว้ไอ้รินเอ๋ยย เดี๋ยวแกจะไม่มีที่ซุกหัวนอน
“นายจะพูดแค่นี้ใช่ไหม” รินกัดฟันถาม และโดยไม่รอคำตอบจากเจ้าของบ้าน ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มก็ถูกกระแทกปิดดังปัง ร่างบางเอนตัวพิงประตู ปากอ้าเตรียมจะส่ง
เสียงสบถด่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง หากแต่แล้วเสียงเข้มๆก็ดังขัดขึ้นมาก่อน
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะสรินดา เธอมีสิทธิ์อะไรมาปิดประตูใส่หน้าฉันอย่างนี้”
“ก็แล้วจะเอาอะไรกับฉันอีกล่ะวะ” ประตูไม้เปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับเสียงสบถบ่นหงุดหงิด
“ทุกคนที่นี่น่ะนะ ไม่มีใครเขาอยู่กันเฉยๆหรอก”
“แล้วไง”
“โอเค.. เพราะฉันสงสารเธอหรอกนะ เห็นว่ายังไม่หายดี เลยเลือกงานเบาๆให้เธอทำ”
เฮ่อ ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณศิษย์ไวรัส ไข้หวัดใหญ่... งานเบาๆ โอ้ลั่นล๊า~
รัฐภูมิมองใบหน้าของลูกจ้างคนใหม่ชั่วครู่ แล้วหันไปเรียกเพื่อนตัวน้อยของเขา ด้วยน้ำเสียงรักใคร่
“ไวรัส...ไวรัสเอ๊ย! มาหาพ่อเร้ว”
(ต่อ)
..ไวรัส.. ฮ่ะ พ่อบ้านไหนตั้งชื่อลูกว่า ไวรัส เหอะๆ เฮ้ ไหนว่านายนี่อยู่ตัวคนเดียวไง..
แล้วเธอก็ประจักษ์...ไวรัส สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ขนสีครีมอ่อนจนเกือบขาว แลดูสะอาดตา หุ่นอ้วนท้วม ย่างเท้าตรงมาทางเธออย่างช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสจ้องเธอไม่วางตา สำหรับคนอื่นอาจเห็นมันเป็นเพียงหมา.. แต่สำหรับเธอแล้วมันเปรียบประหนึ่ง ราชสีห์!
“โอ..ไม่นะ” สรินดาอ้าปากค้าง หลุดอุทานเบาๆ ก่อนคืบคลานขึ้นไปยืนจังก้าบนเตียง
“นี่เจ้าไวรัส รู้จักเอาไว้ซะนะ เพราะเธอต้องดูแลมัน”
“ห๊ะ!?” รินถามย้ำ ในใจยังพอจะมีความหวังริบหรี่ ว่าตนอาจได้ยินผิด
“แล้วขึ้นไปทำอะไรบนนั้น ยืนค้ำหัวเจ้านายได้ยังไง” แล้วผู้ถือไพ่เหนือกว่าก็หรี่ตาถามอย่างมีเล่ห์ “เธอคงไม่ได้กลัวหมาหรอกนะ”
“ฮะ ยะ.. อย่างฉันเนี่ยนะกลัวหมา” คนปากแข็งตอบเสียงสั่น
“ถ้าไม่กลัวก็ลงมาสิ ไปไวรัส ไปทำความรู้จักพี่เขาซะ” เคนพูดพลางเอามือตบหัวเจ้าหมาตัวน้อย สุนัขพันธุ์โกลเด้นก้มหัวลงเล็กน้อย คล้ายกับจะพยักหน้ารับรู้ แล้วเหยียดแข้งเหยียดขา อ้าปากหาวอวดเขี้ยวอันแหลมคมให้เธอเห็นก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปทักทายเพื่อนใหม่ แต่..
“เฮ้ย! ไม่..ไม่ นาย.. เอามันออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!! ว้ากก~” สรินดาร้องโวยวายก้าวถอยหลังจนติดกำแพง “อย่านะ อย่าเข้ามานะ!!”
และเมื่อมันกระโดดขึ้นมาบนเตียงใกล้เข้ามาจวนตัว เธอก็เผ่นแผล็วข้ามห้องไปอีกฟาก เจ้าหมาได้ทีเห่าเสียงดังจนร่างบางสะดุ้งสุดตัว น้ำตาแทบเล็ด
“โว้ยย จะตามมาทำไมเล่า ฉันไม่มีอะไรจะให้แก ไปชิ่วๆ อ้ากก ...ไอ้นนท์ฉันจะฆ่าแก๊ ทำไมไม่บอกกันก่อนว่าบ้านนี้มีหมา ไอ้นนท์!!!” รินสบถลั่น อย่างนึกประณามบุคคลที่ 3 ที่ไม่ได้อยู่ในห้องนั้นด้วย
รัฐภูมิอมยิ้มกลั้นหัวเราะ สงสัยเขาคงจะต้องกลับไปให้รางวัลอานนท์กระมัง ที่ทำให้เขาได้ข้อมูลดีๆอย่างนี้  และเมื่อนึกไปถึงคำกล่าวของลูกน้องหนุ่ม ก็แทบจะปล่อยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว
“ไอ้รินมันกลัวหมาฮะ.. ตัวใหญ่ ตัวเล็ก ขนสั้น ขนยาวมันกลัวหมดล่ะ เมื่อก่อนตอน 5 ขวบได้มั้ง มันมาเที่ยวบ้านผม แล้วแถวๆบ้านผม มีคนเลี้ยงหมาเอาไว้ ไอ้รินมันไม่เคยเห็น อยากจะเข้าไปเล่นด้วย พอดีวันนั้นเจ้าของเขาไม่อยู่ มันเลยไปนั่งจ้อง จ้องเอาๆ แล้วก็เอานิ้วไปแหย่รูจมูกหมา ไอ้ตัวนั้นก็ร็อคไวเรอเสียด้วยสิ ...หลังจากนั้นก็....อย่าให้พูดถึงสภาพมันเลยฮะ สุดจะบรรยาย”
เจ้าไวรัสยังคงเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาหาเธอ ปากแสยะกว้างคล้ายจะส่งรอยยิ้มให้ หากสรินดากลับตัวสั่นพั่บๆ แทบจะร้องจ๊าก ออกมา
เจ้าหมาขี้เล่น เห็นคนกลัวก็นึกสนุก อยากเล่นด้วย
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
“ว้าก... เคน มันแยกเขี้ยวขู่ฉันอ่ะ ช่วยด้วยเซ่”
“แยกเขี้ยว? เจ้าไวรัสมันเป็นมิตรจะตาย มันยิ้มให้เธอต่างหาก เบิ่งตาดูให้มันดีๆ”
สรินดาหาได้ฟังคำกล่าวของชายหนุ่มไม่ เธอยังคงหนีวิ่งวนอยู่ในห้องเล็กๆนี้ไปเรื่อย พร้อมกับเสียงกรีดร้อง
“เธอทำตัวเหมือนกับกลัวหมางั้นแหละ” รัฐภูมิยืนกอดอกพิงประตูมองท่าทางของหญิงสาว.. ช่างน่าขำนัก ฮ่าๆ
“ฉะ..ฉันแค่ไม่ชอบหมานี่ ว้าก”
“แล้วเธอจะหนีไปถึงเมื่อไหร่กัน”
“ไม่รู้ เฮ้ย! อย่านะ อ้ากก.. นี่นายจะยืนดูอยู่เฉยๆรึไง”
“โฮ่ง!!”
“เฮ่ย ถึกซะเปล่ากลัวหมา” ชายหนุ่มเยาะเย้ยอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินไปถึงตัวของเธอ “ยืนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ”
“เง่อ ไม่เอาอ้ะ ไม่นะ ม่ายย~” รินผงะ มาดที่ดูห้าวๆอย่างหญิงถึก สาวแกร่ง สลายไปในพริบตา แม่เสือดุ สุดท้ายก็กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ เพียงแค่เพราะหมาอ้วนตัวหนึ่งเท่านั้น
ช่างอนาถดีแท้
“มันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า อยู่นิ่งๆ” เขาจับข้อมือเธอเอาไว้ “มานี่มา ไวรัส”
เจ้าหมารักสนุกวิ่งรี่เข้ามาใกล้มือที่แข็งเกร็งของหญิงสาว เธออยากจะชักมือออกเต็มทน ถ้ามือที่ใหญ่กว่าไม่ยื้อยึดไว้
“จะ..จะทำอะไรอ่ะ ปล่อยเหอะนะ นะ” สรินดาอ้อนวอน
“มันแค่จะทำความรู้จักกับเธอ ให้มันดมซะก็หมดเรื่องหมดราว”
“ง่ะ ไม่กัดแน่นะ”
“แน่”
ทว่าเธอไม่แน่ไปกับเขาด้วย จึงชักมือกลับทันที ...มีหรือรัฐภูมิจะยอม
“โอ้ยย ไม่เอาอ้ะ นายก็ให้ไอ้นนท์ดูแลมันไปดิ๊ ให้ฉันทำอย่างอื่น อะไรก็ได้ นะนะ” สาวน้อยส่งสายตาอ้อนวอน หากสายตาดุแกมบังคับส่งมาแทนคำตอบ
“ได้ยังไง นายนนท์ก็มีหน้าที่ของเขา เขาต้องทำสวน ตากแดด ตากฝน เธอยังไม่หายไข้ดี ดูแลเจ้าไวรัสนี่แหละดีแล้ว”
“โฮ่ย ไข้เข้ยอาไร้ ฉันหายแล้วตากแดดตากฝนอะไรฉันก็ยอม นะนะ ไม่เลี้ยงหมา”
“ยัยเบ๊อะ งานสบายๆไม่เอา ชอบลำบากมากนักหรือไง” ดวงตาสองคู่จ้องกันเขม็ง
“เออ!”
แล้วใบหน้าดุๆของเจ้านายก็คลี่ยิ้มหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับความรู้สึกเปียกๆชื้นๆบนมือของหญิงสาวที่ปากอ้าค้าง จู๋ๆขนก็ลุกไปทั้งตัว จะร้องก็ไม่ออก จะดึงมือกลับก็ไม่ได้เพราะมือใหญ่ยังจับไว้แน่น จมูกดำๆ ชื้นๆ ยื่นเข้ามาใกล้สูดดมกลิ่นกายของหญิงสาว ก่อนจะใช้ลิ้นเปียกๆเลียมือเธอ
“อ้ากก..” ร้องออกมาได้แค่นั้นก็ต้องเงียบเพราะสายตาของเจ้านายจ้องเขม็ง
เงี๊ยว~ เนื้อฉันไม่อร่อยหรอก อย่ามากินฉันเลย โอ้ว พระเจ้า ช่วยลูกด้วย โฮ~
“พอแล้ว!”
“ยัง”
“อะไรอีกล่ะ”
“ลูบหัวมันก่อน มันชอบให้ลูบ แล้วก็เกาท้องให้มัน”
“เฮอะ หมาอะไรสบายกว่าคน สบายเกินไปแล้วนะ” สรินดา นิภาวรรณทำใจกล้า เขยิบเข้าไปทีละนิด สะบัดมือใหญ่ของเจ้านายออก แล้วเอื้อมออกไปแตะหัวเจ้าหมาน้อยเบาๆ แต่แล้วก็ต้องชะงัก อุทานลั่นเมื่อไวรัสกระโดดยก 2 ขาหน้าตะกายตัวเธอจนเซล้มลงกับพื้น
“อ๊ากกก!! มันจะขย้ำฉันแล้ว โฮ~ ออกไปน๊า ไปสิวะ ออกไปเซ่ ไอ้หมาบ้าเอ๊ย!!” ร่างบางพยายามดันเจ้าวายร้ายให้ห่างออกจากตัว แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล เมื่อลิ้นเปียกๆลิ้มชิมรสผิวหน้าของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย
เสียงหัวเราะห้าวๆของรัฐภูมิ ดังสลับกับเสียงสบถร้องลั่นใสๆของหญิงสาว
โฮ่ย!! แค้น คอยดูนะอีตาบ้า จะไปตอกตุ๊กตาวูดูสาปแช่งไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลย ฮึ่ย!!... คนอย่างไอ้รินน่ะ ทำมา 1 เอาคืน 2 นะ รู้ไว้ซะด้วย
แค้นว๊อยยย!!
“ดีมาก ไวรัสลูกพ่อ ต่อไปนี้ต้องเชื่อฟังพี่เขานะ เป็นเด็กดีเข้าใจมั้ย” รัฐภูมิกล่าวแล้วตบหัวมันไปพลางๆ
“โฮ่ง!”    
เหวอ~
สรินดาสะดุ้งเพราะเสียงเห่า นัยน์ตาสีน้ำตาลหันไปจ้องมองเจ้าของที่ซุกหัวนอนสับปะรังเคด้วยสายตาอาฆาตแค้น
To be continue
แฮ่... มาต่อให้จนจบแล้วนะคะ
ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจให้ > <
แล้วก็มาตอบให้ ไวรัสเปงหมาค่ะ แต่จะคิดว่าเปงไวรัสไข้หวัดใหญ่ก้ะด้ายนะ คิดได้ 2 ทาง
ทิ้งท้ายเหมือนเดิม อ่านแล้วขอโพสด้วยนะค๊า
รักคนอ่านมั่กๆ
อาจเป็นเพราะสวรรค์สาปแช่ง หรือนรกอวยพรอะไรก็ตาม แต่ก็เป็นเหตุให้สรินดาต้องมาซุกหัวนอนอยู่ที่บ้าน ‘วชิรานินทร์\' จนได้ พอตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าได้ไม่เท่าไหร่ ท้องฟ้ายังคงอึมครึมขมุกขมัว ไม่กระจ่างใสอย่างช่วงสายๆ ซ้ำเข็มสั้นของนาฬิกาเพิ่งชี้มาที่เลข 6 เท่านั้น เสียงเคาะประตูห้องของหญิงสาวก็ดังขึ้นซะแล้ว
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
“อืม.. ขออีก 10 นาทีน่า” รินพูดเสียงงัวเงีย พลางยกผ้าห่มขึ้นมานอนคลุมโปง
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
“โอ๊ย..อย่าเพิ่งเรียกได้มั้ยไอ้นนท์ ขออีก 10 นาที” หญิงสาวตะโกนเสียงดังขึ้น ด้วยคิดว่าอาคันตุกะผู้มาเยือนยามเช้าตรู่ อาจไม่ได้ยิน
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก
เขาผู้นั้นยังคงไม่ละความพยายาม กลับระรัวเคาะมากขึ้นกว่าเดิม สรินดาจึงถีบผ้าห่มทิ้ง เอามือยีหัวที่ยุ่งอยู่แล้ว ให้ดูยุ่งเข้าไปใหญ่อย่างคนขัดใจ
“โว้ยย! ก็บอกว่า 10 นาทีไงเล่า”
ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก   
หญิงสาวระบายลมหายใจออกมาหนักๆ ก่อนก้าวเท้าพรวดๆไปถึงประตู
แม่เจ้าเอ๊ย! ขอด่าสักคำสองคำเหอะ
แต่พอประตูเปิดออกไปเท่านั้นล่ะ คำกล่าวของ ‘แขก’ ก็พ่นออกมาเป็นชุดทันที ราวกับตระเตรียมเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว
“สรินดา นิภาวรรณ เธอเคยรู้จักเกรงอกเกรงใจบ้างมั้ย มาอยู่บ้านคนอื่น นอกจากไม่ช่วยทำงาน ยังจะนอนตื่นสายจนตะวันส่องก้นอีก” รินหันขวับไปดูนาฬิกาบนผนังห้อง ก่อนหันมาหาชายหนุ่มอีกที ด้วยสีหน้าเหรอหรา
“6 โมงเนี่ยนะ ตะวันส่องก้น!”
“ใช่.. คนบ้านนี้เขาตื่นกันตั้งแต่ตี 5” หญิงสาวตาโต ก่อนที่จะเห็นรอยยิ้มที่มุมปากของรัฐภูมิ จึงเดาได้แทบจะในทันทีว่า
นี่คือการกลั่นแกล้ง!! 
ฮึ่ย! นะโม พุทโธ เย็นไว้ไอ้รินเอ๋ยย เดี๋ยวแกจะไม่มีที่ซุกหัวนอน
“นายจะพูดแค่นี้ใช่ไหม” รินกัดฟันถาม และโดยไม่รอคำตอบจากเจ้าของบ้าน ประตูไม้สีน้ำตาลเข้มก็ถูกกระแทกปิดดังปัง ร่างบางเอนตัวพิงประตู ปากอ้าเตรียมจะส่ง
เสียงสบถด่าคนที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง หากแต่แล้วเสียงเข้มๆก็ดังขัดขึ้นมาก่อน
“เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะสรินดา เธอมีสิทธิ์อะไรมาปิดประตูใส่หน้าฉันอย่างนี้”
“ก็แล้วจะเอาอะไรกับฉันอีกล่ะวะ” ประตูไม้เปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับเสียงสบถบ่นหงุดหงิด
“ทุกคนที่นี่น่ะนะ ไม่มีใครเขาอยู่กันเฉยๆหรอก”
“แล้วไง”
“โอเค.. เพราะฉันสงสารเธอหรอกนะ เห็นว่ายังไม่หายดี เลยเลือกงานเบาๆให้เธอทำ”
เฮ่อ ขอบคุณสวรรค์ ขอบคุณศิษย์ไวรัส ไข้หวัดใหญ่... งานเบาๆ โอ้ลั่นล๊า~
รัฐภูมิมองใบหน้าของลูกจ้างคนใหม่ชั่วครู่ แล้วหันไปเรียกเพื่อนตัวน้อยของเขา ด้วยน้ำเสียงรักใคร่
“ไวรัส...ไวรัสเอ๊ย! มาหาพ่อเร้ว”
(ต่อ)
..ไวรัส.. ฮ่ะ พ่อบ้านไหนตั้งชื่อลูกว่า ไวรัส เหอะๆ เฮ้ ไหนว่านายนี่อยู่ตัวคนเดียวไง..
แล้วเธอก็ประจักษ์...ไวรัส สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ขนสีครีมอ่อนจนเกือบขาว แลดูสะอาดตา หุ่นอ้วนท้วม ย่างเท้าตรงมาทางเธออย่างช้าๆ นัยน์ตาสีน้ำตาลใสจ้องเธอไม่วางตา สำหรับคนอื่นอาจเห็นมันเป็นเพียงหมา.. แต่สำหรับเธอแล้วมันเปรียบประหนึ่ง ราชสีห์!
“โอ..ไม่นะ” สรินดาอ้าปากค้าง หลุดอุทานเบาๆ ก่อนคืบคลานขึ้นไปยืนจังก้าบนเตียง
“นี่เจ้าไวรัส รู้จักเอาไว้ซะนะ เพราะเธอต้องดูแลมัน”
“ห๊ะ!?” รินถามย้ำ ในใจยังพอจะมีความหวังริบหรี่ ว่าตนอาจได้ยินผิด
“แล้วขึ้นไปทำอะไรบนนั้น ยืนค้ำหัวเจ้านายได้ยังไง” แล้วผู้ถือไพ่เหนือกว่าก็หรี่ตาถามอย่างมีเล่ห์ “เธอคงไม่ได้กลัวหมาหรอกนะ”
“ฮะ ยะ.. อย่างฉันเนี่ยนะกลัวหมา” คนปากแข็งตอบเสียงสั่น
“ถ้าไม่กลัวก็ลงมาสิ ไปไวรัส ไปทำความรู้จักพี่เขาซะ” เคนพูดพลางเอามือตบหัวเจ้าหมาตัวน้อย สุนัขพันธุ์โกลเด้นก้มหัวลงเล็กน้อย คล้ายกับจะพยักหน้ารับรู้ แล้วเหยียดแข้งเหยียดขา อ้าปากหาวอวดเขี้ยวอันแหลมคมให้เธอเห็นก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปทักทายเพื่อนใหม่ แต่..
“เฮ้ย! ไม่..ไม่ นาย.. เอามันออกไป ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!! ว้ากก~” สรินดาร้องโวยวายก้าวถอยหลังจนติดกำแพง “อย่านะ อย่าเข้ามานะ!!”
และเมื่อมันกระโดดขึ้นมาบนเตียงใกล้เข้ามาจวนตัว เธอก็เผ่นแผล็วข้ามห้องไปอีกฟาก เจ้าหมาได้ทีเห่าเสียงดังจนร่างบางสะดุ้งสุดตัว น้ำตาแทบเล็ด
“โว้ยย จะตามมาทำไมเล่า ฉันไม่มีอะไรจะให้แก ไปชิ่วๆ อ้ากก ...ไอ้นนท์ฉันจะฆ่าแก๊ ทำไมไม่บอกกันก่อนว่าบ้านนี้มีหมา ไอ้นนท์!!!” รินสบถลั่น อย่างนึกประณามบุคคลที่ 3 ที่ไม่ได้อยู่ในห้องนั้นด้วย
รัฐภูมิอมยิ้มกลั้นหัวเราะ สงสัยเขาคงจะต้องกลับไปให้รางวัลอานนท์กระมัง ที่ทำให้เขาได้ข้อมูลดีๆอย่างนี้  และเมื่อนึกไปถึงคำกล่าวของลูกน้องหนุ่ม ก็แทบจะปล่อยหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ไหว
“ไอ้รินมันกลัวหมาฮะ.. ตัวใหญ่ ตัวเล็ก ขนสั้น ขนยาวมันกลัวหมดล่ะ เมื่อก่อนตอน 5 ขวบได้มั้ง มันมาเที่ยวบ้านผม แล้วแถวๆบ้านผม มีคนเลี้ยงหมาเอาไว้ ไอ้รินมันไม่เคยเห็น อยากจะเข้าไปเล่นด้วย พอดีวันนั้นเจ้าของเขาไม่อยู่ มันเลยไปนั่งจ้อง จ้องเอาๆ แล้วก็เอานิ้วไปแหย่รูจมูกหมา ไอ้ตัวนั้นก็ร็อคไวเรอเสียด้วยสิ ...หลังจากนั้นก็....อย่าให้พูดถึงสภาพมันเลยฮะ สุดจะบรรยาย”
เจ้าไวรัสยังคงเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาหาเธอ ปากแสยะกว้างคล้ายจะส่งรอยยิ้มให้ หากสรินดากลับตัวสั่นพั่บๆ แทบจะร้องจ๊าก ออกมา
เจ้าหมาขี้เล่น เห็นคนกลัวก็นึกสนุก อยากเล่นด้วย
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
“ว้าก... เคน มันแยกเขี้ยวขู่ฉันอ่ะ ช่วยด้วยเซ่”
“แยกเขี้ยว? เจ้าไวรัสมันเป็นมิตรจะตาย มันยิ้มให้เธอต่างหาก เบิ่งตาดูให้มันดีๆ”
สรินดาหาได้ฟังคำกล่าวของชายหนุ่มไม่ เธอยังคงหนีวิ่งวนอยู่ในห้องเล็กๆนี้ไปเรื่อย พร้อมกับเสียงกรีดร้อง
“เธอทำตัวเหมือนกับกลัวหมางั้นแหละ” รัฐภูมิยืนกอดอกพิงประตูมองท่าทางของหญิงสาว.. ช่างน่าขำนัก ฮ่าๆ
“ฉะ..ฉันแค่ไม่ชอบหมานี่ ว้าก”
“แล้วเธอจะหนีไปถึงเมื่อไหร่กัน”
“ไม่รู้ เฮ้ย! อย่านะ อ้ากก.. นี่นายจะยืนดูอยู่เฉยๆรึไง”
“โฮ่ง!!”
“เฮ่ย ถึกซะเปล่ากลัวหมา” ชายหนุ่มเยาะเย้ยอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินไปถึงตัวของเธอ “ยืนอยู่เฉยๆ นิ่งๆ”
“เง่อ ไม่เอาอ้ะ ไม่นะ ม่ายย~” รินผงะ มาดที่ดูห้าวๆอย่างหญิงถึก สาวแกร่ง สลายไปในพริบตา แม่เสือดุ สุดท้ายก็กลายเป็นลูกแมวเชื่องๆ เพียงแค่เพราะหมาอ้วนตัวหนึ่งเท่านั้น
ช่างอนาถดีแท้
“มันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า อยู่นิ่งๆ” เขาจับข้อมือเธอเอาไว้ “มานี่มา ไวรัส”
เจ้าหมารักสนุกวิ่งรี่เข้ามาใกล้มือที่แข็งเกร็งของหญิงสาว เธออยากจะชักมือออกเต็มทน ถ้ามือที่ใหญ่กว่าไม่ยื้อยึดไว้
“จะ..จะทำอะไรอ่ะ ปล่อยเหอะนะ นะ” สรินดาอ้อนวอน
“มันแค่จะทำความรู้จักกับเธอ ให้มันดมซะก็หมดเรื่องหมดราว”
“ง่ะ ไม่กัดแน่นะ”
“แน่”
ทว่าเธอไม่แน่ไปกับเขาด้วย จึงชักมือกลับทันที ...มีหรือรัฐภูมิจะยอม
“โอ้ยย ไม่เอาอ้ะ นายก็ให้ไอ้นนท์ดูแลมันไปดิ๊ ให้ฉันทำอย่างอื่น อะไรก็ได้ นะนะ” สาวน้อยส่งสายตาอ้อนวอน หากสายตาดุแกมบังคับส่งมาแทนคำตอบ
“ได้ยังไง นายนนท์ก็มีหน้าที่ของเขา เขาต้องทำสวน ตากแดด ตากฝน เธอยังไม่หายไข้ดี ดูแลเจ้าไวรัสนี่แหละดีแล้ว”
“โฮ่ย ไข้เข้ยอาไร้ ฉันหายแล้วตากแดดตากฝนอะไรฉันก็ยอม นะนะ ไม่เลี้ยงหมา”
“ยัยเบ๊อะ งานสบายๆไม่เอา ชอบลำบากมากนักหรือไง” ดวงตาสองคู่จ้องกันเขม็ง
“เออ!”
แล้วใบหน้าดุๆของเจ้านายก็คลี่ยิ้มหัวเราะเสียงดัง พร้อมกับความรู้สึกเปียกๆชื้นๆบนมือของหญิงสาวที่ปากอ้าค้าง จู๋ๆขนก็ลุกไปทั้งตัว จะร้องก็ไม่ออก จะดึงมือกลับก็ไม่ได้เพราะมือใหญ่ยังจับไว้แน่น จมูกดำๆ ชื้นๆ ยื่นเข้ามาใกล้สูดดมกลิ่นกายของหญิงสาว ก่อนจะใช้ลิ้นเปียกๆเลียมือเธอ
“อ้ากก..” ร้องออกมาได้แค่นั้นก็ต้องเงียบเพราะสายตาของเจ้านายจ้องเขม็ง
เงี๊ยว~ เนื้อฉันไม่อร่อยหรอก อย่ามากินฉันเลย โอ้ว พระเจ้า ช่วยลูกด้วย โฮ~
“พอแล้ว!”
“ยัง”
“อะไรอีกล่ะ”
“ลูบหัวมันก่อน มันชอบให้ลูบ แล้วก็เกาท้องให้มัน”
“เฮอะ หมาอะไรสบายกว่าคน สบายเกินไปแล้วนะ” สรินดา นิภาวรรณทำใจกล้า เขยิบเข้าไปทีละนิด สะบัดมือใหญ่ของเจ้านายออก แล้วเอื้อมออกไปแตะหัวเจ้าหมาน้อยเบาๆ แต่แล้วก็ต้องชะงัก อุทานลั่นเมื่อไวรัสกระโดดยก 2 ขาหน้าตะกายตัวเธอจนเซล้มลงกับพื้น
“อ๊ากกก!! มันจะขย้ำฉันแล้ว โฮ~ ออกไปน๊า ไปสิวะ ออกไปเซ่ ไอ้หมาบ้าเอ๊ย!!” ร่างบางพยายามดันเจ้าวายร้ายให้ห่างออกจากตัว แต่ก็ดูจะไม่เป็นผล เมื่อลิ้นเปียกๆลิ้มชิมรสผิวหน้าของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย
เสียงหัวเราะห้าวๆของรัฐภูมิ ดังสลับกับเสียงสบถร้องลั่นใสๆของหญิงสาว
โฮ่ย!! แค้น คอยดูนะอีตาบ้า จะไปตอกตุ๊กตาวูดูสาปแช่งไม่ให้ได้ผุดได้เกิดเลย ฮึ่ย!!... คนอย่างไอ้รินน่ะ ทำมา 1 เอาคืน 2 นะ รู้ไว้ซะด้วย
แค้นว๊อยยย!!
“ดีมาก ไวรัสลูกพ่อ ต่อไปนี้ต้องเชื่อฟังพี่เขานะ เป็นเด็กดีเข้าใจมั้ย” รัฐภูมิกล่าวแล้วตบหัวมันไปพลางๆ
“โฮ่ง!”    
เหวอ~
สรินดาสะดุ้งเพราะเสียงเห่า นัยน์ตาสีน้ำตาลหันไปจ้องมองเจ้าของที่ซุกหัวนอนสับปะรังเคด้วยสายตาอาฆาตแค้น
To be continue
แฮ่... มาต่อให้จนจบแล้วนะคะ
ขอบคุณจริงๆสำหรับทุกคอมเมนต์ที่เป็นกำลังใจให้ > <
แล้วก็มาตอบให้ ไวรัสเปงหมาค่ะ แต่จะคิดว่าเปงไวรัสไข้หวัดใหญ่ก้ะด้ายนะ คิดได้ 2 ทาง
ทิ้งท้ายเหมือนเดิม อ่านแล้วขอโพสด้วยนะค๊า
รักคนอ่านมั่กๆ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น